เจ้าของ: God

Caldecott Tunnel ⋘ อุโมงค์คัลลีคอตต์ ⋙

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-10-11 20:12:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 04 เดือน ตุลาคม ปี 2025

ช่วงค่ำ เวลา 19.00 - 23.00 น. ณ อุโมงค์คัลลีคอตต์ ค่ายจูปิเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (เฝ้าเวร) (พบ โคล เบ็นเน็ตต์) 


อุโมงค์คัลลีคอตต์ยามพลบค่ำยืดยาวจนเหมือนหลอดกระดูกสันหลังของเมือง ลมจากปลายอุโมงค์ฝั่งโอ๊กแลนด์พัดเอากลิ่นยางร้อนกับฝุ่นคอนกรีตเข้ามาปะทะกลิ่นสนจากเนินเขา โคมไฟสีส้มเรียงเป็นปุ่ม ๆ บนเพดาน สะท้อนเงาโล่กับหมวกของยามกองพันที่สิบสองที่ผลัดเปลี่ยนเวรกันอย่างเป็นจังหวะ โมนีก้ายืนพิงผนังแผ่นเหล็กบานซ่อนชิ้นหนึ่ง ด้านหลังคือทางเข้าซึ่งถ้าเคาะจังหวะถูกต้องมันจะเลื่อนเปิด เธอหายใจสม่ำเสมออย่างคนฝึกมาแล้ว มือซ้ายลูบปลอกกำไลสุริยุปราคาเป็นนิสัย


เสียงรองเท้าหนังแตะพื้นคอนกรีตที่ไม่รีบร้อนดังมาจากเงามืดก่อนจะปรากฏร่างสูงในเงาไฟ ผู้ชายแว่นกันแดดทรงเรียบสีดำแม้ยามค่ำ ดวงตาคมดูเหมือนคมมีดที่หุ้มปลอกดีแล้ว คางมีเงารอยหนวดเคราจาง ๆ เขาหยุดในระยะพอดี ไม่ใกล้จนกดดันไม่ห่างจนละเลย “ไม่พบกันนาน” โคล เบ็นเน็ตต์ เอ่ย ขณะเอียงศีรษะน้อย ๆ แบบคนทักทายโดยยังรักษาแนวระวัง


โมนีก้าค้อมตัวเล็กน้อยตามมารยาท “ค่ะ…ขอบคุณนะคะ…จากที่ดูคุณคง…ฮ่ะ ๆ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคะ” รอยยิ้มที่มุมปากเธอยังมีร่องรอยเหนื่อยจากเดินทาง แต่ตาเทาเงินใสขึ้นกว่าก่อนออกภารกิจ เขาพยักหน้าหนึ่งรับทั้งคำขอบคุณและคำขอโทษในทีเดียว “ยินดีด้วยที่กลับมาอย่างปลอดภัย” ประโยคสั้น เสียงทุ้มราบเรียบทว่าไม่เย็นชา เขาปล่อยให้ความเงียบตกค้างครึ่งจังหวะราวกวาดดูว่ามีร่องรอยบาดเจ็บตรงไหน ก่อนค่อยพูดต่อ “อาการเป็นยังไง”


“ดีขึ้นมากค่ะ หมอจับยัดตารางพักกับกายภาพไว้แน่นเลยบอกว่าหยุดซนสักพักที” เธอยกกำปั้นเบา ๆ ให้ดูว่าขยับได้ “คืนนี้เลยมานั่งเวรยามค่ะ คิดถึงอุโมงค์นี้พอดี”


โคลเหลือบตามองแนวทางเท้าและปากอุโมงค์บริการที่พิกัดคมชัดในหัวเขาราวกับผังโบราณสถาน “เวรดีสำหรับคนอยากเรียกสมาธิกลับมา” เขาเอื้อมหยิบแฟ้มบาง ๆ จากกระเป๋าหนังปากแฟ้มเสียบภาพพิมพ์หินโบราณ “มีรถบรรทุกส่งเวชภัณฑ์ให้ค่ายอีกยี่สิบนาที ผมจะอยู่จนกว่ามันเข้าประตู”


“รบกวนด้วยค่ะ” โมนีก้ายืดตัวขึ้นจากผนัง เดินเคียงข้างเขาไปยังเสาเครื่องหมาย บนพื้นมีรอยสีแดงซีด สัญลักษณ์แคมป์ที่มองไม่ออกสำหรับคนนอก โคลกวาดตามุมมืดอย่างเป็นระบบ  “ได้ยินว่าคุณเขียนรายงานยาวมาก”


“ก็แค่ 47 หน้าเองค่ะ” เธอทำเสียงยืดนิด ๆ มุมปากเขาขยับเพียงเสี้ยว “ปกติผมเจอรายงานสนาม 10 หน้าเพราะเปลืองหมึก นี่…พอใช้ได้ถ้าปรับเรื่องภาษา” น้ำเสียงนั้นเป็นคำชมในภาษาของคนประหยัดคำ “อ่านแล้ว…เห็นว่าเธอเลือกปกป้องมากกว่าฆ่าในหลายจังหวะ ดี” โมนีก้าพอได้ยินก็สูดลมหายใจเข้าแล้วบอก “ไม่ใช่เพราะเก่งหรอกค่ะ แต่เพราะกลัวฉันไม่ได้อยากฆ่า…มัน…โหดร้าย”


“ความกลัวที่ยอมรับได้ คือความกลัวที่เราคุมมันไม่ใช่มันคุมเรา” เขาวางประโยคลงบนพื้นเหมือนวางหลักหมุด “ถ้าคราวหน้าจังหวะบังคับ เธอก็ทำได้อยู่แล้ว” โมนีก้าเงียบไปครู่เหมือนกำลังชั่งน้ำหนักคำ ก่อนหลุดหัวเราะแผ่ว ๆ “รู้สึกเหมือนโดนคุณอบรมอยู่เลยนะคะ แต่แปลกดีนะคะ ฉันชอบ”


เขาไหล่สั่นน้อย ๆ คล้ายหัวเราะแบบคนไม่คุ้นหัวเราะ แล้วชี้ปลายคางไปที่กำไลของเธอ “ชิ้นนั้นได้มาใหม่?”


“เอ่อ…ของขวัญค่ะ” เธอแตะปลอกกำไลโลหะเบา ๆ แบบเขิน ๆ นิดหน่อยเป็นจังหวะที่รถนั้นขับเข้ามาส่งของพอดี เมื่อเห็นดังนั้นแล้วโคลก็หันมาทางโมนีก้าคืน


“ดี ขอตัวก่อน ราตรีสวัสดิ์” โคลหมุนตัว เดินลับไปทางเงามืดของทางออกอีสต์โอ๊กแลนด์ ฝีเท้าสม่ำเสมอจนกลืนหายไปกับเสียงลม ทิ้งไว้เพียงตะกอนคำสั้น ๆ ที่ตั้งตรงเหมือนเสาในอุโมงค์ หนักแน่นพอจะพิงได้ในคืนที่ยาวนาน โมนีก้ายืนฟังความเงียบอีกครู่ กดปลายคางกับผ้าพันคอให้ลมไม่กัดคอ แล้วกลับไปประจำจุด เธอลูบกำไลที่ข้อมือหนึ่งที และเฝ้าดูปลายอุโมงค์ที่ยืดยาวออกไปสู่เมือง เหมือนกำลังเฝ้าประตูระหว่างโลกภายนอกกับบ้านของตัวเอง…อย่างมั่นคงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย


รางวัล: +20 EXP / +30 เกียรติยศ และ +20 ความกล้าหาญ / +8 ดีนาเรียส / +1 ป้ายเกียรติยศ{JP}


[NPC-40] โคล เบ็นเน็ตต์

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20

กลิ่นหอมจาก น้ำหอม Unisex  - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +5

(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 0 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-40] โคล เบ็นเน็ตต์ เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-10-12 03:36
God
คุณได้รับ 20 EXP โพสต์ 2025-10-12 03:36
God
คุณได้รับ +30 เกียรติยศ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-10-12 03:36
โพสต์ 26150 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-11 20:12
โพสต์ 26,150 ไบต์และได้รับ +4 EXP +8 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2025-10-11 20:12

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +8 ย่อ เหตุผล
God + 8

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-12 15:53:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด

7 · ตุลาคม · 2025 · 

07.00 น. 


อุโมงค์คัลลีคอตต์ เส้นทางหลวงที่ทะลุผ่านเนินเบิร์กลีย์อันเขียวขจีในยามเช้านั้น ยังคงคึกคักด้วยเสียงรถยนต์ที่แล่นไม่ขาดสาย เสียงเครื่องยนต์สะท้อนกับผนังคอนกรีตหนาทึบก้องกังวานราวเสียงสะท้อนของเมืองใหญ่ที่ไม่เคยหลับใหล แสงไฟสีเหลืองอุ่นในอุโมงค์ทอดเป็นแนวยาวเหมือนเส้นด้ายแห่งเวลา นำทางสู่ปลายทางซึ่งอาบไปด้วยแสงแดดตะวันตกจาง ๆ


เมื่อแสงปลายอุโมงค์ขยายกว้างขึ้น เอสเปอร์ก็ก้าวออกมาจากความมืดนั้น เงาร่างของเขาถูกแต่งแต้มด้วยแสงสีทองที่ไหลมาตามทางลาด เหมือนภาพวาดมีชีวิตกลางทางหลวง ลมจากหุบเขาพัดปลายผ้าพริ้วไหวไปตามจังหวะของถนน ลมหายใจของเขา


เบื้องหน้าคือทิวเขาเบิร์กลีย์ที่ทอดตัวลงสู่พื้นราบของเมืองโอ๊กแลนด์ อาคารบ้านเรือนสีอบอุ่นตัดกับผืนฟ้าใส ละอองหมอกบางจากอ่าวซานฟรานซิสโกลอยอ้อยอิ่งอยู่ตรงขอบขุนเขา บรรยากาศราวกับเช้าอันยืดยาวของฤดูใบไม้ผลิ ทั้งที่เป็นช่วงบ่าย


เอสเปอร์ยกมือขึ้นบังแดดก่อนจะเปิดอ่านแผ่นดินและเส้นทางที่จดมาจากในค่าย เส้นทางยาวพาดผ่านรัฐแคลิฟอร์เนียลงสู่ตอนใต้ของแผ่นดิน จุดหมายคือ ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส (LAX) ที่ตั้งอยู่ในเขต Westchester ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหานครแอลเอ


“จากโอ๊กแลนด์ลงไปลอสแอนเจลิส… ถ้าไม่แวะพัก ก็ราวหกร้อยกว่ากิโลเมตรสินะ”


เสียงของเขาเบาแต่มั่นคงขณะเอ่ยกับตัวเอง เขาเลือกเส้นทางผ่าน Interstate 5 ที่จะพาเขาแล่นผ่านทุ่งเกษตรของหุบเขาเซ็นทรัล ดินแดนแห่งพืชผลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา


ถนนทอดยาวไร้ที่สิ้นสุด ลมพัดเส้นผมสีเงินของเขาปลิวสะบัดเบา ๆ เมื่อเขาเริ่มออกเดินทาง


ถนนสี่เลนทอดยาวไปข้างหน้า ขนาบด้วยเนินเขาสีเขียวมะกอกที่ไล่ระดับลงไปสู่พื้นราบของเบิร์กลีย์ ดินแดนแห่งมหาวิทยาลัยชื่อดังและสวนโอ๊กที่ชุ่มไอทะเล เสียงนกกระจิบน้อยแว่วจากยอดไม้ไกล ๆ ขณะที่ลมพัดกลิ่นหญ้าป่า ฝุ่นถนนมาปะทะปลายจมูก

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8726 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-12 15:53
โพสต์ 8,726 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ต้านทานเวทมนตร์  โพสต์ 2025-10-12 15:53
โพสต์ 8,726 ไบต์และได้รับ +2 EXP +1 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก สื่อสารกับภูตผีปีศาจ   โพสต์ 2025-10-12 15:53
โพสต์ 8,726 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า จาก ไรเฟิลจู่โจมเทมเพสทัส  โพสต์ 2025-10-12 15:53
โพสต์ 8,726 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-12 15:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
ไรเฟิลจู่โจมเทมเพสทัส
แมกกาซีนเทมเพสทัส
เข็มทิศ
หมวกกันน็อต
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เกราะทหารโรมัน
สัมภาระจำลอง
แจ็คเก็ต YANKEES
นาฬิกาสปอร์ต
กล่องดนตรี
แว่นตา
เกมคอนโซลพกพา
หนังสือนิยาย
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x2
x2
x2
x2
x15
โพสต์ 2025-10-13 22:07:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 05 เดือน ตุลาคม ปี 2025

