[ย่านบอร์ดเวย์] ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด Wendy's

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



- Quality is Our Recipe -









ร้านเวนดี้ส์ สาขาบอร์ดเวย์ (650)


ร้านฟาสต์ฟู้ดเก่าแก่แห่งหนึ่งที่อยู่คู่กับถนนบอร์ดเวย์มาอย่างยาวนาน

และพร้อมจะส่งมอบความอร่อยให้คุณเสมอ

ในแต่ละเมนูเราใช้วัตถุดิบคุณภาพดีและโภชณาการที่คัดสรรมาให้คุณแล้ว


เปิดให้บริการทุกวัน

จันทร์-ศุกร์: 6.30 - 00.00 น.

เสาร์-อาทิตย์: 8.00 - 00.00 น.







แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 6345 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-2-28 11:12
โพสต์ 2024-2-28 12:54:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-3-19 04:22

001
เมี้ยว


          27/02/2024 : 11.51 PM


          “ของที่สั่งได้ครบนะครับ ขอบคุณที่มาใช้บริการ”

          แม้จะเป็นลูกค้าคนสุดท้ายก่อนร้านปิด ทว่าพนักงานร้านฟาสต์ฟู้ดผู้เปี่ยมไปด้วยพลังงานอย่าง ‘ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล’ ก็ยังคงทำงานด้วยรอยยิ้มอย่างขยันขันแข็งราวกับไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยมาก่อนในชีวิต

          ตอนนี้ภายในร้านไม่มีลูกค้ารายอื่นนอกจากชายหนุ่มผมบลอนด์หยักศกที่เพิ่งสั่งอาหารไปนั่งรับประทานเมื่อครู่ จึงไม่จำเป็นจะต้องมีพนักงานเฝ้าหน้าร้านถึงสองคน ดีนปลีกตัวไปด้านหลังเพื่อเตรียมปิดฝั่งหน้าร้าน และหน้าที่ประจำของเขาคือการทิ้งขยะ แต่ก่อนจะปิดจ็อบก็ขอแวะไปหยิบมือถือในล็อคเกอร์มาเช็คเมลดูสักหน่อย

          — คุณได้รับอีเมล 1 ฉบับ —

          ข้อความที่ขึ้นเตือนค้างไว้บนหน้าจอมือถือทำเอาชายหนุ่มใจเต้นไม่เป็นส่ำจนต้องวิ่งเหยาะอยู่กับที่ มันจะใช่เมลที่เขารอคอยหรือเปล่านะ? ไม่รอช้าเขากดเข้าไปที่หน้าอีเมลนั้นทันที

          “จาก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย xxx นิวยอร์ก ยินดีด้วยคุณได้รับเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยนักวิจัย— เยส!”

          แทบจะกระโดดตัวลอยเมื่อเห็นข้อความว่าตนได้งานใหม่ ซึ่งเป็นงานประจำตรงสายที่เรียนมาอย่างพอดิบพอดี

          ดีนเป็นนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัย xxx นิวยอร์ก เดิมทีเขาเป็นชาวซานอันโตนิโอ ครอบครัวอยู่ในชนชั้นแรงงานฐานะปานกลาง แต่ไหงมาเลือกเรียนไกลบ้านอย่างนิวยอร์กได้? เขาก็อยากถามตัวเองเมื่อสี่ปีที่แล้วเหมือนกัน หากย้อนเวลากลับไปได้คงได้คำตอบอย่าง ‘นิวยอร์กเชียวนะเว้ย!’ ใส่ก็เป็นได้

          เอาเป็นว่าเรื่องนั้นช่างมัน

          ด้วยความที่นิวยอร์กเป็นเมืองที่ติดอันดับค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก การที่เด็กจากรัฐดาวเดียวมาอยู่คงจะใช้ชีวิตสุขสบายอย่างคุณหนูไม่ได้ เขาแชร์อะพาร์ตเมนต์อยู่กับเพื่อนใหม่ในมหาวิทยาลัยสามสี่คน ฟังดูแย่แต่ก็ไม่แย่อย่างที่คิด ทุกคนมีห้องส่วนตัวของตัวเองแม้ขนาดจะเล็กกว่าห้องที่บ้านแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นห้องรูหนู มีครัวและห้องนั่งเล่นที่เขาไม่ค่อยได้ใช้เสียเท่าไร ข้อดีคือใกล้มหาวิทยาลัยมาก ขี่จักรยานไปไม่กี่บล็อกก็ถึง เขาแค่ต้องทำงานพิเศษเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวจะได้ไม่ลำบากที่บ้านมาก

          ดีนเข้าทำงานที่ร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งนี้ในฐานะพนักงานพาร์ทไทม์กะบ่ายบ้างกะดึกบ้างตั้งแต่ปีหนึ่ง ซึ่งกว่าจะเรียนจบเขาก็มีความผู้พันกับสถานที่แห่งนี้มากกว่าหอพักเสียอีก แต่มีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องปกติ เขาคงไม่ทำงานตำแหน่งเดิมไปเรื่อย ๆ จนเป็นลุงอายุสี่สิบหรอกนะ…

          หมายเหตุว่า ถ้ามีชีวิตอยู่ถึง

          “เอ้าดีน เป็นอะไร ดีใจยกใหญ่”

          ผู้ที่เอ่ยถามเป็นชายร่างท้วมสวมชุดเครื่องแบบเดียวกัน เขาคนนั้น คือ โจ รองผู้จัดการร้านที่ตั้งแต่ดีนเข้ามาทำงานที่นี่ก็เจอโจทำงานมาก่อนแล้ว ด้วยความผูกพันในหน้าที่การงานทำให้ทั้งผู้จัดการและรองผู้จัดการเอ็นดูเขาอยู่ไม่น้อย

          “คือว่างี้โจ ผลสัมภาษณ์ผมออกแล้ว ในที่สุดก็ได้งานผู้ช่วยนักวิจัยแล้ว เริ่มงานได้เลยต้นเดือนหน้า ซึ่งก็คือ.. ผมก็ต้องลาออกแล้วล่ะ”

          แรก ๆ น้ำเสียงก็กระดี้กระด๊าอยู่หรอก แต่พอต้องบอกว่าจะลาออกก็อดที่จะรู้สึกโหวงในอกเสียมิได้

          “แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะมาหาที่ร้านบ่อย ๆ อยู่ดี”

          “เก่งมากไอ้เสือ ได้งานใหม่ก็ดีแล้ว ดีใจด้วย” ผู้จัดการร้านร่างท้วมเดินเข้ามาตบบ่าชายหนุ่มสองสามที ก่อนหน้านี้ดีนเคยแจ้งเรื่องหางานใหม่เอาไว้แล้ว เป็นปกติที่นักศึกษาจบใหม่อยากมีงานประจำดี ๆ ทำ นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนในร้านเข้าใจ “เอาไว้พรุ่งนี้พอเข้างานแล้วนายค่อยมาบอกจูนแล้วกัน”
         
          จูนที่ถูกอ้างถึงชื่อคือผู้จัดการร้านคนเก่งที่เพิ่งมาประจำการหลังดีนทำงานเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบเวลาหญิงสาวจะเป็นรุ่นน้อง แต่หากพูดถึงตำแหน่งแล้วเธอเหนือกว่าเขาหลายขั้น

          “โอเค ไว้ผมจะบอก แต่ตอนนี้ขอเอาขยะไปทิ้งก่อนแล้วกัน”

          ชายหนุ่มปลีกตัวมาหลังร้านพร้อมกับถุงขยะใบโตในมือ งานที่รับมาไม่ได้ยากเย็นอะไรก็แค่ออกไปหลังร้าน เดินออกไปที่จุดทิ้งขยะตรงอีกฟากของหัวมุมถนน เดินกลับมา แล้วก็ตอกบัตรออก เก็บของกลับห้องเป็นอันจบภารกิจของวัน

          บอร์ดเวย์ยามดึกแม้ไม่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนดั่งเช่นช่วงค่ำ ทว่าแสดงไฟจากป้ายบิลบอร์ดยังคงส่องสว่างท้าทายแสดงจันทร์ แม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วแต่ถนนสายนี้ไม่ได้เปลี่ยวเหงาและน่ากลัวอย่างที่คิด

          “เมี้ยว~”

          ขณะที่ดีนกำลังทิ้งขยะอยู่นั่นเองแมวสีส้มลายสลิดไม่คุ้นหน้าก็เดินมาคลอเคลียพันแข้งพันขา ดูเหมือนว่ามันจะเข้ามาอ้อนขอของกิน

          “อุ๊ย น้องแมว” เมื่อเห็นสิ่งที่ชอบทำเอาหนุ่มผู้สูงหกฟุตถึงกับทำเสียงสอง “มาจากไหนครับ ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย?”

          พูดคุยด้วยอย่างกับว่ามันจะตอบกลับได้ ร่างสูงย่อตัวลงเกาคางให้มัน เจ้าเหมียวตัวนั้นก็ส่งเสียงเพอร์ในลำคอท่าทางพึงพอใจใหญ่ มันดมมือของเขาฟุ้ดฟิ้ดก่อนจะใช้ลิ้นสาก ๆ เสียมือจนรู้สึกจักกะจี้

          “หิวเหรอ? เสียดายอาหารแมวที่พกมาอยู่ในกระเป๋า แกรอฉันอยู่ตรงนี้ได้ไหม?”

          “เมี้ยว”

          เจ้าแมวส่งเสียงร้องพลางทำตาใส แต่ในชั่ววินาทีนั้นเอง..

          “กรร!!!”

          จู่ ๆ เจ้าเหมียวส้มก็กระโดดเข้าใส่ ดีนไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ยังพอมีสัญชาตญาณอยู่บ้างเขาจึงเด้งตัวหลบออกมาแต่มิวายจะถูกกัดเข้าที่ไหปลาร้า หากว่าเขาไม่หลบแล้วล่ะก็คมเขี้ยวของสัตว์ร้ายคงฝังเข้าที่ลำคอเป็นแน่

          “โอ๊ย!!”

