[ฝรั่งเศส] กรุงปารีส

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×


กรุงปารีส






ผู้คนมักจะเรียกปารีสว่า "เมืองแห่งความรัก" เพราะบรรยากาศโรแมนติก

ที่อบอวลออกมา อันที่จริง เมืองแห่งความรักไม่ได้เป็นเพียงชื่อเล่นของปารีสเท่านั้น

แต่ยังเป็นคำอธิบายที่ทุกคนเมื่อได้มาเยือนปารีสจะรู้สึกถึงความโรแมนติกของเมืองนี้


ไม่เพียงแค่นั้น ที่ปารีสยังเป็นเมืองแห่งศิลปะชั้นนำหลากหลาย

และแวดวงแฟชั่นหลายอย่างล้วนกำเนิดมาจากเมืองปารีสแห่งนี้ทั้งสิ้น

รวมไปถึง คนปารีสนั้นยังเป็นคนโรแมนติกสูง เทคแคร์เก่ง หากได้มาสัมผัส

ระวังคุณจะตกหลุมรักชาวปารีสโดยไม่รู้ตัว!


จุดเชื่อมต่อรถไฟเฮเฟตัส:

ชานชาลาที่ 9 สถานีการ์ดูนอร์ด




สำหรับท่านไม่มีตั๋วโปรดซื้อตั่วที่เคาน์เตอร์

* ก่อนชำระเงินอย่าลืมบวกภาษีทุกครั้ง *


สายด่วนพิเศษ (ความเร็ว 10485 กม./ชม.) ตั๋ว 1 ที่นั่ง ราคา: 20 ดรักม่า ตั๋วห้องวีไอพี (4-5 คน): 100 ดรักม่า สายด่วน (ความเร็ว 3000 กม./ชม.) (เปิด 15/7/2025) ตั๋ว 1 ที่นั่ง ราคา: 15 ดรักม่า ตั๋วห้องวีไอพี (4-5 คน): 80 ดรักม่า สายประหยัด (ชมวิวทิวทัศน์) (ความเร็ว 900 กม./ชม.) (เปิด 15/7/2025) ตั๋ว 1 ที่นั่ง ราคา: 5 ดรักม่า ตั๋วห้องวีไอพี (4-5 คน): 30 ดรักม่า


ตรวจสอบเส้นทางเดินรถ

🚇






แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 4598 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-4-5 13:47
โพสต์ 2024-4-5 18:06:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด


Daemon in paris





'ถึงที่หมายแล้วลูกรัก' เสียงอะโฟร์ไดท์พูดขึ้น


ก่อนผมค่อย ๆ ลืมตา ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฎเป็นหอไอเฟลขนาดใหญ่ วิวสุดแสนโรแมนติกยามบ่ายของฝรั่งเศสนับว่าน่าพาคนรักมาเดินเล่นมากเลย ผมมองดูสิ่งมหัศจรรย์ของโลกตรงหน้า บางทีก็สงสัยนะว่าคนสมัยก่อนสร้างของสูงขนาดนี้ได้อย่างไร และไม่มีฐานมากพอจะรับน้ำหนักในการต่อยอดขึ้นไปด้านบนอีก


เดม่อนมองดูสภาพแวดล้อม เขาคงไม่อาจปล่อยให้พวกก๊อบลินบ่อนทำลายสถานที่สวย ๆ แบบนี้แน่นอน ก่อนเขาจะเดินออกมาจากบริเวณหอไอเฟลเพื่อตามหาก๊อบลิน


เดม่อนเลือกขึ้นรถรางเพื่อจะใช้มันแล่นรอบเมืองสอดส่องหาจุดที่ก๊อบลินกำลังโจมตี เขาเดินไปนั่งใกล้ ๆ กับประตู ชีวิตเดมี่ก็อตค่อนข้างลำบาก หากเกิดอะไรไม่คาดฝันจะได้หนีลงทัน ใครจะไปรู้ว่าบนรถรางจะไม่เจออสุรกายที่โหด ๆ กว่าเขาหลายเท่า


ในขณะเดม่อนกำลังนั่งรถราง เขามองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อจับตาดูพวกก๊อบลิน แต่บางอย่างทำให้เขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่า




"เดม่อนใช่ไหม" เสียงคุ้นหูที่หวานไพเราะดังขึ้น ผมหันไปมองสบตากับเด็กสาวนัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกาย ใช่ เธอคือ ดาวของโรงเรียนเกรดแปด เฮเลน่า 


"เฮเลน่า เธอมาทำอะไรที่นี่ นี่ไกลจากนิวยอร์กพอสมควรเลยนะ!?" ผมพูดถามขึ้นด้วยความสงสัย ไม่คาดคิดว่าจะเจอเพื่อนที่โรงเรียนสมัยเกรดแปด 


"ขอนั่งด้วยคนนะ" เฮเลน่าพูดก่อนยิ้ม และลงนั่งที่นั่งข้าง ๆ ผมโดยไม่รอให้ผมพูดโต้ตอบ ก่อนเธอจะมองเด็กหนุ่มตรงหน้า สวมใส่เกราะเต็มยศแบบนี้ แววตาของเขาราวกับมีความมุ่งมั่นจะออกรบทำอะไรสักอย่าง แต่เธอคงไม่เลือกถามเรื่องนี้ เพราะเธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเทวตำนานกรีกโบราณเหล่านี้อีกแล้ว เธออยากใช้ชีวิตที่สองของเธอแบบคนธรรมดา แม้หลายครั้งจะเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทเพื่อดึงดูดให้เธอสนใจพวกเขาก็ตาม เหตุเพราะความงดงามของเธอเปรียบเสมือนคำสาป


แต่กับเด็กหนุ่ม เดม่อน ตรงหน้า ทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และเขาดูจะไม่สนใจในรูปโฉมของเธอมากเท่าไหร่ จะเรียกว่าเขาซื่อบื้อในเรื่องแบบนี้ก็ไม่ผิด นั่นทำให้เธอสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับเขา


"มาทัศนศึกษาน่ะ ว่าแต่นายออกจากโรงเรียนแล้วเหรอ ไม่เห็นนายมาเรียนเลย" เฮเลน่าแกล้งถามอีกฝ่าย แม้เธอจะรู้ว่าเขาคงไปถึงค่ายฮาล์ฟบลัดแล้ว ที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับกึ่งเทพทุกคน ในคราแรกที่เธอหนีออกมาจากโลกหลังความตาย พ่อของเธอซุสพยายามจะนำทางเธอไปยังค่าย แต่เธอตัดสินใจเบี่ยงประเด็นไปทางอื่น เลือกเส้นทางตัวเอง


"อ่า...เอ่อ..." เดม่อนก้มหน้าเขิน เขาจะพูดยังไงดีนะว่าเขาต้องออกจากโรงเรียนเพราะถูกอสุรกายตามล่า มีหวังเฮเลน่าได้หัวเราะคิดว่าเขาเพ้อฝันแน่ ๆ ก่อนจะครุ่นคิดหาคำตอบและตัดสินใจพูดขึ้น 


"พอดีผมต้องย้ายบ้านน่ะครับ พ่อผมเสียชีวิต เลยต้องย้ายไปอยู่กับญาติที่ลองไอส์แลนด์" เดม่อนพูดเล่าเรื่องเท็จก่อนจะคลี่ยิ้มกลบเกลื่อน 


"อืม... เสียใจด้วยนะเรื่องพ่อของนาย" เฮเลน่าปลอบใจผม ก่อนเธอจะยกแขนขึ้นโอบคอ "ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ" 


"แค่สองสามเดือนเอง... เธอปล่อยผมก่อนได้ไหม แบบนี้มันอึดอัก.." เดม่อนพูดขึ้นในขณะที่เธอจับตัวผมไปใกล้กับเธอ พยายามผละตัวเองออกมา ก่อนเธอจะมองผมแล้วยิ้มขำ ๆ และปล่อยผมเป็นอิสระราวกับหนูหยอกแมว


"ไม่แกล้งนายแล้ว จริงสิ นายเห็นข่าวรึยัง ช่วงนี้ปารีสมีพวกคนไม่ดีมาทำให้เมืองนี้สกปรกเยอะแยะมากมายเลย" เฮเลน่าพูดขึ้นก่อนหันมามองผม "การทัศนศึกษารอบนี้เลยเฟลเลย อีกไม่กี่วันอาจารย์ก็จะพากลับนิวยอร์กล่ะ"


"ผมว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย พวกเจ้าหน้าที่คงจะหาทางทำอะไรสักอย่าง" เดม่อนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขาอยากจะบอกอยู่หรอกนะว่าเขามาที่นี่เพื่อจัดการปัญหานี้ แต่คงคุยกันยาวและเธออาจจะหาว่าเขาบ้า


ในขณะเราคุยกัน รายการทีวีบนรถรางก็ฉายข่าวต่างประเทศ ดูเหมือนนั่นจะเป็นนิวยอร์ก ภายในเนื้อหาข่าวจะเกี่ยวกับเทพีเสรีภาพมีสายฟ้าผ่าลงมา และคลื่นทะเลบริเวณอ่าวแมนฮัตสันอีก ลมฟ้าพายุเมื่อคืนวานทำให้นิวยอร์กเละเทะพอสมควร แต่ตอนนี้สถานการณ์เหมือนจะสงบแล้ว


"ภัยธรรมชาติเดี๋ยวนี้แปลก ๆ ดีนะ" เดม่อนพูดก่อนหัวเราะกลบเกลื่อน เขาไม่อยากจะพูดเลยว่าในรายการทีวี เขาเห็นคนถือสายฟ้า เดม่อนเดาว่านั่นคงเป็นซุสกับโพไซดอน เพราะคน ๆ นั้นถือตรีศูลสีทองกำลังรบกับกันอยู่ ราวกับพวกเขาเกิดเรื่องขัดแย้งทะเลาะกันสักเรื่อง แต่ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ทุกอย่างสงบลงแล้ว 


"นั่นสิ..." เฮเลน่ายิ้มเจื่อน ๆ เธอมองดูพ่อของเธอในทีวี ก่อนจะหันมาทางเดม่อน เธอคิดว่าเดม่อนคงจะเห็นฉากเดียวกับเธอเป็นแน่ ก่อนเธอจะเห็นปลายแหลมมีคมกำลังลอยพุ่งมาทางนี้ เธอก้มศีรษะหลบก่อนเอื้อมแขนไปผลักศีรษะเดม่อนให้ก้มลงมา 


ผมโดนแรงหญิงสาวตรงหน้าผลักให้ก้มลงไม่ทันตั้งตัว ก่อนความรู้สึกเหมือนมีอะไรเฉี่ยวหัวเขาผ่านไป ผมเงยหน้าขึ้นมอบเห็นปลายทวนสัมฤทธิ์ปักอีกฝั่งของรถ ผมมองเฮเลน่า ทำไมเธอถึงเห็น ก่อนหันไปเห็นปลายทางนอกรถ ก๊อบลินจำนวนมาก มันเห็นเขาแล้ว และด้านหน้าก็มีอีก ดูเหมือนคนขับรถเบรกรถแล้วสีหน้าหวาดกลัว พวกเขาเห็นเป็นอะไรกันแน่นะ แต่มีคนหนึ่งอุทาน โจร 


"รออยู่บนรถนะครับเฮเลน่า มันอันตรายผมจัดการเอง" เดม่อนพูดขึ้นก่อนยืนขึ้นมา เฮเลน่ามองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่มีความกล้าหาญ เขาดูจะคล้ายกับปารีสมาก เดม่อนไม่รู้ว่าเธอมองเห็นทะลุมนต์บังตาหรือไม่แต่เรื่องอื่นค่อยมาถาม เขาต้องลงไปตะลุยสถานการณ์ตรงหน้าก่อน




รางวัลได้ยินข่าวลือ: +15 EXP , +5 ดรักม่า






แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-4-5 18:07
โพสต์ 21524 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-5 18:06
โพสต์ 21,524 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 เกียรติยศ +9 ความศรัทธา จาก เปลี่ยนชุดใจปรารถนา  โพสต์ 2024-4-5 18:06
โพสต์ 21,524 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-4-5 18:06
โพสต์ 21,524 ไบต์และได้รับ +6 EXP +9 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-4-5 18:06

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +5 ย่อ เหตุผล
God + 5

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ประสาทสัมผัสดีขึ้น
เปลวไฟแห่งความหลงใหล
พันธนาการแห่งเสน่ห์
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x2
x14
x3
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-4-8 23:53:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Daemon เมื่อ 2024-4-10 01:49



Daemon in paris #3





เดม่อนหลังแยกจากเฮเลน่า แม้เขาจะรู้สึกแปลก ๆ กับเธอก็จริงและทั้งเรื่องที่เธอปรากฎตัวที่นี่อีก แถมเรื่องอสุรกายที่โฟกัสรถบัสราวกับถูกบางอย่างดึงดูด ปกติถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาพวกอสุรกายแทบจะเมินเฉยไม่สนใจเลย


เดม่อนเดินมาตามถนนในฝรั่งเศส เขาสอดส่องสายตาไปตามท้องถนน วิถีชีวิตที่นี่ทุกคนล้วนเปิดเผยกันจริง ๆ หนุ่มสาวควงแขนกันกลางแจ้ง กอดจูบกันอย่างเสรียิ่งกว่าในอเมริกา จนทำให้เขาเขินไปด้วย ถ้าลิเลียน่ามาทำภารกิจนี้ด้วยกันก็คงดี...


เดม่อนเดินมายังบริเวณหอไอเฟล เขามองทิวทัศน์รอบ ๆ พบว่าที่นี่งดงามไม่เปลี่ยนเลย ก่อนเงยหน้าขึ้นมองด้านบน แสงสีทองส่องอำพันรอบบริเวณ ดูเหมือนบริเวณนี้จะได้คุ้มครองจากเทพีอะโฟร์ไดท์ หากจะเป็นเพราะบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางของฝรั่งเศสทำให้พลังของเทพีแรงกล้า 


"ท่านแม่ครับ ผมกลับมาแล้ว" เดม่อนเรียกท่านแม่ พลางหลับตานึกถึงท่าน 


ก่อนจะปรากฎร่างหญิงสาวในชุดราตรีสีดำ เดินเข้ามาหาผม 


"แม่เห็นแล้ว เจ้าต่อสู้ได้อย่างกล้าหาญมากลูกแม่" เทพีอะโฟร์ไดท์กล่าวชื่นชม ก่อนเธอจะยื่นมือมาลูบแก้มของผม


"จริงสิจ๊ะ ดูเหมือนลูกจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แม่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ลูกจะปลดพลังนี้ออกมา มันจะมีประโยชน์กับลูกในสถานการณ์ที่จำเป็น" เทพีอะโฟร์ไดท์พูดก่อนมือของเธอจะเปล่งแสง ผมเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของผมร้อนผ่าวและสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เอ่อล้นออกมาจากร่างกายได้


"อ่า... ขอบคุณครับท่านแม่" เดม่อนพูดอย่างนอบน้อม ก่อนเขาหลับตาและนึกถึงใบหน้านักแสดงฮอลลีวูดคนดัง เมื่อลืมตาพบว่าร่างกายเขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ผมหยิบกระจกใบเล็กที่พกติดตัวออกมาดู ใบหน้าเปลี่ยนแปลงไป ก่อนจะหลับตาเปลี่ยนกลับ


"แปลงร่าง เป็นอะไรที่ว้าวมาก" เดม่อนหันไปหาแม่ของเขาพูดขึ้น


"ลูกสามารถแปลงร่างในสิ่งที่ลูกเคยพบเจอหรือเคยเห็นมาก่อนเท่านั้น สรีระร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามร่างกายเป้าหมายที่ลูกนึกถึง" เทพีอธิบายก่อนเธอจะยื่นรางวัล


"นี่รางวัลสำหรับภารกิจของแม่ ลูกทำได้ดีมาก" 


"ครับ ถ้างั้นผมขอกลับเลยได้ไหมครับท่านแม่" เดม่อนพูดขึ้น เขาอยากกลับไปเจอทุกคนในค่ายแล้ว


"ได้สิลูกรัก หลับตาลง" เทพีพูดก่อนผมจะทำตาม ผมค่อย ๆ รับรู้ว่าร่างกายร้อนผ่าวอีกครั้ง เหมือนทุกครั้ง จนผมได้ยินเสียงสุดท้าย แม่บอกให้ผมถนอมตัวด้วย ชะตาชีวิตผมไม่อาจเลี่ยงความเจ็บปวดได้ สามเทพีแห่งโชคชะตากำลังสนใจผมและเธอต้องการจะเล่นตลกกับชีวิตผม


ผมลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองนอนแผ่หราที่เนินฮาล์ฟบลัด ก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปในค่าย.... ได้แต่นึกถึงคำเตือนเหล่านั้น แม่หมายความว่าอะไรกันแน่นะ สามเทพีโชคชะตา ทำไมถึงต้องกลั่นแกล้งผมด้วย ผมไปล่วงเกินไปอะไรพวกเขางั้นเหรอ ก็ไม่เคยเจอนี่น่า หรืออาจเผลอทำโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมพยายามจะนึกแต่นึกไม่ออกว่าตอนไหน...





