[ย่านบอร์ดเวย์] ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด Wendy's

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



- Quality is Our Recipe -









ร้านเวนดี้ส์ สาขาบอร์ดเวย์ (650)


ร้านฟาสต์ฟู้ดเก่าแก่แห่งหนึ่งที่อยู่คู่กับถนนบอร์ดเวย์มาอย่างยาวนาน

และพร้อมจะส่งมอบความอร่อยให้คุณเสมอ

ในแต่ละเมนูเราใช้วัตถุดิบคุณภาพดีและโภชณาการที่คัดสรรมาให้คุณแล้ว


เปิดให้บริการทุกวัน

จันทร์-ศุกร์: 6.30 - 00.00 น.

เสาร์-อาทิตย์: 8.00 - 00.00 น.







แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 6345 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-2-28 11:12
โพสต์ 2024-2-28 12:54:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-3-19 04:22

001
เมี้ยว


          27/02/2024 : 11.51 PM


          “ของที่สั่งได้ครบนะครับ ขอบคุณที่มาใช้บริการ”

          แม้จะเป็นลูกค้าคนสุดท้ายก่อนร้านปิด ทว่าพนักงานร้านฟาสต์ฟู้ดผู้เปี่ยมไปด้วยพลังงานอย่าง ‘ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล’ ก็ยังคงทำงานด้วยรอยยิ้มอย่างขยันขันแข็งราวกับไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยมาก่อนในชีวิต

          ตอนนี้ภายในร้านไม่มีลูกค้ารายอื่นนอกจากชายหนุ่มผมบลอนด์หยักศกที่เพิ่งสั่งอาหารไปนั่งรับประทานเมื่อครู่ จึงไม่จำเป็นจะต้องมีพนักงานเฝ้าหน้าร้านถึงสองคน ดีนปลีกตัวไปด้านหลังเพื่อเตรียมปิดฝั่งหน้าร้าน และหน้าที่ประจำของเขาคือการทิ้งขยะ แต่ก่อนจะปิดจ็อบก็ขอแวะไปหยิบมือถือในล็อคเกอร์มาเช็คเมลดูสักหน่อย

          — คุณได้รับอีเมล 1 ฉบับ —

          ข้อความที่ขึ้นเตือนค้างไว้บนหน้าจอมือถือทำเอาชายหนุ่มใจเต้นไม่เป็นส่ำจนต้องวิ่งเหยาะอยู่กับที่ มันจะใช่เมลที่เขารอคอยหรือเปล่านะ? ไม่รอช้าเขากดเข้าไปที่หน้าอีเมลนั้นทันที

          “จาก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย xxx นิวยอร์ก ยินดีด้วยคุณได้รับเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยนักวิจัย— เยส!”

          แทบจะกระโดดตัวลอยเมื่อเห็นข้อความว่าตนได้งานใหม่ ซึ่งเป็นงานประจำตรงสายที่เรียนมาอย่างพอดิบพอดี

          ดีนเป็นนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัย xxx นิวยอร์ก เดิมทีเขาเป็นชาวซานอันโตนิโอ ครอบครัวอยู่ในชนชั้นแรงงานฐานะปานกลาง แต่ไหงมาเลือกเรียนไกลบ้านอย่างนิวยอร์กได้? เขาก็อยากถามตัวเองเมื่อสี่ปีที่แล้วเหมือนกัน หากย้อนเวลากลับไปได้คงได้คำตอบอย่าง ‘นิวยอร์กเชียวนะเว้ย!’ ใส่ก็เป็นได้

          เอาเป็นว่าเรื่องนั้นช่างมัน

          ด้วยความที่นิวยอร์กเป็นเมืองที่ติดอันดับค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก การที่เด็กจากรัฐดาวเดียวมาอยู่คงจะใช้ชีวิตสุขสบายอย่างคุณหนูไม่ได้ เขาแชร์อะพาร์ตเมนต์อยู่กับเพื่อนใหม่ในมหาวิทยาลัยสามสี่คน ฟังดูแย่แต่ก็ไม่แย่อย่างที่คิด ทุกคนมีห้องส่วนตัวของตัวเองแม้ขนาดจะเล็กกว่าห้องที่บ้านแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นห้องรูหนู มีครัวและห้องนั่งเล่นที่เขาไม่ค่อยได้ใช้เสียเท่าไร ข้อดีคือใกล้มหาวิทยาลัยมาก ขี่จักรยานไปไม่กี่บล็อกก็ถึง เขาแค่ต้องทำงานพิเศษเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวจะได้ไม่ลำบากที่บ้านมาก

          ดีนเข้าทำงานที่ร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งนี้ในฐานะพนักงานพาร์ทไทม์กะบ่ายบ้างกะดึกบ้างตั้งแต่ปีหนึ่ง ซึ่งกว่าจะเรียนจบเขาก็มีความผู้พันกับสถานที่แห่งนี้มากกว่าหอพักเสียอีก แต่มีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องปกติ เขาคงไม่ทำงานตำแหน่งเดิมไปเรื่อย ๆ จนเป็นลุงอายุสี่สิบหรอกนะ…

          หมายเหตุว่า ถ้ามีชีวิตอยู่ถึง

          “เอ้าดีน เป็นอะไร ดีใจยกใหญ่”

          ผู้ที่เอ่ยถามเป็นชายร่างท้วมสวมชุดเครื่องแบบเดียวกัน เขาคนนั้น คือ โจ รองผู้จัดการร้านที่ตั้งแต่ดีนเข้ามาทำงานที่นี่ก็เจอโจทำงานมาก่อนแล้ว ด้วยความผูกพันในหน้าที่การงานทำให้ทั้งผู้จัดการและรองผู้จัดการเอ็นดูเขาอยู่ไม่น้อย

          “คือว่างี้โจ ผลสัมภาษณ์ผมออกแล้ว ในที่สุดก็ได้งานผู้ช่วยนักวิจัยแล้ว เริ่มงานได้เลยต้นเดือนหน้า ซึ่งก็คือ.. ผมก็ต้องลาออกแล้วล่ะ”

          แรก ๆ น้ำเสียงก็กระดี้กระด๊าอยู่หรอก แต่พอต้องบอกว่าจะลาออกก็อดที่จะรู้สึกโหวงในอกเสียมิได้

          “แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะมาหาที่ร้านบ่อย ๆ อยู่ดี”

          “เก่งมากไอ้เสือ ได้งานใหม่ก็ดีแล้ว ดีใจด้วย” ผู้จัดการร้านร่างท้วมเดินเข้ามาตบบ่าชายหนุ่มสองสามที ก่อนหน้านี้ดีนเคยแจ้งเรื่องหางานใหม่เอาไว้แล้ว เป็นปกติที่นักศึกษาจบใหม่อยากมีงานประจำดี ๆ ทำ นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนในร้านเข้าใจ “เอาไว้พรุ่งนี้พอเข้างานแล้วนายค่อยมาบอกจูนแล้วกัน”
         
          จูนที่ถูกอ้างถึงชื่อคือผู้จัดการร้านคนเก่งที่เพิ่งมาประจำการหลังดีนทำงานเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบเวลาหญิงสาวจะเป็นรุ่นน้อง แต่หากพูดถึงตำแหน่งแล้วเธอเหนือกว่าเขาหลายขั้น

          “โอเค ไว้ผมจะบอก แต่ตอนนี้ขอเอาขยะไปทิ้งก่อนแล้วกัน”

          ชายหนุ่มปลีกตัวมาหลังร้านพร้อมกับถุงขยะใบโตในมือ งานที่รับมาไม่ได้ยากเย็นอะไรก็แค่ออกไปหลังร้าน เดินออกไปที่จุดทิ้งขยะตรงอีกฟากของหัวมุมถนน เดินกลับมา แล้วก็ตอกบัตรออก เก็บของกลับห้องเป็นอันจบภารกิจของวัน

          บอร์ดเวย์ยามดึกแม้ไม่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนดั่งเช่นช่วงค่ำ ทว่าแสดงไฟจากป้ายบิลบอร์ดยังคงส่องสว่างท้าทายแสดงจันทร์ แม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วแต่ถนนสายนี้ไม่ได้เปลี่ยวเหงาและน่ากลัวอย่างที่คิด

          “เมี้ยว~”

          ขณะที่ดีนกำลังทิ้งขยะอยู่นั่นเองแมวสีส้มลายสลิดไม่คุ้นหน้าก็เดินมาคลอเคลียพันแข้งพันขา ดูเหมือนว่ามันจะเข้ามาอ้อนขอของกิน

          “อุ๊ย น้องแมว” เมื่อเห็นสิ่งที่ชอบทำเอาหนุ่มผู้สูงหกฟุตถึงกับทำเสียงสอง “มาจากไหนครับ ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย?”

          พูดคุยด้วยอย่างกับว่ามันจะตอบกลับได้ ร่างสูงย่อตัวลงเกาคางให้มัน เจ้าเหมียวตัวนั้นก็ส่งเสียงเพอร์ในลำคอท่าทางพึงพอใจใหญ่ มันดมมือของเขาฟุ้ดฟิ้ดก่อนจะใช้ลิ้นสาก ๆ เสียมือจนรู้สึกจักกะจี้

          “หิวเหรอ? เสียดายอาหารแมวที่พกมาอยู่ในกระเป๋า แกรอฉันอยู่ตรงนี้ได้ไหม?”

          “เมี้ยว”

          เจ้าแมวส่งเสียงร้องพลางทำตาใส แต่ในชั่ววินาทีนั้นเอง..

          “กรร!!!”

          จู่ ๆ เจ้าเหมียวส้มก็กระโดดเข้าใส่ ดีนไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ยังพอมีสัญชาตญาณอยู่บ้างเขาจึงเด้งตัวหลบออกมาแต่มิวายจะถูกกัดเข้าที่ไหปลาร้า หากว่าเขาไม่หลบแล้วล่ะก็คมเขี้ยวของสัตว์ร้ายคงฝังเข้าที่ลำคอเป็นแน่

          “โอ๊ย!!”

          ดีนผลักเจ้าแมวปีศาจนั้นออกไปแล้วก้มลงมองรอยแผลที่ได้มา บาดแผลลึกจนเลือดซึมหยดเปรอะเลอะเสื้อพนักงานที่สวมใส่ และที่สำคัญ.. รอยฟันนั้นไม่ใช่ฟันแมวแต่เหมือนฟันของคนเสียมากกว่า

          ในจังหวะที่ชายหนุ่มมัวแต่สนใจบาดแผล แมวปีศาจที่ได้ลิ้มรสเลือดไปแล้วออกอาการคลั่ง ตัวของมันบวมเป่งก่อนจะค่อย ๆ กลายร่างเป็นอสุรกายสูงแปดฟุตที่ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือตัวอะไร

          “ฉิบหายแล้ว!!”

          เมื่อรู้ตัวว่าตนตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมากกว่าที่คิดเขาก็โกยแนบอย่างไม่คิดชีวิต แต่คนธรรมดาไร้พิษสงจะไปสู้กำลังของอสุรกายได้อย่างไร มันกระโดดไม่กี่ทีก็ถึงตัวดีนที่ออกวิ่งมาได้หลายสิบเมตร มันกดตัวของเขาจนล้มฟาดไปกับพื้นถนน

          “อั่ก!”

          แม้พยายามกระเสือกกระสนแต่ไม่อาจหนีไปได้ไหน กำลังที่กดทับลงมาหนักหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อเหลือบหางตากลับไปมองเขาเห็นเพียงเงาดำขนาดยักษ์และกรงเล็บแหลมคมที่งอกออกมาจากอุ้งมือเหมือนปีศาจนักฆ่าในหนังสยองขวัญ ใบหน้าคมเข้มแทบจะถอดสี สิ่งที่เห็นตรงหน้าจะกลายเป็นภาพสุดท้ายในชีวิตของเขาอย่างนั้นหรือ? ความกลัวจนหัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกมาจากอก ยิ่งกรงเล็บนั้นเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ดีนก็ได้แต่เบือนหน้าหลับตาปี๋

          ‘ตายจริง ๆ แล้ว! คราวนี้ตายแน่ ๆ’

          ‘ไม่เอา! ยังไม่อยากจบลงตรงนี้!’

          ‘ฉันเพิ่งจะได้งานใหม่เองนะเว้ย!’
     
          ‘พ่อ แม่ ลุงไมค์ ช่วยด้วย!’

          ฉั่วะ!

          ของแหลมคมพุ่งผ่านทะลุร่างที่อยู่ด้านบน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแหลมหูจากอสุรกาย จากนั้นสายน้ำเย็นก็ตกลงมาใส่ตัวเขาจนเปียกชุ่ม ดีนรู้สึกว่าแรงกดทับหายไปเหลือแต่เพียงความเย็นยะเยือกของค่ำคืนปลายฤดูหนาว

          “นายเป็นอะไรไหม?”

          สุ้มเสียงของใครบางคนเอ่ยถาม คล้ายกลับว่าเขาเพิ่งจะเคยได้ยินเสียงนั้นเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนหน้านี้เอง ดีนค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ไร้ร่างของปีศาจที่หมายจะคร่าชีวิตอยู่ตรงนี้ สิ่งที่เขาเห็นคือฝ่ามือของบุคคลปริศนาที่ยื่นมือมาเพื่อช่วยพยุง ไล่สายตาขึ้นไปอีกก็เห็นว่าเจ้าของมือนั้นเป็นลูกค้าคนสุดท้ายที่เขาเพิ่งรับออเดอร์ไป ดีนจับมือนั้นแล้วดึงตัวเองขึ้นมา

          “ขอบคุณ… คุณ เอ่อ... ช่วยผมไว้เหรอ?” ด้วยความอึ้งทำเอาคนพูดมากเป็นใบ้ไปชั่วขณะ “เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ คุณเห็นไอ้ตัวเมื่อกี้ไหม?”