ช่วงค่ำ เวลา 19.00 - 23.00 น. ณ อุโมงค์คัลลีคอตต์ ค่ายจูปิเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (เฝ้าเวร)


อุโมงค์คัลลีคอตต์ยามค่ำเย็นวาวด้วยแสงโคมสีส้มที่กั้นระยะห่างเป็นจุด ๆ ตามเพดาน โมนีก้านั่งบนลังไม้ข้างประตูบำรุงรักษา มือหนึ่งกุมปลอกกำไลสุริยุปราคา อีกมือหมุนขวดน้ำไปมา เสียงเมืองไกล ๆ คล้ายคลื่นทะเลซัดเข้ามาเป็นจังหวะ ลมจากช่องอุโมงค์พัดกลิ่นยางร้อนและฝุ่นคอนกรีตให้แสบจมูกนิด ๆ เธอปล่อยให้ความเงียบทำงานกับความคิด แกว่งเท้าเบา ๆ จนหัวรองเท้าขูดพื้นคอนกรีตเป็นรอยโค้งจาง ๆ


“คืนสุดท้ายแล้วสินะ” เธอบอกกับแสงโคมครึ่งปลอบตัวเอง เอกสารค่าใช้จ่ายทั้งหลายถูกเหน็บไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน ส่วน Icarus Mirror หลับนิ่งในกระเป๋าข้างลำตัว แผ่ว ๆ ยังรู้ได้ถึงไออุ่นจากการพึค่งเล่นไปเมื่อกี้ เวลาคืบคลานผ่านเสียงรถนาน ๆ ทีวิ่งผ่านเลนหลักเหนือศีรษะ เธอเดินตรวจแนวรั้วซ้ำ เช็กกลอนเหล็กที่ซ่อนในผนัง ตบตราเวทแถบแดงให้เรืองขึ้นหนึ่งครั้งแล้วค่อยกลับมาที่เดิม นั่งนิ่งอีกครึ่งชั่วโมงโดยไม่มีใครรบกวน จนกระทั่งเสียงเท้าบูตโลหะ แทบ…แทบ…แทบ ก็ดังมาตามทาง


นายทหารหนุ่มคนหนึ่งโผล่จากมุมเงาไหล่คลุมผ้าคลุมเวรยามสีเข้มหน้าเอิบเหงื่อจากการวิ่ง “ขออนุญาต” เขายืนตรงดุจเสากระชับหมวกพอเป็นพิธี “แม่ทัพพรินซิเปียทั้งสองท่านมีคำสั่งให้คุณโมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม เข้าพบที่ห้องทำงานพรินซิเปีย เวลา 09:00 น. พรุ่งนี้เช้า”


โมนีก้าลุกขึ้นเต็มความสูง ตรงตัวแบบซ้อมมา “รับทราบ จะไปตามเวลาค่ะ” เธอส่งคำนับสั้น ๆ เสียงเรียบไม่ตื่น นายทหารยื่นแผ่นกำหนดการขนาดบัตรไปให้ตรา SPQR ประทับมุมบน “นี่สำเนาแจ้งนัดครับ เผื่อด่านตรวจถาม” แววตาเขาเหลือบมองรอบ ๆ แล้วเติมเบา ๆ “ขอบคุณที่ถือเวรทางเข้าคืนนี้นะ”


“อ๊า…ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มมุมปากนิดเดียว รับบัตรนั้นไว้ก่อนเก็บลงกระเป๋าด้านใน “ขอให้เวรยามที่เหลือราบรื่น” เขาเคาะอกเกราะเบา ๆ เป็นการเคารพ แล้วหมุนตัววิ่งย้อนกลับไปตามทาง แทบ…แทบ… จนเสียงเลือนหายไปใต้ลมอุโมงค์


ความเงียบกลับมาอีกครั้ง โมนีก้าเช็กเวลาในแท็บเล็ต ตั้งเตือน 07:15 น. ให้ลุก อาบน้ำ แต่งเครื่องแบบให้เรียบร้อย เธอกลับไปนั่งที่ลังไม้เดิม ปรับสายเสื้อคลุมให้แน่น และเอนหลังให้ไหล่สัมผัสผนังคอนกรีตเย็น ๆ


ชั่วโมงที่หนึ่ง เธอลุกขึ้นเดินสำรวจรอบที่สาม ก้มมองรางระบายน้ำ ตรวจสลักเหล็กทุกจุด

ชั่วโมงที่สอง บันทึกสั้น ๆ ลงบันทึกส่วนตัวของ Nectar Network: เวรคัลลีคอตต์ สภาพเรียบร้อย ไม่มีสัญญาณบุกรุก แนบภาพด้วยซะเลย

ชั่วโมงที่สาม ปล่อยใจให้ว่าง วาดเส้นทางไปกลับพรินซิเปียในหัว คาดการณ์คำถามที่อาจเจอ

ชั่วโมงที่สี่ ยืนฟังลม ไปจนกว่าตาเริ่มหนัก


เมื่อครบเวลาตามปฏิทินเวร เธอก็ลุก ปัดฝุ่นจากชายเสื้อ ม้วนผ้าคลุมเวรเก็บเข้าถุง หันกลับไปมองปากอุโมงค์อีกครั้ง แสงโคมสีส้มสะท้อนพื้นเรียบเหมือนเส้นด้ายยาวไม่มีปม “แล้วเจอกันใหม่ ถ้าชะตาให้กลับมาเจอเวรตรงนี้อีกนะ” เธอกระซิบกับแนวเพดาน เสียบบัตรนัดเข้ากระเป๋าเสื้ออกให้แน่น ก้าวออกจากโถงบำรุงรักษา ล็อกกลไกซ่อน คลิ๊ก จนแนบเนียนเหมือนไม่เคยมีประตูอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็เดินทางกลับเรือนพัก ตั้งใจจะทิ้งตัวบนเตียงหลับเอาแรงให้พอ ก่อนแสงยามเช้าจะพาเธอไปเคาะประตูพรินซิเปียเวลาเก้าโมงตรง…ด้วยหัวใจที่นิ่ง และพร้อมรับเซอร์ไพรส์วันจันทร์ที่ยังไม่รู้หน้าตาว่ามันเป็นยังไง


รางวัล: +20 EXP / +30 เกียรติยศ และ +20 ความกล้าหาญ / +8 ดีนาเรียส / +1 ป้ายเกียรติยศ{JP}

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 20 EXP โพสต์ 2025-10-13 23:24
God
คุณได้รับ +30 เกียรติยศ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-10-13 23:24
โพสต์ 23339 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-13 22:07
โพสต์ 23,339 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก สัมผัสแห่งชีวิต  โพสต์ 2025-10-13 22:07
โพสต์ 23,339 ไบต์และได้รับ +9 EXP +8 เกียรติยศ จาก Icarus Mirror  โพสต์ 2025-10-13 22:07

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +8 ย่อ เหตุผล
God + 8

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-19 21:19:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-10-19 23:46

วันที่ 19 เดือน ตุลาคม ปี 2025

ช่วงเช้า เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ณ อุโมงค์คัลลีคอตต์ ค่ายจูปิเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ตรวจสอบอุปกรณ์และสัมภาระ เริ่มเดินทาง


เสียงแตรทองคำของค่ายจูปิเตอร์ดังขึ้นตรงเวลา 08:00 น. พลังสะเทือนแผ่ไปทั่วลานฝึกจนพื้นกรวดสั่นสะท้าน กองร้อยที่ 2 ซึ่งเพิ่งจบการเตรียมตัวช่วงเช้า ต่างขยับเท้าเข้าสู่แถวตอนเรียงหนึ่ง เสียงโล่กระทบกันดัง ครืด! เป็นจังหวะพร้อมเพรียง ราวกับกองเกราะโลหะที่มีหัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน เส้นทางของพวกเขาวันนี้เริ่มที่อุโมงค์คัลลีคอตต์ เมื่อขบวนมาถึงปากอุโมงค์อันมืดมิด อากาศด้านในเย็นจัดและอับชื้นจนกลิ่นสนิมจากโซ่สะพายสัมภาระตีขึ้นจมูก เงาของไฟคบเพลิงจากปากอุโมงค์สะท้อนกับผนังหินจนดูเหมือนเปลวเพลิงกำลังเต้นระบำตามจังหวะหัวใจของเหล่าทหาร


เสียงของ เฟเบียส รูฟัส ดังขึ้นตรงข้างหูโมนีก้าอย่างเฉียบขาด แม้เขาจะอยู่ในร่างเล็กบนกิ่งไม้ข้างเอว แต่พลังของเสียงนั้นกลับก้องชัดในทุกโสตประสาท “ตรวจสอบอุปกรณ์! เข็มขัดต้องแน่น! สัมภาระห้ามโยก! โล่ต้องไม่กีดขวางการแกว่งแขน! พวกเจ้ากำลังจะวิ่ง ไม่ใช่เดินเล่น!”


โมนีก้าดึงสายรัดสัมภาระอีกครั้งจนหนังแน่นติดผิว เธอรู้สึกถึงแรงบีบของเกราะเหล็กที่ต้านการหายใจเล็กน้อย แต่ก็ชินเสียแล้ว เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของการฝึกที่เลียนแบบสภาพสนามรบจริง เสียงตรวจสอบอุปกรณ์ของเพื่อนร่วมหน่วยดังสลับกัน เสียงคลิกโลหะจากหัวเข็มขัด เสียงเชือกรัดสัมภาระ และเสียงฝีเท้ากระทบพื้นกรวดเมื่อทุกคนขยับท่าทางเข้าที่


เมื่อทุกอย่างพร้อม เสียงของลาเรสดังก้องขึ้นอีกครั้ง “แถวตอนเรียงหนึ่ง! เตรียมวิ่งเข้าสู่จุดที่หนึ่ง!”


โมนีก้าขยับไปด้านหน้า เธอเป็นผู้นำแถว เส้นสายของแสงอาทิตย์จากด้านหลังตกกระทบหมวกเกราะของเธอจนสะท้อนแสงสีทอง เสียงหายใจหนักของทหารทั้งกองร้อยผสมกันจนกลายเป็นจังหวะเดียว ก่อนคำสั่งสุดท้ายจะดังขึ้น “เริ่มวิ่ง! จังหวะที่สาม!”


ทันทีที่คำสั่งสิ้นสุด โล่เหล็กและสัมภาระหนักอึ้งทั้งหลายก็ขยับตามแรงวิ่งของเจ้าของ เสียงรองเท้าเดินทัพกระแทกพื้นอุโมงค์ที่เปียกชื้นดังสะท้อนกลับมาเป็นพันเสียง ตึก! ตึก! ตึก! จังหวะเดียวกันอย่างน่าประหลาด อากาศภายในอุโมงค์อึดอัดและชื้นจนหายใจได้ยาก แต่โมนีก้าก็จำจังหวะการฝึกไว้ขึ้นใจ หายใจเข้าสองก้าวหายใจออกสองก้าว “แกว่งแขนให้สมมาตร!” เสียงของเฟเบียสดังข้างหูอย่างเข้มงวด “หัวใจของการวิ่งทัพคือ จังหวะ! พวกเจ้าต้องหายใจเข้าออกตามจังหวะก้าว ไม่ใช่หายใจเข้าออกตามความเหนื่อยล้า! โมนีก้า! ควบคุมจังหวะของหน่วยให้คงที่!”


