
วันที่ 15 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
เวลาสาย เวลา 10.55 น. ณ ร้านเวนดี้
◀️┃▶️
ประตูร้าน Wendy’s บนถนนบรอดเวย์สะท้อนแสงแดดปลายฤดูใบไม้ร่วงเป็นประกายอุ่นราวกับกำลังชักชวนให้ผู้คนเข้ามาหลบลมหนาว คีอาร์หยุดยืนตรงหน้าร้านในเวลา 10.55 น. พอดีเป๊ะ เข็มวินาทีบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเคลื่อนตรงเข้าเวลาที่เธอคำนวณไว้ราวกับถูกกำหนดอย่างไร้ความผิดพลาด เธอกระชับสายกระเป๋าเล็กบนไหล่ สูดลมหายใจที่เย็นเฉียบ แล้วตรวจสอบภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายในกระจกสะท้อนของกระจกหน้าร้าน เดรสผ้าวูลสีเข้มทรงสั้นเหนือเข่า เสื้อคลุมถักบางสีครีม รองเท้าหนังสีดำเงา แว่นกลมสะอาดไร้รอยนิ้วมือ ทุกอย่างดูเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่ละเอียดขึ้นเพียงครึ่งระดับที่แทบไม่มีใครสังเกตเห็น
และเมื่อคีอาร์มองร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด Wendy's แล้วเธอก็ตีความได้ง่ายทันทีว่ารุ่นพี่เอมีเลียคงมีความเป็นอเมริกันชนแบบเต็มตัวสุด ๆ ซึ่งแตกต่างกับคีอาร์ตะวันตกและตะวันออกเพราะคีอาร์โดนสอนมาแบบชนชั้นสูงของยุโรปแบบไม่มีผิดเพี้ยน
ทว่าไม่นานเสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ แต่ทุ้มมั่นใจ “มาเร็วกว่าที่คิดนะ”
คีอาร์หันไปเห็นเอมีเลียยืนพิงประตูร้านด้วยท่าทางสบาย ๆ เสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำที่คลุมทับเสื้อยืดสีเทาเรียบ ๆ ส่งกลิ่นอายของคนที่พร้อมออกไปขับเครื่องบินต่อสู้กับพายุแทนการมากินเบอร์เกอร์ เอมีเลียยกมือขึ้นนิดเดียวเหมือนเป็นการทักทาย คิ้วสีทองอ่อนเลิกขึ้นอย่างยิ้ม ๆ คีอาร์ตอบกลับด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อยตามที่เธอสร้างภาพลักษณ์ไว้ “รุ่นพี่ก็มาถึงก่อนเวลาเหมือนกันค่ะ”
“นิสัยคนขับเครื่องบินค่ะ เวลาเป๊ะเป็นสันดานประจำอาชีพ” เอมีเลียหัวเราะเบาๆ แล้วดันประตูให้ “เข้าไปเถอะ เดี๋ยวสั่งอะไรให้ลองกินใหม่ๆ” สิ้นคำนั้นคีอาร์ก้าวเข้าร้านเพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดนิ่ง สายตาสีเทาอมเขียวประเมินทุกมุมอย่างเงียบงัน แสงไฟสีอุ่น เฟอร์นิเจอร์ไม้เรียบง่าย กลิ่นมันทอดและเครื่องเทศที่ลอยอวลอยู่ในอากาศ เสียงกล่องไก่ทอดที่ถูกเทลงถาด เสียงกระดิ่งหน้าเคาน์เตอร์ เสียงหัวเราะโต๊ะข้างหลัง ทุกอย่างคือความวุ่นวายแบบที่เธอไม่คุ้นเคย ไม่ชอบและไม่เคยสัมผัสในชีวิตที่ถูกจัดระเบียบอย่างสมมาตรของเธอ
เอมีเลียเหลือบมองคีอาร์ที่อยู่ด้านข้างแล้วก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง “โอเค…หยุดก่อนเลย นั่นหน้าคนที่กำลังคิดว่าตัวเองเดินหลงเข้ามาในสานที่อโครจรใช่ไหมเนี้ย?”
