29. Goodbye London M
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ยินดีที่เธอชอบการต้อนรับของบ้านเรานะดีน ฉันยังมีชีสกับนมอีกเยอะ พกเอาไปกินที่รถไฟกับที่ไทยด้วยสิ”
แมคคอยผู้เป็นบิดาของแมคเคนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาตบบ่าดีนที่ลูกชายพามาแนะนำตัวเมื่อสองวันก่อนว่ากำลังคบหากันในฐานะคนรักอย่างชอบใจที่อีกฝ่ายเอ่ยชมธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารของครอบครัว
“โอ๊ย พ่อ เอาไปเดี๋ยวก็เสียเปล่า ๆ มันไม่มีตู้เย็นไว้เก็บของนะ”
ผู้เป็นลูกชายอย่างแมคคนซีรีบขัดขึ้นมา นมน่ะยังพอว่า แต่ชีสนี่จะให้พกไปยังไง ดีไม่ดีจะได้บูดหรือละลายกลางทางซะก่อน เขาเหลือบมองดีนเมื่ออีกฝ่ายกระซิบบอกก่อนจะส่ายหน้า แต่แมคคอยน่าจะแอบได้ยินเข้าจึงรวบตัวชายหนุ่มทั้งสองมากอดไว้แล้วซุกหน้าเข้าระหว่างกลางของไหล่ทั้งคู่
“พ่อดีใจที่ลูกกลับมาแมค กว่าจะถึงเวลาที่แกจะกลับบ้านก็ดูแลตัวเองให้ดี กลับค่ายเมื่อไหร่ก็ติดต่อมาบ้างนะส่วนดีน…ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็มาได้ทุกเมื่อ ที่นี่ยินดีต้อนรับเธอเสมอ แล้วก็…ฝากดูแลแมคด้วย”
เมื่อบอกลาทั้งคู่แล้วแมคคอยก็ผละออกมา เขาเข้าใจดีว่าทั้งคู่ยังมีภารกิจที่ต้องไปทำต่อจึงไม่คิดรั้งเอาไว้ แม้ว่าตลอดสามวันที่ผ่านมานี้จะทำให้เขาหายเหงาไปได้มากก็ตาม
“ไปขึ้นรถกันได้แล้วพวกหนุ่ม ๆ ชักช้าจะตกรถไฟเอา”
ผู้เป็นพ่อบอกแล้วก็เดินนำไปยังรถที่จอดรอไว้หน้าบ้าน เตรียมไปส่งทั้งคู่ที่สถานีรถไฟเช่นเดียวกันกับตอนไปรับเมื่อขามา
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
ได้ยินดีนบอกอย่างนั้นก็ยิ้มออกมา ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นโอบเอวคนรักและกอดผู้เป็นพ่อตอบในเวลาเดียวกัน
“โอเค ถ้าถึงค่ายแล้วผมจะรีบติดต่อกลับมาเลย พ่อก็ดื่มให้น้อยลงได้แล้ว ดื่มนมให้มากกว่าดื่มเหล้าได้แล้วนะรู้ไหม”
หลังจากโดนพ่อตบหลังไปป้าบนึงอย่างเต็มรักจนต้องเบ้หน้า เขาก็เดินไปขึ้นรถโดยไม่ลืมหันกลับไปมองบ้านหลังที่ตนอยู่มานานกว่าสิบปี แค่สามวันยังไม่ทำให้หายคิดถึงได้ง่าย ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้กลับมาอีกครั้ง
“แล้วพบกันครับพ่อ ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมา”
แมคเคนซีบอกลาพ่ออีกครั้งเมื่อถึงสถานีรถไฟ แมคคอยยิ้มแล้วพยักหน้ารับก่อนจะขับรถออกไป นี่เขาต้องแยกจากพ่ออีกแล้วเหรอเนี่ย นึกแล้วก็แอบวูบโหวงในใจชอบกล
“นายอยากซื้ออะไรก่อนขึ้นรถไฟไหม”
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วก็หันมาถามดีนที่ยืนอยู่ข้างกัน
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“เบื่อแซนด์วิชที่รถไฟเฮเฟตัสแล้วเหรอ”
