[สหราชอาณาจักร] กรุงลอนดอน

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



London, United Kingdom

กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร










กรุงลอนดอน เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร

ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษนอกจากนี้ลอนดอนเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป

และยังเป็นเมืองที่มีศูนย์กลางทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก


ลอนดอนเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของโลก

เป็นผู้นำด้านการเงิน การเมือง การสื่อสาร การบันเทิง แฟชั่น และศิลปะ

ในอดีตเป็นเมืองหลวงของโลก เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


คำขวัญภาษาละตินของนครลอนดอน คือ “Domine dirige nos” ซึ่งแปลว่า “พระเจ้าทรงนำทางพวกเรา



.


จุดเชื่อมต่อรถไฟเฮเฟตัส:

ชานชาลาที่ 9 สถานีรถไฟลอนดอนคิงส์ครอส




สำหรับท่านไม่มีตั๋วโปรดซื้อตั่วที่เคาน์เตอร์

* ก่อนชำระเงินอย่าลืมบวกภาษีทุกครั้ง *


สายด่วนพิเศษ (ความเร็ว 10485 กม./ชม.) ตั๋ว 1 ที่นั่ง ราคา: 20 ดรักม่า ตั๋วห้องวีไอพี (4-5 คน): 100 ดรักม่า สายด่วน (ความเร็ว 3000 กม./ชม.) (เปิด 15/7/2025) ตั๋ว 1 ที่นั่ง ราคา: 15 ดรักม่า ตั๋วห้องวีไอพี (4-5 คน): 80 ดรักม่า สายประหยัด (ชมวิวทิวทัศน์) (ความเร็ว 900 กม./ชม.) (เปิด 15/7/2025) ตั๋ว 1 ที่นั่ง ราคา: 5 ดรักม่า ตั๋วห้องวีไอพี (4-5 คน): 30 ดรักม่า






แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 9772 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-8 11:00
โพสต์ 2024-7-14 13:13:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-11-2 12:37

25. Hello London
M

หลังจากนั่งรถไฟจากชานชาลา 9 เฮเฟตัสมาได้ประมาณ 8 ชั่วโมงแล้ว ในที่สุดรถไฟก็จอดลงเมื่อถึงที่หมาย ผู้โดยสารภายในขบวนรถไฟต่างพากันทยอยลงรวมถึงแมคเคนซีและดีนด้วย ตอนนี้พวกเขามาถึงสถานีลอนดอนคิงส์คลอสที่ประเทศอังกฤษแล้ว

“พวกเราต้องไปแลกเงินก่อน แล้วก็ซื้อบัตรเติมเงินสำหรับขึ้นรถไปที่ต่าง ๆ”

แมคเคนซีบอกเมื่อเข้ามาภายในสถานี ช่วงที่พวกเขาเดินทางมาถึงเป็นเวลาเช้าซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนจึงมีผู้คนมากกว่าปกติ

“นายรอตรงนี้ก่อน อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวฉันรีบมา”

ด้วยจำนวนฝูงชนที่มากมายเช่นนี้ หากไปคนเดียวคงคล่องตัวกว่า เมื่อกำชับดีนว่าอย่าเพิ่งไปซนที่ไหนแล้วแมคเคนซีก็ไปแลกเงินตรงร้านรับแลกเงินที่ใกล้ที่สุดเพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยไม่ต้องถึงขั้นใช้บัตรเครดิต แล้วจากนั้นก็ไปซื้อบัตร Oyster ซึ่งเป็นบัตรเติมเงินสำหรับใช้โดยสารยานพาหนะต่าง ๆ ให้ดีน ส่วนเขาที่มีบัตรอยู่แล้วก็เพียงแค่เติมเงินเข้าไปเท่านั้นพอ

@Dean

“รอนานหรือเปล่า คิวซื้อบัตรเติมเงินอย่างยาวเลย อันนี้ของนาย เก็บไว้ดี ๆ นะ นายต้องใช้เวลาขึ้นรถตลอดทริปที่อยู่อังกฤษ”

หายไปสักพักแมคเคนซีก็กลับมา เขายื่นบัตร Oyster ให้ดีน แล้วจากนั้นก็กางโบรชัวร์ผังรถไฟที่หยิบมาด้วยดู

“ก่อนอื่นต้องพานายไปซื้อกล้องก่อน เราไปกันที่เวสต์เอ็นด์แล้วกัน นั่งรถไฟใต้ดินไปก็ถึง”

ด้วยความที่ไม่ได้มาลอนดอนบ่อย แมคเคนซีจึงไม่คุ้นชินกับการขึ้นรถที่นี่ เลยต้องเปิดผังดูไม่ต่างจากนักท่องเที่ยวนัก สถานที่แรกที่เขาเลือกจะไปก็คือย่านการค้าเวสต์เอ็นด์ นอกจากการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกโดยการขึ้นรถไฟใต้ดินไปก็ถึงแล้วยังใกล้โรงแรมที่เขาจองเอาไว้ด้วย

“จะว่าไปนายหิวหรือยัง จะซื้ออะไรแถวนี้กินก่อนหรือว่าจะไปกินที่เวสต์เอ็นทีเดียวเลยดี”

เขาหันมาถามคนที่มาด้วยกัน นี่ก็สายแล้ว ไม่รู้ว่าดีนจะเริ่มหิวหรือเปล่า

@Dean

“ไกด์อะไรกัน ที่จริงฉันก็ไม่ได้มาลอนดอนบ่อย ถ้าพานายหลงก็อย่าโกรธกันล่ะ”

เขาหัวเราะน้อย ๆ กับท่าทางของดีน ก่อนจะออกตัวไว้ก่อนว่าตนเองก็ไม่ได้ชำนาญพื้นที่เท่าไหร่ ก่อนจะกอดคอพาอีกฝ่ายไปขึ้นรถไฟใต้ดิน

“วันนี้คงไปได้ไม่กี่ที่ ไม่เป็นไรใช่ไหม”

แมคเคนซีถามขณะรอรถไฟ จากที่คำนวณเวลาดูแล้ว แม้การนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีแถวเวสต์เอ็นด์จะใช้เวลาไม่นาน แต่สถานที่อื่นที่จะไปวันนี้ค่อนข้างอยู่ไกลจากโรงแรมพอสมควร ไหนจะเหนื่อยจากการเดินทางอีกเขาจึงอยากให้ทั้งคู่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปเที่ยวเต็มวันในวันรุ่งขึ้น

@Dean

“ฉันไม่กลัวหรอก”

รอยยิ้มวาดขึ้นตรงมุมปากได้รูป หลงก็หลงด้วยกัน ในเมื่อมีดีนอยู่ด้วยแล้วทำไมเขาต้องกลัว

“ฉันยังไม่ได้ให้นายดูแผนเดินทางที่เขียนไว้เลยนี่นา ไว้เราถึงเวสต์เอ็นด์แล้วเดี๋ยวฉันเอาให้ดูนะ”

แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้เอาแผนการท่องเที่ยวอังกฤษให้ดีนดูเลย แต่ระยะทางที่นั่งรถไฟใต้ดินใช้เวลาเพียงไม่นาน ไว้ค่อยให้ดูตอนที่มีเวลาเยอะ ๆ ดีกว่า

รอไม่นานรถไฟสายที่จะไปก็มาถึง เมื่อรอจนจำนวนคนที่จะลงหมดลงแล้วพวกเขาก็ขึ้นรถไฟไป เนื่องจากสถานีลอนดอนคิงส์ครอสเป็นสถานีใหญ่ ผู้คนจำนวนมากจึงลงที่สถานีนี้เพื่อเปลี่ยนสายรถไฟที่จะไปยังสถานีอื่น ที่นั่งในขบวนรถไฟจึงว่างพอสำหรับทั้งคู่

“ใช่ เรียกว่าทูป แต่นายไม่ต้องเลียนเสียงแบบนั้นก็ได้”

เสียงทุ้มของดีนพอพยายามเลียนสำเนียงบริทิชแล้วทำให้ดูเสียงต่ำไปกันใหญ่ แมคเคนซีที่รู้สึกว่าน่าเอ็นดูดีเลยหลุดขำเล็กน้อย

@Dean

“ก็…อืม ฉันพยายามคิดว่านายน่าจะอยากไปที่ไหนบ้าง ถึงแลนด์มาร์คที่ลอนดอนส่วนมากจะเป็นพระราชวัง แต่ฉันก็หวังว่านายจะชอบที่ที่ฉันพาไปและประทับใจกับการมาอังกฤษครั้งแรก”

แมคเคนซีพยักหน้าช้า ๆ หลุบตาลงมองพื้นแล้วพึมพำบอก ไม่รู้ว่าจะโดนหาว่าซีเรียสไปไหม เขาวางแผนทั้งเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และการเดินทาง เพื่อให้ดีนได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด ยกเว้นเรื่องอาหารการกินที่เขาละไว้เพื่อให้อีกฝ่ายได้เลือกเอง เพราะแมคเคนซีรู้ว่าดีนชอบการชิมอาหารแปลกใหม่ เมื่อดีนเลือกสิ่งที่อยากทานได้ ก็เป็นหน้าที่เขาที่จะเป็นคนหาร้าน

“ได้..ได้อยู่แล้ว แต่ฉันก็ชอบสำเนียงอเมริกันเสียงต่ำ ๆ ของนายนะ มันเซ็กซี่สำหรับฉัน”

เขาไม่เคยคิดว่าวิธีการพูดแบบปกติทั่วไปในชีวิตประจำวันของตนเองจะพิเศษสำหรับใคร พอถูกชมว่าเซ็กซี่ก็เลยอดเขินไม่ได้ แต่เขาเองก็คิดว่าสำเนียงการพูด น้ำเสียง รวมถึงวิธีการพูดของดีนเองก็เซ็กซี่เช่นกัน เขาจึงฟังอีกฝ่ายพูดได้อย่างไม่รู้เบื่อ อยากจะหันไปหอมหัวสักที แต่ก็ติดที่ผู้โดยสารในขบวนรถไฟค่อนข้างเยอะ เขาจึงเลือกที่จะกุมมือข้างนึงของคนที่นั่งข้างกันไว้แทน จนเมื่อรถไฟมาถึงสถานีกรีนพาร์คซึ่งเป็นที่หมายจึงได้พากันลง

@Dean

ได้ยินดีนบอกแบบนั้นจึงพอคลายกังวลได้บ้าง จากนั้นเขาก็พาอีกฝ่ายมาเช่าล็อกเกอร์แล้วเอากระเป๋าฝากไว้ให้เรียบร้อยเสียก่อน

“ยังไม่ถึงหรอก เดี๋ยวเราต้องเดินต่อไปกันอีกหน่อย น่าจะเกือบสิบนาที”

ว่าแล้วก็หยิบเอาแผนที่มากางออกดู แมคเคนซียอมรับว่ามันค่อนข้างยุ่งยากที่ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยในการเดินทางได้ แต่การเปิดแผนที่ดูแบบนี้ก็ให้อารมณ์เหมือนการแกะรอยเส้นทางตามหาสมบัติดี ซึ่งเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน

“อืม…ร้านเด็ด ๆ งั้นเหรอ มันเป็นย่านร้านค้านี่สิ ของที่ขายก็มีหลากหลาย ฉันว่าเดินดูเองน่าจะเจอของที่ถูกใจอย่างพวกขนม เสื้อผ้า รองเท้า ของที่ระลึกอะไรแบบนี้ ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นจัตุรัสเซนต์เจมส์ เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ”

แมคเคนซีนึกภาพย่านเวสต์เอ็นด์ที่เคยมาเมื่อนานมาแล้วขณะพาอีกฝ่ายเดินออกจากสถานีรถไฟเลียบไปตามถนน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน

“อากาศกำลังดีเลยนะวันนี้”

@Dean

“ได้ เรื่องอาหารฉันยกให้นายตัดสินใจ ถ้าเจอคาเฟ่ไหนน่าเข้านายก็เลี้ยวเข้าไปเลย”

จะว่าไปตอนนี้ก็เริ่มหิวขึ้นมานิดหน่อยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเขาก็ทานได้ทั้งนั้น

“ที่กลอสเตอร์ก็ฝนตกเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่าลอนดอน ที่จริงได้กลับมาช่วงนี้ถือว่าดีมากเลยนะ ถึงจะเป็นหน้าร้อนแต่อากาศที่กลอสเตอร์กำลังดี ฝนก็ไม่ค่อยตกด้วย แต่นักท่องเที่ยวอาจจะเยอะหน่อย”

ช่วงปลายเดือนมิถุนายน-กันยายนถือได้ว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของเมืองกลอสเตอร์ โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะมีนักท่องเที่ยวพากันไปเยือนเมืองบ้านเกิดของแมคเคนซีมากที่สุดเนื่องด้วยสภาพอากาศกำลังดี ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป และฝนตกน้อยที่สุดในรอบปี แม้ผู้คนจะเยอะขึ้นแต่ในแง่เศรษฐกิจแล้วถือว่าดีมากทีเดียว อย่างเช่นธุรกิจนมวัวและชีสของครอบครัวเขาที่ปกติขายดีอยู่แล้ว พอถึงช่วงท่องเที่ยวก็ยิ่งทำกำไรได้มากขึ้นหลายเท่าตัว

เดินไปคุยไปก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอย่างที่คิด ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงเวสต์เอ็นด์ ย่านร้านค้าทางตะวันตกแห่งลอนดอน

“นายจะไปดูกล้องถ่ายรูปก่อนไหม หรือว่าอยากเติมพลังก่อน"



@Dean

พวกเขาหยุดอยู่หน้าร้านคาเฟ่แห่งนึง แมคเคนซีอ่านชื่อป้ายแล้วมองเข้าไปภายในร้าน บรรยากาศภายในดูน่านั่งดีจึงพยักหน้ารับ

“อืม…ร้านนี้ก็ได้ ฉันจะได้ให้นายดูแผนเดินทางด้วย”

บอกแล้วก็เปิดประตูร้านเข้าไป เมื่อไปยืนหน้าเคาท์เตอร์พนักงานก็กล่าวต้อนรับ แนะนำเมนูประจำวันและโปรโมชั่นของเดือนนี้ ซึ่งแมคเคนซีก็สั่งเพียงแค่ช็อคโกแลตร้อนกับแซนด์วิชเท่านั้นแล้วรอให้ดีนสั่งบ้าง

“สั่งเสร็จแล้วนายไปหาที่นั่งนะ เดี๋ยวฉันจ่ายค่าอาหารกับยกไปให้”

@Dean

คนที่เตรียมจ่ายเงินพอได้ยินว่าคนรักสั่งอะไรไปก็ตาโตไม่แพ้กับพนักงาน ตอนแรกนึกว่าคงพูดผิดแต่ดีนก็ยังย้ำคำเดิม แมคเคนซีมองตามหลังคนที่เดินไปหาที่นั่งก่อนจะหันกลับมาตรงเคาท์เตอร์ เมื่อจ่ายเงินแล้วรอจนได้อาหารที่สั่งครบก็ยกถาดมาวางตรงโต๊ะที่ดีนนั่งอยู่

“นายดื่มกาแฟหวานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

แมคเคนซีถามด้วยความสงสัย ถึงอเมริกาโน่ที่ดีนสั่งสีจะไม่ได้ต่างจากค่าความหวานปกติหรือไม่ใส่น้ำตาลก็ตาม แต่มันคืออเมริกาโน่หวานสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเขาเห็นตอนที่พนักงานชงกาแฟตักน้ำตาลแล้วก็ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ แล้วคิดว่ามันจะหวานตัดขาเลยไหม

@Dean

“ไม่ดีกว่า ช็อคโกแลตร้อนที่ฉันดื่มยังใส่น้ำตาลแค่ครึ่งช้อนชาเอง”

แมคเคนซีส่ายหน้าทันทีที่ถูกถาม เดิมทีก็ไม่ใช่คนทานหวานมากอยู่แล้ว แต่ถึงไม่ทานอเมริกาโน่ของอีกฝ่ายเขาก็ลองชิมโทสต์โพชเอ้กไปคำนึง

“อันนี้อร่อยดี ว่าแต่นายเคยไปเช็คค่าน้ำตาลในเลือดบ้างไหม กินหวานขนาดนั้นมาตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ป่านนี้ค่าน้ำตาลไม่พุ่งแย่แล้วเหรอ”

ถามพลางดื่มช็อกโกแลตร้อนบ้าง ก่อนจะเลื่อนจานแซนด์วิชของตนเองไว้ตรงกลางเผื่อดีนอยากชิม

“เกือบลืมเลย นี่เป็นแผนท่องเที่ยว นายลองดูว่าโอเคไหม มีที่ไหนอยากไปเพิ่มหรือว่าไม่อยากไปที่ไหนบ้างหรือเปล่า”

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเอาแผนการเดินทางในอังกฤษให้อีกฝ่ายดู แมคเคนซีก็รีบเปิดเป้แล้วหยิบสมุดมาเปิดหน้าที่มีข้อมูลอยู่ส่งให้

@Dean

“กินหวานขนาดนี้ยังน้ำตาลยังไม่สูงเหรอ สุดยอดเลย ไม่ใช่สิ…นายกินหวานเกินไปแล้ว ต้องลดหวานบ้างรู้ไหม”

ไม่รู้ว่าเพราะดีนออกกำลังกายบ่อยหรือเปล่า ร่างกายจึงดึงเอาไขมันกับน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานหมด อีกฝ่ายจึงยังหุ่นลีนอยู่แบบนี้ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลามาชื่นชมสักหน่อย เขาต้องเตือนให้อีกฝ่ายทานหวานน้อยลงบ้างเพื่อสุขภาพสิถึงจะถูก

“ไม่พลาดแน่นอน ฉันเลือกช่วงเวลาที่เหมาะจะขึ้นลอนดอนอายเอาไว้แล้ว”

แต่ในสมุดก็ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ว่าเป็นเวลาไหน เขากินอาารเช้าต่อจนหมดแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เตรียมพร้อมรอที่จะไปเดินย่านเวสต์เอ็นด์ต่อ

@Dean

เมื่อมาถึงร้านขายกล้องถ่ายรูปแมคเคนซีก็ให้เวลาดีนเลือกกล้องรุ่นที่ถูกใจอย่างเต็มที่ เขาเดินดูตรงมุมนั้นบ้างมุมนี้บ้างเพื่อฆ่าเวลาจนอีกฝ่ายถามขึ้นมา

“ก็ดูดีนะ นายได้ลองถ่ายรูปดูหรือยัง จะได้รู้ว่ามันใช้ยากไหม แล้วสีที่ออกมาถูกใจหรือเปล่า”

ปกติเวลาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าคนขายมักจะให้ลองก่อนอยู่แล้ว แมคเคนซีที่ไม่เคยคิดจะซื้อกล้องถ่ายรูปเลยอยากให้ดีนได้ลองใช้ดูก่อน เขามองเจ้าขนปุกปุยที่อยู่ตรงกลางกล้อง ไม่แน่ใจว่ามีไว้ทำไม แต่ที่เคยอ่านมาผ่าน ๆ น่าจะเกี่ยวกับเรื่องระบบเสียงเวลาถ่ายวิดีโอหรือเปล่านะ

“ตอนที่ฉันไปแลกเงินที่สถานีรถไฟก็เรทประมาณศูนย์จุดเจ็ด คิดเป็นดอลลาร์ก็ประมาณ…เจ็ดร้อยเจ็ดสิบแปดจุดเจ็ดสี่ดอลลาร์”

เขาบอกผลลัพธ์หลังหยิบมือถือมากดเครื่องคิดเลข แล้วหยิบบัตรเครดิตมาวางให้พนักงานตรงหน้าเคาท์เตอร์ที่พวกเขายืนอยู่

“นายจะซื้อรุ่นไหนก็ให้พนักงานรูดบัตรเอานะ”

@Dean

“เฮ้ ถ่ายทีเผลอได้ไง”

เผลอโวยวายเมื่อดีนหันกล้องมาถ่ายรูปตนเอง แม้ว่าแมคเคนซีจะแอบมั่นใจพอตัวว่ารูปที่ออกมาจะดูดีก็ตามแต่ก็ขอบ่นพอให้เป็นพิธี

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะเปย์นาย แล้วนี่นายเรียนจบก็ไม่บอกให้ฉันรู้เร็วกว่านี้ เพราะงั้นกล้องนี่ฉันจะซื้อให้นายเอง ส่วนเงินที่พ่อนายให้มาก็เก็บไว้เป็นขวัญถุงไม่ก็เอาไว้ลงทุนตอนที่นายได้ออกจากค่ายแทน”

เขาทำสิ่งที่ไม่ต่างจากดีนคือหยิบบัตรเครดิตของอีกฝ่ายมายัดใส่มือแล้ววางบัตรของตนเองลงไปอีกครั้ง คราวนี้หันกลับมาจ้องหน้าด้วย

“อย่าปฏิเสธฉัน…ดีน”

@Dean

ในที่สุดดีนก็ยอม ค่อยสบายใจหน่อย หลังออกจากร้านกล้องถ่ายรูปแมคเคนซีก็ยิ้มอารมณ์ดีมาตลอดทาง

“ขี้เห่อ ถ่ายให้ออกมาหล่อกว่าตัวจริงล่ะ”

เขาแกล้งแซวคนที่อยากลองกล้องใหม่ แต่ก็โอบไหล่ดีนไว้แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ เตรียมพร้อมให้อีกฝ่ายถ่ายรูป

@Dean

“ไม่เป็นไร ฉันยินดี ไว้ถึงโรงแรมแล้วขอดูรูปที่นายถ่ายได้ไหม”

จริง ๆ ก็อยากจะบอกว่า แค่นายมีความสุข ฉันก็มีความสุขไปด้วยแล้ว แต่มันก็ออกจะเขิน ๆ ไปสักหน่อยเลยไม่ได้พูดออกไป

“ใช่ เราจะไปหอศิลป์กันต่อ แต่เหมือนว่าฉันจะวางแผนผิดนิดหน่อย เราต้องเดินกันอีกแล้ว”

แมคเคนซียิ้มเจื่อนให้ จากที่คิดว่าจะพาอีกฝ่ายขึ้นรถบัสนั่งชมเมืองสักหน่อย แต่กลายเป็นว่าป้ายรถบัสที่เขาจะขึ้นดันไม่มีสายที่จะไปทางหอศิลป์ซะได้ แม้จะเดินจากเวสต์เอ็นด์ไปไม่ถึง 10 นาทีแต่ระยะทางก็ไกลถึงครึ่งกิโลเมตร ดีนจะคิดว่าเขาไม่ได้เรื่องหรือเปล่านะ

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหอศิลป์แห่งชาติของกรุงลอนดอน หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะชั้นนำและมีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก ซึ่งภายในจัดแสดงผลงานของศิลปินผู้มีชื่อเสียงมากกว่า2,000 ภาพ แมคเคนซีเองก็เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก แม้ว่าจะไม่มีฝีมือทางด้านการวาดรูป แต่เขาก็ชอบผลงานที่จัดแสดงที่นี่มากทีเดียว กว่าพวกเขาจะใช้เวลาเดินดูจนทั่วก็กินเวลาไปถึงช่วงบ่าย จากนั้นก็ไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแถวนั้น ก่อนจะนั่งรถไปใต้ดินกลับมาเอาสัมภาระที่ฝากไว้ในล็อกเกอร์ที่สถานีกรีนพาร์ค แล้วนั่งรถบัสไปเช็คอินที่โรงแรมที่พวกเขาจะเข้าพักตลอดการอยู่ในลอนดอน



@Dean

“อืม…ฉันว่าวิวมันสวยดี นายน่าจะชอบ”

ในตอนแรกแมคเคนซีหาโรงแรมที่อยู่กลางเมือง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจมาเลือกโรงแรมที่วิวสวยและยังเดินทางได้สะดวกแทน

“คิดมากน่า จ่ายเงินแล้วจะแต่งตัวแบบไหนเขาก็ให้เข้าพักหมดแหละ”

มองดีนที่เกิดอาการประหม่าขึ้นมาแล้วก็โอบไหล่พาอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน เขาส่งกระเป๋าให้พนักงานที่มารอขนกระเป๋าขึ้นห้องแล้วไปติดต่อประชาสัมพันธ์ เมื่อยืนยันการจองและจ่ายเงินค่าห้องพักเรียบร้อยแมคเคนซีก็รับคีย์การ์ดมาแล้วพาดีนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่พวกเขาพักอยู่ พอมาถึงห้องก็ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป ให้พนักงานยกกระเป๋ามาวางไว้ในห้องให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปเปิดม่านให้แสงสว่างเข้ามาในห้อง

“เห็นลอนดอนอายด้วย นายชอบหรือเปล่า อ้อ ที่นี่มีอาฟเตอร์นูนทีด้วยนะ นายจะลงไปกินที่ห้องอาหาร หรือจะโทรให้รูมเซอร์วิสมาเสิร์ฟที่ห้องก็ได้”

หลังจากสำรวจตามห้องต่าง ๆ แมคเคนซีก็เอากระเป๋าเดินทางไปเก็บตรงมุมห้องให้เป็นที่เป็นทาง



@Dean

แค่ดีนบอกว่าชอบก็ทำให้แมคเคนซีรู้สึกไม่เสียแรงเปล่าและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปกับการเข้าพักโรงแรมนี้แล้ว

“ก็…ไล่หาหลายที่อยู่”

ถึงจะดีใจแต่ก็ยังรักษาฟอร์มไว้อยู่ หลังจากเก็บของให้เข้าที่เข้าทางแล้วทั้งหมดแล้วเขาก็พยักหน้า

“ได้แน่นอน นายอยากกินตรงไหน ห้องนั่งเล่น ระเบียง หรือว่าห้องนอนล่ะ”

แมคเคนซีถามขณะไปรออยู่ตรงโทรศัพท์ภายในห้อง

@Dean

เมื่อดีนกำหนดสถานที่แล้วแมคเคนซีก็โทรบอกรูมเซอร์วิสทันที รออยู่สักพักพนักงานก็นำชุดอาฟเตอร์นูนทีตามแบบฉบับอังกฤษดั้งเดิมมาจัดเรียงให้ที่โต๊ะตรงระเบียงห้อง

“ที่นายบอกว่าจะถ่ายคลิปลงวล็อกนี่ ต้องไปลงที่บ้านเฮอร์มีสตอนกลับถึงค่ายใช่ไหม”

เขาไม่คิดว่าดีนจะลงคลิปทันทีตอนนี้ ไม่อย่างนั้นพวกอสุรกายที่จับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ (?) คงพากันมาที่นี่เต็มไปหมด แต่จะว่าไปตั้งแต่มาถึงลอนดอน แมคเคนซีก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของเพกาซัสหรืออสุรกายสักตน จนเขาเริ่มสงสัยว่าการมาทำภารกิจครั้งนี้ดีนคงไม่คว้าน้ำเหลวหรอกใช่ไหม

@Dean

“ถ้าส่งไฟล์วิดีโอให้เทพต้องส่งยังไง”

เท่าที่แมคเคนซีรู้มา หากจะส่งของให้เทพก็ต้องเผาสิ่งของนั้นส่งไปให้ กับอีกวิธีการนึงที่เพิ่งรู้จากแดนนี่ก็คือการใช้เทปเฮอร์มีสปิดกล่องที่ใส่ของไว้ และเมื่อเขียนถึงเทพที่ต้องการส่งกล่องพัสดุนั้นก็จะหายวับไปในทันที ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่สะดวกดี แต่การส่งเป็นไฟล์หรือคลิปที่จับต้องไม่ได้ แมคเคนซีไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร หรือว่าต้องเซฟไฟล์ใส่เอสดีการ์ดไม่ก็ยูเอสบีแล้วเผาหรือใส่กล่องส่งไปให้ แต่ว่าเทพจะมีโน้ตบุ๊คสำหรับเปิดดูอย่างนั้นเหรอ

ถึงดีนจะบอกว่ให้ทำตัวตามสบาย  แต่แมคเคนซีก็ทำตัวไม่ถูกอยู่ดี เขาไม่ค่อยได้ถ่ายคลิปลงโซเชียลเลยกลายเป็นว่าเวลาอีกฝ่ายแพลนกล้องถ่ายไปทางไหนแมคเคนซีก็จะเดินหลบมุมกล้องไปทางอื่นเสียอย่างนั้น จนกระทั่งดีนถ่ายคลิปเสร็จ เขาจึงไปนั่งที่ตรงระเบียงเพื่อรอดื่มอาฟเตอร์นูนทีพร้อมกัน

@Dean

“ฉันไม่อยากเชื่อว่าโอลิมปัสจะไฮเทคขนาดนั้น”

ถึงยุคสมัยจะผ่านมานานมากแล้ว แต่เรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้าในความคิดของแมคเคนซีก็ยังคงเป็นยอดเขาโอลิมปัสที่ทวยเทพยังคงอยู่กันเหมือนเดิมกับเมื่อแรกเริ่ม แม้ว่าเขาจะเห็นเทพีอะโฟรไดรฟ์สวมปราด้าและชุดราตรีสีแดงสด หรือคุณดีเทพแห่งไวน์ที่มีสภาพเหมือนพวกฮิปปี้ขี้เมามาแล้วก็ตาม

“ไม่ใช่ทุกคนหรอกน่า เดี๋ยวนี้พอเข้าสู่ยุคทำงานใครจะมามีเวลานั่งจิบชายามบ่ายทุกวันกันจริงไหม”

อันที่จริงแล้วอาฟเตอร์นูนทีสมัยนี้อาจมีไว้เป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวที่อยากลองสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวอังกฤษก็เป็นได้ รวมไปถึงตามโรงแรมที่จัดไว้ให้แขกที่มาพักอย่างพวกเขาในตอนนี้

“ถ้าจำไม่ผิดเมื่อเช้าฉันเพิ่งบอกนายใช่ไหมว่าให้ลดน้ำตาล…นายกินเถอะ ฉันชอบสโคนมากกว่า”

ถึงจะย้ำเรื่องให้ลดน้ำตาลแต่ก็ยังยกเอแคลร์ที่อีกฝ่ายบอกว่าน่าทานให้ทั้งหมดอยู่ดี

หลังจากอิ่มอร่อยกับอาฟเตอร์นูนทีแล้ว พวกเขาก็ใช้เวลาพักผ่อนในห้องต่อจนเกือบถึงช่วงเย็นแล้วจึงออกจากโรงแรมไปยังหอคอยแห่งลอนดอนกันต่อ

@Dean



แสดงความคิดเห็น

196London Day 1 (Part 1) - You know I love a Gloucester boy [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie] นั่งเมื่อยอยู่ในรถไฟเฮเฟตัส  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-15 00:58
โพสต์ 56959 ไบต์และได้รับ 30 EXP!  โพสต์ 2024-7-14 13:13
โพสต์ 56,959 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-7-14 13:13
โพสต์ 56,959 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-7-14 13:13
โพสต์ 56,959 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-7-14 13:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x4
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โพสต์ 2024-7-15 00:58:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-11-2 12:33
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-7-14 13:13
25. Hello LondonM
หลังจากนั่งรถไฟจากชานชาลา 9 เฮเฟตัสมาได้ปร ...