          ดีนผลักเจ้าแมวปีศาจนั้นออกไปแล้วก้มลงมองรอยแผลที่ได้มา บาดแผลลึกจนเลือดซึมหยดเปรอะเลอะเสื้อพนักงานที่สวมใส่ และที่สำคัญ.. รอยฟันนั้นไม่ใช่ฟันแมวแต่เหมือนฟันของคนเสียมากกว่า

          ในจังหวะที่ชายหนุ่มมัวแต่สนใจบาดแผล แมวปีศาจที่ได้ลิ้มรสเลือดไปแล้วออกอาการคลั่ง ตัวของมันบวมเป่งก่อนจะค่อย ๆ กลายร่างเป็นอสุรกายสูงแปดฟุตที่ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือตัวอะไร

          “ฉิบหายแล้ว!!”

          เมื่อรู้ตัวว่าตนตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมากกว่าที่คิดเขาก็โกยแนบอย่างไม่คิดชีวิต แต่คนธรรมดาไร้พิษสงจะไปสู้กำลังของอสุรกายได้อย่างไร มันกระโดดไม่กี่ทีก็ถึงตัวดีนที่ออกวิ่งมาได้หลายสิบเมตร มันกดตัวของเขาจนล้มฟาดไปกับพื้นถนน

          “อั่ก!”

          แม้พยายามกระเสือกกระสนแต่ไม่อาจหนีไปได้ไหน กำลังที่กดทับลงมาหนักหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อเหลือบหางตากลับไปมองเขาเห็นเพียงเงาดำขนาดยักษ์และกรงเล็บแหลมคมที่งอกออกมาจากอุ้งมือเหมือนปีศาจนักฆ่าในหนังสยองขวัญ ใบหน้าคมเข้มแทบจะถอดสี สิ่งที่เห็นตรงหน้าจะกลายเป็นภาพสุดท้ายในชีวิตของเขาอย่างนั้นหรือ? ความกลัวจนหัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกมาจากอก ยิ่งกรงเล็บนั้นเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ดีนก็ได้แต่เบือนหน้าหลับตาปี๋

          ‘ตายจริง ๆ แล้ว! คราวนี้ตายแน่ ๆ’

          ‘ไม่เอา! ยังไม่อยากจบลงตรงนี้!’

          ‘ฉันเพิ่งจะได้งานใหม่เองนะเว้ย!’
     
          ‘พ่อ แม่ ลุงไมค์ ช่วยด้วย!’

          ฉั่วะ!

          ของแหลมคมพุ่งผ่านทะลุร่างที่อยู่ด้านบน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแหลมหูจากอสุรกาย จากนั้นสายน้ำเย็นก็ตกลงมาใส่ตัวเขาจนเปียกชุ่ม ดีนรู้สึกว่าแรงกดทับหายไปเหลือแต่เพียงความเย็นยะเยือกของค่ำคืนปลายฤดูหนาว

          “นายเป็นอะไรไหม?”

          สุ้มเสียงของใครบางคนเอ่ยถาม คล้ายกลับว่าเขาเพิ่งจะเคยได้ยินเสียงนั้นเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนหน้านี้เอง ดีนค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ไร้ร่างของปีศาจที่หมายจะคร่าชีวิตอยู่ตรงนี้ สิ่งที่เขาเห็นคือฝ่ามือของบุคคลปริศนาที่ยื่นมือมาเพื่อช่วยพยุง ไล่สายตาขึ้นไปอีกก็เห็นว่าเจ้าของมือนั้นเป็นลูกค้าคนสุดท้ายที่เขาเพิ่งรับออเดอร์ไป ดีนจับมือนั้นแล้วดึงตัวเองขึ้นมา

          “ขอบคุณ… คุณ เอ่อ... ช่วยผมไว้เหรอ?” ด้วยความอึ้งทำเอาคนพูดมากเป็นใบ้ไปชั่วขณะ “เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ คุณเห็นไอ้ตัวเมื่อกี้ไหม?”

          “โทษที นายอายุเท่าไร?”

          ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเป็นคำถามที่ทำเอางง แต่ก็ยอมตอบ

          “ยี่สิบสาม.. ผมเพิ่งอายุยี่สิบสามไปเมื่อสองวันก่อน.. ว่าแต่ถามทำไมเนี่ย?”

          ชายคนนั้นไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับแสดงท่าทีสงสัยใคร่รู้เสียเหลือเกิน ดวงตานั้นจ้องมองดีนที่กอดตัวเองสั่นกึก ๆ ปากก็พึมพำอะไรบางอย่างที่จับใจความได้แค่ “เหลือเชื่อ..” กับ “หรือว่าจะ..” จนสุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมเปิดปาก

          “ชีวิตนายตกอยู่ในอันตรายมาก ไม่ว่าที่ไหนบนโลกก็ไม่ใช่ที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับนาย แต่มีที่นึงที่พอช่วยได้”

          “หา? อะไร พูดอะไรของคุณเนี่ย?”

          ในหัวมีแต่ความสับสน ทว่าชายผมบลอนด์ไม่ได้อธิบายอะไรไปมากกว่านั้น แต่กลับส่งนามบัตรใบหนึ่งมาให้เขาแทน

          “ไปที่ลองไอแลนด์ ตามแผนที่นี้ ค่ายฮาล์ฟบลัดช่วยนายได้ ถ้าเป็นไปได้ก็รีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด”

          “ค่ายฮาล์ฟบลัด?”

          ดีนมองนามบัตรสีส้มที่เพิ่งได้รับมาแล้วรู้สึกคุ้นหูเหลือเกินว่าเคยได้ยินชื่อนี้มากจากที่ไหนมาก่อน

          .
          .
          .

          - สามปีที่แล้ว -

          ต๊อก ต๊อก ต๊อก

          ดีนถูกทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียวในห้องเงียบ ๆ เปิดแอร์เย็นฉ่ำจนหนาว และมีเสียงเข็มนาฬิกาเดินอย่างสม่ำเสมอจนหลอนหู เบื้องหน้าของชายหนุ่มมีกระดาษแบบทดสอบวางอยู่ซึ่งดีนก็ทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ในตอนนี้เขาเพียงแค่รอ รอพบกับจิตแพทย์ที่น่าจะช่วยให้คำตอบแก่เขาจากอาการเห็นภาพหลอนได้

          ตั้งแต่เด็กมาแล้วที่ดีนเกิดอาการเห็นภาพหลอน ตอนยังไร้เดียงสาเขาเชื่อคำคุณพ่อคุณแม่ว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นเพียงเพื่อนในจินตนาการที่เขาสร้างขึ้นและมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เห็น แต่ไป ๆ มา ๆ สิ่งที่ทึกทักเอาเองว่าเป็นเพื่อนในจินตนาการบางตัวกลับทำร้ายเขา มีบางตัวเหมือนกันที่เข้ามาช่วยเหลือแต่เป็นส่วนน้อย กระนั้นก็พูดได้ยากว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นสิ่งที่ตนสร้างขึ้นมาจากจินตนาการ เพราะหากเป็นเพียงความคิดเขาคงไม่ได้แผลจากสิ่งเหล่านั้น และยิ่งนานวันเข้าอาการเห็นภาพหลอนยิ่งแจ่มชัดขึ้นทุกวันจนทำเอาเขาแทบเป็นบ้า

          ใช้เวลาตั้งเป็นเดือนถึงจะเก็บเงินค่าขนมเอามาเป็นค่าเข้าพบจิตแพทย์ ดีนในวัยยี่สิบปีจึงตั้งความหวังกับการหาหมอในครั้งนี้มาก

          กระดาษแบบทดสอบถูกเอาไปตรวจ ไม่นานบุรุษในชุดแพทย์ก็เข้ามาในห้องให้คำปรึกษา

          “ผลของแบบทดสอบบอกว่าคุณปกตินะครับ”

          “อ้าว..”

          “แต่ในเมื่อคุณนีลมาหาหมอแล้วก็ยินดีให้คำปรึกษาครับ พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

          ใจชื้นขึ้นมาหน่อย นึกว่าจะเสียเงินเก็บไปฟรี ๆ เสียแล้ว เขาก็เลยเริ่มเล่าตั้งแต่ต้นด้วยท่าทีเขินอายนิดหน่อย ทำไงได้ ถึงจะเป็นงานของหมอแต่เขาก็ไม่อยากถูกวินิฉัยว่าเป็นบ้านี่หน่า

          เมื่อแพทย์รับฟังปัญหาก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะพึมพำออกมาเหมือนคนกะจิตกับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

          “ไม่น่าจะใช่น่า.. อายุขนาดนี้แล้วจะเป็น▓▓▓จริง ๆ งั้นเหรอ…”

          “เอ่อ.. หมอ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าโรคที่ผมเป็น มัน.. มันเป็นจิตเภทชนิดร้ายแรง?”

          เห็นหมอเป็นแบบนี้ก็อดที่จะลนลานไปด้วยไม่ได้ ทว่าคำตอบที่ได้รับทำเอาอึ้ง

          “ผมคิดว่าคุณเป็นเดมิก็อดหรือก็คือบุตรของเทพเจ้าครับ ทางที่ดีคุณควรไปค่ายฮาล์ฟบลัดที่ลองไอแลนด์ แต่ตอนนี้ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าคุณรอดมาจนอายุยี่สิบได้ยังไง”

          “อ้าวเฮ้ยหมอ จู่ ๆ ก็มาชวนเข้าลัทธิอะไรเนี่ย เพ้อเจ้อ! ผมไม่รักษากับคุณแล้ว!”

          แล้วดีนก็ปึงปังออกมาจากคลีนิกประเดี๋ยวนั้น มีที่ไหนไปหาจิตแพทย์แต่กลับพบว่าหมอเป็นบ้าเสียเอง แล้วยังมาชวนเข้าลัทธิประหลาดบอกว่าตนเป็นลูกเทพต้มตุ๋นประชาชนไปซะอีก เขาจำได้ว่าในตอนนั้นตัวเองโมโหมาก เสียเงินไปตั้งหลายร้อยดอลล่าแต่กลับได้เรื่องซี้ซั้วอะไรก็ไม่รู้กลับมา ตอนนั้นคิดจะแจ้งความแต่ไม่เอาดีกว่า ไม่มีเงินค่าจ้างทนาย

          .
          .
          .

