[บันทึกการเดินทาง] พ่อคะ แม่คะ หนูไม่ได้หนีตามผู้ชาย...แค่ไปเป็น 'ความรับผิดชอบสูงสุด' ของอะพอลโลที่ยุโรปค่ะ!

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-10-30 05:09:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-10-30 05:34

BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 19 : ซิกแพค 8 ลูก
วันที่ 27 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเช้า เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป เมืองเดลฟี จนถึง ภูเขาไฟลูทรากิ คลองโครินท์ กรีซ ยุโรป

แสงอรุณแรกของวันใหม่ลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เก่ามาสะท้อนบนใบหน้าโมนีก้า เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมเสียงนกร้องเบา ๆ จากริมแม่น้ำ หญิงสาวขยับกาย ลุกขึ้นจากที่นอนแล้วหันไปมองทางเตียงไม้ข้าง ๆ ร่างสูงโปร่งของเลสเตอร์ยังคงนอนสงบ ดวงหน้าที่ดูราวกับรูปสลักนั้นยังนิ่งสนิทเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมา เธอถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนยิ้มอ่อนแล้วพูดกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ นายจะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไงเลสเตอร์...”


หลังจากอาบน้ำชำระกายที่ลำธารด้านนอกจนเรียบร้อย โมนีก้ากลับเข้ามาในกระท่อม กลิ่นไลแลคอ่อน ๆ จากผิวเธอลอยฟุ้งไปทั่ว เธอหยิบผ้าขนหนูสะอาดกับชามน้ำอุ่นขึ้นมาวางข้างเตียง ก่อนจะค่อย ๆ ปลดเสื้อเชิ้ตหลวมที่สวมให้เลสเตอร์ไว้ตั้งแต่วันแรกออกทีละกระดุม เส้นผมหยิกของเขาปรกหน้าผากเล็กน้อย เธอเอื้อมมือไปปัดออกอย่างระมัดระวัง แล้วเริ่มใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแผ่นอกเขาอย่างเบามือ


ระหว่างที่เช็ดร่างให้เขา เธอกลับรู้สึกแปลก ๆ ในอก ความรู้สึกอุ่นวาบแผ่ขึ้นมาโดยไม่รู้เหตุผล ดวงตาเธอเหลือบมองกล้ามเนื้อที่ขยับเบา ๆ ตามจังหวะลมหายใจของเขา ตอนนี้ร่างของเลสเตอร์เติบโตขึ้นต่างจากตอนที่โดนส่งมาที่โลกมนุษย์เมื่อปี 2016 มาก ร่างของเลสเตอร์ในตอนนี้เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ใต้ร่างกายของเขา เขาจะไม่ยอมให้สิวและห่วงยางมาปกปิดซิกแพค 8 ลูก ที่เขาเคยมีเด็ดขาด โมนีก้านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเลสเตอร์ต้องฟิตหุ่นขนาดไหนให้เธอมาเช็ดตัว โมนีก้าที่ดูแลเลสเตอร์ระหว่างนั้นก็หน้าเบา ๆ ไล่ความคิดบางอย่างออก พลางพึมพำ “บ้าจริง... ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย”


แต่สิ่งที่โมนีก้าไม่รู้เลยคือ เทพเจ้าแห่งแสงในร่างมนุษย์ที่เธอเช็ดตัวให้นั้น ตื่นขึ้นตั้งแต่เธอเริ่มแตะผ้าแล้ว เพียงแต่เขาเลือกจะนอนนิ่งต่อด้วยเหตุผลอันมีศิลปะตามนิสัยของเขา ช่างเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมสำหรับการปล่อยให้หญิงสาวงดงามผู้หนึ่งได้ชื่นชมความงามอันเป็นนิรันดร์ของเทพอพอลโล่ (เขาคิดในใจอย่างภูมิใจสุดขีด) ลมหายใจเลสเตอร์เป็นจังหวะช้า เขาปล่อยให้เธอทำต่อโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย ใบหน้า (ที่เขาคิดว่า) หล่อเหลาที่ดูอ่อนโยนในยามหลับนั้น ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้ใต้เปลือกตา จนกระทั่งผ้าขนหนูเย็นเฉียบสัมผัสแก้มเขา เธอกำลังจะยกขึ้นเช็ดใบหน้า เขาเลยแกล้งพึมพำเสียงละเมอแผ่ว ๆ


“...อย่าเช็ดแรงสิ มันเย็นนะ คุณกำลังลูบพระอาทิตย์อยู่หรือเปล่า...”

โมนีก้าชะงักแทบจะปล่อยผ้าหล่นตอนได้ยินเสียงละเมอนั้น เธอกะพริบตาถี่แล้วโน้มตัวลงดูใกล้ ๆ ว่าเขาละเมอจริงหรือเปล่า แต่ก่อนที่เธอจะทันขยับต่อ ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นกลับลืมขึ้นช้า ๆ แววตาเป็นประกายสีน้ำทะเลเจือรอยยิ้มที่เจ้าตัวคิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดในจักรวาล


“อรุณสวัสดิ์ครับ พยาบาลส่วนตัวของผม...” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับข้อมือเธอไว้แน่น “คุณรู้ไหมว่า ถ้าเทพแห่งดนตรีตื่นขึ้นมาแล้วพบหญิงงามกำลังดูแลอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ มันจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาแต่งเพลงได้เป็นสิบบทเลยนะ”


“เลสเตอร์!” โมนีก้าอุทานเสียงดัง รู้สึกเหมือนเลือดขึ้นหน้าในเสี้ยววินาที “นายตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ!?”


“อืม... ประมาณตอนที่คุณเริ่มปลดกระดุมเม็ดแรกละมั้ง” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มยียวนในแบบที่เจ้าตัวคิดว่าอบอุ่นแต่มีชั้นเชิง “ผมไม่อยากขัดจังหวะเลยจริง ๆ มันเป็นศิลปะของการดูแลที่สมบูรณ์แบบ”


“ศิลปะบ้านนายสิ!” โมนีก้าร้อนวูบไปทั้งหน้า เธอสะบัดมือหลุดแล้วคว้าหมอนใกล้ตัวฟาดหน้าเขาเต็มแรง “บ้าเอ๊ย! ทำไมไม่บอกก่อนว่าตื่นแล้ว!?” โมนีก้าเอ่ยแบบนั้นแล้วเธอก็เอาหมอนนุ่ม ๆ ฟาดเลสเตอร์ไม่ยั่ง “โอ๊ย! ผมเพิ่งจะหายป่วยนะ โจมตีเทพเจ้าด้วยหมอนมันเป็นบาปนะครับ!” เขายกมือขึ้นบังหัวทั้งที่ยังหัวเราะ


“ดี! ฉันจะทำให้มันกลายเป็นบาปของฉันเองนี่แหละ!” เธอฟาดซ้ำอีกสองทีเต็มแรง ก่อนจะหันหนีไปอีกทาง ใบหน้าร้อนจัดจนแทบระเบิด เลสเตอร์หัวเราะเบา ๆ พลางเอนตัวพิงหมอน เสียงหัวเราะของเขาก้องอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ “อืม... กลิ่นไลแลคตอนเช้า ช่างเหมาะกับการตื่นของเทพแห่งแสงเสียจริง”


“ถ้ายังพูดอีกคำเดียว ฉันจะโยนนายกลับขึ้นเขาไปให้งูไพธอนลากกลับถ้ำเลย!”

“งั้นขออีกห้าคำได้ไหม” หลังพูดจบเสียงหมอนกระแทกหน้าเขาดัง “ตุบ!” ก่อนที่หญิงสาวจะรีบเดินหนีไปข้างนอก ทิ้งไว้เพียงเทพเจ้าผู้ยิ้มกว้างบนเตียงที่คิดในใจว่า การตื่นนอนของผมในวันนี้...ช่างงดงามเหลือเกินจริง ๆ


ช่วงสายของวันนั้น แสงแดดจากผืนนภาแห่งเดลฟีทาบเข้ามาในกระท่อมร้างจนอบอุ่นขึ้นกว่าวันก่อน โมนีก้าวางถาดอาหารเช้าลงตรงหน้าเลสเตอร์ ซุปผัก ผลไม้ และขนมปังอบใหม่จากหมู่บ้านด้านล่าง เธอเท้าคางมองเขากินไปพลาง “กินให้อิ่มนะ นายเพิ่งหายดีอย่าฝืนมาก”


“ผมไม่ฝืนเลยสักนิด” เขาตอบพร้อมยักคิ้วอย่างคนมั่นหน้าประจำ “คุณลืมไปหรือเปล่าว่าผมคืออะพอลโลเทพเจ้าแห่งแสง ดนตรี และรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แบบของมนุษย์” โมนีก้าเบ้ปาก “ใช่สิ พระอาทิตย์พูดเองไม่อายรึไง คนเราจะอวยตัวเองได้ทุกมื้อขนาดนี้เลยเหรอ”


“อวยตัวเองเหรอ? ไม่เลยครับ นี่แค่ข้อเท็จจริงเชิงศิลปะอีกอย่างมันไม่มีข้อที่ติเพราะมันล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น” เขายักไหล่ ก่อนซดซุปเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อยราวกับจะยืนยันว่าเทพเจ้าก็กินเก่งไม่แพ้คน หลังอาหาร ทั้งคู่เริ่มวางแผนการเดินทางต่อ โมนีก้าเปิดแผนที่บนโทรศัพท์ คราวนี้จุดหมายคือฝรั่งเศสเพื่อหาคริสตัลแห่งเสียงก้องชิ้นสุดท้าย “จากที่ดูทางแล้ว...คงต้องนั่งเรือเฟอรี่จากกรีซไปอิตาลีก่อน แล้วค่อยขับรถต่อไปฝรั่งเศส” เธอพูดพลางเลื่อนแผนที่บนหน้าจอ “แต่ปัญหาคือ เราไม่มีรถและเราใช้รถประจำทางไม่ได้ด้วย”


“อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง” เลสเตอร์ตอบพร้อมยิ้มลึกลับอย่างร้ายกาจ “รอผมแป๊บเดียว” เขาหยิบแจ็กเก็ตขึ้นมาแล้วเดินออกไป ทิ้งให้โมนีก้านั่งงงในกระท่อม เธอมองนาฬิการะหว่างที่รอเลสเตอร์ ผ่านไปสิบนาที...ครึ่งชั่วโมง...จนกระทั่งครบหนึ่งชั่วโมงพอดี เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำ ๆ ดังมาจากหน้ากระท่อม เธอชะโงกหน้าออกไปมอง แล้วถึงกับหลุดคำอุทาน “...อะไรของนายเนี่ย”


ตรงหน้าคือ Mercedes-Benz W124 E280 สีเทาเข้ม รถซีดานเยอรมันยุคเก้าศูนย์ที่ดูสภาพดีเกินคาด มันไม่ใหม่เอี่ยมแต่กลับมีเสน่ห์แบบวินเทจ เธอหันไปมองเลสเตอร์ที่ยืนพิงประตูรถ ยกคิ้วอย่างภาคภูมิใจราวกับเพิ่งลากดาวบนฟ้ามาให้เธอดู “อย่าบอกนะว่าขโมยมา”


“ขโมยเหรอ?” เขาหัวเราะในลำคอ “ผม? เทพเจ้าอะพอลโล? ไม่มีวัน ผมแค่... ขอยืมอย่างมีศิลปะ จากชายคนหนึ่งที่ผมสัญญาจะคืนแน่เมื่อเสร็จภารกิจ นี่เขายังให้กุญแจสำรองมาด้วยเลย ผมเป็นคนกว้างขวางนะโมนีก้า” โมนีก้าพับแขนกอดอกมองเลสเตอร์เมื่อได้ยิน “นายขอจริง ๆ หรือใช้อะไรสักอย่างบังคับเขาให้ยื่นให้กันแน่?”


“โอ้ นั่นไม่สำคัญหรอก สำคัญคือมันขับได้ดีและมีเครื่องเสียงในตัว ผมสามารถเปิดเพลงระหว่างทางได้ด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่มเต็มที่ ก่อนลูบหลังคารถแล้วบ่นเบา ๆ “แต่เอาจริงนะ รสนิยมของผมมันสูงกว่านี้แบบเทียบไม่ติด ผมชอบ Maserati สีแดงเชอร์รี่มากกว่า ดูร้อนแรงกว่า เหมาะกับเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์มากกว่าเยอะ”


“แล้วทำไมไม่เรียก Maserati มาล่ะ” โมนีก้าถามพลางเลิกคิ้วเพราะจำได้ว่าเขามีอยู่คันหนึ่ง


“ผมกำลังจะพูดนั่นแหละ” เขาทำท่าขึ้นคิ้วอย่างน่าหมั่นไส้สุดขีด “แน่นอนสิ ใครจะพลาด ผมมี ทักษะเฉพาะทางสำหรับเรียกราชรถพระอาทิตย์ของตัวเองอยู่แล้ว แค่ตอนนี้พลังยังไม่เต็มร้อย ถ้าว่างเมื่อไหร่ผมจะโชว์ให้คุณเห็น รับรองว่าคุณจะหลงรักผมมากกว่าเดิมแน่”


“ฝันไปเถอะ” เธอกลอกตาแล้วหยิกแก้มเขาแรง ๆ “เทพเจ้าขี้โม้” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนเปิดประตูรถให้เธอด้วยท่าทีสุภาพแต่เจ้าเล่ห์ “ขึ้นสิครับ แม่สาวไลแลคของผม ถึงจะไม่ใช่ราชรถพระอาทิตย์แต่ก็หรูพอสำหรับการเดินทางสู่ฝรั่งเศสแน่นอน” โมนีก้าส่ายหน้าแต่ยอมขึ้นรถอย่างขัดไม่ได้ กลิ่นเครื่องหนังและกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากเธอผสมกันจนบรรยากาศภายในอบอุ่นแปลกประหลาด เลสเตอร์สตาร์ทเครื่อง เสียงเครื่องยนต์ Mercedes-Benz W124 คำรามอย่างมั่นคง “เอาล่ะ ปาทรัส...คลองโครินท์ รอรับแสงอาทิตย์ได้เลย”


“ขอแค่ถึงท่าเรือโดยไม่มีเหตุเหนือธรรมชาติโผล่มาก็พอ” เธอพูดพร้อมถอนหายใจ


“ไม่มีหรอก ผมคุ้มครองเอง” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในกระจกมองหลัง ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกจากกระท่อมร้างไปบนถนนคดเคี้ยวท่ามกลางแสงแดดของกรีซ เทพเจ้ากับลูกสาวเทพีผู้ถือกำเนิดจากธรรมชาติ เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่สู่ดินแดนที่ทั้งคู่ยังไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรที่ปลายทาง เสียงเครื่องยนต์ของ Mercedes-Benz W124 คำรามต่ำขณะล้อบดไปตามถนนคดเคี้ยวที่ตัดผ่านแนวเขาหินแกรนิต เส้นทางสู่ลูทรากิทอดยาวราวไม่มีที่สิ้นสุด แสงแดดยามบ่ายไล้ผิวผืนถนนเป็นประกายระยับร้อนระอุราวกับอากาศเองกำลังจะลุกไหม้ โมนีก้าพิงหัวกับกระจกข้างรถ ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขณะมองวิวภูเขาที่ทอดตัวอยู่ห่างออกไป “นายแน่ใจเหรอว่าทางนี้มันไม่อ้อมเกินไป?” 


เลสเตอร์ที่ขับรถอยู่ฝั่งคนขับตอบกลับด้วยเสียงที่ฟังดูภูมิใจจนเกินจำเป็น “แน่นอน ผมคือเทพเจ้าแห่งการพยากรณ์นะ รู้ทางทุกอย่างในกรีซยิ่งกว่าคนถือแผนที่อีก” เขายกคิ้วขึ้นอย่างมั่นใจสุดขีด “อ๋อ งั้นคงไม่ต้องบอกสินะว่าทำไมเรามาถึงนี่ตั้งห้าชั่วโมง ทั้งที่มันควรใช้แค่สาม” เธอประชดเสียงเรียบ พลางกอดอกพิงเบาะ


“เราต้องคอยหลบพวกตำรวจนะครับอย่าลืมสิ ผมเรียกมันว่าการขับแบบมีศิลปะต่างหากล่ะ คุณต้องเข้าใจว่าการขับตรงเกินไปมันน่าเบื่อเกินไปสำหรับเทพอย่างผม”


“ศิลปะบ้าบออะไรที่ทำให้ฉันจะอ้วกบนรถเนี่ย! อ้อมก็ให้มีขอบเขตหน่อยเถอะน่า!” เขาหัวเราะในลำคอ “อาจเพราะคุณไม่คุ้นกับความสมดุลของคนขับที่มีพรสวรรค์ล่ะมั้ง” โมนีก้ากลอกตาใส่เลสเตอร์ “ถ้าพรสวรรค์คือนำพาเรามาหลงอยู่กลางภูเขาไฟ ก็ใช่เลย นายมีพรสวรรค์สุด ๆ ไปเลย” แสงแดดเริ่มอ่อนลงเมื่อรถไต่ระดับเข้าสู่เส้นทางลาดชันของภูเขาไฟลูทรากิ อากาศร้อนอบอ้าวกลายเป็นไอร้อนที่พุ่งขึ้นจากพื้น หญิงสาวเอื้อมมือเปิดหน้าต่าง แต่ทันใดนั้น กลิ่นไหม้จาง ๆ ที่ไม่ควรมีในอากาศก็แทรกเข้ามาแทนกลิ่นลมภูเขา เธอขมวดคิ้วทันที


“นายได้กลิ่นไหม?”

“แน่นอน ผมยังแยกกลิ่นไวน์จากกลิ่นไฟได้เลย” เลสเตอร์พูดอย่างขี้เล่นแต่เสียงเขาเริ่มจริงจังขึ้นเมื่อเงาสีส้มลุกวาบอยู่ไกล ๆ ด้านหน้า


ก่อนที่ทั้งสองจะทันได้พูดอะไร เปลวไฟพวยพุ่งจากพื้นหินราวกับโลกเบื้องล่างกำลังจะเปิดปากอ้ากลืนพวกเขา สิ่งที่โผล่ตามมาคือซาลาแมนเดอร์ไฟ 4 ตัว ร่างมันยาวเท่ารถยนต์ ลำตัวลุกไหม้ด้วยเพลิงที่ไหวระริกเหมือนมีชีวิต จ้องทั้งคู่ด้วยดวงตาแดงฉานราวกับหลอมมาจากลาวา “เยี่ยมเลย ผมเพิ่งพูดถึงความน่าเบื่อไม่ถึงสิบนาที” เลสเตอร์ถอนหายใจยาว ก่อนเปิดประตูรถ “ขอผมเผาพวกนี้กลับบ้างได้ไหม”


“ขอแค่ไม่เผารถก็พอ” โมนีก้าเอ่ยพลางเปิดประตูอีกฝั่ง เธอแตะข้อมือซ้าย ดาบสุริยคติคลี่ออกมาในเสี้ยววินาที ซาลาแมนเดอร์พ่นไฟพุ่งเข้ามาเป็นเส้นยาวเปล่งแสงสีทองอมส้ม แต่โมนีก้าพลิกตัวหลบอย่างแม่นยำ คมดาบของเธอฟันเฉือนเข้าใส่ตัวมันจนเปลวไฟแตกกระจายเหมือนประกายดาว ส่วนเลสเตอร์ก็ยิงลูกศรแสงสีทองแตกกระจายรอบตัวเขาเป็นวงออร่า เขายิ้มมุมปาก “ให้เทพแห่งดวงอาทิตย์สอนพวกแกเองว่าไฟของจริงมันเป็นยังไง” ลูกศรพลังแสงพุ่งออกจากธนู แหวกอากาศราวกับเส้นเสียง ดับไฟในร่างของซาลาแมนเดอร์ตัวหนึ่งทันที ก่อนที่อีกสามตัวจะถูกดาบของโมนีก้าฟาดลงเป็นจังหวะเดียว เธอหมุนตัวเฉือนรวดเดียวผ่านกลางร่างมัน เสียงแหลมเสียดของเปลวไฟปะทุขึ้นก่อนที่พวกมันจะสลายกลายเป็นฝุ่นเถ้า


เลสเตอร์ยังยืนกอดอกอยู่ที่เดิม พลางบ่นเสียงดัง “รู้ไหม ผมเคยมีคอนเสิร์ตกลางภูเขาไฟมาก่อน ตอนนั้นไม่มีใครกล้ามาใกล้ขนาดนี้เลยนะ”


“ดีแล้วที่ตอนนั้นไม่มีฉันอยู่ด้วย ไม่งั้นฉันคงปิดคอนเสิร์ตนายด้วยไม้ตายไปแล้ว” เธอเหน็บกลับ แต่ก่อนที่เธอจะได้หันกลับเข้ารถ เสียงคำรามต่ำ ๆ ดังขึ้นจากข้างหลัง ท้องฟ้ารอบ ๆ เริ่มมืดลงโดยไม่มีสาเหตุ ความเย็นวูบเข้ามาแทนความร้อน และจากเงามืดนั้นมันก้าวออกมาอย่างช้า ๆ มันคือ ไนท์แมร์ ม้าศึกสีดำร่างผอมโกรกดวงตาแดงก่ำราวกับไฟนรก เกือกเท้าของมันแตะพื้นแต่ไม่สัมผัสจริง เสียงกีบเท้าดังรัวเบา ๆ ราวกับฝันร้ายกำลังย่างกรายเข้ามา


“โอ้...ยอดเลย เราได้อสูรม้าเพิ่มอีกตัว” เลสเตอร์พึมพำ “ตอนนี้ขาดแค่เพลงประกอบเท่ ๆ กับแสงสปอตไลต์” โมนีก้าหรี่ตามองมัน “ถ้านายอยากตายแบบมีดนตรีประกอบ ฉันไม่ห้ามนะ”


ไนท์แมร์พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วเหนือสายตา ลมหายใจมันพ่นไฟเป็นเส้นยาวขณะที่เกือกเท้าทิ้งรอยไฟติดพื้น เลสเตอร์คว้าธนูออกมาในชั่วพริบตา ลูกศรแสงพุ่งใส่มันกลางอก แต่กลับทะลุผ่านราวกับยิงใส่ควัน “มันมีสกิลหลอนตา ระวังฝันปลอมของมัน!” เขาตะโกนบอก โมนีก้าที่ขยับเข้าด้านข้างทันที เธอหลับตาแน่น ใช้สัมผัสฟังจังหวะการหายใจของมัน ก่อนแทงดาบทะลุข้างลำคอม้าดำในเสี้ยววินาที เสียงหวีดร้องของไนท์แมร์ก้องไปทั่วหุบเขา เพลิงดำบนร่างมันแตกกระจายกลายเป็นเถ้าควัน พื้นดินเงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่


เลสเตอร์มองซากที่กำลังสลายไป ยกคิ้วพร้อมยิ้มมุมปาก “ผมว่าผมคงหล่อขึ้นอีกระดับหลังสู้ศึกนี้ ออร่าฮีโร่มันจับเต็มตัวเลย”

โมนีก้าพ่นลมหายใจ “ถ้านายยังไม่หยุดโม้ ฉันจะโยนศพม้านั่นใส่นายแทนแล้วนะ”

เขาหัวเราะ “พูดแบบนี้ทุกครั้งเลย แล้วสุดท้ายก็ยังขึ้นรถกับผมทุกที”

หญิงสาวมองเขาอย่างเอือม ๆ แต่ก็ยิ้มจาง ๆ ในที่สุด ก่อนชี้ไปที่รถ “ไปเถอะ ฉันไม่อยากนอนในปากภูเขาไฟ”


“รับทราบครับ แม่สาวไลแลค” เขาทำท่าคำนับอย่างโอเวอร์ แล้วเดินกลับไปสตาร์ทรถ ทั้งสองขับต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงที่พักเล็ก ๆ ริมทางใต้ตีนเขา ลมเย็นจากทะเลสาบใกล้ ๆ พัดเข้ามาแทนกลิ่นไฟและฝุ่น สองนักเดินทางนั่งพิงรถ มองท้องฟ้าที่เริ่มมีดาวขึ้นทีละดวงจากพลบค่ำ ท่ามกลางความเหนื่อยล้าและความเงียบสงบหลังศึก

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

สามวัน! ช่างเป็นการหลับใหลที่ยาวนานเกินไปและไม่สมศักดิ์ศรีของเทพแห่งแสง แต่เมื่อผมตื่นขึ้นมาพบฉากที่งดงามเช่นนี้... มันคุ้มค่ากับการปิดตาลงอีกสามสัปดาห์เลย โมนีก้ากำลังทำความสะอาดร่างกายที่สมบูรณ์แบบของผมและไม่รู้ว่าผมตื่นแล้ว 


แหม่ ผมเห็นสายตาของเธอความอุ่นวาบที่แผ่ซ่านในสายตาเธอเมื่อมองกล้ามเนื้อที่ถูกออกแบบมาอย่างวิจิตร (แน่นอนว่ารอบนี้ผมจะไม่ยอมพกห่วงยางแบบเมื่อปี 2016 อีกแล้ว พวกคุณคิดว่าผมปั้นหุ่นของตัวเองเพื่ออะไรกัน ตลอด 4000 กว่าปีของผมมันก็ต้อง .........ยาวอีกประมาณ 200 บรรทัดกับเรื่องนี้) 

avatar

Moneka M. Blossom

ใจบ่ดีเลยอีแม่เอ้ยยย


+2 ตื่นรู้ จากการกำจัด ไนท์แมร์ ครั้งแรก


จากการกำจัด ซาลาแมนเดอร์ไฟ

มีค่า LUK 80 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

มีค่า LUK 120 หน่วย จะได้รับแก่นวิญญาณซาลาแมนเดอร์ x2

ได้รับ หัวใจซาลาแมนเดอร์ จำนวน 3 ชิ้น 3 x 2 = 6 ชิ้น

ได้รับ เกล็ดซาลาแมนเดอร์ จำนวน 8 ชิ้น 8 x 2 = 16 ชิ้น

ได้รับ แก่นวิญญาณซาลาแมนเดอร์ จำนวน 3 ชิ้น 3 x 2 = 6 ชิ้น


จากการกำจัดไนท์แมร์

มีค่า LUK 80 หน่่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ เปลวเพลิงไนท์แมร์ จำนวน 2 ชิ้น 2 x 2 = 4 ชิ้น