          “โทษที นายอายุเท่าไร?”

          ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเป็นคำถามที่ทำเอางง แต่ก็ยอมตอบ

          “ยี่สิบสาม.. ผมเพิ่งอายุยี่สิบสามไปเมื่อสองวันก่อน.. ว่าแต่ถามทำไมเนี่ย?”

          ชายคนนั้นไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับแสดงท่าทีสงสัยใคร่รู้เสียเหลือเกิน ดวงตานั้นจ้องมองดีนที่กอดตัวเองสั่นกึก ๆ ปากก็พึมพำอะไรบางอย่างที่จับใจความได้แค่ “เหลือเชื่อ..” กับ “หรือว่าจะ..” จนสุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมเปิดปาก

          “ชีวิตนายตกอยู่ในอันตรายมาก ไม่ว่าที่ไหนบนโลกก็ไม่ใช่ที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับนาย แต่มีที่นึงที่พอช่วยได้”

          “หา? อะไร พูดอะไรของคุณเนี่ย?”

          ในหัวมีแต่ความสับสน ทว่าชายผมบลอนด์ไม่ได้อธิบายอะไรไปมากกว่านั้น แต่กลับส่งนามบัตรใบหนึ่งมาให้เขาแทน

          “ไปที่ลองไอแลนด์ ตามแผนที่นี้ ค่ายฮาล์ฟบลัดช่วยนายได้ ถ้าเป็นไปได้ก็รีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด”

          “ค่ายฮาล์ฟบลัด?”

          ดีนมองนามบัตรสีส้มที่เพิ่งได้รับมาแล้วรู้สึกคุ้นหูเหลือเกินว่าเคยได้ยินชื่อนี้มากจากที่ไหนมาก่อน

          .
          .
          .

          - สามปีที่แล้ว -

          ต๊อก ต๊อก ต๊อก

          ดีนถูกทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียวในห้องเงียบ ๆ เปิดแอร์เย็นฉ่ำจนหนาว และมีเสียงเข็มนาฬิกาเดินอย่างสม่ำเสมอจนหลอนหู เบื้องหน้าของชายหนุ่มมีกระดาษแบบทดสอบวางอยู่ซึ่งดีนก็ทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ในตอนนี้เขาเพียงแค่รอ รอพบกับจิตแพทย์ที่น่าจะช่วยให้คำตอบแก่เขาจากอาการเห็นภาพหลอนได้

          ตั้งแต่เด็กมาแล้วที่ดีนเกิดอาการเห็นภาพหลอน ตอนยังไร้เดียงสาเขาเชื่อคำคุณพ่อคุณแม่ว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นเพียงเพื่อนในจินตนาการที่เขาสร้างขึ้นและมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เห็น แต่ไป ๆ มา ๆ สิ่งที่ทึกทักเอาเองว่าเป็นเพื่อนในจินตนาการบางตัวกลับทำร้ายเขา มีบางตัวเหมือนกันที่เข้ามาช่วยเหลือแต่เป็นส่วนน้อย กระนั้นก็พูดได้ยากว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นสิ่งที่ตนสร้างขึ้นมาจากจินตนาการ เพราะหากเป็นเพียงความคิดเขาคงไม่ได้แผลจากสิ่งเหล่านั้น และยิ่งนานวันเข้าอาการเห็นภาพหลอนยิ่งแจ่มชัดขึ้นทุกวันจนทำเอาเขาแทบเป็นบ้า

          ใช้เวลาตั้งเป็นเดือนถึงจะเก็บเงินค่าขนมเอามาเป็นค่าเข้าพบจิตแพทย์ ดีนในวัยยี่สิบปีจึงตั้งความหวังกับการหาหมอในครั้งนี้มาก

          กระดาษแบบทดสอบถูกเอาไปตรวจ ไม่นานบุรุษในชุดแพทย์ก็เข้ามาในห้องให้คำปรึกษา

          “ผลของแบบทดสอบบอกว่าคุณปกตินะครับ”

          “อ้าว..”

          “แต่ในเมื่อคุณนีลมาหาหมอแล้วก็ยินดีให้คำปรึกษาครับ พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

          ใจชื้นขึ้นมาหน่อย นึกว่าจะเสียเงินเก็บไปฟรี ๆ เสียแล้ว เขาก็เลยเริ่มเล่าตั้งแต่ต้นด้วยท่าทีเขินอายนิดหน่อย ทำไงได้ ถึงจะเป็นงานของหมอแต่เขาก็ไม่อยากถูกวินิฉัยว่าเป็นบ้านี่หน่า

          เมื่อแพทย์รับฟังปัญหาก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะพึมพำออกมาเหมือนคนกะจิตกับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

          “ไม่น่าจะใช่น่า.. อายุขนาดนี้แล้วจะเป็น▓▓▓จริง ๆ งั้นเหรอ…”

          “เอ่อ.. หมอ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าโรคที่ผมเป็น มัน.. มันเป็นจิตเภทชนิดร้ายแรง?”

          เห็นหมอเป็นแบบนี้ก็อดที่จะลนลานไปด้วยไม่ได้ ทว่าคำตอบที่ได้รับทำเอาอึ้ง

          “ผมคิดว่าคุณเป็นเดมิก็อดหรือก็คือบุตรของเทพเจ้าครับ ทางที่ดีคุณควรไปค่ายฮาล์ฟบลัดที่ลองไอแลนด์ แต่ตอนนี้ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าคุณรอดมาจนอายุยี่สิบได้ยังไง”

          “อ้าวเฮ้ยหมอ จู่ ๆ ก็มาชวนเข้าลัทธิอะไรเนี่ย เพ้อเจ้อ! ผมไม่รักษากับคุณแล้ว!”

          แล้วดีนก็ปึงปังออกมาจากคลีนิกประเดี๋ยวนั้น มีที่ไหนไปหาจิตแพทย์แต่กลับพบว่าหมอเป็นบ้าเสียเอง แล้วยังมาชวนเข้าลัทธิประหลาดบอกว่าตนเป็นลูกเทพต้มตุ๋นประชาชนไปซะอีก เขาจำได้ว่าในตอนนั้นตัวเองโมโหมาก เสียเงินไปตั้งหลายร้อยดอลล่าแต่กลับได้เรื่องซี้ซั้วอะไรก็ไม่รู้กลับมา ตอนนั้นคิดจะแจ้งความแต่ไม่เอาดีกว่า ไม่มีเงินค่าจ้างทนาย

          .
          .
          .

          - ตัดกลับมายังปัจจุบัน -

          “อ๋อ ค่ายฮาล์ฟบลัด จำได้แล้ว”

          “เคยได้ยินชื่อนี้สินะ ถ้างั้นก็ง่ายหน่อย เป็นไปได้รีบไปให้เร็วที่สุด แล้วก็.. ระวังเลือดด้วย อย่าให้เลือดออกไม่งั้นพวกมันจะยิ่งได้กลิ่น”

          “ฮะ.. เออ จริงด้วยเลือด”

          เกือบจะด่าแล้วแต่อีกฝ่ายมาทักเรื่องแผลเสียก่อนจึงต้องรีบเอามือกดทับที่บาดแผลนั้นเอาไว้

          “ถ้างั้น ผมขอตัวก่อน”

          คนที่มาช่วยจากไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นอัศวินรัตติกาล ปล่อยให้ดีนยืนหนาวอย่างงงงวยเพียงลำพังแล้วได้แต่มองนามบัตรสีส้มที่อยู่บนฝ่ามือ

          .
          .
          .

          เกือบเป็นวันที่ดีแล้วแต่สุดท้ายก็จบไม่สวย

          ดีนกลับมาถึงห้องพักก็เกือบตีหนึ่ง เรื่องที่เจอมาทำเอาชายหนุ่มนอนไม่หลับจนต้องส่งข้อความแชทหาใครบางคน

          D.E.A.N.: โย่ ดารี่
          D.E.A.N.: หลับหรือยัง?
          D.E.A.N.: ตีหนึ่งแล้วคงนอนแล้วมั้ง
          D.E.A.N.: ช่างเถอะ
          D.E.A.N.: ฉันมีเรื่องจะเล่า มาคุยกันหน่อย
          D.E.A.N.: พรุ่งนี้ที่เก่าเวลาเดิม
          D.E.A.N.: บาย




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 87070 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2024-2-28 12:54
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
แว่นตา
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x2
x1
x10
x1
x3
x9
x1
x2
x5
x1
x3
x3
x1
x2
x3
x1
x1
x1
x2
โพสต์ 2024-3-31 14:18:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Lost Parcel
Feria Hayes
เฟเรีย พร้อมด้วยกาเอลและพี่ศิลาได้พากันมาถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู้ต Wendy’s ตามเบาะแสที่พวกเธอได้รับมา ถึงจะรู้ว่ามันคือกับดักอย่างเห็นได้ชัดแต่แล้วทำไมล่ะ ก็เอาสิ กับดักก็กับดัก เธอจะสู้ให้หมดเลย ว่าแล้วสาวน้อยก็ส่งสัญญาณมือให้พี่ศิลากับกาเอล แยกย้ายไปตามหาพัศดุที่หายไป

“ม่าม๊าช่วยด้วยฮะ”

เสียงร้องของกาเอลดังขึ้นมาก็พบว่ามันคือจ่าฝูงก็อบลิน แล้วที่มันถืออยู่นั่นมันหมวกคาวบอยที่มันถูกระบุบนกล่องขนส่งที่เธอไปเจอที่ไซน่าทาวน์นี่นา

“กาเอลหลบไปก่อนนะ ย๊าก”

เธอหยิบหอกออกมา เข้าต่อสู้กับจ่าฝูวก็อบลินตัวนั้นจนเอาชนะมาได้อย่างง่ายดาย ก็นะเธอเคยเอาชนะมันมาก่อนนี่นา มันจะไปยากอะไรกันล่ะ แต่ว่าก่อนจะสลายไปมันดันโยนไปให้ฮาร์ปี้ตัวหนึ่งเข้า

“ดูท่าเจ้าพวกนี้จะทำงานกันเป็นทีมนะ ว่าไงน้องสาวสู้ไหวไหม”

“เห็นหนูเป็นใครคะ แค่ฮาร์ปี้เองสบายอยู่แล้ว”

ว่าแล้วเธอก็ขว้างหอกใส่ปีกของฮาร์ปี้แล้วเข้าต่อสู้กับฮาร์ปี้ตัวนั้นอย่างสบาย ๆ โดยมีพี่ศิลาหยิบดาบมาคอยรอสนับสนุนอยู่ข้างหลังและมีกาเอลคอยเชียร์อยู่ในที่ปลอดภัย จนกระทั่งเธอเอาชนะมาได้และได้หมวกคาวบอยคืนมา





ในตอนนั้นเองที่ปรากฎร่างของชายคนหนึ่งเข้ามาโจมตีเธอ

“อะไรกันนี่”

เฟเรียใช้หอกป้องกันการโจมตีก่อนที่จะเริ่มเข้าปะทะกับชายปริศนาอย่างดุดัน แต่ว่านี่มันอะไรกันนี่ทั้ง ๆ ที่ก็โดนไปหลายรอบนะ แต่ไม่บาดเจ็บอะไรเลยเหรอ นี่มันอะไรกันสร้างมายาเหรอ ทำไมรู้สึกเธอเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวเลย

“แฮ่ก ๆ อะไรกัน ทั้ง ๆ ที่คิดว่าโจมตีเข้าแล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่เข้าเลยนี่นะ”

การต่อสู้เยื้องไปจนกระทั่งเธอเหนื่อยอย่างสาหัสแล้ว จนเธอทรุดร่างลงกับพื้นในสภาพที่ยืนแทบไม่ไหว ต้องใช้หอกยันตัวเองเอาไว้ให้ลุกขึ้นมาได้แทน กาเอลก็เข้ามาดูอาการของเธอด้วยความเป็นห่วง

“ม่าม๊า”

“ธิดาแห่งเทพฮิปนอส มีฝีมือแค่นี้เองสินะ จำชื่อผมไว้ล่ะ ผม ลุค คาสเทลแลน ผู้กลับมาจากความตายและล้างแค้น”

“ละ ลุค คาสเทลแลน เหรอ”

ด้วยความเหนื่อยล้าทำให้ภาพตัดไปจนเลยสลบไป พร้อมภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือคนที่ชื่อลุคคนนั้นได้เดินจากไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +7 เกียรติยศ +20 ความกล้า โพสต์ 2024-3-31 14:22
โพสต์ 6572 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-3-31 14:18
โพสต์ 6,572 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +1 ความศรัทธา จาก เกราะหนัง  โพสต์ 2024-3-31 14:18
โพสต์ 6,572 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-3-31 14:18
โพสต์ 6,572 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-3-31 14:18
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หนังสือรับรองไครอน
เสื้อแจ็คเก็ตบุนวม
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
กุญแจแห่งปัญญา
ดรีมทราเวล
ควบคุมดอกป๊อปปี้
กำปั้นแห่งนิทรา
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x20
x1
x2
x5
x2
x7
x1
x1
x1
x28
x4
x5
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x19
โพสต์ 2024-4-13 01:28:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด


SΔCRΦΓΦCΞ DΩΞS ΠΩT ΒRΦΠG VΦCTΩRΨ.