          - ตัดกลับมายังปัจจุบัน -

          “อ๋อ ค่ายฮาล์ฟบลัด จำได้แล้ว”

          “เคยได้ยินชื่อนี้สินะ ถ้างั้นก็ง่ายหน่อย เป็นไปได้รีบไปให้เร็วที่สุด แล้วก็.. ระวังเลือดด้วย อย่าให้เลือดออกไม่งั้นพวกมันจะยิ่งได้กลิ่น”

          “ฮะ.. เออ จริงด้วยเลือด”

          เกือบจะด่าแล้วแต่อีกฝ่ายมาทักเรื่องแผลเสียก่อนจึงต้องรีบเอามือกดทับที่บาดแผลนั้นเอาไว้

          “ถ้างั้น ผมขอตัวก่อน”

          คนที่มาช่วยจากไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นอัศวินรัตติกาล ปล่อยให้ดีนยืนหนาวอย่างงงงวยเพียงลำพังแล้วได้แต่มองนามบัตรสีส้มที่อยู่บนฝ่ามือ

          .
          .
          .

          เกือบเป็นวันที่ดีแล้วแต่สุดท้ายก็จบไม่สวย

          ดีนกลับมาถึงห้องพักก็เกือบตีหนึ่ง เรื่องที่เจอมาทำเอาชายหนุ่มนอนไม่หลับจนต้องส่งข้อความแชทหาใครบางคน

          D.E.A.N.: โย่ ดารี่
          D.E.A.N.: หลับหรือยัง?
          D.E.A.N.: ตีหนึ่งแล้วคงนอนแล้วมั้ง
          D.E.A.N.: ช่างเถอะ
          D.E.A.N.: ฉันมีเรื่องจะเล่า มาคุยกันหน่อย
          D.E.A.N.: พรุ่งนี้ที่เก่าเวลาเดิม
          D.E.A.N.: บาย




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 87070 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2024-2-28 12:54
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-3-31 14:18:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Lost Parcel
Feria Hayes
เฟเรีย พร้อมด้วยกาเอลและพี่ศิลาได้พากันมาถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู้ต Wendy’s ตามเบาะแสที่พวกเธอได้รับมา ถึงจะรู้ว่ามันคือกับดักอย่างเห็นได้ชัดแต่แล้วทำไมล่ะ ก็เอาสิ กับดักก็กับดัก เธอจะสู้ให้หมดเลย ว่าแล้วสาวน้อยก็ส่งสัญญาณมือให้พี่ศิลากับกาเอล แยกย้ายไปตามหาพัศดุที่หายไป

“ม่าม๊าช่วยด้วยฮะ”

เสียงร้องของกาเอลดังขึ้นมาก็พบว่ามันคือจ่าฝูงก็อบลิน แล้วที่มันถืออยู่นั่นมันหมวกคาวบอยที่มันถูกระบุบนกล่องขนส่งที่เธอไปเจอที่ไซน่าทาวน์นี่นา

“กาเอลหลบไปก่อนนะ ย๊าก”

เธอหยิบหอกออกมา เข้าต่อสู้กับจ่าฝูวก็อบลินตัวนั้นจนเอาชนะมาได้อย่างง่ายดาย ก็นะเธอเคยเอาชนะมันมาก่อนนี่นา มันจะไปยากอะไรกันล่ะ แต่ว่าก่อนจะสลายไปมันดันโยนไปให้ฮาร์ปี้ตัวหนึ่งเข้า

“ดูท่าเจ้าพวกนี้จะทำงานกันเป็นทีมนะ ว่าไงน้องสาวสู้ไหวไหม”

“เห็นหนูเป็นใครคะ แค่ฮาร์ปี้เองสบายอยู่แล้ว”

ว่าแล้วเธอก็ขว้างหอกใส่ปีกของฮาร์ปี้แล้วเข้าต่อสู้กับฮาร์ปี้ตัวนั้นอย่างสบาย ๆ โดยมีพี่ศิลาหยิบดาบมาคอยรอสนับสนุนอยู่ข้างหลังและมีกาเอลคอยเชียร์อยู่ในที่ปลอดภัย จนกระทั่งเธอเอาชนะมาได้และได้หมวกคาวบอยคืนมา





ในตอนนั้นเองที่ปรากฎร่างของชายคนหนึ่งเข้ามาโจมตีเธอ

“อะไรกันนี่”

เฟเรียใช้หอกป้องกันการโจมตีก่อนที่จะเริ่มเข้าปะทะกับชายปริศนาอย่างดุดัน แต่ว่านี่มันอะไรกันนี่ทั้ง ๆ ที่ก็โดนไปหลายรอบนะ แต่ไม่บาดเจ็บอะไรเลยเหรอ นี่มันอะไรกันสร้างมายาเหรอ ทำไมรู้สึกเธอเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวเลย

“แฮ่ก ๆ อะไรกัน ทั้ง ๆ ที่คิดว่าโจมตีเข้าแล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่เข้าเลยนี่นะ”

การต่อสู้เยื้องไปจนกระทั่งเธอเหนื่อยอย่างสาหัสแล้ว จนเธอทรุดร่างลงกับพื้นในสภาพที่ยืนแทบไม่ไหว ต้องใช้หอกยันตัวเองเอาไว้ให้ลุกขึ้นมาได้แทน กาเอลก็เข้ามาดูอาการของเธอด้วยความเป็นห่วง

“ม่าม๊า”

“ธิดาแห่งเทพฮิปนอส มีฝีมือแค่นี้เองสินะ จำชื่อผมไว้ล่ะ ผม ลุค คาสเทลแลน ผู้กลับมาจากความตายและล้างแค้น”

“ละ ลุค คาสเทลแลน เหรอ”

ด้วยความเหนื่อยล้าทำให้ภาพตัดไปจนเลยสลบไป พร้อมภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือคนที่ชื่อลุคคนนั้นได้เดินจากไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +7 เกียรติยศ +20 ความกล้า โพสต์ 2024-3-31 14:22
โพสต์ 6572 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-3-31 14:18
โพสต์ 6,572 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +1 ความศรัทธา จาก เกราะหนัง  โพสต์ 2024-3-31 14:18
โพสต์ 6,572 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2024-3-31 14:18
โพสต์ 6,572 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก กำไลหินนำโชค  โพสต์ 2024-3-31 14:18
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมดอกป๊อปปี้
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
กำไลหินนำโชค
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x4
x7
x11
x24
x6
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x6
x18
โพสต์ 2024-4-13 01:28:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด


SΔCRΦΓΦCΞ DΩΞS ΠΩT ΒRΦΠG VΦCTΩRΨ.







ร้านเว็นดี้.. ใครจะไปคิดว่าเขาจะเอามาไว้ในที่แห่งนี้ด้วย บางอย่างบางครั้งบบางที่มันก็เป้นเหมือนจุดบอดในสายตา เหมือนกับบางสิ่งที่เข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ ชายชราเองเข้าใจในความเอาใส่ใจของผู้ดูแลที่นี่ จึงนำร้านที่พบเห้นได้ทั่วไปในภายนอก นำเข้ามา โดยที่ให้บริการเหมือนๆกับสาขาที่เปิดอยู่เหมือนกันหมด ซึ่ง มันสะดวกตรงที่ เหล่าสายเลือดเทพ ไม่ลำบากออกไปหาของกินตามร้านข้างนอกเสี่ยงอันตราย

แต่ถึงกระนั้น มันก็มักจะมีเรื่องให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ เหมือนอย่างเช่นในข้างนี้ อีกทั้งเป็นเรื่องของสายเลือดเทพีแห่งชัยชนะเสียด้วย แม่ของชายชราคงไม่อยากจะเห็นร่างไร้วิญญาณในสภาพที่ไม่ชวนดูแน่นอน หลังจากที่เขานั้น ได้รับข้อมูลจากเทพีผู้เป็นแม่ของเขาเรียบร้อย รูปพรรณสันฐานที่ชัดเจนนั้น ทำให้เขานำรูปของเด็กหญิงคนนี้ ไปถามคนในระแวกนั้นได้ ในขณะนั้นเอง..

"ช่วยด้วย.. ช่วยด้วย โทรลหลุดจากไหนก็ไม่รู้ ที่ร้านเวนดี้.. ใครก็ได้ ไปช่วยหน่อย ยังมีคนติดอยู่ในนั้น" 

ทันทีที่ชายชราได้ยินเสียงดังมาจากอีดฝั่งนึงของเขตย่านการค้า สิ่ที่เขามองเห็นมาแต่ไกลคือ โทรลตัวใหญ่ที่ดูเหมือนมันกำลังหาอะไรบางอย่าง และพยายามกำลังข้นซากของร้านอาหารที่ถูกทุบอย่างแทบจะไม่เหลือโครงเดิมของร้านมาก่อน นั่นทำให้เขารู้สึกได้เลยว่า นั่นล่ะ สิ่งที่เขาคิดว่าจะต้องเข้าไปช่วย มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่แม่ของเขาได้บอกไว้คร่าวๆ ว่ามีอสุรกายที่กำลังตามกลิ่นของเด็กหญิงอยู่ และเด็กคนนั้นก็คงจะเข้าไปหลบในที่ร้าน จนทำให้โทรลพยายามพังร้านนั้นเข้าเพื่อจับเธอ