สินสงครามพิเศษ มีค่า LUK 100 หน่วย จะได้รับ

เลขไบต์หลักที่สามจากสุดท้าย 9 ได้รับ ดวงตาไนท์แมร์

เลขไบต์หลักที่สามจากสุดท้าย 0 ได้รับ เศษเสี้ยววิญญาณไนท์แมร์

ได้จำนวนไบต์ 61999 = 9 ได้รับ ดวงตาไนท์แมร์


สรุป ได้รับ หัวใจซาลาแมนเดอร์ 3 ชิ้น, เกล็ดซาลาแมนเดอร์ 8 ชิ้น, แก่นวิญญาณซาลาแมนเดอร์ 3 ชิ้น, เปลวเพลิงไนท์แมร์ 2 ชิ้น, ดวงตาไนท์แมร์ 1 ชิ้น



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 61999 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-30 05:09
โพสต์ 61,999 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-30 05:09
โพสต์ 61,999 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-30 05:09
โพสต์ 61,999 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-30 05:09
โพสต์ 61,999 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-30 05:09

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-30 14:55:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-10-31 05:50

BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 20 : แกนี้เองเจ้าตัวดี
วันที่ 27 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงบ่าย เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ภูเขาไฟลูทรากิ คลองโครินท์ จนถึง ท่าเรือปาทรัส กรีซ ยุโรป

ช่วงบ่ายของวันนั้น แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเหนือขอบฟ้าของเมืองปาทรัส ถนนลูกรังใกล้เชิงเขาลูทรากิทอดยาวไปจนถึงทะเล เสียงเครื่องยนต์ของ Mercedes-Benz สีเทาเข้มคำรามแผ่วเบาท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว เลสเตอร์ขับรถอย่างระมัดระวังมากกว่าปกติ เพราะข้างทางมีจุดตรวจของตำรวจท้องถิ่นอยู่หลายจุด แน่นอนว่าเขาไม่อยากอธิบายว่าทำไมรถคันนี้ถึงไม่มีเอกสารทะเบียนที่ตรงกับชื่อใครเลย “ให้ตายสิ ฉันบอกแล้วว่าทางนี้มันอ้อม” โมนีก้าพูดพลางกอดอกเอนตัวมองวิวทะเลไกล ๆ เสียงเหนื่อยใจในน้ำเสียงชัดเจน บ่งบอกว่าตลอดทางโมนีก้าต้องมาเจออะไรแบบนี้เธอก็จะเหนื่อย ๆ เหมือนกันนะ แต่เลสเตอร์ก็เริ่มพูดแก้ตัวเหมือนทุกครั้ง มันเป็นความจริงในด้านของเลสเตอร์นั้นแหละ


“อ้อมแต่ปลอดภัยนะครับคุณไลแลค ผมไม่อยากโดนตำรวจมาจับแล้วเขียนรายงานว่า ‘เทพแห่งดวงอาทิตย์โดนยึดรถ’ มันเสียภาพลักษณ์สิ้นดี” เลสเตอร์พูดพลางเชิดหน้า มองทางด้วยท่าทีที่เรียกว่า มั่นหน้าในทุกสถานการณ์ 


โมนีก้าเบะปากตอนที่ได้ยิน “ภาพลักษณ์? นายยังเหลือให้เสียอีกเหรอ ตั้งแต่นายขโมย เอ้ยยย… ไปขอยืมรถ ฉันว่าเทพอย่างนายหมดเครดิตไปนานแล้วล่ะ”


“โอเค คุณพูดแทงใจ แต่ผมยังดูดีอยู่นะ” เขายักคิ้วให้ในกระจกข้างรถอย่างไม่รู้สำนึก “เทพเจ้าต้องมีความสง่างาม แม้ในยามลำบากก็ต้องหล่อไว้ก่อน” โมนีก้าที่ได้ยินแบบนั้นก็กรอกตากอีกครั้ง “งั้นหวังว่านายจะยังหล่ออยู่ตอนโดนตำรวจลากไปนะ” แต่ก่อนที่เธอจะได้แซวต่อ เสียง “ฟู่!” ดังขึ้นมาจากข้างทาง เหมือนเสียงไอน้ำหรือไฟพ่นจากใต้ดิน กลิ่นควันกำมะถันแผ่วเข้าจมูกทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน เลสเตอร์ขมวดคิ้ว “...กลิ่นแบบนี้ มันไม่ใช่แค่ภูเขาไฟแน่”


เขาเบรกกะทันหัน รถหยุดตรงหน้าปากถ้ำเล็ก ๆ ที่แผ่ความร้อนออกมาราวกับเตาเผาโลหะ โมนีก้ามองไปข้างหน้าแล้วหน้าเปลี่ยนสีทันที “อย่าบอกนะว่า…”


แต่ยังไม่ทันพูดจบ เสียงกรีดร้องแหลมสูงก็ดังสะท้อนออกมาจากในถ้ำ เปลวเพลิงสีทองสว่างจ้าพวยพุ่งขึ้นจากปากถ้ำก่อนจะแผ่ขยายออกเป็นวงกว้าง เงาร่างสิ่งมีชีวิตสองตนปรากฏขึ้นจากเปลวไฟ ปีกทองขนาดใหญ่ กรงเล็บสว่างราวกับหลอมจากดวงอาทิตย์ “ไฟ…” เลสเตอร์เอ่ยเสียงเบา แววตาเป็นประกาย “โอ้ ช่างงดงาม คู่ผัวเมียนกตัวใหญ่ ที่กำลังทะเลาะกันด้วยแฮะ...น่าสนใจมาก”


“น่าสนใจบ้าบออะไรของนาย!?” โมนีก้าขมวดคิ้ว “ฉันว่าพวกมันกำลังจะฆ่ากันอยู่ไม่ใช่เหรอ?”


“ก็ใช่ แต่ดูสิเจ้าพวกนี้เถียงกันอยู่ชัด ๆ” เขายังพูดด้วยน้ำเสียงเพ้อฝันแต่ทว่ามันบ่งบอกว่าเลสเตอร์ฟังภาษาต่าง ๆ ออก โอเคยอมรับจนโมนีก้าถอนหายใจอย่างหงุดหงิด มันไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่ว่าแหละ แต่แล้วในวินาทีถัดมา ทั้งนกผัวเมียก็หยุดการทะเลาะทันที ดวงตาสีทองร้อนแรงของพวกมันหันมาจ้องทั้งสองคนแทน ลำแสงในดวงตานั้นวาววับราวกับรู้ว่าเบื้องหน้าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา กลิ่นของเลือดเดมิก็อด และรัศมีเทพเจ้าแห่งแสงกระจายอยู่ในอากาศ


“เอ้า...ชิบหายแล้ว” โมนีก้าเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว ดึงกำไลที่ข้อมือซ้ายออก ดาบสุริยคติคลี่ตัวออกมาทันที “ไม่น่ามาเลยจริง ๆ” เลสเตอร์กลับยกคิ้วขึ้นพลางหัวเราะเบา ๆ “พูดแบบนั้นได้ไง คุณไม่รู้เหรอว่านกพวกนี้คือสิ่งมีชีวิตที่ผมเป็นเจ้านายโดยธรรมชาติ พวกมันควรจะเคารพผมสิ ผมคือแสงที่ให้มันเกิดนะ”


“แล้วนายแน่ใจเหรอว่ามันจำนายได้ในสภาพนี้?”


เสียงคำรามของนกตัวผู้เป็นคำตอบแทน เปลวเพลิงแผ่กระจายออกมาจากปีกขนาดมหึมา อุณหภูมิพุ่งขึ้นในชั่วพริบตา จนผืนหญ้าโดยรอบเริ่มลุกเป็นไฟ “โอเค มันจำไม่ได้แน่นอน” เลสเตอร์พูดเสียงนิ่ง แต่ยังไม่วายยักไหล่ “งั้นผมคงต้องสอนมันอีกครั้ง ว่าใครคือต้นตำรับแห่งแสงและคนที่ร้อนแรงที่สุด… โธ่ เจ้าผู้อวดดีแห่งเพลิงอมตะ...อย่าให้ผมต้องย้ำบทเรียนเดิมซ้ำอีกครั้งเลยน่า จำกันไม่ได้หรอ” เหมือนเขาจะเริ่มร่ายยาวต่อ แต่ทว่า…


“เลสเตอร์!” โมนีก้าเรียกเขาเสียงหลง “อย่าบ่นนาน ลงมือได้แล้ว!”

“โอเค ๆ ก็ได้! ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด แล้วคุณอย่าลืมบันทึกภาพไว้นะ ผมหล่อมากตอนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ”

“ขอให้ไฟมันไหม้หัวนายให้หมดนั่นแหละ!”


นกทั้งคู่กรีดร้องพร้อมกัน ปีกของมันกางกว้างก่อนจะปล่อยเพลิงพุ่งตรงเข้าใส่ทั้งสอง โมนีก้ากระโดดหลบ ดาบของเธอสะท้อนแสงจนเหมือนเปลวทองตัดกับไฟ ส่วนเลสเตอร์เรียกคันศรออกมาพร้อมลูกธนูแห่งแสงที่เขาเป็นเจ้าของโดยแท้ เขาแสยะยิ้ม “เอาล่ะ เจ้าพวกนกไฟ...มาดูกันว่าดวงอาทิตย์กับเถ้าธุลีใครจะสว่างกว่ากัน!”


เสียง “ฟู่!” ดังขึ้นพร้อมลูกศรทองที่ทะลวงกลางเวหา การต่อสู้ระหว่างเทพ (ในหลายกรณี) เดมิก็อดกับสัตว์อมตะที่ลุกเป็นไฟกำลังเริ่มต้นอีกครั้งท่ามกลางท้องฟ้าเหนือเมืองปาทรัส แสงอาทิตย์และเปลวเพลิงประสานกันกลายเป็นการต่อสู้ที่งดงามราวบทกวีแห่งความตาย ทั้งสองคนรู้ดีว่าไม่มีทางหนีจากที่นี่ได้อีกต่อไป และมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ต้องทำ...ก็คือสู้จนกว่าจะรอด 


โมนีก้าจัดการใช้ดาบสุริยคราดจากนั้นเธอก็จัดการนกทั้งสอง เลสเตอร์ก็คอยยิงจากระยะไกล ทั้งสองจัดการได้ไม่ได้ช้าเลยการต่อสู้ยาวเพียง 7 นาทีพวกมันก็กลายเป็นสินสงครามร่างเถ้าสลายไป เปลวไฟแตกกระจายเป็นเศษละอองทองกลางอากาศ เสียงหวีดร้องสุดท้ายของนกสองผัวเมียดังก้องก่อนจะค่อย ๆ มอดลงเหลือเพียงขี้เถ้าที่ลอยละลิ่วไปตามแรงลม ภูเขาไฟลูทรากิกลับสู่ความสงบอีกครั้ง เหลือเพียงกลิ่นไหม้อ่อน ๆ และแสงแดดยามบ่ายที่สะท้อนบนพื้นหินร้อนจัดราวกับภาพฝันที่เพิ่งดับสิ้น


โมนีก้ายืนหอบเบา ๆ มือยังคงกำดาบสุริยคราดแน่น แสงสีทองบนคมดาบค่อย ๆ มอดลงจนกลับเป็นกำไลที่ข้อมือซ้าย เธอปรายตามองเลสเตอร์ที่ยืนอีกฟากของลานหิน ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตที่ตอนนี้ขาดเป็นรอยจากแรงลมร้อน แผ่นอกเต็มไปด้วยเหงื่อสะท้อนแดด เขายังถือคันศรไว้ในมือ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าเจ้ากี้เจ้าการของเขานั่นแหละที่ทำให้เธออยากปาอะไรสักอย่างใส่ “เจ็ดนาทีพอดี... บอกแล้วใช่ไหมว่าอยู่กับผมไม่ต้องห่วงเรื่องศัตรู” เขาพูดพลางเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก ท่าทีมั่นหน้าเหมือนเพิ่งขึ้นเวทีคอนเสิร์ตส่วนตัวมากกว่าผ่านศึกตายได้


โมนีก้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “เงียบไปเลยเหอะ ฉันยังเหนื่อยอยู่ นายพูดทีเหมือนขอปรบมือให้ตัวเองทุกครั้งเลย บ้าบอ”

“อ้าว ก็ผมควรได้รับเครดิตบ้างนี่นา”

“นายยิงอยู่ข้างหลัง ฉันฟันอยู่ข้างหน้า!” เธอพูดขัดทันที “รอบนี้ไม่เจอไข่ฟีนิกซ์ก็ดีแล้วล่ะ ฉันยังไม่อยากได้อีก”


เลสเตอร์หันขวับมามอง ยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า “อ้อ ชอบสินะ ไข่ฟีนิกซ์น่ะ” น้ำเสียงเขาลากยาวนิด ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มของเขามีทั้งเสน่ห์และความกวนปนกันอย่างลงตัว โมนีก้าหรี่ตา “เดี๋ยวนะ นายพูดเหมือน...” เธอหยุดกลางคัน “อย่าบอกนะว่าที่ฉันเคยได้ไข่ฟีนิกซ์นั่น เป็นฝีมือนาย?” เลสเตอร์ทำตาโตใส่เธอแล้วหัวเราะในลำคอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “เปล่าเลย ผมไม่ได้เอาไปยัดไว้ในรัง คุณพบเองนะ ตอนนั้นผมแค่...นอนอยู่ที่วิหารพระอาทิตย์ แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนพูดขึ้นมาว่า ‘ถ้าเจอฟีนิกซ์จะมาถวายของให้เทพพระอาทิตย์’ ฟังดูคุ้น ๆ ไหมล่ะ?”


สีหน้าโมนีก้าชะงักวูบ ใบหน้าขึ้นสีจาง ๆ ก่อนที่เธอจะรีบเบือนหน้าไปอีกทาง “โอ๊ย อย่ามาทำเสียงแบบนั้นสิ...ใครจะไปรู้ว่านายเป็น…” เธอพึมพำเสียงเบาแถมยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขามันบ่งบอกว่าเขารู้ดีว่าเธอเขิน “ผมจำประโยคนั้นแม่นเลยนะ” เขากระซิบเสียงต่ำ ขยับเข้าใกล้จนเธอได้กลิ่นแดดอุ่น ๆ จากตัวเขา “มันมีเสน่ห์ตรงที่ออกมาจากปากของคนที่ไม่เคยยอมรับว่าชอบแสงของผมสักที”


โมนีก้าหยุดนิ่งไปหนึ่งวินาที ก่อนที่ใบหน้าจะร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ แล้วในที่สุดเธอก็ระเบิดออก “หยุดพูดเลยนะ เลสเตอร์! อีตาอะพอลโล!” แล้วมือเล็ก ๆ ของเธอก็บีบจมูกเขาแรงจนชายหนุ่มร้องออกมาทันที “โอ๊ย! ทำแบบนี้กับเทพเจ้าแห่งความงามได้ยังไงกัน!”


“ก็เทพเจ้าขี้โม้นี่ไง!” เธอพูดเสียงแข็ง แต่ริมฝีปากกลับสั่นจนแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “ถ้าไม่อยากโดนดาบสุริยคราดฟันเพิ่มก็เงียบซะ แล้วขึ้นรถได้แล้ว เราต้องไปท่าเรือ” เลสเตอร์ยังคงยิ้มมุมปาก ขยับมือปัดปลายจมูกตัวเองเบา ๆ ก่อนยักไหล่เหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรเลย “ครับ ๆ แม่สาวไลแลค ผมไปก็ได้ แต่ผมว่าผมคงจะยังหล่อเกินกว่าจะโกรธอยู่นะ”


“ฉันจะตีหัวนายให้ดูหล่อไม่ออกเลยนี่แหละ” เธอพูดพลางเดินนำไปที่รถ


ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินตามหลัง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไม่จางจากมุมปาก เขาก้าวขึ้นรถฝั่งคนขับ ลูบพวงมาลัยเบา ๆ ก่อนหันมามองเธอ “คุณรู้ไหม ผมชอบเวลาคุณโมโหนะ มันทำให้กลิ่นไลแลคของคุณแรงขึ้นนิดหน่อย รู้สึกเหมือนฤดูใบไม้ผลิในรังนกคู่เลย” โมนีก้าเหลือบตามองเขา “พูดอีกที ฉันโยนลงทะเลแน่”


“โอเคครับ โอเค” เขายิ้มกว้าง สตาร์ทรถเสียงดัง “แต่คุณก็ไม่ปฏิเสธนี่ว่าผมดูดีใช่ไหมล่ะ มันแน่อยู่แล้ว”

“เงียบแล้วขับไปเลย!”


รถเบนซ์สีเทาพุ่งออกจากเขตภูเขาไฟ เสียงหัวเราะของเลสเตอร์ยังดังในห้องโดยสารตลอดทาง ขณะที่โมนีก้าพยายามมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อกลบเกลื่อนความร้อนบนแก้มของตัวเอง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนทะเลเปิดทางสู่ท่าเรือปาทรัส และการเดินทางครั้งต่อไปของทั้งคู่ก็เพิ่งเริ่มต้นอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะของใครบางคนในรถคันนั้น การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งสองรู้ว่าวันนี้คงจะไม่มีทางได้เดินทางแน่ ๆ การเดินทางเข้าเรือเฟอร์รี่ก็คงจะลำบากกว่าที่คิด...ท่าทางแล้วต้องงัดเอาหนังสายลับที่เคยดูสมัยก่อนมาเป็นเรฟในการแอบขึ้นเรือแล้วล่ะตอนนี้

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

ผมขับรถอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะภาพลักษณ์สำคัญที่สุด! การที่เทพแห่งดวงอาทิตย์โดนตำรวจท้องถิ่นจับข้อหายืมรถ (แน่นอนว่าผมยังไม่ได้อยากมี FC เป็นตำรวจหน้าตาดีแถวนี้) เป็นเรื่องที่น่าอับอายเกินกว่าจะบันทึกเป็นมหากาพย์ของผม (ถึงผมจะมีเรื่องที่น่าอายกว่านี้ก็ตาม)  โมนีก้าบ่นว่าผมหมดเครดิตแต่เธอไม่เคยปฏิเสธว่า 'ผมดูดี'! นั่นคือชัยชนะเล็ก ๆ ที่สำคัญกว่าเรื่องทะเบียนรถ (บ่นยาวกว่านี้สัก 20 หน้าได้) 

avatar

Moneka M. Blossom

ผมจะตายแล้วววว




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 57370 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-30 14:55
โพสต์ 57,370 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-30 14:55
โพสต์ 57,370 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-30 14:55
โพสต์ 57,370 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-30 14:55
โพสต์ 57,370 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-30 14:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-31 06:27:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-10-31 08:26

BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 21 : ผัวเมียตีกัน
วันที่ 27 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงบ่าย เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ท่าเรือปาทรัส กรีซ ยุโรป

สายลมทะเลยามเย็นพัดกลิ่นเกลือและดีเซลเข้าปะทะใบหน้าเมื่อทั้งคู่ก้าวเข้าสู่อาณาบริเวณท่าเรือปาทรัส เสียงนกนางนวลเวียนวนเหนือเครนเหล็กและเชือกสมอ เส้นสายของเรือเฟอร์รี่ขนาดยักษ์ทอดเงาทาบลงบนพื้นคอนกรีตสีซีดที่ถูกแดดกรีกเผาแห้งมาตลอดทั้งวัน เลสเตอร์จอดเมอร์เซเดสไว้ในลานสาธารณะตรงจุดที่มีป้อมยามและกล้องวงจรปิดประจำการแน่นหนา เขาเสียบกระดาษไว้ใต้ที่ปัดน้ำฝน ขีดชื่อเจ้าของที่แท้จริงด้วยลายมือหวัดจัดจ้านราวบทไฮกุบนผ้าใบกันฝนพร้อมลูกศรชี้ตำแหน่งจอดอย่างโอ่อ่าเกินเหตุ คล้ายประกาศว่าคืนรถแล้วนะ โปรดปรบมือให้ผู้มีจริยธรรมสูงส่งหนึ่งครั้งด้วย


การปลอมตัวเรียบง่ายแต่แนบเนียน โมนีก้าดึงหมวกแก๊ปทับผมสีน้ำตาลเข้มใบหน้าถูกกลบด้วยหน้ากากผ้า สีเทาและโค้ทยาวทำให้รูปร่างดูเป็นนักท่องเที่ยวที่รักสบาย ส่วนเลสเตอร์สวมเสื้อยืดสีจืดกับแจ็กเก็ตมีฮู้ด ตีนรองเท้าสนีกเกอร์ที่ราคาไม่น่ารักนัก แต่เขาทำหน้าเฉยเมยเหมือนคนธรรมดาที่ไม่อยากคุยกับใคร ต่างจากนิสัยอวดดีทุกเมื่อเชื่อวันอย่างสิ้นเชิง รัศมีเทพถูกหดลงจนเหลือเพียงเงาอุ่น ๆ ใต้ผิวหนัง และหมอกมายาแห่งโลกมนุษย์ก็จัดการแต่งเรื่องราวให้นักท่องเที่ยวสองคนนี้กลมกลืนกับฝูงชนที่รอเรือรอบสุดท้ายโดยไม่สะดุดสายตาใคร


สำนักงานท่าเรือคึกคักพอดี เสียงประกาศภาษากรีกปะทะภาษาอังกฤษดังเป็นจังหวะ โมนีก้าถือเอกสารจองที่พักบนเรือและตั๋วโดยสารสองใบที่เพิ่งออกมาจากเครื่องพิมพ์ กลิ่นหมึกใหม่จาง ๆ ทำให้หัวใจผ่อนคลายเล็กน้อย เธอสอดซองตั๋วเข้าเสื้อในฝั่งซ้ายให้แน่นที่สุด เลสเตอร์ชะโงกมาดู ยกคิ้วอย่างคนที่อยากพูดคำว่าสุดยอดการจัดการ แต่ถูกค้อนวงใหญ่ทางหางตาขัดคอจนจำต้องเก็บไว้กับตัวเอง


“ห้องสวีทสำหรับสองคนหรือเปล่ามีวิวทะเลไหม?” เขากระซิบอย่างไม่ยอมแพ้ความหรู “ผมว่าบุคลากรมีเสน่ห์เกินต้านแบบผมที่เป็นระดับเทพพระอาทิตย์ควรได้ห้องส่วนตัวนะ อย่างน้อยก็มีหน้าต่างรับแสงยามรุ่ง”


“จองเคบินสองเตียงแบบไม่มีหน้าต่าง” โมนีก้าตอบสั้น ดึงแขนเขาให้ออกห่างจากช่องขายตั๋ว “เรากำลังหนีไม่ใช่มาฮันนีมูน นายจะเอาวิวทะเลไปทำไม” เลสเตอร์ถอนหายใจยาวราวกับชาวกรีกโบราณโอดครวญให้โศกนาฏกรรม “ก็วิวทะเลสะท้อนเสน่ห์ของผมได้ดีกว่าไฟนีออนในห้องแคบ ๆ นี่นา”


“อีกคำเดียวฉันจะให้นายไปนอนดาดฟ้า” เธอหรี่ตา เสียงดุดันแต่ปลายประโยคคล้ายยิ้ม เขาเลยยอมสงบ ยืดอกเหมือนคนชนะทั้งที่จริง ๆ เพิ่งแพ้โดยสมบูรณ์


บริเวณตรวจตั๋วคนแน่นจนไหลเป็นสาย โมนีก้าก้าวนำด้วยจังหวะคนชินสนามจริง สายตาสแกนทางหลบเลี่ยง กล้องวงจรปิด และทางหนีไฟ ในระยะครึ่งลมหายใจ เลสเตอร์เป็นเงาตามติดที่กะระยะพอดี เขาไม่ทำอะไรน่าหวาดระแวงนอกจากเก็บเสียงบ่นเรื่องเบาะชั้นสองที่คงไม่นุ่มพอสำหรับสะบักเทพซึ่งผ่านศึกรบกับงูดึกดำบรรพ์มาแล้ว แค่คำว่าสะบักเขาก็โดนศอกเล็ก ๆ ของคนข้างหน้าเข้าที่ซี่โครง เป็นสัญญาณให้ปิดปากทันที


เมื่อตัวสแกนเนอร์สีฟ้าเลื่อนผ่านบาร์โค้ดบนตั๋ว เสียงติ๊ดสั้น ๆ เฮือกเดียวก็เหมือนปลดล็อกโชคชะตา ประตูเหล็กหมุนเปิดอย่างเชื่องช้า ภาพท้องทะเลอิออนสีครามปรากฏข้ามไหล่ผู้คน พื้นทางลาดเหล็กนำสู่ท้องเรือยักษ์ที่กำลังกลืนนักเดินทางเข้าไปทีละกลุ่ม เงาของห่วงยางยักษ์แกว่งไหวเหนือศีรษะเหมือนดวงตาสีส้มเฝ้ามองคนทั้งโลก โมนีก้าหยุดนิดเดียวเพื่อปรับสายกระเป๋า แล้วแอบมองคนข้างตัวที่ทำเป็นเฉยทั้งที่เส้นเลือดที่ขมับยังบอกความอ่อนล้าจากการใช้ร่างทองเมื่อสามวันก่อน เธอยื่นขวดน้ำแร่ไปให้โดยไม่พูดอะไร เลสเตอร์รับมา ดื่มครึ่งขวดแล้วทำหน้าเหมือนนักชิมไวน์ระดับจักรพรรดิ


“อืม น้ำแร่ธรรมดาก็ยังมีรสของรุ่งสางนิด ๆ เมื่อถูกผมแตะริมฝีปาก”


“น้ำแร่ผสมวิตามินซี ไม่ใช่รุ่งสาง” เธอตอบเหมือนตัดกระดาษด้วยคัตเตอร์ ก่อนจะเผลอหัวเราะแผ่วเบา “ขึ้นเรือได้แล้ว คนข้างหลังเริ่มจะแอบด่าแล้วนะ”