ร้านเว็นดี้.. ใครจะไปคิดว่าเขาจะเอามาไว้ในที่แห่งนี้ด้วย บางอย่างบางครั้งบบางที่มันก็เป้นเหมือนจุดบอดในสายตา เหมือนกับบางสิ่งที่เข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ ชายชราเองเข้าใจในความเอาใส่ใจของผู้ดูแลที่นี่ จึงนำร้านที่พบเห้นได้ทั่วไปในภายนอก นำเข้ามา โดยที่ให้บริการเหมือนๆกับสาขาที่เปิดอยู่เหมือนกันหมด ซึ่ง มันสะดวกตรงที่ เหล่าสายเลือดเทพ ไม่ลำบากออกไปหาของกินตามร้านข้างนอกเสี่ยงอันตราย

แต่ถึงกระนั้น มันก็มักจะมีเรื่องให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ เหมือนอย่างเช่นในข้างนี้ อีกทั้งเป็นเรื่องของสายเลือดเทพีแห่งชัยชนะเสียด้วย แม่ของชายชราคงไม่อยากจะเห็นร่างไร้วิญญาณในสภาพที่ไม่ชวนดูแน่นอน หลังจากที่เขานั้น ได้รับข้อมูลจากเทพีผู้เป็นแม่ของเขาเรียบร้อย รูปพรรณสันฐานที่ชัดเจนนั้น ทำให้เขานำรูปของเด็กหญิงคนนี้ ไปถามคนในระแวกนั้นได้ ในขณะนั้นเอง..

"ช่วยด้วย.. ช่วยด้วย โทรลหลุดจากไหนก็ไม่รู้ ที่ร้านเวนดี้.. ใครก็ได้ ไปช่วยหน่อย ยังมีคนติดอยู่ในนั้น" 

ทันทีที่ชายชราได้ยินเสียงดังมาจากอีดฝั่งนึงของเขตย่านการค้า สิ่ที่เขามองเห็นมาแต่ไกลคือ โทรลตัวใหญ่ที่ดูเหมือนมันกำลังหาอะไรบางอย่าง และพยายามกำลังข้นซากของร้านอาหารที่ถูกทุบอย่างแทบจะไม่เหลือโครงเดิมของร้านมาก่อน นั่นทำให้เขารู้สึกได้เลยว่า นั่นล่ะ สิ่งที่เขาคิดว่าจะต้องเข้าไปช่วย มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่แม่ของเขาได้บอกไว้คร่าวๆ ว่ามีอสุรกายที่กำลังตามกลิ่นของเด็กหญิงอยู่ และเด็กคนนั้นก็คงจะเข้าไปหลบในที่ร้าน จนทำให้โทรลพยายามพังร้านนั้นเข้าเพื่อจับเธอ

ชายชราเก็บโทรศัพท์ของเขาลงกระเป๋าก่อนที่จะวิ่งฝ่าฝูงชนเพื่อสะกัดกั้นการเคลื่อนไหวของโทรลตัวนั้น และหันเหความสนใจของมันมาทางตัวเขา ทั้งหอกและโล่ห์ใหญ่ของเขาเปิดออกพร้อทโจมตีรับมือ เริ่มการสกัดกั้นนั้น ตัวเขาเองที่เคยดวลกับโทรลตัวต่อตัว บางครั้งความฉลาดน้อยของมันก็เป็นข้อด้อยที่ตัวมันนั้นจะสามารถจัดการกับอสุรกายร่างยักษ์ได้อย่าง่ายดาย เพียงแต่ครั้งนี้ ดูโทรลตัวนี้ มันมีเพียงเป้าหมายเดียว ซึ่งยังอยู่ในซากของร้านอาหารนั้น โดยความว่องไว ชายชราวิ่งกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน ก่อนที่จะกระแทกมันด้วยสันโล่ห์ อย่างแรงจนทำเอาร่างกายทุกส่วนของมันชักกระตุกและพยายามที่ใช้มือข้างหนึ่งขวาร่างที่อยู่ด้านหลังของมันเพื่อจัดการ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะหลังจากนั้น ชายชราก็ปักหอกสร้างบาดแผลไว้ที่จุดตายของมัน เพื่อรอให้ตัวของมันนั้นตายลงอย่างช้าๆ 

ในชณะนี้เขามีเวลามากพอที่จะสามารถยื้อสุรกายร่างยักษ์นั้นให้ไม่มาสนใจซากของร้านอาหาร ชายชราเดินเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว และรีบค้นหาพี่น้องสายเลือดเดียวกันก่อนที่จะพากลับไป จากข้างนอกที่เละเทะจนดูสภาพไม่ออกจริงๆว่ามีใครอดมั้ย เขาจึงพยายามวิ่งเข้าไปหาด้านใน ซึ่งในห้องครัวนั้น ยังไม่ได้รับความเสียหายมาก ชายชราพยายามตะโกนเรียกเสียงดังฟังชัด และนั่นทำให้เด็กหญิงปริศนา ซึ่งก็คือเป้าหมายของเขา ภารกิจคำขอร้องจากเทพีแห่งชัยชนะจึงสำเร็จ แต่มันก็ยังไม่เรียกว่าสำเร็จจนได้ ก่อนที่จะฆ่าอสุรกายที่อยู่ด้านหน้าจนสิ้นสภาพ

"พี่.. พี่มาช่วยหนูใช่มั้ย?" เด็กหญิงถามด้วยความกลัว

"ใช่.. ใช่พี่มาช่วย แต่ตอนนี้ยังไม่เสร็จสิ้นหรอก เดี๋ยวพี่ขอจัดการอะไรนิดหน่อย แล้วพอพี่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่จะกลับมารับหนูนะ"

"ได้ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ"

"แน่นอน.. พี่จะกลับมารับหนู่หลังจากเสร็จแล้ว เรากลับบ้านด้วยกันนะ" 

เมื่อคุยกันจบ เด็กหญิงก็วิ่งกลับไปยังจุดที่ซ่อนเดิมของตัวเอง ส่วนชายหนุ่มนั้น สิ่งที่เขามีในตอนนี้ ก็คือหอกและโล่ห์ใหญ่กลมแห่งสปาร์ตันที่เขานั้นภูมิใจ แม้เขานั้นจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่แน่นอนว่า ความกล้าหาญของเขานั้น ไม่มีทางด้อยไปกว่าวีรชนในอลิเซี่ยมอย่างแน่นอน 

ชายชราร่างใหญ่เดินออกมาเฟชิยหน้าพร้อมกับอาวุธของตนเอง ชายชรากระหอกยาวของเขากับโล่ห์ ก่อนที่จะคำรามเสียงดัง ปลุกความฮึกเหิมราวกับทหารกล้าในสมรภูมิของทหารสปาร์ตัน

" เจ้าจะไม่มีสิทธิ์กับชีวิตของคนอื่น หากความทึ่มของเจ้ามันไม่ได้ช่วยให้เจ้าคิดได้ ข้านี่ล่ะ จะเป็นคนบั่นคอของเจ้าเอง.." 

พูดจบ ก็ไม่จำเป็นต้องว่าอะไรต่อ ชายชราวิ่งเข้าใส่พร้อมตั้งโ,่ห์กันหน้าเอาไว้ เพื่อรอการโจมตีที่คาดเดาได้อย่างง่ายดายของมัน แล้วทำการสะท้อนการโจมตีอันรุนแรง ด้วยโล่ห์และกลำังของตนเองที่มี จังหวะที่มันเงื้อพลองเข้าใส่ ชายชราจะยกโล่ห์ขึ้นกั้น โดยในขณะที่พลองไม้ขนาดใหญ่หวดลงมา เขาจึงส่งแรงไปยังแขนฝั่งโล่ห์จนกระทั่งในจังหวะที่พลองฟาดเข้าโล่ห์นั้นเอง การตอบโต้ของโล่ห์ที่ปัดออกไป ทำเอาแขนของโทรลสะบัดออกไปด้วยความตะลึง 

ในขณะนั้นเอง มันคือช่วงเวลาที่โทรลมันกำลัเสียหลักนี้เอง พุ่งหอกยาวที่ความยาวของหอกนั้นยาวมาก แทงเข้าจุดสำคัญต่างๆ ทั้งข้อเข่า หวดลงไปยังตาตุ่ม ปาดเอ็นร้อยหวายจนมันล้มไปหนึ่งข้าง ในขณะที่ตัวของมันเองนั้นก็ยังไม่ลดละ ยิ่งการโจมตีของมันก็ทำให้แขนซ้ายที่สวมโล่ห์นั้นรับภาระหนักมาก และแล้วโอกาสพลาดของเขาก็มาถึง

"ตูม!! ตึงงง!!" 
ดูเหมือนว่าโทรลที่ใกล้ตายมันก็ยังอุส่าห์เอาแรงเฮือกสุดท้ายหวดเข้าเต็มร่างของชายชราจนร่างของตนพุ่งไปติดผนังฯ เลือดที่เกิดจากบาดแผลทำให้เขานั้นหมดแรง แต่เจ้าโทรลนั้นกลับยังฝืนสังขารของตนเองเพื่อที่จะเดินเข้ามาและหมายจะทุบร่างที่ใหญ่โตนี้ให้เละกลายเป็นชิ้นเนื้อ และเด็กหญิงเองก้ไม่เว้น แต่ดูเหมือนว่า เวลาตายของทั้งสองนั้น ยังไม่ถึงเวลา..

"ปังๆๆ" 
เสียงปืนพกอัจฉริยะ รัวกระสุนผ่านจุเล็ง ในทันทีที่กระออกจากปากกระบอกแล้วนั้น เหล่ากระสุนก็พุ่งเข้าเป้าหมายที่เล็งเอาไว้เพียงจุดเดียว กระสุนเทคฯที่ทะลุพร้อมกันสี่นัด จนทำให้กระโหลกของโทรลยักษืทละุเป็นรู ก่อนที่ร่างยัก์นั้นจะล้มลง สิ้นสภาพ ซึ่งนั่นคือฝีมือของผู้ตรงกาลของค่าย 

"พี่ชาย ทำใจดีเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งตายนะ พี่ชาย อยู่กับหนูก่อน ฮืออออ"



แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +15 ความกล้า โพสต์ 2024-4-13 01:40
God
คุณและน้องสาวหลบหนีโทรลล์ไปทางตรงข้ามกับค่าย -- สู้โทรลล์ที่กำลังไล่ตามใหม่หรือไปซ่อนตัวก่อน  โพสต์ 2024-4-13 01:37
โพสต์ 28059 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-13 01:28
โพสต์ 28,059 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก ช่ำชองการรบ[I]   โพสต์ 2024-4-13 01:28
โพสต์ 28,059 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก ความถึก  โพสต์ 2024-4-13 01:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ช่ำชองการรบ[II]
กระโดดแห่งชัยชนะ
น้ำหอมบุรุษ
นาฬิกาสปอร์ต
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ความถึก
กำไลหินนำโชค
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x4
x66
x4
โพสต์ 2025-1-7 00:24:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Robin เมื่อ 2025-2-17 10:59


Whoops, I kidnapped 
a
 Sleeping Beauty!
sidetrack : day 1 (26 dec 2024)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกจริงๆ


โรบินซดซุปเต้าเจี้ยวหอยลายที่เริ่มเย็นชืด รสเค็มปะแล่มกับความเผ็ดปลายลิ้นแทบไม่ช่วยปลอบประโลมความกระอักกระอ่วนในใจได้เลย สมองของเธอหมุนเร็วจี๋ พยายามหาทางออกจากสถานการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง…

เธอไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการว่าครั้งหนึ่งจะต้องมานั่งทำอะไรที่ใกล้เคียงกับการเป็นสตอล์กเกอร์ หรือแย่กว่านั้น... คนโรคจิต แต่ตอนนี้ กลับต้องมานั่งนิ่งๆ ในโรงอาหาร จ้องมองกลุ่มคนที่นั่งหัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ไม่ไกล

สายตาของเธอหยุดที่หญิงสาวผมดำ หน้าตาออกไปทางเอเชียคนหนึ่งในกลุ่มคนจากบ้านพักหมายเลขสิบห้า เธอดูผ่อนคลายและกำลังขยับตัวไปตามจังหวะเพลงในหูฟังอย่างไร้กังวล โรบินจำได้ทันทีว่านั่นแหละคือเป้าหมายของเธอ เฟเรีย เฮย์ส

นอกจากเพื่อนร่วมบ้านฮิปนอส โรบินเลื่อนสายตาผ่านไปยังสิ่งที่ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่กว่าเดิม…ก็อบลินตัวเล็กๆ ที่นั่งข้างๆ เฟเรียกำลังหัวเราะร่า ภาพนั้นดูเหมือนกลุ่มเพื่อนมนุษย์ธรรมดา แต่โรบินรู้ดีว่าอมนุษย์ตนนั้นพร้อมพุ่งเข้าใส่ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น

‘กางเกงในไดโอนีซุสเหอะ ฉันเกลียดงานนี้จริงๆ’


คืออย่างนี้ ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อสิบห้านาทีก่อน ตอนที่เงาร่างซีดขาวของสตรีนางหนึ่งปรากฏขึ้นจากกรวยหมอกหมุนวนสีดำทั้งสามทิศของโถงรูปปั้นในบ้านพักหมายเลขสิบเอ็ด ตอนที่โรบินกำลังภาวนาถึงเฮอร์มีส...พ่อผู้หายสาบสูญ และก็เป็นอีกครั้งที่นอกจากจะไม่เจอคนที่ต้องการแล้ว เธอยังต้องเจอกับความสยองสุดขีดเมื่อเงาทั้งสามสายเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ มารวมกันเป็นร่างของหญิงสาวในชุดราตรีสีดำที่สวยจนน่าใจหายตรงหน้า