ชายชราเก็บโทรศัพท์ของเขาลงกระเป๋าก่อนที่จะวิ่งฝ่าฝูงชนเพื่อสะกัดกั้นการเคลื่อนไหวของโทรลตัวนั้น และหันเหความสนใจของมันมาทางตัวเขา ทั้งหอกและโล่ห์ใหญ่ของเขาเปิดออกพร้อทโจมตีรับมือ เริ่มการสกัดกั้นนั้น ตัวเขาเองที่เคยดวลกับโทรลตัวต่อตัว บางครั้งความฉลาดน้อยของมันก็เป็นข้อด้อยที่ตัวมันนั้นจะสามารถจัดการกับอสุรกายร่างยักษ์ได้อย่าง่ายดาย เพียงแต่ครั้งนี้ ดูโทรลตัวนี้ มันมีเพียงเป้าหมายเดียว ซึ่งยังอยู่ในซากของร้านอาหารนั้น โดยความว่องไว ชายชราวิ่งกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน ก่อนที่จะกระแทกมันด้วยสันโล่ห์ อย่างแรงจนทำเอาร่างกายทุกส่วนของมันชักกระตุกและพยายามที่ใช้มือข้างหนึ่งขวาร่างที่อยู่ด้านหลังของมันเพื่อจัดการ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะหลังจากนั้น ชายชราก็ปักหอกสร้างบาดแผลไว้ที่จุดตายของมัน เพื่อรอให้ตัวของมันนั้นตายลงอย่างช้าๆ 

ในชณะนี้เขามีเวลามากพอที่จะสามารถยื้อสุรกายร่างยักษ์นั้นให้ไม่มาสนใจซากของร้านอาหาร ชายชราเดินเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว และรีบค้นหาพี่น้องสายเลือดเดียวกันก่อนที่จะพากลับไป จากข้างนอกที่เละเทะจนดูสภาพไม่ออกจริงๆว่ามีใครอดมั้ย เขาจึงพยายามวิ่งเข้าไปหาด้านใน ซึ่งในห้องครัวนั้น ยังไม่ได้รับความเสียหายมาก ชายชราพยายามตะโกนเรียกเสียงดังฟังชัด และนั่นทำให้เด็กหญิงปริศนา ซึ่งก็คือเป้าหมายของเขา ภารกิจคำขอร้องจากเทพีแห่งชัยชนะจึงสำเร็จ แต่มันก็ยังไม่เรียกว่าสำเร็จจนได้ ก่อนที่จะฆ่าอสุรกายที่อยู่ด้านหน้าจนสิ้นสภาพ

"พี่.. พี่มาช่วยหนูใช่มั้ย?" เด็กหญิงถามด้วยความกลัว

"ใช่.. ใช่พี่มาช่วย แต่ตอนนี้ยังไม่เสร็จสิ้นหรอก เดี๋ยวพี่ขอจัดการอะไรนิดหน่อย แล้วพอพี่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่จะกลับมารับหนูนะ"

"ได้ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ"

"แน่นอน.. พี่จะกลับมารับหนู่หลังจากเสร็จแล้ว เรากลับบ้านด้วยกันนะ" 

เมื่อคุยกันจบ เด็กหญิงก็วิ่งกลับไปยังจุดที่ซ่อนเดิมของตัวเอง ส่วนชายหนุ่มนั้น สิ่งที่เขามีในตอนนี้ ก็คือหอกและโล่ห์ใหญ่กลมแห่งสปาร์ตันที่เขานั้นภูมิใจ แม้เขานั้นจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่แน่นอนว่า ความกล้าหาญของเขานั้น ไม่มีทางด้อยไปกว่าวีรชนในอลิเซี่ยมอย่างแน่นอน 

ชายชราร่างใหญ่เดินออกมาเฟชิยหน้าพร้อมกับอาวุธของตนเอง ชายชรากระหอกยาวของเขากับโล่ห์ ก่อนที่จะคำรามเสียงดัง ปลุกความฮึกเหิมราวกับทหารกล้าในสมรภูมิของทหารสปาร์ตัน

" เจ้าจะไม่มีสิทธิ์กับชีวิตของคนอื่น หากความทึ่มของเจ้ามันไม่ได้ช่วยให้เจ้าคิดได้ ข้านี่ล่ะ จะเป็นคนบั่นคอของเจ้าเอง.." 

พูดจบ ก็ไม่จำเป็นต้องว่าอะไรต่อ ชายชราวิ่งเข้าใส่พร้อมตั้งโ,่ห์กันหน้าเอาไว้ เพื่อรอการโจมตีที่คาดเดาได้อย่างง่ายดายของมัน แล้วทำการสะท้อนการโจมตีอันรุนแรง ด้วยโล่ห์และกลำังของตนเองที่มี จังหวะที่มันเงื้อพลองเข้าใส่ ชายชราจะยกโล่ห์ขึ้นกั้น โดยในขณะที่พลองไม้ขนาดใหญ่หวดลงมา เขาจึงส่งแรงไปยังแขนฝั่งโล่ห์จนกระทั่งในจังหวะที่พลองฟาดเข้าโล่ห์นั้นเอง การตอบโต้ของโล่ห์ที่ปัดออกไป ทำเอาแขนของโทรลสะบัดออกไปด้วยความตะลึง 

ในขณะนั้นเอง มันคือช่วงเวลาที่โทรลมันกำลัเสียหลักนี้เอง พุ่งหอกยาวที่ความยาวของหอกนั้นยาวมาก แทงเข้าจุดสำคัญต่างๆ ทั้งข้อเข่า หวดลงไปยังตาตุ่ม ปาดเอ็นร้อยหวายจนมันล้มไปหนึ่งข้าง ในขณะที่ตัวของมันเองนั้นก็ยังไม่ลดละ ยิ่งการโจมตีของมันก็ทำให้แขนซ้ายที่สวมโล่ห์นั้นรับภาระหนักมาก และแล้วโอกาสพลาดของเขาก็มาถึง

"ตูม!! ตึงงง!!" 
ดูเหมือนว่าโทรลที่ใกล้ตายมันก็ยังอุส่าห์เอาแรงเฮือกสุดท้ายหวดเข้าเต็มร่างของชายชราจนร่างของตนพุ่งไปติดผนังฯ เลือดที่เกิดจากบาดแผลทำให้เขานั้นหมดแรง แต่เจ้าโทรลนั้นกลับยังฝืนสังขารของตนเองเพื่อที่จะเดินเข้ามาและหมายจะทุบร่างที่ใหญ่โตนี้ให้เละกลายเป็นชิ้นเนื้อ และเด็กหญิงเองก้ไม่เว้น แต่ดูเหมือนว่า เวลาตายของทั้งสองนั้น ยังไม่ถึงเวลา..

"ปังๆๆ" 
เสียงปืนพกอัจฉริยะ รัวกระสุนผ่านจุเล็ง ในทันทีที่กระออกจากปากกระบอกแล้วนั้น เหล่ากระสุนก็พุ่งเข้าเป้าหมายที่เล็งเอาไว้เพียงจุดเดียว กระสุนเทคฯที่ทะลุพร้อมกันสี่นัด จนทำให้กระโหลกของโทรลยักษืทละุเป็นรู ก่อนที่ร่างยัก์นั้นจะล้มลง สิ้นสภาพ ซึ่งนั่นคือฝีมือของผู้ตรงกาลของค่าย 

"พี่ชาย ทำใจดีเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งตายนะ พี่ชาย อยู่กับหนูก่อน ฮืออออ"



แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +15 ความกล้า โพสต์ 2024-4-13 01:40
God
คุณและน้องสาวหลบหนีโทรลล์ไปทางตรงข้ามกับค่าย -- สู้โทรลล์ที่กำลังไล่ตามใหม่หรือไปซ่อนตัวก่อน  โพสต์ 2024-4-13 01:37
โพสต์ 28059 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-4-13 01:28
โพสต์ 28,059 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +10 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก ช่ำชองการรบ[I]   โพสต์ 2024-4-13 01:28
โพสต์ 28,059 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก ความถึก  โพสต์ 2024-4-13 01:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ช่ำชองการรบ[II]
กระโดดแห่งชัยชนะ
น้ำหอมบุรุษ
นาฬิกาสปอร์ต
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ความถึก
กำไลหินนำโชค
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x4
x60
x4
โพสต์ 2025-1-7 00:24:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Robin เมื่อ 2025-2-17 10:59


Whoops, I kidnapped 
a
 Sleeping Beauty!
sidetrack : day 1 (26 dec 2024)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกจริงๆ


โรบินซดซุปเต้าเจี้ยวหอยลายที่เริ่มเย็นชืด รสเค็มปะแล่มกับความเผ็ดปลายลิ้นแทบไม่ช่วยปลอบประโลมความกระอักกระอ่วนในใจได้เลย สมองของเธอหมุนเร็วจี๋ พยายามหาทางออกจากสถานการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง…

เธอไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการว่าครั้งหนึ่งจะต้องมานั่งทำอะไรที่ใกล้เคียงกับการเป็นสตอล์กเกอร์ หรือแย่กว่านั้น... คนโรคจิต แต่ตอนนี้ กลับต้องมานั่งนิ่งๆ ในโรงอาหาร จ้องมองกลุ่มคนที่นั่งหัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ไม่ไกล

สายตาของเธอหยุดที่หญิงสาวผมดำ หน้าตาออกไปทางเอเชียคนหนึ่งในกลุ่มคนจากบ้านพักหมายเลขสิบห้า เธอดูผ่อนคลายและกำลังขยับตัวไปตามจังหวะเพลงในหูฟังอย่างไร้กังวล โรบินจำได้ทันทีว่านั่นแหละคือเป้าหมายของเธอ เฟเรีย เฮย์ส

นอกจากเพื่อนร่วมบ้านฮิปนอส โรบินเลื่อนสายตาผ่านไปยังสิ่งที่ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่กว่าเดิม…ก็อบลินตัวเล็กๆ ที่นั่งข้างๆ เฟเรียกำลังหัวเราะร่า ภาพนั้นดูเหมือนกลุ่มเพื่อนมนุษย์ธรรมดา แต่โรบินรู้ดีว่าอมนุษย์ตนนั้นพร้อมพุ่งเข้าใส่ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น

‘กางเกงในไดโอนีซุสเหอะ ฉันเกลียดงานนี้จริงๆ’


คืออย่างนี้ ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อสิบห้านาทีก่อน ตอนที่เงาร่างซีดขาวของสตรีนางหนึ่งปรากฏขึ้นจากกรวยหมอกหมุนวนสีดำทั้งสามทิศของโถงรูปปั้นในบ้านพักหมายเลขสิบเอ็ด ตอนที่โรบินกำลังภาวนาถึงเฮอร์มีส...พ่อผู้หายสาบสูญ และก็เป็นอีกครั้งที่นอกจากจะไม่เจอคนที่ต้องการแล้ว เธอยังต้องเจอกับความสยองสุดขีดเมื่อเงาทั้งสามสายเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ มารวมกันเป็นร่างของหญิงสาวในชุดราตรีสีดำที่สวยจนน่าใจหายตรงหน้า