196
London Day 1 (Part 1) - You know I love a Gloucester boy

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               นั่งเมื่อยอยู่ในรถไฟเฮเฟตัสตั้งหลายชั่วโมงจนเส้นสายติดขัด ดีที่พวกเขาออกเดินทางตอนกลางคืนเลยมาถึงลอนดอนช่วงสายพอดี หากไม่ได้นอนมาคงทำให้คนอยู่ไม่สุขยกเว้นตอนหลับอย่างดีนหงอยเป็นหมาถูกขังกรง

               พวกเขาเดินหิ้วกระเป๋าออกจากสถานีรถไฟพิศวง แล้วพบเจอกับผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ในสถานีรถไฟลอนดอนคิงส์ครอสที่ออกไปทำงานในตอนเช้า ช่างเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาไม่ต่างอะไรกันกับช่วงเช้าของแกรนด์เซ็นทรัล

               “โอเค”

               ดีนพยักหน้าหงึกหงักรับคำแมคเคนซีที่อาสาไปแลกเงินให้ เขาทำท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อฝากแลกแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเลี้ยงการท่องเที่ยวทริปนี้ทั้งหมดเลยแฮะ ยกเว้นตั๋วรถไฟเวทมนตร์ที่ต้องใช้ดรักม่าจ่าย

               ระหว่างรอแมคเคนซีแลกเงิน ดีนก็ได้รับคำสั่ง ‘รอ’ กระนั่นเขาก็อยู่เฉยเหมือนเยอรมันเชพเพิร์ดไม่ได้ ดีนเดินวนไปวนมาอยู่หน้าป้ายที่เขียนว่า ‘ชานชาลา ที่ 9’ ราวกับหาของหาย

               ‘ไม่เห็นจะมีชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่เลยแฮะ..’

               แต่คิดแล้วก็ขำ นั่นมันสถานที่ในนิยายจะมีจริงได้ยังไง ถึงได้มีคำเตือนเขียนไว้ที่หน้าแรกไงว่า ‘นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่งเนื้อเรื่อง บุคคล สถานที่ไม่มีอยู่จริง’ เมื่อสรณะได้แล้วจึงรอนิ่ง ๆ จนกว่าที่คนแลกเงินจะมา

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ถึงจะนานแต่เท่าไรก็รอได้”

               เขายิ้มแป้นก่อนจะรับเอาบัตรโดยสารมาเก็บไว้อย่างดี พอได้เที่ยวแล้วท่าทางจะดี๊ด๊ากว่าปกติไปอีกสามระดับ ดีนพยักหน้าหงึก ๆ ตอนอีกฝ่ายบอกว่าจะพาไปซื้อกล้องถ่ายรูป ตามมาด้วยส่ายหน้าขวับ ๆ ตอนแมคเคนซีถามเรื่องความหิว ปกติตอนอยู่ที่ค่ายเขาทานอาหารเช้ากว่านี้นิดหน่อย

               “ยังไม่ค่อยเท่าไร เอาไว้เราไปกินกันที่เวสต์เอ็นด์ทีเดียวเลยก็ได้”

               ถ้าเป็นศูนย์การค้าน่าจะมีร้านอาหารเยอะกว่าในสถานีที่ผู้คนต่างเร่งรีบรับประทานมื้อเช้าจนพลอยทำให้พวกเขาเร่งจนล่กแล้วอดซึมซับบรรยากาศการท่องเที่ยว

               “งั้นนำไปเลยครับคุณไกด์” โค้งเลียนแบบพ่อบ้านพร้อมกับผายมือให้อีกฝ่ายได้นำทาง

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “จะไปโกรธได้ยังไง เดี๋ยวตอนไปไทยแลนด์ฉันจะทำนายหลงบ้าง”

               เขาเดินตามแมคเคนซีไปต้อย ๆ แบบปล่อยจอยแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าไม่ชำนาญพื้นที่ก็ตามที จนมาถึงชานชาลาของสถานีรถไฟใต้ดินลอนดอน ดีนรู้สึกว่าที่นี่สะอาดสะอ้านกว่านิวยอร์คนิดหน่อยให้พอได้ชื่อว่าเป็นเมืองผู้ดี

               “ไม่เป็นไร จะกี่ที่ก็ได้แหล่ะตามที่นายจัดสรรเลย”

               เขายิ้มกว้างโชว์ฟันขาวอีกครั้ง คนเพิ่งจะมีความรักไม่ว่าจะทำอะไรที่รักของเขาก็ถูกทุกอย่างแหล่ะ

               “จะว่าไปซับเวย์ของอังกฤษเรียกว่า ‘ทูป’ ใช่ไหม? เหมือนฉันจะเคยได้ยินคนเรียกกันแบบนั้น” ดีนพยายามพูดให้สำเนียงติดบริทิช แต่ฟังดูแล้วทะแม่ง ๆ ออกแนวประหลาดมากกว่า

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ยังไงก็ได้ ว่าแต่นายทำแผนมาด้วยสินะ จริงจังน่าดูเลย”

               เขาหัวเราะเบา ๆ อีกฝ่ายเป็นเจ้าบ้านแท้ ๆ แต่เตรียมแผนซะเหมือนนักท่องเที่ยว หรือว่าอยากจะทำให้ทริปนี้สมบูรณ์แบบเป็นที่น่าประทับใจของพวกเขาทั้งสอง ..ก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้

               พวกเขาก้าวเข้าไปยังรถไฟใต้ดินแล้วรีบเดินไปนั่งที่ว่าง ๆ ดีนถอดหอกและโล่สัมฤทธิ์ที่สะพายอยู่บนหลังออกมาตั้งไว้ที่พื้นด้านหน้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้สวมเกราะเป็นช่างประปาทว่าชาวเกาะอังกฤษคงมองเห็นอาวุธที่เขาถือมาเป็้นของแปลกประหลาดอยู่ดี ช่วยไม่ได้ เขาทำเป็นไม่แคร์สายตาเหล่านั้นแล้วกลับมาสนใจคนข้าง ๆ ดีกว่า

               “ฉันลองพูดสำเนียงแบบนายดูไม่ได้เหรอ เผื่อจะได้ดูเซ็กซี่เหมือนนายไง”

               พูดคล้ายแซวแต่เขาคิดว่าสำเนียงบริทิชของแมคเคนซีมีเสน่ห์มาก พูดแล้วเหมือนไฮโซชนชั้นสูง แต่แม้ว่าเขาจะเลียนสำเนียงแบบชาวอังกฤษก็ตาม แต่มันไม่เข้ากับหน้าแล้วก็ไม่ทำให้ดูแพงขึ้นอยู่ดี

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               เขาฟังคำอธิบายของแมคเคนซีแล้วอดที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้กับความเอาใจใส่ของอีกฝ่าย ซึ่งแมคเคนซีคงคาดเดาได้ไม่ยากว่าเขาอยากไปที่ไหนบ้าง แต่ถึงแม้จะไม่ได้ไปในที่ที่อยากไปแต่แค่เราได้อยู่ด้วยกันแค่นั้นก็เพียงพอ

               “ฉันจะต้องชอบที่ที่นายพาไปแน่ ๆ เพราะงั้นไม่ต้องกังวล”

               ส่วนเรื่องที่ถูกชมกลับเรื่องน้ำเสียงของเขาดีนก็เพียงแค่หัวเราะเบา ๆ แล้วโน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู

               “ฉันก็ต้องเซ็กซี่สำหรับนายอยู่แล้วล่ะ” ก่อนจะผละออกมาแล้วยักคิ้วให้ แล้วดูเหมือนว่าจะถึงสถานีที่หมายพอดี “ถึงแล้วเหรอ?”

               หลังออกจากสถานีทูปดีนก็หันซ้ายแลขวามองทิวทัศน์ด้านนอกด้านนึงติดสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามคือย่านการค้าขนาดใหญ่ ชวนให้เขาคิดถึงเซ็นทรัลพาร์คที่ชอบมาเดินเล่นบ่อย ๆ ทว่าที่ลอนดอนนี้มีกลิ่นอายของเมืองเก่าจากสถาปัตยกรรมยุคเก่าเหมือนหลุดออกมาจากหนัง สวยงามคนละสไตล์กับตอนไปปารีส

               “แล้วแถวนี้มีร้านอะไรเด็ด ๆ แนะนำบ้างไหม?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “สิบนาทีก็ไม่ได้ไกลเท่าไรนะ ส่วนอาหารเช้าค่อยแวะเข้าคาเฟ่ก็ได้ สำหรับฉันแค่ขนมปังปิ้งกับอเมริกาโน่สักแก้วก็โอเคแล้ว”

               ขนมปังปิ้งไม่เท่าไร แต่นาทีนี้เขาอยากได้กาแฟมาเติมเต็มพลังงานมาก ๆ แม้ว่ามันจะมีอยู่อย่างเหลือเฟือก็เถอะ เมื่อคืนตอนที่นอนในรถไฟเขาหลับ ๆ ตื่น ๆ ไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร แต่ยังดีที่ไม่ต้องกังวลใจเหมือนกับตอนภารกิจเดินทางที่ไม่รู้จะมีภัยร้ายมาถึงตัวเมื่อไร หรือหลับ ๆ อยู่แล้วรถไฟถูกวางระเบิดอะไรแบบนี้

               ส่วนเรื่องระยะทางดีนกะคร่าว ๆ จากที่อีกฝ่ายเกริ่นมาคงเกือบครึ่งไมล์ เขาผ่านการแบกเป้เดินทางไกลมาแล้วเพราะฉะนั้นแค่นี้จิ๊บ ๆ อีกอย่างวันนี้อากาศก็ดีด้วยและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะคิดเหมือนกัน

               “จะว่าไป ฉันเคยได้ยินว่าที่ลอนดอนฝนตกแทบจะตลอดทั้งปี มันเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า แล้วกลอสเตอร์เป็นแบบนั้นด้วยไหม?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ดีนฟังที่แมคเคนซีเล่าก็พยักหน้าหงึกหงักเออออไปด้วยความสนใจ ในระหว่างที่ยังไม่ได้ซื้อกล้องถ่ายรูปเขาก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปไปก่อน ทั้งถ่ายตึกรามบ้านช่อง ความเป็นอยู่ของชาวเมือง รถเมล์แดงสองชั้น รวมถึงแอบถ่ายคนข้าง ๆ ด้วย

               “ยังไงก็ได้ ลองเดิน ๆ ไปดูเจอร้านไหนก่อนก็แวะร้านนั้น”

               ยิ้มตาหยีให้ เขาไม่ซีเรียสว่าจะได้ไปซื้ออะไรก่อนกัน ยังไงภารกิจครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรรีบร้อนที่ต้องเร่งแข่งกับเวลา จุดประสงค์หลักคือปราบเพกาซัสพยศซึ่งดีนเชื่อว่าถ้ามีชะตาต้องกันเพกาซัสตัวนั้นก็จะออกมาเอง หรือหากไม่เขาก็ไม่เครียดเพราะจุดประสงค์หลักส่วนตัวคือมาเที่ยวเสียมากกว่า

               แต่เหมือนจะเจอกับคาเฟ่ก่อนแฮะ

               “แวะร้านนี้ไหม?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “โอเคได้เลย” ผู้ชายตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยสัมภาระสองคนอยู่เกะกะหน้าเคาน์เตอร์นาน ๆ คงไม่ใช่เรื่องดี เขาจึงรับคำแมคเคนซีก่อนจะสั่งเมนูอาหารเช้ากับตัวเอง “โทสต์โพชเอ้กอะโวคาโด้กับกาแฟอเมริกาโน่เย็นหวานสองร้อยเปอร์เซ็นครับ”

               ออเดอร์ของเขาทำเอาพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ถึงกับทำตาโตพร้อมกับถามย้ำว่า ‘สองร้อยเปอร์เซ็นแน่นะ’ ซึ่งเขาก็ย้ำคำว่า ‘สองร้อยเปอร์เซ็น’ อีกครั้งก่อนจะไปหาที่นั่งว่าง ๆ ในร้าน

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               นั่งรอไม่นานอีกฝ่ายก็กลับมาพร้อมกับถาดอาหารและคำถามแคลงใจ ซึ่งดีนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจราวกับเป็นเรื่องปกติ
               
               “ก็ตั้งแต่เริ่มกินกาแฟมั้ง คงสักอายุสิบเจ็ด”

               เขาเลื่อนแก้วอเมริก้าเย็นหวานเจี๊ยบมาตรงหน้าก่อนจะดูดจ๊วบไปหนึ่งอึก เมื่อได้คาแฟอีนและน้ำตาลเข้ากระแสเลือดสีหน้าก็พลันสดชื่นขึ้นมายิ่งกว่าเดิม จากนั้นจึงเริ่มรับประทานโทสต์โพชเอ้กด้วยความหิวไปอีกหนึ่งคำใหญ่ ๆ

               “อื้ม อร่อย ลองชิมมะ” เลื่อนทั้งจานอาหารเช้าและกาแฟไปให้อีกฝ่าย ที่ถามก่อนหน้านี้คิดว่าแมคเคนซีน่าจะอยากชิม

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ฉันรู้ ช็อกโกแลตร้อนของนายขมมาก”

               จำได้ดีเลยตอนนั้นที่ไปห้องของอีกฝ่ายครั้งแรกแล้วได้ดื่มช็อกโกแลตร้อนที่แมคเคนซีชงให้ดื่ม ตอนนั้นยังไม่ได้สนิทกันมากเขาจึงบอกไปแค่ถ้าเพิ่มน้ำตาลอีกสักช้อนสองช้อนน่าจะเป็นรสที่เขาดื่ม แต่พอสนิทกันแล้วไม่เกรงใจถ้ามีคราวหลังคงบอกให้เพิ่มน้ำตาลไปอีกสิบช้อนชา

               “เคยนะ ก่อนหน้านี้ก็ตรวจสุขภาพทุกปี หมอเตือนนิดหน่อยแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ยังไม่อันตราย”

               แล้วก็ลองชิมแซนวิชของอีกฝ่าย ถือว่าอร่อยมากไม่แพ้กัน อาหารอังกฤษที่ประเทศอังกฤษ ดูไม่แย่เหมือนข่าวลือแฮะ จากนั้นก็รับสมุดโน้ตของอีกฝ่ายมาดู เขาเห็นลายมือเขียนแพลนเที่ยวลอนดอนอย่างละเอียดก็อมยิ้มให้กับความตั้งใจ

               “ที่เพิ่มคงไม่มี แต่ว่าฉันอยากไปลอนดอนอายมากเลย ต้องห้ามพลาดนะ”

               ปลายนิ้วจิ้มจึก ๆ ไปที่คำว่า ‘ลอนดอนอาย’ บนหน้าสมุด

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “มันก็..” ดีนเสสายตาไปทางอื่นก่อนจะฉีกยิ้มมีพิรุธเหมือนกับมีมเด็กผู้หญิงที่ดัง ๆ ในอินเทอร์เน็ต ที่ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่อันตรายไม่ได้แปลว่าไม่สูง

               “ฉันจะรอคอยเวลานั้นเลย”

               แล้วพวกเขาก็รับประทานอาหารเช้ากันหมดในเวลาไม่นานจากนั้นก็เดินหาร้านขายกล้องถ่ายรูปกันต่อ แล้วก็เจอร้านหนึ่งที่อยู่เกือบจะสุดถนน ร้านนี้เป็นร้านขายกล้องถ่ายรูปเล็ก ๆ ไม่ใหญ่เหมือนกับเวิร์ลคาเมร่าแต่ก็มีกล้องถ่ายรูปให้เลือกหลายรุ่นหลายยี่ห้อให้เลือกสรร ดีนไม่มีสเป็คที่ต้องการเป็นพิเศษเขาจึงเลือกตัวที่ถูกใจไปตามสัญชาตญาณ

               “นายว่าตัวนี้เป็นไง?”



               กล้องตัวนี้คนขายแนะนำว่าเหมาะสำหรับทั้งถ่ายรูปและถ่ายวีดีโอทำคอนเทนต์ ขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่เทอะทะ และราคาไม่แพงมาก หากอยากได้การถ่ายภาพที่ดีขึ้นสามารถซื้อเลนส์ซูมมาใส่เปลี่ยนได้ แต่การใช้งานพื้นฐานก็เพียงพอหากไม่ได้ต้องการถ่ายภาพอย่างมืออาชีพ แต่ที่ดีนถูกชะตาคือเจ้าขนปุกปุยที่อยู่บนตัวกล้องต่างหาก

               “หกร้อยปอนด์นี่มันเท่าไรนะ?”

               ถ้าตรงตามที่เช็คค่าเงินก่อนออกเดินทางจะมีอัตราแลกเปลี่ยนที่หนึ่งดอลลาร์สหรัฐต่อศูนย์จุดเจ็ดปอนด์สเตอร์ลิง ถ้าอัตราค่าเงินไม่เปลี่ยนแปลงก็ถือว่าถูกกว่างบที่ได้มาตั้งหนึ่งร้อยเหรียญแน่ะ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ยังไม่ได้ลองเลย งั้นฉันลองนะ” เขาหยิบกล้องขึ้นมาโดยใช้อีกฝ่ายเป็นนายแบบโดยไม่บอกไม่กล่าว ภาพที่ได้ถือว่าคมชัดสวยงาม และคนในภาพหล่อ ถือเป็นภาพแรกที่เจิมกล้องได้ดี “ฉันชอบ เอาอันนี้แหล่ะ”

               ตัดสินใจซื้อง่าย ๆ แบบนี้เลย แต่พอเห็นอีกฝ่ายวางบัตรเครดิตไว้บนเคาน์เตอร์ก็เลิกคิ้ว

               “หืม เอาบัตรเครดิตออกมาทำไม?” ตอนแรกเอียงคองงแต่พอประติดประต่อได้ก็ทำตาโต “นายคงไม่ได้จะซื้อให้ฉันหรอกนะ!? ไม่ได้ ๆ ของมันแพงขนาดนี้ พ่อให้เงินฉันมาแล้ว ฉันต้องใช้เงินพ่อซื้อสิ”

               รีบหยิบบัตรเครดิตของอีกฝ่ายยัดใส่มือคืนไปก่อนที่จะนำบัตรเครดิตของตัวเองมาวางแหมะไว้แทน ซึ่งถ้ารูดซื้อกล้องไปแล้วน่าจะเต็มวงเงินของเดือนนี้พอดี

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ เมื่อถูกโต้กลับด้วยวิธีการเดียวกัน แถมอีกฝ่ายยังกำชับพร้อมจ้องเขม็งมาอีกจะปฏิเสธได้ยังไง

               “ก็ได้ ให้นายจ่ายไปก่อนก็ได้”

               ไว้เดี๋ยวเขาค่อยหาโอกาสเลี้ยงคืนด้วยอะไรสักอย่างที่ลอนดอนหรือไม่ก็ตอนไปประเทศไทย

               เมื่อตกลงซื้อขายสำเร็จดีนก็ได้กล้องถ่ายรูปตัวแรกในชีวิตมาครอบครองซึ่งถือเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ได้รับจากแมคเคนซีในฐานะคนรัก เขาสวมกล้องคล้องคอในทันทีกะว่าจะใช้งานเลยแม้แบตเตอรีที่แจ้งเตือนจะไม่เต็ม แต่เจ็บสิบเปอร์เซ็นคงเพียงพอสำหรับการทัวร์ในวันนี้ พอออกจากร้านขายกล้องได้เขาก็สะกิดอีกฝ่าย

               “นี่ ๆ ถ่ายรูปกัน!”

               ถ้ารูปแรกเป็นภาพเดี่ยวของแมคเคนซี ภาพที่สองในกล้องใบนี้ก็ต้องเป็นรูปคู่ของพวกเขาโดยมีฉากหลังเป็นถนนสายหลักของย่านเวสต์เอ็นด์

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ได้เหรอ ตัวจริงฉันหล่อกว่ารูปถ่ายนะ” ยักคิ้วให้คนที่โอบไหล่ให้ก่อนจะปรับหน้าจอให้ถ่ายกล้องหน้า ยิ้มเซย์ชีส กดชัตเตอร์มาได้สี่ห้ารูปถึงพอใจ “ขอบคุณนะแมคซี่ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีเลย”

               จะบอกว่าเกรงใจก็ใช่แหล่ะ หวังว่าใครจะไม่มองว่าเขาเกาะแฟนกินนะ แม้ความฝันในการ ‘มีแฟนรวย’ จะเป็นช้อยส์ข้อที่สองหลังจากการที่ตัวเองเป็นเศรษฐีก็เถอะ ซึ่งตอนนี้ข้อแรกยังทำไม่ได้ ส่วนข้อสามก็คือ ‘เป็นหมาของคนรวย’ แนวคิดสะท้อนสังคมวัตถุนิยมสุด ๆ

               “เอาล่ะ ทีนี้ก็ได้เวลาเที่ยว! ต่อไปเราจะไปไหนกันนะ หอศิลปะใช่ไหม?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ไม่เป็นไรหรอกน่า ผิดแผนนี่แหล่ะรสชาติของการท่องเที่ยว แล้วฉันก็ชอบการผิดแผนนะ”

               ตบบ่ายิ้มปลอบใจคนรัก เขาไม่ได้เสแสร้งแต่พูดออกมาจากใจ หากไม่ผิดแผนหรือหลงเสียบ้างคงไม่มีเรื่องให้เม้าท์เวลาอยากพูดถึงการท่องเที่ยวครั้งเก่า สำหรับดีนการเดินไม่ใช่ปัญหานั่นทำให้เขาได้ถ่ายรูปเมืองลอนดอนสวย ๆ อีกหลายภาพ (ซึ่งส่วนมากจะถ่ายวิวสองรูปแล้วสลับมาถ่ายอีกฝ่ายสามรูปก็ตาม) อย่างไรเสียในการท่องเที่ยวสองวันครึ่งที่ลอนดอน (หรืออาจมากกว่านั้นหากเขาหาเพกาซัสไม่เจอ) ต้องได้นั่งรถเมล์แดงที่เป็นสัญลักษณ์เข้าสักวันล่ะน่า

               เมื่อมาถึงหอศิลป์แห่งลอนดอนก็ได้เวลาถ่ายภาพอย่างมันมือตามประสาคนเห่อกล้อง เกือบทุกภาพในนี้มีอายุยาวนานหลักร้อยปีจึงต้องระมัดระวังเรื่องการใช้แฟลชเพื่อไม่ทำให้ผลงานศิลปะอันล้ำค่าเสียหาย ซึ่งชายหนุ่มก็เป็นนักท่องเที่ยวที่ดีทำตามนั้นทุกประการ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ที่มาที่ไปของรูปภาพแต่ก็พอจะเห็นประวัติศาสตร์ที่สะท้อนอยู่ปลายพู่กัน

               หลังเที่ยวชมก็ได้เวลาพักยกรับประทานอาหารกลางวันแล้วเช็คอินเข้าที่พักยังโรงแรมมีชื่อริมแม่น้ำเทมส์

               “แมคซี่นายจองโรงแรมนี้ไว้เหรอ?”

               ดีนตาโตเมื่อมองอาคารอิฐขาวสถาปัตยกรรมแบบยุควิคตอเรียขนาดใหญ่ บนป้ายโลหะมีรูปปั้นวีรบุรุษกรีกทองคำต้อนรับอยู่ด้านหน้า จนเหมือนกับว่าเทพหรือลูกน้องเทพบางองค์ทำธุรกิจเปิดสาขาเช่นชาวแอตแลนติสมีโรงแรมหรูหราริมชายทะเลทั่วทั้งโลก ถ้าให้จัดระดับโรงแรมน่าจะไม่ต่ำกว่าสี่ดาว ค่าเข้าพักอาจจะคืนละห้าร้อยปอนด์เลยก็ได้



               ใช่ ค่าพักคืนเดียวแพงเกือบเท่ากล้องถ่ายรูปที่เพิ่งซื้อมา

               “โอ้ ดูสิ ฉันแต่งตัวแบบนี้เขาจะให้เข้าพักหรือเปล่า”

               อาการวิตกกังวลเริ่มมา เขาหยุดที่จะพิจารณาเครื่องแต่งกายของตัวเองไม่ได้ แม้จะไม่ได้แต่งตัวแย่นักแต่เขาก็แต่งกายสบาย ๆ เหมือนนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็กมากกว่านักธุรกิจใส่สูท

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ถึงแมคเคนซีจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็อดที่จะประหม่าจนตัวแข็งเป็นภูเขาแกะสลักหน้าคนเขารัชมอร์ไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเข้ามาในห้องพักยิ่งว้าว นี่มันหรูหราหมาเห่าราวกับนอนในพระราชวัง ดีนมองแมคเคนซีอย่างไม่เชื่อสายตา เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีฟาร์มวัวและทำธุรกิจเกี่ยวกับชีส แต่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้ จนพาคิดไปว่าสักวันจะได้รับเชิญไปงานกาล่าดินเนอร์แบบแวดวงไฮโซอะไรแบบนี้หรือเปล่า

               ‘แม่งูเอ๊ย! อย่างกับว่าฉันเป็นนางเอกในเรื่องฟิฟตี้เชดออฟเกรย์!!’

               ดีนเดินไปยืนเคียงข้างอีกฝ่ายที่ริมหน้าต่างบานใหญ่ที่เห็นวิวลอนดอนอายได้อย่างชัดเจน ฝ่ามือหนาเกาะกระจกมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นเต้น เผลอแนบหน้าไปชิดกระจกจนลมหายใจอุ่นทำกระจกใสเกิดรอยฝ้า

               “ชอบมาก ๆ เลยนายพยายามหาโลเคชั่นเพื่อฉันเลยเหรอแมคซี่”

               ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายบอกว่า ‘นายน่าจะชอบ’ พอคิดว่าคนรักพยายามทำเพื่อเขามันก็รู้สึก ‘งู้ยยยยยยยยยยย’ ขึ้นมาในใจ เป็นความรู้สึกที่บรรยายได้ลำบาก แต่ทำชายตัวโตหกฟุตนิด ๆ เหลือตัวน้อยตัวนิดได้ในทันควัน

               “มีอาฟเตอร์นูนทีฟรีด้วยสินะ” ดีนไม่ค่อยได้ทานจุกจิกตอนบ่ายเท่าไรแต่เมื่อคำนวนถึงความคุ้มค่าแล้ว ถ้าไม่รับไว้ก็คงโง่เต็มทน “ให้รูมเซอร์วิสมาเสิร์ฟที่ห้องได้ไหม ฉันอยากจะถ่ายวล็อกไปอวดชาวบ้านน่ะ”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ตรงระเบียงแล้วกันวิวดี กินในห้องนอนเดี๋ยวโดนมดกัด”

               เขาบอกแมคเคนซีไปก่อนจะเริ่มสำรวจห้องพักว่ามีอะไรบ้างจะได้จัดที่ทางถ่ายวล็อกได้สะดวก ห้องที่พวกเขาพักเป็นห้องสวีทที่ประเมิณราคาในหัวแล้วน่าจะแพงกว่าที่คิดไว้ตอนแรกขึ้นมาอีกเกือบเท่าตัว พวกเขาต้องพักที่นี่ถึงสองคืนแมคเคนซีต้องจ่ายค่าห้องเพียงอย่างเดียวไม่รวมอย่างอื่นไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์แน่ ๆ แล้วนี่คือช่วงไฮซีซันของอังกฤษค่าห้องน่าจะถูกอัพราคาขึ้นกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ

               'แมคซี่นายจ่ายค่าห้องไปเท่าไร?’

               อยากจะถามแบบนี้กับอีกฝ่ายแต่กลัวรู้คำตอบแล้วจะช็อค

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]



               อาฟเตอร์นูนทีเซ็ตใหญ่ที่ยกมาเสิร์ฟก็ช่างหรูหรายิ่งมีฉากหลังเห็นแม่น้ำเทมส์และลอนดอนอายแล้วด้วยยิ่งรู้สึกถึงความพิเศษจนอดยกกล้องถ่ายรูปที่ไม่เคยวางตั้งแต่ซื้อมารัวชัตเตอร์ไปอีกหลายแชะ

               “ช่าย ถ่ายเก็บไว้ก่อนทั้งที่นี่แล้วก็ที่ไทย จากนั้นค่อยเอาไปโพสต์ที่บ้านเฮอร์มีส นายคิดว่าเทพีดีมีเทอร์จะประทับใจไหมถ้านอกจากจะส่งรูปแล้วยังส่งเป็นไฟล์วีดีโอให้ด้วย”

               พูดไปก็จัดแจงติดกริ๊ปและรีโมทควบคุมสำหรับถ่ายวล็อกไปด้วย

               “แมคซี่นายทำตัวตามสบายเลยนะ เดี๋ยวฉันจะเริ่มถ่ายตั้งแต่เปิดประตูห้องพักเข้ามาเลย”

               ยิ้มแฉ่งบอกกับคนรักจากนั้นก็เดินออกนอกประตูห้องไปพร้อมกับอุปกรณ์ถ่ายภาพ ดีนนับในใจเมื่อเตรียมการพร้อมสรรพก่อนจะเปิดประตูเข้ามา

               “ไฮฮายชาวเน็ต วันนี้ฉันได้มาพักที่นี่แหล่ะ ‘เดอะ ซาวอย’ ดูความหรูหรานี่สิ!”

               ดีนถ่ายภาพวีดีโอเก็บไว้ตั้งแต่เปิดประตูห้องเข้ามาเจอห้องรับแขก วนไปถ่ายห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำคลาสสิกเหมือนในหนังยุคแปดศูนย์ จากนั้นจึงเข้ามาถ่ายในห้องนอน แล้วจบที่ระเบียงที่มีไฮทีเซ็ตตั้งอยู่ ปากก็พูดนั้นพูดนี่ไปเรื่อยตามประสาจนวีดีโอแทบจะไม่มีเดดแอร์ จากนั้นก็ถ่ายวิวนอกระเบียงจากมุมสูงของโรงแรม แล้วก็ได้ฟุตเทจมาหนึ่งคลิปถ้วน

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ฉันกะว่าจะเขียนลิ้งก์วีดีโอแนบไปด้วยน่ะ ถึงเป็นเทพก็น่าจะมีโซเชียลมีเดียใช่ไหม?”