แกล้งถามยิ้ม ๆ เมื่อขามาลอนดอนยังเห็นอีกฝ่ายทานอย่างเอร็ดอร่อย แต่ความจริงแล้วทานมื้อเย็นที่ลอนดอนเลยก็ดีเหมือนกัน กว่ารถไฟขบวนที่ไปประเทศไทยจะออกก็ 4 ทุ่ม ถึงเวลานั้นพวกเขาคงหลับยาวมากกว่าจะทานอะไรต่อ
“อืม…ถ้าที่คนนิยมซื้อกันก็เป็นพวกแฮร์รอดส์ ขนมที่ร้านมาร์คแอนด์สเป็นเซอร์ ชาอังกฤษ โปสการ์ด ถ้านายไม่ชอบแม็กเน็ตจะซื้อพวงกุญแจแทนก็ได้”
แมคเคนซีพยายามนึกถึงของพวกฝากที่มีน้ำหนักเบาและขนาดไม่ใหญ่โตเพื่อไม่ให้เป็นภาระในการเดินทางไกล พูดถึงของฝากแล้วเขาเองก็ควรซื้อของฝากกลับไปให้น้อง ๆ ที่บ้าน รวมถึง ‘แม่’ ของเขาด้วย
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ได้อยู่แล้ว นายจะกินแฮมเบอร์เกอร์กี่อันก็ได้ ‘ที่รัก’”
แมคเคนซีจงใจเน้นคำสุดท้าย จะว่าไปตั้งแต่คบกันมาเขา็ไม่เคยแทนสรรพนามดีนด้วยคำนี้เลย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงเวลาพูดคำนี้ แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นความรู้สึกจั๊กจี้และชวนให้ใจฟูในเวลาเดียวกัน
“แฮร์รอดส์ก็ไม่ได้มีแต่กระเป๋าสักหน่อย ฉันว่าซื้อขนมไปฝากเด็ก ๆ ก็ดีนะ อยู่แต่ในค่ายคงไม่ค่อยได้กินขนมจากที่อื่นเท่าไหร่”
อย่างน้อยถ้าได้ทานขนมที่แตกต่างจากที่มีขายในร้านสะดวกซื้อในค่ายก็คงจะแก้เบื่อความซ้ำซากจำเจได้บ้าง
“อืม…ถ้าส่งแต่โปสการ์ดที่ร้านเขามีบริการส่งให้นะ แต่ถ้าส่งไปต่างประเทศฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะรับส่งให้ไหมส่วนพัสดุฉันว่าเราคงต้องหาไปรษณีย์ไปส่งกันเอง”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“นายกินเก่งจะตาย มาทำเป็นพูด”
หัวเราะกับท่าทางนั้นของดีน น่ารักจนอยากจับมาหอมหัวสักฟอด
“อยากกินอาหารจีนงั้นเหรอ เหมือนว่าจะมีร้านนึงอยู่ใกล้ ๆ สถานีคิงศ์ครอส นั่งรถบัสไปไม่ถึงสิบนาที สนใจหรือเปล่า”
ถ้าแมคเคนซีจำไม่ผิด แต่ร้านอาจไม่ได้ใหญ่เท่าสาขาอื่นที่อยู่ตามย่านท่องเที่ยว
“งั้นโปสการ์ดก็ฝากที่ร้านส่ง ส่วนพัสดุก็ลองไปดูตรงสถานีเฮเฟตัสก่อน ถ้าไม่มีเราก็แค่หอบหิ้วไปด้วย ยังไงนายก็วางแผนว่าจะเช่ารถอยู่แล้วนี่ คงไม่ลำบากมากหรอก”
อย่างน้อยการเช่ารถขับเพื่อเดินทางทริปที่ไทยก็คงจะเพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาให้พวกเขาได้มากกว่าการต้องใช้บริการรถสาธารณะในช่วงหลายวันมานี้
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“โอเค”
แมคเคนซียักไหล่เล็กน้อยแล้วโอบไหล่พาดีนเข้าไปในสถานี จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วเพื่อกลับไปยังลอนดอน ซึ่งก็ใช้เวลารอไม่นานนัก รถไฟที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานีคิงส์ครอสก็จอดเทียบชานชาลาแล้วออกจากกลอสเตอร์ในเวลาบ่ายโมงพอดี
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“……….”