“โรบิน มิไคเลอร์วิช” ผู้หญิงคนนั้นเปล่งเสียงเข้ามาในสมองของเธอโดยไม่ขยับปาก โรบินอยากวิ่งหนีจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเพราะดวงตาสีดำขลับ… ที่แม้แต่ตาขาวก็เป็นสีดำคู่นั้นกำลังจ้องมาราวกับได้อ่านเรื่องราวทั้งชีวิตของเธอมาแล้วประมาณล้านรอบ

แต่เธอขยับขาออกไปไม่ได้เลย

“คุณ… เอ่อ ท่าน…ท่านคือใครคะ?” โรบินน้ำตาแทบไหลเมื่อพบว่าเสียงของเธอนั้นทั้งเล็กทั้งแหลมราวกับหมูโดนเชือด คนคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ แต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งนี้คืออะไร เทพเจ้า อมนุษย์ หรือจะเป็นอสุรกายฤดูหนาวที่ยังไม่ถูกกำจัดหรือเปล่า เป็นไปได้ว่าอาจจะมีสักตัวที่หลบซ่อนอยู่ในค่ายโดยที่ไม่มีใครรู้

“โอ้…” นางหัวเราะเสียงเรียบ หมอกควันเล็กๆ ที่วนเวียนข้างเท้าของนางก็ดูเหมือนจะมีชีวิต มันขยับยุกยิกอย่างสนุกสนานราวกับกำลังกลั้นหัวเราะไปพร้อมกับเจ้าของ ทันใดนั้นคบเพลิงแบบโบราณก็ปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างของผีสาวนางนี้ “ถ้าไม่มีเรา เจ้าก็คงจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ เราคือเฮคาที เทพีแห่งเวทมนตร์ จงใช้พรสวรรค์ที่เจ้าได้รับจากบิดาของเจ้าช่วยเหลือเรา สาวน้อย”

โรบินได้แต่ยืนทำปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เทพีแห่งเวทมนตร์คนนี้รู้อะไรมากันแน่ถึงได้ปรากฏตัวด้วยฉากจั๊มสแกร์ที่สามารถทำให้คนหัวใจวายตายได้ แถมยังพูดอะไรเอาแต่ใจอยู่คนเดียวอีก

“พรสวรรค์… อะไรคะ?”

เทพีพ่นลมออกจากจมูกด้วยความเหนื่อยหน่าย แสงจากเปลวเพลิงส่องสะท้อนในดวงตาสีดำขลับ “คงต้องมีคนบอกเจ้าเสียที...ว่าถึงจุดหนึ่ง รูปปั้นของเทพบิดาหรือมารดาของเจ้า จะมอบพลังให้บุตรของตนเมื่อพวกเขาพร้อม” เทพีวางคบเพลิงของนางลงบนขาตั้งทำจากหมอกที่โผล่ออกมาจากพื้นตอนไหนไม่รู้

โรบินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “แล้วทำไมถึงตอนนี้…”

เฮคาทียกมือขึ้นขัดจังหวะ ไม่ปล่อยให้โรบินพูดจบ “สิ่งที่เจ้าทำ เราหมายถึงการสัมผัสมือกับรูปปั้น คือการแสดงความเคารพต่อชะตากรรมของสายเลือด” เปลวไฟจากคบเพลิงไหวระริก แต่ไม่ได้ช่วยให้ห้องที่อุณหภูมิต่ำจนเข้าขั้นติดลบอุ่นขึ้นมาได้เลย

“เมื่อสักครู่ เจ้าเพิ่งจะปลดปล่อยศักยภาพทางด้านร่างกายของตัวเองที่ิติดตัวมาแต่กำเนิด สัมผัสอันเฉียบคม ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ สายลมรอบตัวที่โอบล้อมร่างกายจะช่วยให้เจ้าพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว” เทพีเดินวนรอบตัวของโรบินช้าๆ

“แล้ว…คุณต้องการให้หนูทำอะไร?”


กลับเข้ามาสู่ปัจจุบัน

‘จงพาตัวเฟเรียมาให้เรา และจงทำลายคริสตัลลูกนี้ก่อนที่เจ้าจะออกมาจากที่นั่น’

โรบินมองกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆ ที่เขียนชื่อร้านค้าชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางย่านบรอดเวย์สลับกับคริสตัลสีดำในมือ

‘นั่นมันเป็นการก่ออาชญากรรมเลยนะคะ…’

‘ทางเลือก โรบิน มิไคเลอร์วิช’ เสียงของเฮคาทียังดังก้องอยู่ในหัว ไม่ว่าเธอจะพยายามไล่เสียงนั้นออกไปอย่างไร มันก็ยังชัดเจนราวกับเทพียืนอยู่ตรงหน้า ‘ตอนนี้เจ้ากำลังยืนอยู่ ณ ทางแพร่ง และเราคือเทพีแห่งทางแพร่ง’

โรบินนึกเจ็บใจที่มัวแต่กลัว เพราะก่อนที่เธอจะทันได้รวบรวมความกล้าปฏิเสธออกไป หมอกหนาที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น ก็กลืนกินร่างของเทพีจนหายวับไปกลางอากาศเสียแล้ว

และเพราะไม่อยากเป็นศัตรูกับเทพถึงสององค์ในวันเดียวกัน แถมทั้งคู่ยังปวดหัวกับเธอในเรื่องเดียวกันอีก โรบินถึงได้เอาตัวเองออกมากินข้าวในโรงอาหารแทนที่จะกลับไปนอนพักเอาแรง

เมื่อเฟเรียกับก็อบลินของเธอผุดลุกขึ้นไปยังกองไฟเผาอาหาร โรบินถึงลุกจากโต๊ะหมายเลขสิบเอ็ด

“รีบทำให้จบๆ จะได้กลับไปนอนสักที”


[ดูโรลเพลย์เริ่มต้นของเฟเรียประกอบ]


“สวัสดีค่ะคุณเฟเรีย” โรบินสะกิดเข้าที่ไหล่ด้านหลังของหญิงสาวผู้ครอบครองใบหน้าจิ้มลิ้มแบบคนเอเชียจนยากที่จะคาดเดาอายุ พร้อมฉีกยิ้มกว้างเป็นการทักทาย

“...” @Feria  [ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

วินาทีที่เฟเรียหันกลับมา และดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นสบเข้ากับสายตาของโรบิน เธอก็รู้ได้ทันทีว่าภารกิจนี้ไม่ง่ายเลย

“โรบินค่ะ โรบิน มิไคเลอร์วิชจากบ้านพักหมายเลขสิบเอ็ด” โรบินยื่นมือออกไปทักทาย

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ช่ายค่ะ” โรบินลากเสียงยาว “เรายังไม่เคยคุยกันมาก่อน คือฉันเพ่ิงเข้ามาอยู่ค่ายได้ไม่นานน่ะค่ะ”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด “คืออย่างนี้ค่ะ…ไครอนบอกว่าฉันเพิ่งได้รับพลังใหม่จากพ่อ แต่ฉันไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย นึกออกมั้ยคะ? ฉันเลยอยากลองทดสอบดู แต่คนในบ้านส่วนใหญ่ก็ทยอยกันไปข้างนอกหมดแล้ว” โรบินใช้สายตาเมียงมองไปยังโต๊ะอาหารของบ้านหมายเลขสิบเอ็ดที่ตอนนี้ว่างเปล่า “เหลือก็แต่คุณที่ฉันคิดว่าน่าจะช่วยได้...” เธอพ่นทุกอย่างที่ิเตรียมไว้ออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นให้คนที่สามารถน็อคเธอให้สลบได้ด้วยคำไม่กี่คำได้พูดแทรก ภาวนาให้เสียงไม่สั่นจนดูน่าสงสัย

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โป๊ะเช๊ะ!

“ก็... ฉันอยากลองทดสอบพลังวิ่งเร็วค่ะ!” โรบินพูดพร้อมยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น

“ไครอนบอกว่าไอ้พลังนี้เนี่ยมันทำให้ฉันวิ่งเร็วปรู๊ดปร๊าดเหมือนเดอะแฟลชเลยค่ะ เคยดูมั้ย?”

เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “แถมกล้ามเนื้อยังแข็งแรง วิ่งมาราธอนเป็นร้อยกิโลก็ไม่เหนื่อย เขาบอกว่าถ้าไม่เชื่อให้ลองแบกของหนักๆ วิ่งดู ฉันเลยคิดว่าถ้าคุณช่วยฉันหน่อย—”

โรบินกางไม้กางมือออกกว้างเป็นท่าทางประกอบให้ดูเหมือนตัวละครจากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดัง จนเธอแทบจะเชื่อเสียเองแล้วว่าตัวเธอเป็นแบร์รี่ อัลเลนในชีวิตจริง

แต่นั่นก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ ที่ดึงเอาชื่อไครอน—ปรมาจารย์มนุษย์ม้าที่แสนใจดีมาเป็นข้ออ้าง ทั้งที่เขาคงกำลังวุ่นวายกับงานในค่ายจนไม่มีเวลามาไล่ถามเธอว่าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินยกมือโบกปฏิเสธทันควัน “โอ๊ย ไม่ได้หมายความแบบนั้นเลยค่ะ! แค่อยากลองแบกอะไรที่มีน้ำหนักใกล้เคียงคนจริงๆ เพื่อทดสอบความแข็งแรงดูเฉยๆ คือคุณทั้งสูงทั้งสวย รูปร่างของคุณก็ดูสมดุลตามหลักสรีรศาสตร์เอามากๆ ไหนจะมวลกล้ามเนื้อและโครงสร้างของร่างกายที่ดูเหมาะสมกับค่าดัชนีมวลกายที่สมดุลนั่นอีก เลยคิดว่าคุณจะช่วยฉันทดสอบเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยค่ะ!”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ไม่อันตรายเลยค่ะ”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ถ้าอย่างนั้นเรามาเจอกันหน้าค่ายในอีกสิบนาทีก็แล้วกัน”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]