รางวัล: 40 EXP , +12 ดรักม่า , +30 กล้าหาญ , ดอก(กุหลาบสี)ทอง 1 ดอก 
ความโปรดปรานจากอะโฟร์ไดท์ +35 แต้ม (ขึ้นกับเทพที่ท่านเลือกทำงานให้)

HEROES [วีรบุรุษผู้โปรดปราน] โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+25
++ มอบทาโก้ให้แม่ +10 ความสัมพันธ์ ++ 


แบบฟอร์มปลดพลัง
ปลดล็อกพลัง: แปลงร่าง
ระดับ: 30 
ใช้ตื่นรู้ 10 หน่วย






แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-12] อะโฟร์ไดท์ เพิ่มขึ้น 70 โพสต์ 2024-4-10 01:58
God
คุณได้รับ +30 ความกล้า โพสต์ 2024-4-10 01:58
God
คุณได้รับ 40 EXP โพสต์ 2024-4-10 01:58
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-4-8 23:53
โพสต์ 20737 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-8 23:53

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +12 ตื่นรู้ -10 ย่อ เหตุผล
God + 12 -10

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ประสาทสัมผัสดีขึ้น
เปลวไฟแห่งความหลงใหล
พันธนาการแห่งเสน่ห์
Icarus Mirror
แหวนห้วงมิติ
คำสาปแห่งแอรีส
พร: ทนทานไฟ
โล่แห่งโทสะ
กางเกงเดินป่า
การควบคุมความรัก
ชุดบำรุงอาวุธ
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x8
x1
x9
x7
x10
x1
x2
x14
x3
x1
x20
x6
x2
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-4-27 23:17:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด

◇◆ 35 ◇◆


บริการส่งด่วนทันใจภายในพริบตาเดียว โดยไม่ต้องเดินทางไกลจากอเมริกามาฝรั่งเศส By. เทพีอะโฟร์ไดท์ เพียงแค่คุณหลับตาก็ถึงที่หมายโดยฉับไว


ต้องที่นี่ที่เดียวเท่านั้น


"ก็ไวเกินนนนนนน"


ฉันที่ตอนแรกอยู่อเมริกาล่าสุดอยู่ทวีปยุโรป คือทุกอย่างมันเร็วกระชับฉับไว "ของแทร่" 


จดจำคำพูดของเทพีผู้งดงามได้ชัดถ้อยชัดคำ  'ไบร์ทข้าจะส่งเจ้าไปยังฝรั่งเศส และเมื่อเสร็จภารกิจ จงกลับมาหาข้าที่หอไอเฟล ข้าจะรอฟังข่าวดีอยู่ที่นั่น' ไม่เคยได้ยินใครเรียกชื่อตัวเองได้เพราะพริ้งน่าฟังยากที่จะหาคนเทียบได้


เพราะคนที่พูดเป็นเทพยังไงล่ะ คนธรรมดาเปรียบเทียบไม่ได้หรอก อย่าหวังเลยจะชนะได้อ่ะ 


ฉันจะต้องปกป้องสถานที่สำคัญ ขายาววิ่งตรงไปเรื่อย ๆ หวังหาผู้ทำลายความสวยงามของสถานที่ พิกัดล่าสุดใจกลางกรุงปารีส เจ้าก็อบลินตัวแสบหากจะสร้างขยะ ปงอาแล็กซ็องดร์-ทรัวหรือสะพานอะเลคแซนเดอร์ที่ 3 สะพานข้ามแม่น้ำแซน เชื่อมระหว่างฝั่งหอไอเฟลกับฝั่งถนนช็องเซลีเซเข้าด้วยกัน


นั่นไงมีขยะถุงสีดำเพียบ


ยังไม่เห็นวี่แววของพวกมันอยู่ดี สงสัยต้องใช้ท่าลับไม้ตาย 


ไบร์ทหยิบมือถือขึ้นมาจากนั้นเลื่อนแถบด้านบนเปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ดึงดูดพวกมันด้วยสัญญาณและสายเลือดหนึ่งในสามเทพผู้ยิ่งใหญ่


"ว้ายยยยยยยย"


ฉันเห็นผู้หญิงกรีดร้องเมื่อถูกเด็กชายคนนึงดึงกระเป๋า ในสายตาฉัน เด็กนั้นมันไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นอสุรกาย


เมื่อทั้งฉันทั้งมันพบหน้ากัน อีกฝ่ายวิ่งจู่โจมมาหาทันที "เวรเอ๊ยนี่มันไซคลอปส์ ไม่ใช่ก็อบลิน"


ไบร์ทไม่สามารถต่อสู้ในที่สาธารณะได้ เพราะคนอื่น ๆ มองเห็นว่ามันเป็นเด็กน่ะสิ ร่างของหญิงสาววิ่งหลอกล่อพามันมายังซอกตึกอับชื้น ปืนอัจฉริยะ L&E ถูกฉันนำมาใช้สู้กับยักษ์ตาเดียว


ปิ้วววววว ปิ้ว ! ปิ้วววว !


โครมมมมมม 


เตะถังขยะอัดใส่ไซคลอปส์และเล็งปืนยิงไปที่ดวงตาอันเดียวของมัน จนมันร้องคำราม อาละวาดไปทั่ว ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครและสุดท้ายฉันยิงเป่ากระบาลอสุรกายนั่น


ตึง ตึง ตึง 


เสียงฝีเท้าของตัวประหลาดพุ่งหลาวมาหาฉัน 


"เอ็งก็ไม่ใช่ โอ๊ย" ไบร์ทยิงปืนข่มขู่ พลางสลับปิดอินเตอร์มือถือ


ก่อนที่มันจะฉิบหายไปมากกว่านี้


ตัวใหญ่โตรูปพรรณสัณฐานน่าสยดสยองอสุรกาย มิโนทอร์ มีร่างเป็นกึ่งคนกึ่งวัว 


การต่อสู้กับเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ทำเอาฉันหืดขึ้นคอ


เสียงหายใจฟืดฟาดของวัวพุ่งเข้าหาด้วย ความรวดเร็วฉันหลบ และมองไปที่กำแพง กำแพงที่มันชนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ เล็งปืนไปยังบริเวณขาของมิโนทอร์ทั้งสองข้าง สู้กันอย่างสะบักสะบอม


เมื่อสังหารอสุรกายได้อีกตัว ไบร์ทเปลี่ยนเส้นทางไปยังจุดอื่นของกรุงปารีส ยังมีอีกหลายแห่งให้ค้นหา ระหว่างทางฉันก็ช่วยผู้คนเก็บขยะ ตามจุดต่าง ๆ รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการเก็บขยะไปก่อนละกัน



หลักฐานการต่อสู้ 

(ไซคลอปส์) ชนะครั้งแรก: https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=152

(มิโนทอร์) ชนะครั้งแรก: https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=120





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 21071 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-27 23:17
โพสต์ 21,071 ไบต์และได้รับ +4 EXP +8 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-4-27 23:17
โพสต์ 21,071 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันพิษ  โพสต์ 2024-4-27 23:17
โพสต์ 21,071 ไบต์และได้รับ +10 EXP +6 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก น้ำเยียวยา  โพสต์ 2024-4-27 23:17
โพสต์ 21,071 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-4-27 23:17

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ดาบไซฟอสออฟเดอะฟอลเลน
ควบคุมน้ำ
ตรีศูลน้อย
เข็มทิศมหาสมุทร
น้ำหอมบุรุษ
ชุดเครื่องเพชร
หมวกนีเมียน
ฟองอากาศแห่งชีวิต
ภูมิคุ้มกันเปียก
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
กำไลหินนำโชค
หายใจใต้น้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x17
x2
x3
x2
x3
x3
x20
x4
x6
x1
โพสต์ 2024-4-28 08:11:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด

◇◆ 36 ◇◆


ไบร์ทเลือกซื้อโปสการ์ดสถานที่ท่องเที่ยว ให้แม่เก็บสะสมเป็นคอลเลคชั่น ในทุกครั้งที่ฉันเดินทางไปท่องเที่ยวก็จะส่งความคิดถึงผ่านโปสการ์ดเสมอ ฉันเชื่อว่าทุกคนชอบที่จะได้รับจดหมาย


จากคนพิเศษทั้งนั้นแหละ


"เรียบร้อยค่ะ ทั้งหมด 20 EUR" พนักงานสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ที่อยู่ตามนี้ใช่ไหมคะ"


"ใช่" ฉันจ่ายเงินยูโรด้วยการใช้บัตรเครดิตกดเงินจากตู้ ATM และราคาค่าธรรมเนียมการกดก็แรงไม่เบา




"ขอขอบคุณที่มาใช้บริการ ทางเราจะรีบจัดส่งให้เร็วที่สุด"


ถึงจะบอกว่าจะจัดส่งเร็วที่สุด สุดท้ายการส่งไปยังประเทศไอร์แลนด์ก็ต้องใช้เวลาเกือบ หนึ่งสัปดาห์กว่า ส่งธรรมดาก็งี้ 


ออกตามล่าก็อบลินทั่วกรุงปารีส ฉันเข้ามาดูในสถานที่เที่ยวพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเมืองปารีส ยังไม่ทันจะก้าวต่อก็ถูกอสุรกายโจมตี 'แม่มดดำ' ข้ารับใช้แห่งเทพีเฮคาที ปืนที่ถูกออกมายิงสวนตอบโต้กลับ


ยิงเป่าหัวให้กระจุย กระโดดถอยหลังยิงต่ออีกหลายนัด ฉันสามารถสังหารมันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อานุภาพของปืนบวกกับสเต็ปสู้สไตล์ยิง-ถอยหลัง ได้ผลเสมอ 


พักเรื่องการต่อยตีกับอสุรร้าย ชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่ !


เดินดูสถานที่จัดแสดงภาพวาดในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ มีทั้งภาพโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี, ภาพ Venus de Milo มีสถานที่ทรงคุณค่าอีกหลายแห่ง ฉันจะไม่ยอมให้กองทัพก็อบลินทำลายความงดงามจากเมืองนี้หายไปเด็ดขาด


และเป็นอีกครา


เจออสุรกายอีกตัวที่ไม่ใช่ก็อบลิน


มันถือตะบองยักษ์วิ่งไล่หวดฉัน "เข้ามาใกล้กว่านี้ ฉันยิงแกแน่"


โทรลล์หวดตะบองยักษ์หวังจัดการธิดาแห่งโพไซดอน แต่มันก็โดนฉันจัดการกลับ ฉันปาโล่อัสพิสอัด และชาร์จปืนยิงเข้าตามลำตัว แขน ขา สีข้างและอีกบลา ๆ โทรลล์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวมันสลายร่างกลายเป็นละอองสีทอง


ฉันอยากจะกินยาแก้ปวดหัวสัก 2-3 เม็ด สู้เสร็จได้ไม่ถึง 5 นาที ด้วยซ้ำ


วัวโคลคีสเหมือนกับมันจ๊ะเอ๋ตัวเอง 


"ใจเย็นวัยรุ่น" ฉันหลบจังหวะที่มันพยายามพ่นไฟใส่ร่างของฉัน กะย่างสดเลยสิเอ็ง 


ถึงจะมีพละกำลังและแข็งแกร่ง ไบร์ทยิงปืนสู้แล้วเอาโล่มาเป็นเกราะกำบัง จากนั้นยัดโล่ง้างปากวัวโคลคีส 


ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ววววววว


ขัดใจเสียงปืนจริง ๆ ทำไมต้องเป็นปืนแบบชาร์จยิง เสียงไม่เร้าใจเลยว่ะ ปังสิเฮ้ย ย๊ากกก ประทานลูกกระสุนยิงใส่ด้านใน ทำลายกลไลจากด้านใน เพราะตัวของมันใส่ชุดหุ้มเกราะอยู่


ยิงลำตัวก็ไม่เกราะ ฉะนั้นฉันต้องหาวิธียิงให้เข้าดิ ยิงด้านในปากเป็นสิ่งที่ ตอบโจทย์ที่สุดเท่าที่คิดได้


เมื่อร่างนั้นล้มลงทิ้งไว้เพียงสินสงคราม


ถ้าตามที่เทพีอะโฟร์ไดท์บอก ก็อบลินจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ตามท่อระบายน้ำ ออกอาละวาด ทำไมฉันไม่ไปจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดล่ะ


"พึ่งมาคิดได้เอาตอนนี้ เออ"


ฉันเดินอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน ถึงจะเป็นเมืองที่สวยงามน่าท่องเที่ยวแต่ก็มีมุมมืด แสงสว่างเข้าไม่ถึง


โป๊ะเชะ


กองทัพก็อบลิน พวกมันอยู่ที่นี่นั่นเอง "6 ตัว" 


เจ้าก็อบลินเมื่อเจอผู้บุกรุกและยังเป็นสายเลือดกึ่งเทพ พวกมันกรูกันมารุมฉัน


ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกเล่นงานฝ่ายเดียว เล็งปืนยิงก็อบลินทีละตัว จนตายอย่างน่าอนาถา ไบร์ทหยิบเยลลี่กัญชาขนมเคี้ยวหนึบรสผลไม้ ไปซื้อมาจากข้างทางเนี่ยแหละ ส่วนผสมอ่อนเบาบาง



หลักฐานการต่อสู้ 

(แม่มดดำ) ชนะครั้งแรก: https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=168

(โทรลล์) ชนะครั้งแรก: https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=167

(วัวโคลคีส) ชนะครั้งแรก: https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=170

(ฝูงก็อบลิน) : 

https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=171





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 25867 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-28 08:11
โพสต์ 25,867 ไบต์และได้รับ +4 EXP +8 ความศรัทธา จาก น้ำหอม Unisex  โพสต์ 2024-4-28 08:11
โพสต์ 25,867 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันพิษ  โพสต์ 2024-4-28 08:11
โพสต์ 25,867 ไบต์และได้รับ +10 EXP +6 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก น้ำเยียวยา  โพสต์ 2024-4-28 08:11
โพสต์ 25,867 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-4-28 08:11
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ดาบไซฟอสออฟเดอะฟอลเลน
ควบคุมน้ำ
ตรีศูลน้อย
เข็มทิศมหาสมุทร
น้ำหอมบุรุษ
ชุดเครื่องเพชร
หมวกนีเมียน
ฟองอากาศแห่งชีวิต
ภูมิคุ้มกันเปียก
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
กำไลหินนำโชค
หายใจใต้น้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x17
x2
x3
x2
x3
x3
x20
x4
x6
x1
โพสต์ 2024-4-28 15:43:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด

◇◆ 37 ◇◆


เดินทอดน่องรองเท้าบูทสีดำยาวเหยียบกระทบพื้น ฉันอยู่ในท่อระบายน้ําใต้ดินมืดอุโมงค์คอนกรีตกลม ตรงกลางมีน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลที่ไม่มอง ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดลงทุกที


ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นไฟฉายขนาดย่อมเยา


ครืด ครืด ครืด


เมื่อกำลังดูสาเหตุของการสั่นของโทรศัพท์ ฉันเดินมาเจอเข้ากับกลุ่มของจ่าฝูงก็อบลิน พวกอสุรกายแต่ละตัว ไม่ได้ยืนยิ้มอย่างเป็นมิตรมันแยกเขี้ยวขู่ใส่ฉัน "มาดิ" ชักปืนขึ้นมาชาร์จยิงสวนกลับ


เมื่อตัวแรกตายตัวต่อไปก็เข้ามาแต่มันเข้ามาพร้อมกันหลายทิศทาง ไบร์ทยิงด้านหลัง กระหน่ำยิงเปิดทางให้ตัวเองมีทางออก แล้วใช้โล่อัสพิสปา


วู้ววววววว


เพราะเอาชนะทั้งฝูงได้ฉันก็ตัดสินใจที่จะกลับขึ้นมาด้านบน เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังอีกรอบ เมื่อรอดูดี ๆ เอ้า ! เผลอเปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ต


ฉันไม่รู้ว่าจะต้องเจอตัวอะไรที่มาไล่ต่อ


ทำหน้าปลง ๆ 


มองดูข้อความจากเจ้าสองแสบ 








นั่งเก้าอี้สาธารณะตอบแชตสลับกับดูเอกสารที่เฮคเตอร์ส่งมา ก็ดีใจอยู่หรอกพี่น้องอยากไขว่คว้าหาความรู้เข้ามหาลัยดี ๆ เฮคเตอร์ยื่นสอบเข้าวิศวกรรมศาสตร์ ไวเปอร์ยื่นสอบการบริหารจัดการ


ฉันที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่ เห็นเงาคนตัวสูงใหญ่ยืนด้านหน้า "จะนั่งหรอ เดี๋ยวฉันเขยิบที่ให้" 


"เขยิบให้แล้ว"


มือกำยังบังคลุมด้วยขน ฉันเห็นผ่านห่างตาก่อนถูกร่างนั้นคว้าคอเสื้อจนตัวลอยขึ้นเหนือพื้น ปะทะกับหน้ามันตรง ๆ มิโนทอร์ ฉันเตะขาแกว่งไปมา มันก็ไม่ยอมปล่อยลง แถมยังจะใช้เขาแทงฉันอีก


แสดงอาการลุกลี้ลุกลน คว้าปืนได้ก็ยิงเข้าแสกหน้าเต็ม ๆ หากเป็นปืนลูกซอง หน้ามิโนทอร์ได้พังกระจุยไปแล้ว 


ร่างฉันล้มก้นกระแทกกับพื้น สู้ฟัดสู้เหวี่ยงอีกครู่นึง ไบร์ทสังหารอสุรกายมิโนทอร์หลงเหลือไว้เพียงสินสงคราม


เอาล่ะสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีละ


ฉันต้องไปหอไอเฟลด่วน 


"โอ๊ย"


แอ่ก ตุ้บ 


"แม่ดูพี่คนนั้นสิ โง่จังชนเสาไฟ"


เด็กน้อยชี้นิ้วไปยังตัวฉันที่ล้มลงอยู่ "จุ๊ ๆ พูดไม่ดีเลยลูกรัก" แม่จับมือลูกชายเดินสวนทางไป


ไบร์ทไม่ได้ชนเสาไฟแต่กำลังใส่นัวกับอสุรกายอีกหนึ่งตัว ราชสีห์นีเมียน คนอื่น ๆมองเห็นเป็นเสาไฟกัน ไม่ชอบการต่อสู้ระยะประชิดเอาซะเลย แล้วมันมีทางเลือกได้ซะที่ไหนถ้าไม่สู้กันตรง ๆ ฉันก็เอาชนะเจ้าสิ่งมีชีวิตที่มีหนังเหนียว อาวุธธรรมดาไม่สามารถทำอันตรายได้


"ฮ่า ฮ่า ฮ่า"


"นั่นคนสติไม่ดีหรือเปล่า โทรแจ้งตำรวจเลยดีมั้ย"


ฉันไม่สนใจสายตาของคนอื่นในตอนนี้ที่คงมองว่าฉันเป็นคนบ้าหรือคนสติไม่ดีอะไรทำนองนั้น ใช้โล่ออกแรงง้างปาก และยิงเข้าไปในปาก


"คนบ้านั้นมีปืนด้วยว่ะ" ผู้คนที่เห็นก็แตกตื่นตกใจ


ไบร์ทก้มลงเก็บสินสงครามหลังเอาชนะราชสีห์นีเมียนก็วิ่งหนีกลุ่มคน "ดวงอย่างซวย"


เมื่อมาถึงหอไอเฟลที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ไบร์ทหามุมคนน้อย ๆ นึกถึงเทพีอะโฟร์ไดท์ ก่อนหน้านั้นจะปรากฏออกมาด้วยรอยยิ้ม ที่เป็นเอกลักษณ์ หัวใจฉันเต้นแรง !