นั่ง ๆ ไปสักพักก็หนักที่บ่าขึ้นมา พอหันไปมองก็เห็นดีนกำลังหลับโดยใช้เขาอิงซบแทนหมอนเสียแล้ว ฝ่ามือใหญ่ยกมือลูบผมสีเข้มเบา ๆ แล้วผละออก ริมฝีปากอิ่มได้รูปเม้มแน่นพยายามซ่อนรอยยิ้มเอาไว้…บ้าจริง นี่เขาหยุดยิ้มไม่ได้เลย
ระหว่างที่อีกฝ่ายหลับแมคเคนซีก็พยายามนั่งให้นิ่งที่สุด ไม่กระดุกกระดิกแม้แต่น้อยด้วยกลัวว่าคนรักจะตื่นกว่าจะถึงสถานีคิงส์ครอสเลยแอบเมื่อยเนื้อตัวไปบ้าง
“ดีน…ตื่นเถอะ เรามาถึงลอนดอนแล้ว”
เขาปลุกอีกฝ่ายด้วยการบีบมือเบา ๆ เมื่อรถไฟจอดเทียบชานชาลาสถานีคิงส์ครอส และผู้โดยสารบางส่วนเริ่มทยอยลงไปบางส่วน
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ฉันเหมือนจะเห็นนายหลับเวลานั่งรถหลายรอบแล้ว เมารถหรือเปล่า”
แมคเคนซีถามขึ้นมาอย่างสงสัย ทริปนี้พวกเขานั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ แม้ว่าดีนจะหลับแต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายเหนื่อยหรือว่าเมารถเลยหลับให้ไม่เกิดอาการกันแน่
“เอาสิ ร้านก็อยู่ในสถานีพอดี พอกินมื้อเย็นเสร็จจะได้ไม่ต้องรีบร้อนมาซื้อ นายอยากไปร้านไหนก่อน”
ถามพลางพาดีนเดินไปยังส่วนที่เป็นร้านขายของ
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“หา…เพิ่งมาแตกเนื้อหนุ่มอะไรเอาป่านนี้ นายแก่กว่าฉัน—-”
กว่าจะเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อก็เมื่อเห็นสายตาแบบนั้นจากดวงตาสีเปลือกไม้นี่แหละ แล้วแมคเคนซีจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มอรุ่ม~อยู่คนเดียว
“ไม่เอาน่า เดี๋ยวฉันเลี้ยงโฟร์ซีซันเติมพลังงานให้นายเอง อ้อ หรือจะเป็นขนมในมาร์คแอนด์สเปนซอร์ก็ได้นะ เราซื้อไปกินที่ไทยด้วยดีไหม”
ถึงที่ไทยจะมีขนมและอาหารให้ลิ้มลองมากมายและราคาถูกกว่าที่นี่ แต่มาร์คแอนสเปนเซอร์ก็ขึ้นชื่อเรื่องร้านขายขนมที่หลากหลายอยู่แล้ว หากไม่ซื้อไปลองชิมคงน่าเสียดายแย่
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แอบใจแป้วไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคนรักหน้าบึ้ง สงสัยจะโดนงอนเข้าซะแล้ว…เมื่อคืนเขาทำรุนแรงไปหรือไงนะ ก็ไม่นี่นา คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างดีนไม่น่าจะหมดแรงง่าย ๆ กับเรื่องนี้ เอาเป็นว่าตอนนี้อย่าเพิ่งไปกวนโมโหมากดีกว่า…คราวหน้าค่อยเอาใหม่
“ก็เวลานายกินของอร่อยแล้วหน้าดูมีความสุขดี”
และแมคเคนซีเองก็ชอบมองสีหน้าแบบนั้นของดีนมากซะด้วย ดังนั้นต่อให้จะเป็นอาหารราคาแพงแค่ไหนเขาก็ยินดีจ่าย
“เมื่อยเพราะนั่งรถไฟหรือเมื่อยเพราะอย่างอื่น”
พึมพำเบา ๆ คิดว่าดีนคงไม่ได้ยินแล้วหันมายิ้มให้ก่อนจะพาอีกฝ่ายไปช็อปปิ้งที่ร้านมาร์คแอนด์สเปนเซอร์
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“หืม…เปล่า”