พอพ้นทางลาด อากาศเย็นจากท้องเรือก็กระแทกผิวเหมือนหอบเมฆเย็นเข้ามาคลุมไหล่ พนักงานเรือที่คาดสายรัดสะท้อนแสงยิ้มให้ทั้งคู่ตามมารยาท หมอกมายายังทำงานได้ดี ใบหน้าของเลสเตอร์กลายเป็นหนุ่มนักดนตรีตาสีน้ำทะเล ผู้หญิงบนเคาน์เตอร์กะพริบตานิดเดียวแล้วก้มหยิบกุญแจห้องให้ โมนีก้าพยักหน้าขอบคุณในชื่อปลอมที่เพิ่งตั้งเมื่อห้านาทีก่อน เสียงท่าเรือค่อย ๆ ถอยห่าง เหลือเพียงระฆังเบา ๆ และเสียงคำสั่งบนวิทยุที่สะท้อนมาตามผนังเหล็ก


เคบินเล็กพอที่จะให้สองคนเดินสวนกันอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เตียงสองชั้นสะอาดเรียบ ไฟเพดานสีขาวนวลอบอุ่นกว่าที่คาด เลสเตอร์วางกระเป๋าแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบเหมือนกำลังตรวจฮอลล์คอนเสิร์ตส่วนตัว จากนั้นก็ทรุดนั่งปลายเตียงล่างอย่างผู้กำกับที่จำใจรับเวทีเล็กกว่ามาตรฐาน “ยอมรับก็ได้ว่าไม่เลว” เขาบอกในที่สุด “ถ้ามีหน้าต่างก็คงดีกว่า แต่ผมเป็นคนใจกว้าง พร้อมเสียสละเพื่อภารกิจ”


“คำว่าเสียสละของนายคืออะไร นอนเตียงล่างแทนเตียงบน?” โมนีก้าขมวดคิ้ว “ดีแล้ว นายจะได้ไม่ตกเตียง”


“ผมไม่ตกหรอก นอกจากตกหลุ เขายิ้มเอียงคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์จนคนฟังต้องคว้าหมอนขึ้นมือเองโดยอัตโนมัติเพราะเขาจะเล่นมุกเสี่ยวใส่เธออีกแล้วหรอ “ล้อเล่น ล้อเล่น อย่าขว้างนะ ผมเพิ่งหายเวียนหัวจากการกดรัศมีเทพ”


โมนีก้าส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ในแววตาอ่อนลงอย่างไม่อาจซ่อน ขณะเก็บกุญแจห้อง เธอกลับไปยืนที่ประตูมองโถงทางเดินที่ทอดยาวและสัญลักษณ์ทางหนีไฟอีกครั้ง สัญชาตญาณผู้รอดชีวิตจากศึกมากมายทำงานเงียบ ๆ เลสเตอร์ยืนตามหลังโดยเว้นระยะเหมาะเจาะ ไม่รุกราน แต่ให้ความรู้สึกว่าหากอะไรพุ่งมากะทันหัน มือของเขาจะถึงคันธนูได้ทันที เสียงหวูดเรือกังวานยาวครั้งแรกในยามเย็น น้ำทะเลกระเพื่อมรับแรงสั่นจากเครื่องยนต์ขนาดมหึมา เรือทั้งลำค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากอ่าว ท่าเรือปาทรัสค่อย ๆ ถอยไกลเป็นแถบแสงบนขอบฟ้า โมนีก้าหันกลับมา ยกคิ้วให้ชายหนุ่มที่กำลังยิ้มแบบคนรู้ทันโลกมากกว่าที่อยากยอมรับ


“ไปอันโคนาให้ปลอดภัยก่อน แล้วค่อยโม้อีกที”


“ขอเวลาบนดาดฟ้าสักห้านาที ให้เทพพระอาทิตย์บอกลาบ้านเกิดแสงของตัวเองหน่อย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่คราวนี้ไม่มีแววอวดเท่าเดิม แต่มีรสของความผูกพันบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่าโวหาร เธอนึกชั่งใจเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ห้านาที แล้วกลับลงมาพัก นายยังดูซีดอยู่นะจากการพักผ่อนเนี้ย”


“ผมดูซีดเพราะไฟในห้องไม่ยุติธรรมกับผิวโกลว์ธรรมชาติของผมต่างหาก” เขาหันมายักคิ้ว แต่ยอมเดินตามเธอออกไปอย่างว่าง่าย


ประตูเหล็กเปิดสู่ลมแรงของดาดฟ้า แสงแดดคล้อยต่ำอาบเขตแดนทะเลอิออนเป็นผืนทอง เลสเตอร์หลับตาสูดลมยาว แขนเสื้อสะบัดตามลมคล้ายผืนธงเล็ก ๆ ของกรีกโบราณ โมนีก้ายืนข้าง ๆ เงียบกริบ ดวงหน้าในเงาโค้ตมองไกลไปทางทิศตะวันตกที่ทอดสู่เส้นทางสู่อิตาลีและภารกิจที่ยังไม่จบ เสียงหวูดครั้งที่สองสั่นสะเทือนผ่านกระดูก เธอก้มลงดึงกำไลข้อมือดาบให้แน่นอีกครั้ง คล้ายลงนามกับโชคชะตาว่าจะเดินต่อไปไม่ว่าอะไรจะรออยู่ข้างหน้า


เมื่อเสียงหวูดครั้งที่สามดังขึ้น เรือก็ออกทะเลเต็มตัว แสงสุดท้ายของกรีซไล้ปลายผมสีน้ำตาลเข้มเป็นเส้นไหมสีทอง เลสเตอร์เหลือบมองและยิ้มลึกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทะเลรับรู้ความลับเล็ก ๆ ของเทพเจ้าในร่างมนุษย์ แต่ปล่อยให้มันลอยละลายไปกับฟองคลื่น เพื่อให้คืนนี้มีเพียงการเดินทาง การพักผ่อนในเคบินเล็ก และหัวใจสองดวงที่ยังเต้นในจังหวะไม่ลงรอย ทว่าเริ่มค่อย ๆ เข้าหากันทีละน้อยระหว่างทางไปอันโคนา

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

(บ่นยาวเรื่องห้องพักประมาณ 30 หน้าได้) 

avatar

Moneka M. Blossom

โอ้ย ปวดหัวกว่าจะมาถึงตรงนี้




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 44549 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-31 06:28
โพสต์ 44,549 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-31 06:28
โพสต์ 44,549 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-31 06:28
โพสต์ 44,549 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-31 06:28
โพสต์ 44,549 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-31 06:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-31 08:43:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 22 : แกนี้เองเจ้าตัวดี
วันที่ 28 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงดึก เวลา 00.00 น. เป็นต้นไป ณ เรือเฟอรี่ระหว่างการเดิทางมุ่งหน้าสู่ ท่าเรือ อันโคนา อิตาลี ยุโรป

ระหว่างการเดินทางลมเหนือพัดแรงจนผืนคลื่นกระทบกราบเรือดังป้าบเป็นจังหวะ เสียงโลหะสั่นคลอไปกับเสียงเครื่องยนต์ต่ำ ๆ ที่ก้องสะท้อนในทางเดินยาว โมนีก้าและเลสเตอร์ออกจากห้องพักหลังอาหารค่ำ ทั้งคู่ตั้งใจจะเดินไปท้ายเรือเพื่อสูดอากาศยามค่ำ เงาของแสงจันทร์จาง ๆ ยามพลบค่ำที่มาแทนช่วงกลางคืนสะท้อนผ่านหน้าต่างทรงโค้งทอดยาวบนผนังเหล็กจนทางเดินทั้งสายเหมือนถูกปูด้วยเงินเปล่งประกาย 


ระหว่างที่เสียงรองเท้าของทั้งสองคนดังสลับกันบนพื้นเหล็ก จู่ ๆ ก็มีเสียง “แอ๊วว—!!” เบา ๆ ดังขึ้นจากมุมหนึ่ง เสียงนั้นสั้นแหลมและสั่นเหมือนเด็กเล็กขอความช่วยเหลือ ทั้งสองหันไปทางเดียวกันตามสัญชาตญาณ พริบตาเดียว ร่างเล็กสีดำขลับก็พุ่งตัดหน้าทั้งคู่ไปอย่างรวดเร็ว เงานั้นส่องประกายวูบหนึ่งในแสงจันทร์ หางของมันเรืองสีม่วงอมฟ้าเป็นสาย “แมว...?” โมนีก้าอุทานออกมาพร้อมก้าวตามทันที ดวงตาสีเทาเงินสะท้อนประกายจากขนมันราวกับถูกสะกดเพราะโมนีก้าชอบแมวมาก ๆ


เลสเตอร์ขมวดคิ้ว มองตามด้วยความประหลาด “แมวบนเรือกลางทะเล? ไม่มีทาง นั่นไม่ใช่แมวธรรมดาหรอกนะ”


“แล้วมันคืออะไรล่ะ?” เธอก้มลงพยายามมองใต้ตู้เก็บของที่แมวตัวนั้นหนีเข้าไป เสียงกีบเล็ก ๆ ข่วนพื้นเหล็กเบา ๆ ดังอยู่ข้างใน “แมวผีนำโชค...” เขาตอบในที่สุด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความระวัง “พวกนั้นมักปรากฏในคืนที่ม่านระหว่างโลกสองภพบางลง โดยเฉพาะรอบฮาโลวีน... มันเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่หรือ...คำเตือนบางอย่าง”


โมนีก้าหันมามองเขา “แล้วทำไมมันถึงมาโผล่บนเรือได้ล่ะ นี้กลางทะเลเลยนะ?”


เลสเตอร์ยักไหล่ “ผมไม่แน่ใจ บางทีมันอาจจะรู้ว่ามีเทพอยู่ก็ได้” เขาพูดเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความมั่นหน้า “สิ่งมีชีวิตพวกนี้ชอบดึงดูดกับพลังของผมแสงแห่งการฟื้นคืน...”


“หรือไม่ก็กลัวนายต่างหาก” เธอแซะกลับ มือยังคงยื่นเข้าไปใต้ตู้ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดต่อ เสียงครืดเบา ๆ ดังขึ้นจากข้างหลัง ทั้งคู่หันขวับไปพร้อมกันลมเย็นพัดวูบเข้าทางช่องระบายอากาศเหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในเงาเรือ เสียงโลหะกระทบกันเบา ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นสิ่งเล็ก ๆ สีดำก็พุ่งออกมาจากใต้ตู้ตรงเข้าหาโมนีก้าอย่างแรงจนเธอเกือบเซ


“ว้าย!” เธอร้องเบา ๆ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงบางอย่างที่เกาะแน่นอยู่ตรงอก แมวตัวเล็กนั่นใช้กรงเล็บเกี่ยวผ้าเสื้อเธอไว้แน่นจนรู้สึกถึงปลายนิ้วคม ๆ ผ่านเนื้อผ้า กลิ่นเย็นอ่อน ๆ คล้ายดอกลาเวนเดอร์และควันธูปจาง ๆ ลอยขึ้นแตะปลายจมูก มันฝังใบหน้าไว้กับอกเธอเหมือนกำลังหาที่ปลอดภัยสำหรับตัวมันเอง จนโมนีก้าต้องลูบขนของมันเพื่อปลอบโยนเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน


เลสเตอร์ยืนเท้าเอว มองภาพตรงหน้าแล้วเลิกคิ้วอย่างหมั่นไส้ “โอ้โห ตัวผมโดนไพธอนไล่กัดยังไม่เห็นคุณโอ๋ขนาดนั้นเลยนะ”


“ก็เพราะนายพูดมากไง” โมนีก้าตอบขณะก้มลงลูบขนแมวผีนำโชคที่เรืองแสงอยู่ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง “แต่มันน่ารักนี่นา ดูสิ หางมันเรืองเหมือนแสงออโรร่าเลย...” แมวเงยหน้าขึ้น ดวงตาอำพันของมันสะท้อนแสงเทียนในโถงราวกับเปลวไฟเล็ก ๆ มันส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ แล้วขยับตัวเข้าหาอกโมนีก้ามากขึ้นจนเธอต้องหัวเราะเบา ๆ “ใจเย็นสิ เจ้าตัวดี ฉันไม่ไปไหนหรอก”


เลสเตอร์ถอนหายใจอย่างไม่พอใจนัก “เยี่ยมเลย ผมโดนแมวผีแย่งความสนใจจากเทพเจ้าตัวเองแล้วสินะ นี่ถ้ามันพูดได้คงบอกว่าเจ๊อย่าทิ้งหนูนะคะ”


โมนีก้าเหล่มองเขา “หึงแมวเหรอ?”


“ไม่ใช่หึง แค่รู้สึกว่าแมวตัวนี้มันโชคดีเกินไปต่างหาก” เขายกมือกอดอก ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น “คุณรู้ไหม มันได้อยู่ในอ้อมอกของธิดาแห่งพืชผลผู้หอมเป็นกลิ่นไลแลคและเบอร์รี่ ในขณะที่ผมต้องยืนดูอยู่ห่าง ๆ แบบนี้...”


“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ บอกให้มันไปกอดนายแทนเหรอ?”

“อืม...ถ้ามันยอม ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ”

โมนีก้าเงยหน้ามองเขาอย่างเหนื่อยใจแต่ปนหัวเราะ “พอเถอะเลสเตอร์ นายไม่ใช่พระจันทร์ที่แมวต้องหมอบกราบนะ”

“ไม่ใช่สิ ผมคือพระอาทิตย์ต่างหาก” เขายิ้มกว้าง ยกมือเสยผมหยิกของตัวเองอย่างภาคภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเอง “และแมวตัวนี้อาจจะเป็นผู้ศรัทธาองค์ใหม่ของผมก็ได้”


“แน่ใจนะว่ามันไม่ได้จะข่วนหน้านายแทน?” โมนีก้าเอ่ยถามยิ้ม ๆ ใส่เลสเตอร์ เสียง “เหมี้ยว” เบา ๆ ดังขึ้นราวกับตอบแทนคำพูดนั้น เจ้าแมวเงยหน้าขึ้นแล้วจามหนึ่งที ก่อนจะซุกกลับเข้าที่อกโมนีก้าอีกครั้ง “เห็นไหม มันเลือกแล้ว” เธอพูดพลางยิ้มขณะก้มลงลูบหลังมัน “อย่าขู่สิเลสเตอร์ นายจะทำให้มันกลัวนะ”


เลสเตอร์กลอกตา “กลัวผม? ผมเนี่ยนะ เทพแห่งความอบอุ่นแสงแดด? ผมแค่—”

“บ่นอีกแล้ว” เธอพูดตัดทันที เสียงหัวเราะของโมนีก้าดังก้องอยู่ในโถงเรือ ขณะที่เลสเตอร์ยกมือปิดหน้า ถอนหายใจหนักแต่ก็แอบยิ้มในเงามุมปาก สุดท้ายเขาก็เดินตามเธอไปจนถึงท้ายเรือ โดยมีเจ้าแมวผีนำโชคที่เรืองหางสีม่วงนวลเกาะอยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวอย่างพอใจ


ระหว่างที่ทั้งสองกำลังยืนใกล้ดาดฟ้าด้านหลังเรืออยู่ ๆ เสียงน้ำแตกซ่าและแรงสั่นสะเทือนมหาศาลดังขึ้นจากใต้เรือก่อนที่คลื่นลูกใหญ่จะซัดเข้ากระแทกกราบจนทั้งลำเอนแรง โมนีก้าและเลสเตอร์ที่ยืนอยู่ท้ายเรือหันขวับไปพร้อมกัน สิ่งที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาทำให้แม้แต่เทพเจ้าอย่างเขายังต้องขมวดคิ้ว เงามหึมาสีครามดำทะลักขึ้นจากทะเลราวกับปีศาจในฝันร้าย หัวของมันเป็นฉลามขาวขนาดยักษ์ มีฟันซี่คมเรียงเป็นชั้น ๆ เหมือนวงเลื่อยหมุน ส่วนล่างเป็นหนวดหมึกขนาดมหึมาสิบเส้นพันกันอยู่ พ่นไอน้ำเย็นสีฟ้าอมดำออกมาเป็นควัน มันคือลูซก้า อสุรกายแห่งห้วงลึก หนึ่งในสิ่งที่ไม่ควรปรากฏบนผิวน้ำเด็ดขาด และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น มันไม่ได้มีตัวเดียว


“โว้ย ให้ตายเถอะ…คืนนี้จะมีอะไรอีกไหมเนี่ย!” เลสเตอร์สบถพลางถอยหลัง ก่อนที่จะหยิบธนูจากด้านหลังออกมา


โมนีก้ารัดเจ้าแมวผีแน่นในอ้อมแขน มันร้องเสียงเบาเหมือนหวาดกลัวจนขนฟู หางสีม่วงเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับป้องกันตนเอง “ไม่ต้องกลัวนะ เจ้าเด็กดี ฉันจะจัดการเอง” เธอกระซิบ ก่อนที่แสงสีทองจากข้อมือซ้ายจะพุ่งวาบออกมาและกลายเป็นดาบสุริยคติที่เต็มไปด้วยพลังอุ่นร้อนเหมือนแสงพระอาทิตย์ ลูกศรทองพุ่งออกจากคันธนูของเลสเตอร์อย่างแม่นยำ เสียงหวีดของพลังอัดอากาศดังเฉียดหู โมนีก้าใช้จังหวะนั้นกระโดดขึ้นจากราวเหล็กฟาดดาบลงบนหนวดลูซก้าตัวหนึ่งเต็มแรง แสงไฟแล่นไปตามคมดาบจนเกิดเสียงไหม้เปรี๊ยะ เสียงคำรามของมันดังสะเทือนจนพื้นเรือสั่น


“อย่าให้มันเข้ามาใกล้เรือเด็ดขาด!” เลสเตอร์ตะโกนขณะร่ายศรพลังต่อเนื่องเป็นฝนทองคำลงกลางทะเล คลื่นน้ำกลายเป็นสีส้มเพราะสะท้อนแสงของศรอันร้อนแรง


“พูดเหมือนมันจะฟังน่ะสิ!” โมนีก้าตอบ พลางพลิกตัวหลบหนวดอีกเส้นที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว เธอใช้เท้าถีบกราบเหล็กแล้วหมุนตัวฟันกลับขึ้นไปอย่างแม่นยำจนหนวดขาดสะบั้น


ลูซก้าทั้งห้าตัวค่อย ๆ พุ่งขึ้นมาพร้อมกัน เสียงคำรามของพวกมันดังจนคลื่นกระเพื่อมสูงราวกับพายุทะเลกำลังจะก่อตัว เลสเตอร์ยกมือขึ้นเหนือหัว ยิงธนูจนพลังของเทพแห่งแสงอาทิตย์แผ่กระจายเป็นวงแสงกลมโตเหนือเรือก่อนที่เขาจะปล่อยลูกศรยักษ์ดั่งอาทิตย์ตกทะเลลงกลางฝูงอสุรกาย เสียง “ตูม!” ดังสนั่นสะเทือนทั่วทะเล ลูซก้าถูกแรงระเบิดกลืนเข้าไปทั้งฝูง เศษหมึกทะเลและฟันฉลามปลิวกระจายกลางอากาศ คลื่นซัดกระแทกเรือจนเกิดฟองขาว ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลง เหลือเพียงกลิ่นคาวและควันร้อนลอยคลุ้ง


โมนีก้าหอบเล็กน้อย เธอก้มมองเจ้าแมวผีที่ยังเกาะอยู่แน่นตรงอก มันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาอำพันคู่นั้นเปล่งแสงอ่อน ๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นมาเกาะแก้มของเธอ ใช้หน้าผากแตะเข้ากับผิวเธออย่างแผ่วเบา แสงสีม่วงนวลสว่างขึ้นครู่หนึ่ง แล้วดับลงพร้อมเสียงกระซิบในลมหายใจ “มัน…ทำสัญญากับฉัน” เธอพูดออกมาเบา ๆ ดวงตายังจับจ้องเจ้าแมวที่ตอนนี้หางเรืองสีเข้มขึ้นและรูปบนข้อมือของเธอมีสัญลักษณ์ใหม่ปรากฏอยู่ รอยเท้าแมวเล็ก ๆ ส่องประกายสีม่วง


เลสเตอร์ยืนพิงราวเรือ ถอนหายใจแรง ๆ พลางชี้หน้าแมว “ยอดเยี่ยมเลย เจ้าขนปุยได้บ้านแล้ว ส่วนฉัน...ได้โดนแย่งตำแหน่งหัวใจอีกต่างหาก”


โมนีก้าเงยหน้ามองเขาอย่างงง “อะไรนะ นาย...หึงแมวเหรอ?”


“ไม่ใช่หึง ผมแค่รู้สึกว่าเทพเจ้าระดับผมไม่ควรถูกลดลำดับลงรองจากแมวผี” เขาเชิดหน้าพูด แต่ปลายเสียงมีแววตัดพ้อจาง ๆ ใส่โมนีก้าอย่างเห็นได้ชัด โมนีก้าหัวเราะในลำคอ ยกมือขึ้นอุ้มแมวแล้วเดินเข้าไปใกล้เขา “โอ๋ ไม่ต้องทำหน้ามุ่ยขนาดนั้นสิ มานี่ ฉันแบ่งอ้อมแขนให้ก็ได้” เธอพูดพลางขยับเข้าใกล้จนไหล่ทั้งคู่เกือบชนกัน


แสงจันทร์บนทะเลสะท้อนผ่านเส้นผมหยิกของเลสเตอร์จนดูเหมือนวงทองอ่อน เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มบางบนริมฝีปากเธอ และในที่สุด เขาก็ยอมแพ้ต่อสายตาและลูกอ้อนนั้น “เฮ้อ…คุณน่ารักเกินไปจนผมโกรธไม่ลงเลยจริง ๆ” เขาพึมพำ แล้วปล่อยหัวเราะเบา ๆ ขณะยื่นมือมาลูบหัวแมวผีที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของโมนีก้า


“จำไว้นะเจ้าแมว...ฉันมาก่อน” เขาแกล้งพูดใกล้หูของมัน แต่โมนีก้ากลับหัวเราะเสียงใสจนแมวสะดุ้งเล็กน้อย

“นายพูดเหมือนเด็กเลยเลสเตอร์” โมนีก้าเอ่ยยิ้ม ๆ

“ก็เด็กที่คุณชอบไง” เลสเตอร์ตอบแล้วยักคิ้วใส่แบบย้อน


โมนีก้าเบือนหน้าหนีไปทางทะเลอย่างเขินแต่ปากยังยิ้มไม่หุบ ลมทะเลพัดผ่านปลายผมทั้งคู่ เสียงคลื่นค่อย ๆ เบาลงและดวงจันทร์เต็มดวงก็ลอยสูงขึ้นเหนือเรือ เงาของทั้งสาม หญิงสาว เทพผู้หลงตัวเอง และแมวผีผู้มีหางเรืองแสง ทาบทับลงบนดาดฟ้าอย่างกลมกลืนราวกับกลายเป็นกลุ่มการเดินทางที่ประหลาดยิ่งนัก

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

เยี่ยม! การเดินทางทางเรือช่างโรแมนติกและมีศิลปะเหลือเกิน (ไม่นับเรื่องเตียงที่ผมไม่ค่อยชอบเลยแต่จากความใจกว้างผมจะยอมรับมันแล้วกัน) ผมคือแสงสะท้อนบนพื้นเรือ ผมคือภาพสลักที่สมบูรณ์แบบที่โมนีก้าควรชื่นชม! แต่เดี๋ยวก่อน... นั่นคือเสียง 'แอ๊ว' ที่น่ารำคาญอะไรกัน! แมว! ไม่ใช่แค่แมวแต่เป็นแมวผีนำโชคสิ่งมีชีวิตที่ดึงดูดพลัง(ความสนใจ)ของผม! มันควรจะเข้ามาให้ความเคารพเทพแห่งการฟื้นคืนชีพอย่างผม แต่กลับหนีซะงั้น น่าอับอายมากเลยนะเนี้ย


มันยังกล้าดีอย่างไรมาซุกอกโมนีก้า! เธอโอ๋มันมากกว่าตอนที่ผมโดนไพธอนรัดเสียอีก! หางมันเรืองเหมือนแสงออโรร่า เหอะ แสงของผมเจิดจ้ากว่าหางแมวนี้เสียอีก นี่คือการลดระดับความสำคัญของผมอย่างร้ายแรง! ผมไม่ได้หึง ผมแค่รู้สึกว่าลำดับความสำคัญในอ้อมแขนของโมนีก้ากำลังถูกจัดเรียงอย่างไม่ถูกต้องอย่างแรง แต่ในช่วงต่อมากลับโดนโจมตี มิน่าเจ้าแมวถึงกลัวขนาดนี้


ผมได้รับชัยชนะอย่างงดงามต้องปรบมือให้ตัวเองสิ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับกลายเป็นการถูกแมวทำให้หึง

 ผมหึง! ใช่ ผมหึง! ผมยอมรับมันอย่างที่เป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์ (ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ที่ผมเพิ่งมี) การที่โมนีก้าแบ่งอ้อมแขนให้แมวมันไม่สมเหตุสมผลเลย แต่สุดท้ายเธอก็ส่งมันกลับมาให้ผม... บ้าจริง นั่นคือรางวัลที่คุ้มค่าที่สุด

avatar

Moneka M. Blossom

โมนีก้าชอบแมวมากและเจ้าตัวน้อยนี่ก็น่ารักที่สุดในโลก! มันมาหาฉันเอง! และมันก็เรืองแสงตรงหางด้วย สีม่วงสวยที่สุด ฉันรู้ว่าเลสเตอร์หึงนะเพราะมันชัดเจนมากจนน่าขำ การที่เทพเจ้าอะพอลโลแสดงอาการน้อยใจเพราะถูกแมวผีแย่งซีนมันช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากและน่ารักอย่างเหลือเชื่อเลยแหละ


การที่เขาแกล้งทำท่าไม่พอใจแล้วสุดท้ายก็ยอมแพ้ต่อฉัน... มันทำให้ฉันเขินอยู่นะและยิ่งเขายอมให้ฉันแบ่งอ้อมแขนให้เขาด้วย... ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบโคตรเขินเลยง่ะ


มีค่า LUK 95+ หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ หนวดลูชก้า จำนวน 10 ชิ้น 10 x 2 = 20 ชิ้น

สรุป ได้รับ หนวดลูชก้า 10 ชิ้น


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 70953 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-31 08:43
โพสต์ 70,953 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-31 08:43
โพสต์ 70,953 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-31 08:43
โพสต์ 70,953 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-31 08:43
โพสต์ 70,953 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-31 08:43
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-31 15:13:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 22 : แกนี้เองเจ้าตัวดี
วันที่ 28 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงค่ำ เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป ณ ท่าเรืออันโคนา อิตาลี ยุโรป