เธอพยักหน้าทั้งที่เหงื่อเริ่มไหลจากขมับ เสียงโล่ของทหารด้านหลังขยับตามเธอเป็นระยะห่างเท่ากันไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน การวิ่งในแถวตอนเรียงหนึ่งแบบนี้คือศิลปะ เพียงคนเดียวสะดุด เท้าของทั้งหน่วยอาจแตกแถวและโดนลงโทษทั้งกอง เธอจึงตั้งใจอย่างยิ่งที่จะรักษาจังหวะให้แม่นที่สุด


เมื่อกองร้อยที่ 2 วิ่งพ้นจากอุโมงค์คัลลีคอตต์ แสงแดดยามเช้าก็จ้าสาดเข้าตาอย่างรุนแรงจนต้องหรี่ตา ปลายอุโมงค์เบื้องหน้าคือเนินทรายจำลองที่ทอดยาวหลายร้อยเมตร เม็ดทรายสะท้อนแสงราวผืนทอง แต่เมื่อเท้าสัมผัสมันกลับกลืนทุกแรงเหยียบไว้ราวกับหนองโคลนที่ดูดพลัง “วิ่งช้า! (Cursus Lenta!) ลดความเร็วยี่สิบเปอร์เซ็นต์! รักษาระยะห่างครึ่งช่วงแขน! แถวห้ามยุบ!” คำสั่งจากเฟเบียสดังขึ้นอีกครั้ง


โมนีก้ารับคำทันที เธอลดฝีเท้าก้าวสั้นลงและถ่ายน้ำหนักเบาลงที่ส้นเท้า พยายามให้เท้าไม่จมทรายลึก เสียงหอบของเพื่อนร่วมหน่วยดังอยู่ข้างหลังทุกคน กล้ามเนื้อน่องของเธอเริ่มแสบราวกับถูกเผา ความร้อนสะสมจากโลหะที่เกราะสะท้อนกลับเข้าหาผิวหนัง แต่ไม่มีใครชะลอเพราะทุกการชะลอคือความพ่ายแพ้ทางวินัย


“ทหารที่สี่!” เสียงเฟเบียสดังขึ้นอย่างเฉียบขาดจนทั้งแถวสะดุ้ง “เท้าเจ้าแผ่วเกินไป! จำไว้ว่าโล่สคูทุมและสัมภาระพวกนั้นคือเพื่อนร่วมรบของเจ้า พวกเจ้าต้องแบกมันไปด้วยกัน!”

“ครับผม!” เสียงตอบพร้อมแรงฮึดดังจากท้ายแถว ทุกคนกลับเข้าสู่จังหวะเดิมอีกครั้ง โล่กระแทกกันเบา ๆ เป็นเสียงที่กลมกลืนกับจังหวะฝีเท้า


เมื่อวิ่งพ้นจากเนินทรายพื้นดินแข็งกลับมาอีกครั้ง เฟเบียสสั่งเสียงเย็น “วิ่งเร็ว (Cursus Veloce)! เพิ่มความเร็วขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์! แต่ห้ามแตกแถว!” โมนีก้าสูดลมหายใจแรงแล้วก้าวนำเสียงโล่ด้านหลังสะท้อนรับราวกับกลองรบ ความเร็วที่เพิ่มขึ้นทำให้ลมหายใจของเธอเริ่มติดขัด ปอดของเธอร้อนและแสบ แต่สายตายังตรึงอยู่ที่ขาของทหารคนถัดมา ทุกจังหวะต้องเท่ากัน ความเร็วต้องสม่ำเสมอ เธอไม่ใช่คนเดียวที่วิ่ง เธอคือจังหวะของคนทั้งหน่วย เหงื่อซึมไหลจากต้นคอเข้าสู่ขอบเสื้อเกราะจนร้อนผ่าวเหมือนถูกเหล็กหลอม เธอไม่สน เธอรู้ดีว่าหากจะผ่านการทดสอบนี้ ไม่ใช่แค่ความแข็งแรงที่พิสูจน์ได้ แต่คือการต่อสู้กับร่างกายและจิตใจของตัวเอง


“ดีมาก กองร้อยที่สอง!” เสียงของลาเรสดังมาจากกิ่งไม้ข้างเอว น้ำเสียงครั้งนี้มีแววพึงพอใจ “พวกเจ้าเริ่มเข้าใจแล้วว่า ระเบียบแถว ไม่ได้หมายถึงการเดินให้ตรง... แต่มันคือการ เต้นหัวใจให้ตรงกันทั้งกองร้อย” โมนีก้ายิ้มบาง ๆ ทั้งที่หอบจนพูดแทบไม่ได้ ดวงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหมวกเกราะลงมาแตะผิวแก้ม เธอกระชับโล่ในมือแน่น แล้วออกแรงวิ่งต่อไปอีกหลายสิบเมตร โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บอีกต่อไป มีเพียงจังหวะของหัวใจที่เต้นพร้อมกับเสียงโล่ของเพื่อนร่วมรบที่สะท้อนก้องอยู่ในอุโมงค์เบื้องหลังนั้นเท่านั้น

รางวัล: พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5 [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส



แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2025-10-19 21:57
โพสต์ 25109 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-19 21:19
โพสต์ 25,109 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-19 21:19
โพสต์ 25,109 ไบต์และได้รับ +9 EXP +8 เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก สัมภาระเต็มรูปแบบ  โพสต์ 2025-10-19 21:19
โพสต์ 25,109 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-10-19 21:19
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-10-20 03:04:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 19 เดือน ตุลาคม ปี 2025

ช่วงเวลา 20.12 น. เป็นต้นไป ณ อุโมงคัลลีคอตต์ ค่ายจูปิเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (จบ)


เสียงเครื่องยนต์ของรถบัสสีม่วงเข้มค่อย ๆ จางลงเมื่อมันหยุดนิ่งสนิทตรงหน้าปากอุโมงค์คัลลีคอตต์ แสงไฟสลัวสีเหลืองนวลจากด้านในลอดออกมาเหมือนประกายแห่งความทรงจำ คือจุดเริ่มต้นของบททดสอบ และในตอนนี้ได้กลายเป็นจุดจบของมัน เสียงลมเย็นจากภูเขาเบื้องหลังค่ายพัดผ่านเบา ๆ พาเอากลิ่นสนและฝุ่นถนนติดมากับรอยไอร้อนของเครื่องยนต์ที่ยังไม่ดับสนิท ภายในรถบัส เงียบสนิทราวกับทุกคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง โมนีก้าเอนตัวออกจากเบาะ ดวงตาสีเทาเงินของเธอมองลอดกระจกออกไป เห็นเพื่อนร่วมกองร้อยคนแล้วคนเล่าค่อย ๆ ยืดตัวตรงหลังจากนั่งมานาน ความอ่อนล้าแผ่ซ่านอยู่ในทุกท่วงท่า แต่แววตาของแต่ละคนกลับเปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีของผู้รอดจากศึก เธอสูดหายใจเข้าลึก กลิ่นเหล็กและเหงื่อที่ติดอยู่กับเกราะยังคงไม่จางไปเป็นกลิ่นของการต่อสู้ที่แท้จริง


ประตูรถบัสเปิดออกพร้อมเสียงลมที่พัดเข้ามา เฟเบียส รูฟัส ปรากฏขึ้นจากเงากิ่งไม้ที่เขาสิงอยู่ตลอดวัน แสงไฟส่องกระทบลำตัวเรืองอำพันของเขาราวกับเปลวเพลิงแห่งจิตวิญญาณ เขาลอยลงมาช้า ๆ หน้าเรียบสงบ แต่เสียงของเขาก้องกังวานทั่ว


“กองร้อยที่สอง!” เสียงนั้นสะท้อนก้องไปทั่วแนวอุโมงค์ “การเดินทางสิ้นสุดลงแล้ว! ตลอดระยะทางยี่สิบเอ็ดกิโลเมตร พวกเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ร่างกายอาจทรุดลงได้ แต่จิตวิญญาณของวินัยนั้นไม่เคยพัง!” 


ไม่มีใครเอ่ยตอบ แต่เสียงฝีเท้าที่ขยับพร้อมกันคือคำตอบที่ชัดเจนกว่าคำพูดใด ๆ ทหารทั้งห้าคนในหน่วยกองร้อยที่สองย่อยของโมนีก้าค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง ใบหน้าที่เคยเปรอะเหงื่อและฝุ่นทรายสะท้อนแสงจากไฟหน้ารถบัส แววตาแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าที่ผ่านการเผาในเตาหลอม พวกเขาเรียงแถวตอนเรียงหนึ่ง เดินลงจากรถด้วยความสง่างามและหนักแน่นในทุกก้าว เสียงรองเท้าแตะพื้นคอนกรีตของลานฝึกดังกังวานไปทั่วพื้นที่ว่าง โมนีก้าก้าวลงเป็นคนสุดท้าย เธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นเบา ๆ เหมือนโลกทั้งใบกำลังรับรู้ถึงการกลับมาของพวกเขา ลมยามค่ำพัดปลิวปลายผมสีม่วงครามของเธอให้โบกไหว เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดแต่ก็ยังเห็นแสงรำไรจากการที่มีแต่พลบค่ำช่วงกลางคืน เห็นดวงดาวดวงแรกส่องแสงอยู่เหนือยอดสนไกลโพ้น สัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดวันที่ยิ่งใหญ่


เฟเบียสลอยมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้งตั้งแต่เช้า “แยกย้ายได้!” เขาสั่ง “นำสัมภาระไปเก็บในโรงเรือน แล้วตรงไปที่โรงอาบน้ำ! พวกเจ้ามีสิทธิ์พักผ่อนเต็มที่วันนี้พวกเจ้าไม่ใช่เด็กฝึกอีกต่อไป จงมุ่งมั่นที่จะเป็นเลกิโอนารีที่แท้จริงแห่งค่ายจูปิเตอร์!” คำพูดนั้นทำให้หัวใจของทุกคนอบอุ่นขึ้นราวกับเปลวไฟในยามหนาวเหน็บ พวกเขาทำความเคารพพร้อมเพรียง เสียง “ฉับ!” ที่เกิดขึ้นพร้อมกันดังก้องอยู่กลางอากาศ ก่อนจางหายไปในความเงียบของค่ำคืน โมนีก้าก้มศีรษะเล็กน้อย ดวงตาเธอสั่นแผ่วด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้


“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าค่ะ” เธอพูดแผ่วเบาในลมหายใจ แม้รู้ว่าเฟเบียสอาจไม่ได้ตอบ แต่รอยยิ้มมุมปากของเขาก็บอกชัดเจนว่าได้ยิน


แถวของกองร้อยที่สองเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้า สัมภาระที่ครั้งหนึ่งเคยหนักจนแทบทรุด ตอนนี้กลับรู้สึกเบาราวกับขนนก สมาชิกบางคนหัวเราะเบา ๆ ระหว่างทาง บางคนสบตากันแล้วยิ้มโดยไม่ต้องพูดอะไร พวกเขาเดินผ่านทางเดินส่องไฟสลัวของอุโมงค์เข้าสู่เขตค่ายที่อบอุ่นและคุ้นเคย เสียงน้ำในลำธารใกล้ ๆ คลอเบา ๆ เหมือนดนตรีกล่อมในยามคืน


โมนีก้าเดินเป็นคนสุดท้าย หันกลับมามองอุโมงค์คัลลีคอตต์อีกครั้ง แสงจากไฟท้ายของรถบัสสะท้อนในดวงตาของเธอราวกับประกายแห่งความทรงจำที่นั่นคือที่ที่ทุกอย่างเริ่มต้น และก็เป็นที่ที่เธอกลับมาพร้อมหัวใจที่เปลี่ยนไป เมื่อเธอก้าวข้ามเส้นของปากอุโมงค์เข้าสู่ค่าย กลิ่นหอมของสนผสมกับกลิ่นไออุ่นของแสงคบเพลิงทำให้เธอรู้ว่า... วันนี้ได้จบลงแล้วจริง ๆ เสียงประตูอุโมงค์ค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบและเสียงลมหายใจของผู้ชนะที่เดินผ่านความทรหดมาได้ครบทุกก้าว และแน่นอนว่า...ไม่มีใครรู้หรอกว่าเฟเบียสแอบไปแช่น้ำเล่นในโรงอาบน้ำของค่ายน่ะ...