               ตอบสบาย ๆ เหมือนกับว่าเทพจะมาฟอลแอคเคาน์จริง ๆ แล้วถ้าหากว่าเทพีดีมีเทอร์มาฟอลเขาจริงคงเท่ไม่หยอกเลยทีเดียว หลังเก็บกล้องถ่ายรูปเสร็จก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะน้ำชา

               “จะว่าไปคนอังกฤษกินไอ้นี่กันทุกบ่ายเลยเหรอ อ้วนตายเลย กินเยอะขนาดนี้มีหวังอิ่มจนไม่ต้องกินมื้อเย็น” คนกินกาแฟน้ำตาลหวานจ๋อยยังมีหน้ามาพูดได้อีกเหรอ? และใช่ ดีนใส่น้ำตาลที่ปริมาณหวานพอกันลงในถ้วยชาของตัวเอง “เอแคลร์ข้างบนน่ากินจัง แต่ให้มาแค่ชิ้นเดียวเอง คงต้องแบ่งกันกินแล้วล่ะที่รัก”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงนะ จากที่เคยไปแอตแลนติสมันก็เหมือนกับวังนางเงือกในหนังอควาแมน แต่โอลิมปัสเนี่ยสิดันอยู่ที่ชั้นหกร้อยของตึกเอ็มไพร์สเตทที่มีแค่ร้อยกว่าชั้น”

               หากเป็นก่อนมาค่ายเขาคงไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดนี่แล้วคิดว่าเป็นนิยายหรือเรื่องไร้สาระ แต่ก็ดันเคยไปแอตแลนติสมาแล้วครั้งหนึ่งจึงพูดได้ยากว่าเขาเพียงแค่ฝันไป

               “นั่นสิ ถ้าดื่มชายามบ่ายทุกวันมีหวังไม่เป็นอันทำอะไรแน่ ๆ แต่ว่า.. หรือมันคือการลดทอนเหลือแค่ต้องหากาแฟกินช่วงบ่ายกันนะ?”

               กาแฟยามบ่ายนี่แหล่ะที่เป็นตัวช่วยชีวิตไม่ให้สลบไปก่อนจะหมดวันเมื่อต้องทำงานน่าเบื่อหรือการเรียนที่หนักหน่วง

               “แน่ใจนะว่าจะไม่ชิม ชิมสักนิดสิ อ้ามมม”

               คะยั้นคะยอให้แมคเคนซีชิมเอแคลร์จนได้ จากตอนแรกที่คิดว่าวัฒนธรรมการดื่มกาแฟตอนบ่ายมาจากอาฟเตอร์นูนทีบางทีอาจต้องคิดใหม่ เพราะของว่างเซ็ตนี้มันชวนให้เขาหนังตาปิดมากกว่าจะได้พลังงานเพิ่มความสว่างใสแก่ดวงตา

               ถ้าไม่ด้วยเวลาการท่องเที่ยวที่จำกัดและค่าโรงแรมที่น่าเจอแพงเวอร์แน่ ๆ ดีนจึงไม่กล้าจะอิดออดขอนอนกลางวัน แล้วหยิบเป้ใบเล็กและอาวุธสัมฤทธิ์ติดกายเพื่อไปท่องเที่ยวลอนดอนยังจุดถัดไป


แสดงความคิดเห็น

26. Headless Ghost and Injured Pegasus M [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] หลังจากที่มาถึงหอคอยแห่งลอนดอนแล้ว แมคเคนซีก็ไปซื้อบัตรส  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-18 16:21
โพสต์ 64312 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-7-15 00:58
โพสต์ 64,312 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-7-15 00:58
โพสต์ 64,312 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-7-15 00:58
โพสต์ 64,312 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-7-15 00:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-7-18 16:21:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-11-2 12:37
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-7-15 00:58
196London Day 1 (Part 1) - You know I love a Gloucester boy
               [ดูโรลเพลย์ก ...

26. Headless Ghost and Injured Pegasus
M

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

หลังจากที่มาถึงหอคอยแห่งลอนดอนแล้ว แมคเคนซีก็ไปซื้อบัตรสำหรับเข้าชมจุดต่าง ๆ ว่ากันตามตรงแล้ว กับคนที่ไม่ค่อยอินประวัติศาสตร์อย่างเขา หากเป็นยามปกติคงไม่คิดจะมาที่นี่ แต่การมาลอนดอนในครั้งนี้มีคนรู้ใจอย่างดีนมาด้วย เขาจึงอยากพาอีกฝ่ายไปยังสถานที่ที่จัดว่าเป็นแลนด์มาร์คของลอนดอนให้ได้มากที่สุด ซึ่งหอคอยแห่งลอนดอนก็คือสถานที่หนึ่งที่มีความสำคัญทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และการปกครองในอดีตของอังกฤษ

โดยในอดีตนั้นหอคอยแห่งลอนดอนเคยเป็นสถานที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษ รวมถึงเป็นทั้งคลังอาวุธ หอเก็บเอกสาร หอดูดาว โรงกษาปณ์และคลังสมบัติ ไปจนถึงใช้เป็นที่คุมขังและประหารชีวิตนักโทษที่มียศศักดิ์สูง จนเป็นที่มาของเรื่องสยองขวัญมากมายที่ผู้คนนำมาเล่าสู่กันฟัง ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นที่เก็บรักษาทรัพย์สินมีค่าแห่งราชวงศ์อังกฤษและของกำนัลที่ได้จากประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ

พวกเขาเดินดูตามจุดต่าง ๆ ที่เปิดให้ชม แม้ยุคสมัยจะผ่านมาเนิ่นนานแต่ความเก่าแก่และบรรยากาศของสถานที่ก็ให้ความรู้สึกชวนขนลุกแปลก ๆ จนกระทั่งมาถึงส่วนที่ใช้เคยใช้เป็นลานประหารเมื่อในอดีต ขณะที่กำลังจะเดินไปยังจุดอื่นนั่นเอง แมคเคนซีก็สังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดกระโปรงสีขาวยาวกรอมเท้าคล้ายชุดนอนเดินสวนไปจนเขาต้องหยุดมอง ท่าทางและการแต่งกายของเธอเหมือนไม่ใช่นักท่องเที่ยว ก็แหงล่ะ…ใครเขาใส่ชุดนอนออกมาเที่ยวบ้าง กำลังจะหันไปถามความเห็นดีนแต่ก็เห็นอีกฝ่ายเดินไหลไปกับฝูงชนเสียแล้ว

‘ไปทางนั้นกันสินะ เดี๋ยวค่อยตามไปแล้วกัน’

แมคเคนซีจดจำเส้นทางที่ดีนเดินไป ก่อนจะเดินตามหญิงสาวคนนั้นไปด้วยความสงสัย



[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ทางด้านแมคเคนซี เขายังคงเดินตามหญิงสาวคนดังกล่าวมาอย่างห่าง ๆ สาบานได้ว่าไม่ใช่เพราะความลุ่มหลงหรือเสน่หา แต่เป็นความสงสัยล้วน ๆ และเป็นที่น่าสังเกตว่าด้วยเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้คนแต่งตัวไม่เรียบร้อยเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าแมคเคนซีจะไม่ใช่พวกชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็เดินตามมาจนถึงส่วนอาคารที่เคยใช้เป็นคุกเก่าโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งเดินตามมารอบตัวก็ยิ่งเงียบลง เมื่อหันมองรอบตัวถึงได้รู้ว่าผู้คนหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ จนเขาเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ

‘หรือว่าตรงนี้จะมีพวกอสุรกายอยู่ เราถูกล่อมาอย่างนั้นเหรอ’

ทันทีที่คิดได้อย่างนั้นแมคเคนซีก็กุมด้ามดาบที่คาดไว้กับเข็มขัดแล้วใส่เสื้อโค้ททับเพื่อปกปิดไว้อย่างระวังตัวก่อนจะหันหลังกลับเพื่อจะออกจากอาคารไปยังจุดเดิมที่เขามา แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว หญิงสาวในชุดขาวคนเดิมก็เดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในยังห้องหนึ่ง

“บ..บ้าน่า”

เขาพึมพำเบา ๆ เมื่อครู่หญิงสาวยังอยู่ตรงด้านหน้าเขาอยู่เลย ไม่มีทางที่จะมาอยู่ด้านหลังเขาได้แน่ แมคเคนซีพยายามเดินให้เงียบเสียงที่สุดพร้อมกระชับดาบในมือให้แน่นขึ้น เผื่อว่าหญิงสาวคนนั้นคืออสุรกายอย่างที่เขาคิด จะได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ตลอดเวลา จนเมื่อเขาเดินผ่านห้องที่หญิงสาวคนนั้นเข้าไป ดวงตาสีฮาเซลจึงหันมองไปในนั้น ภาพที่เห็นทำให้แมคเคนซีหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อผู้หญิงที่เขาเดินตามมาตลอดทางบัดนี้ชุดนอนที่เคยเป็นสีขาวถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากช่วงคอลงมา และที่สำคัญคือ ศีรษะของเธอหายไป !

“ชิบxาย….”

แมคเคนซีอุทานเสียงเบา นี่เขาเจอดีเข้าแล้วใช่ไหม ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิญญาณของชนชั้นสูงที่เคยถูกประหารซึ่งยังวนเวียนอยู่ ณ หอคอยแห่งนี้ นี่มันยังไม่ค่ำเลยไม่ใช่หรือไง แต่ก็เริ่มเย็นโพล้เพล้แล้ว…จากที่เคยคิดว่าจะเป็นอสุรกายก็จำต้องตัดไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง เขาคงโดนโจมตีด้วยความหิวกระหายไปแล้ว และก็คงไม่รู้สึกขนลุกขนาดนี้ด้วย

‘อยู่ไม่ได้แล้ว !’

ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองเพิ่งมามีซิกซ์เซ้นส์เอาตอนอายุ 21 ปี แต่แมคเคนซีก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมาหาคำตอบในเวลานี้ รู้แค่เพียงว่าต้องออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด ไวเท่าความคิด  เรียวขายาวรีบสาวเท้าวิ่งออกจากอาคารไป

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

หลังออกมาจากส่วนที่เป็นคุกเก่าแล้ว แมคเคนซีก็เดินไปทางส่วนที่เห็นดีนกับกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินไปก่อนหน้านั้น เขาอยากเจออีกฝ่ายแล้วรีบเล่าเรื่องที่เพิ่งเจอมาให้ฟังแทบแย่ แต่หลังจากเดินจนทั่วแล้วก็กลับพบแต่นักท่องเที่ยว ไม่เห็นดีนแม้แต่เงา

“หายไปไหนของเขา”

พึมพำอย่างเริ่มเป็นกังวล อีกฝ่ายเพิ่งเคยมาอังกฤษเป็นครั้งแรกด้วย ขนาดเขาเองที่เป็นคนอังกฤษ (แต่ไม่ค่อยได้เข้าเมือง) ยังขึ้นรถโดยสารไม่ค่อยถูก แถมด้วยความที่พวกเขาเป็นเดมิก็อดจึงทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารหรือว่าอินเทอร์เน็ตได้เนื่องด้วยความปลอดภัยจากอสุรกายที่จ้องจะไล่ล่าทั้งคู่ นี่ก็ใกล้เวลาที่หอคอยจะปิดแล้ว แมคเคนซีคงต้องไปขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ให้ช่วยประกาศหรือตามหาคนรักของเขา

“แม่ฮะ ดูนั่นสิ คนนั้นเขาขึ้นไปทำอะไรพวกอีกาบนนั้นอะ”

เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายดังแว่วเข้าหูขณะที่แมคเคนซีกำลังเดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่ด้านหน้าวัง เมื่อมองไปตามที่เด็กน้อยชี้ แมคเคนซีก็ถึงกับตาโต

“เชี่ย….”

วันนี้เขาอุทานคำหยาบไปที่รอบแล้ว ให้ตายสิ…มองจากที่ไกล ๆ ยังรู้เลย นั่นมันดีนไม่ผิดแน่ ว่าแต่อีกฝ่ายขึ้นไปทำอะไรบนนั้น คงไม่ได้กะไปจับอีกาใช่ไหม หากเป็นอย่างนั้นดีนอาจโดนจับข้อหาหนักถึงขั้นล้มล้างราชวงศ์อังกฤษก็เป็นได้ เพราะอีกาที่หอคอยแห่งลอนดอนนั้นเปรียบเสมือนสัตว์ต้องสาปซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่า หากหอคอยแห่งลอนดอนไร้ซึ่งอีกา เมื่อนั้นราชวงศ์อังกฤษก็จะล่มสลาย ทางหอคอยแห่งลอนดอนจึงเลี้ยงอีกาเอาไว้ แต่พอดูดี ๆ แล้วเหมือนจะมีอีกาตัวหนึ่งที่ตัวใหญ่กว่าใครเพื่อน

‘เดี๋ยวก่อน…นั่นมันเพกาซัสใช่ไหม’

อีกาตัวใหญ่ที่ว่านั่นมีรูปร่างเหมือนม้ามีปีกมากกว่า แบบนี้ก็เท่ากับว่าดีนเจอเพกาซัสแล้วใช่ไหม เขาควรจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าอีกฝ่ายจะทำภารกิจให้สำเร็จแล้วลงมาเอง ดีกว่าตะโกนเรียกจนเหตุการณ์บานปลายเอิกเกริกไปกันใหญ่ แม้ใจนึงจะไม่ค่อยอยากอยู่ที่นี่แล้วก็ตาม

“เอ่อ…นั่น เขาให้อาหารอีการอบเย็นอยู่”

แต่ก่อนอื่นต้องรีบแต่งเรื่องบอกสองแม่ลูกที่เริ่มเห็นความผิดปกตินั่นเสียก่อน ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้หิ้วคอดีนลงมา พอได้ยินอย่างนั้นทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะเข้าใจ จึงเดินไปยังจุดอื่นต่อ เมื่อทุกอย่างดูราบรื่นแล้วแมคเคนซีจึงพรูลมหายใจอย่างโล่งใจ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

เมื่อเห็นดีนออกไปจากตรงยอดหอคอยแล้ว แมคเคนซีที่คอยอยู่ก็รีบวิ่งเข้าไปในอาคาร เวลานี้ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้ว เขาจึงไม่ต้องคอยสำรวมมารยาทใด ๆ แล้วรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อหาอีกฝ่ายทันที

“ดีน นายเจอเพกาซัสแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง มันทำอะไรนายไหม”

เขาไม่รู้ว่าการทำภารกิจนี้ต้องถึงขั้นต่อสู้กันหรือเปล่า ทันทีที่เจอดีน แมคเคนซีจึงจับอีกฝ่ายหันซ้าย หันขวาหมุนฟูลเทิร์นอีกหนึ่งรอบเพื่อสำรวจบาดแผลตามร่างกาย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“โดนดีดงั้นเหรอ เจ็บหรือเปล่า แล้วที่ว่าเจรจานี่…นายคุยกับเพกาซัสได้เหรอ”

พอได้ยินว่าโดนม้าดีดเขาก็อยากจะพาดีนไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลซะเดี๋ยวนั้น แต่อีกฝ่ายยังดูปกติดี ไม่แน่ว่าร่างกายดีนในตอนนี้อาจจะแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนแล้วก็ได้ แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือการเจรจากับเพกาซัสนี่แหละ เขาเคยรู้มาจากดีนว่าบุตรแห่งเทพโพไซดอนสามารถสื่อสารกับสัตว์น้ำได้ แต่ก็ไม่นึกว่าจะรวมถึงเพกาซัสด้วย

“ไม่เป็นไรเลย คือว่าฉันเองก็…..”

จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องที่ตนเองไปเจอมา แต่ก็นึกขึ้นมาได้ก่อนว่าดีนจะกลัวเรื่องลี้ลับหรือเปล่า หากเล่าแล้วดีนเกิดกลัวแล้วเที่ยวไม่สนุกขึ้นมาก็คงแย่

“ฉันเองก็เกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาเลยไม่ได้บอกนายก่อน ขอโทษเหมือนกันนะ อ้อ นี่ก็ใกล้เวลาปิดแล้ว เราออกจากที่นี่ไปถ่ายรูปทาวเวอร์บริดจ์ตรงทางเดินเลียบแม่น้ำข้างหน้าหอคอยกันไหม”

ถือว่าเป็นการหาข้ออ้างจากการออกจากหอคอยแห่งลอนดอนได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมเวลาแบบนี้ก็ยังเหมาะสมที่จะไปถ่ายทาวเวอร์บริดจ์ยามเย็นเป็นอย่างมาก

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

ได้ยินแบบนั้นก็ค่อยเบาใจ แต่ตารางการเที่ยววันนี้เหลือเพียงแค่ถ่ายรูปทาวเวอร์บริดจ์และทานมื้อเย็นก็จะสิ้นสุดลงแล้ว ในเมื่อดีนทำภารกิจเสร็จสิ้น พรุ่งนี้ก็จะเป็นการท่องเที่ยวแบบเต็มวัน วันนี้พวกเขาจึงควรกลับไปพักผ่อนเอาแรงเสียก่อน

“จริงอะ…งั้นพ่อนายก็…กับม้า”

แมคเคนซีละคำไว้ในฐานที่เข้าใจ และตามความเข้าใจของเขา การที่ลูกจะเกิดมาเป็นอะไรนั้นก็ต้องมีสปีชีส์ของพ่อกับแม่รวมกัน ดังนั้น การที่เพกาซัสมีรูปร่างเป็นม้า แม่ของเพกาซัสต้องเป็นม้าไม่ผิดแน่

“อื้อ เข้าใจแล้ว คราวหน้าฉันจะบอกนาย”

เขาพยักหน้ารับคำเออออไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อฝ่ามือใหญ่ของดีนลูบศีรษะของตนแล้ว ความกลัวที่มีมาก่อนหน้าของแมคเคนซีก็ค่อย ๆ เบาบางลง จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินไปที่ทางเดินเลียบแม่น้ำเทมส์หน้าหอคอยแห่งลอนดอนเพื่อเก็บภาพทาวเวอร์บริดจ์

“มื้อนี้ฉันไม่ได้จองไว้ เพราะกลัวจะกะเวลาไม่ถูก แต่แถวนี้ร้านอาหารก็เยอะอยู่นะ ตรงที่จะไปขึ้นรถกลับก็มีหลายร้าน ส่วนตรงนี้ก็มีร้านของหอคอยนี่แหละที่ตั้งอยู่ตรงริมแม่น้ำ”

จากที่ลงจากรถบัสเดินมายังหอคอย แมคเคนซีสังเกตเห็นร้านอาหารอยู่หลายร้าน ส่วนด้านหน้าหอคอยที่ไม่ค่อยมีร้านค้า คิดว่าคงเพราะเป็นเขตพระราชฐานเก่า



[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

พอโดนสวนกลับแบบนั้นก็ตกใจ แมคเคนซีไม่ได้คิดจะบู้บี้พ่ออีกฝ่ายเลยว่ามีรสนิยมแปลก ๆ จากหนังสือที่อ่านและความจำที่มีอันน้อยนิด เขาจำได้ว่าบางครั้งหากเทพถูกใจหญิงสาวคนใดก็จะทำทุกทางให้ได้มา แม้แต่แปลงกายเป็นสัตว์ไปเกี้ยวพาราสีก็เคยทำมาแล้ว แล้วกับสิ่งที่เขาพูดจะเป็นไปไม่ได้เลยหรือ

“ฉันขอโทษ ดูท่าฉันคงต้องกลับไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับตำนานเทพกรีกโรมันอีกรอบแล้ว”

เมื่อพากันมาเดินเลียบแม่น้ำเทมส์ก็เหมือนว่าดีนจะอารมณ์ดีขึ้น นั่นพลอยทำให้แมคเคนซีรู้สึกดีตามไปด้วยการมองอีกฝ่ายถ่ายรูปชวนใหเพลิดเพลินยิ่งกว่าการมองวิวทาวเวอร์บริดจ์เสียอีก

“พายปลาไหล ? นายหมายถึงเจลลี่ปลาไหลน่ะเหรอ”

ถึงจะพอรู้ว่าดีนเป็นพวกอยากรู้อยากลองอะไรใหม่ ๆ แต่ก็ไม่นึกว่าจะอยากลองอาหารดั้งเดิมของชาวอังกฤษอย่างพายปลาไหลหรือเจลลี่ปลาไหลด้วย มันไม่ได้รสชาติแย่อย่างที่หลายคนคิด แต่ก็ไม่ใช่อาหารที่คนอังกฤษในยุคปัจจุบันจะเลือกทานกัน

“จริง ๆ แล้วก็ไม่เชิงหรอก ถึงเมื่อก่อนเจลลี่ปลาไหลจะเป็นอาหารที่คนอังกฤษนิยมกินกันก็เถอะ เมื่อก่อนปลาไหลเป็นสัตว์ที่หาง่าย แม้แต่ในแม่น้ำเทมส์ก็ยังมีปลาไหลเต็มไปหมด แต่หลังจากมีปัญหาเรื่องมลพิษ จำนวนปลาไหลก็ลดลงเรื่อย ๆ จนไม่ได้หาง่ายแบบเมื่อก่อน เจลลี่ปลาไหลเลยไม่ค่ยเป็นที่นิยมแล้ว แต่ถ้านายอยากลองกินดูจะลองเซิร์ท...ถามเจ้าหน้าที่ดูดีไหม ว่าแถวนี้มีร้านขายเจลลี่ปลาไหลหรือเปล่า”

เกือบลืมไปเลยว่าใช้อินเทอร์เน็ตไม่ได้ งานนี้จะพึ่งตัวเองก็คงไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องถามคนในพื้นที่เท่านั้น

“งั้นนายรอฉันตรงนี้แป๊บนึง เดี๋ยวฉันมา”

ว่าแล้วแมคเคนซีที่ถือคติว่า ‘ถ้าแฟนอยากกินต้องได้กิน !’ ก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลหอคอยแห่งลอนดอนโดยไม่รอฟังคำตอบ สักพักก็เดินกลับมาพร้อมข้อมูลร้านอาหารที่พิมพ์เก็บไว้ในเมโม

“ฉันไปถามเจ้าหน้าที่มา เขาบอกว่าที่ใกล้ที่นี่ที่สุดมีอยู่ร้านนึง ชื่อร้านว่า M.Manze ใช้เวลาเดินทางจากที่นี่ประมาณยี่สิบนาที นายโอเคไหม”

การเดินทางกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เขาไม่รู้ว่าดีนจะทนหิวไหวหรือเปล่าจึงถามความเห็นอีกฝ่ายก่อน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“เหมือนว่าต้องเดินไป แล้วก็ขึ้นรถบัสไปต่อ”

แมคเคนซีดูวิธีการเดินทางและหมายเลขรถบัสที่พิมพ์มา เมื่อดีนตกลงว่าจะไป เขาจึงพาอีกฝ่ายเดินทางไปทันทีหลังจากที่พวกเขาถ่ายรูปวิวตรงทาวเวอร์บริดจ์ริมแม่น้ำเทมส์เสร็จเรียบร้อย

เมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจที่ M.Manze เป็นร้านขนาดเล็กกว่าที่คิด โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลามื้อเย็นดี จึงยังมีที่นั่งสำหรับพวกเขาอยู่ เมื่อมายืนดูเมนูที่ติดไว้ตรงกำแพงหลังเคาท์เตอร์ แมคเคนซีก็ถึงกับนิ่งเงียบไป เพราะเมนูอาหารในร้านมีเพียงแค่พาย เจลลี่ปลาไหล มันบด และเครื่องดื่มไม่กี่อย่างเท่านั้น…จะเรียกว่าเป็นร้านขายเฉพาะอย่างก็คงไม่ผิดนัก

“เอ่อ…นายสั่งก่อนเลย ฉันขอดูเมนูก่อน”

เขาหันไปบอกดีนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน อีกฝ่ายมีสิ่งที่ตั้งใจมาทานอยู่แล้วคงเลือกได้ไม่ยากนัก

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ฉัน…กินสตูว์ก็ได้”

แมคเคนซีที่ไม่ได้คิดว่าจะมาทานเมนูอะไรเป็นพิเศษสั่งพายเนื้อหนึ่งชิ้นกับมันบดสองและสตูว์ปลาไหล ส่วนเจลลี่ปลาไหลที่เป็นอาหารดั้งเดิมของอังกฤษนั้นเขายกให้ดีน หลังจากสั่งอาหารและจ่ายเงินเสร็จ พวกเขาก็มานั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ รอสักพักอาหารทั้งหมดก็มาเสิร์ฟ แมคเคนซีมองสตูว์ปลาไหลซึ่งมีน้ำซุปเป็นสีเขียว มันก็ดูน่าอร่อยดี ส่วนเจลลี่ปลาไหลของดีนก็…เหมือนเจลลี่ที่ใส่ปลาไหลลงไป แม้เขาจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ผงเจลาติน แต่คือไขมันของปลาไหลต่างหาก

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีเพียงยิ้มให้จาง ๆ เมื่อดีนบอกแบบนั้น อย่าว่าแต่อีกฝ่ายเลย ขนาดเขาเองที่เป็นชาวอังกฤษก็ไม่คิดว่ามันน่าทานสักเท่าไหร่ แต่เมื่ออีกฝ่ายอยากลองจึงไม่คิดห้ามอะไร โอกาสที่ดีนจะมาอังกฤษไม่ได้มีบ่อย ๆ สักหน่อย

“พอกินได้ไหม”

ถามเมื่อดีนเริ่มชิมเจลลี่ปลาไหลเข้าไปคำแรก ดีที่ร้านนี้เอาก้างของปลาไหลออกแล้ว ไม่อย่างนั้นคงทานกันแบบทุลักทุเล ก้างปลาทิ่มปากเป็นว่าเล่นแน่ ๆ ส่วนเขาก็เริ่มทานพายกับมันบดในส่วนของตนเอง ถือว่ารสชาติดีเลยทีเดียว

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“เอาสิ ตามสบายเลย”

แมคเคนซีมองชิ้นปลาไหลที่ดีนตักขึ้นมาแล้วหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะเลื่อนชามสตูว์ที่มีปลาไหลสีซีดไม่ต่างกันไปตรงหน้าดีน แค่พายกับมันบดเขาก็น่าจะอิ่มแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าหากเขายกสตูว์ปลาใหลให้ดีนทั้งชาม อีกฝ่ายที่สั่งพายถึงสองชิ้นก็คงจะทานไม่หมด แล้วเขาก็ต้องรับหน้าที่ช่วยทานอยู่ดี

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

อาหารมื้อเย็นวันนี้เรียกได้ว่าอิ่มแบบพอดี ๆ ไม่ถึงกับอิ่มจนพุงกาง แมคเคนซีรู้สึกโล่งใจที่ดีนยังเอ็นจอยกับการทานอาหารได้อยู่ และบอกว่ามันอร่อย ส่วนมื้อเช้าในวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นอาหารเช้าสไตล์อังกฤษที่ทางโรงแรมจัดให้ เรียกว่าคราวนี้ดีนน่าจะได้ลิ้มลองอิงลิชเบรคฟาสต์แบบฟูลคอร์สแน่ ๆ

หลังจากทานมือเย็นเสร็จ ก็ได้เวลากลับโรงแรม แมคเคนซีที่ไม่ค่อยได้สนทนากับใครนอกจากลูกค้าเมื่อตอนทำงานพาร์ทไทม์ งานนี้ก็ได้คุยไปทั่ว เขาถามทางกลับโรงแรมกับพนักงานในร้าน และถือว่าโชคดีที่แถวหน้าร้านอาหารมีรถบัสสายที่จะกลับไปยังโรงแรมพอดี แม้ว่าจะต้องนั่งนานถึงครึ่งชั่วโมงก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นการชมทิวทัศน์เมืองลอนดอนยามค่ำคืน วันแรกในลอนดอนจบลงแล้ว แมคเคนซีหวังว่าพรุ่งนี้แผนการท่องเที่ยวที่เขาวางไว้จะราบรื่น



แสดงความคิดเห็น

197London Day 1 (Part 2) - I enjoy walking Tower of London in the afternoon [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie] สถานที่เที่ยวแรกไม่  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-18 17:12
โพสต์ 46798 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-7-18 16:21
โพสต์ 46,798 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-7-18 16:21
โพสต์ 46,798 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-7-18 16:21
โพสต์ 46,798 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-7-18 16:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x4
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โพสต์ 2024-7-18 17:12:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-11-2 12:34
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-7-18 16:21
26. Headless Ghost and Injured Pegasus M
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
หลังจ ...

197
London Day 1 (Part 2) - I enjoy walking Tower of London in the afternoon

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               สถานที่เที่ยวแรกไม่นับเวสต์เอ็นด์ก็คือหอคอยแห่งลอนดอนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบพันปี แต่ที่ขึ้นชื่อสุด ๆ ที่แม้แต่คนไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ก็คือเรื่องผีของราชวงศ์อังกฤษ

              อาจเพราะเรื่องเล่าที่เกริ่นมาแล้วไหนจะมวลหมู่อีกาดำฝูงใหญ่ที่เกาะกลุ่มกันอยู่เหนือยอดหอคอย จึงทำให้บรรยากาศของหอคอยสีอิฐแห่งนี้ดูอึมครึมวังเวงมากกว่าปกติเรียกว่าได้ฟีลยุคกลางชวนขวัญผวาแบบสุด ๆ แม้นักท่องเที่ยวจะพลุกพล่านในวันปกติ

              แต่นี่เป็นตอนกลางวันและดีนเป็นคนไม่มีเซนส์ เพราะงั้นเขาไม่กลัวหรอก!