สาวงาม


"ข้าได้เชยชมผลงานของเจ้าแล้วธิดาแห่งโพไซดอน เป็นที่น่าพึงพอใจ และข้าก็จะประทานมอบของตอบแทนสำหรับความลำบากของเจ้า ที่ได้ช่วยเหลือเมืองแห่งข้า"


"ขอบคุณองค์เทพี"


เทพีอะโฟร์ไดท์ได้ยิ้ม "หลับตาลง ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังค่าย"




หลักฐานการต่อสู้ 

(จ่าฝูงก็อบลิน) : https://percyjackson.mooorp.com/dzs_npccomrade-fight?aid=161

(มิโนทอร์) : https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=169

(ราชสีห์นีเมียน) : 

https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=133



สำเร็จภารกิจ

เผชิญหน้ากับกองทัพก็อบลิน

รางวัล: 40 EXP , +12 ดรักม่า , +30 กล้าหาญ , ดอก(กุหลาบสี)ทอง 1 ดอก 

ความโปรดปรานจากอะโฟร์ไดท์ +35 แต้ม (ขึ้นกับเทพที่ท่านเลือกทำงานให้)


BELIEVER (ผู้ศรัทธาเหล่าเทพ) โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15






แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 40 EXP โพสต์ 2024-4-28 18:12
God
คุณได้รับ +30 ความกล้า โพสต์ 2024-4-28 18:12
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-12] อะโฟร์ไดท์ เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-4-28 18:11
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-12] อะโฟร์ไดท์ เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-4-28 18:11
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-4-28 18:11

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญดรักม่า +12 ย่อ เหตุผล
God + 12

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ดาบไซฟอสออฟเดอะฟอลเลน
ควบคุมน้ำ
ตรีศูลน้อย
เข็มทิศมหาสมุทร
น้ำหอมบุรุษ
ชุดเครื่องเพชร
หมวกนีเมียน
ฟองอากาศแห่งชีวิต
ภูมิคุ้มกันเปียก
แว่นกันแดด
เกราะหนัง
กำไลหินนำโชค
หายใจใต้น้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x17
x2
x3
x2
x3
x3
x20
x4
x6
x1
โพสต์ 2024-4-29 03:16:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-4-29 12:05

106
Paris Day 1 - ก็บอกแล้วว่ามาเที่ยวจริง ๆ

             ชายหนุ่มทั้งสองถูกวาร์ปมาอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ซึ่งค่อนข้างจะเบียดเสียดยัดเยียดกันน่าดูเมื่อผู้ชายตัวโตสูงกว่าหกฟุตสองคนต้องมาอัดกันอยู่ในนี้ แม้สายการบินอะโฟรไดท์แอร์ไลน์จะมาส่งได้นุ่มนวลมากกว่า อะธีน่าเจ็ต และไอริสแอร์เวย์ แต่มีจุดอื่นให้วาร์ปมาส่งตั้งเยอะแท้ ๆ ทำไมต้องมาโผล่ตรงนี้ด้วย

             “ออก.. ออกกันมาก่อน!”

             ดีนบอกกับแมคเคนซีจากนั้นก็ค่อย ๆ เบียดตัวกันออกมาจากตู้โทรศัพท์ที่คับแคบ ให้ตายสิ! พวกเขาถูกเทพีแห่งความรักแกล้งหยอกเข้าให้แน่ ๆ เหมือนกับตลอดเวลาที่สนทนากันที่ริมทะเลสาบกลางค่าย เมื่อออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกได้ชายหนุ่มก็เหลียวมองไปรอบ ๆ พวกเขาอยู่บริเวณทำนบแม่น้ำใต้สะพานแห่งหนึ่งในกรุงปารีส อาจเหมาะสมแล้วก็ได้ที่นางส่งพวกเขามายังพิกัดนี้เพราะช่างลับตาผู้คนเสียเหลือเกิน

             แต่ว่าส่วนที่พวกเขาโผล่มาคือจุดไหนของเมืองกันนะ?

             “ลองสำรวจรอบ ๆ กันที่รัก”


             ดีนนำหน้าเดินขึ้นมาบนสะพานแห่งนั้น มันเป็นสะพานคนเดินที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวสัญจรไปมา แล้วเมื่อมองไปยังฝั่งตรงกันข้ามเขาเห็นพิรามิดแก้วตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า มันคือพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่เขาอยากมานักหนาจนเผลอลากมือแมคเคนซีข้ามสะพานแห่งนั้นไปโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจของอีกฝ่าย รู้ตัวอีกทีเขาก็ซื้อตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์มาสองใบด้วยมาสเตอร์การ์ด

             น่าแปลก ทั้งที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังก้องโลกแต่พวกเขากลับเข้าแถวต่อคิวนานไม่ถึงสิบนาที ราวกับว่าเทพีอะโฟรไดท์เคลียร์ทุกอย่างให้หมดแล้วจนสะดวกโยธิน

             พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงสมบัติเก่าของฝรั่งเศสไว้มากมาย ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในพระราชวังเก่าที่มีทางลับใต้ดินซึ่งบัดนี้ถูกเปลี่ยนมาเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานกว่าสามหมื่นชิ้นจึงยังเห็นสถาปัตย์กรรมภายในสไตล์เรเนซองส์ให้เห็นอยู่ตลอดทั้งทางเดิน ให้ดูผลงานทั้งหมดในวันเดียวคงไม่หมดพวกเขาจึงตกลงปลงใจว่าเน้นดูไฮไลท์อย่างภาพวาด 'โมนาลิซ่า' และรูปปั้น 'วีนัส เดอ มิโล' ที่เทพีแห่งความงามแนะนำมา ส่วนศิลปะที่จัดแสดงกลางทางถือว่าเป็นของแถม




             แม้พวกเขาจะไม่ได้มีหัวทางด้านศิลปะแต่ก็รู้ว่าผลงานที่จัดแสดงล้วนมีคุณค่าและบันทึกหน้าประวัติศาสตร์เอาไว้มากมาย อย่างรูปภาพ ‘เสรีภาพนำทางชาวประชา’ (Liberty Leading People) โดยศิลปิน เออแฌน เดอลาครัว ที่วาดภาพหญิงสาว ชูธงฝรั่งเศสหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองได้สำเร็จ ดีนเพิ่งรู้ตอนเข้าไปอ่านคำบรรยายภาพนี่แหล่ะว่าภาพวาดนี้เป็นต้นแบบของเทพีเสรีภาพบนเกาะลิเบอร์ตี้ ที่ฝรั่งเศสส่งมาเพื่อเป็นของขวัญแก่ชาวอเมริกัน

             ถึงจะบอกว่าดูแค่ไฮไลท์แต่พวกเขาก็เสียเวลาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ร่วมหลายชั่วโมง พอออกมาข้างนอกท้องฟ้าก็ออกสีอมส้มเข้าช่วงบ่าย ราวกับว่าพิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่ดูดเวลา พวกเขาไปที่ทัวร์ริสเซ็นเตอร์ใกล้ ๆ นั้นเพื่อขอแผนที่เที่ยวชมปารีส

             เพิ่งจะมารู้ตอนกางแผนที่ออกนี่แหล่ะว่าใต้สะพานที่พวกเขาถูกวาร์ปมาส่งคือสะพานปงเดซาร์ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดยอดฮิตที่คู่รักมาล็อคกุญแจไว้ที่ราวสะพานแล้วโยนลูกกุญแจลงทิ้งแม่น้ำเพื่อให้ความรักของพวกเขาไม่มีใครมาพรากจาก แต่ทำให้แม่น้ำลำคลองปารีสสกปรกและอุดตันจนทางการเมืองออกกฎห้ามแล้วเลาะราวสะพานเก่าทิ้งทั้งแผง

             ‘จะว่าไปเทพีอะโฟรไดท์ก็เลือกปลายทางได้พรีเซ็นต์ความเป็นตัวตนดี’

             แล้วเริ่มวางแผนการท่องเที่ยว เอ้ย! หมายถึงแผนการทำภารกิจกันต่อ

             “ฉันว่าเซนต์ชาเปลล์ (แซงท์ ชาแปลล์) นอร์ทเทอร์-ดาม (น็อทร์-ดาม) สวนลักแซมเบิร์ก (ลุกซ็องบูร์) แล้วก็พาเธนอน (ป็องเตอง) ดูน่าสนใจดีนะ นายคิดว่าไงแมคซี่”

             ดีนเอ่ยถามเพื่อนที่มาด้วยหลังจากที่เขามัดมือชกควงอีกฝ่ายไปนั่นมานี่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อยู่หลายชั่วโมง

             @Mackenzie

             “นายจะขอโทษทำไม ไม่เป็นไรเลย ฉันก็ไม่ได้วางแผนอะไรมาเลยเหมือนกัน” ดีนหัวเราะ สำหรับเขาก็สไตล์นี้แหล่ะ แค่รู้ว่าอยากไปไหนนัดวันแล้วก็เก็บของไปเลย เรื่องการวางแผนเป็นเรื่องของหน้างาน “นายเป็นประเภทเจ้าของที่วิ่งตามหมาสินะ”

             คำเปรียบเปรยไม่เกินจริง ที่มาเที่ยวกันเพราะแมคเคนซีเหมารวมว่าเขาเป็นหนึ่งในหมาของอีกฝ่ายเนี่ยแหล่ะ ซึ่งมันไม่แย่อะไรเลยหากจะเป็นหมาแล้วได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีแบบนี้ ต่อให้ต้องกินเพดดิกรีเขาก็ยอม

             “อ้า อื้ม”

             ดีนหยักหน้าหงึก ๆ เมื่ออีกฝ่ายขอตัวไปซื้ออะไรบางอย่าง เมื่อมองตามไปเขาเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดที่ร้านดอกไม้

             ‘เฮ้ย! หรือว่าจะ!!!’

             ชายหนุ่มกรีดร้องในใจ แม้เสียงไม่ออกแต่ใบหน้าออกเต็ม ๆ อันที่จริงเขากับแมคเคนซีก็รู้จักกันมาเกือบจะปีนึงอยู่แล้ว ระดับความสนิทก็มากมายท่วมท้นเกินกว่าคำว่าเพื่อน

             ‘ปารีสก็เป็นเมืองแห่งความรักซะด้วยสิ’

             มือที่ถือแผนที่ขยำมันจนยับยู่ยี่ ดีนไม่เคยคิดถึงเรื่องการขยับความสัมพันธ์เพราะเขาคิดว่าที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว และเขาก็ยังคงฝังใจกับเรื่องราวเก่า ๆ จนมีทัศคติไม่ค่อยดีกับความรักเท่าไร แม้ว่าเขาจะเป็นคนง่าย ๆ ง่ายทั้งตัว ง่ายทั้งใจ แต่กำแพงที่จะต้องปีนข้ามไปเพื่อขยับความสัมพันธ์นั้นสูงลิบลิ่ว เขายังไม่พร้อมและรู้สึกว่าเร็วเกินไป แต่หากต้องปฏิเสธคน ๆ นี้ล่ะก็… แค่คิดใจก็เจ็บเองแล้ว

             เพราะงั้นเขาควรจะตอบรับอีกฝ่ายอย่างไรดี?

             แมคเคนซีเดินกลับมาพร้อมกับช่อดอกทิวลิปสีส้ม ดีนได้แต่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยคิดว่าในมือของเพื่อนจะเป็นดอกกุหลาบเสียอีก จนต้องมานั่งขบคิดว่า ‘ดอกทิวลิปมีความหมายว่าอะไรวะ?’ แต่จะอะไรก็ช่างเขาพยายามปั้นหน้าให้กลับมาเป็นปกติเมื่ออีกฝ่ายกลับมาแล้วมอบช่อดอกไม้ให้

             ทว่าคำที่ได้ยินกลับเป็นการแสดงความยินดีเรื่องที่เขาได้เป็นที่ปรึกษาบ้าน

             “ห๊ะ?”

             ดวงตาสีเปลือกไม้กะพริบปริบ เมื่อกี้แมคเคนซีพูดว่าอะไรนะ ‘ที่ปรึกษาบ้าน?’ คืออะไร? เพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเนี่ยแหล่ะ

             “นาย.. อำอะไรฉันหรือเปล่า?” ดีนยื่นมือไปรับช่อทิวลิปมาแล้วคุ้ยหาว่าอีกฝ่ายแอบเอาแหวนซ่อนไว้ในดอกไหนสักดอกไหม

             @Mackenzie

             มือที่กำลังคุ้ยดอกไม้อยู่หยุดชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมาก็จะยิ้มแหะ ๆ ให้แมคเคนซี ยังไงก็ไม่เจอสิ่งที่สงสัยเพราะงั้นไม่บอกหรอกว่าเขากำลังหาอะไรอยู่

             “แบบว่ามันสวยอ่ะ ก็เลยอดใจที่จะจับไม่ได้”

             แถหน้าด้าน ๆ…

             “จะเพราะอะไรก็ช่างแต่ว่าฉันจะเก็บเอาไว้อย่างดีเลย ขอบคุณนะแมคซี่”

             อยากจะหลุดพ้นจากเรื่องหน้าแตกของตัวเองไว ๆ ก็เลยยิ้มหวาน ๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง

             “ว่าแต่นายเหนื่อยแล้วหรือยัง? ถ้ายังฉันจะชวนไปเที่ยวที่ต่อไปเลย” ขยับมายืนข้าง ๆ แมคเคนซีจากนั้นก็กางแผนที่ท่องเที่ยวเปิดให้ดูด้วยกัน “เดินเลียบแม่น้ำไปตรงนู้น แล้วก็ข้ามสะพานไปจะเจอกับโบสถ์เซนต์ชาเปลล์ เคยได้ยินชื่อมาตั้งนานแล้วว่าสวยมาก ๆ นายชอบไปโบสถ์หรือเปล่า?”

             @Mackenzie

             “อุ้ย โทษที” ลืมไปเลยว่าเขาควรจะทะนุถนอมดอกไม้ช่อแรกที่ได้รับมากกว่านี้ ดีนเลยเปลี่ยนมาประคองช่อดอกไม้ดี ๆ “คิดว่านายจะรอดเหรอเพื่อน ฉันไม่ลืมบ่นให้นายฟังหรอกน่า”

             ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็ส่งแผนที่ให้อีกฝ่ายถือไว้แทนเพราะว่าเขาจะได้ถือช่อทิวลิปช่อนี้ดี ๆ ไงล่ะ! เพื่อไม่ให้เสียเวลาพวกเขาจึงเริ่มออกเดิมโดยไม่ละทิ้งบทสนทนาที่ค้างไว้

             “ไม่รู้จัก ฉันรู้แค่ว่ากลอสเตอร์เป็นบ้านเกิดนายแล้วก็มีชีสอร่อย.. ใช่ไหม?”

             ดีนทวนความทรงจำตอนที่แมคเคนซี่ชงจูเลียตแอนด์โรมีโอมาให้พร้อมกับพรีเซนต์ความเป็นบ้านเกิด นอกจากที่กล่าวมาเขาก็ไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับกลอสเตอร์แล้ว

             “ไปโบสถ์บ่อยเหรอ ไม่ยักรู้ว่านายจะเป็นคริสต์ชนที่เคร่งครัด”

             เขาเสมองอีกฝ่าย ไหงคนเคร่งครัดถึงเป็นไบเซ็กชวลได้ล่ะเนี่ย ดีนรู้ว่าเพศวิถีเป็นเรื่องรสนิยมส่วนบุคคลและไม่ใช่เรื่องผิดบาปแต่อย่างใด แต่ก็เข้าใจพวกที่เคร่งครัดศาสนาแบบสุดโต่งอีกด้วย แบบนี้ความรู้สึกในใจไม่ตีกันจนสับสนยุ่งเหยิงแย่เหรอ ดีนะที่เขาศรัทธาเพียงแค่วิทยาศาสตร์

             ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีทั้งคู่ก็เดินมาถึงเกาะกลางแม่น้ำแซนซึ่งเป็นที่ตั้งของแซงท์ ชาแปลล์ และอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีสที่บัดนี้ปิดปรับปรุงจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อปีสองพันสิบเก้า ตอนนี้ยังเห็นว่ามีรถเครนต่าง ๆ ตั้งประกบเพื่อซ่อมแซมอยู่เลย



             @Mackenzie

             “โอเค ดีล เข้าใจแล้ว ชอบแค่ความสงบแต่ไม่เคร่งศาสนาสินะ เหมือนกับว่าชอบศิลปะอะไรทำนองนี้?”

             ดีนตอบรับการแลกเปลี่ยนเรื่องการไปเที่ยวบ้านของแมคเคนซี แต่ว่าจะไปอย่างไรก่อนเถอะ บุตรแห่งโพไซดอนไม่สามารถนั่งเครื่องบินได้แล้วอังกฤษก็เป็นเกาะถ้าไม่ไปทางฟ้าก็ต้องไปทางน้ำ ซึ่งน่าจะใช้เวลาแกร่วอยู่บนเรือโดยสารหลายวัน จะยังไงก็ได้ขอให้ไม่ไปชนภูเขาน้ำแข็งแบบเรือไททานิกก็พอ

             ‘พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเจโรมถึงมีเรือยอร์ชส่วนตัว..’

             และเห็นทีว่าจากนี้เขาคงต้องเก็บเงินซื้อเรือแบบน้องชายบ้าง จะให้ยืมเรือกอนโดล่าลากฮิปโปแคมปัสก็เกรงใจบิดาเทพเสียเหลือเกิน

             แต่กลับมาโฟกัสที่ปัจจุบันดีกว่า น่าเสียดายเหลือเกินที่ไม่สามารถท่องเที่ยวภายในมหาวิหารฯ ได้ เคยได้ยินคำร่ำลือว่าอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีสก่อนเกิดไฟไหม้นั้นงดงามเป็นอย่างมาก ตอนนี้ได้เพียงแค่ยืนมองอาคารจากภายนอกและรั้วล้อมที่ติดป้ายไวนิลเป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวไปก่อน

             “ได้สิ งั้นเข้าไปดูกัน”

             ดีนเดินนำหน้าเป็นไกด์เถื่อนพาแมคเคนซีเข้าไปชมโบสถ์แซงท์ ชาแปลล์ เพียงแค่มองเข้าไปก็เห็นความหรูหราอลังการของสถาปัตย์กรรมโกธิก ทั่วทั้งโบสถ์ประดับประดาไปด้วยกระจกสีหลากสีสัน แต่ส่วนใหญ่จะคุมโทนน้ำเงินตัดสลับกับขอบบัวที่ทาด้วยสีทองสวยงามตระการตาจนอ้าปากค้าง



             “ในนี้สวยจัง”

             ดีนไม่เคยเห็นโบสถ์ที่ไหนสวยเท่าที่นี่มาก่อน นี่สินะยุโรป! ชายหนุ่มหวนนึกถึงโบสถ์ที่ซานอันโตนีโอบ้านเกิด แม้จะเป็นสถานที่ไฮไลท์อย่างโบสถ์ซานเฟอร์นานโดก็ยังเทียบความงดงามของแซงท์ ชาแปลล์ไม่ได้แม้แต่หนึ่งเปอร์เซ็นต์

             ถ้าคนไม่เยอะน่าจะดีกว่านี้…

             ชายหนุ่มลองจินตนาการภาพตามที่แมคเคนซีบอก หากว่าแซงท์ ชาแปลล์เงียบสงบสมกับเป็นศาสนสถานมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวอย่างนี้คงดูเคร่งขรึมและได้รับพลังโฮลี่อย่างมหาศาล

             “ตอนไปที่โบสถ์กลอสเตอร์นายทำอะไรบ้าง?” ดีนเอ่ยถาม

             @Mackenzie

             “ไม่ ฉันไม่เคยไปเลยเว้นแต่ตอนที่โรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่โบสถ์ซานเฟอร์นานโด”

             ดีนกลั้วหัวเราะ พ่อเลี้ยงของเขาเป็นเกย์ ส่วนแม่ก็เป็นนักสิทธิ์สตรีหัวก้าวหน้าท้าทายอำนาจปิตาธิปไตย เรียกว่าเป็นครอบครัวไม่เข้าใกล้พระเจ้าเลยสักนิด แต่ก็ดันมีเขาที่เป็นเดมิก็อด ถึงจะคนละตำนานความเชื่อแต่คงเป็นเขานี่แหล่ะที่อยู่ใกล้กับพระเจ้าของกรีกมากที่สุดแล้ว

             “งี้นายคงมาเที่ยวไม่ต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไปสินะ แย่จังที่นี่เอาเก้าอี้ออกไปหมด ถ้าได้นั่งสงบจิตน่าจะรู้สึกว่าเป็นโบสถ์มากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวเนอะ นายว่าไหม?”