รางวัล: พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5 [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส

รางวัลโบนัส: ได้รับความแข็งแกร่งทางร่างกาย (+10 STR) , คนขับรถบัสมอบ MRE อาหารฉุกเฉิน 5 ห่อ
ได้รับ 1 หัวใจกับลาร์เรสผู้ฝึก 
[Lares-02] เฟเบียส รูฟัส


(จบสักที วิชากหนย่เบำไฟเ)



แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2025-10-20 09:25
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส เพิ่มขึ้น 100 โพสต์ 2025-10-20 09:25
โพสต์ 20985 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-20 03:04
โพสต์ 20,985 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-10-20 03:04
โพสต์ 20,985 ไบต์และได้รับ +9 EXP +8 เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก สัมภาระเต็มรูปแบบ  โพสต์ 2025-10-20 03:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-8 17:12:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 08 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ช่วงเที่ยง เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ณ อุโมงค์คัลลีคอตต์ ค่ายจูปิเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา


แสงแดดอ่อนของยามบ่ายปลายทางสะท้อนเงาผ่านกระจกหน้ารถมาเซราติสีแดงเชอร์รี่ เส้นทางโค้งทอดยาวพาเลสเตอร์ขับรถลงมาจนถึงอุโมงค์คัลลีคอตต์ ถนนคอนกรีตสีเทาอ่อนทอดหายเข้าไปในปากอุโมงค์มืดมิดที่มีแสงไฟสีส้มเรียงรายเป็นแนวไกลสุดสายตา ทางซ้ายมือของอุโมงค์มีทางเข้าที่ดูเหมือนซากอาคารเก่าแต่กลับถูกเฝ้าไว้ด้วยทหารในชุดเกราะโรมันเต็มยศสองนาย โล่ทองแดงสะท้อนแสงอาทิตย์พร่างพราว  นั่นแหละ ทางลับเข้าสู่ค่ายจูปิเตอร์


“ถึงแล้ว” เลสเตอร์เอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความอาลัย เขาชะลอความเร็ว รถมาเซราติค่อย ๆ หยุดลงริมทาง เสียงเครื่องยนต์เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมอุ่นพัดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง


โมนีก้าหันมองรอบ ๆ พลางยกมือเสยผมสีน้ำตาลเข้มของตน “ทุกครั้งที่ถึงตรงนี้ฉันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมันคือเส้นแบ่งระหว่างโลกสองใบเลยเนอะ” เธอพูดพร้อมยิ้มบาง กลิ่นไลแลคอ่อน ๆ จากตัวเธออบอวลในรถจนแทบกลบกลิ่นเครื่องหนังทั้งหมด “ก็แน่ล่ะ มันคือเส้นทางระหว่างโลกของเทพและโลกของมนุษย์นี่นา” เลสเตอร์ว่าพลางเอนตัวพิงพวงมาลัยด้วยท่าทีที่ดูผ่อนคลาย แต่แววตาสีฟ้ากลับมีประกายเศร้าแฝงอยู่ลึก ๆ “ทุกครั้งที่เธอกลับค่าย ฉันก็รู้สึกเหมือนฟ้ากลางวันมันเงียบไปหน่อย” ยังไม่ทันที่โมนีก้าจะพูดตอบ เสียง AI ทั้งสี่ดังขึ้นมาพร้อมกันผ่านลำโพงภายในรถ


“โอ้ คุณโมนีก้า~ จะรีบไปไหนละเนี่ย! พวกเรายังไม่เบื่อเลยนะ!” เสียงพิโรอิสลากยาวอย่างอารมณ์ดี ตามด้วยเสียงอิโอสที่หัวเราะคิก “คุยกับคุณโมนีก้าสนุกกว่าท่านอะพอลโลอีก!” เอโธนกับเฟลโกนก็ผสานเสียงหัวเราะตามทันที “จริง! อย่างน้อยคุณโมนีก้าไม่บ่นเรื่องสิวหรือเบาะรถร้อนทุกสิบนาที!”


เลสเตอร์กำหมัดแน่นทันที “พวกนายพูดดีนักนะ ผมเป็นเจ้านายพวกนายนะ จำไว้ เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่แห่งแสงอาทิตย์! แถมยังหล่อและมีเสน่ห์ขนาดนี้!!” เสียงหัวเราะของเหล่า AI ดังลั่นรถ โมนีก้าแอบหัวเราะเบา ๆ พลางมองหน้าเขาอย่างเอ็นดู “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พวกเขาพูดถูกนะเรื่องนายขี้บ่น”


“เธอก็เข้าข้างพวกนี้อีกหรอ!” เลสเตอร์ทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนที่มุมปากจะคลี่ยิ้มแบบคนแพ้แต่ยังอยากเก๊กต่อ “แต่เอาเถอะ ถ้ายังไง...ค่อยเจอกันก็ได้ ถ้าเธอไม่อยู่ค่าย ฉันจะรู้เองแหละ”


“แน่สิ นายจะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ” เธอตอบพลางปลดเข็มขัดนิรภัย “แต่ถ้าฉันต้องออกไปทำภารกิจ ฉันจะไปบอกไว้ที่วิหารอะพอลโลนะ ภาวนาแบบนั้น นายก็จะรู้เองแหละใช่ไหม?” เลสเตอร์เงยหน้ามองเธอ แสงส้มในอุโมงค์สะท้อนผ่านกระจกจนเข้าตาเขาพอดี “รู้อยู่แล้ว มิวส์ของผม” เสียงนั้นต่ำและจริงจังเล็กน้อยตามประสา


“อย่าทำเสียงงี้สิ ฉันจะใจอ่อนเอานะ” โมนีก้าพูดยิ้ม ๆ ก่อนที่เธอจะเปิดประตูลงจากรถ กลิ่นอากาศภูเขาผสมกลิ่นน้ำมันเครื่องลอยมากระทบปลายจมูก เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะที่เลสเตอร์ก้าวลงจากรถมาเซราติสีแดงเชอร์รี่พร้อมถอนหายใจยาวพลางยกมือปัดปอยผมสีเข้มของตน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียดายและความขี้โม้แบบเฉพาะตัวว่า “ดูเหมือนว่าแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าของผมจะถูกเรียกกลับไปเสียแล้ว…” เขาเงยหน้ามองฟ้าด้วยสีหน้าเหมือนกวีที่เพิ่งถูกพรากแรงบันดาลใจ “ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมจักรวาลถึงกำหนดให้ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันสั้นกุดเหมือนนิ้วก้อยของฮาเดสแบบนี้!”


โมนีก้าหลุดหัวเราะพรืดทันทีที่ได้ยิน “นายรู้ใช่ไหมว่าฮาเดสเป็นลุงของนาย?” เธอพูดพลางยกคิ้วอย่างขบขัน


“รู้อยู่แล้วสิ” เลสเตอร์ตอบหน้าตายแต่หางเสียงกลับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ “แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันฟังดูเวอร์น้อยลงหรอกนะ” ลมจากอุโมงค์พัดกลิ่นดินและเหล็กอ่อน ๆ ผ่านร่างทั้งคู่ ขณะเธอขยับเข้าใกล้เพื่อบอกลา แสงแดดอุ่นส่องผ่านผมสีน้ำตาลของโมนีก้าเป็นประกาย เธอมองเขาอย่างอ่อนโยน แต่ยังคงแฝงรอยยิ้มกวนเล็ก ๆ ที่เธอชอบใช้เวลาเขาพูดอะไรเข้าข้างตัวเองมากเกินไป


“บางครั้งผมก็อยากจะเป็นเทพเจ้าแห่งโกลาหกแทนเทพอาทิตย์” เลสเตอร์เอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกึ่งจริงกึ่งเล่น “จะได้แอบมาจูบเธอทุกวันที่ค่ายโดยไม่ต้องโดนใครฟ้อง”


“พูดอย่างกับว่ามันโรแมนติกอ่ะ” โมนีก้าหัวเราะเบา ๆ “แต่นายรู้ไหม มันฟังดูออกจะน่ากลัวอยู่หน่อย ๆ ด้วยนะ” เขาหรี่ตายิ้ม “แล้วการคิดถึงเธอมันไม่ทรมานเหรอ มิวส์ของผม” น้ำเสียงนั้นนุ่มจนคนฟังต้องกลั้นหัวใจไม่ให้เต้นแรงเกินไป “ว่าแต่คุณจะให้ผมแวะมาวันไหนดีล่ะ ผมจะได้เคลียร์ตารางไว้ให้เรียบร้อย” โมนีก้าหันกลับมาสบตาเขา “เดี๋ยวขอดูงานที่ค้างไว้ก่อนเถอะ ถ้าโอเคก็คงได้เจอกันนะ ยังไงก็เจอกันอยู่แล้วแหละ” เลสเตอร์พยักหน้าเบา ๆ ก่อนขยับเข้ามาใกล้ มือหนาของเขายกขึ้นแตะที่กลุ่มผมของโมนีก้าอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน แบบฉบับของเขาเสมอ


แต่เมื่อใบหน้าของเขาเลื่อนลงมาใกล้ริมฝีปากของเธอ โมนีก้ากลับยกมือขึ้นแตะอกเขาไว้ก่อน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อในแสงบ่าย “เลสเตอร์ อือ... หัดเกรงใจคนในค่ายหน่อย...” เธอพูดเสียงเบา พร้อมเหลือบตาไปทางเหล่าทหารโรมันที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ไม่ไกล เลสเตอร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนทำหน้าบูดนิด ๆ แล้วมองค้อนโมนีก้า “รอบหน้าคุณไม่รอดแน่...” เขาพึมพำอย่างจำยอมแต่แฝงรอยยิ้ม


โมนีก้าเธอหัวเราะน้อย ๆ ก่อนถอยหลังหนึ่งก้าว “แล้วไว้เจอกันนะ พ่อหนุ่มพระอาทิตย์”


เลสเตอร์มองเธอจนลับสายตา ขณะเธอเดินเข้าไปยังประตูหินที่เปิดออกพร้อมแสงสีทองอบอุ่นจากในค่าย เขาหันกลับมายังรถของตัวเองแล้วดีดนิ้วเบา ๆ แสงสีทองห่อหุ้มร่างของเขา เปลี่ยนเป็นเทพเจ้าผมทองในเสื้อหนังและแว่นกันแดดราคาแพง เขายักคิ้วให้เงาสะท้อนในกระจกก่อนจะพูดกับตัวเองอย่างมั่นใจ “หล่อระดับนี้ ไม่ต้องรอพระอาทิตย์ขึ้นก็เปล่งแสงได้แล้วล่ะ 😎จากนั้นเขาก็ขึ้นรถ ราชรถพระอาทิตย์ในร่างมาเซราติคันงามคำรามขึ้นอีกครั้ง พุ่งทะยานเข้าสู่อุโมงค์ราวกับเส้นแสงที่หายลับไปในดวงอาทิตย์ยามเย็น ขณะเดียวกัน โมนีก้าก็เดินเข้าสู่ทางลับของค่ายจูปิเตอร์โดยยังรู้สึกได้ถึงรอยจูบอุ่น ๆ บนหน้าผากที่ยังไม่จาง



[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +3
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +14