“โรบิน มิไคเลอร์วิช” ผู้หญิงคนนั้นเปล่งเสียงเข้ามาในสมองของเธอโดยไม่ขยับปาก โรบินอยากวิ่งหนีจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเพราะดวงตาสีดำขลับ… ที่แม้แต่ตาขาวก็เป็นสีดำคู่นั้นกำลังจ้องมาราวกับได้อ่านเรื่องราวทั้งชีวิตของเธอมาแล้วประมาณล้านรอบ

แต่เธอขยับขาออกไปไม่ได้เลย

“คุณ… เอ่อ ท่าน…ท่านคือใครคะ?” โรบินน้ำตาแทบไหลเมื่อพบว่าเสียงของเธอนั้นทั้งเล็กทั้งแหลมราวกับหมูโดนเชือด คนคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ แต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งนี้คืออะไร เทพเจ้า อมนุษย์ หรือจะเป็นอสุรกายฤดูหนาวที่ยังไม่ถูกกำจัดหรือเปล่า เป็นไปได้ว่าอาจจะมีสักตัวที่หลบซ่อนอยู่ในค่ายโดยที่ไม่มีใครรู้

“โอ้…” นางหัวเราะเสียงเรียบ หมอกควันเล็กๆ ที่วนเวียนข้างเท้าของนางก็ดูเหมือนจะมีชีวิต มันขยับยุกยิกอย่างสนุกสนานราวกับกำลังกลั้นหัวเราะไปพร้อมกับเจ้าของ ทันใดนั้นคบเพลิงแบบโบราณก็ปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างของผีสาวนางนี้ “ถ้าไม่มีเรา เจ้าก็คงจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ เราคือเฮคาที เทพีแห่งเวทมนตร์ จงใช้พรสวรรค์ที่เจ้าได้รับจากบิดาของเจ้าช่วยเหลือเรา สาวน้อย”

โรบินได้แต่ยืนทำปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เทพีแห่งเวทมนตร์คนนี้รู้อะไรมากันแน่ถึงได้ปรากฏตัวด้วยฉากจั๊มสแกร์ที่สามารถทำให้คนหัวใจวายตายได้ แถมยังพูดอะไรเอาแต่ใจอยู่คนเดียวอีก

“พรสวรรค์… อะไรคะ?”

เทพีพ่นลมออกจากจมูกด้วยความเหนื่อยหน่าย แสงจากเปลวเพลิงส่องสะท้อนในดวงตาสีดำขลับ “คงต้องมีคนบอกเจ้าเสียที...ว่าถึงจุดหนึ่ง รูปปั้นของเทพบิดาหรือมารดาของเจ้า จะมอบพลังให้บุตรของตนเมื่อพวกเขาพร้อม” เทพีวางคบเพลิงของนางลงบนขาตั้งทำจากหมอกที่โผล่ออกมาจากพื้นตอนไหนไม่รู้

โรบินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “แล้วทำไมถึงตอนนี้…”

เฮคาทียกมือขึ้นขัดจังหวะ ไม่ปล่อยให้โรบินพูดจบ “สิ่งที่เจ้าทำ เราหมายถึงการสัมผัสมือกับรูปปั้น คือการแสดงความเคารพต่อชะตากรรมของสายเลือด” เปลวไฟจากคบเพลิงไหวระริก แต่ไม่ได้ช่วยให้ห้องที่อุณหภูมิต่ำจนเข้าขั้นติดลบอุ่นขึ้นมาได้เลย

“เมื่อสักครู่ เจ้าเพิ่งจะปลดปล่อยศักยภาพทางด้านร่างกายของตัวเองที่ิติดตัวมาแต่กำเนิด สัมผัสอันเฉียบคม ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ สายลมรอบตัวที่โอบล้อมร่างกายจะช่วยให้เจ้าพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว” เทพีเดินวนรอบตัวของโรบินช้าๆ

“แล้ว…คุณต้องการให้หนูทำอะไร?”


กลับเข้ามาสู่ปัจจุบัน

‘จงพาตัวเฟเรียมาให้เรา และจงทำลายคริสตัลลูกนี้ก่อนที่เจ้าจะออกมาจากที่นั่น’

โรบินมองกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆ ที่เขียนชื่อร้านค้าชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางย่านบรอดเวย์สลับกับคริสตัลสีดำในมือ

‘นั่นมันเป็นการก่ออาชญากรรมเลยนะคะ…’

‘ทางเลือก โรบิน มิไคเลอร์วิช’ เสียงของเฮคาทียังดังก้องอยู่ในหัว ไม่ว่าเธอจะพยายามไล่เสียงนั้นออกไปอย่างไร มันก็ยังชัดเจนราวกับเทพียืนอยู่ตรงหน้า ‘ตอนนี้เจ้ากำลังยืนอยู่ ณ ทางแพร่ง และเราคือเทพีแห่งทางแพร่ง’

โรบินนึกเจ็บใจที่มัวแต่กลัว เพราะก่อนที่เธอจะทันได้รวบรวมความกล้าปฏิเสธออกไป หมอกหนาที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น ก็กลืนกินร่างของเทพีจนหายวับไปกลางอากาศเสียแล้ว

และเพราะไม่อยากเป็นศัตรูกับเทพถึงสององค์ในวันเดียวกัน แถมทั้งคู่ยังปวดหัวกับเธอในเรื่องเดียวกันอีก โรบินถึงได้เอาตัวเองออกมากินข้าวในโรงอาหารแทนที่จะกลับไปนอนพักเอาแรง

เมื่อเฟเรียกับก็อบลินของเธอผุดลุกขึ้นไปยังกองไฟเผาอาหาร โรบินถึงลุกจากโต๊ะหมายเลขสิบเอ็ด

“รีบทำให้จบๆ จะได้กลับไปนอนสักที”


[ดูโรลเพลย์เริ่มต้นของเฟเรียประกอบ]


“สวัสดีค่ะคุณเฟเรีย” โรบินสะกิดเข้าที่ไหล่ด้านหลังของหญิงสาวผู้ครอบครองใบหน้าจิ้มลิ้มแบบคนเอเชียจนยากที่จะคาดเดาอายุ พร้อมฉีกยิ้มกว้างเป็นการทักทาย

“...” @Feria  [ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

วินาทีที่เฟเรียหันกลับมา และดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นสบเข้ากับสายตาของโรบิน เธอก็รู้ได้ทันทีว่าภารกิจนี้ไม่ง่ายเลย

“โรบินค่ะ โรบิน มิไคเลอร์วิชจากบ้านพักหมายเลขสิบเอ็ด” โรบินยื่นมือออกไปทักทาย

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ช่ายค่ะ” โรบินลากเสียงยาว “เรายังไม่เคยคุยกันมาก่อน คือฉันเพ่ิงเข้ามาอยู่ค่ายได้ไม่นานน่ะค่ะ”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด “คืออย่างนี้ค่ะ…ไครอนบอกว่าฉันเพิ่งได้รับพลังใหม่จากพ่อ แต่ฉันไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย นึกออกมั้ยคะ? ฉันเลยอยากลองทดสอบดู แต่คนในบ้านส่วนใหญ่ก็ทยอยกันไปข้างนอกหมดแล้ว” โรบินใช้สายตาเมียงมองไปยังโต๊ะอาหารของบ้านหมายเลขสิบเอ็ดที่ตอนนี้ว่างเปล่า “เหลือก็แต่คุณที่ฉันคิดว่าน่าจะช่วยได้...” เธอพ่นทุกอย่างที่ิเตรียมไว้ออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นให้คนที่สามารถน็อคเธอให้สลบได้ด้วยคำไม่กี่คำได้พูดแทรก ภาวนาให้เสียงไม่สั่นจนดูน่าสงสัย

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โป๊ะเช๊ะ!

“ก็... ฉันอยากลองทดสอบพลังวิ่งเร็วค่ะ!” โรบินพูดพร้อมยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น

“ไครอนบอกว่าไอ้พลังนี้เนี่ยมันทำให้ฉันวิ่งเร็วปรู๊ดปร๊าดเหมือนเดอะแฟลชเลยค่ะ เคยดูมั้ย?”

เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “แถมกล้ามเนื้อยังแข็งแรง วิ่งมาราธอนเป็นร้อยกิโลก็ไม่เหนื่อย เขาบอกว่าถ้าไม่เชื่อให้ลองแบกของหนักๆ วิ่งดู ฉันเลยคิดว่าถ้าคุณช่วยฉันหน่อย—”

โรบินกางไม้กางมือออกกว้างเป็นท่าทางประกอบให้ดูเหมือนตัวละครจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดัง จนเธอแทบจะเชื่อเสียเองแล้วว่าตัวเธอเป็นแบร์รี่ อัลเลนในชีวิตจริง

แต่นั่นก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ ที่ดึงเอาชื่อไครอน—ปรมาจารย์มนุษย์ม้าที่แสนใจดีมาเป็นข้ออ้าง ทั้งที่เขาคงกำลังวุ่นวายกับงานในค่ายจนไม่มีเวลามาไล่ถามเธอว่าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินยกมือโบกปฏิเสธทันควัน “โอ๊ย ไม่ได้หมายความแบบนั้นเลยค่ะ! แค่อยากลองแบกอะไรที่มีน้ำหนักใกล้เคียงคนจริงๆ เพื่อทดสอบความแข็งแรงดูเฉยๆ คือคุณทั้งสูงทั้งสวย รูปร่างของคุณก็ดูสมดุลตามหลักสรีรศาสตร์เอามากๆ ไหนจะมวลกล้ามเนื้อและโครงสร้างของร่างกายที่ดูเหมาะสมกับค่าดัชนีมวลกายที่สมดุลนั่นอีก เลยคิดว่าคุณจะช่วยฉันทดสอบเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยค่ะ!”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ไม่อันตรายเลยค่ะ”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาเจอกันหน้าค่ายในอีกสิบนาทีก็แล้วกัน”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]



สิบนาทีต่อมา…

โรบินยืนรออยู่หน้าค่าย ก้อนสีทองใต้ต้นสนธาเลียซึ่งเป็นร่างของเจ้ามังกรพิลีอุสกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ มันเงยหน้าขึ้นมาทำจมูกฟุดฟิดครู่หนึ่งและเมื่อเห็นว่าเป็นโรบินยืนอยู่ มันก็กลับไปหลับตาลงเหมือนเดิม โรบินยืดกล้ามเนื้อตามตัวเล็กน้อยเพื่อเตรียมความพร้อม กระชับเสื้อแจ็กเก็ตให้เข้าที่ ทันทีที่เฟเรียเดินมาถึงพร้อมถือหูฟังติดตัว เธอก็ยิ้มกว้าง

“พร้อมหรือยังคะ?”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินย่อตัวลงให้อีกฝ่ายสามารถขึ้นมาบนหลังได้ง่ายขึ้น 

“เกาะให้แน่นๆ นะคะ ฉันจะลองวิ่งแบบเต็มสปีดดู เอ่อ…ระหว่างนี้คุณจะฟังเพลงไปด้วยก็ได้นะคะ ถ้าไม่อยากคุยกับฉัน”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินสูดหายใจเข้าเต็มปอด ข่มความตื่นเต้นที่ปะทุอยู่ในอก เธอกระชับท่าทางให้มั่นคงและเหลือบมองเฟเรียที่อยู่บนหลัง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนตัวเบา แต่น่าแปลกที่เธอกลับแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักใดๆ เลย โรบินกระโดดโหยงเหยงสองสามครั้งเพื่อปรับสมดุล ก่อนจะเริ่มออกวิ่ง

เสียงลมพัดหวีดหวิวดังก้องในโสตทันทีที่โรบินทะยานไปข้างหน้า เส้นผมสีอ่อนสะบัดไปข้างหลังตามแรงลม พื้นถนนที่เธอวิ่งผ่านเบลอเป็นเส้นสีเทาจาง ฝีเท้าที่กระทบพื้นเบาราวกับลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่เฟเรียเกาะแน่น พร้อมเปิดเพลงในหูฟังด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับกำลังนั่งบนเครื่องเล่นสวนสนุก

‘นี่มันต้องเป็นความรู้สึกของแบร์รี่ อัลเลนเวลาวิ่งแหงๆ!’


[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“สนุกใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวรอบหน้าฉันจะพาเหาะข้ามเขาเลย ฮ่าๆๆ” โรบินภาวนาให้มันมีครั้งหน้าเกิดขึ้นจริงๆ ตามที่พูด คือถ้าเธอไม่ถูกสาปให้ติดอยู่ในฝันร้ายตลอดกาลไปเสียก่อนอะนะ



ทั้งคู่ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบริเวณตีนสะพานควีนส์โบโร แสงแดดยามบ่ายแสนอ่อนโยนสาดกระทบโครงสร้างเหล็กของสะพานจนเกิดประกายระยับ ราวกับโครงเหล็กนั้นกำลังเรืองแสงอย่างงดงามกลางเมืองนิวยอร์ก ผิวน้ำของแม่น้ำอีสต์ริเวอร์สะท้อนแสงแดดเป็นระลอกผสานไปกับจังหวะของคลื่นที่เกิดจากเรือโดยสารที่แล่นผ่านไป โดยมีฝูงนกนางนวลบินโฉบไปมาเหนือสายน้ำ เสียงรถยนต์ที่แล่นผ่านดังสะท้อนไปทั่วพื้นถนนเป็นสัญญาณบอกว่าทั้งคู่มาถึงในเมืองแล้ว

โรบินค่อยๆ เบาฝีเท้าลงเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของเฟเรียที่เอนศีรษะพิงไหล่เธออย่างผ่อนคลายบนหลังและได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า ความเงียบสงบชั่วขณะนี้ทำให้เธอมีเวลารู้สึกถึงความมหัศจรรย์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

‘สี่สิบไมล์? ฉันวิ่งมาได้ไกลขนาดนี้เลยเหรอ?!’

หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบระเบิดเมื่อนึกได้ว่าตัวเองออกห่างจากลองไอส์แลนด์มาจนถึงย่านควีนส์ภายในเวลาไม่กี่นาที กล้ามเนื้อของเธอยังคงตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติแม้จะผ่านการทำงานอย่างหนัก เธอยืดตัวเล็กน้อยเพื่อคลายความตึงเครียดในร่างกาย หูเริ่มได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง

'นี่มัน… ชักจะบ้าบอเกินไปแล้ว'


โรบินเร่งฝีเท้าขึ้นไปบนสะพาน ค่อยๆ ไล่ระดับความเร็วในขณะที่สายตาสอดส่ายไปยังทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองนิวยอร์ก วิวตึกสูงระฟ้าและแสงสะท้อนจากกระจกหน้าต่างทำให้ทุกอย่างดูเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ยิ่งพอข้ามสะพานมาใกล้ฝั่งแมนฮัตตัน มุมมองก็เปลี่ยนไปจนเหมือนเธอได้เห็นเมืองในอีกมิติหนึ่ง

จอทีวีที่ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนที่ไม่ไกลจากสะพานแสดงภาพข่าวที่กำลังรายงานสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ ‘กลางวันยาวนาน’ ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ การอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์จากสำนักข่าวใหญ่เป็นหัวข้อที่ถูกยกมาพูดถึง โดยไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดจากเทพีองค์หนึ่งหายตัวไป

“เอ่อ…คุณเฟเรียคะ” โรบินชะลอฝีเท้า เธอปลุกเฟเรียที่อยู่บนหลังพร้อมกับหลบรถยนต์ที่แล่นเฉี่ยวไปมาไปด้วย

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินเปลี่ยนจังหวะจากวิ่งเร็วมาเป็นจ๊อกกิ้งแทน เพื่อให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกันสะดวกขึ้น “เราแวะหาอะไรกินกันก่อนดีมั้ยคะ?”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ฉันรู้จักอยู่ร้านนึงค่ะ ตรงย่านบรอดเวย์”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ใช่เลยค่ะ ร้านเวนดี้ส์” โรบินแอบร้อง เยส! ในใจเมื่อเฟเรียพูดชื่อร้านที่เธอคิดไว้พอดี แอบแปลกใจเล็กน้อยที่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้จักร้านนี้อยู่แล้ว

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]


ทั้งสองวิ่งมาถึงบริเวณถนนสายห้าที่พลุกพล่าน ใกล้กับเซนทรัลพาร์ค โรบินค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลงเมื่อพวกเธอหักเลี้ยวตรงหัวมุมบล็อกหนึ่ง และได้เห็นร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังที่มีป้ายตัวอักษรสีแดงสะดุดตาเขียนว่า ‘Wendy’s’

โรบินหยุดลงหน้าร้านก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงอย่างระมัดระวังเพื่อให้เฟเรียก้าวลงจากหลังได้โดยไม่ลำบาก “เป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถามพร้อมหอบเล็กน้อย แม้จะพยายามทำเป็นว่าทุกอย่างยังสบายดีอยู่

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ดีจังเลยค่ะ ฉันคิดว่าคุณจะกลัวซะอีก” โรบินยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันลองแบกคนนะคะ ถ้าคุณไม่กลัว ฉันถือว่าทดสอบผ่านเลย”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]


ประตูร้านถูกผลักเปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นตามหลัง โรบินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กลิ่นหอมของเฟรนช์ฟรายส์ทอดใหม่และเบอร์เกอร์เนื้อชวนให้น้ำลายสอ เธอสอดส่ายสายตามองหาโต๊ะว่างในร้านที่มีผู้คนคึกคัก

“ตรงนั้นค่ะ” โรบินชี้ไปที่โต๊ะใกล้หน้าต่างซึ่งยังไม่มีใครจับจอง

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]


และแล้วก็มาถึงเวลาที่ชวนให้ใจระส่ำ ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหาร โรบินมองเมนูไปพร้อมกับเหลือบมองปฏิกิริยาของคนข้างๆ ไปด้วย

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“คุณสั่งก่อนเลยค่ะเฟเรีย” โรบินผายมือเชื้อเชิญเฟเรียไปยังพนักงานที่ยืนรอยู่ “ฉันขอไปหาห้องน้ำก่อนดีกว่า วิ่งมาตั้งนาน ดูสิคะ…เหงื่อท่วมไปหมดเลย” ว่าพลางก็กางแขนออกทั้งสองข้าง ด้วยอะไรบางอย่าง นอกจากความปวดหนึบที่น่องขา ร่างของโรบินแทบจะไม่มีเหงื่อด้วยซ้ำ เธอภาวนาว่าเฟเรียจะไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ ตัดส่วนข้างล่างแล้วใส่ที่เหลือจนจบได้เลย]

“ค่ะ” โรบินพยักหน้าเตรียมหมุนตัวออกจากร้าน เมื่อเห็นว่าเฟเรียหันหลังให้ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลสีดำออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต ตอนนี้มันวาววับและดูเปราะบางกว่าเดิมได้ยังไงก็ไม่รู้

และเมื่อโรบินโยนลงพื้น มันก็แตกโพล๊ะทันที กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นตรงจุดที่มีเศษซากของคริสตัลกระจัดกระจาย

โรบินคว้าประตูเปิดอย่างแรง แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง เธอได้ยินเสียงครึกโครมวุ่นวายดังมาจากข้างใน

“ขอโทษนะคะคุณเฟเรีย”

โรบินเม้มปาก รีบก้าวออกจากบริเวณร้าน เธอมองเงินในมือที่หยิบติดมาได้ตอนปล่อยเฟเรียลงจากหลัง หวังว่าฟิชแอนด์ชิปปลาดอรี่จากร้านอเมริกันเรโทรบาร์แอนด์กริลล์จะช่วยปลอบโยนทั้งความเหนื่อยล้าและความรู้สึกผิดที่มีต่อเฟเรียลงได้บ้าง


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Summary


1. LUK สูงกว่า 20 ใช้มือเบาแอบฉกเงินจาก @Feria สำเร็จ สุ่มเงินดอลลาร์ เลขไบต์หลักสุดท้าย(4) x LUK(40)/50 = เงินดอลลาร์ที่ได้รับ(3.2 USD)


2. HEROES : โบนัสเพิ่มความโปรดปรานเฮคาที +25 


แสดงความคิดเห็น

God
((เอ็มพูซา 1 ตัว / กริมาลคิน 3 ตัว / แม่มดดำ 3 ตัว / เฟเรียต่อสู้อสุรกายสามชนิดนี้ตามจำนวนที่ปรากฎ และโรลเพลย์ต่อสู้ตามผลลัพธ์----))  โพสต์ 2025-1-7 00:49
God
((ก่อนหมอกควันสีม่วงจะปกคลุมร้านและปรากฎอสุรกายจำนวนหนึ่งเข้ามาล้อมเฟเรีย))  โพสต์ 2025-1-7 00:47
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21-1] เฮคาที เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2025-1-7 00:47
โพสต์ 77124 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2025-1-7 00:24
โพสต์ 77,124 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก วิ่งเร็ว  โพสต์ 2025-1-7 00:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วิ่งเร็ว
รองเท้าเซฟตี้
โล่อัสพิส
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
ดาบสัมฤทธิ์
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
มือเบา
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x1
x4
x14
x4
x23
โพสต์ 2025-1-7 04:45:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ᏕᏝᏋᏋᎮᎥᏁᎶ ᎶᎥᏒᏝ
Feria Hayes
ณ โรงอาหาร

หลังจากที่ได้รับรางวัลจากท่านซุสเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วเธอก็มานั่งกินข้าวที่โรงอาหาร เธอก็มานั่งกินที่โต๊ะบ้านฮิปนอสอย่างสบายใจพร้อมกับกาเอล แต่ในตอนนั้นเองมันก็มีเรื่องเกิดขึ้นมาซะแล้ว ไม่รู้ด้วยสิว่าเรื่องอะไรหรอกนะ แต่ว่าก็มีเด็กสาวคนหนึ่งที่มาจากโต๊ะของบ้านเฮอร์มีสเดินมาหาเธอราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างกับเธอ แล้วคนคนนั้นก็สะกิดเข้าที่ไหล่ด้านหลังของเธอ ดีแค่ไหนนี่ที่เรเลียกำลังนอนเนียนตัวเองอยู่บนตักเธออยู่นะ

@Robin

เฟเรียงุนงงกับคำพูดของอีกฝ่าย ทักทายเธอเธอไม่แปลกใจหรอกนะ แต่รู้จักชื่อเธอได้ไงก่อนนั่นคือประเด็น มันน่าสงสัยสุด ๆ เลยนะแต่ทำเป็นไม่คิดอะไรแล้วกัน เผื่อจะมีเรื่องอะไรสนุก

“คะ ใครคะ”

เธอหันไปสบตากับอีกฝ่าย @Robin

“อ่า…เราเฟเรียค่ะ เฟเรีย เฮยส์ ธิดาแห่งฮิปนอส โรบินเป็นธิดาแห่งเฮอร์มีสสินะคะ ดูเหมือนเราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยสินะคะ”

@Robin

ดูน่าสงสัยแบบสุด ๆ เลยจริงสิคนคนนี้ ใครที่ไหนเขาลากเสียงแบบนี้กัน ก่อนจะฟังเหตุผลก็พอเข้าใจได้ ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้จักชื่อเธอได้ไงก็เถอะ แต่นั่นแหละขี้เกียจถามค่ะ

“แล้วมีธุระอะไรกับเราล่ะคะ”

@Robin

คำพูดที่ยาวจนรู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่พักหายใจหรือเว้นช่องว่างให้เธอได้ถามอะไร แต่ดูคำพูดของอีกฝ่ายเธอรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายแถ คุณไครอนไม่เคยให้ใครไปทดสอบพลังที่พึ่งปลดได้มา มาทดสอบกับคนอื่น แถมทั้งค่ายมีคนเป็นสิบ ทำไมต้องระบุตัวเธอถึงจะอ้างว่ามีแค่เธอก็เถอะนะ เอาเถอะ ๆ คิดว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศแล้วกันนะ

“แล้วอยากให้เราช่วยอะไรเหรอคะ”

@Robin

“แล้วจะให้เราหาของมาให้คุณแบกเหรอคะ”

เธอเอียงคอเอ่ยถามวัตถุประสงค์ที่เขามาคุยกับเธอ มันต้องขนาดไหนกันนะถึงได้อ้างชื่อคุณไครอนมาด้วยเรื่องแบบนี้

@Robin

“ชมกันขนาดนี้ก็ได้ค่ะ แต่มันอันตรายไหมคะนี่”

@Robin

“งั้นก็ได้ค่ะ“

@Robin

“โอเคค่ะ”

แล้วโรบินก็เดินจากไป เฟเรียก็ก้มหน้าลงกระซิบกับกาเอล

“เป็นไงบ้างกาเอล”

“ได้มันฝรั่งทอดมาจากพี่สาวแปลก ๆ คนนั้นมาถุงหนึ่งครับแม่ แต่ว่าแม่ครับจะไปตามนัดจริง ๆ เหรอครับ”

“เรื่องนั้นแม่รู้อยู่แล้วล่ะ มันแปลกตั้งแต่ที่รู้จักชื่อแม่ตั้งแต่แรกแล้ว ไหนจะที่อ้างชื่อคุณไครอนอีก แถมยังชมอวยแม่ขนาดนั้นเหมือนถูกระบุว่าต้องเป็นแม่คนเดียวอีก แบบนี้ก็รู้เลยว่าถูกระบุตัวมา เพียงแต่วิธีของเธอคนนี้ดูซื่อเกินไปน่ะ ถ้าบอกชื่อมาซะขนาดนี้บอกเลยถ้าแม่ใช้ดรีมทราเวลได้เมื่อไรสนุกแน่ แต่ก็นั่นแหละ เราก็ได้ค่าทำขวัญมาแล้วด้วย จะแกล้งโง่แล้วตามน้ำไปหน่อยแล้วกันนะ”

“งั้นผมไปด้วยนะครับ”

“ไม่ได้ ครั้งนี้แม่จะไปคนเดียวน่ะ”

“แต่มันอันตรายเกินไปนะครับ”

“ก็เพราะอันตรายนั่นแหละ เลยพาไปเสี่ยงไม่ได้”

“อีกอย่างกาเอลก็รู้ว่าแม่ไม่เคยตัวคนเดียว”

เธอลดเสียงลงกระซิบกับลูกชายสุดทีรักพลางมองนำสายตาของเขาไปที่เรเลียที่เนียนอยู่บนไหล่เธอ ใช่ เรเลียอยู่กับเธอเสมอและเนียนมากจนโรบินไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวเลยสักนิด

ณ ประตูค่าย

เฟเรียมาถึงตามคำบอกของโรบินพร้อมสวมหูฟังไว้เรียบร้อยแล้ว แบบเกิดไรขึ้นก็พร้อมหลับหรือแกล้งหลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะเลยก็ได้ทันที

@Robin

“พร้อมแล้วค่ะคุณโรบิน”

เธอปืนขึ้นไปบนหลังของโรบินอย่างช้า ๆ พลางเกาะไว้ให้แน่น โดนมีเรเลียเกาะหลังเธออีกทีหนึ่งแบบเนียน

@Robin

“งั้นก็ขอตามนั้นเลยแล้วกันนะคะ”