คีอาร์หันไปตอบตามตรงด้วยน้ำเสียงใสซื่อ แต่สายตาว่างเปล่าอย่างที่เอมีเลียคุ้นเคย “ฉันไม่เคยทานอาหารฟ๊าดฟูสค่ะ”
คำตอบนั้นทำเองเอมีเลียถึงกับกะพริบตาไปสองครั้ง “ไม่เคย…เลยเหรอ?”
คีอาร์พยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับแทนว่าไม่เคยจริง ๆ
“โอ้โห เด็กผู้ดีจริง ๆ” เอมีเลียแสยะยิ้มอย่างเอ็นดูปนตกใจ “วันนี้ฉันมีหน้าที่สอนเด็กบ้านบอเรอัสให้กินเบอร์เกอร์สินะ ฟังดูท้าทายกว่าการบินข้ามมหาสมุทรอีก” เมื่อเอมีเลียบอกแบบนั้น คีอาร์ก็มองหน้าเธออย่างสงบ เธอไม่ได้รู้สึกตลก หรือเขินอาย เพียงแต่คิดคำนวณว่าการปล่อยให้เอมีเลียคิดว่าเธอไร้ประสบการณ์น่าจะทำให้สถานการณ์ควบคุมได้ง่ายขึ้น
เอมีเลียกวักมือเรียกให้เดินตาม พลางพูดเสียงเบาแต่จริงจังขึ้นนิดหนึ่ง “ไม่ต้องเกร็งนะ ฉันอยู่แล้ว เดี๋ยวสอนเอง” คีอาร์ก้าวตามไปอย่างสุภาพตามการเรียก ผมสีบลอนด์ทองแดงขยับตามแรงลมอ่อน ๆ จากประตูที่ปิดลงด้านหลัง เธอยังเงียบ ยังคงสวมบทเด็กสาวใสซื่อที่เพิ่งออกจากรั้วบ้านครั้งแรก แต่ในหัว เธอประมวลทุกท่าทีของเอมีเลีย ทั้งอารมณ์ น้ำเสียง จังหวะสายตา และโดยเฉพาะ… ความสนใจที่อีกฝ่ายมีต่อเธอ คีอาร์เก็บมันทั้งหมดเพราะสำหรับคีอาร์ ความสัมพันธ์ไม่เคยโรแมนติก ความรู้สึกไม่มีค่าเท่าข้อมูล และการนัดกินอาหารเช้าครั้งนี้…กำลังกลายเป็นแหล่งข้อมูลชั้นยอดอย่างที่เธอคาดไม่ถึง
แถวคิวของร้านเวนดี้เต็มไปด้วยเสียงจอแจของผู้คนในย่านบรอดเวย์ แต่สำหรับคีอาร์ ทุกอย่างเหมือนถูกลดระดับความดังลงเหลือเพียงเสียงพื้นหลังที่ไม่จำเป็นต้องสนใจ เธอยืนข้างเอมีเลียอย่างสงบนิ่ง ดวงตาสีเทาอมเขียวมองป้ายเมนูบนหัวด้วยความละเอียดเย็นชาแบบที่เด็กสาวคนอื่นวัยเดียวกันไม่ได้มี ผู้คนอาจมองว่าเธอกำลังเลือกเมนู แต่แท้จริงแล้วเธอกำลังคิดคำนวณวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยนี้มากกว่า
เอมีเลียเป็นคนเริ่มก่อนตามธรรมชาติของผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตแบบอเมริกันชนเต็มรูปแบบ “เดี๋ยวฉันสั่งให้ดูนะ ดูไว้เป็นตัวอย่าง” เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์อย่างคล่องแคล่วแล้วกล่าวเสียงดังพอประมาณ “ขอ Baconator Combo หนึ่งชุดค่ะ เพิ่มไซส์เฟรนด์ฟราย แล้วก็โค้กแก้วใหญ่ด้วยนะ” คีอาร์มองภาพตรงหน้าอย่างนิ่งงัน เบอร์เกอร์ชิ้นหนาที่ย่างจนฉ่ำ เนื้อสองถึงสี่ชิ้นซ้อนกันราวกับกำแพงที่สร้างขึ้นด้วยโปรตีนและไขมัน ชีสหนาหนักละลายเคลือบไว้เหมือนผ้าคลุมสีทอง เบค่อนทอดกรอบหกชิ้นวางขวางทับเหมือนมีไว้ทำสงครามกับเส้นเลือดของใครก็ตามที่กล้ากินมัน ซอส มายองเนส และน้ำมันสะท้อนแสงไฟของร้านจนแทบแสบตา