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 30673 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-8 17:12
โพสต์ 30,673 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-8 17:12
โพสต์ 30,673 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-8 17:12
โพสต์ 30,673 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-8 17:12
โพสต์ 30,673 ไบต์และได้รับ +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-11-8 17:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-13 22:09:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Clementis
Haus of Ratigan • Daughter of Justitia • Legacy of Orcus
Place
อุโมงค์คัลลีคอตต์
Date and Time
วันที่ 13 ธันวาคม 2025 • 11.00 ถึง 15.00 น.
Purpose
ทำกิจวัตรเวรเฝ้าประตู
ในบรรดารายชื่อสถานที่สำหรับเข้าเวรยาม จุดเดียวที่คลีเมนทิสไม่คุ้นเคยและไม่เคยย่างกรายผ่านเลยสักครั้งคือ ‘อุโมงค์คัลลีคอตต์’ บางทีอาจเป็นเพราะความลึกลับนั้นเองที่ดึงดูดใจ ปลายปากกาจึงจรดลงข้างชื่อสถานที่นั้นบนตารางเวรอย่างไม่ลังเลตั้งแต่แรกเห็น
บุตรีแห่งความยุติธรรมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสนี้ในการสำรวจพื้นที่เสียเลย — ได้สำรวจสมใจหมายแน่ล่ะ เพราะหลังจากตระเตรียมยุทโธปกรณ์จนพร้อมสรรพและยืนประจำจุดได้ร่วมสองชั่วโมงอสุรการตัวแรกก็ปรากฏตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตลักษณะเดียวกันไม่ว่าผ่านหน้าหนังสือหรือภายในครรลองสายตา คล้ายคลึงกับผู้ดูแลร้านหนังสือซึ่งเธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ฮาร์ปีไม่ผิดแน่
การต่อสู้ครั้งแรกไม่ได้เป็นงานที่ท้าทายมากเท่าไหร่นักแม้ไร้ประสบการณ์ เมฟต้องยกความดีความชอบให้กับอุปกรณ์ที่รองหัวหน้ากองร้อยซึ่งตัวเองสังกัดอยู่ยกให้เมื่อเช้านี้ เดิมทีราทิแกนสาวกะจะใช้มันแค่ในห้องเรียน ไม่คิดเลยว่าของมือสองที่เพิ่งรับต่อมาไม่กี่ชั่วโมงดีจะได้ประเดิมสนามจริงเร็วขนาดนี้
คลีเมนทิสอาจไม่ใช่หนอนหนังสือที่ท่องจำตำราการรบได้ขึ้นใจแต่เธอชดเชยมันด้วยไหวพริบและการอ่านเกมที่เฉียบขาด โล่สคูทุมในมือบางถูกยกขึ้นตั้งการ์ดอย่างมั่นคง คอยกระแทกปัดป้องกรงเล็บที่โฉบลงมาระหว่างรอจังหวะ กระทั่งศัตรูเผยช่องโหว่ทายาทแห่งออร์คัสจึงสวนการโจมตีกลับไปอย่างหนักหน่วงเท่าที่แรงของตัวเองจะสามารถทำได้โดยไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นสูญเปล่า
ลำพังฮาร์ปีสองตัวไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่พวกมันเข้ามาทีละตัว สิ่งที่วุ่นวายมากกว่าคือก็อบลินที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากนั้น อาจเพราะยึดความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญ เปรียบเสมือนการเลือกวิ่งบนทางอ้อมแทนที่จะเน้นการโจมตีหนักเพื่อปิดฉากการต่อสู้ให้ไวที่สุด คำว่ายากเย็นไม่ใช่ศัพท์ที่บรรยายช่วงเวลานี้ได้ตรงตัวสักเท่าไหร่ คงจะต้องบอกว่ายืดเยื้อเสียมากกว่า
เมื่ออสุรกายตรงหน้าล้มฟุบลงเมฟกลับพบว่าจังหวะหายใจของเธอเริ่มรัวเร็ว ร่างกายส่งสัญญาณประท้วงถึงความล้า ขืนดันทุรังปะทะกับก็อบลินตัวใหญ่ที่กำลังวิ่งเข้ามาคงได้ไม่คุ้มเสีย ประจวบเหมาะกับที่ครบกำหนดเวลายืนเวรแล้ว
ไม่มีเหตุผลต้องรีรอ เธอตัดสินใจละทิ้งสนามรบ ถอยกลับสู่เขตปลอดภัยของค่ายจูปิเตอร์ทันที

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +30 เกียรติยศ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-12-13 22:41
God
คุณได้รับ 20 EXP โพสต์ 2025-12-13 22:41
โพสต์ 10,212 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 เกียรติยศ จาก เกมคอนโซลพกพา  โพสต์ 2025-12-13 22:09
โพสต์ 10,212 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +3 ความศรัทธา จาก ช่อดอกไม้  โพสต์ 2025-12-13 22:09
โพสต์ 10,212 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2025-12-13 22:09

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +8 ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 8 + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำแพงแห่งคำสั่ง
สัมผัสแห่งความไม่สมดุล
ดาบสปาเธร์
หมวกเกราะกาเลีย
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
Hydro X
หนังสือนิยาย
กล่องดนตรี
เกมคอนโซลพกพา
ช่อดอกไม้
ต่างหูเงิน
ชุดเครื่องเพชร
เข็มทิศ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
x2
x1
x3
x2
x1
x5
x5
x2
x1
x1
x30
x3
x5
x2
x1
x2
x1
x2
x1
x1
x10
x5
x1
x2
x2
x5
โพสต์ 2025-12-15 21:13:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-12-15 21:15

วันที่ 14 เดือน ธันวาคม ปี 2025

เวลาบ่าย เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ณ อุโมงค์คัลลีคอตต์


อากาศภายในอุโมงค์คัลลีคอตต์เย็นกว่าที่เอสต้าคิดไว้ เสียงรถแล่นสวนทางสะท้อนก้องไปตามผนังหิน เธอก้าวลงจากรถรับส่งของค่ายที่พามาส่งถึงหน้าทางเข้า จุดซึ่งทหารโรมันสองนายในชุดเกราะเต็มยศยืนเฝ้าทางอยู่ใต้ป้ายหินสลักคำว่า CAMP JUPITER ACCESS TUNNEL และนั่นเองที่เธอเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนพิงรถม้ารูปทรงประหลาดอยู่ เขาโบกมือทักทายก่อนจะเดินเข้ามา “เฮ้ คุณบลอสซัมใช่ไหม?” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเปิดกว้าง เสียงทุ้มแต่ฟังดูเป็นมิตร “ผมยาซาน รุ่นพี่กองร้อยที่สอง ยินดีด้วยนะที่ได้เป็นเซนจูเรี่ยนคนใหม่”


เอสต้าที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ของโมนีก้าเอาไว้ก็ยิ้มกลับอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ รุ่นพี่ยาซาน”

ยาซานพยักหน้าช้า ๆ ก่อนชี้นิ้วไปทางรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านหลังเขา “วันนี้เราจะใช้เจ้านี่ฝึกกัน ซีซ่าร์ แม็กซิมัส รุ่นล่าสุดของค่าย คุณโชคดีนะที่ได้ขับรุ่นนี้ก่อนใคร”


เอสต้าหันไปตามที่เขาชี้ แล้วแทบอยากกรีดร้องออกมาดัง ๆ ทันที รถม้าที่อยู่ตรงหน้าคือความผสมระหว่างรถม้าสมัยซีซาร์กับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เหมือนถูกออกแบบโดยใครสักคนที่เมาไวน์ตั้งแต่เช้า ตัวถังไม้โอ๊คขัดเงาเป็นมัน หลังคาผ้าใบพับครึ่งเหมือนรถชมวิวในสวนสัตว์ ล้อเหล็กกลมโตประดับขอบทองระยิบระยับ ส่วนไฟหน้ารูปตาแหลม ๆ เรืองแสงสีฟ้าเหมือนหุ่นยนต์จากยุคอวกาศ


พระแม่เซเรส... ใครออกแบบรถม้าคนแก่หลงยุคคันนี้วะ เอสต้าบ่นในใจแทบจะหลุดออกมาดัง ๆ ใบหน้าเธอยังคงยิ้มบางแต่สายตาแทบลั่น “โอ้ พระเจ้า มันคือ… เอ่อ ? …ความงามแบบคลาสสิกสินะคะ” เธอฝืนพูดเสียงสูงอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่เคยทำมา


ยาซานหัวเราะ “ใช่เลย รุ่นนี้มีระบบเวทป้องกันครบ วิ่งได้ร้อยกิโลต่อชั่วโมง มีแผนที่วิเศษติดตั้งด้วยนะครับ ขับง่ายมาก”

ขับง่ายแต่หน้าไม่กล้าขับออกนอกอุโมงค์แน่ ถ้าใครเห็นฉันอยู่บนเจ้านี่คงคิดว่าฉันหนีมาจากพิพิธภัณฑ์แน่ ๆ ไอ้เหี้ย โคตรบัดซบ โมนีก้าเธอจะต้องเสียใจที่ฉันต้องบากหน้ามาขับของพรรค์นี้…เพื่ออะไรกันวะ! เธอสบถในใจอีกรอบอย่างมีรสชาติ ก่อนจะคลี่ยิ้มตอบกลับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยาซานไม่ทันสังเกตสีหน้าของเอสต้าแม้แต่น้อย เขายังคงยืนอธิบายอย่างใจเย็น “ก่อนเริ่ม ผมจะสอนเรื่องสำคัญที่สุดก่อนเลย กฎหมายจราจรของซานฟรานซิสโก” เอสต้าพยักหน้าช้า ๆ ตอบรับอีกฝ่ายพลางสูดลมหายใจลึก 


เอาล่ะ เอสต้า ใส่โหมดนางเอกแบบโมนีก้าเข้าไว้ อย่าเผลอพูดคำว่า ‘ไอ้รถหน้าโง่สุดเสร่อ’ ออกไปเชียว

“ได้ค่ะ รุ่นพี่” เธอตอบด้วยรอยยิ้มละไม มือจับชายกระโปรงชุดบอดี้สูทเหมือนคนเรียบร้อย แต่ภายในใจกลับร้องตะโกนสุดเสียงว่า 
ถ้าฉันต้องขับเจ้ารถม้าเสร่อคันนี้ต่อหน้าใครอีก ฉันจะต้องห้ามตัวเองไม่ให้เผามันทิ้งด้วยพลังแห่งความอับอายชัว ๆ!

ยาซานไม่รู้เลยว่ารุ่นน้องสาวหน้าตาเรียบร้อยตรงหน้ากำลังด่ารถม้าของค่ายด้วยระดับพลังอารมณ์เทียบเท่าภูเขาไฟวิซูเวียส เขาเพียงยิ้มอ่อน “เซนจูเรี่ยนบลอสซัม พร้อมจะเรียนบทแรกแล้วหรือยัง?”
“แน่นอนค่ะ” เอสต้าตอบทั้งที่รอยยิ้มยังค้างอยู่ แต่แววตาเทาเงินสะท้อนแสงไฟในอุโมงค์อย่างเย็นเฉียบราวกับกำลังคิดในใจว่า ฉันจะเอาตัวรอดจากคาบสอบนี้ยังไงดีวะเนี่ย...

หลังจากนั้นยาซานยืนพิงซีซ่าร์ แม็กซิมัส รถม้าสุดเสร่อในสายตาเธอ มือถือเอกสารเล่มบางสีน้ำเงินขนาดพอดีฝ่ามือ บนปกเขียนว่า California Driver Handbook (DMV) ตัวโตชัดเจน เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและเป็นระบบราวกับกำลังสอนนักเรียนในห้องเรียน “ก่อนอื่นเลยนะครับ เนื่องจากซานฟรานซิสโกอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย กฎหมายหลักทั้งหมดจะเป็นไปตาม California Vehicle Code หรือ CVC” เขาเริ่มอธิบายพลางพลิกคู่มือในมือ “และก็จะมีข้อบังคับเพิ่มเติมเฉพาะของเมืองที่ดูแลโดย San Francisco Municipal Transportation Agency หรือ SFMTA”


เอสต้าทำหน้าพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาเทาเงินกะพริบขณะพยายามจดจำคำย่อทั้งหมดอย่างทุลักทุเล ทั้งที่ในหัวกำลังคิดว่า ชื่อแต่ละอันนี่เหมือนรหัสลับของพวกเอฟบีไอมากกว่ากฎหมายจราจรอีกนะคุณรุ่นพี่


“ข้อสำคัญที่สุดคือกฎ Pedestrian Right-of-Way คนเดินเท้ามีสิทธิ์ไปก่อนเสมอ” ยาซานพูดต่อพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้น “ไม่ว่าจะอยู่บนทางม้าลายที่มีเครื่องหมายหรือไม่มีเครื่องหมายก็ตาม คุณต้องหยุดรถหลังเส้นกำหนด หรือหลังทางม้าลาย เพื่อให้ทางคนเดินเท้าได้เดินก่อนทุกครั้ง”


เอสต้ายกคิ้วขึ้นนิด “ถ้ามันไม่มีเส้นล่ะคะ?”

“คุณก็ต้องเดาเอาจากสัญชาตญาณครับ” ยาซานตอบอย่างจริงจังแต่แววตาแฝงขบขำเล็กน้อย “แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะครับ ถ้าไม่หยุดคุณอาจได้โดนใบปรับได้เลย”

“ดีค่ะ ฉันจะจำไว้… ด้วยใจที่ไม่อยากเสียเงินค่าปรับ” เอสต้าตอบยิ้มบาง ๆ ทั้งที่ในใจอยากกลอกตาใส่

“ส่วนต่อมา เขตโรงเรียนจำกัดความเร็วที่ 15 ถึง 25 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อมีเด็กอยู่ข้างนอกหรือกำลังข้ามถนน เขตที่อยู่อาศัยหรือธุรกิจโดยทั่วไปจำกัดที่ 20 ถึง 30 ไมล์ต่อชั่วโมง และทางหลวงสูงสุดที่ 45” เอสต้าพยักหน้าอีกครั้งอย่างเชื่อง ๆ แต่ในใจเริ่มตะโกน โอเคค่ะ ฉันจะไม่แตะคันเร่งเลยก็ได้ แค่ขอให้ได้ขับไอ้รถไม้โง่ ๆ นี่ให้ถึงจุดหมายโดยไม่ตกถนนก็พอแล้ว!