              ชายหนุ่มยกกล้องถ่ายรูปสุดเห่อขึ้นมาถ่ายรูปตามส่วนต่าง ๆ ของหอคอยไปพลางเดินตามกลุ่มไกด์ทัวร์แล้วแอบฟังเกร็ดประวัติศาสตร์แบบฟรี ๆ ไปพลาง ด้วยเรื่องเล่าที่น่าสนใจทำให้เขาติดตามกลุ่มทัวร์นั้นไปด้วยห่าง ๆ แล้วคิดว่าคนที่มาด้วยจะตามมาเหมือนกันทว่าไม่ เมื่อหันมาอีกทีแมคเคนซีที่เคยเดินมาพร้อมกันก็หายไปไหนแล้วไม่รู้

              “อ้าว แมคซี่?” หันซ้ายมองขวาไปรอบ ๆ แต่กลับไม่พบใครที่อยู่ข้างหลัง “เวรฉิบ คลาดกันตอนไหนเนี่ย”

              อาจเป็นความผิดของเขาที่พอสนใจอย่างนึงก็ถูกนำพาไปได้โดยง่าย แต่หอคอยแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มากบางทีเดินหาอาจจะเจอ และเมื่อพูดถึงสิ่งดึงดูดสายตาของชายหนุ่มก็มองเห็นอะไรบางอย่าง มวลหมู่อีกาดำที่อยู่เหนือกำแพงชั้นบนของหอคอยมันไม่ใช่อีกาทว่าร่างสีทมิฬนั้นคือเพกาซัส

              ตอนนี้เรียกว่างานเข้า เขาสองจิตสองใจต้องเลือกว่าควรไปทางไหนก่อนระหว่างแมคเคนซีกับเพกาซัสสีดำ แต่คนรักของเขาไม่มีปีกที่พร้อมจะบินหนีได้ตลอดเวลา แล้วถึงหลงพวกเขายังมีทางที่จะพบกันได้จากประกาศหรืออะไรด้วยวิธีการตามหาแบบใดก็ตาม แต่เพกาซัสพยศเนี่ยสิ โอกาสที่ได้พบเจอจะมีอีกครั้งหรือเปล่าก็ไม่รู้

              สุดท้ายดีนจึงเลือกที่จะเดินปลีกไปอีกทาง คนละทางกับคณะทัวร์และทางด้านหลังที่คนรักน่าจะอยู่ด้านนั้น ตรงไปยังส่วนบนสุดของหอคอยที่แสนวังเวง
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

              ‘ห้ามเข้า’

              ป้ายขนาดใหญ่แปะติดไว้ยังส่วนชั้นบนของหอคอย เพราะฉะนั้นผู้ที่ผ่านเข้าออกประตูด้านหน้านี้ได้คงไม่พ้นเจ้าหน้าที่หรือช่างซ่อมบำรุง แม้ตอนนี้ดีนจะไม่ได้สวมชุดเกราะช่างประปาอันโดดเด่นทว่าเขายังคงสะพายท่อแป๊บและกระเป๋าเครื่องมือช่าง หากถูกจับได้น่าจะพอแถออกไม่ว่าหอคอยแห่งนี้จะมีการใช้ระบบน้ำประปาหรือไม่ก็ตาม

              หนุ่มสายเลือดโพไซดอนลักลอบเข้าไปยังส่วนหวงห้ามก่อนจะเผชิญหน้ากับเพกาซัสสีดำทมิฬที่กำลังพักผ่อนอยู่บนยอดหอคอย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันแผ่ออร่าที่น่ากลัวออกมาจนทำให้ตัวมันยิ่งดาร์ก เป็นความรู้สึกอีกแบบที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้จากแบล็กแจ็ก และเมื่อมันเห็นว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาอาชาสาวก็ลุกขึ้นสยายปีกตีขับไล่อย่างน่ากลัว หากเป็นภาพที่ผ่านมนตร์บังตาคนทั่วไปคงเห็นว่านกเรเวนบนยอดหอคอยเกาะกลุ่มบินขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด



              “ฮรี้!!” oO(ออกไปเจ้ามนุษย์!)

             “เฮ้ ใจเย็น ๆ เดี๋ยวก่อน เราคุยกันได้” ดีนยกมือขึ้นห้ามปรามราวกับเทพเฮอร์มีส เอ้ย! คริส แพรตต์กางแขนขึ้นในปางค์ห้ามไดโนเสาร์

             “ฮรี้?!” oO(เจ้าฟังคำข้ารู้เรื่อง?) เพกาซัสดำหรี่ตามองแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้คืออะไร “ฮรี้?” oO(เดมิก็อด? บุตรโพไซดอนหรือเนปจูนสินะ ข้าเป็นเพกาซัสผู้หยิ่งผยอง จะไม่ยอมให้เดมิก็อดอย่างเจ้าทำตัวเป็นเจ้าของได้หรอก!)

              มันเกรี้ยวกราดขึ้นยิ่งกว่าเก่าเมื่อเห็นว่าจะมีคนมาปราบพยศแล้วทำท่าจะบินขึ้นฟ้า

              “ก็ใช่ เดี๋ยวสิ คุยกันดี ๆ ได้ไหม ฉันไม่ได้อยากจะเป็นเจ้าของเธอเลยนะ ฉันไม่ชอบบังคับจิตใจใครอยู่แล้วไม่ว่าคนหรือสัตว์หรือ เอ่อ.. อสุรกาย” เขาไม่รู้ว่าควรเรียกม้ามีปีกด้านหน้าว่าอย่างไรดี สัตว์? อสุรกาย? จะยิ่งทำให้มันโกรธเคืองจากคำพูดไม่เข้าหูหรือเปล่า เขาแก้ต่างให้ตัวเองทั้งที่ในใจก็มีส่วนที่อยากเคลมเพกาซัสส่วนตัว แต่หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “เอางี้เพื่อความสบายใจว่าไม่ใช้กำลังฉันวางอาวุธลงก็ได้”

              ดีนปลดโล่และหอกออกวางบนพื้นอย่างช้า ๆ การกระทำทั้งหมดของชายหนุ่มถูกจับจ้องด้วยดวงตาสีดำสนิท เขาสังเกตท่าทีที่นิ่งสงบของเพกาซัส มันไม่ได้ทำท่าจะบินหนีแปลว่าอาจจะคุยกันพอรู้เรื่อง เมื่อทำให้มันไว้วางใจได้แล้วเขาจึงเกลี้ยกล่อมต่อ

             “ที่ฉันมาลอนดอนมันมีเหตุผลนะ ก่อนหน้านี้ที่มีเหตุการณ์ม้าเตลิดในเมืองเป็นเพราะพวกเธอใช่ไหม เหมือนว่า เอ่อ.. จะมีเพกาซัสพาม้าหนีสามตัว”

             “ฮรี้!” oO(ฮึ! ถ้าใช่แล้วจะทำไม ลูกสมุนข้าควรได้รับอิสระไม่ตกอยู่ในเงื้อมือเป็นทาสของมนุษย์!)

             “ใช่จริง ๆ ด้วยสินะ” ดีนพึมพำ ให้ตายสิแล้วยังเรียกน้องม้าธรรมดาว่าลูกสมุนอีก หรือว่าเพกาซัสจะมีสมุนเป็นม้าจริง ๆ “ถ้างั้นก็เยี่ยมเลย ฉันมาเพื่อเจรจาว่าอย่าปลุกระดมม้าก่อความวุ่นวายในตัวเมืองอีก”

             “ฮรี้!” oO(แล้วเจ้ามีอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนล่ะ? สิ่งที่ข้าต้องการคือให้พวกเจ้าปลดปล่อยสมุนของข้าทั้งหมดในฟาร์มให้ได้รับชีวิตอิสระซะ!)

              “จะเป็นงั้นได้ไงกันเล่า ม้าทุกตัวที่หลุดออกมามีเจ้าของนะ แล้วเขาก็ใช้เงินทุนในการเลี้ยงดูมันเป็นอย่างดีกว่าพวกมันจะเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้ด้วย”

             “ฮรี้!” oO(สิ่งมีชีวิตใช่ของซื้อของขายงั้นหรือ พวกมนุษย์เป็นใครกันถึงมีสิทธิ์กำหนดชะตาชีวิตของสัตว์อื่น!)

              ดูท่าว่าบทสนทนาเมื่อครู่จะทำให้หัวใจของเพกาซัสลดไปครึ่งดวง มันจึงแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวแล้วตีปีกไล่อย่างดุดัน

              “ไม่มีสิทธิ์หรอก แต่เรียกว่าแลกกันได้ไหมล่ะ มนุษย์ได้เงินส่วนม้าเหล่านั้นมีชีวิตสุขสบาย มีหญ้าให้กิน มีคนอาบน้ำแปรงขนให้ แถมยังได้ใส่เกือกม้าทำให้ไม่เป็นกีบคุดอีกต่างหาก อิสระอาจจะมีไม่มากแต่อย่างน้อยพวกมันก็ได้วิ่งเล่นไปตามลู่ ม้ายังต้องการอะไรที่นอกเหนือจากนี้อีกงั้นเหรอ”

              จากคำพูดนี้ของดีนทำให้เพกาซัสที่หยิ่งทนงชะงักไป เขาไม่รู้ว่าส่วนไหนที่โดนใจมันต้องมีสักอย่าง

              “ฮรี้!” oO(พวกม้าต้องการอิสระ!) คล้ายกับเถียงไม่ได้มันจึงขึ้นเสียง ในหัวของมันครุ่นคิดบางอย่าง “ฮรี้?” oO(เกือกม้านี่ดีจริงรึ?)

             “เอ้อ ใช่” เหมือนเพกาซัสจะหลุดเรื่องที่มันสนใจออกมาเอง เขาจึงมองไปที่เท้าของมันเห็นบริเวณเท้ามาบวมเป่งจากกีบม้าที่ยาวมากเกินไป “เฮ้! เธอเป็นกีบคุดนี่นา”

              “ฮรี้!” oO(ชิ!)

              เพกาซัสเชิดหน้าไปอีกทาง และสาเหตุที่มันไม่ได้บินขึ้นฟ้าอาจจะเป็นเพราะกำลังเจ็บขาอยู่ก็ได้ อย่างไรเสียเพกาซัสก็จำเป็นจะต้องออกวิ่งก่อนจะกางปีกร่อนเวหาแล้วพยุงตัวขึ้นด้วยการบิน การที่เท้าเจ็บอาจทำให้มันไม่อยากลุกขึ้นมาทำอะไร

              “ขอดูได้ไหม ฉันมียาทาแผลติดกระเป๋ามาด้วยนะ ไม่รู้ว่าใช้กับเพกาซัสได้ผลหรือเปล่าแต่ก็น่าจะดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

              ม้าดำไม่ตอบมันเพียงแค่นอนลงด้วยอาการเจ็บปวดโดยไม่ต้องเก็กขรึมอีกเมื่อถูกอ่านทางออก ดีนจึงค่อย ๆ เข้าไปดู และสานฝันวัยเด็กของตนเองที่อยากเป็นสัตว์แพทย์แต่ไม่กล้าเรียนหมอเพราะกลัวเลือด เขาสังเกตท่าทีของเพกาซัสตัวนี้ตลอดเพราะไม่อยากถูกถีบกระเด็น มือค่อย ๆ แตะจับขาของมันขึ้นมา

             “โอ้.. นี่มันบวมมากเลย ขอคิดก่อนนะว่าต้องทำยังไง”

              ดีนขุดความทรงจำส่วนลึกขึ้นมา เหมือนว่าเขาจะเคยดูคลิปใส่เกือกม้าในยูทูป ก่อนอื่นจะต้องตัดเล็บส่วนเกินที่ยาวบิดเบี้ยวผิดรูปออกไปเสียก่อนจึงจะทำการรักษาและใส่เกือก เขาคงทำได้แค่วิธีขั้นต้นแถมยังต้องงมมั่ว ๆ เนื่องจากไม่เคยรักษาสัตว์ใหญ่ ที่มากที่สุดที่เคยทำคือทำแผลให้สุนัขเอง

             “ฉันต้องตัดแต่งกีบให้เธอใหม่ก่อน จะโอเคไหมถ้าฉันจะใช้หอกสัมฤทธิ์?” ดีนเอ่ยถามเพกาซัสสาว มันเพียงแค่ส่งเสียงออกมาเบา ๆ คล้ายอนุญาตแม้ยังคงท่าทีมึนตึงใส่ “อย่าเตะนะ”

              เขากำชับแล้วจึงค่อย ๆ ใช้หอกสัมฤทธิ์ฝานกีบม้าส่วนเกินออกอย่างทุลักทุเล ก็อย่างว่าหอกมันไม่ได้เอามาใช้งานแบบนี้แม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้งานอย่างถูกประเภทเลยก็ตาม ดีนพยายามไม่ตัดกีบที่แตกออกให้สั้นจนเกินไปจนกินเนื้อ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าเท่าไรจะกินเนื้อของมัน ยิ่งตัดแต่งกีบมันไปก็ยิ่งได้กลิ่นเหม็น ๆ ออกมาจากเท้าม้า ชัดเลยมันเป็นฝีในกีบ

              “ต้องเจาะหนองออกมันจะเจ็บนิดนึง” ดีนบอกก่อนจะทำในสิ่งที่เขาเพิ่งบอกกับมันไป

              “ฮรี้!” oO(โอ๊ย!!) จากความเจ็บทำให้เพกาซัสตัวนั้นเผลอถีบขาหลังใส่เดมิก็อดผู้ปฐมพยาบาลจนตัวกระเด็นปลิวไปติดผนังของกำแพงหอคอย

              “อูย… ลูกถีบหนักมาก” ดีนค่อย ๆ หยัดกายขึ้นมา เมื่อกี้ในชั่วพริบตาก่อนที่เท้ามาจะกระแทกเข้าลำตัวสัญชาตญาณสั่งให้เขาพลิกตัวหลบแม้จะไม่พ้นจนถูกถีบกระเด็นแต่ก็ยังไม่โดนอวัยวะสำคัญหรือทำให้กระดูกหัก “จะให้ทำต่อไหมหรือพอแค่นี้?”

             “ฮรี้?” oO(เจ้าไม่โกรธ?) เพกาซัสเอ่ยถามด้วยท่าทีฉงน เดมิก็อดตรงหน้าถูกทำร้ายจัง ๆ แต่กลับไร้อารมณ์ฉุนเฉียวจนน่าประหลาดใจ มิหนำซ้ำยังถามว่าจะให้ทำแผลต่อไหมอีก

              “ไม่ จะโกรธทำไมล่ะ เมื่อกี้เจ็บใช่ไหม แต่ว่าตอนที่บีบหนองออกมันจะเจ็บกว่านี้อีกนะยังจะให้ทำต่อไปอีกหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง

              “...ฮรี้” oO(...ช่วยไม่ได้ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องมีแต่ไปต่อ)

              “งั้นก็ทนหน่อยนะ แล้วอย่าถีบอีกล่ะ”

              ดีนเอ่ยบอกพยายามใช้ความกล้านำทางไม่ให้กลัวเพกาซัสตรงหน้า จากนั้นจึงเปิดกระเป๋าเอากล่องพยาบาลจิ๋วออกมาเตรียมไว้ แล้วจึงบีบหนองออกจากบาดแผลของเพกาซัส ท่าทางมันเจ็บถึงขีดสุดถึงขนาดได้ยินเสียงขบฟันดังมาจากม้ามีปีก แต่มันก็ยั้งเท้าเอาไว้ไม่ให้ทำร้ายผู้พยาบาล เมื่อการบีบหนองสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีดีนจึงล้างแผล ใส่ยา พันผ้าก็อซเอาไว้ให้อย่างมือโปร

              “เอาล่ะ เสร็จแล้ว ก็พยายามอย่าวิ่งจนกว่าเท้าจะหายเจ็บ จากนี้คงไม่มีใครทำแผลให้เธอแล้วต้องหายเอง แต่ทางทีดีควรจะต้องใส่เกือกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บแล้วจะทำให้รับน้ำหนักได้ดีขึ้นด้วย ฉันไม่รู้ว่าที่อังกฤษมีเดมิก็อดคนไหนรับดูแลไหม แต่ที่ค่ายฮาล์ฟบลัดจะยินดีต้อนรับพวกเธอเสมอ ถ้าบินไปลองไอแลนด์ไหวก็ลองไปดู”

              หมอม้าจำเป็นกำชับคนไข้ที่ตอนนี้ดูสงบเสงี่ยมผิดกับความดุดันไม่เกรงใจใครในตอนแรก

              “เอาล่ะทีนี้ เธอก็ช่วยบอกเพื่อนม้าแล้วก็ลูกสมุนเธอให้ทีว่าอย่าก่อความเดือดร้อนให้มนุษย์อีก โอเคไหม?”

              และนี่คือข้อเสนอที่ดีนมอบให้ได้ มันคงไม่เหนือบ่าไปกว่าแรงหรอกถ้าจะแค่ให้เหล่าม้าน้อยกลับเข้าคอกแล้วไปวิ่งอยู่เพียงแค่ในลู่

             “ฮรี้!” oO(ฮึ! ข้าจะยอมรับข้อเสนอของเจ้าก็ได้) ม้าสาวยังคงทำฟอร์มแม้ยอมรับแต่ก็เชิดหน้าใส่ อันที่จริงมันประหลาดใจไม่น้อยเลยที่เดมิก็อดตรงหน้าไม่กล่าวถึงการเคลมสิทธิ์เพกาซัสจนมันต้องถามออกมาเอง “ฮรี้?” oO(ว่าแต่เจ้าไม่อยากได้เพกาซัสรึ)

              “ไหนบอกว่าไม่อยากให้ใครเป็นเจ้าของ” ถามแบบนี้ก็เข้าทาง ชายหนุ่มหัวเราะออกมาน้อย ๆ “อยากสิ ความจริงที่มาลอนดอนนอกจากเที่ยวกับเจรจากับคุณม้าฉันก็อยากจะมีเพกาซัสเป็นของตัวเองด้วย แต่เธอดูจะรักอิสระน่าดู”

             “ฮรี้!” oO(ถูกต้อง เพกาซัสอย่างพวกเรารักความอิสระที่สุด!)

              “แล้วถ้าฉันชวนล่ะ มาอยู่ที่ค่ายฮาล์ฟบลัดด้วยกันแล้วที่นั่นจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ไม่บังคับให้เธอต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำ อยากจะไปวิ่งเล่นหรือโบยบินที่ไหนก็ได้ตามใจอยาก อ้อ ที่นั่นมีชายหาดแล้วก็ป่ากว้าง ๆ ด้วยนะเผื่อจะชอบ ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบที่แบบนั้นมากกว่าเมืองใหญ่”

             “ฮรี้?” oO(จะจริงอย่างที่เจ้าพูด?)

              “แน่นอนสิ ดูเหมือนว่าฉันบังคับเธอหรือไงล่ะ? แล้วที่บอกว่าให้ช่วยไปพูดกับลูกน้องก็คือการขอร้อง ไม่ได้บังคับให้ทำ แต่ฉันว่าเธอไม่ใช่เพกาซัสที่แย่ชอบก่อความวุ่นวายหรอกใช่ไหมล่ะ?”

             “ฮรี้” oO(เพกาซัสก็มีความหยิ่งทะนงในตัวเอง ในเมื่อเจ้ากล้าขอข้าก็กล้ารับปากจะคุยกับเหล่าสมุนให้)

              “เยี่ยม ต้องแบบนี้สิ แจ๋ว!” ดีนยกนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองมือ ถือว่าภารกิจครั้งนี้สำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้วล่ะนะ

              “ฮรี้” oO(ส่วนเรื่องค่ายฮาล์ฟบลัดอะไรนั่นข้าจะไปคิดดูอีกทีนึง) แม้ว่าม้าสาวจะกล่าวเช่นนั้นแต่ดีนก็เห็นได้ชัดว่ามันค่อนข้างจะคล้อยตามไปกับคำพูดของเขาแล้วรู้ว่าชายตรงหน้านี้ไม่โกหก

             “ฉันดีน” ชายหนุ่มยิ้มแป้นแนะนำตัว พูดกับม้าคงไม่จำเป็นต้องเอ่ยนามอันยาวเหยียดที่เหลือต่อจากนั้น “จะว่าไปเธอมีชื่อไหม? เผื่อเจอกันอีกจะได้เรียกถูก”

              “ฮรี้!” oO(เพกาซัสอย่างเราไม่มีชื่อที่มนุษย์ตั้งให้หรอก!) มันแหววใส่

              “โอ๊ย อย่าเสียงดังสิ แล้วไม่มีเลยเหรอ ชื่อที่พ่อแม่เพกาซัสของเธอตั้งให้อะไรงี้…” จะว่าไปเพกาซัสมันเกิดยังไงวะ.. ออกมาจากไข่เหมือนเจ้าไข่เหลืองหรือเปล่า ตามตำนานบอกว่าออกมาจากคอของเมดูซ่าเสียด้วย แต่เพกาซัสตัวนี้น่าจะเป็นคนละตัวกับเพกาซัสในตำนานตัวนั้นแน่ ๆ “งั้นฉันเรียกเธอว่า ‘ควีน’ ก็แล้วกัน”

              “ฮรี้” oO(ก็ถือว่าเป็นชื่อที่ดี) มันคงคิดว่าดีนเรียกมันว่า ‘ราชินี’ แต่เปล่าเลย เขาแค่นึกถึง ‘วงควีน’ วงร็อกชื่อดังจากเกาะอังกฤษต่างหาก

              “ชอบก็ดีแล้ว” ดีนกระตุกยิ้มมุมปาก ถ้ายอมรับชื่อแปลว่าควีนส์อาจยอมรับสิทธิ์ในการเคลมในครั้งนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเขาให้เธอตัดสินใจเองดีกว่า “ฉันจะต้องไปทำภารกิจอื่นต่ออีกสิบกว่าวัน กว่าจะได้กลับไปค่ายฮาล์ฟบลัดก็น่าจะสิ้นเดือน เผื่อเธอจะไปใส่เกือกก็คงจะได้เจอฉันในช่วงนั้นแหล่ะ… ก็แค่พูดไว้ก่อน”

              เดมิก็อดหนุ่มพูดดักคอเอาไว้ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่กระเป๋าเป้ บนหอคอยแห่งลอนดอนนี้คงเป็นที่พักฟื้นของมันไปอีกสักระยะจนกว่าจะหายดี แล้วเขาหวังว่าจะได้เจอมันอีกครั้งที่ค่ายฮาล์ฟบลัด
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

              เสียงประกาศตามสายดังขึ้น ณ สถานที่ท่องเที่ยว แจ้งว่าอีกสิบห้านาทีจะได้เวลาปิดทำการทำเอาดีนสะดุ้ง เขาไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าจนเจรจาและทำแผลให้ควีนนานเท่าไร

              “ฉิบหายห้าโมงแล้วเหรอเนี่ย!? ฉันต้องรีบไปแล้ว แล้วไว้ค่อยพบกันใหม่นะควีน”

              ดีนรีบล่กออกมาจากเขตหวงห้ามเพื่อตามหาแมคเคนซีต่ออีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเพกาซัสสาวจะตามมาที่ค่ายฮาล์ฟบลัดด้วยไหมหรือนี่จะเป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายเพื่อลาจาก แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรตอนนี้ถือว่าเขาทำภารกิจของเทพีไนกี้สำเร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าเวลาที่เหลืออีกสิบห้านาทีเขาจะติดต่อแมคเคนซีอย่างไรดีล่ะ โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้…

              ในขณะครุ่นคิดท่ามกลางเรื่องล่ก ๆ ในสมองที่คอยตีกันตอนนี้ ‘ว้าวุ่น’ คงกำลังควบคุมอารมณ์ของเขาอยู่ ฉับพลันปัญญาก็เกิด

             ‘ใช้การติดต่อของเทพีไอริสก็ได้นี่นา!’

              ราวกับมีป๊อบอัพตอนที่โดราเอม่อนดึงของวิเศษออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องเมื่อดีนหยิบเหรียญดรักม่าเตรียมขึ้นมาดีด
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

              “โอ้ แมคซี่ ฉัน…”

              พอเจออีกฝ่ายสิ่งแรกที่ทำคือจะขอโทษที่เขามัวเอาแต่ตามไกด์เลยไม่ทันได้ดูว่าอีกฝ่ายตามมาไม่ทัน แต่ยังไม่ทันจะอ้าป้ากพูดจบดีก็ถูกจับหมุนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง เขาถูกเพกาซัสดีดเข้าที่สะบักไหล่ซ้ายจนเคล็ดนิดหน่อยแต่ไม่มีอะไรบุบสลาย และมีรอยถลอกตามตัวที่ฝั่งซ้ายตอนที่ไถลครูดไปก็เท่านั้น

              “ไม่ ไม่โดน.. ไม่สิ ก็โดนมันดีดใส่ไปทีนึง แต่การเจรจาก็เรียบร้อยดี ฉันกล่อมให้มันไม่ก่อความเดือดร้อนได้แล้ว” ส่วนเรื่องการเคลมสิทธิ์เพกาซัสเป็นสัตว์พาหนะเขาไม่แน่ใจว่ามันจะยอมหรือเปล่า

              ในเมื่อเหรียญดรักม่าไม่จำเป็นต้องใช้เขาก็เก็บมันลงกระเป๋าน้อยเช่นเดิม ก่อนจะกล่าวสิ่งที่อยากพูดในตอนแรก

             “แมคซี่ฉันขอโทษนะที่มัวแต่เดินตามไกด์ไปเลยไม่รู้ว่านายหายไปตอนไหน” ทำหน้าหงุง ๆ เผื่ออีกฝ่ายจะใจอ่อนไม่โกรธ
            
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

             “ไม่เจ็บมากเท่าไร ยังเที่ยวต่อได้”

              ถูกถีบแค่ทีเดียวถือว่ายังน้อยด้วยซ้ำ ตอนแรกเขาวาดภาพไว้ว่าจะถูกมันโฉบบินขึ้นไปบนฟ้าแล้วทิ้งดิ่งลงมาเสียอีก เรียกว่าโชคดีได้ไหมนะที่ควีนบาดเจ็บที่เท้า แล้วเขาก็มาอธิบายเรื่องทักษะส่วนตัวต่อ

              “เอ่อ ใช่ ฉันคุยกับเพกาซัสได้ เรียกว่าไงดี สายเลือดเฉพาะของโพไซดอนน่ะ คุยกับสัตว์น้ำ แล้วก็ม้า คือ.. พ่อเป็นพวกคลั่งม้าน่ะ ความจริงเพกาซัสตัวแรกก็เป็นลูกของพ่อ”

              ทีนี้ก็มาฟังเหตุผลที่แมคเคนซีหายตัวไปทำเอาสายตาที่มองไปยังอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นเอ็นดู นึกไปถึงเด็กชายแมคเคนซีตัวน้อยที่ไม่ยอมขออนุญาตครูเข้าห้องน้ำจนต้องแอบหลบออกไปเองเพื่อไม่ให้เรี่ยราดกลางห้องเรียน

             “ไม่ได้สิ คราวหลังนายต้องบอกฉันนะเวลาจะไปไหน”

              ตอกย้ำความเอ็นดูด้วยการวางมือลงบนศีรษะของอีกฝ่ายก่อนจะลูบปุ ๆ

              “ได้สิ ๆ สะพานนั่นสวยดีเนอะ วิวตรงนั้นต้องดีมากแน่ ๆ แล้วก็จะมีร้านอาหารริมแม่น้ำวิวสวย ๆ ด้วยไหมนะ” ดีนเริ่มวาดฝันแต่ก็ชะงักไปนิดหน่อยเมื่อคิดว่าตลอดที่ผ่านมาแมคเคนซีวางแผนการท่องเที่ยวไว้อย่างละเอียด “ไม่สิ.. นายได้จองร้านอาหารไว้แล้วหรือเปล่า ถ้าจองแล้วไปร้านนั้นกันก็ได้นะ”
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

              “นายจะบ้าเหรอ!? เพกาซัสเป็นลูกของโพไซดอนกับเมดูซ่าต่างหาก!”

              ถึงกับโพลงออกมา ไม่ใช่ด้วยโกรธแทนพ่อที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นซูฟิเลีย แต่เพราะจู่ ๆ ก็นึกภาพลามกของคน (?) กับม้าแล้วจู่ ๆ ก็หน้าแดงแจ๋จากความรู้สึกกระดากมากกว่าจะอาย แต่คนอย่างแมคเคนซีจะไม่รู้ตำนานนี้จริงดิ ออกจะดัง เพราะงั้นอีกฝ่ายต้องแกล้งอำเขาแน่ ๆ

              แล้วพวกเขาก็ออกมาจากหอคอยลอนดอนทันเวลาปิดไปอย่างฉิวเฉียด ดีที่ไม่ถูกพนักงานมองแรงใส่คงเป็นเพราะทุกวันมีนักท่องเที่ยวกลับเลทแบบนี้เสมอจนชินชา ดีนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเดินเล่นริมน้ำเหมือนกับไซบีเรียนฮัสกี้ตัวโตถูกเจ้าของพามาเดินเล่นยามเย็น เขายกกล้องถ่ายรูปภาพมาได้หลายภาพ เสียดายถ้าเย็นกว่านี้ได้ภาพพระอาทิตย์ตกดินน่าจะสวย แต่กว่าที่ตะวันจะลับฟ้าที่อังกฤษก็ปาไปสามทุ่มกว่าจะได้ภาพโรแมนติกก็ใกล้ได้เวลาเข้านอนพอดี

              “เออ จริงสิ เห็นว่ามาอังกฤษต้องกินพายปลาไหลถึงจะเรียกว่ามาถึงอังกฤษใช่ไหม?”

              นึกถึงของกินขึ้นชื่ออีกอย่างขึ้นมานอกจากฟิชแอนด์ชิปส์แล้วก็บีฟเวลลิงตัน เขาอยากกินสองอย่างที่เกริ่นมามากกว่าแต่มาลอนดอนทั้งทีจะไม่กินแค่อาหารที่มีแต่ประเทศอังกฤษได้ไงล่ะ
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

              ดีนปล่อยให้แมคเคนซีไปถามเจ้าหน้าที่เรื่องร้านอาหารส่วนเขาก็รับคำสั่ง ‘รอ’ อีกครั้ง จนกระทั่งอีกฝ่ายกลับมาแล้วบอกข้อมูลให้แก่เขา

              “ได้สิ ไปกันเลย ยิ่งถ้านายบอกว่าเดี๋ยวนี้หากินยากจะพลาดโอกาสนี้ไปได้ไงจริงไหม? แล้วเราจะไปกันยังไงเหรอ?”

              ถ้าเดินเท้ายี่สิบนาทีก็ถือว่าไม่ไกลมาก แต่ถ้าต้องนั่งรถบัสก็ถือว่าห่างไปพอสมควร ทว่าถึงจะห่างแล้วมันจะทำไมกันล่ะ อยากกินต้องได้กินอยู่ดี
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

              เมื่อพวกเขามาถึงร้านดีนก็ยิ่งดูจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษเมื่อเห็นว่าร้านดูเก่าแก่และขายเฉพาะแต่พายเนื้อและเจลลี่เอลล์ราวกับว่าได้มาถึงต้นตำหรับจริง ๆ แถมเวลาปิดร้านยังเหลืออีกราว ๆ ครึ่งชั่วโมงยิ่งดูขลังเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่าร้านไหนจะเป็นร้านแรกที่ขายพายปลาไหล แต่ก่อนอื่นขอเขาชะโงกหน้าเข้าไปดูในร้านนิดนึง โอเค ไม่มีตู้ปลางั้นก็ทานได้ ไม่อย่างนั้นคงทานอะไรไม่อร่อยแน่ ๆ ถ้าได้ยินเสียงปลาไหลร้องโอดโอยว่า ‘อย่ากินฉัน ปล่อยฉันออกไปที’

             “ฉันเอาเป็นพายเนื้อสองชิ้นกับมันบดแล้วก็.. เจลลี่เอลล์ หรือว่า สตูว์เอลล์ เอาอันไหนดี.. นายอยากกินอันไหนเหรอแมคซี่ฉันจะได้สั่งอีกอย่าง”

              แล้วขอชิมอีกอย่างที่แมคเคนซีสั่งมา อย่างไรเสียมาถึงร้านขายเอลล์เจลลี่ทั้งทีอีกฝ่ายคงไม่กินแต่พายเนื้อหรอกนะ
                             
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]


              เมื่ออาหารมาเสิร์ฟดีนก็ผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเอลล์เจลลี่ของตัวเอง หน้าตาของมันไม่ได้น่าพิศมัยชวนให้รับประทานเสียเท่าไร ดีนคิดว่ามันจะมาเหมือนอุนางิของญี่ปุ่นเสียอีก เมื่อพนักงานเดินผ่านไปเขาจึงลองก้มหน้าลงไปดมเจลลี่ปลาไหลในจานก่อนจะเบ้หน้าด้วยกลิ่นอันรุนแรงของมัน

             “ฉันรู้แล้วว่าทำไมถึงมีคำร่ำลือว่าอาหารอังกฤษห่วย”

              ไม่ได้ตั้งใจจะสบประมาท แต่ถ้านี่คืออาหารต้นตำหรับที่ชาวอังกฤษเมื่อหลายศตวรรษก่อนรับประทานกันเป็นปกติก็คงบอกไม่ได้ว่าดีนัก แต่จะสบประมาทอาหารจากแค่หน้าตาและกลิ่นไม่ได้หากไม่ได้ลองรับประทาน ด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ ดีนจึงตักส่วนที่เป็นเจลลี่ขึ้นมาทานก่อน

              “เปรี้ยว ๆ แฮะ วิเนก้ากับไขมันปลางั้นเหรอ?”