สิบนาทีต่อมา…

โรบินยืนรออยู่หน้าค่าย ก้อนสีทองใต้ต้นสนธาเลียซึ่งเป็นร่างของเจ้ามังกรพิลีอุสกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ มันเงยหน้าขึ้นมาทำจมูกฟุดฟิดครู่หนึ่งและเมื่อเห็นว่าเป็นโรบินยืนอยู่ มันก็กลับไปหลับตาลงเหมือนเดิม โรบินยืดกล้ามเนื้อตามตัวเล็กน้อยเพื่อเตรียมความพร้อม กระชับเสื้อแจ็กเก็ตให้เข้าที่ ทันทีที่เฟเรียเดินมาถึงพร้อมถือหูฟังติดตัว เธอก็ยิ้มกว้าง

“พร้อมหรือยังคะ?”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินย่อตัวลงให้อีกฝ่ายสามารถขึ้นมาบนหลังได้ง่ายขึ้น 

“เกาะให้แน่นๆ นะคะ ฉันจะลองวิ่งแบบเต็มสปีดดู เอ่อ…ระหว่างนี้คุณจะฟังเพลงไปด้วยก็ได้นะคะ ถ้าไม่อยากคุยกับฉัน”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินสูดหายใจเข้าเต็มปอด ข่มความตื่นเต้นที่ปะทุอยู่ในอก เธอกระชับท่าทางให้มั่นคงและเหลือบมองเฟเรียที่อยู่บนหลัง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนตัวเบา แต่น่าแปลกที่เธอกลับแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักใดๆ เลย โรบินกระโดดโหยงเหยงสองสามครั้งเพื่อปรับสมดุล ก่อนจะเริ่มออกวิ่ง

เสียงลมพัดหวีดหวิวดังก้องในโสตทันทีที่โรบินทะยานไปข้างหน้า เส้นผมสีอ่อนสะบัดไปข้างหลังตามแรงลม พื้นถนนที่เธอวิ่งผ่านเบลอเป็นเส้นสีเทาจาง ฝีเท้าที่กระทบพื้นเบาราวกับลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่เฟเรียเกาะแน่น พร้อมเปิดเพลงในหูฟังด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับกำลังนั่งบนเครื่องเล่นสวนสนุก

‘นี่มันต้องเป็นความรู้สึกของแบร์รี่ อัลเลนเวลาวิ่งแหงๆ!’


[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“สนุกใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวรอบหน้าฉันจะพาเหาะข้ามเขาเลย ฮ่าๆๆ” โรบินภาวนาให้มันมีครั้งหน้าเกิดขึ้นจริงๆ ตามที่พูด คือถ้าเธอไม่ถูกสาปให้ติดอยู่ในฝันร้ายตลอดกาลไปเสียก่อนอะนะ



ทั้งคู่ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบริเวณตีนสะพานควีนส์โบโร แสงแดดยามบ่ายแสนอ่อนโยนสาดกระทบโครงสร้างเหล็กของสะพานจนเกิดประกายระยับ ราวกับโครงเหล็กนั้นกำลังเรืองแสงอย่างงดงามกลางเมืองนิวยอร์ก ผิวน้ำของแม่น้ำอีสต์ริเวอร์สะท้อนแสงแดดเป็นระลอกผสานไปกับจังหวะของคลื่นที่เกิดจากเรือโดยสารที่แล่นผ่านไป โดยมีฝูงนกนางนวลบินโฉบไปมาเหนือสายน้ำ เสียงรถยนต์ที่แล่นผ่านดังสะท้อนไปทั่วพื้นถนนเป็นสัญญาณบอกว่าทั้งคู่มาถึงในเมืองแล้ว

โรบินค่อยๆ เบาฝีเท้าลงเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของเฟเรียที่เอนศีรษะพิงไหล่เธออย่างผ่อนคลายบนหลังและได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า ความเงียบสงบชั่วขณะนี้ทำให้เธอมีเวลารู้สึกถึงความมหัศจรรย์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

‘สี่สิบไมล์? ฉันวิ่งมาได้ไกลขนาดนี้เลยเหรอ?!’

หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบระเบิดเมื่อนึกได้ว่าตัวเองออกห่างจากลองไอส์แลนด์มาจนถึงย่านควีนส์ภายในเวลาไม่กี่นาที กล้ามเนื้อของเธอยังคงตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติแม้จะผ่านการทำงานอย่างหนัก เธอยืดตัวเล็กน้อยเพื่อคลายความตึงเครียดในร่างกาย หูเริ่มได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง

'นี่มัน… ชักจะบ้าบอเกินไปแล้ว'


โรบินเร่งฝีเท้าขึ้นไปบนสะพาน ค่อยๆ ไล่ระดับความเร็วในขณะที่สายตาสอดส่ายไปยังทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองนิวยอร์ก วิวตึกสูงระฟ้าและแสงสะท้อนจากกระจกหน้าต่างทำให้ทุกอย่างดูเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ยิ่งพอข้ามสะพานมาใกล้ฝั่งแมนฮัตตัน มุมมองก็เปลี่ยนไปจนเหมือนเธอได้เห็นเมืองในอีกมิติหนึ่ง

จอทีวีที่ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนที่ไม่ไกลจากสะพานแสดงภาพข่าวที่กำลังรายงานสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ ‘กลางวันยาวนาน’ ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ การอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์จากสำนักข่าวใหญ่เป็นหัวข้อที่ถูกยกมาพูดถึง โดยไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดจากเทพีองค์หนึ่งหายตัวไป

“เอ่อ…คุณเฟเรียคะ” โรบินชะลอฝีเท้า เธอปลุกเฟเรียที่อยู่บนหลังพร้อมกับหลบรถยนต์ที่แล่นเฉี่ยวไปมาไปด้วย

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

โรบินเปลี่ยนจังหวะจากวิ่งเร็วมาเป็นจ๊อกกิ้งแทน เพื่อให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกันสะดวกขึ้น “เราแวะหาอะไรกินกันก่อนดีมั้ยคะ?”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ฉันรู้จักอยู่ร้านนึงค่ะ ตรงย่านบรอดเวย์”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ใช่เลยค่ะ ร้านเวนดี้ส์” โรบินแอบร้อง เยส! ในใจเมื่อเฟเรียพูดชื่อร้านที่เธอคิดไว้พอดี แอบแปลกใจเล็กน้อยที่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้จักร้านนี้อยู่แล้ว

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]


ทั้งสองวิ่งมาถึงบริเวณถนนสายห้าที่พลุกพล่าน ใกล้กับเซนทรัลพาร์ค โรบินค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลงเมื่อพวกเธอหักเลี้ยวตรงหัวมุมบล็อกหนึ่ง และได้เห็นร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังที่มีป้ายตัวอักษรสีแดงสะดุดตาเขียนว่า ‘Wendy’s’

โรบินหยุดลงหน้าร้านก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงอย่างระมัดระวังเพื่อให้เฟเรียก้าวลงจากหลังได้โดยไม่ลำบาก “เป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถามพร้อมหอบเล็กน้อย แม้จะพยายามทำเป็นว่าทุกอย่างยังสบายดีอยู่

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“ดีจังเลยค่ะ ฉันคิดว่าคุณจะกลัวซะอีก” โรบินยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันลองแบกคนนะคะ ถ้าคุณไม่กลัว ฉันถือว่าทดสอบผ่านเลย”

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]


ประตูร้านถูกผลักเปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นตามหลัง โรบินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กลิ่นหอมของเฟรนช์ฟรายส์ทอดใหม่และเบอร์เกอร์เนื้อชวนให้น้ำลายสอ เธอสอดส่ายสายตามองหาโต๊ะว่างในร้านที่มีผู้คนคึกคัก

“ตรงนั้นค่ะ” โรบินชี้ไปที่โต๊ะใกล้หน้าต่างซึ่งยังไม่มีใครจับจอง

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]


และแล้วก็มาถึงเวลาที่ชวนให้ใจระส่ำ ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหาร โรบินมองเมนูไปพร้อมกับเหลือบมองปฏิกิริยาของคนข้างๆ ไปด้วย

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ]

“คุณสั่งก่อนเลยค่ะเฟเรีย” โรบินผายมือเชื้อเชิญเฟเรียไปยังพนักงานที่ยืนรอยู่ “ฉันขอไปหาห้องน้ำก่อนดีกว่า วิ่งมาตั้งนาน ดูสิคะ…เหงื่อท่วมไปหมดเลย” ว่าพลางก็กางแขนออกทั้งสองข้าง ด้วยอะไรบางอย่าง นอกจากความปวดหนึบที่น่องขา ร่างของโรบินแทบจะไม่มีเหงื่อด้วยซ้ำ เธอภาวนาว่าเฟเรียจะไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้

[ดูโรลเพลย์ของเฟเรียประกอบ ตัดส่วนข้างล่างแล้วใส่ที่เหลือจนจบได้เลย]

“ค่ะ” โรบินพยักหน้าเตรียมหมุนตัวออกจากร้าน เมื่อเห็นว่าเฟเรียหันหลังให้ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลสีดำออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต ตอนนี้มันวาววับและดูเปราะบางกว่าเดิมได้ยังไงก็ไม่รู้

และเมื่อโรบินโยนลงพื้น มันก็แตกโพล๊ะทันที กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นตรงจุดที่มีเศษซากของคริสตัลกระจัดกระจาย

โรบินคว้าประตูเปิดอย่างแรง แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง เธอได้ยินเสียงครึกโครมวุ่นวายดังมาจากข้างใน

“ขอโทษนะคะคุณเฟเรีย”

โรบินเม้มปาก รีบก้าวออกจากบริเวณร้าน เธอมองเงินในมือที่หยิบติดมาได้ตอนปล่อยเฟเรียลงจากหลัง หวังว่าฟิชแอนด์ชิปปลาดอรี่จากร้านอเมริกันเรโทรบาร์แอนด์กริลล์จะช่วยปลอบโยนทั้งความเหนื่อยล้าและความรู้สึกผิดที่มีต่อเฟเรียลงได้บ้าง