             โบสถ์แซงท์ ชาแปลล์แม้จะสวยงามแต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย หากมหาวิหารฯ ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามไม่ได้ถูกไฟไหม้พวกเขาคงโดนศาสนสถานสองแห่งนี้ดูดเวลาไปไม่ต่างกับที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ทำ ดังนั้นใช้เวลาอยู่ที่นี่กันไม่ถึงชั่วโมงก็ออกมาจากโบสถ์ ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มขึ้นอีกนิดน่าจะเข้าช่วงบ่ายแก่ ๆ แล้วใกล้เวลามื้อเย็นเต็มที

             ดีนหยิบแผนที่ขึ้นมากางอีกครั้งหนึ่ง

             “เหมือนว่าใกล้ ๆ นี้จะมีร้านอาหารที่น่าสนใจด้วยแฮะ คาเฟ่ที่เก่าแก่ที่สุดในปารีสเหรอ.. ว้าว ลองไปดูกันไหม?” ดีนเอ่ยถามแมคเคนซี

             ไหน ๆ มาปารีสแล้วก็น่าลองทานอาหารจากร้านดังสักหน่อย เขาคลับคล้ายคลับคลาเคยได้ยินมาว่า ‘อาหารที่ดีที่สุดในโลกคืออาหารฝรั่งเศส’ ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดที่เกินจริงไปไหมแต่ว่ามันก็น่าลอง ไม่ว่าจะต้องรอคิวยาวแค่ไหนหรือจ่ายแพงเพียงใดเขาก็ยินดีที่จะทุ่มไม่อั้นด้วยมาสเตอร์การ์ด เข้าทำนองว่ารูดไปก่อนจ่ายทีหลัง…

             @Mackenzie

             “ก็ใช่ แต่ว่าฉันก็เคยเจอนายที่คาเฟ่ด้วยนี่นา ความจริงนายอาจจะเจอฉันได้ทุกที่ก็ได้นะ”

             ว่าไปนั่น…

             “งั้นไปกัน”

             แผนที่ถูกพับเก็บแล้วกำไว้ที่มือข้างซ้ายส่วนมือข้างขวาเขายังประคองช่อทิวลิปสีส้มอย่างถนอม การเดินทางจากแซงท์ ชาแปลล์ไปที่ร้านอาหาร ‘คาเฟ่ เลอ โปคอป’ ที่เปิดให้บริการมากว่าสามร้อยสามร้อยกว่าปีจะว่าใกล้ก็ใกล้จะว่าไกลก็ไกล แต่ในวันที่อากาศดีแบบนี้พวกเขาเลือกที่จะเดินเท้าไปยังร้านชื่อดังของปารีส ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที เดินชิล ๆ ดูบ้านเรือนยุโรปด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพียงแป๊บ ๆ ก็มากันถึง 'ร้านเลอ โปคอป'



             น่าแปลกที่วันนี้ร้านอาหารคิวทองกลับมีโต๊ะว่างให้ทั้งดีนและแมคเคนซีได้ไปนั่งอย่างพอดิบพอดี มันพอดีจนเกินไปจนคิดว่าเทพีอะโฟรไดท์ช่วยใช้ฟาสต์พาสให้พวกเขาหรือเปล่า สองหนุ่มสั่งอาหารและเครื่องดื่มมารับประทาน ราคาต่อคอร์สอาหารสามอย่างได้ทั้งคาวและหวานไม่ได้แพงอย่างที่คิด อย่างน้อยดีนก็จ่ายไหวโดยไม่ต้องพะวงว่าไม่มีเงินใช้หนี้บัตรเครดิต ชื่ออาหารฝรั่งเศสอ่านออกเสียงยากพอ ๆ กับชื่อสถานที่ เอาเป็นว่าพวกเขาสั่งสเต็กเนื้อที่อร่อยโคตร ๆ มาทานกัน เนื้อชั้นดีถูกปรุงรสโดยเชฟมือฉมัง เพียงแค่เอาเข้าปากเนื้อก็แทบจะละลายไปพร้อมกับกลิ่นเครื่องเทศที่คิดมาแล้วว่าเข้ากัน สมกับคำโม้ที่ว่า ‘อาหารฝรั่งเศสเป็นอาหารที่ดีที่สุดในโลก’ จริง ๆ

             แอบกระซิบ… ไม่อยากจะบอกเลยว่าอร่อยกว่าที่เจ๊ฮาร์ปี้ทำอีก

             เมื่อไวน์เข้าปากพวงแก้มก็เริ่มขึ้นสีแดงปลั่งพอ ๆ กับที่ดวงตาฉ่ำปรือ ดีนก็เริ่มออกอาการพูดมากกว่าปกติทั้งที่เขาเป็นคนพูดมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

             “ว่าแต่วันนี้เราไม่เจอก็อบลินเลยเนอะ ฝรั่งเศสก็ดูสะอาดดี ถึงแม่น้ำจะสกปรกนิดหน่อยแต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น สงสัยว่าเราจะได้มาเที่ยวฟรีกันจริง ๆ”

             ดีนส่งไวน์แดงเข้าปากก่อนจะพล่ามต่อ

             “เทียบกับตอนที่ไปเปอร์โตแปงซ์ไม่ได้เลย ที่นั่นโหดร้ายมาก ๆ สงครามมันแย่จริง ๆ ฉันอยากจะรู้จังว่าถ้าไม่มีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นที่นั่นจะสวยงามเหมือนกับปารีสไหม.. เสียดายที่เมืองกว่าจะกลับมาสงบสุขได้คงอีกนาน พวกชาวเมืองไม่น่าจะลบหลู่…”

             ดีนสะอึก เหมือนว่าเขากำลังจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกไปจนทำให้ครอบครัวอีกฝ่ายเกิดความร้าวฉานจึงหาเรื่องกลับใบเรือ

             “ไม่น่าจะลบหลู่แม่มดดำเลย..”
             หวังว่าแมคเคนซีจะจับสังเกตไม่ได้ เขารับยกแก้วไว้ขึ้นมากระดกอีกหนึ่งอึกแล้วเปลี่ยนเรื่องเนียนไปพูดถึงที่อื่น

             “จะว่าไปนายดูบอร์ดมาแล้วสินะ คงจะเห็นเรื่องที่รับอาสาสมัครไปยูเครน เรื่องนั้นก็ดูเหมือนจะเกี่ยวกับเทพเจ้าสงครามของรัสเซียอยากตีกับเทพีอะธีน่า แถมยังมีเรื่องเหลือเชื่ออย่างภารกิจที่เด็กฮิปนอสไปทำอีก ต้องไปตามจับปีศาจฝันร้ายอะไรก็ไม่รู้ ส่งผลทำให้คนนิวยอร์กฝันว่าถูกทำร้ายแล้วก็ได้แผลมาจริง ๆ เรื่องนี้ฉันคุยกับแม่มา แถมยังเจอข้อมูลในเน็ตอีกด้วย พวกความขัดแย้งในโลกดูเหมือนจะมีทวยเทพมาเอี่ยวเต็มไปหมด จากนี้คงมีงานให้พวกเราทำเยอะแยะ”

             @Mackenzie

             “ไม่ ๆ ไม่ได้ไปทุกภารกิจขนาดนั้น ฉันสู้ไม่เก่ง ไปทำงานแค่ภารกิจง่าย ๆ เท่านั้นแหล่ะ อย่างกู้ภัยเอย ตามหาของหายเอย ส่วนนี่ก็มาเพราะได้เที่ยวฟรี”

             ตอนเปอร์โตแปงซ์ไม่อยากจะนับว่าเป็นภารกิจเพราะเขาเพียงแค่อยากไปช่วยแม่ แต่เพราะว่าไปช่วยแม่นี่แหล่ะถึงทำให้สำเร็จภารกิจได้แม้ว่ามันจะติดตราตรึงใจเขามากในฐานะภารกิจแรกสุดโหดหินก็ตามที

             “ที่ยูเครนฉันไม่ไปหรอก น่าจะต้องฆ่าคนจริง ๆ ด้วยใช่ไหมล่ะ ฉันรับความรู้สึกนั้นไม่ไหวหรอก…”

             แค่สังหารข้อมูลแบ็คอัพของสิงโตนีเมียนก็ทำเอานอยด์ไปทั้งวัน แล้วนั่นเป็นชีวิตมนุษย์ของจริงถึงจะเป็นศัตรูกับอเมริกาแต่ก็ทำใจไม่ได้หรอก ชีวิตมันไม่เหมือนเกมสักหน่อยนึง

             “จะว่าไปพวกเรายังไม่มีที่พักกันเลยนี่นาแย่ล่ะสิ…”

             ต่อให้เดินหาก็คงลำบากเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ไม่อย่างนั้นอสุรกายจะแห่กันมาหา

             “งั้นเดี๋ยวลองถามพนักงานเสิร์ฟดู พวกเราเช็คบิลกันเลยเนอะ”

             กล่าวจบดีนก็เรียกเช็คบิลค่าอาหารรวมถึงถามเรื่องที่พักในคืนนี้ด้วย พนักงานชาวฝรั่งเศสก็แนะนำพวกเขาเป็นอย่างดี เพราะร้านอาหารแห่งนี้ลือชื่ออยู่แล้วพนักงานจึงพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคนแม้สำเนียงอาจจะออกแปล่งหูและได้ยินเสียงตัว ‘R’ มากหน่อย จนรู้มาว่าละแวกนี้โรงแรมค่อนข้างแพง แต่ยังมีโรงแรมบนถนนรูเดเอโคลส์ที่ราคาไม่แพงมากจึงลองให้สองหนุ่มไปดู

             เมื่อได้พิกัดแล้วดีนและแมคเคนซีก็ออกจากร้าน ดูเหมือนว่าทางไปโรงแรมจะผ่านลุกซ็องบูร์และป็องเตองจึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เดินย่อย



             ออกจากร้านอาหารมาได้ท้องฟ้าก็มืดครึ้มทว่าถนนหนทางกลับสว่างไสวเหมือนกับว่าเมืองนี้ไม่เคยหลับ คล้ายกับย่านบอร์ดเวย์ที่ดีนพักอยู่ตอนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยไม่มีผิด พวกเขาเดินเข้าไปในสวนลุกซ็องบูร์ยามค่ำที่เปิดให้บริการเกือบสี่ทุ่ม ชมดอกไม้และทางเดินประดับไฟสุดแสนจะโรแมนติก ส่วนพระราชวังเก่าปิดทำการไปแล้วจึงได้เพียงแค่ดูวิวระหว่างเดินลัดสวน

             แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

             “อุ.. แมคซี่ ฉันปวดท้องอ่ะ…”

             หนุ่มหน้าละตินหน้านิ่วคิ้วขมวดบอกเพื่อนชาย สงสัยว่าไวน์แดงฝรั่งเศสจะทำพิษ ดีนรีบมองหาที่ทางโชคดีที่ห้องน้ำสาธารณะอยู่ไม่ไกล เขาเอาช่อดอกไม้ที่อีกฝ่ายมอบให้ยัดใส่มือสหายอย่างร้อนรน

             “ฝากแป๊บ เดี๋ยวมานะ”

             จากนั้นก็รีบวิ่งเร็วจี๋เข้าห้องน้ำไป

             @Mackenzie

             สัจธรรมอย่างหนึ่งในชีวิตก็คือ ‘ต่อให้อาหารอร่อยแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องขับถ่ายออกมา’

             พอมาคิดแบบนี้ก็รู้สึกว่าเสียดายเงินห้าสิบกว่ายูโรเลยแฮะ ถ้าตัดเรื่องนี้ออกไปอาหารที่เพิ่งทานมาจะคุ้มค่ามาก ๆ

             เมื่อดีนออกจากห้องน้ำสาธารณะเขาก็เห็นร่างเขียว ๆ วิ่งผ่านหน้าไปมันแกว่งไกวอาวุธในมือไปมาพลางร้องกี้ ๆ

             “เฮ้ย!!!”

             นั่นคือก็อบลินแถมยังวิ่งเข้าหาแมคเคนซีที่รอเขาอยู่ ดีนรีบวิ่งไปช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่ทัน อสุรกายร่างเล็กเข้าถึงเพื่อนไวกว่าเขา แต่แล้วชายหนุ่มก็เห็นว่าร่างของมันสลายไปกลายเป็นเถ้าเหลือแต่เพียงหมวกก็อบลินที่เป็นสินสงครามร่วงผลอยลงมา และเบื้องหน้าคือหนุ่มอังกฤษที่ยืนถือมีดสัมฤทธิ์ด้วยอาการตื่นตะลึง

             “แมคซี่นายเป็นอะไรไหม!?”

             ดีนวิ่งไปหาเพื่อน สำรวจร่างกายอีกฝ่ายว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่

             @Mackenzie

             เมื่อมองสีหน้าของแมคเคนซีดีนก็เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี นี่คงเป็นการคร่าชีวิตสัตว์ที่ใหญ่กว่ามดหรือแมลงสาปเป็นครั้งแรกสินะ ยังดีที่ศัตรูตัวแรกที่เขาต้องจัดการคืออัลกูลที่หน้าตามันเหมือนซอมบี้อยู่แล้วจึงไม่ได้รู้สึกผิดบาปสักเท่าไร ส่วนประสบการณ์การต่อสู้กับก็อบลินครั้งแรกของเขา พวกมันมากันเป็นฝูงจึงอยู่ในอารามหนีตายมากเสียกว่าจะเสียใจ

             “มานี่มา” ฝ่ามือหนาช้อนท้ายทอยของเพื่อนสนิทกดลงมาซบบ่าของตัวเองไว้ จูบซับที่ขมับของคนตัวโตกว่า แขนอีกข้างโอบกอดลูบหลังปลอบประโลมอีกฝ่ายป้อย ๆ “ฉันเข้าใจความรู้สึกของนายนะที่รัก นายจะไม่เป็นไรนะคนเก่งของฉัน”

             เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีในนาทีนี้ แต่การมาปารีสในครั้งนี้อาจจะต้องกำจัดก็อบลินอีกหลายตัว คงต้องยืมคำของคุณไครอนมาใช้

             “โลกแห่งเทพเจ้ามันโหดร้ายแบบนี้แหล่ะ นายต้องทำใจให้ได้ นายมีฉันอยู่ตรงนี้นะที่รัก ฉันจะอยู่เคียงข้างนายไม่ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

             ตอนนี้พวกเขาไม่มีอารมณ์มาเที่ยวต่อจึงรีบเก็บของที่วางกองไว้เพื่อไปหาโรงแรมบนถนนรูเดเอโคลส์ จนแม้แต่ความสวยงามของสถาปัตยกรรมกรีกอย่างป็องเตองยังเรียกร้องความสนใจจากพวกเขาไม่ได้

             จนในที่สุดได้เข้าพักที่โรงแรมบูทีคแห่งหนึ่งที่ตกแต่งด้วยสีสันฉูดฉาดของฝรั่งเศสสมัยใหม่ ทั้งโรงแรมเหลือห้องพักเพียงห้องเดียวเป็นเตียงเดี่ยวแถมยังว่างแค่สำหรับคืนนี้และพรุ่งนี้เป๊ะ ๆ แถมยังมีอาหารเช้าให้อีกต่างหาก

             ราวกับเทพบันดาล

             ดีนจึงจองห้องพักทั้งสองวันไว้เลย แม้จะต้องนอนเบียดกันนิดหน่อยแต่ก็น่าจะกว้างกว่าโซฟาเยอะ ตอนนี้ดีนเป็นห่วงอาการของเพื่อนเหลือเกินว่าจิตใจของแมคเคนซีจะแหลกสลายไปมากเท่าไร

             หลังทำธุระส่วนตัวและวางแผนสำหรับวันรุ่งขึ้นเสร็จเขาก็ส่งอีกฝ่ายเข้านอน หวังว่าคนข้าง ๆ จะนอนหลับฝันดีและตื่นขึ้นมาโดยไม่มีเรื่องราวทุกข์ใจใด ๆ อีก

เล่าเรื่อง [สถานการณ์ในเฮติ] [สถานการณ์ในยูเครน] และ [ภารกิจคำทำนายของเฟเรีย] ให้แมคเคนซีฟัง


แสดงความคิดเห็น

09/2. Paris Day 11 ...เมื่อเสียงรอบ ๆ ตัวเงียบลง แมคเคนซีก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น... นี่พวกเขาอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงโดนอั  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-4-29 03:51
โพสต์ 61617 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-4-29 03:16
โพสต์ 61,617 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันเปียก  โพสต์ 2024-4-29 03:16
โพสต์ 61,617 ไบต์และได้รับ +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก ทักษะหอก  โพสต์ 2024-4-29 03:16
โพสต์ 61,617 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก สร้างฟองอากาศ  โพสต์ 2024-4-29 03:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-4-29 03:51:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-5-1 01:46
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-4-29 03:16
106Paris Day 1 - ก็บอกแล้วว่ามาเที่ยวจริง ๆ
             ชายหนุ่มท ...

09/2. Paris Tour
1


...เมื่อเสียงรอบ ๆ ตัวเงียบลง แมคเคนซีก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น...