คีอาร์นิ่ง…นิ่งจนเหมือนรูปสลัก… พระเจ้า… ในหัวของเธอมีความคิดเดียวแล่นขึ้นมาอย่างไม่มีความรู้สึกประกอบ ถ้าแม่รู้ ฉันจะถูกตามมาหักคอตั้งแต่ยังไม่ย่อยคำแรกแน่นอน เธอไม่แสดงออกอะไรทั้งสิ้น นอกจากกระพริบตาช้า ๆ หนึ่งครั้ง
ในขณะที่เอมีเลียก็เหลือบกลับมามองแล้วถามด้วยเสียงกึ่งขำกึ่งเอ็นดู “แล้วของเด็กดีล่ะ จะทานอะไร?”
คีอาร์ตอบด้วยความสุภาพตรงไปตรงมาราวกับไม่มีอะไรต้องปกปิด “ฉันจะเลือกอะไรที่ปลอดภัยที่สุดค่ะ” เธอก้าวไปหน้าเคาน์เตอร์เล็กน้อยแล้วสั่งเมนูด้วยน้ำเสียงเรียบเนียน “ขอ Signature Chicken Wrap Combo หนึ่งชุดค่ะ น้ำแฟนต้ารสส้มกับเฟรนด์ฟรายขนาดปกติ” แต่ยังไม่ทันที่พนักงานขายจะพิมพ์เสร็จ เอมีเลียก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่ที่รู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้กินน้อยแน่ “แค่นี้ไม่อิ่มหรอกนะ เชื่อฉันสิเพราะเธอตัวเล็กนิดเดียวเอง น่าจะสั่งเพิ่มหน่อยนะ”
คีอาร์ก็หันกลับไปมองคนข้างตัวด้วยสายตาบางอย่าง ในสายตาคนทั่วไปมันคือสายตาเกรงใจ ทว่าในความคิดจริง ๆ ของคีอาร์มันคือสายตาตัดสินใจว่าจะสร้างภาพไหนให้เหมาะกับสถานการณ์นี้ดี แถมยังเหมือนว่าเธอจะรู้สึกว่าตัวเองโดนบุตรสาวเทพซุสแกล้งด้วยซ้่ำในตอนนี้
“ถ้าอย่างนั้นเพิ่ม Chicken Caesar Salad หนึ่งถ้วยค่ะ” คีอาร์หันไปสั่งเพิ่มเป็นเมนูหนึ่งอย่างทันทีแน่นอน ถูกสุขภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้
สิ้นการสั่งอาหารเอมีเลียระเบิดหัวเราะออกมาจริง ๆ คราวนี้ เสียงของเธอกังวานในร้านจนคนข้าง ๆ เหลือบมอง “โอ้โห…ตัวตนของเธอมันเด่นเกินไปแล้วนะคีอาร์ ฉันทายได้เลยว่าเธอเป็นสายกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกินแน่นอน” คีอาร์หันกลับไปมองรุ่นพี่เอมีเลียคล้ายกำลังพิจารณาประโยคนี้ เธอทำเพียงรับฟัง เสี้ยวหน้าของคีอาร์นั้นสงบนิ่งเหมือนผิวน้ำของทะเลสาบยามไร้ลม แต่ในใจเธอกลับคิดอย่างเฉียบคม การเลือกอาหารสะท้อนพฤติกรรมมนุษย์ ใช่แล้ว รุ่นพี่อ่านฉันผิดครึ่งหนึ่ง แต่ก็ใกล้เคียงพอสมควร
