เดนิสต้าอยากจะบ้าตาย
จากบอกลาลานแข่งรถสุดร้อนแรง พร้อมกับร่ำลาทาราส ทิโคนอฟสุดหล่อแสนดีประจำกองร้อยที่หนึ่ง เดนิสต้าก็จำเป็นต้องรีบจ้ำกลับมาที่หอสมุดอันเป็นที่นอนแสนหวานของเธอสำหรับค่ำคืนทรหดที่โหมทำการบ้านจนแทบไม่ได้พักผ่อน ‘ วิชาประวัติศาสตร์สนุกมาก ฉันยอมรับ แต่ฉันเกลียดการบ้าน !! ’ หงส์ดำเพียงหนึ่งในค่ายจูปิเตอร์ที่ไร้ความสามารถด้านภาษาละตินเกือบจะหลั่งน้ำตาอยู่รอมร่อเมื่อเอกสารอ้างอิงแต่ละฉบับที่เธอหาเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการบ้านของเมื่อวานล้วนแต่เป็นภาษาละตินเก่าแก่ที่ถูกเก็บรักษามาอย่างถนอม
ถ้าเธออ่านหรือพูดละตินได้ก็คงจะซาบซึ้งในความทุ่มเทของคนที่เก็บรักษาอยู่หรอก แต่เดนิสต้าทำไม่ได้ โชคยังดีที่อย่างน้อยรากฐานการออกเสียงของภาษาละตินก็ยังใกล้เคียงกับพวกฝรั่งเศสที่เธอถนัด ‘ ฉันเขียนเจ้าการบ้านนี่เสร็จได้ยังไงก็ไม่รู้.. ’ ดวงตาคู่งามเลื่อนลงมองสมุดการบ้านในมือที่มีร่องรอยของการใช้งานอย่างบากบั่นทั้งที่พึ่งจะถูกเขียนไปแค่หน้าแรก โชคดีที่เดนิสต้ามีโทรศัพท์สุดอัจฉริยะคอยทำหน้าที่ทรานสเลทให้ในบางจุดไม่อย่างนั้นสมุดเล่มนี้คงได้ถูกฉีกทิ้งมากกว่าลบซ้ำ ๆ จนปกยับ
“ ครั้งนี้ฉันไม่ได้มาสายนะคะคุณเฟเบียส ” เมื่อป้องกันไม่ให้อาจารย์จอมโหดเปิดปากตำหนิ เดนิสต้าเดินเข้ามาในบริเวณเรียนวิชาประวัติศาสตร์โรมันพร้อมกับเปิดหน้าจอโทรศัพท์ชูให้อีกฝ่ายมองเวลาที่เปลี่ยนมาเป็นบ่ายโมงครึ่งแบบพอดิบพอดี “ และนี่การบ้านค่ะ ”
“ รู้ใช่หรือไม่ว่าถ้าทำชุ่ย ๆ ข้าจะไล่เจ้าออกไป ”
ถ้าให้พูดแล้วมันผ่านมาแค่หนึ่งคืนเท่านั้น เฟเบียสหรี่ตาลงพลางแผ่บรรยากาศกดดันออกจากตัวเมื่อเขายื่นมือออกมารับสมุดการบ้านของหญิงสาว อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์โรมันไม่ใช่พวกที่ยืดหยุ่นหรือหลอกง่าย เขาไม่สนใจว่านักเรียนจะต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดแค่ไหนเพื่อนำชิ้นงานที่ถูกต้องและเหมาะสมมาส่งมอบ เพราะไม่ว่าจะยังไง การเรียนก็มีไว้เพื่อพัฒนาและทำลายขีดจำกัดของตนเอง หากอีกฝ่ายทำไม่ได้ก็ไม่สมควรที่จะอยู่ในรายชื่อนักเรียนของเขา
“ ฉันมั่นใจว่างานชิ้นนี้จะทำให้คุณพอใจ ” ธิดาวีนัสทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้เรียน เธอหยิบน้ำเปล่าขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เปิดฝาและยกมันขึ้นดื่มเพื่อไล่ความกระหายพลางใช้ดวงตาดั่งลูกแมวจรดจดจ้องไปที่อดีตนายพลชั้นนำที่เริ่มตรวจการบ้านของเธออย่างตั้งใจ
ทุกตัวอักษรที่เรียบเรียงออกมามีร่องรอยของการลบ แก้ไขและเขียนใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเฟเบียสต้องชำเลืองตาขึ้นมองนักเรียนสาวเล็กน้อยอย่างไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นกล่าวที่ตรงไหน โดยปกติแล้วคนเรามักจะหลบซ่อนความผิดพลาด แต่เด็กคนนี้เปิดเผยมันออกมาทำให้เขาได้เห็นถึงความทุ่มเทที่.. ค่อนข้างรีบร้อนแต่ก็จริงใจ “ มั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถตอบคำถามของข้าเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าเขียนไว้ในการบ้าน ” ถึงจะเป็นคลาสเรียนครั้งที่สองแต่ก็คงไม่เร็วไปที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายได้พิสูจน์ตนเอง เฟเบียสคิดแบบนั้นจนกระทั่งได้ยินคำตอบของแม่หนูตัวแสบที่ทำให้เขาอยากจะปาสิ่งในมือลงพื้น
“ ไม่แน่ใจค่ะ ”
“ เจ้า—- ”