เมื่อเขาพูดถึงเรื่องการจอดรถ เขาก็ยิ้มบาง “อย่าจอดใกล้ทางม้าลายเกิน 20 ฟุตนะครับ เพื่อให้คนอื่นมองเห็นคนเดินเท้าได้ง่าย และถ้าจอดบนเนิน คุณต้องหันล้อให้ชิดขอบทางเสมอ เผื่อเบรกมือหลุด... อ้อ แล้วจำไว้ สีแดงห้ามจอด สีเหลืองสำหรับขนของ สีน้ำเงินให้เฉพาะคนพิการเท่านั้นนะครับ”


เอสต้าหัวเราะเบา ๆ “ค่ะ ฉันจะไม่ขับไปจอดใกล้สีรุ้งแน่นอน”

ยาซานหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะยื่นคู่มือ DMV ให้เธอ “อ่านไว้บ้างนะครับ ถึงจะดูน่าเบื่อ แต่ช่วยให้คุณไม่โดนปรับกลางทางแน่ ๆ”
“แน่นอนค่ะ รุ่นพี่” เอสต้ารับคู่มือด้วยมือข้างหนึ่ง แต่สายตาเธอเหลือบมองเจ้ารถแม็กซิมัสอีกครั้งอย่างไม่ไว้ใจ โอเค หนังสือกฎหมายว่าด้วยการขับรถนี่อาจมีสาระมากกว่าเจ้ารถม้าเสร่อคันนี้อีกนะ

“ก่อนจะเริ่มขับ ผมอยากให้คุณเช็กสภาพรถก่อน” ยาซานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเดินวนรอบรถ พลางชี้ทีละส่วน “ตรวจสอบของเหลวเชื้อเพลิงของรถให้ดี น้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น ตรวจลมยางกับสภาพดอกยาง เช็กระบบไฟสัญญาณและระบบพรางตาว่าทำงานปกติไหม” เอสต้าก้มมองรถแล้วพึมพำเบา ๆ “โอเค ตรวจเช็ก... เหมือนกำลังจะขึ้นขี่สัตว์ในตำนานมากกว่ารถเสียอีกค่ะ… ดูละเอียดอ่อนเนอะ”


“ดีครับ งั้นเริ่มเลย” ยาซานยิ้ม เขายืนพิงรถดูเธออย่างใจเย็น แต่ในหัวกลับคิดแผนเล็ก ๆ เขาแอบเอื้อมมือไปถอดสายหัวเทียนออกหนึ่งเส้นอย่างแนบเนียนก่อนหน้าที่เอสต้าจะเริ่มเสียอีกจะเริ่ม เพื่อดูว่าเซนจูเรี่ยนใหม่จะสังเกตเห็นหรือไม่


เอสต้าเดินวนรอบรถซีซ่าร์ แม็กซิมัสอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ในใจอยากหัวเราะออกมาเต็มเสียง เธอสาบานได้ว่านี่ไม่ใช่รถแต่คือคณะละครสัตว์ติดล้อมากกว่า แถมยังทำจากไม้โอ๊คแท้ ๆ ที่ส่งกลิ่นยางไม้หอมฟุ้งเหมือนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านคุณยายเสียด้วย เธอถอนหายใจแล้วมองยาซานที่ยืนพิงข้างรถอย่างใจเย็น มือไขว้หลังราวกับครูฝึกขับรถผู้เคร่งครัดในทุกระเบียบ เอสต้าจึงจำใจต้องทำตัวเป็นนักเรียนดีตัวอย่างสักครั้ง “ตรวจสอบของเหลวพวกเชื้อเพลิงน้ำมันหล่อลื่นอะไรงี้ก่อนสินะ…” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ แล้วก้มเปิดฝากระโปรงไม้โอ๊คขึ้นทันที ความร้อนอ่อน ๆ ลอยออกมาพร้อมกลิ่นเหล็กและน้ำมัน เธอยื่นมือไปหยิบแท่งวัดน้ำมันเครื่องออกมา มันเป็นแท่งทองเหลืองที่สลักตราค่ายจูปิเตอร์ไว้ปลายด้าม หรูหราจนแทบอยากปาใส่กำแพง เธอดึงขึ้นมาดู แผ่นโลหะสะท้อนแสงสีอำพันของน้ำมันอย่างพอดี “อืม... น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับ โอเค ผ่าน” เธอพูดพลางใช้ผ้าชามัวร์เช็ดปลายแท่งแบบคนที่พยายามทำตัวให้ดูรู้เรื่องที่สุด


จากนั้นเธอก้มไปดูถังน้ำหล่อเย็นใสแจ๋วที่มีไอน้ำควันเบา ๆ ลอยขึ้น “น้ำหล่อเย็น... ยังเต็ม แถมสีเขียวมะนาวสดใสเหมือนเครื่องดื่มที่ฉันอยากกินมากกว่า” เธอบ่นพึมพำอีกที ก่อนจะปิดฝาและเดินไปฝั่งข้างล้อ เอสต้าก้มลง ตรวจเช็คลมยางทีละล้อ เสียง ปึ้ด ๆ ดังจากวาล์วขณะใช้นิ้วแตะเบา ๆ “โอเค ลมไม่อ่อน ดอกยางยังลึกดี” เธอพูดเหมือนช่างมืออาชีพ แต่ในใจกลับคิดว่า ดีนะไม่ต้องเอาเหรียญห้าสตางค์มาเสียบวัดเหมือนที่ช่างในโลกมนุษย์ชอบทำ ไม่งั้นฉันคงเผ่นแล้ว


เมื่อเช็คล้อครบทั้งสี่เอสต้าก็ตรงไปยังแผงหน้ารถ ด้านหน้ามีแผงไฟแกะสลักลวดลายทองแดง เธอยื่นมือไปหมุนสวิตช์ทดสอบระบบไฟสัญญาณ ไฟหน้า LED รูปตาแหลมสว่างขึ้นแวบเดียวก่อนจะกะพริบ ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก แสงสีฟ้าอ่อน ๆ ส่องสะท้อนบนผนังอุโมงค์ “ไฟหน้าใช้ได้... ไฟเลี้ยวขวา ซ้าย... โอเค” เธอพูดขณะกะพริบไฟจนแสบตา ต่อมาเธอกดปุ่มระบบพรางตา เสียงวืดแผ่วดังขึ้นก่อนละอองไอเวทมนตร์จะพ่นออกมาอย่างบางเบา รอบรถกลายเป็นหมอกจางสีเงินที่ห่อหุ้มไว้ชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ “ว้าว... อย่างกับกล้องควันในหนังสายลับ อย่างน้อยฟังก์ชันนี้ยังดูเท่กว่าหน้าตารถหน่อยละกัน” เอสต้าหัวเราะในคอขำ ๆ 


เอสต้าปิดระบบตรวจสอบทั้งหมด ก่อนจะหันมามองยาซานด้วยรอยยิ้มเรียบง่ายที่แฝงความซุกซน “เรียบร้อยค่ะ รุ่นพี่ ทุกระบบทำงานปกติ”


“เยี่ยมมาก” ยาซานตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่ในจังหวะนั้นเอง เนตรแห่งฟีบี้ของเอสต้าก็พลันเรืองแสงทองจางในม่านตา ราวกับแสงจันทร์ต้องผิวน้ำ และในแสงนั้นเธอมองทะลุผ่านความเรียบสงบของยาซาน เห็นคลื่นไหวของเจตนาเล็กน้อยที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มของเขา


อ๋อ... อย่างนี้นี่เองสินะ เธอยังยืนยิ้มอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจกลับหัวเราะเบา ๆ คิดจะลองกันใช่ไหม รุ่นพี่ขี้แกล้ง? แทนที่จะขึ้นไปสตาร์ทรถ เอสต้ากลับหมุนตัวอย่างเฉียบคม เดินอ้อมไปทางด้านหน้า เปิดฝากระโปรงไม้โอ๊คขึ้นอีกครั้งโดยไม่พูดสักคำ


ยาซานขมวดคิ้วนิด ๆ “มีอะไรหรือครับ?”


“ไม่มีค่ะ แค่จะ... ตรวจซ้ำให้แน่ใจ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ดวงตาสีเทาเงินสะท้อนประกายทองแผ่วราวกับรู้ทันโลกทั้งใบ เธอก้มลงมองเครื่องยนต์ สายไฟระโยงระยางสะท้อนแสงพลังเวทอ่อน ๆ และใช่ มุมหนึ่งของกล่องจุดระเบิด มีขั้วโลหะที่ว่างเปล่า เธอเห็นปลายสายหัวเทียนหนึ่งเส้นถูกถอดออกอย่างตั้งใจวางซ่อนในเงาใต้คานไม้ “อืม...” ริมฝีปากเธอยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบพึมพำเสียงเบา “เล่นเกมแบบนี้เหรอ…”


เอสต้าเอื้อมมือไปหยิบสายขึ้นมา แล้วเสียบกลับเข้าที่อย่างแม่นยำโดยไม่ลังเล เกราะแสงขาวนวลบางเบาที่ห่อหุ้มกายเธอเรืองแสงนิด ๆ เหมือนกระจกสะท้อนเจตนาซ่อนเร้นของคนอื่นให้กระเด้งกลับไปโดยอัตโนมัติ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะมันจางราวกับเพียงแค่เงาแสงจากไฟในอุโมงค์ พอปิดฝากระโปรง เธอก็ลูบไม้เบา ๆ แล้วหันกลับไปหาเขาด้วยใบหน้าสงบนิ่งราวน้ำในทะเลสาบ “เรียบร้อยค่ะ รุ่นพี่ ตอนนี้มันจะสตาร์ทได้แน่นอนแล้ว”


ยาซานเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาแอบมีประกายตะลึง “คุณ... ตรวจเจอได้ยังไง?”

“สัญชาตญาณของคนช่างสังเกตค่ะ” เธอตอบง่าย ๆ พร้อมรอยยิ้มละไม แต่ในแววตากลับมีแสงทองริบหรี่ลุกวาบอยู่เพียงชั่วเสี้ยววินาที ก่อนจะดับลงราวไม่เคยมี

ยาซานหัวเราะเบา ๆ “ผมเริ่มเชื่อแล้วว่าค่ายนี้ได้คนพิเศษมาจริง ๆ”

“แหม...” เอสต้าหัวเราะในลำคอ พลางก้าวขึ้นรถ “อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ รุ่นพี่ เดี๋ยวฉันจะเขิน อีกอย่างทุกคนล้วนเป็นคนพิเศษนะคะไม่ใช่แค่ฉัน”


เมื่อมือเธอแตะพวงมาลัยแล้วขึ้นรถให้เรียบร้อยคาดเข็มขัดนิรภัย แสงพลังงานไหลผ่านรอยสลักทองกลางคอนโซล รถซีซ่าร์ แม็กซิมัสสั่นเบา ๆ เสียงเครื่องยนต์คำรามนุ่มดังก้องทั่วอุโมงค์ “เห็นไหมคะ?” เธอพูดเสียงหวานแต่แฝงรอยเย้า “ถ้าจะทดสอบใคร คราวหน้าอย่าลืมเช็กให้แน่ก่อนนะคะเพราะว่าอาจจะไม่เนียนก็ได้ อิอิ”


ยาซานยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเป็นรอยยิ้มที่มีทั้งความประทับใจและความขำ “รับไว้พิจารณาครับ เซนจูเรี่ยนบลอสซัม” แอสต้าส่งยิ้มตอบ แววตาเจิดจ้าด้วยแสงจาง ๆ ของดวงจันทร์ในยามพลบค่ำในดวงตา ราวกับแสงนั้นกำลังหัวเราะกับเขาเงียบ ๆ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าถูกอ่านทะลุหัวใจตั้งแต่แรก




[NPC-85] ยาซาน

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)