นี่พวกเขาอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงโดนอัดกันอยู่อย่างกับปลากระป๋องแบบนี้ !? ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเครื่องโทรศัพท์สาธารณะตรงหน้า ให้ตายสิ…อย่าบอกนะว่าพวกเขามาโผล่กันในตู้โทรศัพท์

หลังจากพากันออกมาจากตู้โทรศัพท์อย่างทุลักทุเลแล้ว แมคเคนซีก็มองทัศนียภาพรอบตัวที่เปลี่ยนไปจากเดิม ก่อนหน้านี้พวกเขายังอยู่กันที่ทะเลสาบกลางค่ายฮาร์ฟบลัดอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นใต้สะพานซึ่งอยู่ริมแม่น้ำไปแล้ว ซ้ำยังมีผู้คนที่พูดภาษาฝรั่งเศสอยู่รอบตัวเขาอีก…นี่พวกเขาอยู่ที่ปารีสแล้วงั้นเหรอ

“โอ้…พระเจ้า”

แมคเคนซีพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ มันคือเรื่องจริง เทพีอะโฟรไดท์ส่งพวกเขามาที่ปารีสจริง ๆ นี่มันเรื่องมหัศจรรย์อะไรกัน

ในขณะที่แมคเคนซียังรู้สึกอัศจรรย์ใจไม่หาย คนที่มาด้วยกันอย่างดีนก็กลับดูชิลเหลือเกินราวกับเป็นเรื่องปกติ อีกฝ่ายคงไปยังที่ต่าง ๆ มามากมายแล้วแน่ ๆ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามดีนก็ชวนเขาไปสำรวจเสียก่อน ชายหนุ่มจึงเดินตามไป ระหว่างทางก็มองนั่นมองนี่ไปเรื่อยด้วยความสนใจระคนตื่นเต้น แล้วก็มาจบที่ถูกดีนลากไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ดูท่าอีกฝ่ายจะสนใจที่นี่มากทีเดียว เขาเองแม้ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับศิลปะหรือประวัติศาสตร์เป็นอย่างดีแต่ก็ยอมรับว่าสถานที่นี้เหมาะแก่การเดินเล่นฆ่าเวลา จนเผลอคิดไปว่าหากพวกเขาได้ดูทุกซอกทุกมุมของที่นี่จนครบก็อาจได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสมาเป็นกอง

กว่าจะออกมาจากพิพิธภัณฑ์ก็เข้าสู่ช่วงบ่ายแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาเดินเพลินหรือเวลาผ่านไปไวกันแน่ และตอนนี้ก็ได้เวลาวางแผนทั้งการท่องเที่ยวและการทำภารกิจในปารีสกันต่อแล้ว

“อืม…ฉันไม่ได้หาข้อมูลมาล่วงหน้าเลย ขอโทษนะ เอาเป็นว่าทริปนี้ฉันจะไปกับนายทุกที่ที่นายอยากไปเป็นไง”

ทั้งที่บอกว่าจะพามาเดินเล่นแท้ ๆ แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าที่ไหนของปารีสน่าสนใจหรือน่าท่องเที่ยวบ้าง ก็แอบรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน

“อ้อ…ดีน นายรอฉันตรงนี้แป๊บนึงได้ไหม เดี๋ยวฉันมา”

เหมือนเป็นประโยคบอกเล่ามากกว่าประโยคคำถาม แมคเคนซีไม่ได้รอคำตอบจากอีกฝ่าย เพราะเมื่อบอกเสร็จเขาก็รีบเดินดุ่ม ๆ ไปตรงร้านค้าทันที ใช้เวลาสักพักก็เดินกลับมา

“เอ่อ…คือเมื่อวันก่อนฉันได้ยินน้อง ๆ ที่บ้านคุยกันว่าที่ค่ายมีเลือกที่ปรึกษาบ้านกัน แล้วเมื่อวันที่ฉันไปอ่านบอร์ดที่บ้านใหญ่ก็เห็นประกาศว่ามีชื่อนายได้เป็นที่ปรึกษาบ้าน…ใช่ไหม ฉันยินดีด้วยนะ”

ช่อดอกไม้เล็ก ๆ ถูกยื่นให้อีกฝ่าย ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกประหม่ายิ่งกว่าตอนถวายดอกไม้ให้เทพีอะโฟรไดท์เสียอีก ทั้งที่ก็เป็นแค่การแสดงความยินดีกับเพื่อนที่ได้รับตำแหน่งเท่านั้นเอง ได้แต่หวังว่าดีนจะไม่สังเกตเห็นหูที่ตอนนี้แดงขึ้นมาจาง ๆ ของเขานะ



[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“อาจจะเป็นงั้นก็ได้ แอนโทนี่กับแอนดริวก็ชอบลากฉันไปนั่นไปนี่บ่อย ๆ”

นึกถึงเวลาที่เขาพาสุนัขพันธุ์เซ็นเบอร์นาร์ดตัวใหญ่ 2 ตัวไปเดินเล่นแล้วก็ยิ้มออกมา แม้ว่าแมคเคนซีจะสูงใหญ่และมีพละกำลังแต่เวลาที่เจ้าหมาของเขาเจออะไรที่น่าสนใจแล้วพยายามจะไปดูให้ได้ก็จะลากเขาที่ถือสายจูงอยู่แบบไม่ปรานีปราศรัย ต่อให้จะยังหนุ่มแน่นแค่ไหนแต่เจอพลังเจ้าหมายักษ์ทั้งคู่ไปก็สู้แรงไม่ไหวเหมือนกัน

…จะว่าไปก็คล้ายดีนที่ลากเขาไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ก่อนหน้านี้อยู่นะ…

“หืม…?”

แมคเคนซีมองดีนด้วยใบหน้าสงสัยไม่ต่างกันหลังจากที่อีกฝ่ายรับช่อดอกไม้ไปด้วยท่าทีงุนงง แต่เขาแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านชื่อบนบอร์ดผิดนะ

“เปล่านะ หรือว่านายยังไม่รู้เหรอ ไว้กลับไปนายลองไปอ่านที่บอร์ดบ้านใหญ่ดูสิ”

เขานึกว่าดีนรู้แล้วเสียอีก ที่จริงเขาก็ไม่รู้หรอกว่าตำแหน่งนี้คืออะไร แต่ขึ้นชื่อว่าที่ปรึกษาแล้วน่าจะเป็นอะไรที่สำคัญอยู่ เขาก็แค่อยากแสดงความยินดีเท่านั้น

“ว่าแต่นายหาอะไรน่ะ”

พอเห็นดีนคุ้ยหาอะไรสักอย่างในช่อดอกไม้ก็ถามขึ้นมา

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“จับแรงเดี๋ยวก็ช้ำพอดี ไม่เป็นไรน่า ถ้านายงานยุ่งก็มาบ่นให้ฉันฟังได้นะ”

แกล้งหยอกไปอย่างนั้น ตอนนี้ดีนเป็นเจ้าของดอกไม้ช่อนั้นแล้ว จะจับแรงแค่ไหนหรือแม้แต่จะจูบก็ย่อมได้ แต่นี่ก็ป็นครั้งแรกที่แมคเคนซีนึกอยากมีเวทมนตร์เพื่อเสกให้ดอกไม้ยังคงสวยงามตามสภาพเดิมตลอดไป

“ยังไม่เหนื่อย โบสถ์เซนต์ชาเปลล์ใช่ไหม ไปสิ”

แมคเคนซีเอียงศีรษะมาดูแผนที่ เมื่อได้ยินคำว่าโบสถ์ก็เหมือนจะหูผึ่งขึ้นมาทันที เขาก็แค่ชอบบรรยากาศที่ดูขรึมขลัง ไม่ได้เป็นคนเคร่งศาสนาแต่อย่างใด

“ชอบนะ ตอนอยู่อังกฤษฉันก็ไปโบสถ์บ่อย วิหารกลอสเตอร์น่ะ นายรู้จักไหม”

หันมาถามก่อนจะเริ่มเดินทางไปยังทิศทางที่โบสถ์เซนต์ชาเปลตั้งอยู่

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซียิ้มเล็กน้อย รับแผนที่มาถือไว้ ถึงไม่ต้องร้องขอ เขาก็เต็มใจรับฟังเรื่องต่าง ๆ จากอีกฝ่ายอยู่แล้ว

“ใช่…ชีสอร่อย นมก็อร่อย ถ้านายได้ไปที่นั่นฉันจะเป็นไกด์ให้เอง ถือว่าแลกกันดีไหม”

คราวก่อนดีนบอกจะเป็นไกด์พาเขาไปลองไอแลนด์ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว จะมีก็แค่ไปปิคนิกด้วยกันเท่านั้น

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันแค่ชอบบรรยากาศของโบสถ์น่ะ มันรู้สึก…เงียบสงบดี”

แน่นอนว่าแมคเคนซีเลี่ยงที่จะไปโบสถ์วันอาทิตย์เนื่องด้วยเรื่องของจำนวนผู้คน เขาชอบบรยากาศของโบสถ์ที่ร้างไร้ผู้คนมากกว่า มันไม่เพียงแต่เงียบสงบอย่างที่เขาว่า แต่มันยังทำให้เขาได้ใช้เวลากับตัวเองด้วย

“มาที่เดียวได้เห็นทั้งสองที่เลยนะ”

แมคเคนซีมองโบสถ์เซนต์ชาเปลและอาสนวิหารนอร์ทเทอร์ดามที่ตั้งตระหง่านตรงหน้า แม้เวลาจะผ่านไปนานนับหลายศตวรรษ แต่ความงดงามก็ยังคงอยู่

“เข้าไปดูในโบสถ์เซนต์ชาเปลกันไหม ส่วนนอร์ทเทอร์ดามดูแค่ตรงนี้ก็คงพอ”

เขาหันมาถามความเห็นคนที่มาด้วยกัน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ประมาณนั้น แล้วนายล่ะ ชอบไปโบสถ์ไหม”

ถามขึ้นอย่างสงสัย อยากรู้เหมือนกันว่านักปาร์ตี้อย่างดีนจะมีมุมที่สงบ ๆ บ้างหรือเปล่า

“นั่นสิ สวยมากจริง ๆ”

แมคเคนซีเดินตามดีนเข้ามาภายในโบสถ์ การตกแต่งภายในงดงามสมคำร่ำลือ จะติดก็แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากไปสักหน่อยที่ทำให้ขาดความสงบอย่างที่เขาชอบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มองประติมากรรมกระจกสีที่ตกแต่งไว้รอบโบสถ์จนเพลินตา ถ้ามีกล้องถ่ายรูปสักตัวก็คงดี

“ก็เดินรอบ ๆ โบสถ์ บางทีก็เข้าไปนั่งในโบสถ์สักพักแล้วก็กลับ สาธุคุณที่นั่นจำฉันได้กันกือบหมด”

ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้นับว่าสนิทชิดเชื้ออะไร ส่วนมากจะโดนทักว่า “มาสารภาพบาปเหรอลูก” ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องสารภาพสักหน่อย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“งั้นถ้าเป็นก่อนหน้านั้นเราคงได้เจอกันแค่ที่คลับหรือเปล่า”

หากไม่นับความบังเอิญตอนเจอกันตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ที่เขากับดีนเจอกันก็งจะมีแค่มิดไนท์โวลุ่ม คงไม่มีทางเป็นโบสถ์แน่ ๆ

“จะว่างั้นก็ได้ แต่ก็อย่างว่า เอาเก้าอี้มาวางคงเกะกะล่ะมั้ง ไม่ก็คงมีคนมานั่งพักเหนื่อยมากกว่าที่จะมานั่งสงบใจ”

แมคเคนซีปรายตามองผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่ไปมา คิดว่าดีแล้วที่ไม่มีเก้าอี้ มันค่อนข้างน่าเสียดายหากสถานที่แห่งนี้จะถูกมองว่าเป็นเพียงแค่โบสถ์ที่มานั่งพักชั่วครู่ให้หายเหนื่อยแล้วก็ไปมากกว่าจะมานั่งชื่นชมความงดงามและสงบจิตสงบใจ

“อืมฮึ…ไปสิ บรรยากาศน่าจะดีนะ”

เขาขยับศีรษะมาดูแผนที่กับดีนอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย จะว่าไปดีนก็มีหัวด้านการท่องเที่ยวดี แต่ละที่ที่อีกฝ่ายพาเขาไปมีแต่ที่น่าสนใจทั้งนั้น

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ถ้าตอนนี้ก็คงเป็นอย่างนั้น”

แมคเคนซียิ้มเล็กน้อย พึมพำราวพูดกับตัวเอง อย่างน้อยพวกเขาก็อยู่ค่ายเดียวกันแล้ว โอกาสที่จะจอกันก็คงมีมากขึ้น

หลังจากเข้ามานั่งในร้านคาเฟ่และสั่งอาหารทานกันแล้ว เขารู้สึกว่าอาหารที่นี่รสชาติดีไม่น้อยสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นคาเฟ่เก่าแก่ที่เปิดมาสามร้อยปี

“ไม่เจอก็ดีแล้ว แปลว่าตรงนี้ยังสงบสุข วันนี้พวกเราอาจจะได้เข้าพักโดยไม่เจอพวกนั้นเลยก็ได้”

หากให้พูดกันตามตรงแล้วถ้าเลือกได้เขาก็ยังไม่อยากเจอ วันนี้เพิ่งเดินทางมาถึงแล้วยังได้ไปเที่ยวมาหลายที่อีก หากได้นอนพักเก็บแรงไว้พรุ่งนี้ก็คงดีไม่น้อย

“……..อืม สงครามมันก็แย่จริง ๆ”

ฝ่ามือใหญ่ที่โคลงแก้วไวน์ในมือชะงักลงเมื่อได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับสงครามที่อีกฝ่ายพูด จริง ๆ ก็พอรู้อยู่ว่าดีนจะพูดอะไร แต่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากให้บรรยากาศเสีย ซึ่งเขาเองก็เช่นกัน แมคเคนซีจึงเพียงออกความเห็นสั้น ๆ แล้วหันไปคุยเรื่องอื่นต่อตามที่ดีนเปิดประเด็น

“อ่านหมดแล้ว พวกคนที่ค่ายนี้ทำงานอย่างกับหน่วยกู้ภัยเลยนะ นายคงไม่บ้าพลังรับงานทุกภารกิจหรอกใช่ไหม”

ถึงโอกาสที่ว่าจะน้อยมาก แต่แมคเคนซีก็พูดดักไว้ก่อน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ดีแล้วที่นายไม่ไป ถึงจะมีภารกิจแบบนี้เข้ามา แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนนึงของสงครามหรอก”

ตอนที่อ่านภารกิจยูเครนก็ทำเอาแมคเคนซีคิ้วขมวดไปเหมือนกัน ที่ค่ายนี้เหมือนว่าประชากรส่วนมากจะเป็นเด็กอายุราวสิบต้น ๆ แต่กลับมีภารกิจหาอาสาสมัครไปรบเนี่ยนะ  เขาไม่เข้าใจเลยว่าเทพพวกนั้นคิดอะไรอยู่  สิ่งที่มนุษย์ต้องการมากที่สุดไม่ใช่สันติภาพและความสงบสุขหรอกเหรอ

หลังจากทานอาหารเสร็จก็ลุกไปเช็คบิล  ดูเหมือนว่าวันนี้ดีนจะรูดบัตรเครดิตหลายรอบจนแมคเคนซีคิดว่าหากบิลเรียกเก็บเงินมาถึงแล้วพวกเขาต้องทำงานกันหนักเท่าไหร่กว่าจะนำเงินมาจ่ายค่าทริปนี้หมด เขาปล่อยให้เรื่องการติดต่อสอบถามที่พักเป็นหน้าที่ของดีน  จนเมื่อได้เรื่องแล้วพวกเขาก็ออกมาจากคาเฟ่แล้วเดินไปยังที่พักที่ได้รับคำแนะนำกัน แต่อยู่  ๆ ดีนก็กลับปวดท้องขึ้นมาซะอย่างนั้น

“กินเยอะเกินไปล่ะสิ ไม่ต้องรีบล่ะ””

แมคเคนซีรับช่อดอกไม้มาถือไว้ พลางมองหาม้านั่งแถวนั้นเพื่อนั่งรอ

“กี้~!”

เสียงแปลก ๆ ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงที่เขายืนอยู่นัก แมคเคนซีมองหาที่มาของเสียง แล้วอยู่ ๆ ตัวก็อบลินก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้

“เฮ้ย !”

ชายหนุ่มร้องเสียงหลง กระโดดถอยหลังออกห่างเจ้าก็อบลินที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หน้าตาแบบนี้ มอนสเตอร์แน่ ๆ นึกว่าจะไม่เจอแล้วแท้ ๆ

“กี้ !!”

ดูเหมือนเจ้ามอนสเตอร์จะไม่พูดพร่ำทำเพลง มันชูอาวุธในมือขึ้นแล้วร้องเสียงดังเหมือนต้องการประกาศศึก

“อะไรของแก อย่าเข้ามา ฉันสู้นะ”

แมคเคนซีบอกแต่กลับยืนอยู่เฉย ๆ  เขายังอิ่มอยู่ ไม่มีอารมณ์สู้รบปรบมือกับใครทั้งนั้น แต่เจ้าก็อบลินกลับไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น  มันวิ่งเข้ามาพร้อมกับใช้อาวุธในมือโจมตีชายหนุ่ม แต่โชคดีที่แมคเคนซีเบี่ยงตัวหลบทัน ไม่อย่างนั้นเขาคงได้แผลไปแล้ว

“บอกว่าอย่าไงเล่า ฉันมีอาวุธนะ  ถ้าแกไม่กลัวก็เข้ามา”

ว่าแล้วแมคเคนซีก็เปิดกระเป๋าสัมภาระค้นดูว่าพอมีอะไรที่จะขู่เจ้าก็อบลินได้บ้าง จากนั้นเขาก็หยิบมีดสั้นที่ดีนซื้อมาให้ชี้ไปทางสัตว์ประหลาดที่ตอนนี้ดูเหมือนจะโกรธเพราะโจมตีพลาดไปเมื่อครู่

“กี้ ! กี้ ๆ !! กี้~!!!”

เจ้าก็อบลินร้องไม่หยุดพลางแกว่งอาวุธในมือไปมา จนแมคเคนซีเริ่มสงสัยว่านี่เขากำลังโดนด่าเป็นภาษาก็อบลินอยู่หรือเปล่า ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เจ้าก็อบลินก็พุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นคราวซวยของก็อบลินตนนั้นหรืออย่างไร ที่สะดุดขาตัวเองแล้วก็เอาตัวเข้ามารับมีดที่แมคเคนซีแค่ชี้ขู่ไปเสียจนมิดด้าม ร่างทั้งร่างของมันค่อย ๆ กลายเป็นฝุ่นผงสลายไปต่อหน้าต่อตา

“หะ…อะไรน่ะ ตายแล้วเหรอ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”

ดวงตาสีฮาเซลมองอากาศตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เมื่อกี้เขาเพิ่งฆ่าก็อบลินตายงั้นเหรอ

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ไม่ ๆ ฉันไม่เป็นไร แต่ก็อบลินนั่น ดีน…มันตายแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจฆ่ามันนะ”

หลังจากที่ปล่อยให้ดีนสำรวจร่างกาย แมคเคนซีก็จับมืออีกฝ่ายมากุมแล้วบีบไว้ด้วยมือข้างที่ว่างอยู่ ส่วนอีกมือที่ถือมีดสัมฤทธิ์แม้ว่าจะไม่มีเลือดของก็อบลินเปรอะเปื้อนแม้แต่น้อยแต่มันก็ยังสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่

“ดีน เราไปจากที่นี่กันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]





ได้ยินข่าวคราว : เรื่องผลการโหวตที่ปรึกษาประจำบ้านครั้งที่ 1 (+10 EXP)
แสดงความยินดีและให้ของขวัญที่ปรึกษาประจำบ้านโพไซดอน (+15 EXP , +30 เกียรติยศ)

ฟังข่าว : เรื่องสถานการณ์ในเฮติ (+10 EXP)
เรื่องสถานการณ์ในยูเครน (+10 EXP)
เรื่องคำพยากรณ์เกี่ยวกับปีศาจฝัน (+10 EXP)
เรื่องชาวนิวยอร์กถูกทำร้ายในฝันตื่นมาแล้วได้แผล (+10 EXP)

พิชิตอสุรกายเป็นครั้งแรก : ก็อบลิน (ตื่นรู้ +2)
BRAVE (ผู้กล้า) : ทุกครั้งที่ต่อสู้กับอสุรกายปกติทั่วไปและพิชิตได้ จะได้โบนัส +10 EXP


แสดงความคิดเห็น

106Paris Day 2 - ชัยชนะบนความเจ็บปวด เช้าวันที่สองของทริปทัวร์ปารีส ดีนและแมคเคนซีตื่นขึ้นมารับป  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-4-30 01:15
God
คุณได้รับ +30 เกียรติยศ โพสต์ 2024-4-29 12:39
God
คุณได้รับ 75 EXP โพสต์ 2024-4-29 12:39
โพสต์ 39083 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-4-29 03:51
โพสต์ 39,083 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความกล้า จาก หมวกแก๊ป  โพสต์ 2024-4-29 03:51

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x5
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โพสต์ 2024-4-30 01:15:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-4-30 01:42
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-4-29 03:51
09/2. Paris Day 11

...เมื่อเสียงรอบ ๆ ตัวเงียบลง แมคเคนซีก็ค่ ...