              เขาวิเคราะห์รสชาติอาหาร เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้แย่ และพอทำใจได้แล้วจึงเริ่มชิมเนื้อปลา… มันก็คือปลาที่รสชาติเหมือนถูกดองด้วยน้ำส้มสายชู ติดอยู่เพียงแค่อย่างเดียวที่หน้าตาออกจะสยองขวัญไปเสียหน่อย
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

              “ให้พูดตรง ๆ มันก็อร่อยดีนะ แต่ว่าหน้าตามันไม่ค่อยน่ากินเท่าไร โดยเฉพาะไอ้หนังสีซีด ๆ เนี่ย”

              เขาตักเอลล์เจลลี่ในจานตัวเองขึ้นมาดู พูดตรง ๆ ว่าถ้าไม่เห็นหนังปลาน่าจะดูดีขึ้นเยอะมาก ๆ พอชิมไฮไลท์เด็ดของร้านไปแล้วคราวนี้ก็กินพายเนื้อที่คนน่าจะนิยมสั่งกันมากกว่า แป้งด้านนอกกรุบกรอบจากการอบมาอย่างดีส่วนไส้เนื้อบดข้างในก็ปรุงรสออกมาได้อย่างอร่อย ยิ่งทานคู่กับน้ำสตูว์ที่ราดมาด้วยยิ่งเข้ากันได้ดี

              “พายนี่ก็อร่อยแฮะ แมคซี่ฉันชิมสตูว์ปลาไหลของนายหน่อยได้ไหม?”

              ไม่รู้ว่ากรรมวิธีการทำต่างกันรสชาติที่ได้จะแตกต่างกันด้วยหรือเปล่า
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

              “เลื่อนจานให้เลยเหรอ ขอบคุณนะแมคซี่”

              ดีนหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะชิมสตูว์ปลาไหลของอีกฝ่าย เอาเข้าจริงรสชาติมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเจลลี่เอลล์ของเขาเพียงแค่ว่าเปลี่ยนจากไขมันเย็น ๆ เป็นสตูว์อุ่น ๆ เท่านั้นเอง

              จากนั้นพวกเขาก็รับประทานอาหารเย็นตำหรับดั้งเดิมแบบชาวอังกริ๊ดอังกฤษกันเสร็จก็ได้เวลากลับไปพักผ่อนที่โรงแรม ดีนทำภารกิจของเขาเสร็จแล้วงานนี้ที่เหลือจึงเป็นการเที่ยวอย่างเดียว
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]
              

ประลองปัญญา
(รับเพกาซัสเข้าร่วมปาร์ตี้)

สำเร็จภารกิจ:
ปราบเพกาซัสพยศ
รางวัล: +35 EXP , +2 Point , 15 ดรักม่า และ 50 ความกล้า
ความโปรดปรานจากไนกี้+35 แต้ม

แสดงความคิดเห็น

27. I intend…to love youM หลังจากที่เมื่อคืนได้นอนหลับบนเตียงคิงไซส์หนานุ่มของโรงแรมแล้ว เช้านี้แมคเคนซีก็ตื่นขึ  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-21 13:39
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-18] ไนกี้ เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-7-20 17:38
God
คุณได้รับ 35 EXP โพสต์ 2024-7-20 17:37
God
คุณได้รับ +50 ความกล้า โพสต์ 2024-7-20 17:37
โพสต์ 67,987 ไบต์และได้รับ +6 EXP +9 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-7-18 17:12

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +15 ย่อ เหตุผล
God + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-7-21 13:39:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-11-2 12:38
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-7-18 17:12
197London Day 1 (Part 2) - I enjoy walking Tower of London in the afternoon
               [ดูโ ...

27. I intend…to love you
M


หลังจากที่เมื่อคืนได้นอนหลับบนเตียงคิงไซส์หนานุ่มของโรงแรมแล้ว เช้านี้แมคเคนซีก็ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย เขาก็ดูแผนการท่องเที่ยวของวันนี้รออีกฝ่ายที่จะไปทานมื้อเช้าร่วมกัน

@Dean

“หืม…อื้ม ได้สิ นายลองชิมดูก่อน ไม่แน่อาจจะอร่อยจนต้องไปตักเพิ่มก็ได้”

แมคเคนซีที่กำลังทานมื้อเช้าเงยหน้าขึ้นมามองอาหารในจานของดีนก่อนจะพยักหน้า ถึงแบล็คพุดดิ้งจะหน้าตาไม่น่าพิสมัยและเมื่อรู้ว่าทำมาจากอะไรแล้วดูไม่ชวนทานก็ตาม แต่สำหรับเขาที่เป็นชาวอังกฤษและเคยทานแบล็คพุดดิ้งมาแล้วนั้น สามารถบอกได้ว่ารสชาติมันไม่ได้แย่อย่างที่คิด ซึ่งมื้อเช้าวันนี้ของเขาก็จัดอิงลิชเบรคฟาสต์แบบฟูลคอร์ส แล้วเสริมด้วยแมคชีสและซีเรียลกับนมอย่างที่เขาทานเป็นประจำสมัยเรียนก่อนจะย้ายไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก

@Dean

แน่นอนว่าแมคเคนซีต้องไม่พลาดฉากนี้แน่นอน เขายิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าคนรักยามทานแบล็คพุดดิ้งเข้าไปคำแรก ก่อนจะหัวเราะเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายตักมันมาให้เขาทั้งหมด

“แบบนี้ถ้าพ่อฉันทำแบล็คพุดดิ้งให้นายกินจะทำยังไง”

แกล้งถามแล้วใช้ส้อมจิ้มแบล็คพุดดิ้งที่ดีนเพิ่งให้มาทานคู่กับมันบด สำหรับเขาแล้วมันทำให้รสชาติที่ได้มีความนุ่มนวลขึ้น และกลิ่นของแบ็คพุดดิ้งก็เจือจางลงด้วย

“แล้วสปอตเตคดิคล่ะ ถูกปากนายไหม”

@Dean

“ไม่ต้องหรอก ถ้าอยากซื้อใจพ่อฉันนายแค่กินนมกับชีสที่พ่อฉันเอามาให้ชิมแล้วก็ทำหน้าให้ดูโอเวอร์แล้วบอกว่า ‘นี่มันเป็นนมกับชีสที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยกินมาเลย !’ แค่นั้นก็พอ”

ที่พูดมาไม่ใช่เรื่องเกินจริง ไม่ว่าจะเป็นปู่ พ่อ หรือแมคเคนซีต่างก็ภูมิใจในธุรกิจของครอบครัวลินคอล์น แค่มีคนชมว่าสินค้ามีรสชาติดี พวกเขาก็แทบจะตัวลอยกันแล้ว

“….! แค่ก ๆ ! เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ อะไรลายจุด”

แมคเคนซีที่ดื่มชาอยู่ถึงกับสำลัก พอมานั่งนึกดี ๆ ดีนคงจะแปลตรงตัวจนได้ความหมายแบบนั้นแน่ ๆ ซึ่งแม้แต่ชาวอังกฤษเองก็ยังคิดว่าชื่อขนมนี่มันตลกสิ้นดี แต่ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อเรียกกัน

“จริง ๆ แล้วชื่อมันไม่ได้ลามกแบบนั้น ดิคที่นายเข้าใจจริง ๆ แล้วมันมาจากคำว่า ‘โด’ หรือ ‘ดิค‘ ที่แปลว่าหนาตามรูปร่างของขนม แต่ก็มีอีกอย่างนึงที่บอกว่ามาจากภาษาท้องถิ่นที่หมายถึงพุดดิ้ง ส่วนลายจุดที่นายว่าก็คือลูกเกดหรือแครนด์ที่ใส่ไปในขนมนั่นล่ะ”

เขาไม่แน่ใจว่าอันไหนคือคำรากศัพท์ที่แท้จริงของขนมนี้ แต่ก็อธิบายไปตามที่เคยได้ฟังมา มันยังดีกว่าให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด ๆ ไปตลอด

@Dean

หลังจากที่ทานอาหารมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ขึ้นมาเอาของที่เตรียมไว้แล้วออกไปข้างนอกกัน โดยการท่องเที่ยวลอนดอนวันที่ 2 นี้ สถานที่แรกที่แมคเคนซีพาดีนไปก็คือพิพิธภัณฑ์อังกฤษซึ่งอยู่ใจกลางลอนดอนและไกลจากสถานที่อื่นในวันนี้ทั้งหมด เขาเพิ่งตระหนักได้ในวันนี้เองว่าโรงแรมที่พวกเขาพักอยู่นั้นช่างเดินทางไปไหนได้สะดวกเหลือเกิน อย่างเช่นพิพิธภัณฑ์อังกฤษที่พวกเขากำลังจะไปกันนั้นแค่นั่งรถบัสไปต่อเดียวเพียง 15 นาทีก็ถึงแล้ว

พิพิธภัณฑ์อังกฤษนั้นได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะโบราณด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษย์จากทุกทวีปจำนวนกว่า 7 ล้านชิ้น และที่สำคัญคือเปิดให้เข้าชมฟรี ด้วยเหตุนี้พิพิธภัณฑ์อังกฤษจึงติดสถิติของพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในโลก



ด้วยความกว้างขวางของสถานที่ กว่าจะเดินดูจนทั่วดีนและแมคเคนซีก็ใช้เวลาอยู่ที่นั่นเป็นชั่วโมง จากนั้นพวกเขาก็เดินทางมายังพระราชวังเวสต์มินสเตอร์เป็นที่ต่อไป

@Dean

“เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้แล้วเราไปกินมื้อกลางวันกัน”

แมคเคนซีบอกคนที่มาด้วยกันหลังจากที่ไปซื้อบัตรเข้าชมพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ เพียงแค่เห็นภายนอกก็ดูงดงามมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความโอ่อ่าและสวยงามของภายในเลย

พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ทางเหนือของแม่น้ำเทมส์ แต่ก่อนใช้สำหรับการประชุมระหว่างสภาขุนนางและสภาสามัญชน ส่วนปัจจุบันเป็นสถานที่ที่ใช้ในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ เช่นการตั้งศพของบุคคลสำคัญก่อนที่จะนำไปฝัง และยังใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์เมื่อมีงานพิธีการสำคัญด้วยโดยพระราชวังเวสต์มินิสเตอร์สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1016 มีห้องทั้งหมด 1,100 ห้อง และระเบียงที่ยาวถึง 4.8 กิโลเมตร ก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ขึ้นในปี ค.ศ. 1834 และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้เวลาถึง 30 ปี



@Dean

เมื่อเดินชมพระราชวังเวสต์มินสเตอร์จนทั่วแล้ว แมคเคนซีก็พาดีนเดินผ่านหอนาฬิกาบิ๊กเบ็นและไปเก็บภาพถ่ายต่อที่แถวจุดชมวิวเลียบแม่น้ำเทมส์ จากตรงนี้สามารถมองเห็นลอนดอนอายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน และนี่ก็เป็นสถานที่ที่เขาวางไว้ในแผนท่องเที่ยวของวันนี้

เมื่อถ่ายรูปกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลามื้อกลางวัน โดยแมคเคนซีเลือกพาไปร้านฟาสต์ฟู้ดที่ตกแต่งเป็นสไตล์อังกฤษโมเดิร์นแบบน่ารักอย่าง Great British Fish and Chips ร้านที่เต็มไปด้วยของทอดซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของดีน และเนื่องจากร้านนี้อยู่ฝั่งเดียวกับลอนดอนอาย จึงกลับกันกับเมื่อครู่นั่นคือพวกเขาสามารถชมความงดงามของหอนาฬิกาบิ๊กเบ็นและพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ได้จากระยะไกล



@Dean

“ฉันว่าแถวโรงแรมน่าจะมีร้านขายอยู่ นายว่าจะพอถ่ายรูปได้ถึงตอนเรากลับไหม”

ถ้าจำไม่ผิดเขาเห็นร้านขายของเบ็ดเตล็ดเมื่อตอนนั่งรถบัสแถวโรงแรม เรียกได้ว่าเป็นร้านที่ขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบก็ไม่ผิดนัก

“ไก่ทอดด้วยไหม”

เขาหันมาถามดีนหลังสั่งอาหารของตนเองเสร็จ กว่าจะถึงมื้อเย็นก็อีกนาน แล้วพวกเขายังต้องไปเดินเที่ยวอีกคงจะใช้พลังงานไม่น้อย แค่ฟิชแอนด์ชิปส์อาจจะไม่อยู่ท้องก็ได้

@Dean

“เดี๋ยวนี้มันมีแบบหนึ่งเทราไบต์แล้วไม่ใช่เหรอ ซื้อเท่านั้นไปเลยสิ เผื่อนายถ่ายคลิปด้วย”

เท่าที่ตามจากสื่อโซเชียลต่าง ๆ ของดีน แมคเคนซีคิดว่าดีนน่าจะชอบอัดคลิปไม่น้อยกว่าถ่ายรูป ซึ่งถ้าปรับความละเอียดของคลิปให้น้อยลง คุณภาพของคลิปที่ได้คงไม่สวย รูปถ่ายเองก็เช่นกัน

“ไม่ต้องมองแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่านายคิดอะไร”

แค่มองจากสายดีนก็ล่วงรู้ถึงความคิดแล้ว งั้นเซ็ตชีสเบอร์เกอร์ที่เขาสั่งไว้ก็คงเพียงพอ เพราะต้องช่วยคนที่ชอบลองทานให้หมดอีก

“เดี๋ยวฉันช่วยเอง นายสั่งที่อยากกินตามสบายเลย”

@Dean

“อย่างนั้นก็ได้”

แมคเคนซีพยักหน้าเห็นด้วย แต่เขาก็พอรู้ว่าเดี๋ยวนี้พวกเมโมรีการ์ดเริ่มราคาถูกลง เพราะคนส่วนมากหันไปเช่าพื้นที่เก็บข้อมูลกับพวกเว็บโฮสต์ใหญ่ ๆ กันหมด แต่ไม่ใช่พวกเขาและเหล่าเดมิก็อดที่ไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เมื่ออยู่นอกค่าย

หลังจากรอสักพักก็ถึงคิวอาหารที่พวกเขาสั่งไว้ ถึงมันจะดูเยอะแต่ก็คิดว่าน่าจะพอช่วยกันทานหมด แล้วแมคเคนซีกับดีนก็พากันมานั่งตรงโต๊ะริมกระจกที่มองเห็นวิวได้ชัด

@Dean

กว่าจะทานกันหมดบอกได้เลยว่าพุงป่อง แมคเคนซีถึงกับลูบหน้าท้องตนเองที่ตอนนี้เริ่มนูนออกมาเล็กน้อยจากการทานมื้อกลางวันในปริมาณมากพลางเดินพาดีนไปยังซีไลฟ์ลอนดอนอความเรียมซึ่งป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เปิดบริการเมื่อปี ค.ศ. 1997

เมื่อเข้ามาภายในอความเรียมจะมีลิฟต์พาลงไปยังชั้นล่างที่แบ่งโซนจัดแสดงอยู่หลายส่วน อย่างเช่น โซนจัดแสดงพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก โซนจัดแสดงปลาน้ำจืดและความหลากหลายในป่าดิบชื้นอเมซอน โซนส่วนกลางอาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีอุโมงค์กระจกใต้น้ำและโครงกระดูกของปลาฉลามวาฬ โซนจัดแสดงการให้อาหารปลา และโซนอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละโซนถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นบันไดเวียนโดยเชื่อมด้วยอุโมงค์กระจกให้สามารถเดินถึงกันได้



@Dean

ดูท่าว่าดีนจะชอบสัตว์จริง ๆ นับว่าไม่เสียเที่ยวที่เขาเลือกอความเรียมไว้ในแผนการท่องเที่ยวลอนดอนคราวนี้ด้วย หลังจากเดินดูจนทั่วทุกโซนแล้ว แมคเคนซีก็พาอีกฝ่ายเดินมายังลอนดอนอายที่อยู่ใกล้ ๆ กันซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายของวันนี้ และยังดูเหมือนจะเป็นที่ที่ดีนตั้งตารออีกด้วย ซึ่งการมาขึ้นลอนดอนอายในเวลานี้ก็ตรงกับช่วงเวลาที่เขาตั้งใจเอาไว้ ทุกอย่างมันช่างลงตัวจริง ๆ

ลอนดอนอายคือชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำเทมส์ มีขนาดความสูง 135 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 120 เมตร ประกอบไปด้วยห้องปรับอากาศจำนวน 32 แคปซูลเท่ากับจำนวนเมืองของประเทศอังกฤษ โดยแต่ละแคปซูลนั้นสามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 25 คน และใช้เวลา 30 นาทีต่อการหมุน 1 รอบ ถ้าหากวันไหนที่ฟ้าเปิดก็จะสามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้ไกลถึง 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว

อาจเป็นเพราะพวกเขามาถึงในเวลาที่ค่อนข้างเย็นแล้ว ภายในแคปซูลที่แมคเคนซีกับดีนขึ้นไปจึงมีเพียงคู่รักอีกคู่กับครอบครัวพ่อแม่ลูกอีกครอบครัวเท่านั้น ซึ่งมันทำให้ไม่รู้สึกว่าแออัดเกินไป แต่ละกลุ่มรวมถึงพวกเขาก็พากันจับจองพื้นที่กันคนละมุมเพื่อดูวิวมุมสูงของเมืองลอนดอนยามเย็น



“นายเห็นบิ๊กเบ็นไหม พอพระอาทิตย์ตกแล้วหน้าปัดนาฬิกาทั้งสี่ด้านจะสว่างขึ้นมา มันสวยมากเลย”

แมคเคนซีชี้ไปยังหอนาฬิกาบิ๊กเบ็นที่ตอนนี้หน้าปัดถูกแสงกระทบจนเห็นเวลาชัดเจน และไม่เพียงแค่หอนาฬิกาฬิกาบิ๊กเบ็นเพียงเท่านั้น แต่เมืองลอนดอนตอนนี้กำลังถูกแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ยามเย็นสาดส่องราวกับถูกสีทองย้อมไปทั่วทั้งเมือง ถือเป็นภาพอันงดงามที่หาได้ยาก และเขาอยากให้ดีนได้มาเห็น

@Dean

ได้ยินสิ่งที่ดีนพูดโดยเฉพาะประโยคสุดท้ายแล้วแมคเคนซีก็ยิ้มออกมา สาบานได้ว่าตอนนี้หน้าเขาคงแดงไปถึงใบหูแล้วแน่ ๆ แต่ยังดีที่มีแสงอาทิตย์คอยอำพรางไว้ ไม่งั้นคงถูกเห็นแน่ ๆ ว่าตนเองแทบเก็บอาการเขินอายไว้ไม่อยู่

“บ้าน่า อยู่ ๆ ก็มาบอกรักกัน ฉันเขินนะรู้ไหม ฉันดีใจที่นายชอบทริปนี้นะ ถึงมันอาจจะขรุขระไปบ้าง แต่ก็…นั่นแหละ…ฉันตั้งใจมากแล้วจริง ๆ”

ฝ่ามือใหญ่ลูบท้ายทอยพึมพำในประโยคท้าย แมคเคนซีรู้ว่าทริปนี้มันไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่ดีนก็ยังดูมีความสุขตลอดเวลาสองวันที่ผ่านมา ซึ่งรอยยิ้มของอีกฝ่ายนั้นทำให้เขาหายเฟลไปได้ระดับนึง

“ฉันเอง…ก็รักนาย มาก…อืม…รักนายมาก ๆ เลยดีน”

สำหรับแมคเคนซีแล้วการพูดเรื่องแบบนี้ออกมามันค่อนข้างยาก แต่สุดท้ายแล้วก็พูดออกมาจนได้ เขายื่นมือไปกุมมือดีนข้างนึงด้วยสองมือของตนเองก่อนจะบีบเบา ๆ ดวงตาสีฮาเซลมองใบหน้าคมเข้มของคนฝั่งตรงข้ามที่มีฉากหลังเป็นแม่น้ำเทมส์และเมืองลอนดอน

@Dean



แสดงความคิดเห็น

198London Day 2 - He likes my American smile, like a child when our eyes meet [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie] ดีนส่องกระจกอยู่ใน  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-21 14:22
โพสต์ 33662 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-21 13:39
โพสต์ 33,662 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-7-21 13:39
โพสต์ 33,662 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-7-21 13:39
โพสต์ 33,662 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-7-21 13:39
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x4
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โพสต์ 2024-7-21 14:22:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-11-2 12:34
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-7-21 13:39
27. I intend…to love youM

หลังจากที่เมื่อคืนได้นอนหลับบนเตีย ...

198
London Day 2 - He likes my American smile,

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ดีนส่องกระจกอยู่ในห้องน้ำโรงแรม ร่างที่เปลือยท่อนบนเอี้ยวคอมองภาพแผ่นหลังของตัวเองในกระจก รอยช้ำดวงใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือสะบักไหล่จากการที่เขาโดนเพกาซัสดีดไปเมื่อวานนี้ ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันยามเมื่อแตะสัมผัสรอยแผลที่ไรก็ปวดแสบขึ้นมาทุกที วีธีการรักษาบาดแผลที่เร็วที่สุดคือกระโดดลงแม่น้ำเทมส์ แต่หากทำเช่นนั้นมีหวังได้เป็นคนดังในโลกอินเทอร์เน็ตแน่ ๆ

               บาดแผลแค่นี้เหมือนจะใกล้หัวใจแต่ยังคงห่างไกลจากความตาย แค่ทำทีเป็นไม่สนใจมันเดี๋ยวก็ลืม ๆ ไปเอง ดีนรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนจะใส่เสื้อผ้าแล้วออกมาสมทบกับแมคเคนซีที่รออยู่เพื่อลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

               บาร์บุฟเฟต์แม้จะใกล้เคียงกับอเมริกันเบรคฟาสต์แต่ก็มีอาหารสไตล์อังกฤษที่ไม่เคยเห็น อาทิ แบล็กพุดดิ้ง และสปอตเตดดิค แต่ไม่มีเจลลี่เอลล์แบบที่กินไปเมื่อวาน แน่นอนว่าหนุ่มนักทดลองต้องลองอาหารแปลกให้หมดแม้ว่าเขาจะค่อนข้างกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะทานแบล็กพุดดิ้งที่ทำจากเลือดสัตว์ก็ตาม



               “แมคซี่ ถ้าฉันกินไอ้นี่ไม่หมดนายช่วยฉันกินหน่อยได้ไหม?”

               เขากล่าวขณะที่ใช้ส้อมเขี่ยแบล็กพุดดิ้งด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ยังทำใจไม่ลงที่จะรับประทานแบล็กพุดดิ้งก่อนเป็นอันดับแรก ดีนจึงเลือกกินอาหารส่วนอื่นในจานก่อนเพื่อไม่ให้ลิ้นเขาเสียรสชาติหากว่ามันไม่อร่อย จนรับประทานอย่างอื่นหมดไปค่อนจานก็ถึงคราวของแปลกประจำอังกฤษนี้เสียที เขาหั่นมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มเข้าปาก พลันหัวคิ้วก็ขมวดกันเป็นปม

               หากจะให้สาธยายรสชาติและวัตถุดิบที่พอทราบหลังจากจำแนกด้วยตัวเองในโพรงปากแล้วนั้น แบล็กพุดดิ้งก็คือไส้กรอกที่ทำจากเลือดหมูผสมกับข้าวโอ๊ต ช่างเป็นรสชาติที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน ครั้นจะบอกว่าไม่อร่อยก็คงไม่ แต่ไม่ใช่อาการถูกปากอย่างแน่นอน ถ้าให้เลือกได้ล่ะก็เขาไม่กินมันอีกจะดีกว่า

               “ไม่ไหวอ่ะ แปลกเกิน”

               แล้วก็ตักแบล็กพุดดิ้งที่เหลือใส่จานให้อีกฝ่าย ก่อนเขาจะทานที่เหลือต่อแล้วตามด้วยของหวานที่มีชื่อเรียกแสนลามกไม่เหมาะกับเมืองผู้ดี

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ทำยังไงดีล่ะ ฉันคงไม่ต้องกินเพื่อซื้อใจพ่อนายหรอกใช่ไหม?”

               ถึงเวลานั้นดีนคงเลี่ยงที่จะทานอาหารที่ไม่ถูกปากแล้วหันไปทานอย่างอื่นเยอะ ๆ แทนเพื่อไม่ให้พ่อของอีกฝ่ายเสียน้ำใจ ทว่าหากมีแค่แบล็กพุดดิ้งบนโต๊ะอาหารแล้วคงจะพูดออกไปตรง ๆ ว่าคนต่างชาติอย่างเขาเข้าไม่ถึงกับอาหารชนิดนี้จริง ๆ หวังว่าคุณลินคอล์นจะไม่โกรธ

               ส่วนสปอตเตดดิค..

               “ก็เหมือนพุดดิ้งที่ใส่ลูกเกดที่ราดด้วยคัสตาร์ดหวาน ๆ อร่อยดี แต่ว่าฉันไม่เคยกินขนมแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมมันถึงชื่อว่า ‘หำลายจุด’ ล่ะ?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “งั้นฉันจะกินชีสกับนมที่บ้านนายจนพุงกางเลย”

               เขายิ้มแป้นก่อนจะตักขนมชื่อลามกเข้าปาก ถ้าให้ทานนมเนยน่ะบ่ยั่นอยู่แล้วแม้จะเป็นต้นตอของความอ้วน แต่เดี๋ยวกลับไปค่ายค่อยจ๊อกกิ้งเบิร์นเอาก็ได้ การกินอยู่ที่บ้านของอีกฝ่ายสองสามวันคงไม่ทำให้เขาตัวบวมมากนักหรอก

               เห็นคนสำลักชาก็ทำตาปริบ ๆ ก่อนจะย้ำคำอีกครั้ง

               “ก็ขนม ‘หำลายจุด’ ไงฉันว่าฉันอ่านชื่อมันไม่ผิดนะ”

               จากนั้นจึงได้รับคำอธิบายชื่อเรียกของหวานที่ชวนอึ้งว่ามันไม่ได้เกี่ยวกันเลย ‘ดิค’ มาจาก ‘โด’นี่เอง ก็ว่าอยู่รูปทรงมันก็ไม่ได้คล้ายคลึงอะไรกับไอ้จ้อนของผู้ชาย คนอังกฤษช่างสำบัดสำนวนชะมัด สมแล้วที่เป็นบ้านเกิดของเชกสเปียร์

               แล้วพอรับประทานมื้อเช้ากันเสร็จก็ถึงเวลาออกเดินทางท่องเที่ยวรอบลอนดอนวันที่สอง!

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               จะมีอะไรดีมากไปกว่าการเข้าชมฟรี!

               ดีนไม่รู้ว่าอังกฤษเปิดให้เข้าชมฟรีเพราะต้องการไถ่โทษที่ไปแย่งชิงของจากทั่วโลกมาในช่วงล่าอาณานิคมหรือเปล่า หลายสิ่งหลายอย่างในนี้ชวนอึ้ง อย่างเช่น ‘แผ่นหินอ่อนเอลกิน’ เป็นแผ่นหินแกะสลักขนาดใหญ่เต็มแผ่นที่ไม่รู้ว่าขนย้ายจากวิหารพาเธนอนที่กรีซมาได้อย่างไร บางทีกระบวนการนั้นอาจคล้ายกับการเคลื่อนย้ายหินเพื่อการต่อสร้างพิรามิดก็เป็นได้ ซึ่งในส่วนนี้เขามโนเอาล้วน ๆ



               นอกจากนั้นยังมี ‘สัมฤทธิ์แห่งเบนิน’ จากประเทศไนจีเรีย และเฟอร์นิเจอร์หรูหราสมบัติของราชวงศ์ชิงจากประเทศจีนที่แม้แต่คนจีนไม่มีโอกาสจะได้เห็นของจริงในบ้านเกิดเมืองนอน เขาเห็นนักท่องเที่ยวจีนบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อมองสมบัติที่เคยเป็นของชาติตั้งแสดงอยู่ในตู้กระจกนิรภัยของชนชาติอื่น ดีนพอเข้าใจความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนอยู่บ้าง เขาเสียใจทุกครั้งที่รับรู้ประวัติศาสตร์การล่าอาณานิคมจากคนพื้นถิ่นแม้ว่าประเทศต้นกำเนิดในยุคนั้นของตนจะมีเพียงแค่ทองคำใต้พื้นดิน บางทีคนที่ยืนร้องไห้อยู่หน้ากระจกอาจไม่ได้เสียดายทรัพย์สมบัติที่ไม่ได้เป็นของตัวเอง แต่เศร้าใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวเลวร้ายในอดีตมากกว่า

               แล้วตอนนี้เขาก็เหมือนจะถูกคนอังกฤษล่าอาณานิคมอยู่เลยแฮะ.. แต่ไม่เป็นไร อันนี้เต็มใจ แถมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ เลยด้วยซ้ำ

               แน่นอนว่าในพิพิธภัณฑ์ไม่ได้มีเพียงแค่วัตถุโบราณที่กล่าวมาแต่ยังมีอีกมากมายหลากหลายให้ดูจนตาแฉะ ไม่นึกประหลาดใจเลยที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก เพราะจัดแสดงวัตถุโบราณมากมายทั่วทุกมุมโลกเหมือนมาที่เดียวได้ดูครบทุกอย่าง และที่สำคัญที่สุดเลยคือ ฟรี!