รออนุมัติผ่านถึงจะได้ไปต่อ

แสดงความคิดเห็น

God
ตรวจเช็คสภาพเรียบร้อย สามารถสตาร์ทและขับรถออกจากจุดนี้ไปได้อย่างปลอดภัย  โพสต์ 2025-12-15 22:31
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-85] ยาซาน เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-12-15 22:30
โพสต์ 66645 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-15 21:13
โพสต์ 66,645 ไบต์และได้รับ +4 EXP +5 ความกล้า จาก บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส  โพสต์ 2025-12-15 21:13
โพสต์ 66,645 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก ดาบสุริยคติ  โพสต์ 2025-12-15 21:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-12-16 07:08:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Clementis
Haus of Ratigan • Daughter of Justitia • Legacy of Orcus
Place
อุโมงค์คัลลีคอตต์
Date and Time
วันที่ 15 ธันวาคม 2025 • 19.50 ถึง 23.50 น.
Purpose
ทำกิจวัตรเวรเฝ้าประตู
ท้องนภาเบื้องบนถูกฉาบทาด้วยสีสันแห่งยามอัสดง ราวกับจิตรกรเอกแห่งสรวงสวรรค์จงใจสาดเทสีม่วงครามผสมผสานกับสีส้มแสดลงบนผืนผ้าใบอันกว้างใหญ่ เส้นขอบฟ้าที่เคยคมชัดเริ่มพร่าเลือนด้วยแสงสุดท้ายของทิวาวารที่กำลังจะลาลับ เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เรียกขานว่าสนธยาหรือช่วงเวลาแห่งมนต์ขลังที่เส้นแบ่งระหว่างโลกความจริงและโลกแห่งเงามืดบางเบาที่สุด
ปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้หาใช่สถานที่พักผ่อนหย่อนใจหรือโรงอาหารที่อบอวลด้วยกลิ่นอาหารเลิศรส แต่กลับเป็นอุโมงค์คัลลีคอตต์ ปราการด่านสำคัญและจุดยุทธศาสตร์ที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโรมใหม่ จุดประสงค์ในการมาเยือนของคลีเมนทิสนั้นชัดเจนและหนักแน่นดังคำบอกเล่าที่เธอได้แจ้งกล่าวไว้กับรูปสลักหินอ่อนของผู้เป็นมารดาในวิหารจัสติเทียเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ — การเฝ้าเวรยามเพื่อพิทักษ์ความสงบเรียบร้อย
สายลมเย็นยะเยือกพัดกรูเกรียวผ่านปากอุโมงค์ หอบเอากลิ่นอับชื้นและกลิ่นสาบสางที่ไม่พึงประสงค์ออกมาทักทายผู้มาเยือน บรรยากาศในช่วงหัวค่ำที่รัตติกาลยังไม่หวนคืนมาครองอำนาจอย่างสมบูรณ์เช่นนี้ยังมีแสงสลัวสีม่วงอมส้มที่ยังคงส่องสว่างช่วยให้ทัศนวิสัยเบื้องหน้ายังคงชัดเจน ช่วยให้มันไม่ได้ดูน่าหวั่นเกรงเท่าที่ควร
บริเวณนี้ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นแหล่งกบดานของเหล่าอสุรกายที่ชุกชุมที่สุดในกรุงโรมใหม่ แต่สำหรับบุตรีแห่งจัสติเทียความกลัวไม่ใช่สิ่งที่เธออนุญาตให้มาบดบังหน้าที่ ประสบการณ์จากการเข้าเวรหน้าอุโมงค์ครั้งแรกเปรียบเสมือนครูผู้เข้มงวดที่สอนสั่งให้เธอตระหนักรู้ว่าความประมาทเพียงเสี้ยววินาทีอาจแลกมาด้วยลมหายใจ การเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะในทุกวินาทีที่ยืนประจำจุดจึงไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นหนทางรับประกันความอยู่รอด และลางสังหรณ์ของเธอก็แม่นยำเสมอ
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ย่ำลงบนพื้นคอนกรีตแตกระแหงดังแว่วมา ก่อนที่ร่างตะคุ่มจะปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด มันคือก็อบลิน แต่หาใช่พวกกระจอกงอกง่อยที่เธอเคยพบเจอทั่วไป รูปร่างของมันสูงใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย ผิวหนังสีเขียวคล้ำเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและดวงตาสีเหลืองอำพันที่วาวโรจน์ด้วยความอาฆาตมาดร้าย
เธอจำมันได้ ก็อบลินระดับกลางค่อนไปทางต่ำตัวเดียวกับที่เธอจำต้องถอยหนีมาเมื่อไม่กี่วันก่อน
มือขวากระชับด้ามดาบสปาเธร์คู่กายแน่นส่วนมือซ้ายยกโล่สคูทุมขึ้นตั้งการ์ดในระดับสายตาอย่างมั่นคง ความรู้และทักษะที่เพิ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณควินทิเลียนัสเมื่อช่วงสายของวันยังคงสดใหม่และไหลเวียนอยู่ในความทรงจำของกล้ามเนื้อ
เจ้าอสุรกายคำรามลั่นก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าหาด้วยความเร็วที่น่าตกใจ กรงเล็บยาวโง้งของมันหมายจะตะปบเข้าที่ลำคอระหง แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กสาวกลับรวดเร็วกว่า เธอเบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้างเล็กน้อย อาศัยจังหวะที่มันเสียหลักจากการโจมตีใช้สันโล่กระแทกเข้าที่สีข้างของมันอย่างแรงเพื่อทำลายสมดุล
เสียงปะทะหนักหน่วงดังก้อง ก็อบลินเซถลาไปตามแรงกระแทก เปิดช่องว่างอันตรายที่กลางลำตัว คนอย่างคิดคลีเมนทิสไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดลอยอยู่แล้วจึงตวัดปลายดาบสปาเธร์สวนกลับทันที คมดาบกรีดผ่านอากาศเป็นเส้นตรง เฉียบคมและแม่นยำตามแบบที่ฝึกมา
การต่อสู้ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ท่วงท่าที่เคยเก้ ๆ กัง ๆ ถูกแทนที่ด้วยความลื่นไหล การอ่านจังหวะรุกและรับเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ จนกระทั่งร่างของเจ้าก็อบลินผู้โชคร้ายทรุดฮวบลงกับพื้นสิ้นฤทธิ์อย่างสิ้นเชิง เจ้าของร่างบางจึงขยับมายืนมองผลงานของตัวเองด้วยลมหายใจที่หอบถี่เล็กน้อย ความรู้สึกอิ่มเอมใจจากการที่สามารถจัดการศัตรูที่เคยคิดว่าอึดจนน่ารำคาญได้อย่างไม่ยากเย็นนักก่อตัวขึ้นในอก 
ทว่าความสงบสุขในสนามรบมักเป็นเพียงภาพลวงตา เสียงกรีดร้องแหลมสูงที่เสียดแทงแก้วหูดังแหวกอากาศลงมาจากฟากฟ้าเหนือศีรษะ เงาทะมึนขนาดใหญ่หลายสายบดบังแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์จนดูราวกับฝูงเมฆฝนทมิฬที่เคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็ว เธอเคยประสบพบเจออะไรแบบนี้มาก่อน เดาไม่ยากเลยว่ามันคือฮาร์ปี เพียงแต่รอบนี้ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง แต่พวกมันมากันเป็นฝูงร่วมยี่สิบตัว
กลิ่นสาบสางของสัตว์ปีกผสมกับกลิ่นเน่าเปื่อยรุนแรงโชยมาแตะจมูก เจ้าของเครื่องหน้าสวยพริ้มแหงนขึ้นมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็อบลินตัวเมื่อครู่พุ่งเป้ามาหาเธอราวกับพวกมันซุ่มรอคอยจังหวะนี้อยู่ — จังหวะที่เหยื่อเพิ่งลดการระวังตัวลงหลังจากการได้รับชัยชนะ
“แย่แล้ว...”
สัญชาตญาณร้องเตือนภัยระดับสูงสุด มือบางยกโล่สคูทุมขึ้นเหนือศีรษะในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่กรงเล็บแหลมคมนับสิบจะโฉบลงมาปะทะ แรงกระแทกมหาศาลกดทับลงมาบนท่อนแขนซ้ายจนรู้สึกชาหนึบ ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็กัดฟันแน่น ย่อเข่าลงเพื่อสร้างฐานที่มั่นคง เธอใช้ส่วนใบมีดของดาบปัดป้องกรงเล็บที่พยายามจะลอดผ่านช่องว่างของโล่เข้ามา การโจมตีของฝูงฮาร์ปีรวดเร็วและต่อเนื่องดุจพายุบุแคม พวกมันผลัดกันโฉบลงมาจิกทึ้งและตะปบอย่างบ้าคลั่งหมายจะฉีกกระชากร่างเล็ก ๆ นี้ให้เป็นชิ้นเนื้อ
สถานการณ์พลิกผันจากผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าในพริบตา แม้คลีเมนทิสจะสามารถป้องกันจุดตายและเอาตัวรอดจากการจู่โจมระลอกแรกได้ทั้งหมดอย่างน่าอัศจรรย์แต่สิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่าคือการหาทางสวนกลับ หรือแม้กระทั่งหาทางหนีทีไล่
จำนวนที่มากเกินไปทำให้เธอถูกตรึงอยู่กับที่ หากหมุนตัววิ่งหนีแผ่นหลังของเธอจะกลายเป็นเป้านิ่ง หากลดโล่ลงเพื่อฟันดาบสวนกลับร่างกายของเธอก็จะไร้การป้องกันจากอีกสิบเก้าตัวที่เหลือ สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงตั้งรับแบบเต่าใต้กระดองเพียงลำพังท่ามกลางวงล้อมของมฤตยู
เหงื่อกาฬไหลซึมตามไรผม ความล้าเริ่มเกาะกุมแขนทั้งสองข้าง เสียงกรีดร้องของฮาร์ปีเสียดแทงประสาทจนแทบเสียสมาธิ ในห้วงความคิดเริ่มมองหาทางรอดที่ริบหรี่เต็มทน
ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามาในสมรภูมิด้วยความเร็วและดุดัน อาวุธในมือของอีกฝ่ายตวัดวาดผ่านอากาศเกิดเป็นประกายแสงที่ทั้งงดงามและน่าเกรงขามอยู่ในที ฮาร์ปีตัวหนึ่งที่กำลังจะโฉบลงมาทางด้านหลังของคลีเมนทิสถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในการโจมตีเดียว
เป็นการปรากฏตัวที่ชวนให้รู้สึกราวกับสวรรค์ทรงโปรดส่งเทพพิทักษ์ลงมาจุติ หัวหน้ากองร้อยที่สองเข้ามาช่วยได้ตรงเวลาพอดี
เห็นดังนั้นคนอายุน้อยกว่าลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ การมาถึงของเจ้าหล่อนเปลี่ยนกระแสของสมรภูมิไปโดยสิ้นเชิง หน้าที่ของการเป็นหัวหอกในการบุกตะลุยและสังหารศัตรูตกไปอยู่ในมือของผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเหนือกว่าโดยปริยาย
ส่วนบุตรีแห่งจัสติเทียที่อ่อนประสบการณ์กว่ามากรู้ตัวดีว่าหน้าที่ของเธอในตอนนี้ไม่ใช่การเข้าไปเกะกะขวางทางคมดาบ เธอยืนหยัดปักหลักอย่างมั่นคง คอยระวังหลังและใช้โล่ปัดป้องการโจมตีหลงเหลือที่อาจเล็ดลอดเข้ามา แม้จะอยู่ในจุดที่ไม่สามารถช่วยสนับสนุนเซนจูเรียนได้แต่ก็ไม่ต้องการให้ตัวเองกลายเป็นตัวถ่วง
กระทั่งฮาร์ปีตัวสุดท้ายตัดสินใจละทิ้งพวกพ้องและบินหนีหายเข้าไปในความมืด ความเงียบสงบจึงได้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง การต่อสู้จบลงในช่วงเวลาที่สมควรแก่การเปลี่ยนกะพอดิบพอดี
คลีเมนทิสลดโล่ในมือลง แขนซ้ายสั่นระริกเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้าที่สะสม เธอสูดอากาศหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติและปรับจังหวะการเต้นของหัวใจ ก่อนจะหันไปมองผู้มีพระคุณที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“อา... รบกวนซะแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะรุ่นพี่”
ริมฝีปากขยับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรู้สึกผิด นิ้วเรียวยกขึ้นเกาแก้มเล็กน้อยแก้เก้อ ใบหน้าสวยพริ้มซับสีเลือดจาง ๆ ด้วยความอับอาย ในความเข้าใจของทายาทออร์คัสเธอเพิ่งจะเผยด้านที่อ่อนแอและไม่เอาไหนให้หัวหน้ากองร้อยได้เห็นเต็มสองตา การที่ต้องให้รุ่นพี่กระโดดเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ไว้ทั้งที่เธอควรจะจัดการได้ด้วยตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกเหมือนสอบตกในหน้าที่
เธอคิดเพียงนั้นตามประสาคนที่ยังไม่เจนจัดในสนามรบมากนัก จึงไม่อาจล่วงรู้เลยว่าการที่เด็กใหม่คนหนึ่งสามารถยืนหยัดต้านทานฝูงฮาร์ปีนับยี่สิบตัวได้โดยลำพัง ปกป้องตัวเองจนร่างกายไร้รอยขีดข่วนไม่เสียเลือดเลยแม้แต่หยดเดียว ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบสุดขั้วที่ไม่สามารถโจมตีสวนกลับหรือหนีไปไหนได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายเลยแม้แต่น้อย