107
Paris Day 2 - ชัยชนะบนความเจ็บปวด

             เช้าวันที่สองของทริปทัวร์ปารีส

             ดีนและแมคเคนซีตื่นขึ้นมารับประทานอาหารเช้าของโรงแรมบูทีคบนถนนรูเดเอโคลส์แล้วออกไปทำภารกิจ (ท่องเที่ยว) กันต่อ แผนวันนี้คือไปที่อนุสรณ์สถานเกี่ยวกับทหารออแตลนาซียอนาลเดแซ็งวาลีด แต่ก่อนจะออกเดินทางดีนได้มอบ ‘น้ำทิพย์’ และ ‘อาหารเทพ’ ที่เคยได้จากภารกิจเก่า ๆ ให้แก่แมคเคนซี

             เมื่อวานอีกฝ่ายได้ปะทะกับก็อบลินตอนที่เขาไม่อยู่ แม้เป็นการพิชิตอสุรกายครั้งแรกแต่แมคเคนซีก็ต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ปรากฏร่องรอยบาดแผลเลยสักขีดเดียว แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนเขาจึงมอบไอเท็มทั้งสองอย่างนี้เอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินพร้อมสอนการใช้งาน

             “อันนี้น้ำทิพย์ เอาไว้ทารักษาบาดแผล ห้ามกิน ฉันไม่รู้ว่ามันกินได้ไหมแต่ตอนพยาบาลทำแผลให้เขาใช้เช็ดที่บาดแผลแล้วแผลก็หายวับ ให้ใช้สำหรับบาดแผลใหญ่ ๆ เท่านั้น จะมีผลข้างเคียงหากอาการบาดเจ็บไม่สาหัสพอ”

             อธิบายจบเขาก็ยัดขวดน้ำทิพย์ใส่มือของอีกฝ่าย

             “ส่วนนี่อาหารเทพสำหรับกิน ฉันไม่เคยใช้แต่น่าจะอร่อยมั้งหน้าตาเหมือนช็อกโกแลตเลย” แล้วอาหารทิพย์ก็ส่งตรงถึงมือแมคเคนซี “ทั้งสองอย่างนี้ใช้สำหรับรักษาบาดแผลเผื่อนายได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ แต่เมื่อวานนายทำดีมาก สมกับที่เป็นนายจริง ๆ ที่รัก”

             ให้รางวัลโดยการจุ๊บแก้มอีกฝ่ายไปทีนึงก่อนจะผละออกมายิ้มให้ ดีนค้นกระเป๋าดูอีกหน่อยก็เจอน้ำยาเวทมนตร์สองขวดเป็นสินสงครามจากการกำจัดแม่มดดำลูกน้องของเทพีเฮคาทีเมื่อตอนนู้นที่เฮติ

             “แล้วก็เอาอันนี่ไปด้วย ฉันกะจะเอาให้นายนานแล้วแต่ก็ลืมทุกที มันคือน้ำยาเวทมนตร์ คุณไครอนบอกว่าเป็นส่วนผสมของน้ำยาต่าง ๆ ที่เด็กบ้านเฮคาทีสร้างได้ อยู่กับฉันมันก็ไร้ประโยชน์ อยู่กับนายมีประโยชน์มากกว่า อย่าจำสลับกับน้ำทิพย์ล่ะ”

             ดีนส่งน้ำยาเวทมนตร์ให้แมคเคนซีสองขวดพร้อมกำชับ ลองค้นสัมภาระต่ออีกนิดก็ไม่พบของวิเศษใด ๆ ที่จะให้แมคเคนซีแล้ว

             “น่าจะพร้อมหมดแล้ว ถ้างั้นออกเดินทางกัน”

             @Mackenzie

             คราวนี้ชายหนุ่มหยิบเอาแผนที่ท่องเที่ยวออกมา สภาพยับยู่ยี่เล็กน้อย เมื่อคืนดีนลองวางแผนท่องเที่ยวสำหรับสามวันดู บนแผนที่มีรอยปากกาขีดเขียนเยอะแยะเต็มไปหมด แม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่มีแผนการแต่ว่าวางไว้หลวม ๆ สักหน่อยก็ดี

             “คิดว่าที่นี่นะโฮเตลเนชั่นแนลเดอินวาลิด (ออแตลนาซียอนาลเดแซ็งวาลีด)”

             นิ้วชี้จิ้มไปยังสถานที่บนแมพที่วงเอาไว้ จากการท่องเที่ยวในปารีสมาหนึ่งวันเต็ม ๆ ดีนจับทางภาษาฝรั่งเศสได้หนึ่งอย่างแม้จะไร้ความรู้ด้านสัทศาสตร์ เหมือนว่าชาวปารีสจะไม่อ่านออกเสียงตัว ‘S’ ที่ท้ายพยางค์ กระนั้นที่เขาออกเสียงมาก็ผิดไปหมด ถูกอย่างเดียวคือคำว่า ‘เด’ ไม่มีตัว ‘S’ เนี่ยแหล่ะ

             “เราต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ จะเป็นบัสสายแปดสิบหก นั่งไปประมาณสามสิบนาทีจากนั้นก็ลงบัสที่ตรงนี้” ปลายนิ้วเลื่อนมาจิ้มที่บริเวณสถานี ‘เซนต์ฟรานซิสเซอร์เวียร์’ “เดินไปอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว แล้วพอเที่ยวโฮเตลฯ อะไรนั่นเสร็จก็ไปจตุรัสแห่งความปรองดอง เหมือนว่าตรงนั้นจะมีน้ำพุใหญ่ ๆ ตั้งอยู่ เดินเล่นตรงนี้นิดหน่อยจากนั้นก็ไปที่ถนนแชมป์เอลิเซ่ (ฌ็องเซลิเซ่) อะไรนี่ โอ๊ย ชื่ออ่านยากชะมัด!”

             ดีนโวยออกมาเบา ๆ

             แล้วพออธิบายแผนจบก็เริ่มออกเดินทางไปตามจุดหมายที่วางไว้ เริ่มต้นที่ ‘อนุสรณ์สถานออแตลนาซียอนาลเดแซ็งวาลีด’ ที่นี่เป็นเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ทางทหารที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานพยาบาล ที่พักแก่เหล่าทหารผ่านศึก และสุสานทหารวีรชนสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ ภายในเขตรั้วเป็นสถานที่กว้างขวางราวกับพระราชวัง หากไม่บอกว่าหมู่อาคารสถาปัตยกรรมแบบบาโรกที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคืออนุสรณ์สถานดีนคงคิดว่าเป็นพระราชวังบางแห่งจริง ๆ นั่นแหล่ะ




             เมื่อเดินเข้ามาในตัวอาคาร ‘โดมแห่งเลแซ็งวาลีด’ ซึ่งเป็นที่ตั้งหลุมศพของจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต ก็ต้องอ้าปากค้างอีกรอบไม่ต่างกับเมื่อเห็นความงามของโบสถ์แซงท์ ชาแปลล์เมื่อวาน เพียงแต่เป็นคนละสไตล์กัน ภายในโดมแห่งเลแซ็งวาลีดถูกก่อสร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวที่สลักเสลาลวดลายวิจิตรงดงาม ไม่อาจนับได้เลยว่าภายในนี้มีเสากรีกค้ำยันโดมที่ทำจากทองคำแท้ ๆ นั้นอยู่กี่ต้น กลางโดมทองคือโลงศพไม้ของจักรพรรดินโปเลียนที่หนึ่ง ชายผู้อหังการที่เป็นใหญ่โดยการปฏิวัติฝรั่งเศสโค่นล้มระบบกษัตริย์แต่ดันสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิ แล้วยึดครองดินแดนในยุโรป

             ช่างเป็นคนที่ย้อนแย้ง..

             ดีนรู้วีรกรรมต่าง ๆ จากภาพยนตร์ไม่ใช่คาบเรียนประวัติศาสตร์ ซึ่งเรื่องราวผ่านการใส่สีตีไข่เพื่อให้เกิดอรรถรสดังนั้นมันอาจจะผิดก็ได้ แต่ไกด์เถื่อนก็ให้ความรู้เท่าที่เขาทราบแก่แมคเคนซีไปแบบนั้น

             แค่เที่ยวชมอนุสรณ์สถานออแตลนาซียอนาลเดแซ็งวาลีดก็กินเวลาไปกว่าครึ่งวัน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของก็อบลินสักตัวจนสงสัยว่าที่นี่จะสะอาดเกินไป

             @Mackenzie

             “อย่าคิดว่าที่ฉันเล่าเป็นจริงเป็นจังนักเลย ฉันก็แค่จำมาจากหนังแล้วก็ชาแนลท่องเที่ยวแค่นั้นเอง บางส่วนฉันก็จำไม่ได้ทั้งหมดหรอก ส่วนเรื่องเป็นไกด์… ความจริงฉันก็ชอบท่องเที่ยวนะ แต่ไกด์ส่วนใหญ่ก็ต้องทำงานติดที่ใช่ไหม ถึงจะเดินทางบ่อยแต่ก็ไปแต่ที่เดิม ๆ ฉันกลัวว่าจะเบื่อในสักวันนึง แล้วฉันก็คงรับผิดชอบลูกทัวร์ไม่ไหวด้วย เที่ยวแบบนี้เลยสบายใจมากกว่า”

             ดีนอธิบายเรื่องของตัวเอง หากจะบอกว่างานไหนที่อยากทำน่าจะคือการเป็นบล็อกเกอร์ตะลอนเที่ยวที่นั่นที่นี่ไปทั่วแล้วมารีวิวเอาค่าโฆษณาล่ะมั้ง ซึ่งนั่นคนละทางกับงานผู้ช่วยนักวิจัยที่เขาสมัครไปเลย แต่สุดท้ายไม่ว่าจะอย่างไหนเขาก็คงจะทำตามฝันได้ยากหากต้องมาติดแหงกอยู่ที่ค่ายฮาล์ฟบลัดแล้วก็ขึ้นเครื่องบินไม่ได้

             “เราไปที่ต่อไปกันเลยดีกว่า ต่อไปเราจะไปที่จตุรัสแห่งความปรองดองกัน”

             ความจริงหากวันนี้เที่ยวหอไอเฟลจะใกล้กับที่นี่มากกว่า แต่ไหน ๆ วันสุดท้ายของการทัวร์จะต้องกลับไปที่หอไอเฟลอยู่แล้วจึงไปเที่ยวสถานที่อื่นก่อนดีกว่า พวกเขาเดินไปขึ้นเมโทรแถว ๆ ‘กร็องปาแล’ ซึ่งเป็นสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ของปารีส แล้วก็ลงรถไฟฟ้าแถว ๆ ย่านจตุรัสฯ




             เสาโอเบลิกส์และน้ำพุขนาดใหญ่กำลังรอต้อนรับพวกเขาอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่ที่ถูกตั้งชื่อว่า ‘จตุรัสแห่งความปรองดองปลัสเดอลากงกอร์ด’ จะมีอดีตอันแสนเศร้าและการนองเลือดมากมาย ที่นี่คือจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงฝรั่งเศส ในปีพันเจ็ดร้อยแปดสิบเก้าหรือช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสสถานที่นี้ถูกเรียกขานกันว่า ‘จัตุรัสแห่งการปฏิวัติ’ ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเมื่อกาลเวลาผ่านเลยมา

             ซึ่งหากได้ยินชื่อเสียงในอดีตคงไม่ต้องอธิบายว่าจตุรัสแห่งนี้มีบทบาทหน้าที่อย่างไร แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบที่นี่คือลานประหารของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหก ราชินีมารี อ็องตัวแน็ต และนักโทษทางการเมืองผู้มีอุดมการณ์ขัดแย้งกับผู้นำการปฏิวัติในยุคสมัยนั้นอีกมากมาย เรียกได้ว่าประหารกันเยอะเสียจนใบมีดกิโยตินที่คมกริบต้องเกรอะกรังไปด้วยเลือดและสนิมจนฝืดทื่อ

             แต่เรื่องเลวร้ายเช่นอดีตคงไม่เกิดขึ้นในประเทศที่สวยงามอีกหากมนุษย์ไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือถูกเหล่าเทพเจ้าบ้าสงครามปั่นหัวยุแยงตะแคงรั่ว หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นจนทำให้เหล่าเดมิก็อดต้องออกโรง เขายอมที่จะทำงานเทศบาลกวาดล้างก็อบลินดีกว่าต้องฆ่าฟันกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง

             ทว่าวันนี้ทั้งวันก็ยังไม่เจอก็อบลินที่นี่อยู่ดี จะบอกว่าเพราะปารีสสะอาดเกินไปก็ไม่น่าจะใช่ หรือภายในเมืองนี้มีเดมิก็อดอีกกลุ่มอยู่ที่นี่แล้วดึงดูดอสุรกายเหล่านั้นไปหมด? ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องขอบคุณเพราะคน ๆ นั้นทำให้เขาและแมคเคนซีสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ




             ใกล้กันนี้มีถนนสายหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในฐานะแหล่งเศรษฐกิจของฝรั่งเศส นั่นก็คือ ‘ถนนฌ็องเซลิเซ่’ ราวกับหลุดจากโลกยุคสมัยแห่งการปฏิวัติกลับมาปัจจุบันแม้จะมีประตูชัยฝรั่งเศสประดับเป็นฉากหลัง พวกเขาไม่ได้ช็อปปิ้งสินค้าเป็นพิเศษเพราะถ้าให้แวะนะยาว.. แต่สิ่งที่ล่อซื้อชายทั้งสองได้คือของกินสตรีทฟู้ดปารีส ไม่ว่าจะเป็นเครป ครัวซองก์ หรือแม้แต่เบอร์ริโต้ฟาราเฟลจากร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังตบด้วยเบียร์กันคนละกระป๋อง กว่าที่ทั้งสองจะเดินไปถึงประตูชัยก็อิ่มแปล้



             @Mackenzie

             “ประมาณนั้น… ก่อนหน้าที่จะถูกอัลกูลฟัดที่หน้าประตูค่ายนายเคยถูกตัวอะไรตามมาก่อนหรือเปล่า?”

             ดีนไม่แน่ใจว่าสายเลือดมินิก็อดของแมคเคนซีจะดึงดูดอสุรกายมากแค่ไหน อย่างกรณีของดาริน่าก็ไม่บ่อย หญิงสาวคนนั้นเล่าว่าบางครั้งเธอเห็นอสุรกายจำแลงก่อนที่มันจะรู้ตัวว่ามีเดมิก็อดอยู่ตรงหน้าพวกมันเสียอีก ถึงได้หลบเลี่ยงอันตรายมาได้ตลอด

             อีกอย่างคือเมื่อมีสายเลือดที่ออร่าแรงกว่าหลายเท่าอยู่ในเมืองนิวยอร์ก พวกเดมิก็อดที่มาจากมินิก็อดก็จะรอดจากการถูกทำร้ายเพราะมีคนเรียกตีนแทนอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นไกล หมายถึงตัวเขาเองนี่แหล่ะที่มีกลิ่นอร่อยจนชวนให้สวาปาม

             “ตอนที่ฉันยังไม่มาค่ายตอนนั้นฉันน่าจะถูกมิโนทอร์ไล่ล่ากลางเมือง แต่คนในนิวยอร์กกลับเห็นเป็นเพียงแค่รถบรรทุกเบรคแตกควบคุมไม่ได้ แล้วพอมิโนทอร์ตัวนั้นถูกกำจัดไปชาวเมืองก็ดูเหมือนจะลืมไปซะหมดว่ามีรถบรรทุกอยู่ตรงนั้น น่าแปลกไหมล่ะ? ส่วนคนที่มาช่วยฉันไว้เป็นพวกสัตว์ทะเลที่เสกขึ้นจากน้ำ พ่อส่งมาช่วยฉัน อยากให้นายเห็นจริง ๆ ว่าพวกมันน่ารักแค่ไหน”

             “ส่วนตอนไปทำภารกิจที่อื่นคนธรรมดาจะเห็นอสุรกายแตกต่างกันไป อย่างที่เฮติ.. เจ้าหน้าที่ที่คุ้มครองฉัน เธอเห็นฝูงก็อบลินเป็นแรคคูนคุ้ยขยะตลอดทริปเลย ฉันเคยคุยกับคนอื่นในค่าย บางทีคนธรรมดาก็เห็นก็อบลินเป็นหนูบ้าง เป็นอันธพาลบ้าง ตอนเราสู้กับมันก็จะเห็นเหมือนคนทะเลาะกันหรือไม่ก็แค่ไล่หนูไล่แรคคูนไป ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าในสายตาชาวปารีสจะมองเห็นอสุรกายเป็นอะไร”

             “แล้วนายเอะใจไหมที่ฉันพกหอกตลอดเวลาไปนั่นมานี่แต่เจ้าหน้าที่ขายตั๋วแค่มองเราแปลก ๆ เหมือนเป็นคนไม่เต็ม”

             ดีนกลั้วหัวเราะ เขาพล่ามยาวจนน้ำลายเหนียวจึงหยิบขวดน้ำแร่มากระดกดื่มก่อนเล่าต่อ จากนั้นก็หยิบหอกที่เหน็บอยู่กับกระเป๋าสะพายหลังออกมา ใช้มือลูบมันจนเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวเป็นริ้วออร่าอยู่ใต้ฝ่ามือ มันคือ ‘มนตร์บังตา’ แล้วเมื่อฝ่ามือเลื่อนผ่านหอกสัมฤทธิ์ที่ควรจะมีสีทองแดงกลับกลายเป็นท่อแป๊บสีฟ้าสดใสเพียงชั่วคราว

             “นี่แหล่ะคือสิ่งที่คนธรรมดาเห็นอาวุธของฉัน อาวุธสัมฤทธิ์เองก็เคลือบเวทมนตร์เอาไว้เหมือนกัน ซึ่งฉันเป็นช่างซ่อมท่อในสายตาคนปกติน่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ “อยากรู้จังว่าอาวุธของนายจะเป็นอะไร”

             @Mackenzie

             “แปลว่าที่เจอทำร้ายจัง ๆ แค่สองครั้งเองสินะ โชคดีนะที่ตอนนั้นมีคนมาช่วยนายเอาไว้ ไอ้พวกนี้ต่อให้เป็นลูกปืนมันก็ไม่ตาย นอกจากกระสุนจะเป็นสัมฤทธิ์”