ยามหัวค่ำท่าเรืออันโคนาในอิตาลีงดงามดั่งภาพวาด เสียงคลื่นกระทบขอบท่าแผ่วเบา แสงไฟจากเสาเรือสะท้อนเป็นเส้นยาวบนผิวน้ำระยิบระยับเหมือนผ้าไหมสีทอง ทันทีที่เรือเฟอร์รี่เทียบท่า เสียงเครื่องยนต์ดับลง เหล่าผู้โดยสารทยอยลงจากเรือท่ามกลางอากาศเย็นปนกลิ่นเกลือทะเลและไวน์องุ่นที่ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ โมนีก้าสะพายกระเป๋าผ้าใบเล็กของตัวเอง เดินเคียงไปกับเลสเตอร์ที่ยังคงทำท่าผู้ดีเต็มขั้นราวกับเดินพรมแดงงานประกาศรางวัล


เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบ่นเสียงเบา “เรือโยกทั้งวันเลย เหมือนหัวฉันจะหมุนรอบโลกแล้วนะเนี้ย” เสียงนุ่มนั้นมีแววเหนื่อยปนประชดนิด ๆ ก่อนจะเหลือบมองชายข้างตัวที่ยังคงแผ่รัศมีความมั่นใจออกมาราวดวงอาทิตย์ไม่สนอากาศเย็นของยุโรป เลสเตอร์หรี่ตาอย่างภูมิใจในตัวเอง “อย่าห่วงเลย โมนีก้า ที่รัก เรากำลังยืนอยู่ในอิตาลี! ดินแดนแห่งศิลปะ ดนตรี และแน่นอน...ภาษาอันไพเราะที่ผมพูดได้คล่องพอ ๆ กับการเขียนโคลงสด” เขาเชิดหน้า หยุดตรงทางเดินไม้ พูดสำเนียงอิตาเลียนเป๊ะราวเจ้าถิ่น “Buona sera, bella! Benvenuti in Italia!” ก่อนหันมายิ้มให้เธอในท่าทีที่ชัดว่าอยากอวดเต็มที่


โมนีก้าเบ้ปาก ขณะก้าวลงจากทางลาดเรืออย่างระวัง “ฉันฟังไม่ออกสักคำค่ะคุณกวีผู้ยิ่งใหญ่ แล้วก็พูดเยอรมันไม่ได้เหมือนกัน” เธอหันไปมองเขา ดวงตาเทาเงินสะท้อนแสงไฟท่าเรือระยิบระยับ “เพราะงั้นอย่าเพิ่งโม้เรื่องภาษาเลยนะคะ เราควรหาทางออกจากตรงนี้ก่อนที่ใครจะสงสัยว่าพวกเราหลบหนีจากอะไรมา”


เลสเตอร์ทำท่าจะอ้าปากต่อแต่ถูกมือของเธอยกขึ้นแตะไหล่หยุดไว้ก่อน “ไม่ต้องเลยค่ะ คุณปาปาโดปูลอส” เสียงนุ่มแต่เฉียบของเธอเอ่ยเรียกเต็มยศ “เราจะเดินทางด้วยรถเช่าหรือรถประจำทางก็พอ ไม่ต้องทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจมากกว่านี้”


“รถเช่า?” เขาทวนคำด้วยน้ำเสียงเหมือนเพิ่งได้ยินคำที่น่าขันที่สุดในโลก “อย่างน้อยก็ขอเป็น Maserati สักคันเถอะ ผมไม่ใช่เทพแห่งแสงสว่างเพื่อมานั่งรถตู้เสียงดังปี๊น ๆ ข้างชาวบ้านนะโมนีก้า”


“Maserati แพงมากค่ะ” เธอว่าเรียบ ๆ แต่สายตาเย็นเฉียบจนเขารู้ว่าไม่ควรต่อรอง “เรามีเงินจำกัด แล้วถ้าอยากขับของแพงนัก...ก็ควรหางานทำก่อนดีไหมคะ” เลสเตอร์ถอนหายใจยาวอย่างคนกำลังต่อสู้กับชะตาฟ้าของตนเอง “เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ต้องมาต่อคิวขึ้นรถบัส มันเป็นโศกนาฏกรรมของประวัติศาสตร์ชัด ๆ” เขาพึมพำในคอ แต่ยังคงเดินตามเธอไปอยู่ดี


ท่าเรืออันโคนาในยามเย็นมีชีวิตชีวาไม่ต่างจากจัตุรัสในเมืองหลวง ร้านไวน์เปิดไฟนวลอบอุ่น กลิ่นพาสต้าและเนยหอมโชยผ่านหน้าทั้งคู่ เสียงหัวเราะจากกลุ่มคนในร้านดังขึ้นพร้อมเสียงไวโอลินเบา ๆ ที่ลอยมาแต่ไกล โมนีก้าหยุดมองเพียงครู่ สายลมเย็นพัดกลิ่นไลแลคจากผิวของเธอออกคลอไปกับกลิ่นทะเล เลสเตอร์แอบมองโมนีก้าที่เธอกำลังเงียบและตั้งใจจะก้าวเดินต่อ ดวงตาเทาเงินของเธอจับต้องทุกแสงและเงาอย่างละเอียด เขาอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลืนมันไว้แทน เพราะแปลกดี...ที่เขาเริ่มรู้สึกสบายใจแค่ได้เดินข้าง ๆ


“ก็ได้ รถบัสก็รถบัส” เขาพูดเสียงอ่อยในที่สุด “แต่ถ้ามันมีไวไฟ ผมจะถือว่ามันเป็น Maserati แห่งยุคดิจิทัล ก็แล้วกัน”


โมนีก้าหันมาหัวเราะเบา ๆ “โอเคค่ะ คุณ Maserati ดิจิทัล” แล้วเธอก็เดินนำเขาไปยังถนนที่มีป้ายสถานีรถเช่าขึ้นไฟสีเหลือง “เราไปกันเถอะ ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนใจแล้วจ้างเครื่องบินส่วนตัวแทน”


เลสเตอร์ยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก ยิ้มแบบคนที่รู้ว่าถูกแซะแต่กลับรู้สึกดีอย่างประหลาด เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอกระทบพื้นหินดัง “กึก กึก” ข้าง ๆ รองเท้าสนีกเกอร์ของเขาที่เดินจังหวะเดียวกัน แสงไฟท่าเรือค่อย ๆ ละลายกลืนเข้ากับท้องฟ้ายามราตรีที่กำลังกลืนแดดสุดท้ายของวัน ทั้งคู่เดินเคียงกันไปในเมืองยุโรปโบราณที่เริ่มเปิดประตูสู่การผจญภัยครั้งใหม่


ลมทะเลของอันโคนาพัดเย็นจัดจนกลิ่นเกลือแตะจมูก เสียงคลื่นกระทบผนังท่าเรือสลับกับเสียงเรือเฟอร์รี่เทียบท่าดังเบา ๆ แสงไฟสีส้มสลัวสะท้อนบนพื้นหินเปียกจนดูเหมือนเงาเปลวไฟที่เต้นระบำใต้ฝ่าเท้า โมนีก้ากับเลสเตอร์เพิ่งลงจากเรือ เตรียมหาที่พักใกล้ ๆ เพื่อพักผ่อนก่อนออกเดินทางต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินเลียบท่าเรือไปตามถนนปูหินแคบ ๆ บรรยากาศกลับแปรเปลี่ยนอย่างแปลกประหลาด


จากไกล ๆ มีเงาคนเจ็ดคนเดินสวนมาในชุดเครื่องแบบตำรวจอิตาเลียนเต็มยศ เสื้อคลุมกันลมติดตราเงินสะท้อนแสงไฟริมถนน แต่สิ่งที่ทำให้โมนีก้าหยุดชะงักคือจังหวะเท้าของพวกนั้น มันเหมือนกันทุกก้าว...เป๊ะ ทุกคนหันหน้าพร้อมกัน ทุกการเคลื่อนไหวเที่ยงตรงเกินมนุษย์ เธอหรี่ตา “เลสเตอร์…พวกนั้น…”


เลสเตอร์เหลือบตามองเพียงครู่แล้วถอนหายใจหนัก “ใช่เลย เดธแมชชีนแน่นอน ไม่ผิดแน่”


ไม่ทันสิ้นคำ ทั้งเจ็ดเปลี่ยนสภาพร่างในชั่วพริบตาเสียงโลหะขบกัน “แกร๊ก! แคร้ง!” เปลือกเนื้อสังเคราะห์แตกออกเผยโครงเหล็กหนาทึบ แผ่นเกราะสีดำสนิทมีแสงแดงเต้นระยับตรงศูนย์กลางอกเหมือนดวงตาปีศาจ กระบอกแขนกลทั้งสองข้างแปรเปลี่ยนเป็นปืนพลังงานหนักส่งเสียงชาร์จดังหึ่งสนั่นกลางอากาศ เย็นยะเยือกเหมือนเสียงเตือนแห่งความตาย โมนีก้าก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ดวงตาเทาเงินสะท้อนแสงไฟสีแดงของพวกมัน “เจอของจริงซะแล้วสินะ…” เธอกระตุกข้อมือซ้าย กำไลทองคำรูปวงแสงบนข้อมือแปรเปลี่ยนกลายเป็นดาบยาวสีทองอร่าม “งั้นจัดให้ตามที่อยากได้เลย”


เลสเตอร์ยิ้มกว้างราวกับเทพเจ้ากำลังได้โชว์ “ถึงเวลาที่แสงสว่างต้องชำระความมืดอีกครั้งแล้วสินะเนี้ย” แต่โมนีก้าแทรกขึ้นทันที “พูดสั้น ๆ ค่ะ แล้วช่วยยิงให้แม่น ๆ ด้วย!”


เลสเตอร์หัวเราะสั้น ๆ ก่อนจะง้างคันธนูพลังแสง ลูกศรสีทองเพลิงพุ่งออกพร้อมเสียงแตกกระจายเหมือนสายฟ้าผ่ากลางอากาศ ลูกแรกเจาะทะลุศีรษะเดธแมชชีนตัวหน้า ดวงไฟสีแดงกลางอกดับวูบก่อนร่างมหึมาจะทรุดลงไปกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เสียงเหล็กกระแทกพื้นดัง “ครืน!”


โมนีก้าพุ่งตัวเข้าใกล้พวกที่เหลือ ร่างบางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเหมือนแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ ดาบในมือกรีดผ่านข้อแขนกลจนประกายไฟกระจาย เสียงเหล็กแตกดังสนั่น เธอหมุนตัวหลบกระสุนพลังที่พุ่งเฉียดหน้าแล้วฟันตัดกลางคออีกตัวจนหัวเครื่องยนต์หลุดกระเด็น ลำตัวล้มลงพร้อมเสียงกลไกขาดสะบั้น เลสเตอร์ปล่อยลูกศรสามดอกซ้อนในเวลาไม่ถึงวินาที แสงสีทองเส้นเรียวยิงทะลุร่างเดธแมชชีนสามตัวในแนวเดียวกัน เสียงระเบิดลูกเล็ก ๆ ดัง “ตูม ตูม ตูม!” ทะเลสาดคลื่นกระเด็นสูงขาวโพลน เงาของทั้งสองทอดอยู่ท่ามกลางแสงไฟระเบิดนั้นราวกับคู่เทพในภาพวาดโบราณ


เมื่อเสียงโลหะสุดท้ายดับลง กลิ่นไหม้และควันไฟลอยคลุ้งทั่วตรอกใกล้ท่าเรือ เศษเหล็กของเดธแมชชีนทั้งเจ็ดกลายเป็นเพียงเศษซากร้อนระอุที่ค่อย ๆ มอดดับในแสงไฟนวลรอบเมือง เลสเตอร์ปัดฝุ่นจากเสื้อคลุมอย่างสำราญ “เห็นไหม ผมบอกแล้ว มันง่ายเหมือนเดินชมพระอาทิตย์ตก”


โมนีก้าเก็บดาบกลับเป็นกำไล หันมาจ้องเขา “ง่ายสำหรับคุณที่ยิงอยู่ข้างหลังน่ะสิคะ ฉันนี่สิที่ต้องหลบกระสุนจนรองเท้าแทบขาด”


“ผมเรียกว่านั่นคือการเต้นรำในสนามรบต่างหาก คุณทำได้สวยมาก” เขายิ้มมุมปาก เสียงลมทะเลแทรกเข้ามาพอดีจนโมนีก้าหลุดหัวเราะออกมานิดหนึ่ง “เต้นรำพอแล้วค่ะ ตอนนี้อยากนอนบนเตียงมากกว่า” เธอพูดพร้อมเดินนำหน้าไปทางถนนที่ทอดสู่ตัวเมือง


เลสเตอร์ยักไหล่ตามหลัง “ตามใจคุณสาวไลแลค แต่ถ้าห้องพักไม่มีอ่างน้ำร้อน ผมจะถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมของศตวรรษนะ”


“ค่ะ ๆ คุณเทพโศกนาฏกรรมแห่งศตวรรษ รีบเดินค่ะ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จริงจะมานะคะ” เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วก้าวตามเธอไป ท้องฟ้ายามค่ำเหนืออันโคนาเริ่มโปรยแสงดาว เสียงคลื่นกลืนเสียงฝีเท้าทั้งคู่จนเหลือเพียงเงาสองเงาเดินเคียงกันใต้แสงไฟริมถนน

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

-

avatar

Moneka M. Blossom

-


มีค่า LUK 100 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ โปรแกรม AI จำนวน 1 ชิ้น 1 x 2 = 2 ชิ้น

ได้รับ มอเตอร์ไฮดรอลิก จำนวน 2 ชิ้น 2 x 2 = 4 ชิ้น

ได้รับ น้ำมันหล่อลื่น จำนวน 1 ชิ้น 1 x 2 = 2 ชิ้น

สรุป ได้รับ โปรแกรม AI 1 ชิ้น, มอเตอร์ไฮดรอลิก 2 ชิ้น, น้ำมันหล่อลื่น 1 ชิ้น


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 47438 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-31 15:13
โพสต์ 47,438 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-31 15:13
โพสต์ 47,438 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-31 15:13
โพสต์ 47,438 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-31 15:13
โพสต์ 47,438 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-31 15:13

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เงินดอลลาร์ -40 ย่อ เหตุผล
God -40

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-31 17:46:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 23 : อะไรคับเนี้ย
วันที่ 29 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเช้า เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป ท่าเรืออันโคนา จนถึง Triora (ทริโอรา) อิตาลี ยุโรป

แสงแรกของอันโคนาไล้ปลายอ่าวเป็นริ้วทองบาง รถทัวร์นำเที่ยวคันสีครีมจอดคอยที่ริมท่าเรือ คนขับ หนุ่มอิตาเลียนท่าทางใจดียกหมวกทักและช่วยยกสัมภาระขึ้นท้ายอย่างคล่องแคล่ว โมนีก้าก้าวขึ้นก่อน กลิ่นไลแลคอ่อน ๆ จากผิวเธอละลายเข้ากับกลิ่นหนังเบาะใหม่ ส่วนเลสเตอร์สูงชะลูด ผมหยิกสะท้อนแดด ก้าวขึ้นตามมาราวพิธีเปิดงานศิลป์ของตนเอง เขาเชิดคางเล็กน้อยเหมือนคุณชายกำลังรับเชิญเข้ารถ


รถล้อหมุนออกจากอันโคนาอย่างนุ่มนวล ไกด์ทัวร์พูดอังกฤษสำเนียงอิตาเลียนชัดแจ๋ว เล่าเส้นทางและประวัติคร่าว ๆ โมนีก้านั่งชิดหน้าต่าง เอียงคอฟังอย่างตั้งใจ พลางไล่นิ้วตามวิว ผืนนาองุ่น ริมหน้าผาที่ถูกทะเลกัดเซาะเป็นชั้น ๆ และหมู่บ้านสีอุ่นเกาะอยู่บนสันเขา เลสเตอร์เริ่มสั่นขาเบา ๆ ทันทีที่ไกด์เอ่ยถึงตำนานยุคโรมัน “ผมเสริมได้เป็นเล่มนะ คุณรู้ไหมว่า—”


“งดเปิดคลาสก่อนค่ะ ศาสตราจารย์” โมนีก้าตัดบทเสียงนุ่มพร้อมคิ้วงามโค้ง “ตอนนี้ขอเป็นโหมดนักท่องเที่ยว กลืนวิว ไม่กลืนตำราไม่ได้หรอหืม?”


“โหดร้ายต่อวิชาการเหลือเกินนะ” เลสเตอร์บ่นพึมพำแต่หางเสียงยอมแพ้ เธอยิ้มในแก้ม หยิบขวดน้ำยื่นให้ เขารับมาพอปากแตะฝาขวดก็หยอดต่อ “แต่ถ้าอยากได้บทกวีบรรยายภูเขา ผมมีสามบทตั้งแต่ยังไม่ออกจากเมือง”


“เก็บไว้ตอนถึงที่พักค่ะ ถ้าเตียงนุ่ม ฉันยอมฟังหนึ่งบท” น้ำเสียงสุภาพแต่ประชดจาง ๆ ทำให้เลสเตอร์ยิ้มมุมปากอย่างพอใจผิดวิสัยเทพที่ชอบชนะทุกอย่าง


เส้นทางยาวเหยียดค่อย ๆ เปลี่ยนจากชายฝั่งเป็นไหล่เขา ถนนคดเหมือนพู่กันลากตามสันภูมิ รถไต่ระดับช้า ๆ แสงแดดสายตัดผ่านป่าสนเป็นลายเงาขีดข่วนกระจก โมนีก้าซุกปลายผมเข้ากับคอเสื้อโค้ทบาง เปิดกระจกนิดเดียวให้ลมเย็นพัดเข้ามา เธอหลับตาพักผ่อนแต่ไม่ได้วาง(กำไล จากข้อมือซ้ายแม้ครู่เดียว เลสเตอร์เหลือบมองโมนีก้าเล็กน้อยริมฝีปากที่ชอบโอ้อวดเงียบลง กลายเป็นเงียบแบบระวัง เขาขยับเสื้อคลุมของตัวเองให้ชายผ้าคลุมขาเธอไว้ไม่ให้ลมเย็นเกินจำเป็นทำเหมือนไม่ตั้งใจ แต่ตั้งใจเต็มที่


แวะพักแรกเป็นเอเรียริมทางเล็ก ๆ กลิ่นกาแฟคั่วแรงลอยมาเหมือนเสียงระฆัง โมนีก้าซื้อครัวซองต์ไส้ครีมหนึ่งชิ้น กาแฟร้อนหนึ่งแก้ว เลสเตอร์ได้คาปูชิโน่และบิสกอตติสองแท่ง “คุณจะไม่กินสลัดผักหน่อยหรอ” เขาถามเรียกแข่ง “ไม่กินค่ะ ผักใบเขียวกับฉันเป็นศัตรูกันโดยสันดาน” เธอตอบนิ่ง ๆ แล้วกัดครัวซองต์กรอบดังกร๊วบ ในขณะที่เลสเตอร์หัวเราะหึ ๆ เขียนไฮกุบนทิชชู่ทันที 


ลมเช้าเหนือเขา ครีมหวานสยบแดด ดื้อเท่ากลิ่นไลแลค 

โมนีก้าเหลือบเห็นแบบนั้นก็แค่มุมปากยกขึ้น “พอกล้อมแกล้มค่ะ ให้ผ่าน”


รถแล่นต่อไปเป็นชั่วโมง วิวเปลี่ยนเป็นเทือกเขาอัปเพนนีนที่ทาบเป็นชั้น ๆ คล้ายพับผ้าสีเทาเขียว ไกด์เอ่ยถึงหมู่บ้านแม่มดในหุบเขาทางตะวันตก ทริโอรา เมืองบนสันหินแคบที่ประตูบ้านหันรับสายลมและความทรงจำของตำนาน เลสเตอร์หันมา ทำท่าจะสาธยายภาพรวมพิธีกรรมโบราณ โมนีก้าชูนิ้วชี้ขึ้นหนึ่งนิ้ว “ขอความเงียบหนึ่งบท เพื่อให้คนสวยพักสายตาหน่อยค่ะ”


“งั้นผมจะใช้สิทธิ์พกพาดวงอาทิตย์เป็นหมอน” เขาพูดเบา ๆ และเอนหัวพิงเบาะ ทิ้งตัวนิ่งอย่างวินัยของนักรบที่รู้จักนอนในรถ พอรถส่ายแรง ๆ ตามโค้งยาก เลสเตอร์ยื่นฝ่ามือค้ำเหนือศีรษะเธอไว้โดยสัญชาตญาณกันไม่ให้กระแทกหน้าต่าง โมนีก้าลืมตาแวบหนึ่งมองเขา “ขอบคุณค่ะ” เขาพยักหน้า ไม่โอ้อวดสักคำซึ่งเป็นเรื่องแปลกนัก ก่อนที่เลสเตอร์จะแล้วทำเป็นไอเบา ๆ กลบเกลื่อน


กลางวันผ่านไปทีละเงาภูเขา แวะพักครั้งที่สองเป็นเมืองเล็กริมลำธาร โมนีก้าคลายส้นสูงเปลี่ยนเป็นสนีกเกอร์ เดินยืดเส้นยืดสาย ขณะที่เลสเตอร์บ่นเรื่องสิวขึ้นจากไอร้อนรถทัวร์ เธอส่งแผ่นแปะสิวจากกระเป๋าเครื่องสำอางให้โดยไม่มอง “แปะ แล้วเงียบห้านาทีค่ะ” เขาทำตามอย่างว่าง่าย เพราะรู้ว่าถ้าเธอมีอารมณ์ล้อเขาจะโดนแซะเพิ่มอีกสามรอบ


บ่ายแก่ แดดอ่อนลง รถเริ่มไต่คดเคี้ยวสู่เขตหุบลึก เงาบ้านหินโผล่พ้นแนวสนทีละหลัง ป้ายไม้บอกทางสลักชื่อ TRIORA โผล่พ้นโค้งสุดท้ายพอดี ทั้งคู่เงียบไปครู่ เมืองตั้งอยู่บนสันเขาหิน เหมือนรังนกแกร่งที่ก่อด้วยศตวรรษ หลังคากระเบื้องเข้มซ้อนแน่นเป็นชั้น ๆ ซอกซอยแคบทอดขึ้นลงเหมือนเส้นลายมือของแม่มดแก่ที่ยังหัวเราะได้


รถหยุดตรงลานหินเล็ก ๆ ก่อนทางเข้าเมือง คนขับหันมายิ้ม “ถึงแล้วครับ สถานที่มีตำนานแม่มดแห่งหุบเขา แต่ทุกวันนี้ใจดีมากแล้ว” เลสเตอร์ยืดตัว สูดลมหายใจยาวเหมือนจะกลั่นแดดออกมาเป็นทองคำ โมนีก้าสะพายกระเป๋าขยับเบลเซอร์ให้เข้าทรง “ในที่สุดก็ถึงสักที” เธอว่าเบา ๆ กลิ่นไลแลคผสานอากาศสนเย็น ๆ ได้อย่างพอดี


“คืนนี้ผมได้สิทธิ์อ่านบทกวีเปิดเมืองหนึ่งบท” เลสเตอร์เริ่มจะโอ่

“ตกลงค่ะแต่ต้องหลังเช็คอินนะ หาอะไรกิน และหาที่อาบน้ำอุ่นได้” เธอตอบทันที ตาจริงจังปนขำ “รอดจากเดธแมชชีนมาแล้ว จะมาแพ้ความหนาวของเทือกเขาไม่ได้” เลสเตอร์ยิ้ม ยอมแพ้อีกครั้งอย่างไม่เสียศักดิ์ศรี “รับคำ generalissima เขายกกระเป๋าเดินเคียงกับเธอเข้าโค้งตรอกหินแรกของทริโอรา


ตรอกหินของทริโอรายามโพล้เพล้แคบยาวราวทางเดินในหอกลางเขาวงกต แสงโคมตามหน้าต่างบ้านหินสาดเงาเป็นลายยาวบนพื้นหินชื้น เสียงลมพัดผ่านหลังคากระเบื้องเก่า ๆ ดังฮือคล้ายเสียงกระซิบ โมนีก้ากับเลสเตอร์เดินลากกระเป๋าใบไม่ใหญ่นักตามเนินชันขึ้นไปยังโรงแรมเล็กบนสันหิน กลิ่นสนกับไลแลคของเธอผสมกันเป็นกลิ่นเย็นหวานคล้ายขนมที่พายามค่ำ 


โมนีก้าถือใบกะทัดรัดขึ้นทางชันอย่างคล่องแคล่ว กลิ่นไลแลคหอมจางคลอไปกับกลิ่นหินชื้น เธอหันไปยิ้มให้เลสเตอร์ยิ้มจริงแท้แบบคนอารมณ์ดีแม้เดินขึ้นเนินทั้งวัน “อีกนิดเดียวก็ถึงที่พักแล้วค่ะ สู้ ๆ นะคะคุณนักกวี” น้ำเสียงสุภาพหวานละมุนจนลมหนาวอ่อนลงครึ่งองศา เลสเตอร์ทำท่าจะบ่นเรื่องเข่ากับรองเท้า แต่ทันใดนั้นเงาดำก็กั้นทาง สตรีชราผิวเขียวหม่นในผ้าคลุมดำยับย่น ดวงตาเหลืองกรังวาววับเหมือนน้ำมันเก่า เธอยืนซ้อนเงาอยู่กลางตรอก ริมฝีปากเหยียดยิ้มตระหนี่ที่มีกลิ่นควันสมุนไพรไหม้เกาะ


เลสเตอร์เชิดคางอย่างคนคุ้นฉาก “เห็นไหมครับ โมนีก้า ผมมีแฟนคลับแม้ในเมืองบนสันเขา” 


“คุณเลสเตอร์คะ ใจเย็น ๆ นะคะ ฉันว่านั้นคือแฟนคลับที่จ้องจะกินตับค่ะบอกเลย” โมนีก้าหัวเราะเบา ๆ ทั้งสุภาพทั้งน่ารัก ชี้ปลายนิ้วลงให้เขาชะลอจังหวะก้าว ดวงตาเทาเงินของเธอจับสังเกตสตรีชราที่สูดลมหายใจเหมือนดมเลือด “ขอผ่านทางหน่อยได้ไหมคะ คุณยาย ทางแคบ เดี๋ยวหนูชนค่ะ” คำว่าคุณยายยังไม่ทันจบ เสียงแกรกกรากก็แตกจากใต้ผ้าคลุม เงามืดไหลเป็นลิ้นยาวเลื้อยเข้าหาพวกเขา แม่มดคำรามต่ำเหมือนไม้แห้งเสียดกัน “เลือดเทพ…ของล้ำค่า จงอยู่กับข้า”