เขารีบตอบทันควันพร้อมยิ้มตาใส แต่ดีนคงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเมื่ออีกฝ่ายเริ่มไปดูขนมที่วางเรียงรายอยู่ตามชั้นวาง
“ถ้าให้ฉันแนะนำก็พวกบิสกิต คุกกี้ ช็อคโกแลต เยลลี่ ลูกอม อะไรแบบนี้”
บอกพลางหยิบช็อคโกแลตบาร์ และบิสกิตที่ตนคิดว่าอร่อยใส่ลงในตะกร้า รวมถึงลูกอมอีกแพ็คนึงซึ่งแมคเคนซีคิดว่าจำเป็นต้องใช้ตอนขับรถที่ไทย
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แมคเคนซีมองสิ่งที่อยู่ในมืออีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย
“นายคงไม่ได้คิดจะเอาไปดื่มในรถไฟหรือที่ไทยใช่ไหม”
ถึงแม้ว่าโพรเซ็กโก้ซึ่งเป็นสปาร์คกลิ้งไวน์จะมีรสชาติดีกรีไม่แรงนักซ้ำยังให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกหลายชนิด แต่เขาก็ไม่ค่อยไว้ใจดีนสักเท่าไหร่ ภาพที่ดีนเคยเมาทั้งก่อนจะมาค่ายรวมถึงครั้งล่าสุดที่ดื่มสาเกด้วยกันยังเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน กลัวว่าอีกฝ่ายจะเมาปลิ้นแล้วแฮงค์จนไม่ได้ทำภารกิจเอาซะก่อน
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
ยังไม่ทันจะได้ขัดอะไรต่อดีนก็เดินไปดูของอย่างอื่นซะแล้ว แมคเคนซีถอนใจบาง ๆ กับความดื้อดึงของอีกฝ่ายแต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาเองที่คอยตามใจดีนอยู่ดี เอาเถอะ…เมาก็แค่หลับในรถ ยังไงเขาก็รับหน้าที่สารถีตลอดทริปไปไทยอยู่แล้ว
หลังจากที่เลือกซื้อของให้คนที่ค่ายเสร็จ แมคเคนซีก็เดินมาสมทบกับดีนที่เหมือนว่าจะเจอสิ่งที่ถูกตาต้องใจเข้า
“อยากได้อะไร ฉันเห็นนายจด ๆ จ้อง ๆ อยู่นานสองนานแล้ว”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แมคเคนซีมองไปตามที่ดีนชี้ ตั้งแต่มีแฟนมาเขายังไม่เคยใส่เสื้อคู่เลยสักครั้ง น่าเสียดายที่ว่าแบบชุดของผู้หญิงคงไม่มีไซส์ผู้ชาย พวกเขาคงต้องใส่เสื้อเหมือนกันเป็นเสื้อแฝดควบเสื้อคู่ไปในคราวเดียว
“ได้นะ ฉันไม่มีปัญหาอะไร เราน่าจะใส่ไซส์เดียวกันด้วยไหม ชุดที่นายเคยให้ยืมฉันก็ใส่ได้”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ฉันขอดูก่อนนะ โอ้…ขอโทษนะครับ เสื้อคอลเลคชั่นนี้มีสีหรือลายอะไรนอกจากแบบโชว์บ้าง”
ขณะที่กำลังจะไปเลือกสีก็เห็นพนักงานในร้านเดินผ่านมาพอดี ซึ่งเธอก็ให้คำแนะนำที่ค่อนข้างน่าสนใจ จนในที่สุดแมคเคนซีก็ได้เสื้อเชิ้ตสีเดียวกันกับอีกฝ่ายแต่เป็นลายตั้งสีขางที่เส้นเล็กและถี่กว่า ทั้งนี้ก็เพื่อให้หุ่นเขาดูบางลงและสูงขึ้นนั่นเอง
“ฉันเอาตัวนี้ สีเดียวกันแต่ลายต่างกันนิดหน่อยก็เป็นเสื้อคู่ได้ใช่ไหม”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“อยากใส่เลยไหมล่ะ ของฉันครบแล้ว นายคงไม่ลืมหรือขาดตกของฝากของใครไปใช่ไหม”