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Summary


1. LUK สูงกว่า 20 ใช้มือเบาแอบฉกเงินจาก @Feria สำเร็จ สุ่มเงินดอลลาร์ เลขไบต์หลักสุดท้าย(4) x LUK(40)/50 = เงินดอลลาร์ที่ได้รับ(3.2 USD)


2. HEROES : โบนัสเพิ่มความโปรดปรานเฮคาที +25 


แสดงความคิดเห็น

God
((เอ็มพูซา 1 ตัว / กริมาลคิน 3 ตัว / แม่มดดำ 3 ตัว / เฟเรียต่อสู้อสุรกายสามชนิดนี้ตามจำนวนที่ปรากฎ และโรลเพลย์ต่อสู้ตามผลลัพธ์----))  โพสต์ 2025-1-7 00:49
God
((ก่อนหมอกควันสีม่วงจะปกคลุมร้านและปรากฎอสุรกายจำนวนหนึ่งเข้ามาล้อมเฟเรีย))  โพสต์ 2025-1-7 00:47
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21-1] เฮคาที เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2025-1-7 00:47
โพสต์ 77124 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2025-1-7 00:24
โพสต์ 77,124 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก วิ่งเร็ว  โพสต์ 2025-1-7 00:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วิ่งเร็ว
รองเท้าเซฟตี้
โล่อัสพิส
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
ดาบสัมฤทธิ์
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ต่างหูเงิน
มือเบา
กำไลหินนำโชค
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x1
x4
x14
x4
x24
โพสต์ 2025-1-7 04:45:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ᏕᏝᏋᏋᎮᎥᏁᎶ ᎶᎥᏒᏝ
Feria Hayes
ณ โรงอาหาร

หลังจากที่ได้รับรางวัลจากท่านซุสเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วเธอก็มานั่งกินข้าวที่โรงอาหาร เธอก็มานั่งกินที่โต๊ะบ้านฮิปนอสอย่างสบายใจพร้อมกับกาเอล แต่ในตอนนั้นเองมันก็มีเรื่องเกิดขึ้นมาซะแล้ว ไม่รู้ด้วยสิว่าเรื่องอะไรหรอกนะ แต่ว่าก็มีเด็กสาวคนหนึ่งที่มาจากโต๊ะของบ้านเฮอร์มีสเดินมาหาเธอราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างกับเธอ แล้วคนคนนั้นก็สะกิดเข้าที่ไหล่ด้านหลังของเธอ ดีแค่ไหนนี่ที่เรเลียกำลังนอนเนียนตัวเองอยู่บนตักเธออยู่นะ

@Robin

เฟเรียงุนงงกับคำพูดของอีกฝ่าย ทักทายเธอเธอไม่แปลกใจหรอกนะ แต่รู้จักชื่อเธอได้ไงก่อนนั่นคือประเด็น มันน่าสงสัยสุด ๆ เลยนะแต่ทำเป็นไม่คิดอะไรแล้วกัน เผื่อจะมีเรื่องอะไรสนุก

“คะ ใครคะ”

เธอหันไปสบตากับอีกฝ่าย @Robin

“อ่า…เราเฟเรียค่ะ เฟเรีย เฮยส์ ธิดาแห่งฮิปนอส โรบินเป็นธิดาแห่งเฮอร์มีสสินะคะ ดูเหมือนเราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยสินะคะ”

@Robin

ดูน่าสงสัยแบบสุด ๆ เลยจริงสิคนคนนี้ ใครที่ไหนเขาลากเสียงแบบนี้กัน ก่อนจะฟังเหตุผลก็พอเข้าใจได้ ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้จักชื่อเธอได้ไงก็เถอะ แต่นั่นแหละขี้เกียจถามค่ะ

“แล้วมีธุระอะไรกับเราล่ะคะ”

@Robin

คำพูดที่ยาวจนรู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่พักหายใจหรือเว้นช่องว่างให้เธอได้ถามอะไร แต่ดูคำพูดของอีกฝ่ายเธอรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายแถ คุณไครอนไม่เคยให้ใครไปทดสอบพลังที่พึ่งปลดได้มา มาทดสอบกับคนอื่น แถมทั้งค่ายมีคนเป็นสิบ ทำไมต้องระบุตัวเธอถึงจะอ้างว่ามีแค่เธอก็เถอะนะ เอาเถอะ ๆ คิดว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศแล้วกันนะ

“แล้วอยากให้เราช่วยอะไรเหรอคะ”

@Robin

“แล้วจะให้เราหาของมาให้คุณแบกเหรอคะ”

เธอเอียงคอเอ่ยถามวัตถุประสงค์ที่เขามาคุยกับเธอ มันต้องขนาดไหนกันนะถึงได้อ้างชื่อคุณไครอนมาด้วยเรื่องแบบนี้

@Robin

“ชมกันขนาดนี้ก็ได้ค่ะ แต่มันอันตรายไหมคะนี่”

@Robin

“งั้นก็ได้ค่ะ“

@Robin

“โอเคค่ะ”

แล้วโรบินก็เดินจากไป เฟเรียก็ก้มหน้าลงกระซิบกับกาเอล

“เป็นไงบ้างกาเอล”

“ได้มันฝรั่งทอดมาจากพี่สาวแปลก ๆ คนนั้นมาถุงหนึ่งครับแม่ แต่ว่าแม่ครับจะไปตามนัดจริง ๆ เหรอครับ”

“เรื่องนั้นแม่รู้อยู่แล้วล่ะ มันแปลกตั้งแต่ที่รู้จักชื่อแม่ตั้งแต่แรกแล้ว ไหนจะที่อ้างชื่อคุณไครอนอีก แถมยังชมอวยแม่ขนาดนั้นเหมือนถูกระบุว่าต้องเป็นแม่คนเดียวอีก แบบนี้ก็รู้เลยว่าถูกระบุตัวมา เพียงแต่วิธีของเธอคนนี้ดูซื่อเกินไปน่ะ ถ้าบอกชื่อมาซะขนาดนี้บอกเลยถ้าแม่ใช้ดรีมทราเวลได้เมื่อไรสนุกแน่ แต่ก็นั่นแหละ เราก็ได้ค่าทำขวัญมาแล้วด้วย จะแกล้งโง่แล้วตามน้ำไปหน่อยแล้วกันนะ”

“งั้นผมไปด้วยนะครับ”

“ไม่ได้ ครั้งนี้แม่จะไปคนเดียวน่ะ”

“แต่มันอันตรายเกินไปนะครับ”

“ก็เพราะอันตรายนั่นแหละ เลยพาไปเสี่ยงไม่ได้”

“อีกอย่างกาเอลก็รู้ว่าแม่ไม่เคยตัวคนเดียว”

เธอลดเสียงลงกระซิบกับลูกชายสุดทีรักพลางมองนำสายตาของเขาไปที่เรเลียที่เนียนอยู่บนไหล่เธอ ใช่ เรเลียอยู่กับเธอเสมอและเนียนมากจนโรบินไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวเลยสักนิด

ณ ประตูค่าย

เฟเรียมาถึงตามคำบอกของโรบินพร้อมสวมหูฟังไว้เรียบร้อยแล้ว แบบเกิดไรขึ้นก็พร้อมหลับหรือแกล้งหลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะเลยก็ได้ทันที

@Robin

“พร้อมแล้วค่ะคุณโรบิน”

เธอปืนขึ้นไปบนหลังของโรบินอย่างช้า ๆ พลางเกาะไว้ให้แน่น โดนมีเรเลียเกาะหลังเธออีกทีหนึ่งแบบเนียน

@Robin

“งั้นก็ขอตามนั้นเลยแล้วกันนะคะ”

เธอจัดการเปิดเพลงกล่อมเบา ๆ คลอในหูฟังก่อนจะทำการหลับตาไป การวิ่งของโรบินเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วสมจริง ๆ ที่ได้พลังวิ่งเร็วมา แต่เธอก็ทำเป็นหลับบนหลังอีกฝ่ายจะดีกว่า

“Zzzzz”

@Robin


เวลาผ่านไป

@Robin

“งื้อ~ ถึงแล้วเหรอคะ”

@Robin

“แล้วจะกินอะไรล่ะคะ

@Robin

“ร้านเวนดี้สินะคะ”

@Robin

“จะไปร้านนั้นก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณเลย…“

หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้ล่ะนะว่าวีรกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้ยที่ร้านนั้นมันมีอะไรบ้าง ทั้งพวกอสุรกายขโมยพัศดุแล้วเธอเจอเบาะแสที่นั่น แถมตอนที่เธอเจอพวกไซคลอปที่พาฝันร้ายหนีไปตอนเธอทำภารกิจพยากรณ์ครั้งแรกอีก เรียกได้ว่ารู้จักดีเลยล่ะ เอาเถอะ ถึงขนาดแบกเธอวิ่งจากค่ายมาถึงที่นี่ก็ขอดูหน่อยแล้วกันว่าจะทำอะไร

@Robin

“ก็ถือว่าดีนะคะ ไม่ทำเราสะดุ้งตื่นด้วยก็ถือว่าผ่านล่ะนะคะ”

@Robin

“ก็ไม่กลัวนะคะ”

ถึงแม้ในใจเธอจะร้องเตือนว่ามีอะไรน่ากลัวจะเกิดขึ้นต่อจากนี้แน่นอน เธออ่านข่าวอยู่บ้างเลยพอรู้อยู่ ว่ามาขนาดนี้คงมีแผนอะไรบางอย่าง แต่นั่นแหละก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมาไม้ไหน คนยิ่งเปลื่อย ๆ กับชีวิตในค่ายอยู่พอดี

@Robin

“ยินดีด้วยนะคะที่ผ่าน”


เข้ามาในร้านของเวนดี้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมเช่นเดียวกับที่เธอเคยมาเมื่อหลายเดือนก่อนล่ะนะ โชคดีที่ไม่มีพวกอสุรกาย ก็นึกว่าจะมีพวกมาดักโจมตีในร้านซะอีกดูท่าจะคิดมากไปสินะ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกนิด ๆ

@Robin

“โอ๊ะ! มีโต๊ะว่างพอดีเลยสินะคะ งั้นเราไปสั่งอาหารกันก่อนดีกว่านะคะ“

@Robin

พวกเราพากันเดินไปที่เคาน์เตอร์สั่งอาหารเพื่อที่จะสั่งอะไรบางอย่างกิน

@Robin

“ก็ได้ค่ะ”

สิ้นคำโรบินก็เดินออกจากแถวเรเลียที่อยู่ที่เนียนอยู่ใต้เสื้อเธอก็โผล่ออกมา

“แม่คะ คนเมื่อกี้เขาเดินออกจากร้านไปแล้วค่ะ หนูเห็นมีลูกแก้วแปลก ๆ ด้วยนะคะ”

“ลูกแก้วเหรอ หรือว่า!”