             แต่ใครเล่าจะใช้กระสุนสัมฤทธิ์หากไม่ใช่เหล่าเดมิก็อดรุ่นพี่ที่ใช้ชีวิตอยู่นอกค่าย

             “ใช่ มันน่าอึดอัดมากเลยที่บอกใครไม่ได้ ทำได้แค่แถไปเรื่อยว่าหมากัดบ้าง หกล้มเองบ้าง” กว่าจะผ่านวันนั้นมาได้เรียกว่าแทบบ้าเลยทีเดียว “ส่วนสัตว์ทะเลที่ฉันเล่าให้ฟังคิดว่านายคงไม่ได้เห็นหรอก มันเป็นแค่พลังน้ำที่พ่อเสกขึ้น พอจัดการสัตว์ประหลาดเสร็จมันก็แตกออกกลายเป็นน้ำน่ะ”

             แต่เมื่อตอนนั้นดีนไม่แยกแยะหรอกว่าอสุรกายตนไหนที่เป็นมิตรหรือว่าศัตรู แค่เห็นว่ามีอะไรแปลก ๆ เขาก็รีบเผ่นแนบแล้ว

             “อือฮึ นายพอจะเข้าใจแล้วสินะ” ดีนกลั้วขำเมื่อเห็นว่ามีดสัมฤทธิ์ของอีกฝ่ายเป็นตะกร้อมือ จากบาร์เทนเดอร์กลายเป็นปาตีซีเยงั้นเหรอ ก็ไม่เลว “ฉันว่ามันก็ดูเหมาะกับนายดี แบบนี้ชาวบ้านคงเห็นว่าเราเป็นคู่ช่างประปากับพ่อครัวมาทัศนศึกษา”

             เดินคุยกันไปเรื่อยพวกเขาก็มาถึง ‘ประตูชัยฝรั่งเศส’ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะในสงครามนโปเลียน สถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกที่โอ่อ่าอลังการนี้ใช้เวลากว่าสามสิบปีในการก่อสร้าง เรียกได้ว่าถ้าเริ่มสร้างตั้งแต่ที่เด็กคนหนึ่งเพิ่งเกิด ประตูชัยแห่งนี้ก็จะสร้างเสร็จตอนที่เขามีอายุได้สามสิบปีพอดีเป๊ะ



             พวกเขาทั้งสองลาดตระเวน (เดินถ่ายรูป) กันอยู่บริเวณจตุรัสแห่งดวงดาวกันประมาณหนึ่งชั่วโมงทว่าไร้วี่แววของก็อบลินมาก่อกวนสร้างความสกปรกแก่กรุงปารีส ซึ่งก็ดีจะได้ไม่เหนื่อย

             “สงสัยวันนี้พวกเราน่าจะได้ชิล ๆ กันอีกวัน กลับกันเถอะแมคซี่”

             เมื่อถึงเวลากลับพวกเขาอยากจะเดินเล่นชมวิวริมแม่น้ำแซนสักนิดเพื่อรับบรรยากาศของปารีสยามค่ำเป็นคืนสุดท้าย บริเวณทำนบเขื่อนไม่ค่อยมีใครลงมาเดินบริเวณนี้กันเท่าไร ส่วนมากผู้คนจะเดินกินลมชมวิวบนสะพานจึงได้บรรยากาศแบบส่วนตัวสุด ๆ

             “....” oO(ท่านเอลวิน)

             “หืม?”

             ดีนได้ยินเสียหนึ่งเรียกเขาจากในแม่น้ำแซน มันเป็นความสามารถที่บุตรแห่งโพไซดอนที่ได้รับพรพูดคุยกับสัตว์น้ำเท่าน้ันถึงจะได้ยินเสียงนี้ ชายหนุ่มรีบเดินไปทางต้นเสียงโดยลืมคิดถึงภัยอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อชะโงกหน้าลงไปในน้ำเขาเห็นปลาน้อยตัวหนึ่งไม่รู้พันธุ์อะไรดำผุดดำว่ายอยู่ในนั้น

             “นายเรียกฉันเหรอ?” ดีนกล่าวกับแม่น้ำ แมคเคนซีอาจเห็นว่าเขาเป็นบ้าคุยคนเดียว

             “....” oO(ว้าว ท่านเอลวินตัวจริง! ข้าเพียงแค่อยากแวะมาทักทาย)

             “แค่นั้นเองเหรอ สวัสดี บ้านนายอยู่ในแม่น้ำแซนนี่เหรอ?”

             “....” oO(ใช่แล้วค่ะ)

             “อ้าว ตัวเมียหรอกเหรอ.. โทษที”

             “....” oO(ท่านเอลวินเดินเล่นแถวนี้ระวังด้วยนะ แถว ๆ นี้มีก็อบลินอยู่เป็นฝูงเลย)

             “ก็อบลิน… โอเค เข้าใจแล้ว ขอบคุณเธอมากน้องปลาสวย”

             “....” oO(แหม ท่านเอลวินเนี่ยก็..) ไม่รู้ว่าปลาหน้าแดงได้ไหมแต่เหมือนเธอจะเขินอยู่ “....” oO(ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนนะคะ เดินทางปลอดภัย)

             จากนั้นปลาสาวก็ดำมุดลงไปในแม่น้ำแซน ดีนถึงได้กลับมาสนทนากับแมคเคนซี

             “แมคซี่ น้องปลาบอกฉันว่าแถวนี้มีก็อบลินอยู่เป็นฝูง ฉันว่าเราเตรียมเกราะกับอาวุธให้พร้อมดีกว่า นายถือโล่กับดาบที่ฉันซื้อให้ไหวไหม?”

             พูดแค่จบประโยคดีนก็ได้ยินเสียง “กี้ ๆๆๆๆ” ดังออกมาจากท่อระบายน้ำ

             “โอ้ให้ตายสิ มาเร็วจริง ๆ ไอ้พวกนี้ เตรียมตัวให้พร้อมนะแมคซี่ เราต้องลุยกับพวกมันแล้ว”

             ดีนหยิบหอกและโล่ออกมาจากสายรัดที่ประเป๋าเป้ ยืนสแตนบายตั้งท่าสู้ปกป้องเพื่อนเอาไว้ จากนั้นก็มีก็อบลินตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากท่อน้ำทิ้ง แม้เห็นผ่านความมืดแต่หน้าตาหมอนี่ดูเก๋าใช่เล่นราวกับว่าเป็นหัวหน้าแก๊ง

             “กี้!”

             ก็อบลินตัวนั้นวิ่งหลอกล่อ ราวกับท้ายทายว่า ‘แบร่ มาจับให้ได้สิ!’

             “รอฉันก่อนนะเพื่อน เดี๋ยวฉันไปจัดการไอ้ตัวนั้นก่อน!”

             แล้วชายหนุ่มก็วิ่งตามไปโดยทิ้งแมคเคนซีเอาไว้ตรงนั้น ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าเพียงแค่คล้อยหลังก็จะมีก็อบลินระดับลูกกระจ๊อกหกตัวมุดออกมาจากท่อระบายน้ำแล้วเข้าไปจู่โจมแมคเคนซี

             @Mackenzie

             “หยุดนะเฟ้ย!!”

             ทางด้านดีนวิ่งไล่เจ้าก็อบลินจอมยียวนอย่างไม่ลดละ ชาวปารีเซียงคงมองว่าเขากำลังวิ่งไล่แมวขโมยปลา เมื่อตามจนทิ้งระยะห่างมาพักหนึ่งก็อบลินตนนั้นถึงได้หยุดแล้วหันมาเผชิญหน้า

             “กี้!!”

             มันวิ่งเขาหากระโดดไต่ผนังเขื่อนแล้วฟาดกระบองลงมา ชั้นเชิงถือว่าดีมันคงเป็นจ่าฝูงก็อบลินล่ะมั้ง แต่การโจมตีแค่นี้ดีนรับมือได้อยู่แล้ว เขาหวดหอกสวนกลับไปราวกับว่าอาวุธของเขาเป็นทวนจีน จะบอกว่าใช้งานไม่ถูกต้องก็ใช่ ครูโซเฟียต้องตีแน่ ๆ หากรู้ว่าเขาต่อสู้โดยทิ้งสเตปการรบที่เคยเรียนมา แต่ถือว่าไม่เสียหายถ้ามันใช้ได้ผล

             “กี้!!”

             ก็อบลินจ่าฝูงตีลังกาม้วนตัวหลบกลางอากาศ เจ้านี่ว่องไวเสียจนน่าโมโห ไม่ว่าจะแทง จ้วงฟาด ก็มีแต่อากาศที่บาดโดนใบหอก

             “โธ่เว้ย!”

             บอกตรง ๆ ว่าดีนไม่เคยต่อสู้กับก็อบลินที่ไหนน่าปวดหัวมาก่อนเท่าตัวนี้

             ‘แม่งเอาไงดีวะ!’

             ชายหนุ่มสบถในใจจนเรียนรู้ว่าการตามไล่ล่าเจ้าตัวความเร็วสูงเป็นสิ่งไม่ถูกต้องจนต้องใช้กระบวนยุทธ์สวนกลับที่ใช้ได้ดีมาโดยตลอดในการต่อสู้ ดีนรอให้ก็อบลินตนนั้นวิ่งเขาหาแล้วเขาค่อยสวนหอกแทงกลับ

             วืดดดด

             อีกครั้งที่พลาด แม้แต่กระบวนท่าที่ใช้ดียังไม่ได้ผล ชักจะโมโหขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะ! ชายหนุ่มมองเจ้าก็อบลินจ่าฝูงที่เต้นหยองแหยงอย่างน่าหมั่นไส้ก็เลยปาโล่ใส่ ก็อบลินตนนั้นฟาดโล่ออกไปด้านข้างจนโล่อัลพิสกระแทกผนังทำนบน้ำแล้วกระเด็นชิ่งมากระแทกกลางตัวหัวหน้าก็อบลิน

             “กี๊!!!!!”

             หมวกของอสุรกายลอยขึ้นฟ้าส่วนอดีตเจ้าของถูกโล่อัลพิสกระแทกตกแม่น้ำป๋อมแป๋ม จ่าฝูงก็อบลินตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งแต่มันจมน้ำในแม่น้ำแซนตายไปก่อน กลายเป็นละอองฝุ่นธุลีลอยกลับไปทาร์ทารัส

             สุดท้ายแล้วเขาสอบทักษะหอกไปเพื่ออะไรกันนะในเมื่อจัดการอสุรกายแบบนี้ก็ได้…

             ดีนเดินไปเก็บสินสงครามและโล่กลับขึ้นมาจากนั้นหันกลับไปทางเดิม เมื่อเห็นภาพที่ด้านหลังดวงตาก็เบิกกว้างเมื่อเขาเห็นว่าก็อบลินอีกหกตัวกำลังทำร้ายแมคเคนซีอยู่

             “แมคซี่!!!”

             หัวใจแทบจะร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใบหน้าของดีนซีดเผือด เหงื่อไคลไหลเสียสิ่งกว่าตอนวิ่งไล่ตามจ่าฝูงก็อบลินเสียอีก คราวนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน แมคเคนซีสู้เจ้าพวกตัวเขียวนั้นไม่ได้แม้แต่น้อย ร่างของหนุ่มอังกฤษที่พยายามยกโล่ขึ้นกันล้มลงกับพื้น

             สติของดีนแทบหลุดรู้ตัวอีกครั้งเขาก็ออกวิ่งอย่างรวดเร็วจนมาเผชิญหน้ากับก็อบลินทั้งหก ตัวที่หนึ่งถูกหอกสัมฤทธิ์แทงทะลุอก ตัวที่สองดีนเงื้อแทงที่ช่องท้องของมันโดยที่ตัวแรกยังไม่ทันสลาย ตามมาด้วยตัวที่สามที่ถูกหอกแทงหัวจนปลายแหลมทะลุออกลูกตา

             ก็อบลินสามตนที่ติดคาหอกสลายไปในอากาศ จากนั้นเขาก็หันมาจัดการกับเจ้าตัวเขียวที่เหลืออีกสาม

             ตัวที่สี่ถูกคมหอกชำแรกผ่านขาดสองท่อน ตัวที่ห้าเขาเตะมันกระเด็นตกแม่น้ำแซนแล้วจมน้ำตายตามหัวหน้า ส่วนตัวสุดท้ายดีนแทงหอกใส่มันไม่ยั้งจนร่างติดผนัง

             ดีนใช้เวลาจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อยในขณะที่ขยับหอกฟาดฟันเพียงไม่กี่ที อาการโกรธจนหน้ามืดมีจริง กว่าจะมีสติกลับมาเหมือนเดิมเขาก็เห็นว่าก็อบลินที่สังหารพรุนไปหมดทั้งตัว เจ้าเขียวเล็กแน่นิ่งแล้วจากนั้นก็สลายกลายเป็นละอองฝุ่น

             “แฮ่ก… แฮ่ก…”

             ดีนปล่อยหอกในมือร่วงหล่นดังเคร้งก่อนจะรีบไปดูอาการของเพื่อนรัก ตอนนี้แมคเคนซีสลบไปไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แต่เมื่อเขามองไปที่ขาของอีกฝ่ายที่หักไปสติก็แทบจะหลุดอีกรอบหนึ่ง

             『 เจ้าต้องใจเย็นกว่านี้ ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล』

             กระแสเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นภายในหัว เป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ก็สงบราวกับสายน้ำ ดีนไม่เคยได้ยินสุ้มเสียงนี้มาก่อน ไม่ใช่เทพีอะโฟรไดท์ อะธีน่า หรือไอริส อาจจะเป็นเทพบางองค์ที่เผอิญผ่านมามองดูการต่อสู้ของเขา หรือไม่ก็ปลา…

             ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่างแต่เสียงนั้นดึงสติของเขากลับมาได้และรู้ตัวว่าต้องทำอะไร ดีนรีบเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอาน้ำทิพย์ที่ตัวเองเก็บไว้เป็นขวดสุดท้ายขึ้นมาเทชะโลมไปทั่วตัวของแมคเคนซี ทันใดนั้นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจก็เกิดขึ้น กระดูกขาที่แตกหักค่อย ๆ เชื่อมต่อกันไม่บิดเบี้ยวเหมือนเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ ทั้งรอยช้ำตามใบหน้าก็หายไป

             “แมคซี่ ๆ นายได้ยินฉันไหม ตื่นสิ!”

             พอเห็นว่าบาดแผลหายไปดีนก็เขย่าตัวเพื่อนไม่หยุด

             @Mackenzie

             “โล่งอกไปที”

             เมื่อเห็นว่าเพื่อนลืมตาเขาก็กอดรัดอีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะผละออกมาประคองจับข้างแก้มของอีกฝ่ายไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วแตะหน้าผากแนบกัน

             “นายไม่เจ็บตรงไหนแล้วใช่ไหมแมคซี่?”

             ดีนถามอย่างห่วงใย ส่วนคำตอบเรื่องก็อบลินดีนไม่ได้ตอบ เพียงแค่รอบ ๆ มีหลักฐานคือหมวกก็อบลินหกใบที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นในฐานะสินสงคราม

             “ไม่มีก็อบลินอีกแล้ว นายลุกไหวไหม? พวกเรารีบกลับไปที่โรงแรมกันเถอะ”

             ความรู้สึกผิดท่วมท้นอยู่ในใจ กะจะเที่ยวสนุกสักหน่อยแต่ว่าเขาพาแมคเคนซีเกือบมาตายที่ปารีส ก่อนหน้านี้ที่ดีนคิดว่าอีกฝ่ายสู้ได้ดูเหมือนต้องคิดใหม่ อาจจะเร็วเกินไปสำหรับพาอีกฝ่ายมาทำภารกิจ

             ‘ไม่เข้าใจเลย แมคซี่ควรจะเก่งกว่าฉันสิ’

             ดีนเก็บของที่กองบนพื้นก่อนจะกลับไปพยุงแมคเคนซีขึ้นมา ถึงน้ำทิพย์จะรักษากลับมาได้ดังปกติแล้วแต่ดีนกังวลว่าอาจจะมีอาการบาดเจ็บตกค้างเหลืออยู่ก็ได้ แม้การนั่งแท็กซี่ในปารีสจะแพงหูฉี่แต่ก็ยอมทุ่มทุนจ่ายเพื่อให้กลับไปพักที่โรงแรมบนนถนนรูเดเอโคลส์

             @Mackenzie

             ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่พัก จัดแจงอาบน้ำอาบท่าแล้วเตรียมเข้านอน ชายหนุ่มที่นอนซบเพื่อนอยู่เงยหน้าขึ้นตอบ

             “ใช่ ปารีสน่าจะสะอาดขึ้นมาอีกหน่อยนึง”

             ดีนแค่นยิ้ม เทพีอะโฟรไดท์คงไม่ว่าอะไรมั้งหากว่าพวกเขาจัดการก็อบลินไปเพียงแค่ฝูงเดียว แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะว่าเจอพวกมันเพียงแค่นี้เองนี่นา

             “น่าเสียดายคงจะอดไปอควาเรียม งั้นพรุ่งนี้พอเช็คเอาต์เรียบร้อยแล้วเราไปที่หอไอเฟลกันเลยไหม?”

             น่าเสียดายที่แพลนเที่ยววันพรุ่งนี้คงต้องยกเลิก พวกเขาควรจะกลับไปค่ายโดยเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ซึ่งนั่นทำเอาดีนหงอยไปถนัดตา

             @Mackenzie


[จัดการจ่าฝูงก็อบลินในภารกิจของตัวเอง] และ [จัดการก็อบลินแทนแมคเคนซีที่แพ้]
ราด [น้ำทิพย์] ใส่ [แมคเคนซี] ที่บาดเจ็บสาหัส

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-4-30 12:37
09/3. Paris Day 21 [ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ] แมคเคนซีนั่งมองดีนรื้อค้นสัมภาระในกระเป๋าตาปริบ ๆ พลางฟังสรรพคุณของ  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-4-30 01:30
โพสต์ 64457 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-4-30 01:15
โพสต์ 64,457 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันเปียก  โพสต์ 2024-4-30 01:15
โพสต์ 64,457 ไบต์และได้รับ +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก ทักษะหอก  โพสต์ 2024-4-30 01:15
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x2
x1
x3
x3
x1
x1
x3
x11
x2
x7
x2
x4
x8
x1
x1
x1
x1
โพสต์ 2024-4-30 01:30:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-5-1 01:48
Dean ตอบกลับเมื่อ 2024-4-30 01:15
106Paris Day 2 - ชัยชนะบนความเจ็บปวด
             เช้าวันที่สองขอ ...