“งั้นขออนุญาตปฏิเสธอย่างสุภาพนะคะ” โมนีก้ายิ้ม เอียงหน้าหนึ่งองศาแล้วกระตุกข้อมือซ้าย แหวนกำไลสุริยคติคลี่เป็นดาบแสงเรียวสวยราวคมกระจกยามอรุณ เธอวาดเส้นโค้งสั้นที่พื้น “ฉับ” ตัดลิ้นเงาให้แตกเป็นควันฝอย เลสเตอร์คว้าคันธนูพับออกมาดังใจคิด สายคันธนูตึงอย่างเสียงพิณ เขาพยักหน้าให้เธอสั้น ๆ เข้าใจจังหวะเดียวกันโดยไม่ต้องพูด


แม่มดสะบัดคทากระดูก กวักเงาปีกอีกาจากผนังให้โถมคลุมตรอก แสงโคมไหวพร่าราวจะดับ โมนีก้าหมุนตัวเบาเหมือนเต้นรำ หลบผ่านมวลปีกควันแล้วฟันเฉียงสะอาดตัดแกนเวทเป็นเสี้ยว ดวงไฟแตกเป็นเกล็ดแสง วินาทีนั้นเลสเตอร์ปล่อยลูกศรหนึ่งดอกเรียวเป็นเส้นทอง สับคาถาที่กำลังก่อตัวให้แตกละเอียดก่อนจะแตะตัวใคร 


“ขอบคุณค่ะ เก่งมากเลย” โมนีก้าเอ่ยชมจริงใจ น้ำเสียงนุ่มจนคำขอบคุณกลายเป็นคาถาใจดี ขณะเดียวกันปลายดาบของเธอทิ่มไปยังเครื่องรางกระดูกที่คอแม่มด “กร๊อบ” เชือกขาด แสงมืดรอบกายอีกฝ่ายสั่นไหวคล้ายสูญแรงหนุน


แม่มดยกมือหว่านผงเงิน คาถาง่วงหลับพร่ามัวกลิ่นดีบุกพุ่งเข้าหน้า โมนีก้าไอเบา ๆ แต่มือยังมั่น เลสเตอร์ฮัมเสียงสั้นใสพอให้คลื่นอุ่นสว่างซ้อนในอากาศ ผงเงินจับตัวเป็นเกล็ดใสหล่นแผ่วราวหิมะปลายฤดู “ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวหนูช่วยเก็บให้สะอาดค่ะ” โมนีก้าวประชิดด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีความโกรธ ดาบแสงวาดเสี้ยวจันทร์เล็ก ๆ ที่ลำตัวเป้าหมายอย่างพอดีแรง แต่แม่นจนคาถาแกนกลางแตก อักขระมืดหลุดลุ่ยออกจากผิวเขียวทีละเส้น


“จบงานอย่างเรียบร้อยนะครับ” เลสเตอร์ยิงศรสุดท้ายกดตราประทับแสงไว้ตรงเงาใต้เท้า ตัดทางหนีคาถา แม่มดชะงัก ดวงตาเหลืองกระพริบเร็วอย่างคนเพิ่งนึกได้ว่าพบคู่ต่อสู้ที่ไม่เล่นด้วยความโกรธ เธอสั่นเหมือนเทียนใกล้ดับ จากนั้นรอยแตกสีทองก็ผุดตามลายมือกาลเวลา ผ้าคลุมดำเริ่มจาง ดวงหน้าสีเขียวหลอมละลายคล้ายขี้ผึ้งที่อุ่นเกิน ทั่วทั้งร่างแตกรานเป็นเกล็ดละเอียด ก่อนสลายกลายเป็นละอองทองลอยวนขึ้นสูงราวฝุ่นเช้าจับลำแสง แล้วค่อย ๆ กระจายสู่ฟ้าเหมือนคืนดีกับท้องฟ้าในที่สุด


ตรอกกลับมาเงียบอีกครั้ง โคมตามหน้าต่างสว่างนุ่มดังเดิม ละอองทองตกเกาะแขนเสื้อเบลเซอร์ของโมนีก้าเป็นจุดวิบวับ เธอปัดเบา ๆ แล้วหัวเราะอย่างเขินดี “เลอะนิดหน่อยค่ะ แต่สวยดีนะคะ” จากนั้นหันกลับไปยกมือไหว้ทิศที่ละอองลอย “ขอโทษที่ต้องใช้กำลังค่ะ ขอทางให้เราเดินต่อด้วยนะคะ”


เลสเตอร์ลดคันธนูลง ผ่อนลมหายใจ “คุณน่ารักจนผมเกือบแต่งกลอนไม่ทันแหนะโมนีก้า” 

“เช็กอินก่อนค่ะ ค่อยแต่งนะคะ” โมนีก้ายิ้มตาหยี สุภาพ อารมณ์ดีดั้งเดิมกลับมาเต็มร้อย “คืนนี้ขอของอุ่น ๆ สักถ้วยก็ดีค่ะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเป็นนักผจญภัยต่อ”


“รับคำครับ กวีจะรออ่านให้คนสวยที่ร่าเริงที่สุดในเทือกเขาฟังหนึ่งบท” เลสเตอร์ยกกระเป๋าไปข้างหน้าอย่างเอาใจ มืออีกข้างยื่นรอรับข้อศอกเธอขึ้นขั้นหินสูงชัน เธอรับแขนเขาเบา ๆ อย่างสุภาพ แววตาเทาเงินเป็นประกายพอ ๆ กับละอองทองที่ยังติดปลายผม ทั้งสองจึงก้าวผ่านโค้งสุดท้ายเข้าสู่แสงอบอุ่นของล็อบบี้โรงแรม กลิ่นขนมปัง สมุนไพร และน้ำซุปใสต้อนรับเหมือนบ้านชั่วคราว ค่ำคืนนี้มีเตียงนุ่ม น้ำอุ่น และเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ เป็นรางวัล

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

-

avatar

Moneka M. Blossom

-


มีค่า LUK 100 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ ผงดารา จำนวน 1 ชิ้น 1 x 2 = 2 ชิ้น

สรุป ได้รับ ผงดารา 1 ชิ้น


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 63064 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-31 17:46
โพสต์ 63,064 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-10-31 17:46
โพสต์ 63,064 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-10-31 17:46
โพสต์ 63,064 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-31 17:46
โพสต์ 63,064 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-31 17:46
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-1 09:48:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-1 13:45

BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 24 : สาบาน
วันที่ 30 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเช้า เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป Triora (ทริโอรา) อิตาลี จนถึง Massif des Maures ฝรั่งเศส ยุโรป

ช่วงเวลาเช้าเหนือสันเขาลมเมดิเตอร์เรเนียนอุ่นนุ่มพัดกลิ่นเกลือไกล ๆ ตามถนนคดที่เลื้อยออกจากทริโอรา ป้าย Bienvenue en France แว้บผ่านกระจกก่อนรถจะไหลสู่ทางหลวงสีเงินยาวเหยียด ล้อบดไปบนแสงแดดบ่ายอ่อนอย่างเนิบนุ่ม โมนีก้านั่งชิดหน้าต่าง แก้มรับแสงเช้าเป็นประกายบาง ๆ กลิ่นไลแลคจากผิวนุ่มติดอากาศในรถพอให้คนขับเผลอยิ้มในกระจกมองหลัง ข้างกันนั้นเลสเตอร์เอนตัวอย่างคนอารมณ์ดีเกินเหตุ ดวงตาสีฟ้ากลอกไปทางเธอมากกว่าทิวทัศน์ ภาษาหรูที่เขาชอบค่อย ๆ ล้นริมฝีปาก 


“คุณรู้ไหม ฝรั่งเศสทำให้คนธรรมดากลายเป็นกวี ส่วนกวีกลายเป็นนักรักและผมเป็นทั้งสองอย่างอยู่แล้ว จึง—” 


ยังไม่ทันจะพูดจบหมอนอิงสีคาราเมลลอยฟิ้วชนหน้าผากเลสเตอร์อย่างจัง ตัวการก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นข้าง ๆ เลสเตอร์ โมนีก้าหัวเราะเสียงใส “คุณกำลังจะจัดคอนเสิร์ตจีบฉันกลางทางหรือคะ คุณกวี ช่วยเป็นนักท่องเที่ยวดี ๆ สักชั่วโมงนะคะ” น้ำเสียงสุภาพและน่ารักเสียจนเลสเตอร์ยอมยิ้มแพ้แบบภูมิใจ “ก็ได้ ก็ได้ แต่ขออนุญาตชมนิดเดียว…วันนี้คุณสวยเหมือนทุ่งลาเวนเดอร์ที่กำลังสะพรั่งดอกเลย” 


“รับไว้ก็ได้ ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตาหยีแล้วเอนหัวกับกระจก ปล่อยถนนกับภูเขาเล็ก ๆ พาเวลาไหลเร็วขึ้นกว่าปกติ


สามชั่วโมงละลายหายไปกับเงาสนและผาหินสีแดงอมม่วง รถเลี้ยวเข้าสู่เนินป่าที่ป้ายเขียนว่า Massif des Maures อากาศเปลี่ยนเป็นหอมเฝื่อนของโรสแมรี่ ไธม์ และกิ่งคอร์กโอ๊กที่แตกเปลือกเป็นริ้วสวยงาม พื้นป่าปูด้วยใบเกาลัดแห้ง กิ่งสนโยกตามลมจนเงาเป็นลายระย้าบนดิน ทั้งสองลงจากรถพร้อมกัน 


เลสเตอร์สูดหายใจยาวเหมือนจะกลั่นสายลมให้เป็นทำนอง ใบหน้าเขาอ่อนลงอย่างคนเจอเวทีที่คุ้นเคย โมนีก้าดึงเบลเซอร์เข้าที่ ใบหน้าโรยเมื่อวานถูกลบด้วยตาเทาเงินที่เป็นประกายเมื่อเห็นดอกไม้ป่าเล็ก ๆ ริมทาง “สวยจังค่ะ” เธอก้มแตะกลีบเล็กด้วยปลายนิ้ว “แล้วคริสตัลแห่งเสียงก้อง…เราจะไปหาที่ไหนต่อคะ” เลสเตอร์ยักไหล่แบบคนรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ “ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ตามผมมา” เขาพูดง่าย ๆ ทว่าปลายนิ้วกลับแตะสายคันธนูอย่างเผลอตัว เหมือนฟังอะไรที่คนอื่นไม่ได้ยิน


พอเท้าลงบนทางดินแคบ ความเงียบของป่าก็ชัดเจนจนได้ยินเสียงจิ้งหรีดฝรั่งเศสร้องถี่ ๆ และเสียงลูกสนกลิ้งตกเนินทีละเม็ด เลสเตอร์เดินช้าลง คิ้วขมวดเล็กน้อยราวกำลังจูนเครื่องดนตรีให้ตรงคีย์ “มีอะไรหรือหรอ” โมนีก้าถามนุ่ม ๆ พลางก้าวเท้าเท่าจังหวะเขา “เสียงก้องน่ะ” เขาตอบสั้น มือแตะสายคันธนูเบา ๆ สายสั่นเองเหมือนบันไดเสียงที่ถูกปลุกให้ตื่น “บริเวณนี้สะท้อนโน้ตอา ได้ยาวผิดปกติเหมือนมีโพรงหินด้านล่าง…หรืออะไรบางอย่างที่ชอบเก็บเสียงไว้” โมนีก้าพยักหน้าอย่างวางใจ “งั้นก็นำทางได้เลยค่ะ” เธอยิ้มอ่อนหวาน


ทางป่าพาไปตามสันเขาเตี้ย ลอดซุ้มกิ่งคอร์กโอ๊กที่แตกเปลือกเป็นลวดลายเหมือนหนังสัตว์โบราณ ข้ามลำธารเล็กที่น้ำใสจนเห็นกรวดสีชมพูจาง ๆ เลสเตอร์หยุดเป็นระยะ เอียงหูหาแรงสั่นแผ่ว ๆ ในอากาศแล้วเปลี่ยนทิศเดินอย่างมั่นใจขึ้นทุกครั้ง โมนีก้าก้าวตามอย่างคล่องแคล่วรวบผมทัดหูเวลาลมพัดแรงและเผลอฮัมทำนองเบา ๆ ให้เข้ากับเสียงใบสนเสียดกัน เธอหยิบขวดน้ำยื่นให้เขาเมื่อเห็นริมฝีปากแห้ง 


ลึกเข้าไปอีกเล็กน้อย ป่าเปิดเป็นลานกรวดรูปวงรี มีก้อนหินตั้งเป็นแผงคล้ายฉากเวทีธรรมชาติ ผิวหินมีเส้นแร่ควอทซ์พาดผ่านซึ่งยามแดดส่องทำให้เกิดประกายจาง ๆ เลสเตอร์หยุดสนิท ยกคันธนูแนบอกแล้วดีดสายเบามากจนแทบไม่ได้ยิน เสียง “ติง” เล็กน้อยลอยไปกระทบหน้าหิน แล้วกลับมาเป็น “ติงงงง” ยืดยาวผิดธรรมชาติ เหมือนหินทั้งแผงช่วยร้องประสาน


เสียงป่าที่โอบรอบพวกเขาเริ่มเปลี่ยนจากความสงบเป็นท่วงทำนองบางเบา ลมพัดไหวราวกับมีใครกำลังเอื้อนเอ่ย โมนีก้าหยุดกลางทาง เธอเงยหน้าขึ้นราวกับได้ยินเสียงเรียกที่คนอื่นไม่อาจรับรู้ได้ กลีบดอกไม้ตามพุ่มไม้สั่นไหวเบา ๆ ไปในทิศทางเดียวกัน เสียงกระซิบจากสายลมชัดขึ้นจนเธอรู้แน่ …ทางนั้น…อย่าไปอีกทาง… เสียงนั้นเหมือนทำนองเพลงเก่าแก่ของผืนดินที่คุ้นเคยในสายเลือดเธอ ธิดาแห่งเซเรสที่เกิดมาพร้อมความผูกพันต่อทุกสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ


“เลสเตอร์ ฉันว่าตรงนั้นน่าจะเป็นกลลวงค่ะ” เธอหันมาพูดด้วยเสียงนุ่มแต่มั่นคง ดวงตาเทาเงินส่องประกายอย่างรู้แจ้ง “ตามฉันมาดีกว่าค่ะ ฉันได้ยินเสียงของป่า มันบอกให้เราไปทางนี้”


เลสเตอร์ยกคิ้วขำ “เสียงของป่าเหรอครับ หรือเสียงหัวใจของคุณเองกันแน่?” เขาแซวอย่างเคยแต่ก็เดินตามมาโดยไม่ลังเล เพราะเขาเองก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างในอากาศกำลังเต้นรับจังหวะกับพลังบางอย่างในตัวเธอ โมนีก้าอมยิ้มบางจากคำของเลสเตอร์ “ทางนี้ค่ะ ฉันมั่นใจ” เธอพูดอย่างสุภาพแล้วเดินนำไปข้างหน้า พลังของเสียงกระซิบแห่งพงไพรในตัวเริ่มนำพาเธอสู่เส้นทางใหม่ เส้นทางที่ใบไม้พลิ้วรับเหมือนต้อนรับเจ้าของแท้จริง


เมื่อทั้งสองเดินลึกเข้าไป เสียงธรรมชาติรอบข้างก็ค่อย ๆ เปลี่ยน ความเขียวเข้มของพืชพรรณกลายเป็นเฉดสีสดใส ดอกไม้พันธุ์แปลกตาเริ่มปรากฏรายล้อมพวกเขา ดอกไฮยาซินธ์หลายสีโยกตามลมส่งกลิ่นหอมละมุนคล้ายคำทักทาย ต้นไซเปรสสูงตระหง่านเปล่งกลิ่นยางไม้จาง ๆ แทรกอยู่ในอากาศ กลิ่นสนไซเปรสหอมเย็นตัดกับกลิ่นหวานของดอกกุหลาบที่เบ่งบานอยู่ข้างพุ่มไม้ใหญ่แอนนีโมนีผลิบานรอบโคนไม้ราวกับมีใครจัดไว้ ดอกทานตะวันทั้งกลุ่มหันหน้าไปทางเลสเตอร์พร้อมกันราวกับรู้ดีว่าดวงอาทิตย์ที่แท้จริงอยู่เบื้องหน้า “อืม…นี่สิ สวรรค์ของกวีอย่างผม” เลสเตอร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เต็มไปด้วยตำนาน ทั้งไฮยาซินธ์แห่งความเศร้า ทานตะวันแห่งการเฝ้ามอง แต่ถ้ามีลอเรลอยู่ด้วยล่ะก็—”


เลสเตอร์หยุดมองอย่างตะลึง เสียงเขาเบาแต่แฝงความขื่น “ต้นลอเรล…” ดวงตาสีฟ้าเงียบไปเสี้ยววินาที เหมือนระลึกถึงบางสิ่งในอดีต ยังไม่ทันพูดจบ ดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นต้นลอเรลต้นใหญ่กลางลาน มันแผ่กิ่งก้านเขียวชอุ่มงดงามจนเหมือนฉากฝัน แต่ก่อนที่โมนีก้าจะได้พูดอะไร รากไม้จากพื้นดินก็พุ่งขึ้นมาพันขาทั้งสองข้างของเลสเตอร์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเลื้อยขึ้นรัดลำตัวจนแน่น เขาถูกยกขึ้นค้างกลางอากาศ 


“เลสเตอร์!” โมนีก้าเรียกตกใจ เธอก้าวเข้าไปแต่ลมแรงวูบหนึ่งพัดสวนจนต้องยกแขนบังหน้า

“เฮ้! อะไรกันเนี่ย โอ้!? ไม่เอาน่า!” เสียงของเขาหลุดตะโกนแต่ยังไม่ทันดึงลูกศร รากไม้ก็พันข้อมือแน่นจนขยับไม่ได้



จากหลังต้นลอเรล ร่างสตรีรูปงามก้าวออกมาช้า ๆ ผิวของนางเป็นสีเขียวอ่อนเรืองในแสงอาทิตย์ ผมยาวเป็นเส้นเถาวัลย์แซมดอกไม้ป่าที่กำลังบาน ดวงตาสีมรกตส่องประกายแข็งกร้าวเหมือนประกายมีดที่ฝังอยู่ใต้ความเศร้า “เจ้ามาที่นี่ทำไม อะพอลโล!” เสียงนางดังดังก้องสะท้อนในต้นไม้ทุกต้นทั้งดอกไม้รอบกายต่างเอนไปตามแรงโทสะของนาง


เลสเตอร์ชะงักงัน เหงื่อเย็นซึมที่ขมับ เขาเงยหน้ามองหญิงผู้นั้น ดวงตาแฝงความรู้สึกซับซ้อน “เมเลีย…” เขาเรียกชื่อของนางออกมาอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงปนความตกใจและรู้สึกผิดในคราวเดียว โมนีก้าที่กำลังยืนอยู่นั้นเบิกตา เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่รับรู้ได้ถึงพลังโทสะที่รุนแรงจนน่ากลัวและมันแฝงความเศร้าจนโมนีก้าอยากร้องไห้


“เจ้ามีหน้ามาเหยียบที่นี่อีกหรือ อะพอลโลผู้น่ารังเกียจ!” เมเลียตะโกน เสียงนางสั่นเครือแต่ดังก้องด้วยความเจ็บ “เจ้าผู้ที่พรากสหายรักของข้าไปตลอดกาล! สหายของข้าผู้ซึ่งเคยหัวเราะใต้เงาไม้ กลายเป็นต้นไม้เย็นชาที่ไม่มีวันโอบกอดใครได้อีก เพราะเจ้าคนเดียว!”


ลมแรงพัดผ่านอีกครั้ง ใบไม้ปลิวว่อน รากไม้รัดแน่นขึ้นจนเลสเตอร์กัดฟันแน่น แต่เขาไม่ตอบโต้อะไรเพราะตอนนี้เขากำลังจุกอกจากความรู้สึกที่หวนคืนกลับมา “ผม…ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น”


“เจ้าโป้ปด!” เมเลียตวาดเสียงดังมือนางยกขึ้นจนรากไม้บนพื้นสั่นสะเทือนคล้ายจะพุ่งใส่เขาอีก


โมนีก้าที่เห็นดังนั้นจึงรีบยกมือขึ้นห้าม  “โปรดหยุดก่อนค่ะ!” เสียงเธอนุ่มแต่หนักแน่น ดอกไม้รอบตัวพลันเริ่มบานตามแรงของพลังเซเรสที่หลั่งออกโดยไม่ตั้งใจ “เรามาโดยไม่รู้เรื่องราวระหว่างท่านกับเขา แต่ฉันขอให้ท่านฟัง…สักนิดเถอะค่ะ” เมเลียหันมามองโมนีก้า ดวงตาสีมรกตฉายแววเบิกกว้างแล้วลังเลครู่หนึ่ง “เจ้าเป็นใคร ถึงกล้าขอให้ข้าฟัง?”


“โมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ธิดาแห่งเซเรสค่ะ” เธอค้อมศีรษะอย่างอ่อนน้อม “ฉันไม่ได้มาเพื่อรุกรานนะคะ แต่เพื่อขอคริสตัลแห่งเสียงก้องที่สถิตในผืนป่าแห่งนี้” เมเลียชะงักเล็กน้อย สายตาเปลี่ยนจากกร้าวเป็นระวังปนโหยหา “ลูกแห่งเซเรส…” นางพึมพำเบา ๆ “ข้าได้กลิ่นของผืนดินในตัวเจ้า…และกลิ่นของความบริสุทธิ์ที่คล้ายกับของดาฟนี…” ทันทีที่ได้ยินคำนั้นเลสเตอร์หลับตาแน่น ราวกับทุกคำที่เมเลียพูดคือหอกทิ่มซ้ำในใจ


เมเลียยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีมรกตฉายแววทั้งโกรธแค้นและเศร้าลึกในคราวเดียวกัน ก่อนที่นางจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาโมนีก้าอย่างช้า ๆ กลิ่นดินเปียกและกลิ่นไม้หอมระเหยแผ่วคลุ้งไปทั่วบรรยากาศ ร่างของดรายแอดผู้งามนั้นสั่นไหวราวกับต้นไม้ในฤดูฝน นางยื่นมือบางสีเขียวซีดแต่งดงามขึ้นมาสัมผัสแก้มของโมนีก้าเบา ๆ นิ้วเรียวเย็นเฉียบแต่สัมผัสนั้นกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ขมขื่น


“เจ้าช่างเหมือน…แต่ไม่ใช่” เสียงนางสั่นพร่า “สหายของข้า…ข้าคือเมเลีย ดรายแอดที่สิงอยู่ในป่านี้ ส่วนสหายของข้า…คือดาฟนี” นางพูดพลางหลุบตา ดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำใส “นางเป็นดรายแอดที่งดงามที่สุดในหมู่เรา ผิวของนางสีอ่อนจนแสงอาทิตย์ยังไม่กล้าทำร้าย ดวงตาสีเขียวเข้มดั่งหยกน้ำผึ้ง ร่างของนางผอมเพรียว รอยยิ้มของนางบริสุทธิ์และอบอุ่นนัก…จมูกเล็กเบี้ยวนิด ๆ ทำให้ทุกครั้งที่หัวเราะ ข้าจะเผลอยิ้มตามทุกครั้ง…” 


เมเลียสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ น้ำเสียงของนางเริ่มสั่นสะท้าย “และที่สำคัญนางมีกลิ่นของดอกไลแลค…กลิ่นเดียวกับเจ้าทุกประการ”


โมนีก้าไม่ขยับตัวไปไหน เพียงยืนนิ่งให้สัมผัสนั้นแตะอยู่บนแก้ม ความอ่อนโยนของเมเลียข้างนอกช่างขัดกับพลังแห่งความโศกที่ซ่อนอยู่ข้างใน “นางเหมือนเจ้านัก หากดาฟนียังอยู่…คงได้หัวเราะ ยิ้ม และร่าเริงเช่นเจ้า” เมเลียเอ่ยเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความคิดถึง ดวงตาที่จ้องโมนีก้าในตอนนี้ดูคล้ายจะเห็นภาพเพื่อนรักซ้อนอยู่ตรงหน้า ทว่าเมื่อเอ่ยถึงชื่อนั้น น้ำเสียงของนางกลับเปลี่ยนเป็นกร้าวกระด้างทันที “แต่เพราะเทพองค์หนึ่ง เทพผู้หยิ่งยโส มักง่าย และเห็นความงามเป็นเพียงของเล่นสหายของข้าถึงได้ไม่มีวันหวนกลับคืน!”


เมเลียเบนสายตาไปที่เลสเตอร์ ดวงตาเปล่งแสงสีเขียวมรกตเจือความโกรธข้นคลั่ก “ดูสิ อะพอลโล!” นางตวาด รากไม้รอบพื้นดินขยับตามแรงของอารมณ์ “มองไปรอบตัวเจ้าสิ ทุกสิ่งที่อยู่ตรงนี้คือโศกนาฏกรรมที่เจ้าสร้างไว้กับมือ!” เสียงของนางดังสะท้อนจนแม้แต่ลมหายใจก็หนักอึ้ง “เจ้าทำให้ธรรมชาติหวาดกลัว เจ้าทำให้พงไพรต้องร้องไห้ เจ้ามันเทพชั่วที่ถือดีและทิฐิ!”