               หลังเต็มอิ่มกับพิพิธภัณฑ์สถานที่ต่อไปที่ไกด์รูปหล่อชาวอังกฤษจะพาไปก็คือพระราชวังเวสต์มินสเตอร์

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               เหมือนถูกเอาคืนจากเมื่อเช้าเพราะบัตรเข้าชมพระราชวังนั้นแพงหูฉี่แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนออกเงินค่าตั๋วก็ยังรู้สึกว่ามันแพง ทว่าความสวยงามโอ่อ่าของพระราชวังก็ไม่ทำให้เขารู้สึกเสียดายเงินที่ (แมคเคนซี) ต้องเสียไปเลยแม้แต่แดงเดียว

               ตอนแรกดีนคิดว่าภายในของพระราชวังจะคล้ายกับภาพพระราชวังแวร์ซายที่เคยเห็นในอินเทอร์เน็ต ทว่าที่เวสต์มินสเตอร์นั้นแตกต่างออกไป หลายห้องถูกดัดแปลงให้เป็นห้องสำหรับจัดการประชุมหรือจัดพิธีการสำคัญ กระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยศิลปะของยุคสมัยเก่า เมื่อฟังคำอธิบายของไกด์แฟนหนุ่มถึงได้เข้าใจถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถานที่สำคัญแห่งนี้โดยดีนก็ลืมไปว่าที่ลอนดอนเต็มไปด้วยพระราชวังมากมาย เช่น บัคกิ้งแฮม และเคนซิงตัน ที่เป็นที่ประทับของราชวงศ์ ฉะนั้นพระราชวังเวสต์มินสเตอร์จึงไม่ได้ทำหน้าที่นั้น

               การเดินชมภายในพระราชวังใหญ่โตไม่ได้ใช้เวลาเพียงน้อยนิด กว่าจะเที่ยวชมครบทุกส่วนที่เข้าได้ก็พลาญพลังงานไปเยอะจนทำให้ท้องหิว

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ผ่านมาครึ่งวันกล่องถ่ายรูปก็หมดแบตเตอรี่ไปกว่าครึ่งเช่นเดียวกับเมโมรี่ของกล้องที่ถูกใช้ไป หากว่าเขาลบรูปบางรูปทิ้งไปก็น่าจะถ่ายภาพได้เกือบจบทริป ทว่าทุกภาพคือความทรงจำที่ดีที่เขาไม่อยากจบลบทิ้งไปอาจต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นอย่างการซื้อเมโมรี่เพิ่ม ด้วยความตื่นเต้นจนไม่ได้วางแผนการชายหนุ่มจึงลืมเรื่องเมโมรี่สำรองไปเสียสนิท

               “แมคซี่นายพอจะหาร้านขายเมมกล้องเพิ่มได้ไหม มันถ่ายได้อีกพันกว่ารูป แต่ฉันกลัวเมมจะเต็มก่อนที่เราจะไปถึงไทย”

               ดีนกล่าวขณะที่ถ่ายรูปบิ๊กเบนจนพอใจ แล้วจากนั้นเขาก็ถูกพาไปร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดของโปรด ร้านตกแต่งน่ารักใช้โทนสีแดงขาวและน้ำเงิน ประดับประดาธงสหราชอาณาจักรและรูปวาดของรถเมล์แดงสองชั้นอันเป็นเอกลักษณ์เมืองลอนดอน แค่การตกแต่งร้านก็ได้ใจไปเต็ม ๆ ส่วนอาหารไม่ต้องพูดถึงเลย มีแต่ของทอดที่ชอบทั้งนั้น ช่างโดนใจเด็กอ้วน

               “มีแต่เมนูน่ากินทั้งนั้นเลยแฮะ ไก่ทอดกับเฟรนฟราย ฮอตดอก แฮมเบอร์เกอร์” มีแต่ของชอบทั้งนั้นจนทำให้ทำใจเลือกรับประทานอย่างใดอย่างหนึ่งได้ยาก แต่มาอังกฤษทั้งทีมันก็ต้องฟิชแอนด์ชิปส์สิใช่ไหม? “อืม.. ฉันเอาฟิชแอนด์ชิปส์ดีกว่า ส่วนเครื่องดื่ม.. เบียร์ละกัน”

               ยิ้มแป้นขณะสั่งอาหาร

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ถ้าซื้อเมมสักหกสิบสี่กิกะไบต์ขึ้นไปก็น่าจะเหลือเฟือนะ ฉันน่าจะต้องปรับเซ็ตติ้งขนาดไฟล์นิดหน่อยให้จุได้มากขึ้น”

               เอสดีการ์ดที่อยู่ในกล้องถ่ายรูปแถมมาจากโปรโมชั่นการขายมีความจุเพียงแค่สามสิบสองกิกะไบต์ ความจริงหากพวกเขาได้อัพโหลดลงคอมพิวเตอร์ความจุเมโมรีขนาดนี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานอย่างเหลือเฟือ ทว่าเขาไม่ได้พกแล็ปท็อปมาด้วยครั้นจะซื้อใหม่ก็ดูจะฟุ่มเฟือยเกินไปหน่อย

               “ไก่ทอดด้วยก็ดี แล้วก็อยากลองไส้กรอกด้วย แต่ฉันไม่รู้ว่าจะกินหมดหรือเปล่าเนี่ยสิ..”

               ไม่อยากจะโลภจนกินไม่หมดเสียด้วยเขาจึงมองไปทางอีกฝ่ายส่งสายตาอ้อนวอนคล้ายจะบอกว่า ‘ช่วยกินครึ่งนึงหน่อย’

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ก็ใช่ แต่ว่ามันจะไม่เยอะเกินไปใช่ไหม?”

               กะว่าจะประหยัดเงินสักหน่อยเพราะจากภารกิจที่ผ่านมาระเบิดกระเป๋าสตางค์เขาจนกระจุย ดีนเลยเลือกซื้อแค่เพียงจำเป็นแม้ทางเลือกที่แมคเคนซีเสนอจะดีกว่า แต่พูดถึงเรื่องถ่ายคลิปก็ใช่แหล่ะ เขาชอบที่จะถ่ายคลิปถ่ายวล็อกแล้วถ้าภาพออกมาไม่คมชัดก็น่าเสียดาย

               “งั้นเอาไว้เดี๋ยวดูก่อน ถ้าไม่แพงมากก็เอาหนึ่งเทราไบต์”

               เขาตอบจากนั้นก็กลับมาโฟกัสที่การสั่งอาหารต่อ ดีนยิ้มเมื่อแมคเคนซีตกลงช่วยเหลือ เขาจึงสั่งไก่ทอดและไส้กรอกมาเพิ่มด้วย

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เยอะเหมือนกันนะเนี่ย”

               มองดูถาดอาหารที่ได้รับมาแล้วก็ยิ้มเฝื่อน เพื่อให้ฟู้ดเวสต์เป็นศูนย์ดีนจึงตั้งใจว่าจะพยายามรับประทานไม่ให้เหลือ ยังไงแมคเคนซีก็รับปากว่าจะช่วยแล้วก็น่าจะหมดแหล่ะ



               นาทีนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าของทอด เบียร์กระป๋องเย็น ๆ วิวดี ๆ และคนรู้ใจ แม้ร้านอาหารแห่งนี้จะเป็นฟาสต์ฟู้ดแต่ก็ปรุงรสชาติได้อร่อยถูกปาก แป้งทอดที่หุ้มชิ้นปลาขนาดใหญ่กรอบนอกนุ่มใน เนื้อปลาคอตยังคงมีความชุ่มชื้นไม่แห้ง กู้ชื่อเสียว่าอาหารอังกฤษมันห่วยได้เสียสนิท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้กินของโปรดด้วยแหล่ะ

               หลังจากรับประทานอาหารกันหมดพวกเขาจึงเดินทางไปที่ต่อไป

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               เมื่อย่างเท้าเข้าไปในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกลางกรุงลอนดอนดีนก็สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณแห่งเทพโพไซดอนสถิตย์อยู่ ณ ที่แห่งนี้ สิ่งที่รู้สึกได้ไม่ต่างจากเมื่อจับมือกับรูปปั้นหรือตอนไปเยือนนครแอตแลนติส หรือบางทีอควาเรียมแห่งนี้จะเป็นเทวสถานบูชาเจ้าสมุทรตามคำร่ำลือของเหล่าเดมิก็อด?

               ของเทพีอะธีน่าเป็นสถานปัตยกรรมรูปทรงล้ำสมัย เช่น ‘อาคารเกจเวย์อาร์ช’ ริมแม่น้ำซิสซิปปี เมืองเซนต์หลุยส์ เนื่องจากองค์เทพีนอกจากจะเป็นเทพีแห่งสงครามและกลยุทธ์ นางยังเป็นเทพแห่งสถาปัตยกรรมอีกด้วย หรือ ‘ระฆังแห่งอิสรภาพ’ ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย ที่ลือกันว่าเป็นเทวสถานบูชาของเทพีแห่งความรัก ส่วนของเทพองค์อื่น ๆ เขาไม่รู้ว่าคือที่ไหนบ้าง บางทีของเทพซุสอาจจะเป็นสนามบินมั้ง ส่วนของบิดาเทพโพไซดอนอาจจะเป็นอควาเรียมแห่งนี้ก็เป็นได้ ไม่งั้นกลิ่นอายของทะเลคงไม่ทะลุกระจกแท็งก์ตู้ปลามาหนาแน่นขนาดนี้


               ดีนวางมือลงบนตู้ปลาขนาดใหญ่ต่อหน้าปลากระเบนค้างคาวหน้ายิ้มที่เกาะตู้ปลาอยู่ตรงหน้าแล้วลองสื่อจิตถึงบิดา หากว่าสถานที่นี้คือเทวสถานของโพไซดอนในยุคใหม่จริงพ่อคงจะรับรู้ได้เองถึงศรัทธาที่เขามอบให้

               ‘พ่อครับผมมาเที่ยว พ่อช่วยอวยพรให้ผมกับแฟนเที่ยวกันอย่างปลอดภัยไม่มีอสุรกายโผล่มาขัดจังหวะคนจู๋จี๋กันด้วยนะครับ’

               คล้ายกับเห็นเจ้ากระเบนขยับปากบุ๋ง ๆ แต่บางทีมันอาจจะแค่ตอดกินแพลงตอนหน้าตู้กระจกก็เป็นได้

               เมื่อทดลองขอพรจากพ่อจบเขาก็ตระเวนถ่ายภาพและวีดีโอตามจุดต่าง ๆ ของอควาเรียมจนฉ่ำปอด แมคเคนซีก็ช่างสรรหาสถานที่พามาเที่ยวจริง ๆ อีกฝ่ายคงรู้ว่าเขาชอบดูสัตว์เหล่านี้ แบบนี้คราวหน้าต้องไปเที่ยวสวนสัตว์จริง ๆ แล้วล่ะ ซึ่งนั่นอยู่ในแผนการที่ไปเยือนไทยแลนด์

               จนถึงยามใกล้อาทิตย์อัศดงก็ได้เวลาโบกมือบ๊ายบายจากอควาเรียมแห่งนี้

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               บรรยากาศทุกอย่างเป็นใจ

               ดีนเคยดูแต่ในหนังที่คู่รักมักจะมีเดทแสนวิเศษกันบนชิงช้าสวรรค์ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าพอมาประสบด้วยตนเองมันจะโรแมนติกยิ่งกว่าในหนังรักเสียอีกซึ่งความสูงกว่าสี่ร้อยฟุตไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เขามองไปที่วิวด้านล่างตามที่แมคเคนซีบอกภาพของพระราชวังเวสต์มินสเตอร์และบิ๊กเบนถูกแสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมจนเปล่งประกายดั่งทองคำ

               ชายหนุ่มพยายามถ่ายภาพเหล่านั้นเก็บไว้ทว่าภาพที่ตาเห็นสวยกว่าภาพเล็ก ๆ บนหน้าจอกล้องดิจิตอลเสียอีก จนทำเอาหุบยิ้มกับความงดงามตรงหน้าไม่ได้ แต่ที่สวยงามกว่าคือคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามที่ถูกแสงสีทองฉายทับไปมากกว่า

               “มันสวยมากเลยแมคซี่ ฉันขอบคุณนะที่นายพาฉันมาที่นี่ ไม่สิ ขอบคุณทั้งหมดเลยตลอดทั้งทริปนี้รวมถึงที่ผ่านมาด้วย”

               พอได้มาสารภาพความในใจกันแบบนี้ทำให้รู้สึกเขินขึ้นมา

               “ฉันรักนายนะแมคซี่ ก็แค่อยากจะบอกนายอีกครั้ง”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ดวงตาสีเปลือกไม้จับจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา เขาเห็นทั้งสีหน้าประหม่า ไม่มั่นใจ และขวยเขินในเวลาใกล้เคียงกันจนรู้สึกเอ็นดูปนไปกับความรักใคร่แฟนหนุ่มที่อายุน้อยกว่า ดีนขยับตัวเปลี่ยนฝั่งไปนั่งด้านเดียวกันกับอีกคนจนแคปซูลของชิงช้าโคลงเคลงไปตามน้ำหนักของทั้งสองฝั่งที่ไม่สมดุลย์

               “ฉันก็ต้องรู้สิว่านายเขิน เพราะว่าฉันเองก็เขินเหมือนกัน แต่…ฉันคิดว่าจากนี้ไปน่าจะไม่เขินแล้วล่ะ …มั้ง”

               ชายหนุ่มตอบรับคำบอกรักด้วยการค่อย ๆ โนมใบหน้าเข้าหาอีกฝ่ายก่อนจะมอบจุมพิตบนเรียวปากนุ่มนั้นแผ่วเบาโดยให้เทพอะพอลโลที่เคลื่อนราชรถจนลับขอบฟ้าเป็นพยาน

              
ข้า ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล ขอถวายศรัทธาแก่เหล่าเทพ แก่เทพโพไซดอน ราชาแห่งแอตแลนติส
จำนวนศรัทธาที่มอบให้: 1,000
(ขอพรที่อควาเรียมลอนดอน)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-03] โพไซดอน เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-7-23 18:34
God
คุณได้รับ --1000 ความศรัทธา โพสต์ 2024-7-23 18:29
28. You make me calmM หลังจากเมื่อวานที่พวกเขาขึ้นลอนดอนอาย ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่เพื่อชมวิวเมืองลอนดอนยามเย็นแล้  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-22 22:28
โพสต์ 44350 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-7-21 14:22
โพสต์ 44,350 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-7-21 14:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-7-22 22:28:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-11-2 12:39
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-7-21 14:22
198London Day 2 - He likes my American smile,
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้า ...

28. You make me calm
M


หลังจากเมื่อวานที่พวกเขาขึ้นลอนดอนอาย ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่เพื่อชมวิวเมืองลอนดอนยามเย็นแล้วแมคเคนซีก็พาดีนไปทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารที่จองเอาไว้ ถึงแม้ว่าไวน์ที่ร้านจะรสชาติดีเข้ากับอาหารที่แสนอร่อยมากเพียงใด แต่พรุ่งนี้พวกเขายังมีแผนเที่ยวลอนดอนอีกวันและต้องเดินทางต่อไปที่เมืองกลอสเตอร์ซึ่งเป็นบ้านเกิดแมคเคนซีในช่วงบ่าย ดังนั้นจึงต้องยั้งใจไว้ไม่ให้ดื่มมากเกินไปจนเมามาย เมื่อจบจากมื้ออาหารค่ำแล้วทั้งคู่ก็เดินทางกลับโรงแรม โดยไม่ลืมที่จะซื้อเมมโมรีการ์ดสำรองไว้ใช้กับกล้องถ่ายรูปของดีนด้วย

เช้าวันใหม่มาถึง หลังจากที่เก็บของกันเรียบร้อยแล้วพวกเขาไปฝากท้องมื้อเช้ากันที่ห้องอาหารโรงแรมเช่นเดิม เมื่อทานอาหารกันเสร็จแล้วก็ไปเช็คเอาท์เป็นการบอกลาโรงแรมที่แสนสบายแห่งนี้ จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถบัสไปยังจุดหมายแรกนั่นก็คือพระราชวังบัคกิ้งแฮม

@Dean

“น่าเสียดายที่เขาเปิดให้เข้าชมข้างในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน รอบนี้เราคงต้องดูแค่ข้างนอกกันไปก่อน”

แมคเคนซีหันมาบอกดีนขณะเดินดูรอบ ๆ พระราชวังบัคกิ้งแฮม พระราชวังที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี ซึ่งในปัจจุบันทางราชวงศ์อังกฤษก็ยังมีการใช้งานที่แห่งนี้อยู่หลายห้องจากทั้งหมด 775 ห้อง ซึ่งห้องสารธารณะในพระราชวังที่สมเด็จพระราชินีและราชวงศ์ใช้รับแขกจำนวน 19 ห้องจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี โดยแต่ละห้องนั้นประดับตกแต่งไปด้วยภาพผลงานศิลปะและสมบัติของราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นปะติมากรรม เครื่องลายคราม รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ซึ่งแม้ว่าแมคเคนซีจะเสียดายที่ไม่ได้พาดีนเข้าไปดูด้านใน แต่เพียงแค่ได้เห็นรอบนอกก็นับว่างดงามมากแล้ว สักวันเขาจะพาคนรักกลับมาที่ลอนดอนอีกครั้ง และเข้าไปชมภายในของพระราชวังบัคกิ้งแฮมให้ได้ เมื่อเดินชมพระราชวังจนรอบแล้วทั้งคู่ก็เดินไปที่สวนสาธารณะไฮด์ปาร์คซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ต่อ



@Dean

“นายต้องรู้จักแน่ เวลามีการชุมนุมหรือใครที่ต้องการพูดแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องต่าง ๆ พวกเขาก็มากันที่นี่แหละ”

แมคเคนซีกำลังพูดถึงลานสปีกเกอร์คอร์เนอร์ที่อยู่ตรงมุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสวน หากอีกฝ่ายชอบฟังเรื่องเกี่ยวกับการชุมนุมเรียกร้องหรือการแสดงความเห็นต่างในเรื่องต่าง ๆ อย่างเสรีก็คงได้เห็นสถานที่นี้ผ่านทางการรายงานข่าวหรือไม่ก็ทางคลิปในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มาบ้าง นอกจากนี้ สวนไฮด์ปาร์คยังเป็นที่รู้จักในนามสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอนที่เต็มไปด้วยมรดกโลก รูปปั้น งานประติมากรรม รวมถึงอนุสาวรีย์ของบุคคลสำคัญต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีโซนสวนดอกกุหลาบและพืชพันธุ์หลากชนิด โซนสำหรับสัตว์ รวมไปถึงโซนทะเลสาบที่เปิดให้พายเรือเล่น ซึ่งหากเดินเล่นเรื่อยเปื่อยให้ครบทุกโซนก็คงใช้เวลาเป็นชั่วโมง



@Dean

แมคเคนซีดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือตนเอง มันยังไม่ถึงเวลามื้อกลางวันด้วยซ้ำ

“เหลือเวลาเยอะเลย เราจะขึ้นรถไฟจากแพดดิงตันไปกลอสเตอร์เที่ยวบ่ายสองครึ่ง นายอยากพายเรือเหรอ”

จากตรงนี้ไปสถานีแพดดิงตันก็ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที พวกเขายังพอมีเวลาเที่ยวเล่นอีกสักพัก

@Dean

แมคเคนซีมองท่าทางที่เหมือนเด็กของคนรัก เขาค่อย ๆ ดึงแขนตนเองออกจากการเกาะกุมแล้วโอบไหล่ดีนดึงให้เข้ามาใกล้ก่อนจะหอมเข้าที่แก้มแรง ๆ ไปฟอดนึงเหมือนที่ชอบทำเวลาที่รู้สึกมันเขี้ยวอีกฝ่าย

“มันก็ได้อยู่ แต่ฉันคงต้องบอกก่อนว่าที่นี่ไม่มีเรือเป็ด มันเป็นแค่เรือถีบธรรมดา แต่ในน้ำจะมีเป็ดและห่านคอยว่ายน้ำเป็นเพื่อน นายยังอยากถีบเรืออยู่ไหม”

เขาบอกถึงความเป็นจริงและถามดีนอีกครั้ง เผื่อว่าอีกฝ่ายอยากจะถีบแค่เรือเป็ดเท่านั้นจะได้ไม่ต้องเดินไปให้เสียเที่ยว

“อ้อ แล้วเราจะทำยังไงกับกระเป๋าพวกนี้ ฉันไม่แน่ใจว่าเราจะเอามันขึ้นเรือไปด้วยได้”

@Dean

เมื่อถูกถามอย่างนั้นแมคเคนซีจึงเงียบคิดไปสักพักก่อนจะโคลงศีรษะไปมา

“เหมือนว่าตามสวนสาธารณะจะไม่มี แต่ที่นั่นนายจะมีที่พายเรือคายัคเล่นได้ แล้วก็มีท่าเรือใหญ่ให้นายเดินเล่น”

พอนึกดูแล้วถึงได้รู้ว่าสวนสาธารณะที่กลอสเตอร์ไม่มีเรือถีบหรือเรือเป็ดเลย ผู้คนส่วนใหญ่จะนิยมไปเดินย่านการค้าตรงท่าเรือกลอสเตอร์และนั่งเล่นแถวคาเฟ่ชมวิวริมน้ำมากกว่า แต่ใครจะไปรู้ เขาไม่ได้กลับกลอสเตอร์มา 3 ปีแล้ว ตอนนี้อาจจะมีเรือเป็ดแล้วก็ได้

“งั้นติดเรือเป็ดไว้ก่อน ถึงกลอสเตอร์จะไม่มี แต่ที่ไทยอาจมีก็ได้ งั้น…นายอยากไปโซนไหนต่อไหม หรือว่าเราจะไปสถานีรถไฟกันเลยดี”

แมคเคนซีหันมาถามความเห็นดีน หากอีกฝ่ายไม่ต้องการจะไปที่ไหนต่อ ก็เท่ากับว่าเป็นการจบทัวร์ลอนดอนของไกด์มือสมัครเล่นแบบเขาแล้ว

@Dean

“นายกำลังจะบอกว่า นายอยากทำอะไรที่โรแมนติกกับฉันงั้นเหรอ”

แมคเคนซีถึงกับเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มออกมาด้วยไม่นึกว่าดีนก็มีมุมที่คิดเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย

“ฉันก็อยากรีบนะ แต่ยังไงเราก็น่าจะไปทันรถไฟรอบบ่ายสองอยู่ดี โอ๊ะ ขอโทษครับ”

ด้วยความที่เดินคุยกันไปเพลิน ๆ แมคเคนซีก็ชนเข้ากับชายคนหนึ่งที่เดินสวนมา เขากล่าวขอโทษตามมารยาทแล้วเดินไปต่อ แต่อยู่ ๆ ก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าตรงที่พวกเขาเดินนั้นไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่ ทางเดินก็ออกจะกว้างแล้วทำไมถึงต้องมาเดินใกล้กันขนาดนี้ด้วย แมคเคนซีไม่อยากคิดในแง่ลบแต่ก็ลองสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงดู

‘ไม่มี…’

แล้วสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้ เขาโดนล้วงกระเป๋าไปซะแล้ว แต่จะเอะอะโวยวายไปก็ดูใช่ที่ เจ้าหัวขโมยนั่นคงยังไปได้ไม่ไกล

“ดีน สงสัยฉันจะทำกระเป๋าตังค์หล่น เดี๋ยวฉันขอกลับไปดูก่อน นายรอฉันตรงนี้นะ”

แมคเคนซีไม่อยากให้ดีนคิดว่าลอนดอนเป็นเมืองไม่ปลอดภัยจึงเลือกบอกอย่างนั้นแล้วรีบวิ่งกลับไปทางเดิม

@Dean

ทางด้านแมคเคนซีแม้ว่าไม่ต้องออกแรงวิ่งเท่าไหร่ก็เห็นด้านหลังของคนที่เพิ่งชนกับตนห่างไปไม่ไกล

‘แบบนี้ต้องโดนสักหมัดแล้วจับส่งตำรวจซะให้เข็ด’

แน่นอนว่ากับคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น สันติไม่ใช่ทางออกสำหรับแมคเคนซีอยู่แล้ว แม้จะเป็นคนใจเย็นแค่ไหนแต่กับบางเรื่องก็ไม่สามารถปล่อยไปได้จริง ๆ

“เฮ้ นายเอากระเป๋าตังค์ฉันไปใช่ไหม”

เมื่อวิ่งมาประชิดตัวผู้ต้องสงสัยแล้วแมคเคนซีก็วางมือลงบนบ่าของชายคนนั้น แต่ทันทีที่อีกฝ่ายหันหน้าที่มีแต่รอยเหี่ยวย่นและแสยะยิ้มน่าขนลุกผิดมนุษย์มาให้ เขาก็ชักมือกลับแทบไม่ทัน

‘เวรเอ๊ย เจอตัวอะไรอีกแล้วเนี่ย’

แมคเคนซีสบถในใจขณะมองร่างที่คิดว่าเป็นหัวขโมยในตอนแรกกลับกลายเป็นอสุรกายที่ตัวหดเล็กลงเท่าเด็กอายุประมาณ 4 ขวบ มันถอยออกห่างจากเขาแล้วยิ้มยียวนก่อนจะชูกระเป๋าตังค์ในมือให้ดู นั่นคือกระเป๋าตังค์ของแมคเคนซีไม่ผิดแน่

“แก…ไอ้ปิศาจนิสัยเสีย เอากระเป๋าตังค์ฉันคืนมา !”

เรียวคิ้วมุ่นลงอย่างหงุดหงิด ในกระเป๋าใบนั้นมีทั้งเงินสดที่แลกมา บัตรเครดิต และใบขับขี่ทั้งในประเทศและสากล หากเจ้าอสุรกายตนนั้นเอาไป แมคเคนซีและดีนจะต้องลำบากตอนไปไทยแน่ ๆ ทันทีที่พุ่งตัวจะไปคว้าเอาของมีค่าของตนคืน อสุรกายหน้าแก่ตัวเตี้ยตนนั้นก็หายวับไปโผล่อีกด้านนึงซะแล้ว จากนั้นมันก็ชูกระเป๋าตังค์ให้ดูพร้อมยิ้มกวนประสาทอีกเช่นเคย จนเขาต้องคอยตามไปเอาคืนหลายต่อหลายครั้งราวกับเด็กเล่นวิ่งไล่จับกันแต่ก็คว้าน้ำเหลวทุกครั้งไป

“หนอย…แกจะกวนอารมณ์ฉันมากไปแล้วนะ”

แมคเคนซีกัดฟันกรอดเริ่มเลือดขึ้นหน้า ตอนแรกคิดว่าถ้าได้กระเป๋าตังค์คืนก็จะปล่อยไป แต่ขืนเป็นแบบนี้คงปล่อยไว้ไม่ได้ซะแล้ว คิดได้แบบนั้นก็ดึงดาบสัมฤทธิ์ที่เหน็บไว้ตรงเอวออกมา

“แก…ตาย !!”

@Dean

จากตอนแรกที่คิดว่าจะสังหาร ตอนนี้ดาบสัมฤทธิ์กลับถูกใช้ค้ำยันไม่ต่างกับไม้เท้าพร้อมกับคนถือที่ยืนเหนื่อยหอบมองอสุรกายตรงหน้าที่ยังคงฉีกยิ้มราวกับสนุกสนานที่มีคนมาเล่นด้วย…เล่นด้วยกับผีน่ะสิ !