เธอกระชับแว่นกลมขึ้นเล็กน้อยแล้วตอบอย่างสุภาพตามบทบาทที่เธอเลือกเล่น “หนูแค่เลือกตามความเหมาะสมค่ะ”
เอมีเลียยกคิ้วขึ้นเหมือนเพิ่งค้นเจออะไรสนุก ๆ ในโลกใบนี้ “หนู? เด็กคนนี้นี่นะ น่ารักเกินไปแล้วมั้ง” เมื่อได้ยินแบบนั้นคีอาร์ก็ไม่ได้ตอบ เธอไม่จำเป็นต้องตอบด้วยซ้ำ เธอเพียงยืนอย่างสงบ รออาหาร และปล่อยให้เอมีเลียคิดว่าเธอคือเด็กสาวใสซื่อไร้ประสบการณ์ในโลกภายนอก ทั้งที่ในความจริง เธอประเมินทุกคำพูดของเอมีเลียอยู่ในระดับที่แม้แต่สายลมยังพัดไม่พลาดไปจากความสนใจของเธอ
เมื่อได้อาหารทั้งสองก็เดินออกมา เอมีเลียเลือกที่นั่งให้อย่างตั้งใจ มุมที่หลบพ้นจากเสียงเปิดประตู เสียงคุยกันของนักท่องเที่ยว และเสียงเครื่องทอดที่ดังสม่ำเสมออยู่ตรงเคาน์เตอร์ ทั้งหมดนั้นถูกกันออกไปจนเหลือเพียงโต๊ะไม้เล็ก ๆ ที่มีแสงอ่อนสะท้อนผ่านกระจกเข้ามาตกลงบนใบหน้าของคีอาร์ ทำให้เธอดูอ่อนวัยและสงบนิ่งราวภาพวาด เอมีเลียดูออกหรืออาจรู้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ว่าคีอาร์ไม่ชอบพื้นที่ที่ดึงดูดสายตาผู้คน การเลือกมุมนั่งเงียบสงบจึงเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจให้เด็กสาวรู้สึกปลอดภัย และคีอาร์ก็รู้ทันทีว่าการเลือกนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
คีอาร์นั่งลงอย่างสำรวม มือเรียวจัดตำแหน่งกระดาษรองอาหารให้ตรงระนาบ โต๊ะอาหารที่สมมาตรคือความสงบเล็ก ๆ ในโลกที่วุ่นวายเกินไปสำหรับเธอ สายตาเธอเหลือบมองเอมีเลียที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม ผู้หญิงคนนั้นดูผ่อนคลายราวกับลมอุ่นปลายฤดูใบไม้ร่วง ต่างจากคีอาร์ที่เหมือนอากาศหนาวเหน็บของฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
การทานอาหารเริ่มขึ้นอย่างเรียบง่าย เอมีเลียกัด Baconator ของเธออย่างคนที่คุ้นเคยกับอาหารมัน ๆ ส่วนคีอาร์เปิดกล่อง Chicken Wrap ของตนอย่างระมัดระวัง เหมือนกำลังจัดการกับวัตถุทางวิทยาศาสตร์มากกว่าอาหาร ไม่กี่นาทีแรกต่างคนต่างกิน เงียบและเรียบง่าย แต่เอมีเลียกลับใช้ความเงียบนั้นเป็นพื้นที่ลอบสังเกตรสนิยม การตอบสนอง และพฤติกรรมของเด็กสาวฝั่งตรงข้าม