เขาแกล้งลองถามดู ไม่รู้ว่าดีนจะเห่อเสื้อคู่จนยอมใส่แบบไม่ซักเลยหรือเปล่า
“ก็ได้ แต่แค่ที่ร้านนี้นะ”
แมคเคนซีไม่ขัดเรื่องที่ดีนเสนอตัวออกค่าใช้จ่ายเอง เข้าใจว่าคนเราบางทีก็หงุดหงิดถ้าไม่ได้ใช้เงิน…หรือเป็นแค่เขาเองก็ไม่รู้ จากนั้นก็เดินไปต่อแถวที่เคาน์เตอร์คิดเงิน อาจเป็นเพราะไม่ใช่ช่วงเวลาที่มีคนใช้รถไฟเยอะแถวจึงไม่ยาวเท่าไหร่
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ล้อเล่นน่า ซักก่อนสิ ใส่ทั้งแบบนี้เดี๋ยวก็คันกันพอดี”
ถึงจะอยากใส่ทันทีแต่คนที่ค่อนข้างพิถีพิถันในการแต่งตัวอย่างแมคเคนซีก็ไม่เคยใส่เสื้อผ้าที่ยังไม่ซัก เขาคิดว่าเสื้อใหม่ที่เพิ่งซื้อผ้าจะแข็งกว่าปกติ ต้องนำไปซักก่อนจะได้หอม ๆ และผ้าที่นิ่มลงจะทำให้ใส่สบายตัวมากขึ้น
“อืมฮึ….ตกลง”
เขาพยักหน้ารับพลางมองพนักงานสแกนบาร์โค้ดสินค้าในตะกร้าไปด้วย จนเมื่อรวมราคาก็เหลือบมองดีนเล็กน้อย…มันไม่ใช่ราคาถูก ๆ เลย พวกเขาซื้อของกันน้อยซะที่ไหน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะยังไงเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไทยเขาก็เป็นคนจัดการอยู่ดี
“ใช่ ไปกันเลยก็ได้ ถ้าเย็นกว่านี้อาจจะไม่มีที่นั่ง”
เมื่อดูนาฬิกาแล้วแมคเคนซีก็พาดีนไปขึ้นรถบัสตรงป้ายที่ใกล้ที่สุดทันที ใช้เวลานั่งรถไม่ถึงสิบนาทีพวกเขาก็มาอยู่หน้าร้านโฟร์ซีซั่นแล้ว ซึ่งเมื่อพนักงานต้อนรับเห็นลูกค้าที่มาใหม่ก็เชื้อเชิญพาพวกเขาไปนั่งด้านในและนำเมนูอาหารมาให้
“อยากกินอะไรก็สั่งเลย นอกจากเป็ดย่างก็ได้นะ”
แล้วก็เพิ่งมานึกได้ว่าตนเองตามใจคนรักเรื่องอาหารการกินอีกแล้ว
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แมคเคนซีฟังที่ดีนถามพลางเปิดเมนูไล่ดูไปเรื่อย ๆ
“ข้าวผัดดีกว่า เหมือนว่าจะเป็นเมนูแนะนำด้วย บะหมี่ผัดฉันใช้ตะเกียบไม่ค่อยถนัด”
เขาชี้ที่รูปข้าวผัดหยางโจวให้พนักงานที่มารับออเดอร์ดูและสั่งเมนูแนะนำเพิ่มอีกสองสามอย่าง อย่างเช่นพวกเสี่ยวหลงเปาและขนมจีบ
“เท่านี้พอก่อนไหม”
ถามดีนหลังจากที่สั่งเสร็จเผื่อว่าอีกฝ่ายเกิดสนใจแล้วอยากสั่งเพิ่ม
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“โอเค ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มนะ ฉันยินดีขุนนายให้เป็นเจ้าหมูน้อยดีนอยู่แล้ว”
บอกยิ้ม ๆ แล้วนั่งรอ ใช้เวลาสักพักอาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ
“หน้าตาดูน่ากินดีนะ”
สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ทานอาหารเอเชียอย่างแมคเคนซี สิ่งที่อยู่ตรงหน้าค่อนข้างน่าสนใจสำหรับเขามากทีเดียว
“พนักงานคนเมื่อกี้บอกว่าเจ้านี่มีน้ำซุปร้อนอยู่ข้างใน เวลากินให้ระวัง”