“ฉัน…จะบอกอีกครั้ง…ส่งกระเป๋าคืนมา”

กว่าจะจบประโยคก็ต้องหายใจเอาอากาศเข้าปอดจนพูดติดขัดไปหมด เจ้าอสุรกายตนนี้ความไวผิดกับหน้าตาที่ดูสูงอายุมากนัก ขนาดเขาตวัดดาบฟาดฟันใส่ไปหลายกระบวนท่าก็ยังหลบได้ทุกครั้งไป ทั้งท่าทีที่ไม่กลัวตายนั่นอีก เหมือนมันต้องการกวนประสาทมากกว่าจะจับแมคเคนซีกินเป็นอาหาร ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ต้องการชีวิตเขา เขาเองก็จะทำแบบเดียวกัน คราวนี้จะเล่นด้วย…แบบเอาจริงเอาจัง

รอจนตัวเองหายเหนื่อย แมคเคนซีก็เก็บดาบเข้าฝักตามเดิม ดวงตาสีฮาเซลจ้องอสุรกายตรงหน้าเขม็งเหมือนมันรู้ว่าเกมยกใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วก็โยนกระเป๋าตังค์ขึ้นกลางอากาศแล้วรับ ดวงตาสีเขียวฉายแววเจ้าเล่ห์มองมาราวกับจะบอกว่า เก่งจริงก็มาเอาคืนไปสิ”

ซึ่งแมคเคนซีก็ไม่ปล่อยให้เจ้าอสุรกายเยาะเย้ยไปได้นานกว่านี้ ร่างสูงพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายทันที แล้วก็เหมือนเดิม มันใช้ความเร็วหนีไปอีกทาง แต่คราวนี้แมคเคนซีไวกว่า ในความล้มเหลวที่ผ่านมาเขาเริ่มจับได้ว่าอสุรกายตนนี้แม้จะว่องไวแต่ก็มักจะหลบหนีไปในทิศทางที่ซ้ำกันจนเป็นแพทเทิร์น และตอนนี้เขาจำได้แล้วฝ่ามือใหญ่คว้าคอเสื้อเจ้าอสุรกายตนนั้นไว้แล้วกระชากยกร่างอีกฝ่ายขึ้นมาจนตัวลอยก่อนจะปล่อยหมัดหนัก ๆ ใส่เข้าไปจนหน้าหัน

“สนุกมากใช่ไหม คราวนี้ตาฉันสนุกบ้าง”

แมคเคนซีบอกเสียงเย็น เขากดร่างเจ้าอสุรกายลงกับพื้นแล้วขึ้นคร่อม จากนั้นก็ต่อยสลับหมัดซ้ายขวาแบบน็อนสตอปโดยไม่สนใจว่ามันจะร้องโอดโอยหรือขอให้ปล่อยมันไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้ว่าการชกต่อยของเขาอาจไม่ได้ทำให้อสุรกายพวกนี้บาดเจ็บมากนัก บางครั้งก็แทบไม่ต่างจากการสะกิดด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ระบายอารมณ์โกรธที่สะสมมา นาทีนี้ขอเลือกความสะใจก่อนโดยลืมเรื่องกระเป๋าตังค์ไปเสียสนิท

@Dean

หมัดที่เงื้อขึ้นชะงักค้างกลางอากาศเมื่อเห็นคนที่เขาบอกให้รอเมื่อครู่มาอยู่ตรงหน้า ดีนคงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เห็น แมคเคนซีหลุบตาลงมองอสุรกายที่ตอนนี้หน้าตาบวมปูดดูไม่ได้กว่าเดิมแล้วโคลงศีรษะอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนปล่อยให้ร่างที่เขาเพิ่ง ‘เล่นด้วย’ นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นไม่ต่างกับของเล่นที่ถูกทิ้ง

“เจ้านี่มันขโมยกระเป๋าตังค์ฉัน”

เขาบอกแค่นั้นแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์ที่ตกอยู่บนพื้นไม่ห่างจากจุดที่ยืนมากนักมาเช็คดูว่าทุกอย่างยังอยู่ครบหรือไม่ก่อนจะเก็บกลับเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม

@Dean

ถึงจะถูกชมว่ารูปหล่อแต่แมคเคนซีก็ยังหน้าตึงไม่เลิก ปกติก็ถูกชมว่าหล่อจนชินแล้ว คำพูดแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก

“แค่สามอย่างนี้เองน่ะเหรอ ไม่มีพรให้ฉันตั๊นหน้าแกต่อจนฟันร่วงหรือไง”

พูดกันตามตรง เขาไม่ได้อยากได้พรอะไรจากเจ้อสูรกายนามว่าเลปพราคอนสักนิด แค่เขาได้กระเป๋าตังค์คืนและได้จัดการเจ้าตัวขี้ขโมยก็พอใจแล้ว

“ไม่เอา ไม่เอาแล้ว อย่าทำร้ายข้าอีกเลย เลือกมาเถอะ แค่อย่างเดียว แล้วข้าจะรีบไปให้พ้นหน้าพวกเจ้า”

ฟังดูแล้วรู้สึกแปลก ๆ อย่างกับพวกเขาไปขู่กรรโชกให้เลปพราคอนให้พรยังไงยังงั้น แต่เขาเสียเวลากับตรงนี้มามากแล้ว ป่านนี้น่าจะได้เวลาขึ้นรถไฟสถานีแพดดิงตัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะตกรถไฟที่จะเดินทางไปกลอสเตอร์ก็เป็นได้

ว่าแต่จะขออะไรดี…แมคเคนซีชอบความสงบมาแต่ไหนแต่ไร ชื่อเสียงโด่งดังจึงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการความร่ำรวยยิ่งแล้วใหญ่ แค่ทรัพย์สินของครอบครัวเขาในตอนนี้ก็แทบมีกินมีใช้ไปชั่วชีวิต ข้อนี้จึงตัดไปได้แบบไม่จำเป็นต้องคิดให้เสียเวลา งั้นก็เหลืออยู่แค่ข้อเดียว

“แข็งแกร่ง…ฉันเลือกข้อนี้ ให้พรเสร็จแล้วก็อย่าลืมทำตามที่พูดล่ะ รีบไปซะ”

@Dean

“อืม…คงไม่มีอะไรแล้ว”

เขารอให้ดีนสำรวจข้าวของของตนเองให้เรียบร้อยพลางดูเวลา

“ฉันว่าเราไปขึ้นรถกันดีกว่า”

แล้วแมคเคนซีก็พาดีนเดินออกจากสวนสาธารณะไฮด์ปาร์คไปขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยังสถานีแพดดิงตันเพื่อขึ้นรถไฟไปที่กลอสเตอร์บ้านเกิดของเขาต่อ

@Dean

“ไม่…มันแค่กวนโมโหฉัน”

แมคเคนซีพึมพำบอก เลปพราคอนไม่ได้ทำร้ายแต่ก็ทำให้เขาหงุดหงิด และมันก็ทำสำเร็จเสียด้วย เขามองข้อนิ้วที่แดงตัดกับสีผิวของตนเองจากการรัวหมัดใส่เจ้าอสุรกายเมื่อครู่ มันไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร เพราะก่อนจะย้ายไปเรียนต่อนิวยอร์กก็มีเรื่องชกต่อยบ้างประปราย จะบอกว่าชินกับความเจ็บนี้แล้วก็คงไม่ผิดนัก แต่สิ่งที่ดีนกำลังทำให้เขานั้นช่างน่ารักเหลือเกินจนเผลอยิ้มออกมา จากที่หัวร้อนอยู่ก็เริ่มค่อย ๆเย็นลงจนกลับมาเป็นแมคเคนซีผู้คลั่งรักคนเดิม

กว่าจะถึงสถานีรถไฟแพดดิงตันก็เป็นเวลามื้อกลางวันพอดี พวกเขาหาร้านอาหารแถวนั้นทาน และเมื่อใกล้เวลาก็ไปรอตรงชานชาลาที่จะมุ่งสู่เมืองกลอสเตอร์ แมคเคนซีหวังว่าแมคคอยผู้เป็นพ่อของเขาจะรักและเอ็นดูดีนเป็นอย่างดี


ขอพรเลปพราคอน  : พรข้อที่ 3
ขอให้แข็งแกร่งเหนือผู้ใดในโลก (+2 Level)



แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 200 EXP โพสต์ 2024-7-23 18:29
199London Day 3 - Like a child when our eyes meet [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie] น่าเสียดายที่ต้องบอกลาโรงแรมสุดห  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-22 22:37
โพสต์ 40749 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 22:28
โพสต์ 40,749 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-7-22 22:28
โพสต์ 40,749 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-7-22 22:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x4
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โพสต์ 2024-7-22 22:37:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-7-22 22:28
28. You make me calmM

หลังจากเมื่อวานที่พวกเขาขึ้นลอนดอนอาย  ...

199
London Day 3 - Like a child when our eyes meet

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               น่าเสียดายที่ต้องบอกลาโรงแรมสุดหรูที่รู้สึกว่ายังใช้สิ่งอำนวยความสะดวกไม่คุ้มค่าเลย แต่ลูกชายเจ้าสัวฟาร์มโคนมและโรงงานชีสอย่างแมคเคนซีอาจไม่ได้เสียดายเหมือนกับชนชั้นกลางอย่างเขา แต่ในเมื่อพวกเขายังคบกันอยู่ดีนคาดว่าเดี๋ยวก็คงจะได้พบกับประสบการณ์สุดหรูเช่นนี้อีก พอมาคิดดูแล้วตอนที่เขาพาอีกฝ่ายไปปารีสได้เผลอทำคุณหนูกลอสเตอร์ตกระกำลำบากหรือเปล่านะที่ได้แค่พักโรงแรมบูทีคธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าใช้ซุกหัวนอนไปวัน ๆ

               อาหารมื้อเช้าของโรงแรมห้าดาวยังคงยอดเยี่ยม เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสสำคัญดีนจึงลองชิมอาหารจากบาร์บุฟเฟต์แทบทุกอย่างยกเว้นแบล็กพุดดิ้งจนท้องแน่น จากนั้นพวกเขาก็เช็คเอาท์แล้วสะพายเป้เดินเที่ยวลอนดอนไปอีกครึ่งวัน ซึ่งวันนี้ก็ยังคงเป็นการทัวร์พระราชวังเหมือนเช่นเคย

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เหรอ น่าเสียดายจริงด้วย แต่ไม่เป็นไรหรอก”

               เขาตอบกลับแมคเคนซีไปอย่างไม่คิดอะไรมาก แม้ออกจะน่าเสียดายนิดหน่อยก็ตาม จะว่าไปพระราชวังบัคกิ้งแฮมเป็นสถานที่คุ้นตาที่สุดแล้วเนื่องจากเป็นสถานที่ที่เชื้อพระวงศ์ในยุคนี้ใช้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีอภิเสกสมรสหรือพิธีฉลองพระชนมพรรษาของพระราชินี (ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นพระราชา) ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ณ ลานกว้างที่พวกเขากำลังเดินผ่าน เคยเป็นจุดที่ประชาชนพากันมายืนชมโฉมราชวงศ์อังกฤษตามที่เคยเห็นในโทรทัศน์

               ในเมื่อไม่สามารถเข้าชมได้พวกเขาจึงใช้เวลาเที่ยวที่นี่น้อยกว่าที่อื่น และจุดถัดไปก็คือสวนสาธารณะไฮด์ปาร์คที่ดีนเคยได้ยินมาแต่ชื่อแต่ไม่เคยรู้ถึงความสำคัญ

               “สวนนี่ดังน่าดู แม้แต่ฉันที่เป็นอเมริกันยังรู้จัก”
               
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “งี้นี่เอง” ดีนพยักหน้าหงึกหงัก สมทบกับความทรงจำในหัวว่าสวนสาธารณะแห่งนี้ขึ้นชื่อในด้านนี้จริง ๆ

               แม้เป็นเพียงแค่สวนสาธารณะทว่าก็ได้มีรูปถ่ายประดับกล้องเยอะไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่น คงเพราะว่าที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจให้ถ่ายเยอะล่ะมั้ง ทั้งพรรณไม้และอนุสาวรีย์ต่าง ๆ ที่น่าบันทึกภาพไปเสียหมด คิดถูกแล้วจริง ๆ ที่เชื่อแมคเคนซีเลือกซื้อเมโมรีการ์ดความจุสูงสุดมา

               “เรือพายนี่น่าสนุกจัง พวกเราพอจะมีเวลาไหม?”

               ลองถามดู เขาไม่รู้ว่าจากลอนดอนเดินทางไปกลอสเตอร์ต้องใช้เวลาประมาณเท่าไร

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “งี้ก็มีเวลาเที่ยวเล่นชิล ๆ อีกเป็นชั่วโมงเลยสิ งั้นเรามาถีบเรือเป็ดกันเถอะแมคซี่!” ยิ้มแฉ่งอย่างนึกสนุก เขาจับมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะเขย่าอย่างรบเร้า
              
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “โอ๊ะ”

               ดีนไม่มีข้อโต้แย้งที่อีกฝ่ายจะแสดงความรักอย่างโจ่งแจ้งในที่สาธารณะ ในยุคสมัยที่ทั่วทั้งโลกยอมรับความหลากหลายของรสนิยมทางเพศได้มากขึ้นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดความรักชอบของตนเองแก่สาธารณะ คนที่รับไม่ได้นั่นแหล่ะที่ควรต้องปรับตัว

               “ก็จริง ฉันติดเรียกว่าเรือเป็ดไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะรูปทรงไหนก็เถอะน่าฉันก็ยังอยากเล่นอยู่ดี”

               จะได้เก็บลงเช็คลิสต์สิ่งที่คนรักทำกันตอนออกเดท แต่ก็ชะงักเมื่อต้องขบคิดถึงเรื่องสัมภาระที่หอบหิ้วมา เอากระเป๋าลงเรือไปด้วยคงไม่สะดวกเท่าไร อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ด้วยตอนขึ้นลงเรือที่โคลงเคลง แม้บุตรแห่งโพไซดอนจะควบคุมน้ำได้เมื่อตกน้ำไปพวกเขาไม่ตายแน่นอน แต่สิ่งที่เขาห้ามไม่ได้คือความเปียกที่นอกเหนือจากร่างกายตัวเอง ให้หิ้วกระเป๋าชุ่มน้ำขึ้นรถไฟไปกลอสเตอร์ต้องเป็นความรู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูกแน่ ๆ

               สงสัยต้องเลื่อนเช็คลิสต์สิ่งที่คู่รักทำกันตอนออกเดทหัวข้อถีบเรือเป็ดออกไปก่อน

               “งั้นไม่ขึ้นเรือก็ได้ หรือไม่ก็ค่อยไปเล่นกันตอนถึงบ้านนาย สวนสาธารณะแถวบ้านนายมีสระให้พายเรือเล่นแบบนี้ไหม?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “เรือคายัคฟังดูไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไรเลยแฮะ..”

               ดีนกุมคางพึมพำอย่างใช้ความคิดไปด้วย เขาเคยพายเรือคายัคตอนไปปิคนิคกับกลุ่มเพื่อนนักกีฬาของมหาวิทยาลัยเลยรู้สึกว่ามันเป็นกีฬาแนวแอดเวนเจอร์มากกว่ากิจกรรมหวาน ๆ ที่คนรักเล่นกัน

               “แต่เดินเล่นริมท่าเรือน่าสน งั้นเราไปกลอสเตอร์กันเลยไหม? นายจะได้มีเวลาอยู่กับพ่อนายเยอะ ๆ ด้วย”

               การที่พวกเขาเป็นเดมิก็อดมือใหม่ทำให้ต้องห่างจากบ้านเกิดและครอบครัว ครั้นจะออกจากค่ายมาบ่อย ๆ ก็ไม่มีอะไรมารับประกันความปลอดภัยได้ด้วยนอกจากฝีมือการต่อสู้ของตัวเอง ซึ่งเขาพอมีบ้างนิดหน่อย แล้วออร่าของเดมิก็อดระดับสูงที่แผ่พุ่งก็ทำให้อสุรกายชั้นต่ำกว่ามาก ๆ ไม่กล้าเข้าหา กระนั้นพลังแห่งสายเลือดก็ยังคงดึงดูสัตว์ประหลาดตัวเป้งให้เข้ามาไล่ล่าเขาอยู่ดี

               แต่กับแมคเคนซีนั้นยังไม่มีออร่าเข้มข้นคุ้มกันกาย เกราะเหล็กเพียงอย่างเดียวที่อีกฝ่ายมีก็คือดีนที่อยู่เคียงข้าง ดังนั้นการกลับมากลอสเตอร์ในครั้งนี้อาจจะเป็นการกลับบ้านในรอบหลายปีของอีกฝ่ายเลยก็ได้

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ก็.. ฉันเพิ่งเคยจะมีแฟนนี่นา ก็อยากจะทำอะไรที่มันแตกต่างไปจากตอนที่เรายังเป็นแค่เพื่อนกัน”

               เพราะก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของคู่พวกเขาค่อนข้างซับซ้อนด้วย คล้ายจะเป็นคนรักแต่ไม่ใช่ เมื่อขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาอะไรหลาย ๆ อย่างที่คนรักทำกันพวกเขาจึงเคยผ่านมากหมดยกเว้นการเดทอย่างจริงจัง

               ดีนหันมองคนที่ชนแมคเคนซีแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเพราะรู้สึกถึงกลิ่นอายอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรแล้วเดินไปยังสถานีรถไฟอย่างชิล ๆ กันต่อ จนกระทั้งที่แมคเคนซีบอกว่าทำกระเป๋าสตางค์หล่น

               “อ้าวเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันช่วย–” แต่ยังไม่ทันจะพูดจบอีกฝ่ายก็วิ่งไปอย่างรีบร้อน “เฮ้! อย่าทิ้งกันเซ่”

               เขามุ่ยหน้าแล้วกำลังจะวิ่งตามไปแต่ก็ถูกเด็กวิ่งมาชนจากด้านหลังทำเอาเขาเซไปนิดหน่อย

               “โอ๊ะ! เฮ้ ระวังหน่อย… เหวอ!!!”

               ดีนหันไปตำหนิทว่าเด็กคนดังกล่าวกลับถือมีดไว้ในมือนั่นทำเอาชายหนุ่มหน้าซีดเผือด

               ‘ถูกแทงหรือเปล่าวะ!?’

               ทว่าร่างกายไร้ความรู้สึกเจ็บอาจเป็นเพราะมีดที่ตั้งใจเสียบเข้ามาเมื่อครู่นี้ติดโล่ที่พกอยู่ด้านหลัง หากเป็นคนเขาคงไม่กล้าสู้แต่เมื่อเขากะพริบตาอีกทีเด็กตรงหน้าก็กลายเป็นก็อบลินตัวเขียว

               “ชิ!” ชายหนุ่มสายเลือดโพไซดอนได้ยินก็อบลินตนนั้นเดาะลิ้นเมื่อแผนการลอบสังหารล้มเหลว จากนั้นมันก็รีบวิ่งแจ้นไปอีกทางเพราะรู้ว่าเผชิญหน้ากับเดมิก็อดเลเวลสูงอย่างดีนไม่รอดแน่ ๆ “กี้!”

               “เฮ้ย! อย่าหนีนะว้อย!!” ดีนรีบวิ่งตามมันไปขืนปล่อยตัวอันตรายไว้อย่างนี้มีหวังคนอื่นตกอยู่ในอันตรายแน่ ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ก็อบลินตัวแสบวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้ที่รกทึบจนผิดสังเกตว่าไฮปาร์คแห่งนี้ไม่น่ามีส่วนที่เป็นมุมอับเช่นนี้ได้ เมื่อดีนตามเข้าไปเขาก็เห็นว่านี่คือรังนอนของก็อบลิน บนพื้นดินเต็มไปด้วยเศษขยะและถุงพลาสติก บางทีเจ้าพวกนี้คงหาอาหารด้วยการขโมยของและลากเศษอาหารจากถังขยะเมืองลอนดอนมาสวาปาม และขึ้นชื่อว่าเป็นรังก็อบลินดีนจึงถูกเจ้าตัวเขียวราวสิบตัวล้อมหน้าล้อมหลังหวังจะได้กินเหยื่อตัวใหญ่

               แต่เดมิก็อดที่ผ่านภารกิจเดินทางสุดหฤโหดมาแล้วหวั่นเกรงเสียเมื่อไรกันล่ะ! ดีนปลดหอกและโล่ออกจากเชือกสะพายหลังแล้วโรมรันกับก็อบลินทั้งสิบที่เข้าจู่โจมมาพร้อม ๆ กัน

               “กี้!”

               ปลายหอกตวัดผ่านร่างเล็ก ๆ บ้างก็ขาดเป็นสองท่อน บ้างก็ถูกซัดอัดติดกำแพงรั้ว แต่สุดท้ายจุดจบแบบเดียวกันที่พวกมันได้รับคือถูกทำให้เป็นผงแล้วส่งตรงกลับทาร์ทารัส การกำจัดอสุรกายตัวจ้อยไม่ได้ยากเย็นอะไรทว่าการที่ต้องฆ่าล้างบางรังของพวกมันก็เล่นเอาดีนหอบ ในใจเขารู้สึกผิดอยู่บ้างกับการคร่าชีวิต แต่ก็พยายามทำใจไม่นอยด์แล้วคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันดีกับพลเมืองมากกว่า

               ชายหนุ่มเก็บสินสงครามจำนวนมากที่หล่นอยู่บนพื้นหลังเจ้าของเก่าร่างสลาย ใจนึงก็คิดว่าจะต้องแบกหมวกก็อบลินพวกนี้ไปอีกสิบวันเลยเหรอก็เบ้หน้า แค่สัมภาระจากการเที่ยวก็แทบจะล้นหลัง แต่เมื่อคิดถึงประโยชน์ที่ทั้งเขาและค่ายจะได้รับหลังการถลุงแร่สัมฤทธิ์ออกมาการแบกขยะไว้บนบ่าก็อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเท่าไร

               ‘แต่จะให้ดีเอาของพวกนี้ไปส่งไปรษณีย์น่าจะดีกว่าแฮะ’

               แม้เขาจะพกม้วนเทปส่งของวิเศษของเทพเฮอร์มีสมาด้วยแต่ไม่มั่นใจว่าของที่ถูกแพ็คจะถูกส่งกลับค่ายหรือไปหาเทพองค์ไหนสักองค์ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน เขาต้องไปตามหาแมคเคนซีที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               เพราะมัวแต่วิ่งตามเจ้าก็อบลินเขียวมาตอนนี้ดีนจึงรู้สึกเหมือนกับหลงทางอยู่กลางสวนสาธารณะใหญ่ใจกลางกรุงลอนดอน ก่อนจะคลาดกันกับแมคเคนซีเขาไม่ได้จำจุดแลนมาร์คสำคัญเอาไว้เสียด้วยดีนจึงได้แต่เดินตามหาคนรักมั่ว ๆ ไปหลายสิบนาที

               ผั่วะ! ผั่วะ!

               ชายหนุ่มได้ยินเสียงทุบบางอย่างดังมาจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าหูไม่เพี้ยนเสียงนั้นคล้ายกับเสียงของกำปั้นกระทบใบหน้าเลย นั่นจะใช่คนรักของเขาหรือเปล่านะ หรือความจริงแล้วที่อีกฝ่ายบอกว่าทำกระเป๋าสตางค์หายจะไม่ใช่เหตุปกติ จะอย่างไรก็ช่างรีบไปดูก่อนคงไม่เสียหาย แล้วเขาก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งคร่อมต่อยคนแก่ที่สวมชุดประหลาดเหมือนเพิ่งออกงานฮาโลวีนปาร์ตี้

               “แมคซี่ เกิดอะไรขึ้น?”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ขโมยกระเป๋าตังค์?”

               ดีนงงยิ่งกว่าเดิม เขามองแมคเคนซีสลับกับเจ้าตัวบนพื้นใบหน้าเหรอหรา นั่นมันคนหรือว่า.. แต่จากประสบการณ์การพิชิตอสุรกายมาอย่างหลากหลายทำให้ดีนรู้ว่าเจ้านี่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป

               ‘แต่มันตัวอะไร?’

               จะว่าเป็นก็อบลินก็ไม่ใช่เพราะว่าตัวไม่เขียว หรือว่าเป็นก็อบลินสายพันธุ์ใหม่กันแน่นะ?

               “กล้องถ่ายรูป!!”

               เจ้าแก่ตาลุกวาวเมื่อมันเห็นของมีค่าอันใหม่มันรีบพุงตัวมาทางดีนหมายจะขโมยสิ่งที่ห้อยคอชายหนุ่มอยู่ จึงถูกโล่อัลพิสประเคนเข้าเบ้าหน้าจนกระเด็นลงไปกองบนพื้นแทน

               “เฮ้ย!! ตัวอะไรเนี่ย!? ปีศาจขี้ขโมย??” งงเป็นไก่ตาแตก เกิดมาเพิ่งเคยเจออสุรกายขโมยของมากกว่าอยากเลือดเดมิก็อด เขายกปลายหอกจ่อคอของมันไว้

               “โอ๊ย ๆๆๆ ยอมแล้ว ๆ อย่าฆ่าข้า” เจ้าแก่ร้องขอชีวิต “ข้าคือเลปพราคอน ข้าจะให้พรเจ้าหนึ่งข้อแลกกับให้เจ้าปล่อยข้าไปได้ไหมพ่อรูปหล่อ”

               โดนชมก็ดีใจอยู่หรอก แต่เจ้านี่ดูเจ้าเล่ห์ชะมัดมันจะเล่นลิ้นไหม ดีนเหลือบตาหันไปมองแมคเคนซีที่ดูหัวร้อนอยู่

               “ถ้าแกจะให้พรก็ให้พรเขาเป็นการไถ่โทษ ว่าแต่ขอพรอะไรก็ได้งั้นเหรอ?” ดีนถาม

               “ม่ายช่าย พรที่ข้าจะให้ได้ก็คือ ขอให้เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดัง ขอให้ร่ำรวย ขอให้แข็งแกร่งเหนือผู้ใดในโลก… หนึ่งในสามอย่างนี้เท่านั้น งั้นเจ้ารูปหล่ออีกคนอยากได้พรอะไรล่ะ ขอมาได้เลย” เลปพราคอนตอบพลางยิ้มหวานให้กับชายผู้ที่เพิ่งรัวหมัดใส่หน้ามันจนหน้าตาปูดบวม

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ได้เลย”

               เลปพราคอนร่ายมนต์บางอย่างให้แก่แมคเคนซีจากนั้นมันก็หายตัววับไปต่อหน้าต่อตา

               “เอ่อ.. จบแล้วใช่ไหม พวกเราไม่มีอะไรหายไปนะ?”

               สำรวจตัวเองก่อนเลย กล้องถ่ายรูปยังคล้องอยู่ที่คอ กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้ใช้เลยตลอดทริปก็ยังอยู่ ส่วนเสื้อผ้าในกระเป๋าคงจะอยู่ครบแหล่ะ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “แล้วนายไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใช่ไหม?”

               ถึงเขาจะเห็นว่าแมคเคนซีเอาแต่สาวหมัดใส่เลปพราคอนก็เถอะแต่ไม่แน่ว่าอาจจะถูกทำร้ายก่อนก็ได้ ดีนสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายหลังจากที่เช็คข้าวของดีแล้ว ไม่รู้ว่ากำปั้นที่ต่อยหน้าของอสุรกายขี้ขโมยจะเจ็บหรือเปล่าจึงจับมือขึ้นมาแล้วเป่าเพี้ยงลงไป แม้จะรักษาบาดแผลไม่ได้แต่ก็คงเยียวยาใจให้คนรักใจเย็นลงได้บ้าง

               แล้วเมื่อพร้อมออกเดินทางอีกครั้งพวกเขาก็เดินทางต่อไปยังกลอสเตอร์เพื่อพบกับคุณพ่อของแมคเคนซี นี่คือสิ่งที่ดีนตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่เผชิญหน้ากับเพกาซัสเสียอีก

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]



ขอสละสิทธิ์การขอพรเลปพราคอน มอบให้แมคเคนซีแทน


แสดงความคิดเห็น

200London Day 6 - Darling, I fancy you สามวันผ่านไป... ช่วงเวลาของการพักผ่อนอันอิ่มเอมใจที่กลอสเตอร์ได้จบล  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-26 03:15
โพสต์ 38810 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 22:37
โพสต์ 38,810 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-7-22 22:37
โพสต์ 38,810 ไบต์และได้รับ +5 EXP +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ตรีศูลน้อย  โพสต์ 2024-7-22 22:37
โพสต์ 38,810 ไบต์และได้รับ +7 EXP +6 เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-7-22 22:37
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-7-26 03:15:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-11-2 12:36
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-7-22 22:37
199London Day 3 - Like a child when our eyes meet
               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน ...

200
London Day 6 - Darling, I fancy you

               สามวันผ่านไป...

               ช่วงเวลาของการพักผ่อนอันอิ่มเอมใจที่กลอสเตอร์ได้จบลง ทั้งดีนและแมคเคนซีต้องออกเดินทางไปทำภารกิจที่ไทยแลนด์ต่อ ดังนั้นตอนนี้จึงได้เวลาบอกลาคุณลินคอล์นพ่อของแมคเคนซีแล้ว

               “ขอบคุณสำหรับการดูแลตลอดสามวันนี้นะครับ ผมประทับใจทริปครั้งนี้มาก รวมถึงทั้งชีสและนมที่คุณลุงตั้งใจดูแลมา มันอร่อยมาก เป็นนมกับชีสที่อร่อยที่สุดในโลกตั้งแต่ที่ผมเคยกินมาเลย”

               ดีนกล่าวขอบคุณพ่อแฟนพร้อมกับอวยไปหนึ่งกรุบ แต่นั่นไม่ใช่การกล่าวเกินจริง เขาหลงเสน่ห์การใช้ชีวิตที่เมืองชนบทแห่งนี้เข้าเต็มเปา ในอนาคตหากต้องทำงานเลี้ยงวัวในสถานที่ที่ห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นอายของเมืองเก่าเช่นนี้คงดีไม่น้อย แต่ดีนยังไม่อยากวาดฝันเรื่องของอนาคตไปไกลเช่นนั้น แม้ว่าเขายังไม่มีแผนเรื่องการงานเป็นชิ้นเป็นอันเลยก็ตาม

               ชายหนุ่มใช้ศอกสะกิดคนที่ยืนข้าง ๆ ให้บอกลาพ่อตัวเอง ก่อนจะขยับเข้าไปกระซิบใกล้ ๆ

               “อยากมีเวลาซึ้งกับคุณพ่อไหม เดี๋ยวฉันถอยฉากให้”

               @Mackenzie

               เห็นแล้วก็ขำพ่อลูกเถียงกัน เขายังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกชายวัยกลางคนรวบกอดเสียแล้ว ดูจากท่าทางคุณลินคอล์นคงเหงาน่าดูในช่วงเวลาที่ลูกชายต้องไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก ดีนทำได้แค่ยกมือขึ้นลูบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ

               “ครับ ผมสัญญาเลยว่าจะดูแลแมคซี่อย่างดี”

               และจะปกป้องอีกฝ่ายอย่างถึงที่สุดไม่ให้เรื่องอย่างที่ปารีสเกิดขึ้นซ้ำรอย พวกเขาขึ้นรถยนต์ที่จอดไว้จากนั้นตรงไปสู่สถานีรถไฟเมืองกลอสเตอร์ แล้วก็ได้เวลาร่ำลาครั้งสุดท้ายกันจริง ๆ เสียที

               “งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ คุณลุงก็ดูแลสุขภาพด้วย ไว้พบกันใหม่ตอนหมอนี่พามาครับ”

               @Mackenzie

               โบกมือบ๊ายบายพ่อของแมคเคนซีจนอีกฝ่ายขับรถหายลับไป แล้วจึงหันมาตอบคำถามแฟนหนุ่ม

               “ไม่นะ หรือว่าจะซื้อของกินตุนดี แต่ว่าค่อยไปซื้อที่ลอนดอนก็ได้มั้ง”

               ตามแผนกำหนดการพวกเขาต้องไปถึงสถานีคิงส์ครอสก่อนสี่ทุ่มเพื่อขึ้นรถด่วนเฮเฟตัสไปประเทศไทย ส่วนตอนนี้เป็นเวลาบ่ายนิด ๆ พวกเขารับประทานอาหารกลางวันกันมาจากบ้านของแมคเคนซีกันเรียบร้อยแล้ว ท้องจึงห่างไกลจากคำว่าหิว

               “อ้อใช่ ของฝากไง ของฝาก ว่าแต่ที่ลอนดอนมีอะไรขึ้นชื่อ ไม่เอาแม็กเน็ตติดตู้เย็นนะ”

               แต่ถ้าซื้อของฝากแล้วหอบไปไทยด้วยจะพะรุงพะรังไปหน่อยไหมนะ หรือจะใช้วิธีการซื้อแล้วส่งไปรษณีย์ไปอีกดี ถ้าคิดได้ไวกว่านี้ก็คงดีอยู่หรอกจะได้ส่งของฝากกลับไปค่ายพร้อมกับหมวกก็อบลินซะเลย

               @Mackenzie

               “ก็อยากกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่แซนด์วิชบ้างนี่นา เปลี่ยนเป็นแฮมเบอร์เกอร์บ้างก็ได้ไรงี้”

               แต่ให้ดีเขาก็อยากกินดี ๆ อย่างสเต็กที่เสิร์ฟบนเครื่องบินชั้นบิซิเนสคลาส ทว่าด้วยชาติกำเนิดของตนแล้วคงหมดหวังจะได้รับประทาน อาหารที่ขายในรถไฟเฮเฟตัสก็เน้นง่าย ๆ เพราะเดมิก็อดส่วนมากใช้สัญจรไปเพื่อทำภารกิจแม้จะมีไม่น้อยเลยที่จะโดยสารไปเพื่อธุระส่วนตัว

               “แฮร์รอดส์เหรอ.. ไม่รู้จะซื้อกระเป๋าไปเยอะแยะทำไมแฮะ” คนขยันซื้อนาฬิกากล่าว “แต่ขนมของมาร์คแอนด์สเป็นเซอร์น่าสนใจแฮะ รีชน่าจะชอบ..”