“คีอาร์ เธอไม่ค่อยชอบคนเยอะ ๆ สินะ” เอมีเลียเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนพูดเรื่อยเปื่อย แต่ดวงตาคมวาวเหมือนกำลังวิเคราะห์สนามรบ
คีอาร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ค่ะ คนเยอะ ๆ ทำให้ฉันไม่มีสมาธิ”
เอมีเลียยิ้มอย่างรู้ทันเหมือนคาดไว้แล้ว ส่วนหนึ่งเพราะเธอฉลาด อีกส่วนเพราะเธอชินกับการอ่านคน เธอขยับศอกพิงโต๊ะเล็กน้อยเหมือนตั้งใจคุยอย่างเป็นกันเอง แต่แท้จริงแล้วเป็นการเริ่มเกม เอมีเลียชวนคุยระหว่างทานอาหารพูดถึงเรื่องอาหาร เรื่องค่าย เรื่องผู้คนในค่าย และคีอาร์ก็ตอบอย่างนุ่มนวลตามมารยาท ทุกคำตอบผ่านการควบคุมอารมณ์ที่สมบูรณ์แบบเหมือนลมที่พัดอย่างตั้งใจ แต่จากนั้น เอมีเลียก็เลื่อนบทสนทนาเข้าหาประเด็นที่เธอต้องการรู้มาตั้งแต่ตั้งใจนัดคีอาร์ออกมา
… เรื่องรสนิยม
“แล้วเรื่องคนที่เธอสนใจล่ะ คีอาร์ เธอคิดว่าตัวเองชอบแบบไหน?” คำถามนี้เหมือนโยนหินลงกลางสระและเหมือนจะเนียนเข้าหาความต้องการของตนเองอย่างเนียน ๆ
คีอาร์หยุดมือที่กำลังตัดสลัด ดวงตานิ่งราวกับกำลังประมวลผลข้อมูลที่ไม่ได้คาดว่าจะมากลางมื้ออาหาร เธอเกือบตอบตามสัญชาตญาณว่าจะหลบเลี่ยง แต่สมองวิเคราะห์สถานการณ์อย่างฉับไว เอมีเลียไม่ได้ถามเล่น ๆ นี่ไม่ใช่คำถามสุ่ม นี่เป็นการสำรวจเชิงพฤติกรรม คีอาร์เงียบหนึ่งจังหวะก่อนเลือกใช้กลยุทธ์แรก หลบหลีกอย่างแพรวพราวและสุภาพ “เรื่องแบบนั้น…ฉันยังไม่ค่อยได้คิดค่ะ ช่วงนี้ปรับตัวกับชีวิตในค่ายก็วุ่นพอแล้ว”
เอมีเลียยังคงยิ้มให้กับคำตอบของคีอาร์…แต่ไม่ถอยกลับ เธอโอบมือรอบแก้วโค้กของตัวเองแล้วถามต่ออย่างแยบยล “แต่ถ้าให้คิดสักนิดล่ะ? เธอน่าจะมีภาพในใจบ้างใช่ไหมคนที่ทำให้เธอสบายใจ หรือคนที่เธออยากสนิทด้วยเป็นพิเศษ”
คีอาร์เริ่มจับได้ทันทีว่านี่คือการไล่ต้อนทีละขั้น เอมีเลียฉลาด…ฉลาดจนทำให้คีอาร์ต้องปรับกลยุทธ์
สุดท้ายคีอาร์จึงเลือกตอบด้วยภาพลักษณ์ที่เธอสร้างขึ้นมาอย่างประณีต เด็กสาวที่ใสซื่อจริงใจ และสับสนเล็กน้อย เธอหลบตาเล็กน้อยให้ดูเป็นธรรมชาติ ใบหน้าขาวอมชมพูมีสีแดงระเรื่อน้อย ๆ อย่างตั้งใจ คีอาร์พูดต่ออย่างแนบเนียนจนไม่มีใครจับได้ว่าเป็นเพียงบทละครที่ถูกเขียนขึ้นในหัวของเธอ
“ฉันคิดว่า…เพศมันไม่สำคัญค่ะ รุ่นพี่”
เอมีเลียยกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งเหมือนสนใจมากขึ้นในคำตอบของคีอาร์ “อย่างงั้นหรอ? ทำไมล่ะ?”