เธอจัดการเปิดเพลงกล่อมเบา ๆ คลอในหูฟังก่อนจะทำการหลับตาไป การวิ่งของโรบินเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วสมจริง ๆ ที่ได้พลังวิ่งเร็วมา แต่เธอก็ทำเป็นหลับบนหลังอีกฝ่ายจะดีกว่า

“Zzzzz”

@Robin


เวลาผ่านไป

@Robin

“งื้อ~ ถึงแล้วเหรอคะ”

@Robin

“แล้วจะกินอะไรล่ะคะ

@Robin

“ร้านเวนดี้สินะคะ”

@Robin

“จะไปร้านนั้นก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณเลย…“

หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้ล่ะนะว่าวีรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้ยที่ร้านนั้นมันมีอะไรบ้าง ทั้งพวกอสุรกายขโมยพัศดุแล้วเธอเจอเบาะแสที่นั่น แถมตอนที่เธอเจอพวกไซคลอปที่พาฝันร้ายหนีไปตอนเธอทำภารกิจพยากรณ์ครั้งแรกอีก เรียกได้ว่ารู้จักดีเลยล่ะ เอาเถอะ ถึงขนาดแบกเธอวิ่งจากค่ายมาถึงที่นี่ก็ขอดูหน่อยแล้วกันว่าจะทำอะไร

@Robin

“ก็ถือว่าดีนะคะ ไม่ทำเราสะดุ้งตื่นด้วยก็ถือว่าผ่านล่ะนะคะ”

@Robin

“ก็ไม่กลัวนะคะ”

ถึงแม้ในใจเธอจะร้องเตือนว่ามีอะไรน่ากลัวจะเกิดขึ้นต่อจากนี้แน่นอน เธออ่านข่าวอยู่บ้างเลยพอรู้อยู่ ว่ามาขนาดนี้คงมีแผนอะไรบางอย่าง แต่นั่นแหละก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมาไม้ไหน คนยิ่งเปลื่อย ๆ กับชีวิตในค่ายอยู่พอดี

@Robin

“ยินดีด้วยนะคะที่ผ่าน”


เข้ามาในร้านของเวนดี้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเช่นเดียวกับที่เธอเคยมาเมื่อหลายเดือนก่อนล่ะนะ โชคดีที่ไม่มีพวกอสุรกาย ก็นึกว่าจะมีพวกมาดักโจมตีในร้านซะอีกดูท่าจะคิดมากไปสินะ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกนิด ๆ

@Robin

“โอ๊ะ! มีโต๊ะว่างพอดีเลยสินะคะ งั้นเราไปสั่งอาหารกันก่อนดีกว่านะคะ“

@Robin

พวกเราพากันเดินไปที่เคาน์เตอร์สั่งอาหารเพื่อที่จะสั่งอะไรบางอย่างกิน

@Robin

“ก็ได้ค่ะ”

สิ้นคำโรบินก็เดินออกจากแถวเรเลียที่อยู่ที่เนียนอยู่ใต้เสื้อเธอก็โผล่ออกมา

“แม่คะ คนเมื่อกี้เขาเดินออกจากร้านไปแล้วค่ะ หนูเห็นมีลูกแก้วแปลก ๆ ด้วยนะคะ”

“ลูกแก้วเหรอ หรือว่า!”

ไม่ทันได้คิดอะไร หมอกควันสีม่วงก็พรวดพุ่งปกคลุมท่วมร้านและปรากฎอสุรกายจำนวนหนึ่งล้อมเธอจนต้องรีบเอาหอกและมีดสั้นของเธอออกมาพร้อมกันเลย

“แม่มดดำ เอ็มพูซา และกริมาคิมสินะคะ แบบนี้ก็เท่ากับว่าบอกคนอยู่เบื้องหลังเลยนะคะ ท่านเฮคาที”

เธออมยิ้มพลางใช้มือถือตรวจสอบแมวที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนจนรู้จุดเชื่อมโยงของอสุรกายทั้งสามประเภทนี้ ที่รอบนี้มาแบบ เอ็มพูชา 1 ตัว กริมาคิม 3 ตัวแถมยังมีแม่มดดำอีก 3 ตน นี่ต้องยกเป็นกองทัพย่อย ๆ เพื่อจัดการกับกึ่งเทพคนเดียวเลยรึไงนี่ให้ตายสิ

“มากันเป็นกองทัพเราก็ไม่หวั่นหรอกนะคะ มาเต้นกันเถอะค่ะ”

เธอสวมหูฟังก่อนจะเข้าสู้กับกองทัพอสุรกายด้วยตัวคนเดียวอย่างดุเดือดและงดงาม ดีที่เธอพัฒนาขึ้นพอสมควรมากแล้วจากตอนเฮติเลยทำให้จัดการพวกมันได้อย่างง่าย ๆ ง่ายที่เท่ากับ 1 ชั่วโมงจัดการหมดอ่านะ

“แฮ่ก ๆ เหนื่อยเหมือนกันนะคะนี่”

เธอยืนเอามือจับเข่าไว้พลางหอบอย่างหนัก แต่ก็จัดการอสุรกายไปได้จนเหลือตัวสุดท้าย เธอเลยใช้กำปั้นแห่งนิทราชกจนสิ้นไป แล้วเธอจึงเก็บสินสงครามทั้งหมดพลางพยายามทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายลงจนพอหายเหนื่อยสักนิดก็ยังดี ก็อยากรู้อยู่ว่าจะมีอะไรอีกไหม

หลอกแล้วไงคะ ยอมให้หลอก แถมได้มันฝรั่งทอดมากินด้วย อิอิ

สินสงคราม: 
- เส้นผมเอ็มพูซา (เลขไบต์คู่) (ยกเว้นเลขไบต์ 8)
- ขาทองแดง (เลขไบต์คี่) (ยกเว้นเลขไบต์ 1)
(LUK 60+ จะมีโอกาสได้รับมากขึ้น เลขไบต์รองสุดท้ายคือจำนวนที่ได้)

ของดรอปพิเศษ: (เลขไบต์ 1/8)
ได้รับ แก่นวิญญาณเอ็มพูซา

ขนกริมาลคิน
(LUK 60+ จะได้รับตามจำนวนเลขไบต์หลักสุดท้าย)

(LUK 80+ และออกเลขไบต์ 1/7 จะมีโอกาสได้ กุญแจมิติ แทน ขนกริมาลคิน)

สินสงคราม: น้ำยาเวทมนต์

หากมีค่า LUK 40 หน่วย จะอิงจากเลขไบต์หลักสุดท้าย คือจำนวนที่ได้
(เลข 0-1 = 1 ชิ้น)
หากมีค่า LUK 100 หน่วย จะอิงจากเลขไบต์ 0 = 10 ชิ้น

แสดงความคิดเห็น

555555555555555555555555555  โพสต์ 2025-1-7 11:23
God
(เตรียมตัวนอนซม)  โพสต์ 2025-1-7 11:20
God
ก่อนปรากฎตัวสุดท้ายที่จะทำให้หมอกควันสลายไป ไฮดร้า 6 หัว  โพสต์ 2025-1-7 11:20
โพสต์ 25884 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-1-7 04:45
โพสต์ 25,884 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก กำปั้นแห่งนิทรา  โพสต์ 2025-1-7 04:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หนังสือรับรองไครอน
เสื้อแจ็คเก็ตบุนวม
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
กุญแจแห่งปัญญา
ดรีมทราเวล
ควบคุมดอกป๊อปปี้
กำปั้นแห่งนิทรา
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x20
x1
x2
x5
x2
x7
x1
x1
x1
x28
x4
x5
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x19
โพสต์ 2025-1-7 19:10:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ᏕᏝᏋᏋᎮᎥᏁᎶ ᎶᎥᏒᏝ
Feria Hayes
หลังการต่อสู้กับกองทัพอสุรกายในสังกัตเทพีเฮคาทีจำนวน 7 ตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้ส่งผลให้เธอได้ของดีอย่างหนึ่งมาพอดีนั่นก็คือพลังจิตวิญญาณนักรบแห่งโอกูที่เธอได้รับมาจากเทพโอกูแห่งเฮติมันสามารถใช้งานได้พอดีเลยเลยทำให้เธอมีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นมาพอสมควรเลย แต่ก็พึ่งรู้ตัวว่าหมอกสีม่วงยังไม่หายไปซะทีเดียวเหมือนกับว่าเจ้ากลุ่มแรกมันแค่อุ่นเครื่องเท่านั่นอย่างนั่นแหละ เพราะตัวที่โผล่ออกมาจากหมอกสีม่วงตัวสุดท้ายก่อนหมอกสลายไปก็คืออสุรกายที่โด่งดังในบรรดาตำนานกรีก ไฮดร้า แถมไม่ใช่แค่ไฮดร้าธรรมดาด้วยสิ

“โห่! พึ่งรู้นะคะว่าจะจัดการกับเดมิก็อตคนเดียวถึงกับต้องใช้อสุรกายที่ร้ายกาจสุด ๆ ในตำนานเลยเหรอคะนี่ เป็นเกียรติจังเลย“

ใช่แล้วล่ะ เพราะมันคือไฮดร้า 6 หัวที่มันร้ายกาจกว่าไฮดร้าปกติพอสมควรเลย ก็เอาสิ แบบนี้ถึงจะสนุกสักหน่อย ดวงตาของเฟเรียเรืองแสงออกมาอย่างเป็นประกายพลางปรากฎรอยสักแห่งโอกูขึ้นบนร่างของเธอก่อนจะเพิ่มพลังในกายเธออย่างมาก และเพื่อความมั่นใจในการต่อสู้ให้เพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก ก็ทำให้เธอเข้าต่อสู้กับไฮดร้าอย่างดีมากขึ้นกว่าปกติ แต่ก็นั่นแหละ พอตัดหัวหนึ่งมันก็งอกอีกหัวออกมาอย่างรวดเร็ว วิธีที่จะกำจัดมันก็คงมีแค่ทางเดียวล่ะนะ

“แม่ค่ะ เจอแล้วล่ะค่ะ ไฟน่ะ”

“ดีเลย ล่อมันไปกันเลย”

ทันทีที่ได้รับการติดต่อจากเรเลียที่เธอฝากหาไฟมาใช้ปราบไฮดร้าในที่สุดก็พบเสียสักที ก็นะที่นี่มันร้านอาหารนี่นา แบบนี้มันมีไฟอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเลย และเป็นจุดอ่อนของไฮดร้าแบบสุด ๆ เลยล่ะ เฟเรียรีบตีลังกาล่อไฮดร้าไปยังส่วนครัวของร้านแล่ว เธอใช้หอกของตนในการตัดคอไฮดร้าทีละหัวก่อนจะใช้ไฟรนซ้ำให้งอกหัวใหม่ได้อีกแล้วเธอก็ใช้วิธีโจมตีพลางกำจัดหัวไฮดร้าไปทีละหัวถึงจะเป็นการต้องเข้าพุ่งชนกับไฮดร้าตรง ๆ จนเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากลมหายใจเพลิงบ้างก็เถอะนะ แต่มันก็ทำให้เธอกำจัดไฮดร้าหกหัวได้จนสำเร็จ

“เห้อ~ หวังว่าจะหมดแล้วนะให้ตายสิ”

สินสงคราม : หัวไฮดร้า (เลขไบต์ 1/6/9)
โอกาสดรอปพิเศษ: เกล็ดไฮดร้า (เลขไบต์ที่เหลือ)
(LUK 60+ จะมีโอกาสได้เกล็ดมากกว่าหนึ่งหน่วยตามจำนวนเลขไบต์)
(หากจัดการ ไฮดร้าหัวเริ่มต้น 6 หัวขึ้นไป จะได้รับ แก่นวิญญาณไฮดร้าเพิ่มเติมอีกชิ้น)
กำจัดไฮดร้าครั้งแรก +2 ตื่นรู้

แสดงความคิดเห็น

God
เจ้าของร้านโวยวายใส่เฟเรีย "ไปเลยๆๆๆ พังหมดแล้วๆ พวกเด็กเปรต เด็กผี"  โพสต์ 2025-1-7 21:14
โพสต์ 6462 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-1-7 19:10
โพสต์ 6,462 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ จาก Daedalus's Legacy  โพสต์ 2025-1-7 19:10
โพสต์ 6,462 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู  โพสต์ 2025-1-7 19:10
โพสต์ 6,462 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก สะกดจิต  โพสต์ 2025-1-7 19:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หนังสือรับรองไครอน
เสื้อแจ็คเก็ตบุนวม
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
กุญแจแห่งปัญญา
ดรีมทราเวล
ควบคุมดอกป๊อปปี้
กำปั้นแห่งนิทรา
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x20
x1
x2
x5
x2
x7
x1
x1
x1
x28
x4
x5
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x19
โพสต์ 2025-7-5 00:10:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Example Box with Image and Text

ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด Wendy's (ย้อนเวลา 4 กค - 15.30)


ลอร์ร่าเหลือบมองนาฬิกาข้อมือซ้ำเป็นรอบที่สี่… เข็มสั้นยังอยู่ตรงเลขสามครึ่ง เธอสูดหายใจลึก เพื่อให้เธอผ่อนความร้อนใจลงได้บ้าง แต่ดูมันจะไม่ช่วยอะไรเธอเลยด้วยซ้ำไป

ร่างบางในสเวตเตอร์สีครีมเนื้อหนาและโค้ตสีดำคลุมยาวพอดีตัว ยืนอยู่หน้าร้านขายกระเป๋า ที่เป็นกระจกใสยาว แบรนด์ขึ้นต้นด้วย D... 