รากไม้บางส่วนพุ่งขึ้นมาจากพื้น เสียงดังกึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางดิน นางก้าวเข้าหาเลสเตอร์ช้า ๆ พร้อมเสียงพูดที่แหลมคมแต่เจือด้วยความเจ็บปวด “บอกข้าสิ! ในชีวิตของเจ้าที่ผ่านมานี้มีรักใดบ้างที่สมหวังเพราะเจ้า!” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยทั้งคำสาปแช่งและความเสียใจในคราวเดียว ท้องฟ้าเหนือยอดไม้เหมือนหม่นลงราวกับร่วมโศกกับนางเอง ทั้งผืนป่าราวกับกำลังหยุดหายใจเพื่อรอฟังคำตอบจากปากของอะพอลโลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแสงสว่างแห่งสวรรค์ แต่ในสายตาของเมเลีย เขากลับเป็นเพียงเปลวเพลิงที่เผาผลาญหัวใจของผู้บริสุทธิ์ให้มอดไหม้จนไม่เหลือซากแม้แต่ธุลีดิน


เลสเตอร์อ้าปากเหมือนจะพูด แต่เสียงติดคอรากไม้ที่รัดแน่นทำให้หน้าอกเขาเพียงสะท้อนลมหายใจสั้นถี่ เมเลียแลมองด้วยแววเย็นชา “ตอนนี้เจ้าเป็นแค่มนุษย์สินะ โดนรัดเท่านี้ก็เอ่ยคำแก้ต่างไม่ได้แล้ว” นางปล่อยคำพูดคมกริบ ก่อนจะหันมาทางโมนีก้า “แล้วเจ้าเล่า ธิดาแห่งเซเรส เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีโศกนาฏกรรมใดบ้างที่ชายผู้นี้เป็นผู้ก่อ”



นางก้าวผ่านกลุ่มดอกไม้ แล้วผายมือไปทางไฮยาซินธ์สีม่วง น้ำเงิน และชมพูที่บานพราวงดงาม “จงดูดอกไม้นี้สัญลักษณ์ของรักที่ไม่สมหวังและของน้ำตาที่แห้งไม่เป็น” เสียงเมเลียชัดจนพงไพรเงียบตาม “เมื่อครั้งนั้น เทพแห่งลมตะวันตก เซฟีรัส หึงหวงไฮยาซินทัสกับอะพอลโล เขาเป่าแรงลมบิดวิถีจักรที่เจ้าปาเล่นกับคนรัก จักรแตกกระแทกขมับไหล่เขาทรุดและเขาก็ตายในอ้อมแขนเจ้า เจ้าร้องไห้เท่าไร ก็ชุบชีวิตเขาคืนไม่ได้ เลือดของเขาจึงกลายเป็นดอกไม้นี้ ไฮยาซินธ์ แห่งรักที่ถูกพรากและเสียงสะอื้นที่ไม่มีวันจบ”


นางเดินต่อไปยังพุ่มสนไซเปรสอวบน้ำมัน กลิ่นยางขมเฝื่อนแทรกอากาศ “แล้วต้นเหล่านี้เล่า ไซเปรส ต้นไม้แห่งความโศกศัลย์ เจ้าเห็นหรือไม่” นิ้วเรียวยกชี้ไปรอบ ๆ “ไซพาริสซัส…เด็กหนุ่มที่ฆ่ากวางศักดิ์สิทธิ์โดยพลั้ง เศร้าจนไม่อยากอยู่ เขาวอนขอเจ้าอะพอลโล ให้เขาได้ร้องไห้ไปชั่วกาล เจ้า ‘เมตตา’ เขาด้วยการเปลี่ยนเป็นต้นไม้ รากจมลึก น้ำยางกลายเป็นน้ำตาที่ไม่มีวันแห้ง นั่นคือความกรุณาของแสงอาทิตย์ในแบบของเจ้าใช่หรือไม่”


เมเลียไม่รอคำตอบ นางเบนไปยังวงทานตะวันซึ่งพร้อมใจกันเงยหน้ามองเลสเตอร์ “แล้วนี่เล่า เจ้าจำได้ไหม ไคลที นางไม้ผู้รักเจ้าจนหลงเสียสติ เจ้ากลับเล่นสนุกกับเธอ แล้วก็ยังแอบหลงรักลิวโคเธีย ธิดากษัตริย์ออร์คามัส เจ้าซ่อน…ไม่อาจปกป้องใครได้ทันเวลา ลิวโคเธียถูกฝัง นางกลายเป็นต้นกำยาน ให้กลิ่นหอมติดตัวเจ้าไปชั่วชีพ ส่วนไคลทีกลายเป็นเพียงดอกทานตะวัน ผู้ทำได้แค่นั่งเงยหน้าตามดวงอาทิตย์ทุกวันราวกับยังคงเฝ้ามองเจ้าอย่างไร้หนทางอื่น”


นางช้อนสายตาคมไปตรึงร่างที่ถูกพันธนาการ “และข้ายังไม่เริ่มนับหนี้เลือดอื่น ๆ เลย เจ้าหญิงแห่งเธสซาลี ผู้อุ้มท้องแอสคลีปิอัส โคโรนิสที่ถูกความหึงและความโกรธของเจ้าพัดพาไปจนเหลือเพียงเถ้าถ่านก่อนเจ้า ‘จะเมตตา’ ดึงทารกออกจากกองไฟ” ครั้นเอ่ยถึงอีกนาม นางก็หันไปทางกลีบกุหลาบที่ไหวระริก “ธิดาแห่งกรุงทรอย แคสซานดรา เจ้ามอบของขวัญเป็นคำพยากรณ์ แล้วเมื่อหล่อนปฏิเสธเจ้า เจ้าก็สาปให้ไม่มีผู้ใดเชื่อคำพูดของเธอ ปล่อยให้เมืองทั้งเมืองเดินไปสู่หายนะในเสียงร้องที่ไม่มีใครฟัง”


เมเลียยืดกายตรง ดวงตาเขียวดั่งหยกสะท้อนร่างอะพอลโลในเงา “นี่คือสวนดอกไม้ของเจ้าจริง ๆ อะพอลโล สวนที่ผลิบานด้วยความรักแตกสลายและคำสาปของเจ้า มองรอบ ๆ แล้วตอบข้ามามีรักใดบ้างที่สมหวังเพราะเจ้า!”


รากไม้กระชับแน่นขึ้นชั่ววูบ เลสเตอร์หอบสั้น ๆ แต่ยังเอื้อนคำไม่ได้ โมนีก้ายืนนิ่ง สายตาเทาเงินมองเมเลียด้วยความรู้สึกประหลาด กลิ่นไลแลคจาง ๆ จากตัวเธอลอยซึมเข้าระหว่างคำกล่าวหาอันยาวนานของดรายแอดผู้โศก ซึ่งครั้งนี้ทั้งป่าเหมือนร่วมเป็นสักขีพยาน


เมเลียยังกึ่งทรมานทั้งตนเองและทุกสิ่งในลานไม้ นางขยับกายอย่างเชื่องช้าไปยังต้นลอเรนใหญ่ กรีดปลายนิ้วแตะผิวเปลือกเรียบเย็นราวลูบหลังสหายที่กลับมาในร่างใหม่ แสงอ่อนลอดใบหนาทอเงาไหวบนแก้มสีหยกของนาง ก่อนเมเลียจะเอ่ยกับโมนีก้าด้วยเสียงที่ทั้งอ่อนโยนและบาดลึก “เจ้าเห็นหรือไม่…กับสิ่งที่เทพผู้นี้ทำ” สายตานางเลื่อนไปยังเลสเตอร์ชั่ววาบ แล้วหวนกลับมาจับจ้องหญิงสาวผู้มีกลิ่นไลแลค “และสิ่งที่โหดร้ายที่สุด…เกิดขึ้นกับสหายข้า”


ปลายนิ้วของเมเลียกดแนบลอเรนแน่นขึ้นน้อย ๆ ดั่งยึดเหนี่ยวหัวใจที่แตกเป็นเสี่ยง “ผู้คนเล่าตำนาน แต่ความจริงหาได้เริ่มจากความรักอันแท้ของอะพอลโลไม่ หากเริ่มจากความถือดีและทิฐิของเขา เมื่อเขาไปเยาะเย้ยเทพแห่งศรรัก…อีรอสจึงยิงลูกศรลงทัณฑ์ใส่เขา” เสียงนางต่ำลึกและหนักจนใบไม้โดยรอบเหมือนก้มศีรษะ “ครานั้น อะพอลโลไล่ล่าสหายข้า เขาไม่เคยมองนางในฐานะสตรีผู้มีสิทธิ์เลือกจะรักหรือมิรัก หากมองเป็นเพียง ‘รางวัลแห่งชัยชนะ’ ที่เขาต้องครอบครองเพื่อพิสูจน์ความเหนือกว่าของตน เหนืออีรอส เหนือคำพยากรณ์ใด ๆ ที่เขาเชื่อว่าตนเที่ยงตรงกว่า”


เมเลียหันดวงตาสีมรกตขวับพุ่งแทงเลสเตอร์ทั้งน้ำตา ทั้งโทสะ ทั้งความทรมาน “เขาตามล่าสหายข้า ดาฟนีของข้า นางต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อเป็นอิสระจากเขา จนกลายเป็นต้นลอเรนที่งดงามนี้!” เสียงนางสั่นสะเทือนเหมือนรากทั้งผืนป่าไหวกระเพื่อม 


“แต่แล้วเทพองค์นี้…มันกลับบังอาจ! นำโศกนาฏกรรมนั้นขึ้นเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศของตนเอง สวมดวงลอเรนบนเกศา เหมือนชูถ้วยชัย โดยไม่เคยนึกถึงความเจ็บปวดของดาฟนี ผู้ถูกถอนรากถอนโดนจากการเป็นนางไม้ไปตลอดกาล!” คำสุดท้ายหอบหวิวเหมือนลมหายใจของพงไพรขาดช่วง เมเลียทรุดลงคุกเข่าตรงโคนลอเรน มือทั้งสองกอดลำต้นไว้แน่นจนเล็บจิกเปลือกไม้ น้ำตาใสไหลพรั่งพรูจากหางตาไล้ลงแก้มสีหยก ร่วงหยดสู่ดินเป็นวงคลื่นเล็ก ๆ


ลมหายใจของป่าหนักอึ้งราวแบกรอยบาปของอดีตกาล เลสเตอร์ยกหน้าขึ้นทั้งที่รากไม้ยังรัดอกแน่น เขาพยายามเปล่งเสียง เสียงแตกพร่าแต่คมชัดพอจะแทงใจทุกผู้ฟัง 


“เมเลีย… หยุดก่อน… โปรดฟังผมก่อน เจ้าพูดถูก ถูกทุกอย่างที่คุณพูดมามันคือความจริง ผมเป็นเทพเจ้าที่หยิ่งยะโสเกินกว่าจะยอมรับความผิดของตัวเอง ผมเห็นดาฟนีเป็นเพียงรางวัลและเป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งชัยชนะเหนืออีรอส ผมตามล่าเธอจนกระทั่ง… ผมทำลายเธอ ผม… ผมขอโทษ… ผมขอโทษในสิ่งที่ผมได้ทำกับเธอ” ลมหอบหนึ่งสะดุดในลำคอ เขาฝืนเปล่งต่อ


“เจ้าถามว่ารักใดบ้างที่สมหวังเพราะผม คำตอบคือไม่มีเลย ผมไม่สามารถให้ชีวิตกับไฮยาซินทัสได้… ผมมอบความเมตตาที่ผิด ๆ ให้กับไซพาริสซัส… ผมทำลายโคโรนิสด้วยความหึงหวงที่ไร้สติ… ผมสาปแคสซานดราด้วยความถือดีและไม่เคยกลับไปแก้ไขมัน ผมเปลี่ยนความรักให้กลายเป็นความตายและคำสาป นั่นคือสิ่งที่ผมทำ” เขากัดฟันเอ่ยพูดต่อแม้ตอนนี้ริมขอบตาของเขาจะเริ่มแดงเหมือนจะร้องไห้เขาทุกที


“ผม… ผมเกลียดที่ผมต้องพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าโมนีก้า ผมเกลียดที่เธอต้องเห็นความบกพร่องและ ประวัติศาสตร์อันน่ารังเกียจของผม เมเลีย… คุณกำลังสอนบทเรียนที่ผมควรเรียนรู้เมื่อหลายพันปีก่อน ผมยอมรับการลงโทษนี้ ผมสมควรได้รับความเจ็บปวดนี้ แต่ผมอ้อนวอนอย่าทำให้โมนีก้าต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของผม ผมจะไม่แก้ตัว ผมกำลังเปลี่ยนแปลง การเป็นมนุษย์ทำให้ผมได้รู้ว่าการรับผิดชอบนั้นสำคัญกว่าการเป็นที่รัก” เลสเตอร์พูดแล้วสูดลมหายใจเหมือนว่าน้ำตานั้นจะคอลไปที่ดวงตาของเขาแล้ว


“คุณเห็นไหมว่าโมนีก้าคือคนเดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งผม เธอคือคนเดียวที่เห็นอกเห็นใจและยอมรับ ผมในสภาพที่น่าสมเพชนี้ ทั้งมีสิว ทั้งอ่อนแอ หน้าตาก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น ผมอาจเคยเป็นพายุที่น่าตื่นเต้น…แต่ผมอยากเป็นบ้านที่มั่นคงให้เธอ”


สิ้นคำของเลสเตอร์เสียงหัวเราะของเมเลียดังสั้นและแหลมเหมือนกิ่งไม้ที่ขูดกับหิน ไม่ใช่เพราะขบขัน หากแต่เพราะไม่เชื่อและปวดร้าวหัวใจ นางปรายตามองชายผู้สารภาพบาป แล้วหันฉับไปหาโมนีก้าที่ยืนด้วยความสับสน ก่อนจะก้าวไปหยุดข้างดอกแอนีโมนีสีซีดที่ไหวระริก “เจ้าได้ยินคำที่เทพผู้นั้นพูดหรือไม่… เจ้าเชื่อเขาหรือไม่ โมนีก้า” ดวงตาสีมรกตจ้องลึก ริมฝีปากเม้มแน่นครู่หนึ่งก่อนค่อยคลายเป็นถ้อยคำคมชัด 


“เจ้ารู้ไหม เทพอะพอลโล่มักแสดงความรู้สึกอย่างรุนแรง แต่เขาไม่เคยให้คำสัญญาที่ชัดเจนเลย อะพอลโลรักความงาม… แต่เขาไม่เคยรักความรับผิดชอบที่มากับความรู้สึกนั้น หากเขาเบื่อหน่าย เขาก็จะสาปหรือทอดทิ้งเหล่านางพรายผู้เป็นที่รักไว้เบื้องหลัง ความรักของเขาคือพายุที่น่าตื่นเต้นแต่ไม่ใช่บ้านที่มั่นคง” ปลายเสียงของนางพาดผ่านความทรงจำกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นางกะพริบตาช้า ๆ 


“แล้วเหตุการณ์บนดาดฟ้าที่โรมนั้นคืออะไร? เป็นเพียงบทเพลงชั่วคราวของเทพเจ้าก่อนจะหายไป หรือเป็นความรู้สึกที่แท้จริง? เจ้าพร้อมจะเสี่ยงกับความคลุมเครือที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมเช่นเดียวกับที่ดาฟนีเผชิญหรือไม่” เมเลียยกมือขึ้นจับไหล่โมนีก้าอย่างอ่อนแรง ความสั่นในปลายนิ้วบอกว่าคำเตือนนี้แลกมาด้วยหัวใจ “อย่าเลย… ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องพบเจอกับเรื่องนั้นอีกแล้ว… หากมีอีก… ข้า…ข้าคง” เสียงนางขาดห้วง คล้ายหายใจไม่ทั่วปอด


โมนีก้าชะงักงัน เธอเป็นคนที่ชอบพูดตอบทว่าครั้งนี้คำพูดทั้งหลายเหมือนกลายเป็นหนาม เธอก้มตาลงนิดเดียว รับฟังอย่างเงียบงัน หัวใจบีบรัดเจ็บแปลบอย่างที่ไม่อยากให้ใครเห็น กลิ่นไลแลคบนผิวเธอเหมือนชื้นลงราวกับดูดซับน้ำค้างแห่งความจริง


เมเลียสูดลมหายใจลึกครั้งหนึ่ง ก่อนกล่าวช้า ๆ ชัดทุกพยางค์ ราวตอกตรา “เทพเจ้ารักอย่างเผ็ดร้อนโมนีก้า แต่พวกเขาก็ละเลยอย่างง่ายดายเช่นกัน… เขาอาจจะเสนอดวงดาวให้เจ้า แต่เมื่อความรู้สึกของเขามอดลง เขาก็จะกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ของเขา และเจ้า… เจ้าจะต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พร้อมกับความจริงว่าความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากเจ้า แต่เกิดจากความไม่รับผิดชอบของเขาต่อความรักที่เขาสร้างขึ้น”


ลานป่าเงียบงันหลังคำพิพากษานั้น มีเพียงเสียงใบลอเรลเสียดสีกันเบา ๆ ประหนึ่งถอนใจของสหายผู้จากไป เลสเตอร์ก้มหน้า หลับตารับบาดแผลจากถ้อยคำที่ตรงจนเลือดซึม ส่วนโมนีก้าก็ยืนนิ่งดังรากเล็ก ๆ กำลังเลือกว่าจะหยั่งลึกลงในดินแห่งสัจจะ หรือถอยกลับสู่ความปลอดภัยของแสงอันตื้นเขิน


สุดท้ายคำตอบก็ออกมา...


โมนีก้าพ่นลมหายใจเบา ๆ เอ่ยคำสุภาพด้วยน้ำเสียงนุ่มที่ยังมั่นคงและจริงใจ เธอขยับมือแตะหลังมือของเมเลียก่อนจะโอบกอดไว้แน่นพอให้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ตั้งใจส่งมอบ “ฉันเข้าใจค่ะความเจ็บปวดของท่าน ของดาฟนี ของทุกคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ดวงตาเทาเงินของเธอเงยขึ้นสบกับดวงตาสีมรกตที่ชื้นด้วยน้ำตา 


“แต่ท่านรู้ไหมคะ ฉันเป็นผู้หญิงที่…โง่เอาการอยู่เหมือนกัน เพราะฉันดันเชื่อคำของเลสเตอร์ เชื่อคำของเทพอะพอลโล” เธอหัวเราะแผ่วหนึ่งราวตำหนิตัวเองอย่างเห็นได้ชัดแต่ทว่าก็เลือกที่จะเอ่ยออกไปก่อนพูดชัดถ้อยชัดคำ “ฉันเห็นมาตลอดว่าเขาทำท่าเหมือนดีเลิศเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ แต่ฉันก็เห็นด้วยว่าเขาไม่สมบูรณ์แบบเลยในฐานะเทพ เขาขาดความรับผิดชอบต่อคนรักมามากพอแล้ว ทว่าจุดเริ่มต้นของเรา ที่ฉันยังมีลมหายใจยืนอยู่ตรงนี้ เพราะเขาเป็นคนปกป้องฉันไว้ เขาเชื่อมทางชะตาเรียกฉันมาเพื่อช่วยเพื่อนของเขาและเขาเองเกือบตายเพราะฉันในร่างมนุษย์นั้น”


เธอเบนหน้าน้อย ๆ มองเลสเตอร์ที่ยังถูกพันธนาการด้วยรากไม้ แล้วค่อยกลับมาหาเมเลีย “ฉันเชื่อในการเปลี่ยนแปลงของเขาค่ะ และฉันก็พร้อมจะรับผิดชอบความรู้สึกของเขาในแบบที่เขาไม่เคยรับผิดชอบต่อใครในอดีต ฉันจะสอนเขาให้รู้ว่า การเติบโตหน้าตาเป็นยังไง”


เมเลียมองหน้าเธอเนิ่นนาน แววกร้าวค่อย ๆ สงบลง เหลือเพียงความโศกที่อ่อนแรง “เจ้าอ่อนโยนเหลือเกิน ธิดาแห่งเซเรส เจ้าไม่ได้หลงมัวเมาแต่เจ้ามองเห็น เพราะเขากำลังเปลี่ยนต่อหน้าต่อตาเจ้า” นางพยักหน้าน้อย ๆ คล้ายรับรู้ ก่อนหันข้อมือเรียวกระแสไม้แกว่งวาด กิ่งลอเรลไหวรับ และในความสว่างจาง ๆ ของเรือนใบ กระดาษเก่าขนาดใหญ่พลันปรากฏกลางอากาศ ล่องลอยลงบนแท่นรากไม้ราบเรียบ ปากกาขนนกสีงาช้างตกข้างกันอย่างเงียบงาม ไม่มีหมึกเพราะมันมีเพียงความว่างเปล่าและเสียงป่าที่รอคำตัดสิน


“ถ้าเช่นนั้น” เมเลียเอ่ยเสียงช้าแน่น “เจ้าจงเขียนสัญญาที่จะยื่นให้เทพผู้นี้ สาบานว่าเขาจะไม่ทำผิดซ้ำกับเจ้าเหมือนที่เขาทำกับผู้อื่น เหมือนที่เขาทำกับสหายของข้า และดอกไม้ที่อยู่โดยรอบ” ดวงตามรกตสั่นเมื่อกล่าวชื่อสหายที่จากไป “โมนีก้าจงเขียนมันด้วยเลือดของเจ้าเอง ให้ดิน ผืนป่า เทพีแห่งธรรมชาติและสหายข้าเป็นพยาน”


โมนีก้าสูดลมหายใจเมื่อเห็นเช่นนั้น เธอยกมือซ้ายขึ้นกรีดปลายนิ้วเบา ๆ ด้วยปลายกิ๊บโลหะเล็กจากชายเสื้อ เม็ดเลือดสีแดงนุ่มผุดขึ้น เธอเอียงศีรษะขอโทษต่อป่าในใจ แล้วค่อยจรดเลือดลงบนปลายปากกาขนนก เสียงขนนกครูดบนกระดาษเก่าดังกวาดเบา ๆ ขณะตัวอักษรสีแดงอมน้ำตาลค่อย ๆ เขียนขึ้นทีละบรรทัด ประหนึ่งรากอ่อนกำลังหยั่งลงในดิน


สิ้นการเขียนหมึกเลือดแห้งอย่างรวดเร็ว แต่กลับทิ้งแสงอุ่นสีทองบาง ๆ แล่นไปตามตัวอักษรทีละเส้น กิ่งลอเรลเหนือลานสั่นระริกเหมือนอ่านออกทุกคำ เมเลียก้าวเข้ามา ปลายนิ้วเย็นของนางแตะมุมเอกสาร แววตาอาบลมร้อนของความทรงจำ “สัญญานี้…หนักแน่นพอจะยึดแสงอาทิตย์ให้อยู่กับที่” นางกระซิบพลางผินหน้าไปทางเลสเตอร์ “อะพอลโล เจ้าจะ ‘สาบาน’ ต่อหน้าเรา ต่อหน้าดิน น้ำ ลม ไฟ และชื่อของดาฟนี ว่าจะยอมอยู่ใต้คำมั่นนี้หรือไม่”


รากไม้รอบร่างเลสเตอร์คลายเพียงพอให้เขาขยับคอและไหล่ เขามองตัวอักษรเลือด แต่ละเส้นคือตำนานที่กลับกลายเป็นบ่วงคำสัตย์ เขากลืนน้ำลาย หายใจช้า แล้วเอ่ยชัด “ผม เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส อะพอลโล สาบานต่อผืนป่าว่าจะยึดถือทุกข้อในสัญญานี้ รับทราบข้อสัญญานี้ หากผมละเมิด ขอให้คันศรหนัก เสียงเพลงดับ ลูกศรหลงทิศ และเส้นทางใต้เท้าปิดตาย จนกว่าผมจะชดใช้ครบ” เลสเตอร์กัดปลายนิ้ว ขีดชื่อทับลงใต้ลายมือของโมนีก้า เลือดสองหยดกระทบกันกลางบรรทัด แผ่ประกายสีทองที่ไหลไปตามเส้นใยของกระดาษ แล้วซึมลงสู่รากไม้อย่างช้า ๆ ป่าทั้งผืนหายใจพร้อมกันครั้งหนึ่ง ราวกับตราประทับจากธรรมชาติได้กดลงเรียบร้อย


เมเลียหลับตา สัมผัสแสงอุ่นที่แล่นผ่านเปลือกลอเรล “ข้า เมเลีย ดรายแอดแห่งลอเรล รับสัญญานี้ไว้ใน ณ ต้นกำเนิด ข้าและพงไพรจะเป็นพยาน หากผิดคำสาบาน ป่าจะทวงคืน”


แสงอุ่นลอดร่มใบลอเรลเป็นริ้วบาง ๆ เมื่อเมเลียผินกายกลับมาหาโมนีก้า นางยกมือเรียวขึ้นกุมเหนืออากาศราวกับเด็ดผลแห่งพงไพรออกจากสายลม ก่อนคริสตัลใสสีอำพันอ่อนจะค่อย ๆ ประกอบร่างจากละอองทองกลางฝ่ามือนาง เกล็ดแสงภายในเต้นระริกดังลมหายใจของป่า เมเลียวางคริสตัลแห่งเสียงก้องลงบนฝ่ามือของโมนีก้าอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีมรกตเหลือบมองเลสเตอร์ด้วยหางตา สายตานิ่งเย็นที่ประกาศชัดว่าแผลของอดีตยังไม่หายจางไป


ก่อนที่สรรพางค์นางจะค่อย ๆ คลายเป็นเส้นเถาวัลย์ สีเขียวไหลห่มเรือนกิ่งคืนสู่เปลือกลอเรล เศษแสงสีทองแตกระเอียดเป็นฝุ่นละอองซึมเข้าสู่ดิน พงไพรที่เมื่อครู่คลาคล่ำด้วยอารมณ์ก็พลันนิ่งสงบเหมือนสายน้ำกลับเข้าร่องหิน ทุกอย่างคืนสู่สภาวะเดิมราวไม่เคยมีเสียงร้องของอดีตผ่านมาเลย


“เลสเตอร์!” โมนีก้าทิ้งฝีเท้าเบา ๆ พรวดเดียวถึงตัวเขา แขนเรียวโอบเอวชายหนุ่มไว้แน่นพอให้รู้สึกว่าหัวใจสองดวงยังอยู่ใกล้กัน เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาเทาเงินฉายกังวลและโล่งใจทับซ้อน “เป็นอะไรมากไหม… เราผ่านมันมาได้แล้วใช่ไหม”