บอกพลางตักเสี่ยวหลงเปาให้ดีนลูกนึงและตักให้ตนเองอีกลูก พอลองเอาช้อนแตะ ๆ จิ้ม ๆ ตัวแป้งก็ยุบลงเหมือนมีน้ำอยู่ในนั้น
“แล้วมันต้องกินยังไง”
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แมคเคนซีดูดีนที่สาธิตวิธีการทานเสี่ยวหลงเปาอย่างตั้งใจแล้วลองทำตามดู แต่เหมือนว่าช้อนคงไม่เหมาะกับการทานอาหารจีนเท่าตะเกียบ รูที่เขาใช้ช้อนเจาะมันเลยใหญ่จนน้ำซุปรั่วออกมาเกือบหมด แมคเคนซีหัวเราะน้อย ๆ แล้วลองทานดูทั้งอย่างนั้น แม้จะเป็นเสี่ยวหลงเปาที่แทบไม่มีน้ำซุปแต่รสชาติก็ยังอุ่นและกลมกล่อมดี ดูท่าว่าลูกต่อไปเขาคงต้องใช้ส้อมเจาะรูแทนซะแล้ว
“อร่อยดีนะ ฉันว่าถ้าได้กินตอนอากาศหนาว ๆ ต้องรู้สึกดีมากแน่ ๆ”
แล้วเขาก็ลองทานเป็ดย่างที่ดีนบอกว่าอยากลิ้มลอง ซึ่งมันก็อร่อยมากจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ร้านอาหารแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องเป็ดย่าง จากนั้นก็ลองทานอย่างอื่นที่สั่งมาต่อ ข้าวผัดหยางโจวที่รสชาติค่อนข้างอ่อนก็ช่วยให้อาหารมื้อนี้รสไม่จัดจนเกินไป ซึ่งกว่าจะจัดการกับอาหารมื้อนี้หมดเขาก็อิ่มจนพุงกางอีกแล้ว
“อยากกินของหวานอะไรไหม”
ตั้งแต่ที่เห็นดีนสั่งอเมริกาโน่หวานสองร้อย แมคเคนซีก็คิดว่าดีนคงจะติดรสหวานแน่ ๆ เลยคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะอยากตบท้ายด้วยของหวานหลังทานอาหารคาวเสร็จ
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“มีแค่อย่างเดียวงั้นเหรอ”
ถึงกับแปลกใจจนต้องชะโงกหน้ามาดูเมนูในมือดีน แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
'ให้ตายสิ ร้านอาหารชื่อดังขนาดนี้แต่มีของหวานแค่อย่างเดียวเนี่ยนะ คงไม่ได้จงใจจะขายแค่เป็ดย่างหรอกใช่ไหม'
“แค่ถ้วยเดียวก็พอ ฉันอิ่มจะแย่แล้ว”
แมคเคนซีพยักหน้าเห็นด้วย ถ้าสั่งมาสองถ้วยเขาคงทานส่วนของตนเองไม่หมดแน่
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“ไม่แปลกหรอก คอกเทลบางอย่างก็มีพวกไซรัป หรือไม่ก็น้ำผลไม้ ไม่ก็ผลไม้เป็นชิ้น ๆ เป็นส่วนผสมนี่นา”
บอกแล้วแมคเคนซีก็ลองตักลิ้นจี่เชื่อมชิมดูบ้าง ผลที่ได้คือคิ้วขมวดเหมือนกัน แต่คงจะคนละความรู้สึกกัน
“มันก็เย็นสดชื่นดีหรอก แต่หวานชะมัด หมดนี่นายกินไหวไหม”
กับคนที่ไม่ค่อยทานหวานอย่างแมคเคนซีคงต้องยอมแพ้ เขาวางช้อนลงแล้วหยิบน้ำชามาดื่มแก้หวาน
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แมคเคนซีนั่งมองดีนทานของหวานไปเรื่อย ๆ พอมานั่งคิดดูแล้วหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหยิบมือถือมานั่งสไลด์หน้าจอดูนั่นดูนี่ฆ่าเวลาระหว่างรอ แต่พอใช้อินเทอร์เน็ตไม่ได้แล้วก็ไม่ได้ใช้มือถือแบบเมื่อก่อนอีก กลายเป็นว่าได้มองหน้าอีกฝ่ายมากขึ้น แบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน
จนเมื่อดีนทานเสร็จเรียบร้อยจึงเรียกพนักงานมาเช็กบิล ซึ่งค่าอาหารก็สมราคากับที่ได้ชื่อว่าเป็นภัตตาคารชื่อดัง เมื่อจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยก็ได้เวลานั่งรถกลับสถานีรถไฟลอนดอนคิงส์ครอสกันเสียที
“แล้ว…เราจะไปทำอะไรกันต่อ”
เขาหันมาถามดีนเมื่อมาถึงสถานีรถไฟกันแล้ว
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
“หืม…อ้อ ส่งสิ ฉันส่งไปแล้วเมื่อกี้”
ไม่คิดว่าที่นี่จะมีที่ส่งพัสดุด้วย เมื่อตอนไปญี่ปุ่นแดนนี่ก็ใช้เทปเฮอร์มีสช่วยอำนวยความสะดวกให้ตั้งแต่อยู่ที่โรงแรม แมคเคนซีจึงไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีสถานที่นี้อยู่ในสถานีหรือเปล่า
หลังจากที่เขาส่งขนม ของที่ระลึกและตุ๊กตาพร้อมข้อความที่เขียนลงในโปสการ์ดให้จูลี่กับชาร์ล็อตซึ่งเป็นน้องร่วมมารดาเดียวกันแล้ว แมคเคนซีก็ส่งแผ่นเสียงซึ่งเป็นของนักร้องที่พ่อเคยบอกว่าแม่ชอบฟังเวลาที่มาหาพ่อไปให้ ซึ่งเขาไปเจอมันโดยบังเอิญในร้านขายแผ่นเสียงเก่าแถวท่าเรือกลอสเตอร์เมื่อวันก่อน แล้วก็ยังแนบจดหมายที่พ่อฝากมาให้พร้อมกับข้อความสั้น ๆ ของตนเองไปด้วย นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาส่งของไปให้และเป็นครั้งที่สองที่ติดต่อสื่อสารกับเทพีเฮคาทีผู้เป็นแม่ตั้งแต่มาอยู่ที่ค่ายฮาร์ฟบลัด
“คราวนี้ก็ไปหาที่นั่งรอรถไฟกัน”
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ลอนดอนทั้งจากทางค่ายที่ดีนรับมาและเรื่องส่วนตัวแล้ว พวกเขาก็ไปหาที่นั่งรอเวลารถไฟขบวนที่จะมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยเพื่อทำภารกิจต่อไป
[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]
แบบฟอร์มถวายของ (ถวายของผ่านการส่งพัสดุด้วยเทปเฮอร์มีส) ชื่อของคุณ : แมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น ของที่ถวาย : แผ่นเสียง เทพที่ถวายของ : เทพีเฮคาที คำพูดที่อยากคุยกับเทพ : 'สวัสดีครับแม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมส่งของถึงคุณ พ่อเคยเล่าให้ผมฟังว่าคุณชอบเพลงของนักร้องคนนี้ แล้วผมก็เจอแผ่นเสียงนี่ในร้านโดยบังเอิญตอนกลับมาที่กลอสเตอร์ ผมหวังว่าที่ที่คุณอยู่จะมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงนะ อ้อ...แล้วพ่อก็ฝากจดหมายมาถึงคุณด้วย พ่อคิดถึงคุณมากนะ ตอนนี้ผมกำลังจะออกจากลอนดอนแล้วเดินทางไปทำภารกิจที่ประเทศไทยต่อ ผมไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร แต่ผมคิดว่าจากนี้ไปจะพยายามติดต่อสื่อสารกับคุณให้บ่อยขึ้น หวังว่าคุณจะช่วยอวยพรให้ผมและดีนกลับถึงค่ายโดยปลอดภัย แมคเคนซี' BELIEVER (ผู้ศรัทธาเหล่าเทพ) : โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15
|