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 20 EXP โพสต์ 2025-12-16 13:24
God
คุณได้รับ +30 เกียรติยศ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-12-16 13:24
โพสต์ 25252 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-16 07:08
โพสต์ 25,252 ไบต์และได้รับ +2 EXP +6 เกียรติยศ +7 ความศรัทธา จาก สัมผัสแห่งความไม่สมดุล  โพสต์ 2025-12-16 07:08
โพสต์ 25,252 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 ความกล้า จาก ดาบสปาเธร์  โพสต์ 2025-12-16 07:08

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดีนาเรียส +8 ย่อ เหตุผล
God + 8

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำแพงแห่งคำสั่ง
สัมผัสแห่งความไม่สมดุล
ดาบสปาเธร์
หมวกเกราะกาเลีย
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
Hydro X
หนังสือนิยาย
กล่องดนตรี
เกมคอนโซลพกพา
ช่อดอกไม้
ต่างหูเงิน
ชุดเครื่องเพชร
เข็มทิศ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
x2
x1
x3
x2
x1
x5
x5
x2
x1
x1
x30
x3
x5
x2
x1
x2
x1
x2
x1
x1
x10
x5
x1
x2
x2
x5
โพสต์ 2025-12-16 20:46:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 14 เดือน ธันวาคม ปี 2025

เวลาเย็น เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ณ อุโมงค์คัลลีคอตต์


ยาซานพ่นลมหายใจพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้น หมุนแหวนดาราจรัสที่นิ้วกลางให้เปล่งแสงทองเรืองรองขึ้นกลางอากาศ แสงนั้นแตกกระจายเป็นเส้นเล็ก ๆ ก่อนกลายเป็นกล่องเครื่องมือซ่อมรถครบชุดอย่างที่ควรมีในทุกโรงรถ “นี่ครับสาวช่าง... อุปกรณ์ของจริง” เขาพูดขำในลำคอ ส่วนเอสต้าในร่างโมนีก้าเพียงยกคิ้วขึ้นอย่างไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย “อย่างน้อยพี่ก็มีประโยชน์บ้างในชีวิตครั้งนี้อยู่นะคะ” เธอว่าเสียงเรียบแต่แววตาขี้เล่นก่อนจะก้มลงจัดเครื่องมือในกล่อง “โอเค... ขั้นตอนต่อไป เติมน้ำยาหม้อน้ำก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนยางอะไหล่หลังเสร็จ จะได้ไม่รอเครื่องเย็นนาน ๆ หรอก”


เสียงเครื่องมือกระทบกันเบา ๆ ขณะที่เธอก้มตัวลงใต้ฝากระโปรง มือขาวซีดที่เปื้อนคราบน้ำมันขยับอย่างแม่นยำ ดึงท่อหล่อเย็นเก่าที่รั่วออก แล้วเสียบสายใหม่จากชุดอะไหล่เข้าแทน “รุ่นพี่รู้ไหมว่าการขันแคลมป์หม้อน้ำต้องหมุนตามเข็มนาฬิกาแค่สามในสี่รอบ ไม่งั้นแรงดันมันจะไม่กระจายเท่ากัน” เธอพูดอย่างอารมณ์ดี


ยาซานหัวเราะเบา ๆ “ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงรอดจากบ้านหมาป่ามาได้...เห็นว่าสมัยนี้คนรอดจากบ้านหมาป่าน้อยมาก ไม่รู้ทำไมถึงยังไม่ออกมากันสักที”


“เพราะหนูไม่กลัวอะไรไงคะ อีกอย่างมันไม่ได้ลำบากสำหรับหนูนะ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น คนจากบ้านหมาป่าน้อยมากในช่วงนี้ มีข่าวลือหนาหูของพวกเดมิก็อดว่าบ้านหมาป่ากินคนไม่รู้เป็นจริงไหม พวกหมาป่าที่นั้นถ้ากินจริงคงอ้วนพลีกันแล้วมั้ง” เอสต้าตอบทันควัน แล้วลุกขึ้นปัดฝุ่น หันไปที่ล้อหลัง “ต่อไป เปลี่ยนยาง จับเวลาไว้เลยพี่” เพียงพูดจบมือของเธอก็ขยับไวราวกับเครื่องจักร เธอสอดแม่แรงเข้าใต้แชสซี หมุนจับเฟืองด้วยแรงมั่นคงก่อนยกรถขึ้น เสียงโลหะครืดคราดดังขึ้นตามแรงหมุน “พอถึงระดับนี้ต้องถ่ายแรงไปอีกฝั่งหน่อย เพื่อไม่ให้แม่แรงเอน” เธออธิบายขณะใช้เท้าเตะหินสองก้อนมาค้ำไว้ แล้วเริ่มคลายน็อตล้อ “จำไว้นะรุ่นพี่ ล้อทุกเส้นต้องขันกลับเป็นรูปดาว ไม่งั้นแรงกระจายไม่เท่ากัน รถจะสั่นเวลาวิ่งเกิน 60 ไมล์ต่อชั่วโมง”


ไม่นานนัก รถคันเดิมก็กลับมาพร้อมยางใหม่ น้ำยาหม้อน้ำเต็ม ระบบหล่อเย็นกลับมาทำงานอีกครั้ง เธอปิดฝากระโปรงด้วยเสียง แกร๊ก แล้วโยนผ้าเช็ดมือใส่กล่อง “เสร็จสิ้นโดยไม่มีเลือดออกสักหยด”


ยาซานปรบมือช้า ๆ พลางหัวเราะ “ผมจะรายงานว่าเธอสอบผ่านด้วยคะแนนเต็ม... แม้จะปากดีตลอดการสอบก็ตามเถอะ”

“ขอบคุณค่ะ รุ่นพี่” เอสต้าพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “หนูถือว่าคำนั้นเป็นคำชมแล้วกัน”


เมื่อทุกอย่างพร้อมทั้งคู่กลับขึ้นรถ เส้นทางเบื้องหน้าทอดยาวไปสู่เนินเขาเบิร์กลีย์ อุโมงค์คัลลีคอตอยู่ตรงหน้า ปากทางสู่ความลับของค่ายจูปิเตอร์ แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันส่องลอดยอดเขาลงมาอาบพื้นถนน รถแล่นช้า ๆ ผ่านช่องทางหินก่อนแสงส้มจะเปลี่ยนเป็นแสงไฟในอุโมงค์ ความเงียบอบอวลไปทั่วขณะพวกเขาแล่นผ่านเส้นขอบเขตระหว่างโลกมนุษย์กับโลกแห่งเทพ เมื่อรถแล่นออกจากปลายทางอุโมงค์อีกฝั่ง เหล่าทหารโรมันในชุดเกราะเต็มยศยืนเฝ้าทางเข้าที่แกะสลักจากหิน ด้านข้างคือประตูหินอ่อนที่จารึกตราอินทรีของค่ายจูปิเตอร์ ยาซานชะลอรถก่อนจะดับเครื่อง เขาหยิบกระดาษใบหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ ส่งให้เอสต้าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน


“นี่... ผลการทดสอบ พร้อมใบขับขี่ภายในค่าย”


เอสต้ารับมา พลิกดูบนบัตรมีรูปของโมนีก้าในวันแรกที่มาถึงค่าย ผมสีม่วงครามสะท้อนแสงเหมือนกลีบดอกลาเวนเดอร์ม่วงคราม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความหวังยังคงสดชัดอยู่บนบัตรนั้น เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนยิ้มจาง ๆ “สวยใช่ไหมคะ หนูหมายถึงคนในรูปน่ะ”


“ใช่... มากกว่าที่เจ้าตัวรู้ซะอีก” ยาซานตอบเบา ๆ ก่อนมองไปยังประตูทางเข้าค่าย “ผมรู้แล้วนะ ว่าคุณต้องออกไปทำภารกิจคำพยากรณ์ในเดือนนี้” เอสต้าหันไปมองเขาช้า ๆ แววตาเทาเงินนิ่งลงเล็กน้อย “ถ้ากังวนเรื่องของกองร้อยสอง อย่าหักโหมนักเลยนะ” ยาซานพูดต่อ เสียงของเขาเรียบแต่มีน้ำหนัก “พวกเราที่กองร้อยจะช่วยดูแลทุกอย่างเอง เธอทำเพื่อค่ายมาตลอด แต่ถ้าเกิดกลับมาก็คงถึงเวลาที่ควรพักบ้างแล้วนะเข้าใจไหมโมนีก้า”


มือที่วางอยู่บนพวงมาลัยของเอสต้าหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาสีเทาเงินสะท้อนประกายแสงทองจากทางเข้าค่าย เธอไม่พูดอะไรทันที แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างสะเทือนขึ้นมาในส่วนลึกที่ไม่ใช่ของเธอ เสียงลมหายใจแผ่วเบาในความทรงจำของร่างนี้ คล้ายใครบางคนที่ชื่อโมนีก้าได้ยินอยู่ในมุมเงียบของหัวใจ และกำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนอยู่ในนั้น


เอสต้ากระพริบตาไล่ความคิด แล้วหันมายิ้มบาง ๆ อย่างที่คนอื่นจะเห็นเพียงความอบอุ่นเรียบง่าย “ขอบคุณค่ะ รุ่นพี่ซายาน... หนูจะจำไว้นะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนโมนีก้าไม่มีผิด เสียงนุ่มที่ไม่ได้มีแววประชดซ้อนอยู่เหมือนเคย


ยาซานมองเธอครู่หนึ่งก่อนยิ้มกลับ “ดีแล้ว... แล้วเจอกันในสนามซ้อมนะ โมนีก้า”


เธอพยักหน้าเบา ๆ “ไว้เจอกันค่ะ รุ่นพี่” เอสต้าตอบเรียบพลางรับใบขับขี่มาถือไว้แน่น บัตรที่มีรูปหญิงสาวผมม่วงครามยิ้มละมุนในชุดเครื่องแบบวันแรกที่เข้าค่าย ความงามที่สะอาดและสงบเกินกว่าที่เธอจะเลียนแบบได้เต็มร้อย เมื่อรถค่อย ๆ เคลื่อนผ่านแนวหินเข้าสู่อุโมงค์คัลลีคอต แสงยามเย็นจากฟ้าด้านนอกสาดลอดเข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ เหนือกระจกหน้า เอสต้ามองภาพนั้นแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ เพียงลำพัง ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ได้เป็นของเธออบอวลขึ้นในอกมันอุ่น ราวกับร่างนี้กำลังขอบคุณแทนใครอีกคนที่ไม่อยู่ตรงนี้




จบการสอบ (สักกะทีย์โว้ยยย)


[NPC-85] ยาซาน

พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)

รางวัลโบนัส: ได้รับ ใบขับขี่สากล (ใช้ได้ทั่วโลก เมื่อเจ้าหน้าที่จราจรประเทศไหนตรวจจะถูกหมอกบังตาบนบัตรบิดเบือนการมองเห็นเป็นของประเทศนั้น ๆ)
และแนบเอกสารสามารถทำธุรกรรมซื้อรถจากร้าน CAESAR XLs ได้ โดยเย็บรวมไว้กับหน้าสุดท้ายใบขับขี่

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-85] ยาซาน เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-12-16 22:11
โพสต์ 30,300 ไบต์และได้รับ +7 EXP +7 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก กล่องดนตรี  โพสต์ 2025-12-16 20:46
โพสต์ 30,300 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก กระซิบแห่งพงไพร  โพสต์ 2025-12-16 20:46
โพสต์ 30,300 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2025-12-16 20:46
โพสต์ 30,300 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2025-12-16 20:46
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้