เลสเตอร์สบตาเธอ ในนั้นยังมีเงาน้ำหนักของคำสาบานที่เพิ่งตรึงลงบนวิญญาณ แต่ใต้เงาหนักนั้นกลับมีประกายเล็ก ๆ ของความภักดีที่เพิ่งถือกำเนิด ริมฝีปากเขาขยับช้าเสียงทุ้มแผ่วเหมือนเกรงจะทำให้ใบไม้สั่น “การที่คุณต้องแบกรับความผิดพลาดในอดีตของผมไว้บนบ่าคุณ…มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย มันเหมือนเราผูกจิตวิญญาณกันไว้จริง ๆ” เขากลืนน้ำลายเบา ๆ สายตานุ่มลึก “โมนีก้า…คุณคือความเมตตาที่ผมไม่คู่ควร”


มืออุ่นอายค่อย ๆ ยกขึ้นแตะแก้มเธอ นิ้วหัวแม่มือไล้ข้างกระดูกแก้มอย่างทะนุถนอม กลิ่นไลแลคหวานอ่อนลอยชัดขึ้นในระยะประชิด เธอขยับเข้าไปครึ่งก้าว ปลายจมูกแทบจะแตะกันอยู่แล้ว ริมฝีปากของเลสเตอร์โน้มลงมาอย่างระวังราวกลัวทำดอกไม้หักคาก้าน และในห้วงวินาทีที่ความอ่อนโยนกำลัง (ย้ำว่ากำลัง) จะกลายเป็นจุมพิตนั้นเอง


คริสตัลสีอำพันในฝ่ามือโมนีก้าจู่ ๆ ก็เต้นสว่างวาบ ราวทำนองลึกของโลกกระทบกับเสียงสูงของท้องฟ้า ขณะเดียวกันในกระเป๋ากางเกงของเลสเตอร์ก็มีแสงสีทองอีกดวงหนึ่งสาดลอดตะเข็บผ้าออกมา ทั้งสองแสงราวกับได้เห็นกันและกัน ต่างเร่งจังหวะเข้าหากันจนสนามพลังบางอย่างเริ่มสั่นอากาศรอบตัว ใบหญ้าเรียงแถวเอนไปในทิศเดียว กลีบดอกไฮยาซินธ์สะท้อนประกายคล้ายกระจกเงา น้ำในเส้นใบลอเรลไหลย้อนขึ้นเหมือนเวลาถูกเกี่ยวกลับ แสงทั้งสองชูบานเป็นวงสัญลักษณ์ทับซ้อนกลางอากาศ เสียงฮัมต่ำดังก้องจากในอก ราวหัวใจของผืนป่ากับหัวใจของอาทิตย์สอดประสานกันในคีย์เดียวกัน ความอุ่นพุ่งทะลุจากฝ่ามือสู่ลำแขน จากกระเป๋าสู่หน้าอก แล้วเชื่อมเข้ากลางระหว่างสองร่างอย่างแม่นยำ


โลกทั้งผืนหุบลงเป็นจุดเดียว จุดนั้นสว่างจนปลายผมทั้งคู่สะท้อนประกายเงินทองและในฉับพลันต่อมา ละอองทองจำนวนมากก็ระเบิดเงียบ ๆ เหมือนผงดาว สาดโค้งล้อมสองร่างไว้ราวม่านไฟหิ่งห้อย ก่อนที่เงาร่างของโมนีก้าและเลสเตอร์จะถูกดูดหายวับเข้าไปในแกนแสงนั้นราวหยดฝนตกสู่ผิวทะเล ปล่อยให้ลานป่ามีเพียงเสียงใบไม้เสียดสีเบา ๆ และการสั่นไหวหลังคลื่นพลังผ่านไปเหมือนบทเพลงหนึ่งปิดฉากลงเพื่อเปิดทางให้บทต่อไปเริ่มต้น ณ ที่ใดสักแห่งที่คริสตัลทั้งสองต้องการพาไป

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

-

avatar

Moneka M. Blossom

-



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 124873 ไบต์และได้รับ 56 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-1 09:48
โพสต์ 124,873 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-1 09:48
โพสต์ 124,873 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-1 09:48
โพสต์ 124,873 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-11-1 09:48
โพสต์ 124,873 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-11-1 09:48
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-1 13:45:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 25 : ต้องเลือก
วันที่ 30 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเที่ยง เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ซากเมืองร้าง ใน แคว้นซิชิลี อิตาลี ยุโรป

ท้องฟ้าเบื้องบนมืดสนิทราวถูกกลืนโดยเงาแห่งนิรันดร์ พื้นหินเย็นเยียบสะท้อนเสียงฝีเท้าทั้งสองขณะร่างของเลสเตอร์และโมนีก้าปรากฏกลางวิหารหินพังทลาย ซากปรักหักพังแห่งนครที่ถูกลืมเลือน กลิ่นอับของฝุ่นโบราณและเลือดแห้งอบอยู่ในอากาศ เลสเตอร์เงยหน้ามองและแทบไม่ต้องเอ่ย เขารู้ดีว่าที่นี่คือนครแห่งความตายซิซิลี ทันใดนั้น พื้นหินก็แตกออกเป็นวงแหวนสีดำ พลังมืดค่อย ๆ รวมตัวจนกลายเป็นรูปร่างสูงใหญ่ เงานั้นไม่มีใบหน้าชัดเจน มีเพียงดวงตาสีม่วงเรืองแสงราวแผลในผืนฟ้า “ยินดีต้อนรับ…สู่เมืองที่ถูกลืมเลือนแห่งซิซิลี” เสียงของมันก้องในหัวไม่ใช่ในอากาศ “สถานที่แห่งความตายและคำพยากรณ์ที่ไม่มีวันถูกกล่าวซ้ำ”


โมนีก้าเบิกตากว้าง เธอขยับถอยอย่างระวัง ฝ่ามือกำแน่นรอบด้ามดาบสุริยคติที่ก่อตัวขึ้นจากกำไลตรงข้อมือซ้าย แต่ก่อนที่เธอจะได้ตั้งท่ารับมือ เลสเตอร์กลับขยับตัวเร็วกว่า เขากันร่างเธอไว้ด้านหลังเต็มตัว ดวงตาสีฟ้าสว่างขึ้นด้วยแสงฟ้าแรงกล้า ริมฝีปากขยับแผ่วแต่เด็ดขาด “อย่าแตะต้องเธอ”


อสูรเงาหัวเราะ “ช่างน่าสมเพชจริง ๆ…เทพแห่งดวงอาทิตย์ที่กลายเป็นมนุษย์ เจ้าคิดหรือว่าการเปลี่ยนผิวหนังจะลบความผิดบาปได้?” มันโน้มตัวลง ดวงตาสีม่วงฉายประกายเย้ยหยัน “บอกข้าเถอะ มนุษย์น้อย เจ้ารู้หรือยังว่าเทพผู้นี้โกหกอะไรเจ้าไว้บ้าง?”


โมนีก้าขมวดคิ้ว “โกหก…?” น้ำเสียงแผ่วสั่น เธอยังไม่ทันเอ่ยจบ ร่างอีกเงาหนึ่งก็พุ่งจากเบื้องหลัง โอบรอบตัวเธอไว้ด้วยแขนเรียวยาวเย็นเฉียบ ปลายนิ้วของมันยกคางเธอขึ้นช้า ๆ “รู้ไหม?” เสียงนั้นแผ่วเหมือนลมหายใจ “การลงโทษจากจูปิเตอร์…นั่นแหละคือเหตุผลที่เทพอะพอลโลตกต่ำลงมามีชีวิตอยู่ตรงหน้าเจ้า เขาไม่ได้ถูกส่งมาเพราะรัก แต่เพราะบาป เจ้าคิดหรือว่าเทพเจ้าจะลดเกียรติลงเพื่อมอบหัวใจให้เจ้าจริง ๆ?”


“เขาไม่ได้รักเจ้าอย่างที่เจ้าคิดหรอก ธิดาแห่งเซเรส” เงาดำหัวเราะเบา ๆ “สิ่งที่เจ้ารู้สึก…เป็นเพียงผลพลอยได้จากความผิดของเขาเท่านั้น เจ้ากับเขาไม่มีวันอยู่ด้วยกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเทพกับมนุษย์น่ะ…เป็นเรื่องต้องห้ามเป็นกฎโบราณที่แม้แต่สามมหาเทพยังต้องยอมจำนน เจ้าคิดว่าอะพอลโลจะเป็นข้อยกเว้นเหรอ?”


“หยุดพูด!” เลสเตอร์คำราม เสียงสะท้อนรอบวิหารกระแทกกลับอย่างโหดร้าย แต่เงาดำนั้นยังหัวเราะเบา ๆ


“เจ้าจะเถียงหรือว่าไม่จริง?” มันเหลือบมองเขาแล้วกระซิบข้างหูของโมนีก้า “เทพไม่ได้รับอนุญาตให้มีรักแท้กับมนุษย์ กฎนั้นเก่ากว่าโอลิมปัสเสียอีก ไม่มีเทพองค์ใดได้อยู่กับคนที่ตนรักแม้แต่สามมหาเทพเองก็ไม่พ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกเล่นสนุกมากกว่าผูกพัน” เงาดำนั้นโน้มหน้าลงจนใกล้ใบหน้าของโมนีก้าอีกครั้ง ดวงตาเรืองแสงสีม่วงสะท้อนในดวงตาเทาเงินของเธอ “ดาฟนี, โคโรนิส, แคสซานดรา, ไคลที…รายชื่อพวกนั้นเจ้าคงเคยได้ยินมาแล้วสิ ทุกคนล้วนมีชะตาเดียวกัน เป็นเพียงรอยจำในตำนานของเทพที่เล่นกับไฟหัวใจของตนเองเพื่อสรรเสริญเยินยอเหล่าเทพผู้น่ารังเกียจ”


เลสเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้ากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด เสียงของเขาแข็งแต่สั่น “หยุดพูดซะ เธอไม่ใช่คนที่พวกแกดจะใช้คำพูดสกปรกปั่นหัวได้!”


“อ้อ?” เงานั้นเงยหน้าขึ้นยิ้มเย้ย “หรือเจ้ากลัวว่าคำพูดของข้าจะทำให้เธอ ‘เห็นความจริง’ ของเจ้าล่ะ อะพอลโล? เจ้าคือเทพที่ไม่เคยเรียนรู้เลยว่าความรักกับการยึดครองมันต่างกันยังไง เจ้ามอบบทกวีให้ทุกคนที่เจ้าหลงใหล แต่ไม่มีใครได้รับชีวิตที่เจ้าสัญญาไว้ซักคน!”


เงาดำเริ่มก่อรูปร่างจนสมบูรณ์ ดวงตาเรืองสีม่วงฉายประกายชั่วร้ายกลางวิหารร้าง เสียงสะท้อนต่ำก้องราวกับคลื่นใต้น้ำ “ยินดีต้อนรับ… สู่สนามแห่งความกลัว” มันกล่าว พร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ทำให้แม้แต่แสงไฟจากคบเพลิงโบราณยังสั่นไหว ร่างของมันแตกตัวออกเป็นสองส่วน เงาดำผู้กลืนกินเสียงกระซิบ ปรากฏขึ้นจากความมืดด้านหลัง ก่อนมันทั้งคู่จะพุ่งเข้าหาเลสเตอร์กับโมนีก้าอย่างรวดเร็ว 


โมนีก้าเบี่ยงตัวออก กำไลที่ข้อมือซ้ายเปล่งประกายกลายเป็นดาบสุริยคติ แสงสีทองสาดกระจายเป็นวง เธอฟาดขวับเดียวเงาดำขาดครึ่งในอากาศ แต่แทนที่จะดับ มันกลับรวมตัวใหม่อีกครั้ง เลสเตอร์ยกคันธนูขึ้น เคลือบลูกศรด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ในตัว ปล่อยออกไปหนึ่งนัด เส้นแสงสีทองพุ่งฉีกความมืด แต่เงานั้นกลับแตกเป็นประกายแล้วประกอบร่างอีก


“พวกมันฟื้นเร็วเกินไป!” โมนีก้าตะโกน

“พลังของมันกินความกลัวของเรา” เลสเตอร์ตอบ เสียงหอบแผ่ว แต่แววตายังไม่ยอมแพ้


ทว่าทันใดนั้นเงาดำกลับแยกร่างออกเป็นสองร่างใหม่ และเมื่อโมนีก้าและเลสเตอร์เห็นก็ต่างแทบหยุดหายใจ ร่างแรก… คือโมนีก้าอีกคนหนึ่ง เส้นผมสีม่วงครามปลิวระเรี่ยดวงตาเทาเงินเหมือนกระจกสะท้อน เธอมีทุกอย่างเหมือนกันไม่เว้นแม้แต่เสียงลมหายใจ แต่ในแววตากลับเย็นชา เธอคือภาพลวงจากจิตใต้สำนึกของเลสเตอร์ ความกลัวว่าจะทำร้ายคนที่รักซ้ำอีกครั้ง


   


ร่างที่สอง… ปรากฏเป็น อะพอลโลในร่างเทพ สูงสง่า สวมเกราะทองและผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตาเปล่งแสงราวอาทิตย์ แต่มันไม่ใช่เลสเตอร์อีกต่อไป นั่นคือภาพสะท้อนแห่งความหยิ่งยโสและความผิดบาปในอดีต ตัวแทนของคำพยากรณ์ ความมักง่าย และความรักที่เขาเคยทำลาย เสียงสะท้อนดังขึ้นรอบวิหารราวกับมาจากทุกทิศ “นี่คือเงาของพวกเจ้าเอง… ถ้าไม่สามารถยอมรับและเอาชนะมันได้ ความสัมพันธ์ของเจ้าจะสลายไปตลอดกาลและแน่นอน...ว่าไม่มีใครรับได้หรอก”


เสียงคำรามของความมืดก้องสะท้อนทั่ววิหารที่แตกร้าว เงาทั้งสองรุมล้อมเลสเตอร์ไว้ตรงกลาง เงาหนึ่งคือร่างจำลองของเขาเองในคราบเทพอะพอลโล อีกเงาหนึ่งคือร่างของโมนีก้าที่เหมือนจนแทบแยกไม่ออก ทั้งคู่เคลื่อนไหวพร้อมกัน รวดเร็วและหนักแน่นราวกับเป็นการลงทัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อสังหารเขาเพียงผู้เดียว


เงาของอะพอลโลพุ่งเข้าโจมตีจากด้านหน้า ดวงตาเรืองสีทองราวอาทิตย์กลางพายุ ลำแสงที่พุ่งออกจากฝ่ามือของมันทำให้เลสเตอร์ต้องยกแขนขึ้นป้องกัน และทันทีที่แสงนั้นแตะผิว ความทรงจำเจ็บปวดก็แล่นกลับเข้ามาในหัวอย่างโหดร้าย ภาพของดาฟนีที่หนีจากเขา ภาพของไฮยาซินทัสที่ตายในอ้อมอกเขา ภาพของโคโรนิสที่เขาสังหารด้วยความหึงหวง มันไม่ใช่เพียงภาพ แต่มันคือความรู้สึกที่ถูกบีบให้กลับมาเหมือนจริงทุกประการ เขาได้ยินเสียงร้องไห้ เสียงวิงวอน เสียงหัวเราะของตนเองที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะสูญเสียทุกสิ่งไปอีกครั้ง


ในขณะเดียวกัน เงาของโมนีก้าก็เข้ามาประชิดจากด้านหลัง ดาบสุริยคติที่ปลอมขึ้นจากพลังเงาในมือของนางกวัดแกว่งอย่างรวดเร็ว เสียงเหล็กเสียดสีกับลูกธนูพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เลสเตอร์พยายามยิงสวนกลับดังขึ้นเป็นระยะ แต่เขาไม่อาจทำร้ายเธอได้เลยแม้จะรู้ว่าเธอไม่ใช่โมนีก้าตัวจริง “ไปให้พ้น!” เขาตะโกนพลางถอยหลัง แต่แววตาในเงานั้นกลับสะท้อนแสงเศร้าเหมือนของโมนีก้าทุกประการ ดวงตาคู่นั้นทำให้เขาชะงักทุกครั้งที่คิดจะยิง


“ทำไมไม่สู้ล่ะ เลสเตอร์?” เงาในร่างโมนีก้ากล่าวด้วยเสียงแผ่วคล้ายเสียงของเธอจริง ๆ “หรือนายกลัวว่าจะทำร้ายฉันอีกหรอ? เหมือนครั้งที่นายทำลายทุกคนที่นายรัก?” หลังคำนั้นลูกศรหลุดจากมือเลสเตอร์อย่างไม่ตั้งใจ พลาดเป้าไปเพียงครึ่งนิ้วแต่เพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้เขาสะอึก มือทั้งสองสั่นเทา หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิด เขาไม่กล้าสู้ ไม่กล้ายิง ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าโมนีก้าในร่างเงานั้นตรง ๆ ด้วยซ้ำ


และในขณะเดียวกัน เสียงกระซิบอันเยือกเย็นก็แทรกเข้ามาในหัวของโมนีก้าอย่างช้า ๆ เหมือนมีใครยืนข้างหูแล้วเป่าลมหนาวลอดเข้ามาถึงขั้วหัวใจ “เจ้ารู้ไหม สิ่งที่ข้าต้องการอยู่ในแหวนดาราจรัสของเจ้า… พิณของอะพอลโลนั้น ข้าต้องการมัน” เสียงนั้นพูดเนิบช้า นุ่มนวลจนฟังดูเหมือนคำหวานมากกว่าคำสาป “เจ้ามีของที่สามารถลบล้างสิ่งนี้ได้ ข้าเพียงต้องการให้เจ้ามอบมันแก่ข้า แล้วเราจะจบเรื่องนี้ไปด้วยกัน”


โมนีก้ากำมือแน่นรอบดาบ ดวงตาเทาเงินสะท้อนเงาแห่งความมืดที่กำลังเคลื่อนเข้ามา เธอเห็นเลสเตอร์ถูกโจมตีโดยไม่มีโอกาสตอบโต้ เห็นเขาทรุดลงกับพื้น เลือดไหลจากแผลที่แขน แต่เงาของตนเองกลับไม่หันมาแตะเธอเลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่พุ่งเข้าใส่เขาเท่านั้น


เสียงนั้นยังไม่หยุดพูด “ดูสิ มันไม่เคยจริงใจกับเจ้าสักนิด บอกว่าไม่อาจรักได้แต่ก็ยังกล้าให้คำสัญญา เจ้ามิใช่ของมัน มันเพียงต้องการความปลอบโยนเพื่อชดเชยบาปเท่านั้น ลองจินตนาการสิ หากไม่มีมัน โลกนี้จะสงบงามเพียงใด…” มันเคลื่อนเข้ามาใกล้จนเงาดำแตะผิวแก้มของเธอ นิ้วเย็นเฉียบยกคางเธอขึ้นเบา ๆ เสียงหัวเราะในลำคอคล้ายเสียงคลื่นกระทบหิน 


“มอบมันให้ข้าเถิดนะ เจ้าผู้ถือแหวนแห่งดาว มอบของที่อะพอลโลครอบครองให้ข้า แล้วเจ้าจะได้เห็นแสงอาทิตย์ดับอย่างสง่างาม”


ขณะนั้นเลสเตอร์พยายามฝืนลุกขึ้นอีกครั้ง แม้ร่างจะเต็มไปด้วยบาดแผล เขาเห็นภาพนั้นเห็นเงาดำแตะโมนีก้า เห็นมือเย็นชืดนั่นยกคางเธอขึ้น และเสียงคำพูดแผ่วราวบทเพลงแห่งการล่อลวง เขาอยากจะตะโกน อยากจะพุ่งเข้าไปขวาง แต่ร่างของเขาแทบไม่ตอบสนอง ความเจ็บจากเงาของอะพอลโลเล่นงานเขาจนแทบหมดเรี่ยวแรง


ตอนนี้หัวใจของทั้งคู่ถูกกักไว้ในสนามรบของความจริงและคำลวง โมนีก้าคือผู้เดียวที่ยังยืนมั่นท่ามกลางเสียงกระซิบแห่งการล่อลวง กับชายที่นอนพยายามหายใจอยู่ข้างหน้า โลกทั้งใบเหมือนหยุดลงเพื่อรอการตัดสินใจจากเธอ…สัตว์ประหลาดเงานั้นเริ่มเอ่ย “หรือหากอยากให้มันง่ายทำลายสัญลักษณ์แห่งการหลอกลวงของเขา ตัดขาดความสัมพันธ์เสียหรือยอมรับความเจ็บปวดของโชคชะตาที่รอเจ้าเด็กน้อย จงเลือกเสีย”


เธอจะทำอย่างไร?...

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

-

avatar

Moneka M. Blossom

-



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 51898 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-1 13:45
โพสต์ 51,898 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-1 13:45
โพสต์ 51,898 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-1 13:45
โพสต์ 51,898 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-11-1 13:45
โพสต์ 51,898 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-11-1 13:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-1 23:16:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-1 23:25

BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนที่ 26 : มีแฟนแล้วโว้ยยยยยย
วันที่ 30 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเที่ยง เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ซากเมืองร้าง ใน แคว้นซิชิลี อิตาลี ยุโรป

เงาแห่งการต่อสู้คละคลุ้งในอากาศ เสียงของการต่อสู้ยังคงดังสะท้อนระหว่างกำแพงหินที่แตกหัก แต่ภายในใจของโมนีก้ากลับว่างเปล่า… เธอยืนอยู่นิ่งกลางเสียงคำรามของปีศาจเงา ดวงตาเทาเงินของเธอจับจ้องไปที่เลสเตอร์ ชายผู้ซึ่งตอนนี้กำลังพยายามยืนหยัดสู้ ทั้งที่แผลทั่วร่างฉีกขาดและเลือดซึมออกมาอย่างช้า ๆ


ตอนนี้โมนีก้าได้รู้แล้ว…ว่าเทพเจ้าไม่มีสิทธิ์ในความรักแท้ พวกเขาเกิดจากแสงและพลัง มิใช่จากความอบอุ่นของหัวใจ แต่เลสเตอร์ ในฐานะมนุษย์ กลับให้คำสัญญากับเธอโดยไม่ลังเล ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันอาจไม่อาจเป็นจริงได้ คำสัญญานั้นไม่ได้สวยงามเหมือนในตำนาน แต่เธอจำได้ดีว่ามันมาจากความพยายามของเขาในฐานะทุกฐานะที่เขาเป็น


โมนีก้าพ่นลมหายใจออกเบา ๆ ความคิดวนกลับไปถึงครั้งแรกที่เธอพบเขา เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เด็กหนุ่มผู้เรียกเธอมาด้วยเสียงของคำอัญเชิญและความสิ้นหวัง เขาไม่ได้ต้องการวีรสตรี ไม่ต้องการคนสวย ไม่ต้องการใครที่จะยกย่อง แต่ต้องการคนสักคนที่จะช่วยเขากอบกู้ชีวิตเพื่อนที่ถูกจับไปในขณะใจเขาใกล้ดับสิ้นหมดหวัง มันผิดแปลกจากภาพลักษณ์ของอะพอลโลเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ในบทกวี เทพที่ชอบหัวเราะเยาะและยกตนเหนือผู้อื่น


เธอจำได้ว่าตอนนั้น…เขาดูเหนื่อย เขาดูเหมือนกำลังหัดเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์?


“มันไม่ใช่ความรักที่สมบูรณ์แบบหรอก” เธอพึมพำกับตนเองเบา ๆ พลางหัวเราะ “แต่ก็ไม่เลว…” ความรู้สึกของเธอตอนนี้แปลกนัก ความรักกับเลสเตอร์ไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนโลก ไม่ใช่เทพนิยายที่จบด้วยความสุขนิรันดร์ มันเหมือนความรักของวัยรุ่นที่เธอเคยรู้ รักที่โง่งม รักที่ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด หากเข้ากันไม่ได้ก็แค่เลิก ไม่มีใครต้องตาย ไม่มีใครต้องถูกสาป นั่นคือความคิดของเธอเสมอมา เพราะเธอเข้าใจความรักในโลกแห่งมนุษย์ มันไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แค่จริงใจก็พอ


เธอมองเลสเตอร์อีกครั้ง…ชายที่ตอนนี้แทบจะยืนไม่ไหวแต่ยังพยายามต่อสู้ ไม่ยอมให้เงาร่างของเธอทำร้ายตนเอง แม้รู้ว่าเพียงแค่การหันธนูใส่ก็สามารถทำลายมันได้ แต่เขากลับเลือกจะรับทุกการโจมตีแทน “เขาไม่กล้าทำร้ายแม้แต่เงาของฉัน…” เธอพูดกับตัวเองแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มอย่างเหนื่อยล้า ในใจเธออดจะขำไม่ได้


“บางที…ชาติที่แล้วฉันคงทำเวรกรรมอะไรไว้กับเขามากแน่ ๆ ถึงต้องมาอยู่ในวงเวียนแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” เธอหัวเราะเบา ๆ ทั้งน้ำตา “ทำไมคนรอบข้างฉันต้องเป็นแสงอาทิตย์อยู่ร่ำไปนะ…”

โมนีก้าพ่นลมหายใจแรงขึ้น สูดลมหายใจเต็มปอดให้ความกลัวจางหาย เธอก้าวออกมาจากเงาแห่งการล่อลวง ดาบสุริยคติในมือสะท้อนประกายทองแผ่วราวแสงแรกของรุ่งอรุณ “พอได้แล้ว…” เธอกระซิบเสียงเรียบ พลางยืดตัวขึ้นเต็มความสูง แสงสีทองจากคมดาบค่อย ๆ ขยายออกเหมือนดอกไม้กลางราตรี เธอกระโจนเข้าไปตรงกลางระหว่างเลสเตอร์กับเงาทั้งสอง ดาบในมือเธอฟาดลงข้างหน้าด้วยแรงจากหัวใจ เสียงโลหะปะทะกันสะท้อนลั่นทั่วทั้งวิหาร เธอรับแรงโจมตีแทนเขาไว้โดยไม่ลังเล


“ฉันไม่รู้ว่าเทพเจ้ารักแท้ได้หรือเปล่า…” เธอตะโกนพลางบิดตัวปัดการโจมตีจากเงาร่างของตนเอง “แต่ฉันรู้ว่านายพยายามจะเป็นคนที่ดีขึ้นทุกวัน ทุกขณะแม้แต่ตอนนี้!”