ไม่ทันได้คิดอะไร หมอกควันสีม่วงก็พรวดพุ่งปกคลุมท่วมร้านและปรากฎอสุรกายจำนวนหนึ่งล้อมเธอจนต้องรีบเอาหอกและมีดสั้นของเธอออกมาพร้อมกันเลย

“แม่มดดำ เอ็มพูซา และกริมาคิมสินะคะ แบบนี้ก็เท่ากับว่าบอกคนอยู่เบื้องหลังเลยนะคะ ท่านเฮคาที”

เธออมยิ้มพลางใช้มือถือตรวจสอบแมวที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนจนรู้จุดเชื่อมโยงของอสุรกายทั้งสามประเภทนี้ ที่รอบนี้มาแบบ เอ็มพูชา 1 ตัว กริมาคิม 3 ตัวแถมยังมีแม่มดดำอีก 3 ตน นี่ต้องยกเป็นกองทัพย่อย ๆ เพื่อจัดการกับกึ่งเทพคนเดียวเลยรึไงนี่ให้ตายสิ

“มากันเป็นกองทัพเราก็ไม่หวั่นหรอกนะคะ มาเต้นกันเถอะค่ะ”

เธอสวมหูฟังก่อนจะเข้าสู้กับกองทัพอสุรกายด้วยตัวคนเดียวอย่างดุเดือดและงดงาม ดีที่เธอพัฒนาขึ้นพอสมควรมากแล้วจากตอนเฮติเลยทำให้จัดการพวกมันได้อย่างง่าย ๆ ง่ายที่เท่ากับ 1 ชั่วโมงจัดการหมดอ่านะ

“แฮ่ก ๆ เหนื่อยเหมือนกันนะคะนี่”

เธอยืนเอามือจับเข่าไว้พลางหอบอย่างหนัก แต่ก็จัดการอสุรกายไปได้จนเหลือตัวสุดท้าย เธอเลยใช้กำปั้นแห่งนิทราชกจนสิ้นไป แล้วเธอจึงเก็บสินสงครามทั้งหมดพลางพยายามทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายลงจนพอหายเหนื่อยสักนิดก็ยังดี ก็อยากรู้อยู่ว่าจะมีอะไรอีกไหม

หลอกแล้วไงคะ ยอมให้หลอก แถมได้มันฝรั่งทอดมากินด้วย อิอิ

สินสงคราม: 
- เส้นผมเอ็มพูซา (เลขไบต์คู่) (ยกเว้นเลขไบต์ 8)
- ขาทองแดง (เลขไบต์คี่) (ยกเว้นเลขไบต์ 1)
(LUK 60+ จะมีโอกาสได้รับมากขึ้น เลขไบต์รองสุดท้ายคือจำนวนที่ได้)

ของดรอปพิเศษ: (เลขไบต์ 1/8)
ได้รับ แก่นวิญญาณเอ็มพูซา

ขนกริมาลคิน
(LUK 60+ จะได้รับตามจำนวนเลขไบต์หลักสุดท้าย)

(LUK 80+ และออกเลขไบต์ 1/7 จะมีโอกาสได้ กุญแจมิติ แทน ขนกริมาลคิน)

สินสงคราม: น้ำยาเวทมนต์

หากมีค่า LUK 40 หน่วย จะอิงจากเลขไบต์หลักสุดท้าย คือจำนวนที่ได้
(เลข 0-1 = 1 ชิ้น)
หากมีค่า LUK 100 หน่วย จะอิงจากเลขไบต์ 0 = 10 ชิ้น

แสดงความคิดเห็น

555555555555555555555555555  โพสต์ 2025-1-7 11:23
God
(เตรียมตัวนอนซม)  โพสต์ 2025-1-7 11:20
God
ก่อนปรากฎตัวสุดท้ายที่จะทำให้หมอกควันสลายไป ไฮดร้า 6 หัว  โพสต์ 2025-1-7 11:20
โพสต์ 25884 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-1-7 04:45
โพสต์ 25,884 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก กำปั้นแห่งนิทรา  โพสต์ 2025-1-7 04:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมดอกป๊อปปี้
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
กำไลหินนำโชค
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x4
x7
x11
x24
x6
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x6
x18
โพสต์ 2025-1-7 19:10:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ᏕᏝᏋᏋᎮᎥᏁᎶ ᎶᎥᏒᏝ
Feria Hayes
หลังการต่อสู้กับกองทัพอสุรกายในสังกัตเทพีเฮคาทีจำนวน 7 ตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้ส่งผลให้เธอได้ของดีอย่างหนึ่งมาพอดีนั่นก็คือพลังจิตวิญญาณนักรบแห่งโอกูที่เธอได้รับมาจากเทพโอกูแห่งเฮติมันสามารถใช้งานได้พอดีเลยเลยทำให้เธอมีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นมาพอสมควรเลย แต่ก็พึ่งรู้ตัวว่าหมอกสีม่วงยังไม่หายไปซะทีเดียวเหมือนกับว่าเจ้ากลุ่มแรกมันแค่อุ่นเครื่องเท่านั่นอย่างนั่นแหละ เพราะตัวที่โผล่ออกมาจากหมอกสีม่วงตัวสุดท้ายก่อนหมอกสลายไปก็คืออสุรกายที่โด่งดังในบรรดาตำนานกรีก ไฮดร้า แถมไม่ใช่แค่ไฮดร้าธรรมดาด้วยสิ

“โห่! พึ่งรู้นะคะว่าจะจัดการกับเดมิก็อตคนเดียวถึงกับต้องใช้อสุรกายที่ร้ายกาจสุด ๆ ในตำนานเลยเหรอคะนี่ เป็นเกียรติจังเลย“

ใช่แล้วล่ะ เพราะมันคือไฮดร้า 6 หัวที่มันร้ายกาจกว่าไฮดร้าปกติพอสมควรเลย ก็เอาสิ แบบนี้ถึงจะสนุกสักหน่อย ดวงตาของเฟเรียเรืองแสงออกมาอย่างเป็นประกายพลางปรากฎรอยสักแห่งโอกูขึ้นบนร่างของเธอก่อนจะเพิ่มพลังในกายเธออย่างมาก และเพื่อความมั่นใจในการต่อสู้ให้เพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก ก็ทำให้เธอเข้าต่อสู้กับไฮดร้าอย่างดีมากขึ้นกว่าปกติ แต่ก็นั่นแหละ พอตัดหัวหนึ่งมันก็งอกอีกหัวออกมาอย่างรวดเร็ว วิธีที่จะกำจัดมันก็คงมีแค่ทางเดียวล่ะนะ

“แม่ค่ะ เจอแล้วล่ะค่ะ ไฟน่ะ”

“ดีเลย ล่อมันไปกันเลย”

ทันทีที่ได้รับการติดต่อจากเรเลียที่เธอฝากหาไฟมาใช้ปราบไฮดร้าในที่สุดก็พบเสียสักที ก็นะที่นี่มันร้านอาหารนี่นา แบบนี้มันมีไฟอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเลย และเป็นจุดอ่อนของไฮดร้าแบบสุด ๆ เลยล่ะ เฟเรียรีบตีลังกาล่อไฮดร้าไปยังส่วนครัวของร้านแล่ว เธอใช้หอกของตนในการตัดคอไฮดร้าทีละหัวก่อนจะใช้ไฟรนซ้ำให้งอกหัวใหม่ได้อีกแล้วเธอก็ใช้วิธีโจมตีพลางกำจัดหัวไฮดร้าไปทีละหัวถึงจะเป็นการต้องเข้าพุ่งชนกับไฮดร้าตรง ๆ จนเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากลมหายใจเพลิงบ้างก็เถอะนะ แต่มันก็ทำให้เธอกำจัดไฮดร้าหกหัวได้จนสำเร็จ

“เห้อ~ หวังว่าจะหมดแล้วนะให้ตายสิ”

สินสงคราม : หัวไฮดร้า (เลขไบต์ 1/6/9)
โอกาสดรอปพิเศษ: เกล็ดไฮดร้า (เลขไบต์ที่เหลือ)
(LUK 60+ จะมีโอกาสได้เกล็ดมากกว่าหนึ่งหน่วยตามจำนวนเลขไบต์)
(หากจัดการ ไฮดร้าหัวเริ่มต้น 6 หัวขึ้นไป จะได้รับ แก่นวิญญาณไฮดร้าเพิ่มเติมอีกชิ้น)
กำจัดไฮดร้าครั้งแรก +2 ตื่นรู้

แสดงความคิดเห็น

God
เจ้าของร้านโวยวายใส่เฟเรีย "ไปเลยๆๆๆ พังหมดแล้วๆ พวกเด็กเปรต เด็กผี"  โพสต์ 2025-1-7 21:14
โพสต์ 6462 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-1-7 19:10
โพสต์ 6,462 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ จาก Daedalus's Legacy  โพสต์ 2025-1-7 19:10
โพสต์ 6,462 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู  โพสต์ 2025-1-7 19:10
โพสต์ 6,462 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก สะกดจิต  โพสต์ 2025-1-7 19:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมดอกป๊อปปี้
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
กำไลหินนำโชค
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x4
x7
x11
x24
x6
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x6
x18
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้