คืนแรกภายในค่ายพักที่เรียกว่าค่ายฮาร์ฟบลัดสำหรับเนเรซ่าก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการย้ายที่นอนเหมือนกับชีวิตที่ผ่านมาของเธอ แม้ว่าเธอจะเสียเวลา 6 ชั่วโมงในครึ่งเช้าไปกับการนอนเล่นไม่ก็จัดข้าวของเรื่อยเปื่อย แต่เมื่อมาถึงช่วงเที่ยง ธิดาแห่งอะโฟรไดท์ก็ยอมที่จะยกกายขึ้นจากเตียงนอนและออกมาทำธุระอย่างที่เธอควรจะทำ
“ เที่ยงแล้ว คุณยังไม่พักจากการดูแลเด็ก ๆ สักหน่อยเหรอคะ ไครอน ” ท่ามกลางสถานที่มากมาย ที่แรกที่เนเรซ่าเลือกจะมาคือสนามฝึกซ้อมที่ตอนนี้เริ่มจะเหลือผู้คนร่อยหรอเมื่อเข้าสู่เวลาพักทานอาหารกลางวันโดยที่ไม่ได้นึกว่าการมาเพื่อหวังจะหาคู่มือฝึกซ้อมด้วยตัวเองจะทำให้เธอได้มาพบกับเซนทอร์ผู้ดูแลค่ายคนดีคนเดิมอย่างไครอนที่ออกมาตรวจสอบเด็ก ๆ ภายในค่าย
“ ทิวาสวัสดิ์ เนเรซ่า คืนแรกในเคบินที่สิบเป็นยังไงบ้าง ? ” เซนทอร์ผิวกายเข้มผินหน้าเข้าต้อนรับผู้มาใหม่ในสนามฝึกเป็นอย่างดี ดวงตากลมโตของไครอนสำรวจดูบรรยากาศรอบตัวของธิดาแห่งอะโฟรไดท์ด้วยความปลื้มปิติ เดิมทีเด็กสาวคนนี้โดดเด่นได้ด้วยภาพลักษณ์และร่องรอยการเติบโตที่รังสรรค์ให้หนึ่งชีวิตออกมางดงามสูงส่งได้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อได้รับพรแห่งมารดาที่ห่างหายกันไปนานก็ปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าเนเรซ่า เฮนลาดิสคล้ายคลึงกับคำว่างดงามสะดุดตาเป็นที่หนึ่งเหมือนอย่างที่พี่น้องร่วมบ้านเป็น
“ สบายดีค่ะ ฉันปรับตัวไวอยู่แล้ว ”
สาวผมบลอนด์ตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว พลางเลื่อนสายตามองตามเด็กในค่ายที่ดูแล้วคงอายุน้อยกว่ากำลังเดินผ่านเธอออกจากสนามไปทั้ง ๆ ที่สายตายังคงคอยหันมามองเธอเป็นระยะ —- ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าวัดเอาจากการแต่งตัวที่สะดุดตา รวมไปถึงแรงดึงดูดและเสน่ห์ที่มากล้นตามธรรมชาติ
ในวันนี้เนเรซ่าสวมเสื้อแขนยาวเข้ารูปแนบไว้กับลำตัว และสวมเสื้อค่ายสีส้มจี๊ดสะดุดตาทับไว้ด้านนอก พร้อมกับจัดชายเสื้อให้อยู่ใต้กระโปรงเทนนิสสีดำสนิทเป็นอย่างดี แต่เท่านี้ก็ยังไม่พอ ตามประสาสาวแต่งตัวเก่ง เธอเลยเลือกที่จะสวมถุงน่องตาข่าย รวมไปถึงเข็มขัดหนังสีดำขนาดใหญ่ที่คล้องเส้นโซ่ประดับประดาไว้ตามเอว เข้ากับรองเท้าบูทส้นสูงสีดำที่ทำให้ดูกระฉับกระเฉงและมีสไตล์ในแบบที่หยาบ ๆ สมกับการเป็นสาวอีโมพังค์ที่ถูกต้อง
“ ฉันหวังว่าการแต่งตัวของฉันจะไม่ได้ผิดระเบียบอะไรของค่ายนะคะ ” เธอรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นพวก .. แต่งตัวจัด แน่นอนว่าเมื่อไครอนได้ยินประโยคที่เหมือนจะเกรงอกเกรงใจ แต่ก็ไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่ให้ความรู้สึกแบบนั้น อีกฝ่ายก็เปล่งเสียงหัวเราะขึ้นมาทันตาก่อนจะส่ายหน้าเป็นสัญญาณที่บอกว่าที่นี่ไม่มีกฏระเบียบอะไรแบบนั้น หรือต่อให้มี เขาก็คงหลับหูหลับตาให้ข้างหนึ่ง สำหรับเด็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว
“ แล้วนี่เธอไม่ไปโรงอาหารอย่างคนอื่นเขาเหรอ Miss Nereza ”
“ ตอนนี้ที่นั้นคงกำลังคนเยอะ ฉันไม่อยากไปเบียดเสียดน่ะค่ะ ”
คำตอบของเนเรซ่าชัดเจนเสมอมา เธอก้าวขาเข้ายืนเคียงข้างกันกับผู้ดูแลค่ายพลางทอดสายตามองไปตามสนามฝึก “ ฉันอยากลองมาปรับพื้นฐานง่าย ๆ ที่นี่ดูก่อนด้วย จะได้เสียแรงแล้วไปเติมพลังเอาทีเดียว ”
“ ถ้าแบบนั้นก็ง่ายเลย ฉันคงช่วยแนะนำเธอได้ไม่มากก็น้อยเชียวล่ะ ” ไครอนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาผายมือให้เธอเดินตรงไปยังกลางสนามเพื่อเริ่มต้นการฝึก โดยที่ตัวเขาก็คงจะให้คำแนะนำจากข้างกันที่ก็ไม่ได้ไกลนัก “ ก่อนอื่นเลย เธอต้องตั้งสมาธิให้มั่น ”
“ ในการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ว่าจะตอบโต้ หรือตั้งรับ ล้วนแต่ต้องยึดในสมาธิให้ดี แค่ความประมาทหรือร้อนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจนำมาสู่การบาดเจ็บ มาก ๆ เข้าก็ถึงชีวิต ” เสียงทุ้มของไครอนกล่าวในระหว่างที่เดินวนอยู่รอบตัวสมาชิกภายในค่ายคนใหม่ที่กำลังรับคำแนะนำจากเขา ไครอนประเมินและคาดหวังในตัวเนเรซ่าค่อนข้างสูง เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเด็กที่เข้าร่วมค่ายก็เมื่ออายุเลยคำว่าบรรลุนิติภาวะ ทำให้มีประสบการณ์ชีวิตที่มาก ความใจเย็น และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถือว่าเป็นเรื่องดีรวมไปถึงสายเลือดที่ง่ายต่อการพลิกแพลงไปได้หลายสาย
เสียก็แต่แค่ตรงที่เขายังต้องใช้เวลาศึกษา ว่าเนเรซ่า เฮนลาดิส จะเป็นไม้อ่อนดัดง่าย หรือไม้แก่ดัดยากก็เพียงเท่านั้น
“ เมื่อเธอเจอศัตรูที่ว่องไว ” เซนทอร์หยุดลงตรงหน้าเธอ เขาระบายยิ้มเพียงแค่ครู่ ก่อนที่จะหายไปโผล่ที่ด้านหลังของเธอโดยใช้เวลาแค่ชั่วพริบตา “ ก็ต้องใช้สมาธิ”
เนเรซ่าหันหลังขวับด้วยความตื่นตระหนก ประจวบเหมาะกับช่วงจังหวะที่ไครอนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ และเมื่อเธอเจอศัตรูที่แข็งแรง มากด้วยพละกำลัง ” เซนทอร์ร่างโตฟาดดาบในมือลงกับพื้นดินข้างลำตัวสายเลือดแห่งอะโฟรไดท์จนเจ้าหล่อนสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ทั้ง ๆ ที่ก็มองทันว่าอีกฝ่ายทำอะไร “ ก็ต้องใช้สมาธิเช่นกัน ”
“ คุณชักเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ ไครอน ”
“ โธ่ มันก็แค่การสาธิตเท่านั้น เด็กน้อย ”
ผู้ให้คำแนะนำในการฝึกสอนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูขยาดของสายเลือดอะโฟรไดท์คนใหม่ เซนทอร์ร่างหนาได้แต่ปัดมือไปมาเมื่อเสร็จสิ้นการสาธิต “ ลองหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้มั่น เนเรซ่า เธอจะค้นพบขุมพลังที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจนึก ”
ถ้าไม่ติดว่าที่นี่มันแปลกมาตั้งแต่ต้น บางทีเธอคงมองว่าการชักชวนให้ทำอะไรพวกนี้ก็เหมือนขั้นตอนการล้างสมองขั้นต้นของเหล่ามิตรฉาชีพ แต่เผอิญเรื่องประหลาด ๆ ดันเกิดขึ้นกับเธอมามากพอจนเนเรซ่าคร้านจะตั้งคำถามหรือมัวแต่หวาดระแวง หญิงสาวสูดหายใจเข้า เธอมองตรงไปยังใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความใจเย็นของไครอนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะให้สัญญาณหลับตาลงเพื่อเข้าสู่ห้วงสมาธิของตัวเธอเอง
เป็นเรื่องยากไม่น้อย สำหรับสาวหัวคิดฟุ้งซ่านที่จะต้องมารวบรวมสติและสมาธิเพื่อจดจ่ออยู่กับสิ่ง ๆ หนึ่ง เนื่องจากเรื่องแบบนี้ไม่มีคู่มือให้ศึกษา ไม่มีคำอธิบายที่มากไปกว่านี้ และทำอะไรไม่ได้นอกจากคาดเดารวมไปถึงไขว่คว้าทุกวิธีการที่อาจนำให้ไปถึงเป้าหมาย ดังนั้นตลอดระยะเวลาที่เธอหลับตา เนเรซ่าพบว่าเธอปรับเปลี่ยนกระแสความคิดของตัวเองได้อย่างรวดเร็วจนน่ากลัว
สารพัดวิธีคิดมากมายถูกใช้งานเพื่อที่จะก้าวไปให้ถึงศักยภาพที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก จากความว่างเปล่า ทีละน้อย เนเรซ่าเริ่มเห็นช่องทางที่จะทำให้เธอปลดผนึกขีดจำกัดเหล่านั้น
“ รู้อะไรไหมคะ ฉันว่าฉันเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว คุณไม่ใช่คนที่น่ากลัวหรอกไครอน ”
เสียงพูดของเนเรซ่าดังขึ้นท่ามกลางความฉงนใจของเซนทอร์วัยกลางคน สายเลือดของเทพีแห่งความรักและความงามลืมตาขึ้นพร้อมด้วยการเหยียดยิ้มแหย ๆ ที่ชวนให้เอ็นดู
“ ฉันว่าเป็นค่ายนี้มากกว่าที่น่ากลัว ”
โดยที่ไม่ต้องอาศัยคำพูดให้มากมาย เพียงเท่านี้ไครอนก็ทราบแล้ว ว่าดูท่า ภายในค่ายของเขา คงจะได้มีอัจฉริยะเชื้อสายเทพีผู้สูงส่งกำเนิดขึ้นอีกราย…