ไม่ต้องคิดมาก… แค่ไปกินข้าว แค่กินข้าวเอง ตื่นเต้นทำไม ” เธอพ้นลมออกจากริมปากบางเบาๆ

เธอเงยหน้ามองโฆษณาที่ขยับไปมา บนป้ายขนาดใหญ่ แต่สายตากลับเลื่อนลงไปมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกหน้าต่าง มองดูตัวเองในกระจกบางใสนั้น แววตาตอนนี้มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่กล้าพูดออกมา แม้จะตอบกลับข้อความทางพี่เจโณมกลับไปแล้ว และพยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก็ตาม

เธอก้มนาฬิกาดูเวลาอีกครั้ง ในตอนนี้เข็มสั้นเกือบแตะเลข 4 พอดีแล้ว

เธอสูดลมหายใจลึกอีกครั้ง แกล้งเดินอ้อมหัวมุมอีกฝั่งหนึ่งของถนน ก้าวเท้าเร็วขึ้นให้ดูเหมือนเพิ่งมาถึง แม้ในความจริงเธอเพิ่งแอบชะโงกมองเขาผ่านกระจกใสของร้านอยู่เมื่อครู่ก็ตาม

โค้ตสีดำสะบัดตามแรงก้าว วิ่งกึ่งเดินกึ่งรีบ เสียงรองเท้าส้นเตี้ยของลอร์ร่าดังกึกๆ ไปตามทางเท้าหน้า ร้าน Wendy’s เพราะเห็นเป้าหมายเเล้ว

ทันทีที่มาถึง มือกำลังจะขยับลูกปิดของร้าน เพียงเสี้ยวนาทีนั้นเอง มือหนาอุ่นๆ มือหนึ่งกลับคว้าข้อมือเธอไว้แผ่วๆ จากด้านหลัง

อย่าเพิ่งเข้า

เสียงทุ้มต่ำกระซิบเบาๆ อยู่ข้างหู ร่างสูงยืนซ้อนหลังเธออยู่เงียบๆ ราวกับโผล่มาจากเงามืด

ลอร์ร่าหันขวับไปตามแรงดึง ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย มองเห็นเจโรมในหมวกแก๊ปดำกดต่ำ แมสก์สีเดียวกันบดบังครึ่งล่างของใบหน้า ร่างสูงโน้มตัวลงมานิด สายตาคมสบเธอตรงๆ 

ร่างเล็กรู้สึกเหมือนหัวใจร่วงวูบ มือข้างที่เขาจับไว้ร้อนผ่าวขึ้นมาจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเงยหน้าไม่ได้

พะ…พี่…มาตอนไหนคะ

เสียงเธอเบาและสั่นอย่างน่าฟัง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแก้มขึ้นสีแดงจางทันที สายตาก็หลบอยู่ต่ำๆ ไม่กล้าสบเขาตรงๆ

หนู…หนูนึกว่าหนูมาสายแล้ว… เสียงเธอติดๆ ขัดๆ 

เจโรมไม่ได้ตอบในทันที แค่หัวเราะเบาๆ ในลำคอ สายตาคมยังมองเธอแบบรู้ทันเต็มที่ มือหนาเลื่อนจากข้อมือไปประคองท่อนแขนเธอแทน แล้วก้มกระซิบแผ่วๆ ข้างใบหูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

มาก่อนเธอ…นิดหน่อย หิวหรือเปล่า มื้อนี้พี่เลี้ยง

ลอร์ร่าได้แต่พยักหน้าคล้ายจะตอบรับ จริงๆ ตอนนี้ก็กินอะไรเเทบไม่ลงหรอกมั้ง มั่วแต่เขินคนตรงหน้า เจโรมผลักประตูเข้าไปด้านใน

เสียงกระดิ่งร้านดัง กรุ๊งกริ๊ง บรรยากาศข้างในไม่ได้หรูหรา โต๊ะไม้บุเบาะสีแดงเรียงเป็นระเบียบ ลูกค้าไม่หนาแน่นมาก แต่ก็ยังพอมีเสียงจอแจเบาๆ อยู่บ้าง คนในร้านเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก

เจโรมเดินตามมา มือหนาแตะหลังเธอเบาๆ ก่อนจะกระซิบเบาๆ 

เลือกก่อน เดี๋ยวพี่จ่ายให้

ลอร์ร่าพยักหน้าช้าๆ แก้มร้อนผ่าวขณะพยายามมองเมนูด้านบน

งันหนูเอาเฟรนช์ฟรายส์กับโค้กค่ะ

เธอพูดเสียงเบาๆ ขณะหันมามองเขาแวบหนึ่ง เจโรมเลิกคิ้วนิดๆ มองเธอเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็แค่ยกมุมปากยิ้มบางๆ แล้วหันไปบอกพนักงาน

ขอเป็นเฟรนช์ฟรายส์หนึ่งชุดใหญ่ โค้กแก้วนึง แล้วก็.....น้ำเปล่า ครับ

พนักงานพยักหน้า เขาควักกระเป๋าสตางค์จ่ายเงินเรียบง่ายโดยไม่มองราคา พอได้เงินทอนก็ยื่นให้เธอถือใบเสร็จไว้ เธอรับมันมาทั้งที่มือยังสั่นน้อยๆ

ทั้งสองยืนรอที่เคาน์เตอร์ กลิ่นอาหารลอยมาเรื่อยๆ จนกระทั่งพนักงานเรียกเบอร์ พวกเขาก็ไปรับถาด เจโรมหยิบถาดขึ้นมาถือเอง แล้วหันมาถามเสียงนุ่มๆ

หลังจากรับถาดอาหารจากเคาน์เตอร์ เจโรมถือมันขึ้นมาด้วยมือเดียว แล้วเหลือบมองรอบร้านครู่หนึ่ง ร่างสูงกวาดสายตามองหาที่นั่งเงียบๆ ก่อนสายตาคมจะหยุดอยู่ตรงมุมหนึ่ง ซึ่งน่าจะดีสำหรับเขา เพราะมันอยู่ด้านในสุดของร้าน หลังเสาใหญ่พอดี มุมปิดสายตาคนได้ค่อนข้างดีเลย

เจโรมเลือกนั่งฝั่งที่หันหลังให้ผู้คนทั้งร้าน โดยตั้งใจเลือกตำแหน่งที่เสาใหญ่บังเงาร่างสูงของเขาไว้เกือบครึ่ง ร่างสูงนั่งลงพร้อมกับรูดฮู้ดเสื้อคลุมสีดำขึ้นคลุมศีรษะ และดึงแมสก์กลับขึ้นมาบดบังครึ่งล่างของใบหน้า

เพียงเท่านั้น…คนที่ผ่านไปผ่านมาคงมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าใต้เงาฮู้ดกับแมสก์นั้นเป็นใคร

" ดีค่ะ .... ดี  ..... ดีเลยนั่งตรงนี้ดีเลยค่ะ "  ลอร์ร่าพึมพำแผ่วๆ พยายามขยับตัวให้ดูเป็นปกติแล้วหยิบเฟรนช์ฟรายส์ขึ้นมากัดคำเล็กๆ กลบความเขิน

ช่วงนี้…พี่เป็นยังไงบ้างคะ…สบายดีหรือเปล่า ” ในที่สุดเด็กสาวก็เป็นฝ่ายถามก่อน เพื่อลดความเงียบของบรรยากาศโดยรอบ

หัวเราะในลำคอเล็กน้อย ดวงตาคมก้มมองแก้วน้ำแล้วตอบกลับมาง่ายๆ

ก็ดีครับ…ไม่มีอะไรน่าห่วง

เจโรมเงยหน้ากลับมามองเธอเหมือนจะอ่านใจ ก่อนจะถามกลับด้วยเสียงทุ้มๆ

แล้วร่าหล่ะ ช่วงนี้โอเคไหม

เด็กสาวรีบก้มหน้าหลบ พึมพำเสียงแผ่ว “ ก็ดีค่ะ…

ก่อนเธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย กดเสียงให้เบาลงเหมือนกลัวใครได้ยิน

" ร่ากำลังจะไปทำทำภารกิจคำพยากรณ์หนะคะ " เธอยิ้มออกมา

เจโรมหัวเราะเบาๆในลำคอ ดวงตาคมยังเป็นประกาย

แล้ว…คำพยากรณ์ที่ว่าคืออะไร กัน ถึงขนาดนี้เราต้องไปเองเลยหรอ

ร่างเล็กเม้มปากนิดๆ ก่อนตัดสินใจเงยหน้าตอบ

…มหาภารตะ…ศึกชิงตรีศูลค่ะ ” เด็กสาวก้มหน้าลงอีกครั้งแล้วพูดเสียงเบากว่าเดิม

เขาบอกว่าห้าม…ลูกชาวโพไซดอนไปด้วย ” 

เธอเงยหน้ามองเขาอีกครั้งด้วยความลังเล แต่เจโรมกลับเพียงยกมุมปากเล็กๆ ส่ายหน้าน้อยๆ หัวเราะในลำคอเหมือนจะขำ

งันหรอ…แบบนี้เองสินะ” เขานิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดเสียงเรียบก่อนจะอมยิ้มออกมา

ถึงแบบนั้นพี่ก็คงไปไม่ได้แล้วล่ะ… โตกว่าที่จะไปทำอะไรแบบนั้นแล้ว…

เด็กสาวเงียบไป มองเขาที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้ววางเบาๆ ก่อนจะเอนหลังพิงพนัก มองเธออีกครั้งด้วยแววตาที่ทำให้หัวใจสั่น

…แต่ก็ขอให้ลอร์ร่า เดินทางปลอดภัย กลับมาเร็วๆ เข้าใจมั้ยเด็กดี

เสียงทุ้มต่ำแฝงรอยยิ้มของเขาพูดจบ มือหนาก็ยกขึ้นมาขยี้ผมลอร์ร่าเบาๆ แบบหลอกล้อ

ร่างเล็กสะดุ้งนิดๆ รีบยกมือขึ้นจับผมตัวเอง หันไปค้อนเขาเล็กๆ แต่ก็ซ่อนรอยยิ้มบางไว้ไม่มิด

แล้วนี้เราจะไปวันไหนหละ

เขาถามเสียงเรียบแต่สายตายังคงมองเธอแบบจริงจัง ลอร์ร่าเงยหน้าสบตาเขาแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงแล้วตอบเสียงเบา

ขอบคุณนะคะ ร่าน่าจะออกเดินทางเร็วๆ นี้ค่ะ 

เด็กสาวหยุดนิดหนึ่งก่อนแกล้งถาม แบบทีเล่นทีจริงออกไป 

แล้วพี่จะไปส่งมั้ยคะ ” เธอเงยหน้ามองเขาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ในแววตา รอคำตอบ 

ส่วนเขาเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนหัวเราะเบาๆ หลังแมสก์แล้วตอบกลับเสียงทุ้ม

ถ้ามีโอกาส…ก็ไป

เขาพูดแค่นั้นแต่แววตาคมยังจับจ้องเธออย่างไม่ละไปไหน เหมือนอยากจะบอกมากกว่านั้นแต่เลือกที่จะเก็บไว้เงียบๆ

แล้วเจโรมก็ทิ้งความเงียบนั้นไว้ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองด้วย เข้าใจมั้ย

ก่อนจะถามขึ้นมาต่อ “ เออ …แล้วเรื่องทะเลล่ะ เราแน่ใจใช่มั้ย ว่าจะไม่เป็นไร เธอไม่ได้…หายใจใต้น้ำได้เหมือนพี่นี่

ร่างเล็กสะดุ้งไปเล็กน้อยกับคำถามนั้น ก่อนเธอจะค่อยๆ ยิ้มบางๆ กลับไป เงยหน้ามองเขาแล้วตอบเสียงแผ่ว

ไม่น่ามีปัญหาหรอ(ก) มั้งค่ะ… ” 

เธอเอียงหน้าคิดครู่หนึ่งก่อนพูดต่อเบาๆ ราวกับปลอบใจเขาไปในตัว

หนูอาจจะ…หาทางไม่ลงน้ำเอาก็ได้ หรืออาจจะใช้วิธีอื่นๆ…อีกอย่างหนูก็ชวนเด็กบ้านเฮเฟตัสไปด้วย พวกเขาเก่งเรื่องอุปกรณ์ อาจจะมีแนวทางดีๆ ” เด็กสาวยกมุมปากบางๆ พูดเหมือนติดขำเล็กๆ ให้บรรยากาศไม่เครียดจนเกินไป

เจโรมมองเธอเงียบๆ สายตาคมฉายแววขำแต่ก็ยังแฝงความห่วงลึกๆ อยู่ เขาพยักหน้าเบาๆก่อนพูดเสียงทุ้มแผ่วๆ

ลอร์ร่ามองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ถามออกไปเสียงแผ่ว ราวกับกล้าๆ กลัวๆ

…แล้วพี่ล่ะคะ

เจโรมขยับคิ้วขึ้นเล็กน้อยมองเธออย่างไม่เข้าใจ เด็กสาวสูดหายใจเงียบๆ ก่อนถามต่อ

คือที่หนูหมายถึงคือหนูหมายถึง…ที่พี่ชวนหนูออกมา พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ แบบว่าเรื่องด่วนหรือให้หนูช่วยหรือเปล่า ” 

น้ำเสียงเธอแผ่วลงเรื่อยๆ แก้มก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างเล็กเม้มปากแน่น พยายามไม่สบตาเขาตรงๆ

เจโรมเองก็ชะงักไปนิดอย่างคาดไม่ถึง ดวงตาคมที่มองเธอเมื่อครู่ไหววูบเล็กๆ ริมฝีปากเขากระตุกน้อยๆ เหมือนคิดไม่ออกว่าจะตอบยังไง มือหนายกขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองไปมา ดึงแมสก์ลงไปวางข้างคางเพื่อหายใจลึก