เลสเตอร์ที่ล้มอยู่กับพื้นเงยหน้ามอง ดวงตาเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นเธออยู่ตรงหน้า ปีกแห่งแสงจากพลังดาบกางออกเป็นวง เธอยืนอยู่ระหว่างเขาและความมืด เหมือนสตรีในภาพวาดที่เกิดขึ้นจากแสงอรุณแรก “โมนีก้า! ระวัง!” เสียงของเขาขาดหายกลางอากาศ


เสียงระเบิดของพลังศักดิ์สิทธิ์ยังคงสะท้อนก้องกลางอากาศ ดาบสุริยคติในมือโมนีก้าเปล่งประกายสีทองราวกับเปลวไฟ ส่วนธนูในมือเลสเตอร์ส่องแสงสีส้มราวกับอาทิตย์ยามอัสดง ทั้งสองประจันหน้าอยู่ท่ามกลางเงาแห่งอะพอลโลและร่างจำลองของโมนีก้าที่พยายามสังหารเขาโดยไม่หยุดยั้ง เลสเตอร์กัดฟันยืนนิ่ง แม้จะบาดเจ็บแต่เขายังขยับเข้าไปข้างหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้เธอโดนโจมตี


“หลบไป โม! อย่าเข้ามา!” เสียงเขาแผ่วดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ไม่มีทาง นายคิดว่าฉันจะยืนดูเฉย ๆ เหรอ?” โมนีก้าส่ายหน้า


เงาทั้งสองร่างพุ่งเข้าโจมตี ทั้งสองเคลื่อนไหวประสานกันราวกับเป็นจังหวะที่โชคชะตาเขียนไว้ ดาบของโมนีก้าปะทะกับหอกแสงจากร่างอะพอลโล ขณะที่เลสเตอร์ใช้ธนูศักดิ์สิทธิ์ยิงสวนออกไป เขารับการโจมตีแทนเธอเกือบทั้งหมด แต่ทุกครั้งที่เงาร่างของเธอเข้าประชิด เขากลับชะงัก ไม่กล้าแทงสวน ไม่กล้ายิง เหมือนกลัวว่าปลายศรจะฝังเข้าหัวใจเธอจริง ๆ


โมนีก้าสบตาเขาท่ามกลางเสียงระเบิดของพลัง แววตาเธอเต็มไปด้วยบางสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งกล้า ทั้งจริงจัง ทั้งเปี่ยมด้วยความรัก “เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส…และฉันจะไม่เรียกชื่อฉายาของนายหรอกนะอะพอลโล” เธอพูดเสียงดังพอจะกลบเสียงสายลม “ฉันจะถามนายเป็นครั้งสุดท้าย”


เขาชะงัก ในขณะที่เธอกำดาบแน่น ก้าวเข้าหาเขาเรื่อย ๆ รับการโจมตีแม้รอบข้างเต็มไปด้วยการต่อสู้ที่พุ่งตัดกัน


“ฉันชอบนาย ไม่ว่านายจะเป็นเลสเตอร์…หรืออะพอลโล ฉันไม่สน ฉันถามจริง ๆ เลยนะ นายยังอยากเป็นแฟนฉันไหม?” น้ำเสียงของเธอไม่สั่น ไม่ลังเล แต่หนักแน่นจนแผ่นดินแทบหยุดสั่น


เลสเตอร์แทบลืมหายใจระหว่างที่พยายามยิงลูกธนูสวนกลับ เขามองเธอราวกับเวลาหยุดไปชั่วขณะ แล้วระหว่างที่เงาของอะพอลโลพุ่งมา เขากลับหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ตัว หัวเราะทั้งเลือดทั้งความเหนื่อย ทั้งหัวใจที่เต้นจนแทบระเบิด


“คุณยังจะถามแบบนั้นอีกเหรอ ในเวลาแบบนี้?” เขาเอียงคอ หอบหายใจ “ผมจะปฎิเสธได้ยังไง คนที่มีเสน่ห์ขนาดนี้…คุณปล่อยผมไปได้จริง ๆ เหรอ?”


โมนีก้าหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ทั้งที่ยังรับคมแสงจากเงาของตนเองด้วยปลายดาบ “ไม่ได้ไง!” เธอตะโกนตอบทันที แล้วพุ่งเข้าหาเขา ขณะที่เงาของอะพอลโลพุ่งแทงจากด้านข้าง เธอคว้าแขนเลสเตอร์ไว้แน่น หมุนตัวกระชากเขาเข้ามาในวงแขน แสงสีทองพุ่งเฉียดร่างทั้งคู่ไปเพียงเส้นผม แรงกระแทกทำให้เขาเซล้มไปข้างหน้า ใบหน้าทั้งสองใกล้กันจนได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายชัดเจน ดวงตาของเลสเตอร์สบเข้ากับแววตาเทาเงินของเธอ แสงแห่งความกล้าที่ทำให้เขาหยุดหายใจในทันที “โมนีก้า…” เขาเอ่ยชื่อเธอแทบไม่ออก


เธอยกคิ้ว ยิ้มมุมปากอย่างที่มักจะทำเวลาล้อเขา “อย่าลืมไปเปลี่ยนแอปเดทล่ะ…” เธอพูดพลางเอื้อมมือจับปกเสื้อของเขาแน่น “ว่ามีแฟนแล้ว”


สิ้นคำ โมนีก้าก็ยกตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วดึงหัวของเขาลงมา ริมฝีปากของทั้งสองประสานกันกลางสนามรบที่ยังคงมีแสงระเบิดอยู่รอบตัว จูบของเธอไม่หวาน ไม่อ่อนโยน แต่มันเต็มไปด้วยชีวิต เต็มไปด้วยการตัดสินใจ และเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นในจังหวะเดียวกัน เลสเตอร์นิ่งไปเพียงวินาที ก่อนที่มือของเขาจะโอบรอบเอวเธอโดยไม่รู้ตัว


เสียงระเบิดของพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างเลสเตอร์ดังสะท้อนก้องทั่วทั้งมิติในชั่วพริบตาที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของโมนีก้า แสงสีทองพวยพุ่งออกจากร่างชายหนุ่มราวกับอาทิตย์ระเบิดกลางจักรวาล เงาดำที่รายล้อมแตกสลายราวกับละอองหมอกที่ถูกเผาผลาญด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณ เสียงพิณศักดิ์สิทธิ์ของเทพอะพอลโลดังขึ้นโดยที่เขาไม่ต้องแม้แต่จะขยับมือ เพียงแค่ปลายนิ้วสั่นสะเทือนในอากาศ บทเพลงแห่งสัจจะก็ดังก้องขึ้นเอง


สัตว์ประหลาดแห่งความสิ้นหวังที่รายรอบถูกกลืนหายด้วยพลังแห่งเสียงบริสุทธิ์ แสงจากเขาเปล่งกระจายเป็นคลื่นสีทองไล่ขับทุกความมืด จนรอบกายเหลือเพียงเถ้าของเงาที่ค่อย ๆ ละลายไปในอากาศ ท้องฟ้าที่มืดหม่นกลับสว่างขึ้นทีละน้อยเหมือนอรุณแรกหลังพายุร้ายสิ้นสุด


โมนีก้าหลับตาแน่น พลังอันร้อนแรงนั้นแผ่กระจายไปทั่วร่างของเธอ เธอรู้สึกเหมือนถูกกอดไว้ด้วยอ้อมแขนของพระอาทิตย์ พลังนั้นไม่เพียงแค่ทำลายเงา แต่มันอบอุ่นราวกับกำลังชำระจิตใจของทั้งคู่ให้กลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง


เลสเตอร์จับใบหน้าของเธอไว้ด้วยสองมือ แสงสีทองสะท้อนในดวงตาสีฟ้าลึก เขากดริมฝีปากลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่จูบของมนุษย์ แต่เป็นจูบของเทพ แรงกล้า ดุดัน และอบอุ่นจนเธอแทบลืมหายใจ ริมฝีปากของเขาแนบแน่นไม่ยอมปล่อย ผสานทั้งคำขอโทษ ความปรารถนา และคำมั่นสัญญาที่ไม่ต้องใช้คำพูดใด ๆ พลังรอบกายระเบิดออกอีกระลอก ลมพัดวนรอบตัวพวกเขาเป็นเกลียวทอง เสียงพิณลอยคลอเคลีล บทเพลงที่เคยเป็นของเทพเจ้าผู้หลงตนเอง แต่คราวนี้มันเต็มไปด้วยความจริงใจ


โมนีก้าขมวดคิ้วน้อย ๆ ขณะรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรงจนอึดอัด เธอแทบอยากผลักเขาออกแต่กลับทำไม่ได้ บ้าเอ๊ย… เธอบ่นพึมพำในใจ หมอนี่แม่ง…จูบเก่งเกินสมที่เคย(?)เจ้าชู้จริง ๆ


เมื่อเขาผละออก เสียงหอบหายใจของทั้งคู่ดังแผ่วท่ามกลางความเงียบ เลสเตอร์ยังคงประคองใบหน้าเธอไว้ แววตาเขาไม่ใช่แสงเยาะเย้ยอย่างเคย แต่เป็นประกายของความสงบ ความหนักแน่น และบางสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่าศรัทธา


“ผมว่า…ผมปล่อยไปไม่ได้แล้ว” เขาพูดเสียงแผ่วแต่แน่วแน่ ริมฝีปากยังแตะใกล้หน้าผากเธอ “ผมจะให้คำมั่นกับคุณ ในฐานะเลสเตอร์…ในฐานะอะพอลโล…ในฐานะเทพแห่งความจริง ต่อจากนี้ ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมจะคบกับคุณเพียงคนเดียว” เขาโน้มหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจร้อน ๆ สัมผัสแก้มเธอ


“ผมจะไม่มองใคร ไม่หลงไหลใคร ไม่เอ่ยนามสตรีอื่นในใจอีกเลย ไม่มีนอกใจ ไม่มีลับหลัง จนกว่าชีวิตและวาสนาของเราทั้งคู่จะสิ้นสุด…จนกว่าคุณจะหายไปจากอ้อมแขนของผมเอง จนกว่าคุณจะไม่ต้องการผม จนกว่าโชคชะตาและวาสนาของเราจะจบลง” เสียงของเขานุ่มและมั่นคง แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นและรับผิดชอบต่อคำของตัวเองที่ไม่มีเเขาไม่เคยแสดงให้ใครเห็นมาก่อน


โมนีก้ามองเขานิ่ง ดวงตาเทาเงินสะท้อนแสงจากพลังอาทิตย์ในตัวเขา เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเพื่อทำให้เธอหลงใหล แต่พูดในฐานะชายคนหนึ่งที่เคยสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว และตอนนี้…ไม่อยากเสียเธอไปอีก


เลสเตอร์มองเธออยู่นาน ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นกลับมาเป็นแบบที่เธอรู้จัก แบบคนหลงตัวเองที่พยายามกลบความเขินอาย “ผมตกหลุมที่ตัวเองขุดไว้นี่จริง ๆ” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในมุมปาก “แต่ก็ไม่เลวเลยนะที่ได้ติดอยู่ในนี้” เขาเอนหัวนิด ๆ ก่อนจะแซวต่อ “ท่าทางเทพีเซเรสจะได้ลูกเขยที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแล้วล่ะ คุณว่าไหม?”


โมนีก้าเบิกตา “พูดเหมือนผ่านการสัมภาษณ์ไปแล้วงั้นแหละ!” เธอตอบพลางผลักหน้าอกเขาเบา ๆ แต่กลับต้องสะดุ้งเมื่อมือของเขายังคงประคองเธอไว้อย่างมั่นคง


“ก็แน่นอนสิครับ” เขาตอบยิ้ม ๆ “ใครจะปล่อยให้ตัวเองพลาดของดีขนาดนี้ไปได้


โมนีก้ากลอกตาอย่างเหนื่อยใจ แต่ริมฝีปากเธอกลับแอบยิ้ม มันไม่ใช่เพราะคำพูดหวานหูของเขา แต่เพราะเธอรู้…ว่าครั้งนี้ เขาพูดจากหัวใจจริง ๆ และท่ามกลางซากปรักของสนามรบที่เพิ่งสงบลง แสงอาทิตย์ที่กำเนิดใหม่ค่อย ๆ ส่องผ่านม่านหมอกลงมา กลบความมืดจนสิ้น เหลือเพียงเสียงหัวใจของทั้งสองเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ในคำสัญญาที่ไม่ต้องสาบานด้วยสวรรค์หรือพิภพใด ๆ เพราะมันถูกผูกไว้แล้ว…ด้วยจูบเดียว

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

ดูสิ! ดูสิ่งที่ผมเพิ่งทำไป! ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์พันปีของผม! การต่อสู้กับอีรอสและเงาแห่งความกลัว ในที่สุดผมก็ชนะ! ชนะด้วยการจูบ! โอ้! ผมมันยอดเยี่ยม! มีแต่เทพเจ้าแห่งกวีนิพนธ์และแสงอาทิตย์เท่านั้นแหละที่สามารถเปลี่ยนโศกนาฏกรรมให้กลายเป็นฉากรักอันร้อนแรงที่น่าจดจำขนาดนี้ได้! 


และจูบนั้น! มันทรงพลังขนาดที่ปลุกพลังเทพเจ้าของผมให้กลับมา! โอ้... ผมว่าจูบของผมมันต้องมีพลังมากกว่ามหาเวทย์ของเฮคาทีเสียอีก! (อย่าเอาไปบอกนางนะเปรียบเปรยเฉย ๆ ไม่ได้คิดจะลบหลู่) โมนีก้าถึงกับติดใจจนแทบจะปล่อยผมไปไม่ได้! (หัวเราะในใจ) อ่ะ! แน่นอนสิ! ใครจะต้านทานเสน่ห์อันไร้ที่ติของผมได้? เทพเจ้าองค์ไหนก็เทียบไม่ได้หรอก! ผมมันอัญมณีน้ำเอกเพียงหนึ่งเดียวของโอลิมปัสตัวจริง


ผมให้คำมั่นไปแล้ว! คำมั่นที่จะไม่นอกใจ! (ความคิดนี้ทำให้ผมสะท้านเล็กน้อยเลยนะเนี้ย) สุดยอดไปเลย! ผมผูกเธอไว้กับตัวเองอย่างถาวรแล้ว! เธอต้องเชื่อฟัง! (แต่ผมคิดว่าผมอาจจะต้องเชื่อฟังเธอมากกว่าแบบแปลก ๆ) เธอต้องอยู่ข้างผม! และที่สำคัญ... เธอได้ประกาศต่อโลกแล้วว่าเธอเป็นของผม! ผมแก้ปัญหาความซับซ้อนของความรักด้วยความจริงอันงดงามของผมเอง ใครจะว่าผมขาดความรับผิดชอบในอดีตก็ช่าง! ตอนนี้ผมคือตัวอย่างของความภักดีที่สมบูรณ์แบบ (แม้ว่าจะต้องพิสูจน์กันอีกนานก็ตาม)


น่าสงสารเธอจริง ๆ! เธอรู้ว่าเทพเจ้าถูกห้ามไม่ให้รักอย่างจริงจัง... แต่เธอก็ยังเลือกผม เธอต้องรักผมมากขนาดไหนกันนะ? ยอมเสี่ยงแม้กระทั่งความโกลาหนในอนาคต ช่างเป็นการแสดงความรักและภักดีที่น่าประทับใจเกินไปแล้ว ผมคงต้องตอบแทนเธอด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่กว่าเพลงสวรรค์ทั้งหมด! 


แต่ก็อย่างว่าแหละ... ใครจะไปต้านทานเสน่ห์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยออร่าของแสงอาทิตย์อย่างผมได้กันล่ะ? (ยาวกว่านี้อีกประมาณ 200 บรรทัด)

avatar

Moneka M. Blossom

มี แฟน แล้ว โว้ยยยยยยยยยยยอแกหทสอยงำดสไิมดำงไวิดมอ

ดกหมิ (เมื่อคุณบอกว่าชอบคนอายุเยอะกว่า เยอะกว่านี้ก็ไททันละหรือไม่ก็พวกสามเทพ 555)

ถ้า มนก ไม่เกรงใจเรทเด็กอ่านได้นะ บอกเลย แม่งมากกว่านี้อีก 5555555

avatar

Moneka M. Blossom

[จบปิดท้ายภารกิจ เควสพิเศษ: บทเพลงต้องห้ามและเงาของเทพ Heroes?]

+100 พลังน้ำใจ, +1 Levelup (หาก Lv Max +3 Point แทน)

หินอัปเกรดและตีบวกอย่างละ 20 ก้อน

หัวใจกับอะพอลโล +3 หัวใจ

ปลดสถานะหัวใจแถวที่ 2 กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เข้าสู่สถานะ แฟน (คนรัก)


ได้รับ พลังใหม่ (สกิลปะ?)

เนตรแห่งฟีบี้ (เนตรแห่งฟีบี้ (The Eyes of Phoebe) คือพลังแฝงที่โมนีก้าได้รับจากการแสดงความกล้าหาญทางอารมณ์ในภารกิจรักระดับสูง พลังนี้เชื่อมโยงกับ เทพีไททันโฟเอเบ (Phoebe) ยายของอะพอลโล ผู้เป็นเทพีแห่งสติปัญญาและการมองเห็นความจริง พลังนี้แสดงออกผ่าน การรับรู้ถึงความจริงใจ (Sincerity Sight) โดยที่ดวงตาของโมนีก้าจะเปล่งแสงสีทองอ่อนๆ ทำให้เธอสามารถมองทะลุเจตนาที่แท้จริงของบุคคลที่เธอมองอยู่ได้ ช่วยให้เธอแยกแยะระหว่างคำโกหกของเทพผู้สับสนกับความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของมนุษย์ที่เธอรัก นอกจากนี้ พลังนี้ยังได้แสดงออกมาในรูปแบบของเกราะแห่งแสงสะท้อน ซึ่งเป็นแสงสีขาวนวลที่ปกป้องเธอจากการถูกโจมตีทางจิตใจหรืออารมณ์และสะท้อน ความทรมานทางจิตกลับไปยังผู้โจมตี (แต่หากอีกฝ่ายทรงพลังกว่าก็ใช้ไม่ได้ผล) พลังนี้จึงไม่ใช่แค่ความสามารถในการโจมตีหรือป้องกัน แต่เป็นเครื่องมือแห่งความเชื่อมั่นที่ช่วยให้โมนีก้าสามารถรักษาความสัมพันธ์อันซับซ้อนและเสี่ยงอันตรายกับเลสเตอร์ (อะพอลโล) โดยไม่ถูกอดีตหรืออำนาจของเทพเจ้าทำลาย)



แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-09] อะพอลโล เพิ่มขึ้น 300 โพสต์ 2025-11-1 23:34
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส ลดลง 0 โพสต์ 2025-11-1 23:30
โพสต์ 75824 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-1 23:16
โพสต์ 75,824 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-1 23:16
โพสต์ 75,824 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-1 23:16

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +100 ย่อ เหตุผล
God + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-2 16:34:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-2 21:01

BEAMED INTO DUTY: SAVING MR. FRECKLES
seal

Hushsong of the Gods

💟 หนีตามผู้ชายสไตล์ มนก บซ 💟
ตอนพิเศษที่ 01 :
วันที่ 30 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเย็น เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป สถานีคาตาเนีย แคว้นซิชิลี อิตาลี ยุโรป

ยามเย็นที่คาตาเนีย แสงอาทิตย์สุดท้ายคล้อยต่ำเหนือขอบฟ้าของเกาะซิชิลี แสงสีส้มทองทอดยาวเหนือพื้นหินโบราณที่อบอุ่นจากไอแดดทั้งวัน เสียงคลื่นทะเลจากฝั่งทะเลไอโอเนียนดังแผ่วประสานกับเสียงระฆังของโบสถ์เล็กในตัวเมืองราวบทเพลงต้อนรับอาทิตย์อัสดง โมนีก้าและเลสเตอร์เดินเคียงกันไปตามถนนหินกรวดสายแคบที่ทอดลงใต้ดิน เส้นทางสู่สถานีคาตาเนีย สถานีลับที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองแห่งไฟภูเขาเอตนา


โมนีก้าเธอสวมโค้ทยาวสีเบจพับปกขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันลมเย็นจากอิตาเลียนฝั่งใต้ ขณะที่เลสเตอร์สวมแจ็กเก็ตหนังสีเข้ม มือหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกมือถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ดูเหมือนพกพาแต่ความทรงจำของเทพเจ้าผู้ลี้ภัยทั้งองค์ พอลิฟต์โลหะเลื่อนลงสู่ชั้นลึก เสียงเครื่องจักรเบา ๆ ดังคลอไปกับการเต้นของหัวใจทั้งคู่ 


เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สถานีใต้ดินก็เผยให้เห็นความยิ่งใหญ่ที่แฝงด้วยกลิ่นเหล็กและไอไฟ ที่นี่คือสถานีรถไฟเฮเฟตัส เทพแห่งเหล็กกล้าและเครื่องจักร ทุกอย่างในที่นี้ดูเหมือนถูกสร้างขึ้นจากโลหะผสมไฟ ผนังสีดำสะท้อนแสงแดงอ่อน ๆ จากแมกมาที่ไหลอยู่ในท่อใต้พื้น รางรถไฟดูเหมือนหลอดพลังงานที่เต้นตามจังหวะของหัวใจโลก โมนีก้าก้าวไปข้างหน้า เธอหยุดหน้าตู้ขายตั๋วอัตโนมัติที่มีอักษรกรีกโบราณสลักไว้ข้างตัว หน้าจอขึ้นข้อความด้วยแสงสีทอง “สายด่วนพิเศษ – Grand Central, New York” เธอเหลือบมองราคาที่ระบุไว้ 20 ดรักม่าต่อที่นั่ง ก่อนจะควักเหรียญเงินสีขาวสะท้อนประกายออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ท เสียงเหรียญกระทบช่องรับตั๋วดังกังวาน “เอาล่ะ รอบนี้จ่ายฉันเหมือนเดิมสินะ” เธอพูดพลางอมยิ้ม


ตั๋วสองใบเลื่อนออกมาพร้อมกลิ่นอายการพิมพ์ใหม่ เธอหยิบมันขึ้นมาดูโลโก้เป็นสัญลักษณ์ค้อนแห่งเฮเฟตัส มีตัวเลขระบุ 19:00 ชัดเจน เธอเดินกลับไปหาเลสเตอร์ที่ยืนพิงเสาเหล็กอยู่ตรงทางเข้าสถานี มือหนึ่งถือถ้วยกาแฟไอน้ำลอย “เราจะออกเวลา 19.00 น. นะ” เธอบอกพลางส่งตั๋วให้เขาเก็บไว้ เลสเตอร์รับไป ดูตัวเลขบนตั๋วแล้วเงยหน้ามามองเธอ ดวงตาสีฟ้าอมทองสะท้อนแสงจากหลอดไฟบนเพดานใต้ดิน เขายิ้มจาง ๆ “ฟังดูเหมือนกำลังจะกลับบ้าน…แต่ทำไมมันถึงเหมือนกำลังจะเริ่มต้นอะไรบางอย่างมากกว่านะ”


โมนีก้าเลิกคิ้ว “พูดเหมือนนักกวีเลยนะเลสเตอร์”

“นักกวีที่คุณจูบจนได้พลังคืนมาใช่ไหม? ถ้างั้นก็ใช่เลย” เขายักคิ้วตอบอย่างกวน ๆ

เธอกลอกตา “อย่าคิดว่าฉันจะชม”

“ผมไม่ได้ต้องการคำชมครับ แค่การเดินทางครั้งต่อไปที่มีคุณก็น่าจะพอแล้ว” เสียงเขานุ่มราวกับคลื่นทะเลซิชิลีท่าทางเหมือนตอนนี้เลสเตอร์จะไม่สนแล้วว่าต้องสงวนท่าทีอะไรเพราะเหมือนเขาจะรุกหนักเธอเข้าทุกที  โมนีก้านิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “แปลว่าตอนนี้นายกลัวรถไฟจะไม่มีตั๋วสำหรับนายเหรอ”


“กลัวสิครับ” เขาตอบพลางก้มต่ำพอให้เสียงกระซิบเฉียดข้างหูเธอ “กลัวจะไม่มีตั๋วข้างคุณตลอดทางต่างหาก” แสงไฟในอุโมงค์สั่นวูบเบา ๆ ขณะรถไฟของเฮเฟตัสเทียบท่าพร้อมเสียงเครื่องจักรคำราม พื้นสถานีสั่นสะเทือนเหมือนหัวใจเต้นตามจังหวะของพลังโลหะและไฟ


“ขึ้นรถกันเถอะ ก่อนที่นายจะเริ่มพูดประโยคหวานจนลืมเวลา” โมนีก้าพูดพลางดันหลังเขาเบา ๆ “โอเคครับ…แต่ผมขอเลือกที่นั่งติดหน้าต่างนะ จะได้มองดวงดาวตอนรถไฟวิ่งขึ้นเหนือพื้นหาแรงบันดาลใจแต่งสักเพลง” เลสเตอร์พูด เขาหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นสะท้อนอยู่ในอุโมงค์โลหะขณะทั้งสองก้าวขึ้นรถไฟเฮเฟตัส ขบวนที่เชื่อมระหว่างทั่วโลกสียงประตูปิดลงพอดีกับเข็มนาฬิกาชี้เวลา 18.59 


แสงไฟภายในตู้โดยสารเรืองอ่อน ๆ เหมือนหิ่งห้อยบนผิวน้ำ ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนไปพร้อมเสียงหวีดของล้อเหล็ก รถไฟค่อย ๆ เคลื่อนออกจากสถานีคาตาเนีย สู่เส้นทางแห่งแสงเหนือที่จะพาพวกเขากลับไปยังมหานครนิวยอร์ก จุดหมายที่ไม่ใช่เพียงปลายทางของการเดินทาง แต่คือจุดเริ่มต้นของคำสัญญาที่เพิ่งถูกเอ่ยในแสงอาทิตย์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

Summary Cards – Burgundy
avatar

Lester Papadopoulos

-

avatar

Moneka M. Blossom

-

[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +3



แสดงความคิดเห็น

God
คุณพบเจออสุรกายรถไฟจักรกลที่เนียนปลอมตัวเป็นขบวนรถไฟ หากชนะจะได้รับเงินคื  โพสต์ 2025-11-2 18:43
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 28 โพสต์ 2025-11-2 18:32
โพสต์ 32101 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-2 16:34
โพสต์ 32,101 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-2 16:34
โพสต์ 32,101 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-2 16:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้