“ถ้าถามเรื่องรสนิยม…ฉันคิดว่าเพศคงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดค่ะ ถ้าคนคนนั้นเข้ากับฉันได้ ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยมีความมั่นคงทางอารมณ์…ไม่ว่าจะเป็นใคร ฉันคิดว่าคนนั้นก็คงสำคัญสำหรับฉัน” คีอาร์พูดช้า ๆ ในแบบที่ฟังดูอ่อนโยนและจริงใจ ทั้งที่ในหัวเธอคำนวณทุกประโยคแบบคนที่ไม่มีความรู้สึกจริง ๆ น้ำเสียงของเธอนุ่ม อ่อนโยนและซื่อตรงอย่างสมบูรณ์แบบ
เอมีเลียยิ้มให้กับคำตอบนั้น รอยยิ้มแบบคนที่พอใจคำตอบมากกว่าที่แสดงออก เธอเอนตัวพิงเก้าอี้เล็กน้อย มองคีอาร์เหมือนพบอะไรน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกระดับ แววตาของรุ่นพี่นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย คล้ายจะประเมินเธอใหม่ตั้งแต่ต้น บางอย่างอ่อนลง บางอย่างจริงจังขึ้น “เป็นงั้นเหรอ” เธอพูดเบา ๆ ยิ้มข้างหนึ่งอย่างคาดไม่ถึงแต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างอยู่ด้วย คีอาร์เพียงยิ้มบาง ๆ ตอบกลับรอยยิ้มที่ดูอ่อนหวานแต่ไม่มีความหมายในใจของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ในความคิดจริงของเธอมีเพียงเสียงวิเคราะห์ที่เย็นเฉียบ ในขณะที่ภายนอกคีอาร์ดูอายุเจ็ดขวบในระดับความซื่อ ในใจเธอกลับคิดด้วยความเย็นชาที่ไร้อารมณ์
ความรัก? ไม่มีความหมาย สำหรับฉันแล้วความรักคือผลิตภัณฑ์ของฮอร์โมนเพื่อให้มนุษย์ไม่สูญพันธุ์เท่านั้น หากต้องมีความสัมพันธ์ ฉันจะให้เพียงผลประโยชน์ ไม่ใช่หัวใจ
ถ้าจะมีความสัมพันธ์…มันต้องมีประโยชน์ ถ้าไม่มีประโยชน์ เธอไม่ต้องการ
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องบอกเอมีเลีย ในตอนนี้ เธอคือเด็กสาวใสซื่อที่เพิ่งเปิดเผยเรื่องส่วนตัวเล็กน้อยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ต่อรุ่นพี่คนหนึ่งเท่านั้น และเอมีเลียก็ดูจะพอใจคำตอบนั้นมากกว่าที่คีอาร์คาดไว้เสียด้วย… ไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนได้เปิดเวทีความสัมพันธ์แบบไหนของกันและกันไปแล้ว
หนึ่งคือนักบินสาวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวฉลาดพอที่รู้ว่าจะได้รับสิ่งที่ต้องการจากเด็กสาวตรงหน้ายังไง
และอีกหนึ่งคือเด็กสาวที่พึ่งจะออกมาเจอโลกกว้างแต่กลับระแวดระวังทุกอย่างที่เข้ามาไม่เว้นแม้แต่คนตรงหน้าของเธอ
เรื่องนี้… น่าสนุกกว่าที่คิดนะ
[NPC-06] เอมีเลีย (แมรี่) แอร์ฮาร์ต
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
โบนัสจากเข้าร่วมกิจกรรมที่ NPC ชวน - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ NPC +5
กลิ่นหอมจาก น้ำหอม Unisex - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +5
(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 0 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)
(โคตรมันส์ อะไรคับเนี้ย อีกคนรู้ทัน อีกคนก็พยายามหนี กี๊ดๆๆ ทีมลูกซุสลูกจูปิเตอร์มันเริิ่ดจิงคับ)