“ ล้อเล่น แน่ใจสิคะ ต่อให้ไม่แน่ใจฉันก็จะพยายาม และหาคำตอบรอไว้สำหรับครั้งหน้า ” เดนิสต้ามีสปิริตและความมุ่งมั่นของการเป็นนักเรียน โดยเฉพาะกับสิ่งที่เธอสนใจจนเกือบเข้าขั้นของคำว่าหลงใหล ยกตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การเปลี่ยนผ่านและการเดินทางของกาลเวลา ความเพ้อฝันที่จะได้อยู่จนถึงวันสิ้นสุดของโลกทั้งหมดนี้คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอมีแรงในการใช้ชีวิตแม้จะรู้ว่าสิ่งสุดท้ายอาจไม่มีทางได้เป็นจริงก็ตาม
เฟเบียสหรี่ตาลงช้า ๆ เขามองหญิงสาวสลับกับการบ้านที่กางอยู่ในมือก่อนจะเริ่มต้นถามเสียงเรียบ “ ปกติแล้วเจ้าถนัดด้านใด ”
“ ภาษาค่ะ ”
ครั้งนี้เขาพยักหน้าอีกครั้ง ดวงตาโปร่งแสงของเขาเลื่อนกลับไปที่หมวดภาษาและเริ่มต้นการทดสอบ
“ ยกตัวอย่างคำในภาษาละตินที่เป็นรากศัพท์ของภาษาที่เจ้าถนัดมา ”
ยากบัดซบ
รอยยิ้มอ่อนโยนยังประดับไว้บนใบหน้าหวานแม้ว่าหัวสมองของเธอจะกำลังขาวโพลนเพราะความช็อคก็ตาม เดนิสต้าไม่ได้รู้ละเอียดในเรื่องของภาษา เธอถนัดฝรั่งเศสซึ่งถ้าเทียบแล้วในบรรดาหลายประเทศที่ได้รับรากศัพท์มาจากภาษาละติน ฝรั่งเศสดูจะเป็นประเทศที่แปลงคำได้ต่างจากชาวบ้านเขามากที่สุด ‘ ที่คล้ายละตินจริง ๆ เหมือนจะเป็นอิตาเลียนกับสเปน.. เวรเอ๊ย ฉันไม่ค่อยถนัดด้วยสิ ’ เพื่อไม่ให้ตัวเองตื่นตระหนกจนเกินไป เดนิสต้าหยิบสมุดอีกอันขึ้นมาวางบนโต๊ะและใช้ปากกาเขียนคำที่เธอคิดว่าน่าจะพอเชื่อมโยงกัน
“ ในฐานะธิดาวีนัสฉันถนัดภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก .. คำที่โด่งดังที่สุดอย่าง ‘ amor ’ ที่แปลว่าความรัก ไม่ว่าจะทั้งของฝรั่งเศส อิตาเลียน สเปนหรือโปรตุเกสต่างก็ได้รับรากศัพท์มาจากภาษาละติน ” ดวงตาของเดนิสต้าจับจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษสีขุ่นที่เริ่มมีรอยน้ำหมึกเขียนคำเป็นกลุ่ม ๆ “ อีกคำที่ฉันจำได้คือ ‘ terra ’ ที่แปลว่าแผ่นดิน แม้ฝรั่งเศสจะพูดว่า terre แต่เดิมทีมันก็ถูกอ้างอิงมาจาก terra ”
“ คำว่าชีวิตก็ด้วย ‘ vita’ ในภาษาฝรั่งเศสคือ ‘ vie ’ .. และถ้าฉันจำไม่ผิดคำว่าน้ำกับร่างกายในภาษาฝรั่งเศสก็มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินเหมือนกันแต่ฉันไม่แน่ใจว่าคำไหน ” หญิงสาวคิดว่าตนเองอาจจะได้รับคำตำหนิ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นสิ่งเดียวที่เธอพบเห็นบนใบหน้าของเฟเบียสกลับเป็นเค้าลางของความภาคภูมิใจจนเดนิสต้าถึงกลับชะงักไปครู่หนึ่ง
“ ไม่เลว ”
หนึ่งคำชมสั้น ๆ พร้อมด้วยการพยักหน้าจากเขาทำให้เดนิสต้าตัวเบาลงอย่างน่าเหลือเชื่อ เธอกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับว่าลืมวิธีการหายใจไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเปล่งเสียงตอบรับในลำคอ “ ข ขอบคุณค่ะ ”
“ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงพร้อมสำหรับการเริ่มต้นเรียนอย่างจริงจังแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ ข้าจะสอนเจ้าเรื่องจุดกำเนิดของโรมทั้งเชิงประวัติศาสตร์ และตำนาน ” แม้แต่ความขึงขังในเสียงของเฟเบียสก็ยังดูอ่อนลงหลายระดับ คล้ายว่าเป็นแค่เพียงอาจารย์ที่เข้มงวดไม่ใช่อาจารย์ที่จ้องจะจับผิด ตลอดทั้งคลาสเรียนแบบตัวต่อตัวดำเนินไปอย่างเรียบง่าย มีเสียงสอบถามสลับกับโอดครวญด้วยความท้อแท้ใจลอดออกมาตามชั้นหนังสือจนผู้คนที่เดินผ่านต้องหันมอง แต่อย่างน้อย ๆ ตลอดทั้งคลาสที่ผ่านไปก็ไม่มีวี่แววของคำตำหนิหรือรุนแรงใด ๆ