เด็กสาวเหลือบมองเขา เห็นสีหน้าคนตรงข้ามเหมือนกำลังประหม่า ร่างสูงก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูอ้อมค้อม แต่ก็จริงใจ

มันก็…ไม่เชิงหรอก

เขาสูดลมหายใจเบาๆ เงยหน้ามองเธอช้าๆ “ พี่แค่…คิดว่าอยากจะเปิดใจ…ทำความรู้จักรุ่นน้องสักคนเหมือนกันน่ะ

เขาหัวเราะแผ่วๆ ในลำคอเหมือนเขินกับคำพูดของตัวเอง รอยยิ้มมุมปากค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าที่ก้มต่ำ ก่อนจะเอียงหน้ามองเธอด้วยแววตานิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย

ก็แค่นั้นเอง…ไม่ได้คิดว่าต้องมีเหตุผลใหญ่โตอะไรหรอก

เสียงเขาเบากว่าปกติ เหมือนจะพูดกับเธอแค่สองคน ลอร์ร่าเบิกตานิดๆ แก้มร้อนจนต้องก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้มบางไว้ใต้เงาผมตัวเอง

พี่... พี่หมายความว่ายังไงนะ!!!!” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย แต่ก็พยายามถามออกไปให้แน่ใจ ร่างเล็กกลืนน้ำลายแล้วรีบพูดต่อทันที มือเล็กเธอยกขึ้นกุมหน้าอกตัวเองเล็กๆ

คือหนูอะ หนูเอง…ไม่ได้รังเกียจพี่นะคะ…หนูแค่… ” 

เธอหลุบตามองโต๊ะ ริมฝีปากบางสั่นนิดๆ ก่อนจะพูดออกมาเสียงแผ่ว เหมือนกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด

หนูแค่กลัว…ว่าหนูจะคิดไปเอง

เธอหัวเราะเบาๆ ให้กับความคิดของตัวเอง แต่แววตายังสั่นเครือ ร่างเล็กเอ่ยต่อด้วยเสียงค่อยๆ เบาลง

คนแบบหนูเหรอ มันจะเเปลกๆ มั้ยคะ หนูสามารถฝันถึงมันได้ด้วยหรอ

เธอกลืนคำลงคอ มองเขาเหมือนขอคำยืนยัน สายตาเจโรมยังคงนิ่ง แต่กลับอบอุ่นมากพอที่จะทำให้เธอรู้สึกว่าลมรอบตัวเงียบลงหมด

เจโรมมองเธอเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือหนาๆ ยกขึ้นขยี้ผมเธอเบาๆ อีกครั้งอย่างอ่อนโยน

สำหรับตอนนี้เสียงหัวใจของลอร์ร่าเต้นเเรงเหมือนจะทะลุออกมาจากอกน้อยๆ ของเธออยู่แล้ว



[NPC-03] เจโรม ปาร์ค ซึงยอน
ทุกครั้งที่ปฏิสัมพันธ์กับ NPC Lares SP TGC จะได้รับโบนัสความสนิทสนมเพิ่มขึ้น+10
(ผ้าคลุม)
 ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 2 / 4 / 6 / 8 คู่สนทนาจะได้กลิ่นหอมบนตัวคุณ 
 จะได้รับโบนัสพิเศษ +10 แต้ม (น้ำหอม)

ปล. มาตอบเร็ววว สานฝันแล้ววว @God 

แสดงความคิดเห็น

God
ส่งแชทส่วนตัวแล้ว เมื่อวานคอมเม้นไม่ได้  โพสต์ 2025-7-5 09:30
โพสต์ 41713 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2025-7-5 00:10
โพสต์ 41,713 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก สื่อสารกับสัตว์  โพสต์ 2025-7-5 00:10
โพสต์ 41,713 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก มาลาแห่งอัสสัมชัญ  โพสต์ 2025-7-5 00:10
โพสต์ 41,713 ไบต์และได้รับ +20 EXP +25 ความกล้า +35 ความศรัทธา จาก น้ำมันหอมอามูร์  โพสต์ 2025-7-5 00:10
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
บัตรส่วนลดรถไฟ HP 2025
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
น้ำมันหอมอามูร์
เข็มกลัดไดโอนีซุส
แว่นกันแดด
ขลุ่ยไม้เถาองุ่น
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
รสชาติแห่งความสุข
สัมผัสแห่งองุ่น
ธนู
ชุดเครื่องเพชร
หมวกปีกกว้าง
ความคิดสร้างสรรค์
โรคสมาธิสั้น
ต่างหูเงิน
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x5
x1
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x1
x1
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x7
x9
โพสต์ 2025-7-10 17:22:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด

Activity Form

10/07/2025 11.30 น. - 12.41 น. 


บทที่ 62



เสียงประตูเลื่อนอัตโนมัติของเวนดี้ส์สาขาบอร์ดเวย์ดังเบาๆ ต้อนรับชายหนุ่มร่างสูงผู้มีโทรศัพท์วิเศษในกระเป๋าเสื้อ กับหัวใจที่ฟีบแฟบลงจากการเสียสละทรัพย์ดรักม่าไปอย่างกล้าหาญแบบจำใจ


คูเปอร์เดินเข้ามาพร้อมกลิ่นเฟรนช์ฟรายส์และเบอร์เกอร์ที่ลอยแตะปลายจมูกทันที เขาสูดลมหายใจลึก ราวกับกลิ่นมันคือรางวัลจากเทพเฮสเทียที่ส่งมาเยียวยาความจนเฉียบพลัน


“เธออาจไม่ใช่อาหารชั้นสูง แต่เธอคือเพื่อนแท้ของคนสิ้นหวัง” เขาพูดกับเมนูบนกระดานไฟ LED ราวกับกำลังสารภาพรักครั้งสำคัญ


ไม่ถึงสองนาทีหลังจากเดินไปสั่งอาหาร คูเปอร์ก็ได้เบอร์เกอร์ร้อนๆ กับเฟรนช์ฟรายส์ทอดใหม่ๆ วางอยู่ตรงหน้าพร้อมแก้วโซดาน้ำแข็งเดือดพล่านในมือ เขาเลือกนั่งตรงโต๊ะมุมในสุด ใกล้หน้าต่างที่มองเห็นถนนบอร์ดเวย์และผู้คนจอแจเดินสวนกันไปมาราวกับชีวิตคือการวิ่งแข่งที่ไม่มีใครได้พัก


แต่ใครสน ชายหนุ่มวางโทรศัพท์รุ่น Daedalus's Legacy ไว้บนโต๊ะอย่างเบามือ หยิบขึ้นมาแตะหน้าจอ แสงสว่างวาบขึ้นในทันที พื้นหลังระบบเป็นโฮโลแกรมสีทองอมเขียวเหมือนเพิ่งหลุดมาจากดาวอังคารแต่ถูกเลี้ยงดูโดยเทพีเดเมเทอร์


“โอเค แก เรามาเริ่มภารกิจกลายร่างเป็นโทรศัพท์ปกติกัน” เขาพึมพำราวกับกำลังพูดกับลูกชายที่เพิ่งออกจากโรงเรียนพ่อมด


นิ้วเรียวยาวลากไปบนหน้าจออย่างคล่องแคล่ว ค้นหา browser ที่ดูเหมือนถูกสร้างโดยเด็กฝึกงานของเฮอร์มีส กดโหลดแอปพลิเคชันทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น ไล่ตั้งแต่ Monster Mapper App ไปจนถึง Monsterpedia App


และแน่นอน… APK


คูเปอร์ยิ้มอย่างผู้ที่เคยผ่านสมรภูมิดาวน์โหลดมานับไม่ถ้วน เขาพิมพ์ชื่อแอปต่างๆ อย่างใจเย็น ไม่ลืมโหลด ThingsLikeSpotifyButForDemigods แอปเพลงที่บางครั้งก็สุ่มเปิดเสียงวัวของเฮร่าแทนเพลง ซึ่งเขาเคยได้ยินมาว่าชาวค่ายกลุ่มหนึ่งร่วมกันสร้างแอปนี้ขึ้นมา


ขณะเบอร์เกอร์ถูกกัดอย่างไม่รีบร้อน เนื้อฉ่ำ ๆ กับขนมปังนุ่มละลายในปาก เขาก็เปิดรายชื่อแอปที่โหลดไว้ ดูเหมือนคนทำเช็กลิสต์ภารกิจในสนามรบ


“มีของกิน มีเพลง มีธนาคาร มีแผนที่ มี... แอปหาคู่ อืม โอเค ยังขาดอะไรอีกนะ...”


เขานั่งนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนแววตาจะเปล่งประกายขึ้นช้าๆ เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าลืมอะไรที่สำคัญระดับดาวฤกษ์


“Nectar Network”


แอปที่เขาเคยได้ยินจากเด็กค่ายเวลานั่งกินข้าวเย็น  แอปที่เป็นเหมือน Facebook ของพวกครึ่งเทพ มีทั้งโพสต์ รูปภาพ ข่าวสาร งานอีเวนต์ ปาร์ตี้ลับในป่าต้องห้าม ไปจนถึงรีวิวอาวุธใหม่จากกระท่อมเฮเฟตัส


เขาหัวเราะหึในคอ เหมือนคนเจอกล่องสมบัติใต้เตียงแล้วเพิ่งนึกได้ว่ามีกุญแจ


มือรีบพิมพ์ “Nectar Network apk” ลงในช่องค้นหา ท่าทางจริงจังขึ้นทันตา ราวกับจะทำพิธีอัญเชิญเทพสักองค์


โชคดีที่ยังจำได้ว่าต้องเข้าเว็บ “TheOlympianSource.org” ซึ่งหน้าตาเว็บดูเหมือนปี 1999 แต่ปลอดภัยไร้มัลแวร์จากพวกปีศาจสายไอที


โหลดไม่ถึงสามสิบวิ ไอคอนแอปเป็นภาพเหยือกน้ำทิพย์ คูเปอร์แตะติดตั้งแล้วกดเปิดทันที หน้าจอแรกขึ้นว่า


“ยินดีต้อนรับสู่ Nectar Network โลกแห่งการเชื่อมต่อของเหล่าเดมิก็อด”




เมื่อกรอกข้อมูลจำเป็นสำหรับสมัครเข้าใช้แอปเสร็จ หน้าจอก็เปลี่ยนเป็นฟีดข่าวที่เต็มไปด้วยโพสต์


“เพิ่งจับเพกาซัสได้ ใครสนใจรับเลี้ยง DM มา”

“ใครรู้วิธีจัดการซึลล่าที่กัดชุดฉันขาดบ้าง?”

“คืนนี้รวมตัวที่กระท่อม 10 ห้ามสายเด็ดขาด!”


คูเปอร์หัวเราะเบา ๆ ขณะเลื่อนดูฟีด ชีวิตของเดมิก็อดอาจมีความตายเป็นเงา แต่ก็ยังมีเวลาอัปสตอรี่กันอยู่ดี


เขากัดแฮมเบอร์เกอร์คำสุดท้ายแบบไม่ทันรู้ตัว แล้วส่งโพสต์แรกของตัวเองออกไปพร้อมกับรูปเซลฟี่หน้าร้านเวนดี้ส์ มือหนึ่งถือเบอร์เกอร์ อีกมือชูโทรศัพท์


“เด็กค่ายฮาล์ฟบลัดสายชิลล์ ผู้เพิ่งทิ้งดรักม่า 400 ไปกับความวาวของทองจักรพรรดิ แวะมากินเบอร์เกอร์ปลอบใจตัวเอง ใครมีแอปเทพๆ แนะนำบ้าง?” #หิวแต่ไฮเทค #DaedalusPhoneGang



คูเปอร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ ทั้งที่แบงค์บัญชีดรักม่าคงเหลือเท่าจุดขีดน้อยๆ ในกระดานสงคราม แต่ในมือนั้นเขามีทั้งเบอร์เกอร์อร่อย กับโลกออนไลน์ใหม่ที่พร้อมให้เล่น และใครจะรู้ บางทีเจ้าแอป Nectar Network อาจจะเป็นสิ่งที่พาเขาไปสู่ภารกิจต่อไปก็ได้


หรืออย่างน้อย...ก็หาคนคุยเล่นเวลาเบื่อๆ ได้บ้างนั่นแหละ



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 24076 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-10 17:22
โพสต์ 24,076 ไบต์และได้รับ +8 EXP +8 เกียรติยศ จาก Daedalus's Legacy  โพสต์ 2025-7-10 17:22
โพสต์ 24,076 ไบต์และได้รับ +5 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก บทเพลง   โพสต์ 2025-7-10 17:22
โพสต์ 24,076 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก พริบตาแห่งวีรชน  โพสต์ 2025-7-10 17:22
โพสต์ 24,076 ไบต์และได้รับ +15 EXP +10 เกียรติยศ +15 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก ปัญญาแห่งการรบ  โพสต์ 2025-7-10 17:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
แหวนดาราจรัส(D)
ชุดบำรุงอาวุธ
เรือมินิบานาน่า
Daedalus's Legacy
มีดสั้นสัมฤทธิ์
บทเพลง
การควบคุมอาวุธ (จำกัด)
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
การสื่อสารและควบคุมนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x2
x10
x2
x1
x1
x1
x2
x5
x26
x5
x5
x5
x5
x5
x6
x34
x2
x2
x20
x2
x3
x1
x1
x20
x1
x1
x1
x1
x1
x3
x11
x1
x10
x20
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x1
x5
x5
x31
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้