09/3. Lose
1


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีนั่งมองดีนรื้อค้นสัมภาระในกระเป๋าตาปริบ ๆ พลางฟังสรรพคุณของของวิเศษแต่ละอย่างที่ดีนมอบให้เขามาด้วย

“น้ำทิพย์นี่ใช้รักษาแผลได้จริงเหรอ สะดวกดีนะ”

เขาหยิบขวดที่ดีนเรียกว่าน้ำทิพย์มาดู ดูยังไงก็เหมือนน้ำธรรมดา แต่เขาก็ยังไม่อยากลองใช้หรอก เพราะมันหมายถึงเขาต้องได้รับบาดเจ็บหนักเสียก่อนถึงจะใช้ได้

จากนั้นก็รับอาหารเทพมา มันหน้าตาเหมือนช็อคโกแลตอย่างที่อีกฝ่ายว่า แล้วแมคเคนซีก็เก็บมันลงกระเป๋าตัวเองไป

“โอ๊ะ…เมื่อวานมันแค่บังเอิญหรอกน่า ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”

พอถูกจุ๊บแก้มก็สะดุ้งน้อย ๆ รู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมา แต่เหตุการณ์ที่เขาบังเอิญเจอก็อบลินเมื่อวาน จะเรียกว่าเป็นการต่อสู้ก็คงไม่ได้ เรียกว่าเป็นอุบัติเหตุยังจะถูกต้องกว่า

“เข้าใจแล้ว แต่ฉันยังเข้าห้องปรุงยาไม่ได้ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะ”

เขารับน้ำยาเวทมนตร์มา สิ่งนี้เขายังใช้ประโยชน์จากมันไม่ได้จึงเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระก่อน

“โอเค ไหน วันนี้จะไปเดินเล่นที่ไหนก่อนดี”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีมองจุดต่าง ๆ ในแผนที่พร้อมกับฟังดีนพูดไปด้วย ยอมรับว่าจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ความอยากเที่ยวของเขาลดลงไปนิดหน่อย แต่ดีนก็ดูเป็นห่วงเขามาก เขาจึงไม่อยากทำตัวหงอย ๆ เพื่อให้บรรยากาศกร่อยลงไปเสียก่อน

ชายหนุ่มเดินเที่ยวชมไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ตามที่ดีนได้วางแผนไว้ตามลำดับ บางครั้งดีนก็เล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์ของแต่ละสถานที่ใหัฟัง ซึ่งมันทำให้การท่องเที่ยวในครั้งนี้ไม่น่าเบื่อแม้แต่น้อย

“นายนี่รู้เยอะดีจัง เล่าเรื่องก็สนุกดีด้วย เคยคิดอยากลองสอบเป็นไกด์ดูไหม”

แมคเคนซีถามขึ้นมาอย่างสงสัย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ก็จริง…งั้นมีฉันเป็นลูกทัวร์คนเดียวก็พอแล้ว”

พอฟังเหตุผลของดีนแล้วก็พยักหน้าเข้าใจ เรื่องที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังจะเป็นความจริงสักกี่เปอร์เซ็นต์เขาก็ไม่สนใจหรอก บางทีคนเราก็ฟังแค่เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

“ฉันสงสัยจัง ตอนที่อ่านในบอร์ด รายละเอียดเขียนไว้ว่าคนที่นี่จะเห็นพวกก็อบลินเป็นแค่กลุ่มคนที่ทำเมืองสกปรกใช่ไหม แล้วถ้าพวกเราจัดการเจ้าพวกนั้น คนอื่นจะเห็นว่าพวกเรากำลังทะเลาะวิวาทหรือเปล่า”

แมคเคนซีถามสิ่งที่สงสัยมานานหลังจากพวกเขาพักทานสตรีทฟู้ดและกำลังเดินมาที่ประตูชัย แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่พวกเขาเดินเที่ยวกันจะไม่เจอพวกก็อบลินเลยก็ตาม ซึ่งนั่นมันทำให้เขาโล่งใจไม่น้อย

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

พอถูกถามแบบนั้นเขาก็มานึกดู

“ปกติฉันจะเห็นแค่เป็นสัตว์รูปร่างประหลาดเดินผ่านไปเฉย ๆ แต่มีครั้งนึงตอนอยู่ไฮสคูล ฉันเห็นใครคนนึงกำลังถูกเจ้าสัตว์ประหลาดไล่ทำร้าย ก็เลยไปช่วยไว้ แต่สัตว์ประหลาดนั่นก็เปลี่ยนเป้าหมายมาจ้องจะทำร้ายฉันแทน ตอนนั้นได้แผลนิดหน่อยเพราะมีคนมาช่วยไว้พอดี จากนั้นก็ปกติดีนะ จนมาถึงวันที่ฉันหนีมาที่ค่ายพร้อมกับแดนนี่นั่นแหละ ฉันโดนไล่ล่ามาตั้งแต่ที่คลับแล้ว”

นึกถึงตอนนั้นแล้วก็ยังหลงเหลือความตื่นเต้นอยู่ หากแดนนี่ไม่ช่วยไว้ตอนนั้น เขาอาจจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้แล้วก็ได้

“น่ากลัวชะมัด งั้นที่นายได้แผลบ่อย ๆ ก่อนหน้านี้ก็เพราะเจ้าพวกสัตว์ประหลาดนั่นสินะ ไว้กลับถึงค่ายแล้วนายก็พาฉันไปดูสัตว์ทะเลพวกนั้นสิ”

มาจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งเข้าใจ ที่ดีนมีรอยแผลเหมือนถูกสัตว์กัดเวลาที่พวกเขาเจอกันเป็นเพราะอีกฝ่ายตกเป็นเป้าของสัตว์ประหลาดพวกนั้นนี่เอง

“อย่างนี้เอง ไม่น่า…ตอนฉันติดต่อไปที่คลับ ผู้จัดการถึงบอกว่าเห็นฉันทะเลาะกับคนเมาตอนดูกล้องวงจรปิด แต่หลังจากนั้นเขาก็ติดต่อฉันไม่ได้ ดีที่ฉันรีบติดต่อไปก่อน ไม่งั้นเขาคงแจ้งความไปแล้ว”

พอฟังที่ดีนอธิบายก็ยิ่งกระจ่าง คนทั่วไปจะไม่เห็นร่างที่แท้จริงของสัตว์ประหลาดพวกนั้นนี่เอง เขามองหอกสัมฤทธิ์อาวุธประจำตัวของดีนที่กลายเป็นท่อแป๊บน้ำสีฟ้าแล้วหัวเราะออกมา

“จริงดิ แบบนี้คนก็เห็นนายพกท่อนี่ไปไหนมาไหนตลอดเลยเนี่ยนะ ไหนมาลองดูของฉันบ้าง”

แมคเคนซีหยิบมีดสัมฤทธิ์ที่เหน็บไว้กับเอวออกมา จากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขารู้ว่าเขาควรเก็บอาวุธสักอย่างไว้ใกล้ตัวเพื่อความไม่ประมาท ขณะที่กำลังจะใช้มือลูบมีดสัมฤทธิ์ตามแบบที่ดีนทำด้วยเข้าใจว่าเป็นการร่ายมนตร์ อาวุธชิ้นนั้นก็กลับกลายเป็นตะกร้อมือที่ใช้สำหรับตีไข่หรือทำเบเกอร์รี่ไปซะก่อน

“……ตะกร้อมือเนี่ยนะ ไม่เท่เลย”

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“แค่สองครั้งก็จะแย่ เจ้าพวกนั้นไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปอย่างที่นายบอกนั่นแหละ อย่างตัวที่เรียกว่าอะไรนะ…อัลกูล ? นั่นแหละ ขนาดฉันเอาหมวกกันน็อคฟาดไปเต็มแรงมันยังไม่เป็นอะไร”

พอรู้ว่าสิ่งที่จัดการกับพวกสัตว์ประหลาดได้มีแต่อาวุธสัมฤทธิ์เท่านั้น ความกังวลก็เริ่มก่อตัวในใจ แต่ไหนแต่ไรเขาเคยมีแต่เรื่องชกต่อยตามประสาวัยรุ่นทั่วไป แต่ไม่เคยเรียนเกี่ยวกับการใช้อาวุธมาก่อน แล้วถ้าหากเจอพวกก็อบลินขึ้นมา เขาจะรับมือไหวไหมนะ

“เหมาะตรงไหนกัน นี่ยังไม่รู้นะว่าอาวุธที่เหลือคนอื่นจะเห็นเป็นอะไร”

ถึงจะทำเป็นมุ่นคิ้วแต่ก็ไม่นาน พอนึกภาพที่พวกเขาเดินด้วยกันแล้วมันตลกเสียจนเขาหัวเราะไปกับดีนด้วย

พวกเขาเดินเล่นกันมาจนถึงทำนบเขี่อนริมแม่น้ำแซน แต่แล้วอยู่ ๆ ดีนก็หันไปคุยกับอะไรบางอย่างในน้ำจนแมคเคนซีผงะไป พอตั้งสติได้ว่าคงไม่ใช่ภูติผีหรือวิญญาณ ชายนุ่มจึงลองชะโงกหน้าไปดู ก็เห็นว่าเป็นปลาตัวหนึ่งเท่านั้น

…นี่เพื่อนเขากำลังโรลเพลย์เป็นเจ้าหญิงดิสนี่ย์ที่พูดคุยกับสัตว์ได้หรือไงกัน…

เอาเถอะ…นี่อาจจะเป็นความสามารถอีกอย่างของลูกมหาเทพโพไซดอนก็เป็นได้

เมื่อคิดได้อย่างนั้นแมคเคนซีจึงยืนรอให้ดีนสนทนากับเจ้าปลาน้อยให้เสร็จก่อนโดยไม่คิดเข้าไปขัด

“งั้นเหรอ ไม่รู้สิ ยังไม่ได้ลองดูเลย”

ขณะที่กำลังจะเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบดาบสัมฤทธิ์กับโล่นั่นเอง ก็อบลินตัวหนึ่งก็กระโดดออกมาจากท่อน้ำทิ้งและดีนก็วิ่งตามมันไปเสียแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีก็อบลินอีกฝูงโผล่มายืนประจัญหน้ากับเขาอีก ดูท่าคงจะยังหยิบดาบกับโล่ไม่ทัน แมคเคนซีจึงหยิบมีดสัมฤทธิ์ออกมาเตรียมพร้อมไว้ก่อน

เบื้องหน้าของแมคเคนซีตอนนี้คือฝูงก็อบลินหน้าตาน่าเกลียด เมื่อประเมินจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วเขารู้ได้เลยว่าเจ้ามอนสเตอร์กลุ่มนี้แข็งแกร่งกว่าตัวที่เขาเจอเมื่อวานพอตัว ถึงจะไม่อยากต่อสู้แต่มันก็คือภารกิจที่รับมาแล้ว และเขาต้องเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การมาเที่ยวเล่นเพียงอย่างเดียว จุดประสงค์แท้จริงที่พวกเขามาที่นี่ก็คือกำจัดพวกก็อบลินที่ทำให้เมืองปารีสสกปรกต่างหาก คิดได้อย่างนั้นแมคเคนซีก็หยิบมีดสัมฤทธิ์ที่เหน็บไว้ตรงเอวออกมากำไว้ให้มั่น

“กี้~”

ก็อบลินตนหนึ่งร้องเสียงต่ำในลำคอ เพียงเท่านั้นเจ้าตัวที่เหลือก็กระชับอาวุธในมือกันหมด แมคเคนซีเองก็ยังไม่กล้าผลีผลามเข้าไป ทั้งสองฝ่ายยืนคุมเชิงกันอยู่อย่างนั้นสักพัก จนกระทั่งในที่สุดฝูงก็อบลินพากันวิ่งกรูเข้ามาโจมตีเขา ชายหนุ่มเตะตัวที่วิ่งเข้ามาเร็วที่สุดจนกระเด็นออกไปจากนั้นก็เบี่ยงตัวหลบก็อบลินอีกตัวที่ใช้อาวุธฟาดมาที่เขา แต่ด้วยจำนวนที่มีมากเกินไป สุดท้ายแมคเคนซีก็พลาดท่าโดนฝูงก็อบลินโจมตีจนบาดเจ็บ ใช้เวลามะรุมมะตุ้มกันสักพักเขาก็สลัดพวกมันออกไปได้แล้วรีบไปหยิบดาบสัมฤทธิ์กับโล่ออกมาใช้แทนมีดสั้นที่ตอนนี้กระเด็นออกไปอยู่ห่างจากเขาพอตัว แต่ด้วยทักษะการใช้อาวุธที่แทบเป็นศูนย์ แมคเคนซีจึงได้แค่ใช้โล่ป้องกันอาวุธจากพวกก็อบลิน ส่วนดาบก็เหมือนเป็นแค่พร็อพประกอบที่ถือไว้แบบไร้ประโยชน์เท่านั้น

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ตอนนี้แมคเคนซีรู้สึกล้าเต็มทน เขาทำได้เพียงแค่ตอบโต้ฝูงก็อบลินไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะประเคนหมัด เท้า เข่า ศอกไปเท่าไหร่แต่ไม่อาจกำจัดไปได้สักตัว สุดท้ายร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นหลังจากถูกก็อบลินตนหนึ่งตีเขาเข้าที่หลังด้วยกระบอง

…บ้าจริง นี่เราจะเอาชีวิตมาทิ้งที่ปารีสแล้วหรือเปล่า…

แมคเคนซีคิดขณะใช้โล่บังส่วนศีรษะและช่วงไหล่ของตนที่ฝูงก็อบลินระดมใช้อาวุธกระหน่ำตีลงมา ส่วนขาซึ่งไม่มีอะไรป้องกันก็โดนตีจนชาไปหมดจนสงสัยว่าขาเขาจะหักไปแล้วหรือยัง

…แพ้หมดรูปเลย แย่ชะมัด ดีนอยู่ไหนกันนะ…

ใบหน้าของคนที่อยากเจอผุดขึ้นมาในห้วงความคิดสุดท้าย ก่อนที่สติของแมคเคนซีจะดับวูบไป

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

เหมือนได้ยินเสียงคุ้นเคยมาจากที่ไกล ๆ ดวงตาที่ปิดสนิทเริ่มกระพริบไหวอีกครั้งก่อนที่แมคเคนซีจะเริ่มได้สติกลับคืนมา เมื่อลืมตาขึ้นมองก็เห็นดีนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ซ้ำยังเขย่าตัวเขาอย่างเอาเป็นเอาตายจนต้องรีบจับแขนอีกฝ่ายไว้ให้หยุดก่อน

“ได้ยินแล้ว ใจเย็นก่อน…อา ขาฉัน”

แมคเคนซีค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วมองไปที่ขาตนเองซึ่งคิดว่าคงหักไปแล้วแน่ ๆ แต่เปล่าเลย เมื่อลองขยับขาดูกลับพบว่ายังปกติดีทุกอย่าง จากนั้นจึงพลิกแขนทั้งสองข้างของตนเองดูก็ยิ่งแปลกใจไปกันใหญ่ที่ไม่พบบาดแผลใด ๆ จากการต่อสู้เมื่อครู่เลย ซ้ำอาการเจ็บปวดใด ๆ ก็ไม่มี เหมือนกับว่าเมื่อครู่เขาแค่หลับแล้วก็ฝันร้ายว่าโดนฝูงก็อบลินโจมตีเฉย ๆ เพียงเท่านั้น

“ตอนที่ฉันสลบไปเกิดอะไรขึ้น แล้วเจ้าก็อบลินพวกนั้นล่ะ”

เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ไร้วี่แววก็อบลินแม้สักตัว ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

“ตอนนี้ไม่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ฉันนึกว่าจะโดนก็อบลินพวกนั้นรุมตีจนตายแล้วซะอีก”

เขาวางมือทาบกับหลังมือดีนที่ประคองแก้มตนเองอยู่ คำว่าตายนั้นไม่เกินจริง ก่อนจะหมดสติไปเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฝูงก็อบลินจ้องจะเอาชีวิตเขาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขารอดมาได้ ได้มาเจอดีน และเขามั่นใจมากว่าดีนคือคนที่มาช่วยชีวิตเขาเหมือนเมื่อครั้งก่อนตอนที่เขาเพิ่งมาถึงค่าย

“ไหว…อืม กลับกันเถอะ ฉันอยากพักผ่อนเต็มที”

แมเคนซีบอกพลางค่อย ๆ ลุกขึ้นมา หยิบกระเป๋าสัมภาระมาสะพายไว้แล้วเดินไปขึ้นรถแท็กซี่เพื่อกลัที่พักกับดีน แม้จะไม่มีบาดแผลแล้วแต่การออกแรงไปก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาอ่อนเพลียจนนึกเจ็บใจว่าตนเองอ่อนหัดได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทำไมเขาถึงทำอะไรก็อบลินพวกนั้นไม่ได้เลยกันนะ ดูท่าว่ากลับไปค่ายฮาร์ฟบลัดคราวนี้เขาคงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างซะแล้ว

“เท่านี้ก็ถือว่าภารกิจเราเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

แมคเคนซีถามขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้านอน

[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]

แมคเคนซีเลิกคิ้วมองคนที่นอนซบตนเองแล้วบ่นหงุงหงิงเป็นหมาหงอย  ก่อนจะยกมือขยี้ผมหยักศกเบา ๆ ไปด้วยความมันเขี้ยว

“จะยกเลิกทำไม ฉันก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรแล้ว ถ้านายอยากไปก็ไปสิ”

เขารู้ว่าตนเองตามใจดีนมาตลอด แต่มันก็เป็นเรื่องที่เขายินดีจะทำ ก็เวลาหมอนี่อารมณ์ดีดี๊ด๊ามันน่ารักจะตาย

“เรารีบนอนกันเถอะ แล้วพรุ่งนี้นายค่อยบอกแพลนฉันว่าอยากไปที่ไหนอีกบ้างก่อนกลับ ราตรีสวัสดิ์ดีน”

บอกแค่นั้นแล้วก็หลับตาลง ฝ่ามือที่อยู่ตรงผมอีกฝ่ายเลื่อนลงมาวางตรงบั้นเอวคนที่นอนข้าง ๆ กัน วันนี้พวกเขาเหนื่อยมามากแล้ว ควรนอนหลับพักผ่อนเอาแรงไว้เพื่อวันพรุ่งนี้



ผลการต่อสู้ : แพ้ฝูงก็อบลิน Lv.21

ได้รับการรักษาจากน้ำทิพย์ของดีน

แสดงความคิดเห็น

108Paris Day 3 - บ๊ายบายปารีส งวดหน้าเดี๋ยวแก้มือใหม่ วันสุดท้ายของการเดินทาง “แมคซี่ นายเป็นไงบ้  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-5-1 01:43
โพสต์ 29770 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-30 01:30
โพสต์ 29,770 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ จาก ต่างหูเงิน  โพสต์ 2024-4-30 01:30
โพสต์ 29,770 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก ผ้าพันคอไหมพรม  โพสต์ 2024-4-30 01:30
โพสต์ 29,770 ไบต์และได้รับ +5 ความศรัทธา จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-4-30 01:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส
น้ำหอมเฮคาที
เหรียญนกฮูก
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x7
x10
x10
x7
x2
x9
x6
x4
x3
x70
x4
x10
x6
x12
x6
x18
x3
x55
x9
x189
x14
x14
x12
x45
x18
x5
x5
x5
x2
x5
x2
x11
x20
x10
x10
x2
x2
x2
x4
x1
x3
x12
x6
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x13
x2
x5
x4
x2
x1
x16
x145
x192
x10
x6
x10
x10
x16
x55
x80
x1
x1
x1
x4
x3
x1
x1
x1
x1
x5
โหมดขั้นสูง
B Color Image Link Quote Code Smilies

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้