               ดีนไล่ลิสต์ในหัวว่าต้องให้ของฝากใครบ้าง อันดับแรก คือ ครอบครัวที่ซานอันโตนิโอ ต่อมาคือพี่น้องร่วมสายเลือดโพไซดอนและเอมีเลียที่เขารบกวนฝากน้องและสิงโตน้อยให้ดูแล ผู้อำนวยการและที่ปรึกษาของค่าย และอย่าลืมบิดาของเขาเจ้าสมุทรโพไซดอน แต่ขนมยี่ห้อนี้ไม่ได้หาซื้อยาก บางทีอาจจะให้เป็นของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างโปสการ์ดหรือพวงกุญแจที่แมคเคนซีแนะนำ

               “ฉันอยากส่งโปสการ์ดด้วย ได้ไหม?”

               @Mackenzie

               ดีนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำที่แมคเคนซีเรียกตน นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่าที่รัก แต่ไม่ว่าจะครั้งไหนก็ทำให้ชายหนุ่มเขินจนแสดงอาการล่กออกมา

               “จะ.. จะ… จะให้ฉันกินสักกี่อันเชียวกระเพาะก็มีแค่นี้” แสร้งทำเป็นไม่ได้โฟกัสกับคำว่าที่รักแต่พูดจาตะกุกตะกักเหมือนกับคนติดอ่าง “อะแฮ่ม! เห็นว่าเป็ดย่างที่อังกฤษขึ้นชื่อด้วยนี่นา ร้านโฟร์ซีซันใช่ไหม มันอยู่แถวทางผ่านของเราหรือเปล่า”

               แกล้งเปลี่ยนเรื่องซะเลย..

               “น่าจะรับนะ ฉันเคยได้รับโปสการ์ดจากเพื่อนที่ส่งมาจากร้านขายของฝากปารีส ที่ลอนดอนก็น่าจะส่งได้เหมือนกัน ส่วนพัสดุ.. เหมือนจะเห็นเฮอร์มีสเอ็กซ์เพรสที่ชานชาลาเฮเฟตัสเลย”

               แต่เขาไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร ตอนขามามัวแต่ตื่นเต้นกับอย่างอื่นมากกว่า บางทีอาจจำผิดก็ได้

               @Mackenzie

               “กินเก่งอะไรกันเล่า”

               ดีนมุ่ยหน้า อยากจะงอนหมอนี่ชะมัดแต่กลัวงอนแล้วเขาไม่ง้อเลยไม่งอนก็ได้

               “อืม ตามนั้น” เขากล่าว ตอบสั้น ๆ ทั้งเรื่องอาหารเย็นและของฝากต่าง ๆ ที่ต้องการซื้อ “งั้นตอนนี้พวกเราซื้อตั๋วรถไฟกันเถอะ เดี๋ยวจะพลาดรถไฟเที่ยวบ่ายโมง”

               ซึ่งถ้าพลาดเที่ยวนี้ไปมีหวังพวกเขาได้อดทั้งเป็ดย่างและของฝากรวมถึงรถไฟเวทมนตร์ที่จะขับเคลื่อนไปไทยแลนด์แน่ ๆ

               @Mackenzie

               พอได้ขึ้นรถไฟดีนก็แทบจะหลับไปตลอดทางจนถึงลอนดอน ความจริงอยู่กลอสเตอร์ควรจะเป็นการพักผ่อนชิล ๆ ในบ้าน-.. ไม่สิ คฤหาสน์ฟาร์มของแมคเคนซี ทว่าเขาถูก ‘หนุ่มกลอสเตอร์ดูดพลังชีวิต’ ไปจนเพลียแถมยังครั่นเนื้อครั่นตัวไม่หายแม้ไม่ได้แสดงอาการออกมา แต่เดี๋ยวบ่อย ๆ เข้าก็ชินเองแหล่ะ

               นั่งหลับไปหัวก็เริ่มจะไหลไปซบบ่าคนที่นั่งข้าง ๆ

               @Mackenzie
               
               สะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อถูกปลุก แพขนตาหนากะพริบถี่เพื่อปรับโฟกัส

               “ถึงแล้วเหรอไวจัง—.. ให้ตายสิ ฉันใส่คอนแทกเลนส์นอนอีกแล้ว!”

               โพลงออกมาราวกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่นั่นก็ทำให้เขาตื่นเต็มตาได้ในทันที ดีนรู้สึกว่าไม่ได้การถ้าขึ้นรถไฟเที่ยวสี่ทุ่มเขาต้องหลับอีกแน่ ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวเปลี่ยนไปใส่แว่นตาเตรียมไว้ดีกว่าเผื่อว่าเขาหลับอีก

               แล้วทั้งสองก็ลงจากสถานีเพื่อทำสิ่งที่คุยกันไว้รอขึ้นรถไฟรอบดึก

               “แล้วเราจะไปไหนกันก่อนดี ซื้อของฝากไหม ฉันยังไม่หิวเท่าไร”

               เพิ่งทานมื้อเที่ยงตอนก่อนออกจากบ้านแมคเคนซีจากนั้นก็หลับปุ๋ยมาบนรถไฟข้ามเมือง กระเพาะยังไม่ทันได้ย่อยคาโบนาราชีสฉ่ำ ๆ เลยด้วยซ้ำ

               @Mackenzie

               หรี่ตามองต้นตอของความเหนื่อย นอกจากไม่มีอาการของความล้ายังดูกระปรี้กระเปร่าเสียอีก แปลว่าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสินะ ก็แหงมล่ะไม่ลองมาโดนบ้างนี่

               “เปล่า สงสัยว่าร่างกายฉันมันจะแตกเนื้อหนุ่มมั้ง”

               ตอบแบบเลี่ยง ๆ แต่คนรักน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก

               “งั้น.. ร้านมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ไหม แล้วก็อาจจะเดินเล่นดูของอย่างอื่นด้วย”

               ตั้งแต่มาเข้าค่ายฮาล์ฟบลัดเขาแทบไม่ได้ช็อปปิ้งเลย ถ้าตอนนี้อยู่ที่นิวยอร์กล่ะก็ได้มีช็อปกระจายแน่ ๆ

               @Mackenzie

               เกือบจะด่าว่า ‘ไอ้โง่เอ๊ย’ อยู่แล้วถ้าไม่เห็นสีหน้ายิ้มอรุ่มเจ๊าะนั่นเสียก่อน แมคเคนซีก็เป็นแบบนี้ทุกที รู้อยู่แล้วแต่ก็ชอบแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เรื่อง ถึงจะเป็นแฟนกันแต่หมอนี่ก็ไม่หยุดกวนตีนเขาเสียทีก็ชักสีหน้าบึ้งตึงใส่ไปทีเหมือนอีโมจิหน้าคว่ำ แต่ก็ปรับสีหน้าเดิมกลับมาเมื่อถูกปะเหลาะเอาใจ

               “นายมาบอกว่าฉันกินเยอะทั้งที่ขุนฉันซะขนาดนี้อ่ะนะ”

               เหมือนกับตอนที่ไปกินฟิชแอนด์ชิปส์แถวสะพานลอนดอน ไม่ยั้งให้เขาสั่งเลยจนสุดท้ายก็พุงหลามกันทั้งคู่

               “ซื้อไปกินด้วยก็ได้ เราต้องนั่งรถไฟกันอีกตั้งสิบชั่วโมงใช่ไหม เฮ้อออ แค่คิดก็เมื่อยก้น” บ่นออด ๆ แอด ๆ แล้วก็ตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ “ปะ งั้นก็นำไปโลด”

               @Mackenzie

               “เอาเถอะ ๆ ก็ถ้าเป็นของอร่อยก็มีความสุขจริง ๆ นั่นแหล่ะ” ดีนเดินตามแมคเคนซีไปเพื่อจะซื้อของฝาก แต่เมื่อกี้เหมือนอีกฝ่ายพูดอะไรออกมาเลย “เมื่อกี้นายว่าไงนะแมคซี่?”

               โคลงศีรษะถามแต่ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ พอเห็นขนมบนชั้นวางตั้งเรียงเป็นตับเขาก็หยิบตะกร้าขึ้นมางานนี้น่าจะได้ซื้อเยอะกว่าที่คิดแน่ ๆ บอกเลยว่าเขาเลือกไม่ถูก คุ้กกี้รสที่เคยกินก็ดีแต่รสชาติอื่น ๆ ก็อยากลอง เลยหันไปหาแฟน

               “แนะนำหน่อยสิหนุ่มกลอสเตอร์”

               @Mackenzie

               ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าเปล่าเขาก็ไม่ได้ติดใจแล้วหันไปดูขนมต่อ ถ้าเลือกไม่ได้แบบนี้ก็หยิบ ๆ มาก่อนแล้วกัน จนกระทั่งที่ชายหนุ่มเดินไปถึงโซนจัดแพ็กเกจอาหาร แล้วก็พบสิ่งที่ทำให้หนุ่มเจ้าสำราญตาวาวขึ้นมาได้

               “แมคซี่ อันนี้น่ากินเนอะ”

               ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวขณะที่หยิบชุดช็อกโกแลตซอลเตลคาราเมลและโพรเซ็กโก้ขึ้นมา เขาไม่รู้ว่ามันเข้ากันอย่างไร แต่หากทางร้านจัดชุดมาแล้วแปลว่าน่าจะต้องรับประทานคู่กัน



               @Mackenzie

               “ไหงทำหน้าแบบนั้น กินแค่นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เมาหรอกน่า”

               พูดจบก็เอาแพ็กเกจช็อกโกแลตซอลเตลคาราเมลและโพรเซ็กโก้ใส่ลงตะกร้าเสียเลย แมคเคนซีชอบคิดว่าเขาคออ่อนอยู่เรื่อย ความจริงแล้วดีนไม่ได้คออ่อนแต่อีกฝ่ายคอแข็งเกินไปมากกว่า จากนั้นก็รีบเดินลิ่วไปดูขอฝากอื่น ๆ ต่อเพื่อไม่ให้คนรักทักท้วง

               จะว่าไปโซนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็น่าสนใจแต่ถ้าเขาดูตอนนี้สติต้องแตกแน่ ๆ เงินที่พ่อกับลุงให้มาก็ยังไม่ได้ใช้เลยแม้แต่ดอลลาร์เดียว ไหน ๆ กล้องถ่ายรูปก็มีคนซื้อให้แล้วการใช้เงินจำนวนนั้นซื้อรางวัลให้ตนเองคงไม่เสียหาย ติดปัญหาแค่ตอนขนส่งเนี่ยแหล่ะ แต่กิเลสตรงหน้าก็ช่างยั่วใจ โดยเฉพาะชุดฤดูร้อนที่ถูกจัดมาสำหรับคู่รักชายหญิงและเด็ก

               ‘ถ้าใส่คู่กันจะเหมือนแค่ใส่ชุดเหมือนกันเป็นฝาแฝดกล้วยหอมจอมซนหรือเปล่านะ?’

               ดีนขบคิดขณะที่จ้องอยู่ที่หุ่นพ่อแม่ลูกที่สวมเสื้อสีฟ้าขาวลายทางแบบเดียวกันอยู่ตั้งนาน

               @Mackenzie

               “เสื้อคู่.. นายคิดว่าไง?” ดีนชี้ไปที่ชุดคอลเลคชั่นเดียวกันบนหุ่นโชว์พ่อแม่ลูก “ฉันกำลังคิดว่าพวกเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ แค่ใส่ชุดเหมือนกันก็กลายเป็นเสื้อคู่แล้วหรือเปล่า?”

               ดับฝันความโรแมนติกด้วยตัวเอง บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองไม่น่าเป็นคนสมองไวเลย

               “แต่ว่าฉันชอบ นายจะเอาอีกตัวไหมจะได้เป็นเสื้อคู่ ใส่คู่กัน” ถึงจะถามความสมัครใจ แต่สายตาที่ส่งออกไปที่อีกฝ่ายคาดหวังให้ตอบตกลง

               @Mackenzie

               “อื้ม ไซส์เดียวกันนี่แหล่ะ”

               ถึงอีกฝ่ายจะสูงกว่าและลำตัวหนากว่าแต่ก็ถือว่าพวกเขายังใส่ไซส์เดียวกันได้อยู่ดี

               “นายอยากจะเลือกสีไหม?”

               ลองถามอีกฝ่ายดู ถ้าแมคเคนซีไม่มีสีและลายที่ชอบเป็นพิเศษเขาคงเลือกเสื้อเชิ้ตสีฟ้าลายตั้งแบบที่หุ่นลอนเสื้อใส่อยู่

               @Mackenzie

               “น่าจะได้นะ ต่างกันบ้างก็ดีไม่งั้นคงเหมือนเสื้อบริษัท”

               ดีนกลั้วหัวเราะดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ชุดคู่แบบที่ต้องการที่ไม่เหมือนกันจนเกินไปแล้ว

               “งั้นไปจ่ายเงินกันเลยไหม มีอะไรที่นายอยากจะซื้ออีกหรือเปล่า อ้อ ของทั้งหมดในตะกร้าฉันขอออกเงินซื้อเองนะ นายจ่ายค่าที่พักมาเยอะแล้วแมคซี่”

               ปกติดีนชอบแบบอเมริกันแชร์แต่ได้ตกลงกันตั้งแต่เริ่มทริปแล้วว่าการท่องเที่ยวงวดนี้ทั้งที่ลอนดอนและไทยแมคเคนซีจะออกค่ายใช้จ่าย แต่ก็ไม่คิดว่าจะพาไปนอนโรงแรมหรูแบบนั้นไง ส่วนที่ไทยเขาไม่ได้จองโรงแรมล่วงหน้า คราวนี้แหล่ะที่จะได้พักแบบสมบุกสมบันไม่เน้นหรูของจริง

               @Mackenzie

               “ใส่เลยเหรอ นายนี่บ้าเห่อจริง ๆ ยังไงก็ได้ ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

               ยิ้มขำมองแฟนหนุ่ม แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายยอมให้ความร่วมมือหากแมคเคนซีไม่เอาด้วยคงจะหงอยน่าดู

               “อะ.. แค่ร้านนี้เหรอ” มุ่ยหน้าไปนิดนึงแต่ไม่อยากขัดใจ “ก็ได้ แค่ร้านนี้ก็ได้ กับอีกทีคือตอนซื้อของฝากที่ไทย ตกลงไหม?”

               แล้วก็ถึงคิวจ่ายเงิน ตอนหยิบของไม่คิดว่าเยอะแต่พอเช็คบิลแล้วเห็นยอดเงินรอยยิ้มที่เคยยิ้มยืดก็เจื่อนลงนิดหน่อย เห็นทีว่าเขาคงต้องปรับแผนการใช้เงินอีกนิดเพื่อให้มีเงินเหลือพอประทังชีพในยามว่างงาน แม้ว่าจะโอนเงินมาให้ตั้งห้าร้อยเหรียญก็ตาม

               ถือว่าพวกเขาสองคนใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ากับการเลือกซื้อของฝาก เพียงแค่แป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงราวกับว่าร้านมาร์คแอนด์สเปนเซอร์เป็นหลุมดูดเวลาอย่างไรอย่างนั้น ข้อดีก็คือพวกเขาไม่ต้องรอเวลาหิวมื้อเย็นก่อนขึ้นรถไฟจนม่อยหลับไปเสียก่อน

               “งั้นต่อไป กินเป็ดใช่ไหม?”

               @Mackenzie

               มาตามเก็บร้านอาหารขึ้นชื่อของลอนดอนอีกหนึ่ง แม้ว่าดีนจะไม่ได้ชื่นชอบมากเป็นพิเศษแต่ด้วยชื่อเสียงของร้านเป็ดย่างในตำนานมีหรือที่มาถึงถิ่นแล้วจะไม่ลอง เมื่อได้ที่นั่งร้านโฟร์ซีซันพวกเขาก็เปิดเมนูเลือกสั่งอาหาร โอ้ พระเจ้า! สมกับเป็นร้านดังขึ้นชื่อ แต่ละเมนูอย่างแพง แอบเกรงใจแฟนยังไงไม่รู้ เพราะร้านนี้เขารีเควสมาเอง

               “เอ่อ.. ฉันอยากกินเป็ดย่างกับหมูกรอบ ส่วนนอกนั้นก็.. ฉันสั่งอาหารจีนไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ”

               มองภาพในเมนูดีนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร มีอาหารที่น่ากินหลายอย่างส่วนมากเป็นเมนูผัดไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์หรือผัก แต่ว่ามันต้องกินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือเปล่านะ แต่ก็มีบะหมี่ผัดกับข้าวผัดด้วย

               “บะหมี่ผัดหรือข้าวผัดนายว่าไงดี?”

               ที่ถามเพราะจากราคาที่สูงกว่าอาหารจานเดียวปกติข้าวหรือหมี่ผัดนั้นต้องมาเป็นจานใหญ่แหงม ๆ

               @Mackenzie

               “โอเคได้”

               ดีนพยักหน้าหงึกหงักจากนั้นก็ดูเมนูต่อ โดยไม่คิดจะสั่งอะไรเพิ่มด้วยความเกรงใจราคาที่แมคเคนซีต้องจ่ายหนักในมื้อนี้อีกแล้ว และอีกอย่างดิ่มซำที่อีกฝ่ายสั่งก็เพียงพอจะทำให้ทั้งสองอิ่มไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า

               “เท่านี้แหล่ะ ส่วนเครื่องดื่มก็.. น้ำชาแล้วกัน”

               มาอาหารร้านอาหารจีนทั้งทีก็ควรจะสั่งเครื่องดื่มที่เข้ากันแม้สายตาเขาจะถูกเบียร์จีนดึงดูดอยู่ไม่น้อยเลยก็ตาม

               @Mackenzie

               “นอกจากเป็นหมาแล้วนายจะให้ฉันเป็นหมูอีกเหรอ ไม่มีวันหรอกแมคซี่”

               ตอบกลับไปอย่างมั่นใจ กว่าจะได้หุ่นออกมาดีขนาดนี้เขาต้องออกกำลังกายหนักมากแค่ไหนไม่มีใครรู้หรอก เรียกได้ว่ากว่าจะปั้นกล้ามเนื้องาม ๆ ขึ้นมาได้ทำเอาเขาสนิทกับเทรนเนอร์ของฟิตเนสไปเลย แต่ก็โชคดีอีกอย่างตรงที่ตนเป็นคนที่กินเท่าไรก็ไม่ค่อยอ้วนเนี่ยแหล่ะ ไม่รู้ว่าร่างกายเผาผลาญดีหรือว่าตนไฮเปอร์ชอบทำนั่นทำนี่ไขมันจึงถูกเบิร์นออกไปเองด้วยส่วนหนึ่ง



               อาหารที่ถูกเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าทำเอาดีนตาวาว เขาหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพมื้ออาหารสุดท้ายก่อนออกจากลอนดอน ชายหนุ่มมองตามเสี่ยวหลงเปาที่ถูกตักเสิร์ฟใส่จาน เป็นภาพที่ประหลาดชะมัดกับการทานอาหารจีนโดยไม่ใช้ตะเกียบ แต่เขาก็ไม่อาจวิจารณ์แมคเคนซีได้หรอกเพราะตนก็ไม่ถนัดพอกัน

               “ขอบคุณนะ” เขากล่าวกับอีกฝ่าย “ถ้าไม่อยากถูกลวกปากก็น่าจะต้องเจาะรูแล้วเป่าให้ข้างในเย็นลงหรือเปล่า?”

               ดีนลองเสนอวิธีการรับประทาน แต่สำหรับคนที่เคยมีแชร์เมทเป็นชาวจีนโพ้นทะเลและมักจะสั่งอาหารจีนมารับประทานที่ห้องบ่อย ๆ เขาเห็นชาวตะวันออกพวกนั้นรับประทานติ่มซำที่ยังควันโขมงกันได้ราวกับว่าลิ้นทำมาจากเหล็กกล้า ดีนเคยลองไปชิมดูครั้งนึงปรากฏว่าปากพองแล้วทานอะไรไม่อร่อยไปอีกเป็นวัน จากนั้นเขาจึงไม่ลองเสี่ยงทำอย่างแชร์เมทชาวจีนอีก

               ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มสาธิตวิธีการนั้นตามสมมุติฐานของตนเองก่อนจะรับประทาน ก็ไม่แย่ เสียเวลาเพิ่มนิดหน่อยแต่ดีกว่าการที่ลิ้นพอง

               ‘ยอดเยี่ยม!’

               ดีนยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น ไร้คำพูดส่งออกมาแต่แมคเคนซีคงสังเกตได้จากสีหน้าและท่าทางที่เพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมนูขึ้นชื่ออย่างเป็ดย่างที่หนังด้านนอกกรอบแต่เนื้อด้านในชุ่มฉ่ำเข้ากันได้ดีกับน้ำราดรสอร่อยไร้ซึ่งกลิ่นคาวของเป็ดจากกรรมวิธีการทำที่ดี ส่วนหมูกรอบก็หนังกรอบได้ใจตัวเนื้อมีรสชาติเค็มปะแล่มคล้ายกับแฮมทำให้รู้สึกแปลกใหม่ และสุดท้ายคือข้าวผัดหยางโจวที่หอมกลิ่นไส้กรอกจีนรสหวาน (กุนเชียง) และกลิ่นของว็อกที่ผัดโดยใช้ไฟแรง นับว่าเป็นมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมอีกมื้อนึง  

               @Mackenzie

               “แต่ลอนดอนก็หนาวกว่านิวยอร์กเยอะเลยนะ”

               หากไม่บอกว่านี่คือฤดูร้อนคงคิดว่านี่คือฤดูใบไม้ร่วงของตอนที่อยู่นิวยอร์ก ถือว่าเย็นสบายแต่บางครั้งยังพูดออกมาเป็นไอขาวเลยด้วยซ้ำ

               “ของหวานเหรอ น่าสนใจ”

               ตอนดูเมนูเขาไม่ได้สนใจหน้าของหวานมากเท่าไรเพราะถูกเมนูอาหารที่ไม่คุ้นตาดึงดูดใจไปเสียหมด แล้วของหวานของอาหารจีนคืออะไรกันนะ คงไม่ใช่ขนมไหว้พระจันทร์หรอกใช่ไหม? ดีนจึงเรียกพนักงานขอเมนูมาดูใหม่อีกครั้ง

               “อืม.. ดูเหมือนว่าของหวานจะมีแต่ลิ้นจี่เชื่อมนะ ฉันไม่เคยกินเลยมันรสชาติเป็นแบบไหน…” ดีนครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าถามแมคเคนซี “ลองสั่งมากินด้วยกันดีไหม เผื่อว่ามันจะเป็นรสชาติที่ไม่ชอบน่ะ จะได้ไม่เหลือเยอะเกินไป”

               หาคนช่วยกินอีกตามเคย

               @Mackenzie

               ดีนมองสีหน้าคล้ายกับว่าแมคเคนซีแอบบ่นในใจลย..

               “งั้นถ้วยเดียวแล้วกินด้วยกันเนอะ”

               เมื่อได้ข้อสรุปเขาก็หันไปสั่งกับพนักงานพร้อมขอช้อนเพิ่มอีกคัน ไม่นานเกินรอของหวานลิ้นจี่เชื่อมก็ถูกนำมาเสิร์ฟ พอได้ชิมรสดีนก็ขมวดคิ้วอยู่แว้บหนึ่งด้วยรู้สึกคล้ายกับจะคุ้นก็ไม่คุ้นเคยกับผลไม้ชนิดนี้

               “ทำไมเหมือนฉันเคยกินค็อกเทลใส่เจ้านี่เลย”

               ตอนนั้นกินแบบน้ำแต่ตอนนี้ได้รับประทานแบบผล ซึ่งมันก็ไม่แย่

               @Mackenzie

               “อ๋อ งี้เองเข้าใจล่ะ นึกว่าจะหากินยากแต่ความจริงแล้วหากินง่ายมากกว่าที่คิดสินะ”

               แล้วก็ตักเนื้อลิ้นจี้เข้าปากทานอีกคำ โชคดีชะมัดที่เป็นรสชาติที่คุ้นเคยแล้วเขาก็ออกจะชอบเสียด้วย

               “หืม หวานไปเหรอ?” เอียงคอมองของหวานสลับกับหน้าแมคเคนซี เขาคิดว่ารสชาติหวาน ๆ แบบนี้กำลังดีเลย สดชื่นแล้วก็ได้พลังงานจากน้ำตาลด้วย “คิดว่าหมดนะ”

               กลายเป็นว่าจากตอนแรกที่กลัวจะกินไม่ได้เลยให้อีกฝ่ายช่วย กลายเป็นคนช่วยยกธงขาวเสียแทน ดีนขำน้อย ๆ จากเรื่องตลกนั้น จากนั้นจึงทานลิ้นจี่เชื่อมในถ้วยจนหมดแล้วก็ได้เวลาเช็คบิล

               @Mackenzie

               “ก็เหลือส่งของฝาก แล้วก็รอยาว ๆ จนถึงสี่ทุ่ม.. ใช่หรือเปล่านะ?”

               หากจำไม่ผิดเหมือนตารางรถออกไปไทยแลนด์จะเป็นเวลานั้น แต่ก่อนอื่นพวกเขาต้องทะลุมิติเข้าไปในชานชาลาที่เก้า จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟแล้วก็หาร้านไปรษณีย์เฮอร์มีส

               ตอนแรกตกลงกันว่าจะสลับกันจ่ายค่ารถไฟแต่ดีนคงรู้สึกไม่ดีเท่าไรหากให้แมคเคนซีทั้งจ่ายดอลลาร์และดรักม่าจำนวนมาก แม้ในโลกมนุษย์อีกฝ่ายจะเป็นลูกเศรษฐี แต่ในโลกแห่งทวยเทพอีกฝ่ายเป็นยาจกดี ๆ นี่เอง ดีนผู้คุมกระเป๋าเหรียญดรักม่าจึงตัดสินใจออกค่าโดยสารเองทั้งหมด เมื่อได้รับตั๋วรถไฟมาเขาก็มองเวลาที่จารึกอยู่บนนั้น ออกเดินทางสี่ทุ่ม ถึงประเทศไทยบ่ายสี่โมง ตรงกับข้อมูลที่สืบมาได้เป๊ะ

               เมื่อจองตั๋วรถไฟเสร็จพวกเขาก็เดินหาเฮอร์มีสเอ็กซ์เพรสที่สถานีจนเจอกับบริการส่งพัสดุเล็ก ๆ สำหร้บเหล่าเดมิก็อด ดีนส่งขนมบางส่วนกลับไปยังค่ายฮาล์ฟบลัด แนบข้อความถึง รีชา แคมพ์เบลล์ และเอมีเลีย แอร์ฮาร์ด ติดข้อความฝากเก็บไว้ด้วยไม่อย่างนั้นน้องสาวได้กินขนมหมดก่อนที่คุณไครอนกับคุณดีจะได้ของฝากแน่ ๆ นอกจากนี้เขายังส่งไปรษณีย์ทางไกลถึงตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างไปรษณียบัตรกับคนส่งใครจะกลับไปถึงค่ายก่อนกัน

               ของฝากอีกส่วนถูกส่งไปยังซานอันโตนิโอบ้านเกิด และส่วนสุดท้ายเขาตั้งใจส่งช็อกโกแลตสุดหรูไปถึงนครแอตแลนติส และเมื่อดีนปิดผนึกเทปกล่องของฝากถึงบิดาเทพก็หายวับไป

               “แมคซี่ นายจะส่งของฝากให้แม่นายด้วยไหม?”

               @Mackenzie

               “โอเค เยี่ยมเลย”

               ดีนคลี่ยิ้มออกมา ในที่สุดแมคเคนซีก็ยอมติดต่อหามารดาได้เสียที หลังจากที่อีกฝ่ายดูไม่เชื่อว่ามีแม่เป็นเทพีแห่งมนตราแต่การได้กลับบ้านครั้งนี้อาจช่วยกระตุ้นให้คนรักติดต่อเทพีไปก็ได้เพราะคุณลินคอล์นฝากจดหมายน้อยมอบให้ภรรยาเทพ

               เมื่อส่งของกันเสร็จเรียบร้อยพวกเขาก็นั่งรอจนกว่ารถไฟไปไทยแลนด์จะเทียบท่า รอนานจนเผลอหลับไปหลายตื่น คงเป็นเพราะอาหารเย็นที่รับประทานกันอิ่มหนำจนตึงพุง แต่คนที่วูบหลับมีแค่ดีนเพียงคนเดียวเหมือนร่างกายจะเหนื่อยล้ากว่าปกติชอบกล เมื่อเห็นว่าไม่ได้การเขาจึงไปเปลี่ยนถอดคอนแทกเลนส์แล้วสวมแว่นตาแทน เพียงแค่ไอเทมเพียงหนึ่งสิ่งก็เปลี่ยนลุคได้ในชั่วพริบตา

               รถไฟไปไทยแลนด์มาแล้วทีนี้ก็ได้เวลานอนยาว ๆ สิบชั่วโมงจนถึงที่หมายเสียที

               บ๊ายบายกลอสเตอร์ บ๊ายบายลอนดอน จนกว่าจะได้พบกันใหม่… อีกครั้ง


แบบฟอร์มถวายของ
(ถวายของผ่านการส่งพัสดุด้วยม้วนเทปเฮอร์มีส)
ชื่อของคุณ: ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล
ของที่ถวาย: ช็อกโกแลต
เทพที่ถวายของ: โพไซดอน
คำพูดที่อยากคุยกับเทพ:
สวัสดีครับพ่อ ผมกำลังจะออกจากลอนดอนไปไทยแลนด์ต่อแหล่ะ เลยส่งของฝากมาให้ก่อนที่มันจะบุบบู้บี้
ช็อกโกแลตขึ้นชื่อจากร้านดังในลอนดอน แฟนผมเขาบอกว่าอร่อย ไม่รู้ว่าพ่อเคยกินหรือเปล่า
เดียวกลับจากไทยผมจะส่งของฝากให้อีก ถ้าพ่ออยากฝากซื้ออะไรก็มาเข้าฝันผมนะครับ
บายพ่อ อวยพรให้พวกผมเดินทางโดยสวัสดิภาพด้วย
ด้วยรัก จาก ดีน
------------------------------------------------------------
HEROES (วีรบุรุษผู้โปรดปราน) โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+25
------------------------------------------------------------
จ่ายค่ารถไฟเฮเฟตัส 2 ที่นั่ง 40 ดรักม่า
(รวมภาษีแล้ว = 43 ดรักม่า)

@God

แสดงความคิดเห็น

29. Goodbye LondonM [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] “ยินดีที่เธอชอบการต้อนรับของบ้านเรานะดีน ฉันยังมีชีสกับนมอีกเยอะ พก  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-7-26 21:01
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-03] โพไซดอน เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-26 10:12
God
เสียงกระซิบลอยมา ไม่เอาปลาร้า!!  โพสต์ 2024-7-26 10:12
โพสต์ 67089 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-7-26 03:15
โพสต์ 67,089 ไบต์และได้รับ +8 ความศรัทธา จาก GPS ทะเล   โพสต์ 2024-7-26 03:15
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
โหมดขั้นสูง
B Color Image Link Quote Code Smilies

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้