{ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ } มหานครดูไบ

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×







มหานครดูไบ

{ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ }






มหานครดูไบ


ไข่มุกแห่งตะวันออกกลาง

มหานครดูไบ นครใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 2 ล้านคน เมืองดูไบถือได้ว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งบนโลก และมีอัตราการเจริญเติบโตของเมืองสูง มหานครดูไบตั้งอยู่บนชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย ทางตอนเหนือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อย่างไรก็ตาม ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของดูไบก็แตกต่างจากส่วนอื่น ๆ ทางใต้ของประเทศ เนื่องจากมีภูมิทัศน์เป็นทะเลทรายสวยงามมีลวดลาย ในขณะที่ทางตอนใต้ของประเทศเป็นทะเลทรายกรวด ทรายประกอบด้วยเศษเปลือกหอย และเศษปะการัง สีขาวเรียบเนียน ทางตะวันออกของเมืองมีพื้นที่ราบเกลือ


จุดเชื่อมต่อรถไฟเฮเฟตัส:

ชานชาลาที่ 9 สถานีรถไฟยูเนี่ยน




สำหรับท่านไม่มีตั๋วโปรดซื้อตั่วที่เคาน์เตอร์

* ก่อนชำระเงินอย่าลืมบวกภาษีทุกครั้ง *

ตั๋ว 1 ที่นั่ง ราคา: 20 ดรักม่า

ตั๋วห้องวีไอพี (4-5 คน): 100 ดรักม่า








แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 5947 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-12-28 19:40
โพสต์ 2024-12-31 21:40:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
25-12-2024 9.00 AM

I want to be your everything little darling


AROUND THE WORLD TRIP WHITE KIM - 11


               เมื่อรุ่งสางมาเยือนท้องฟ้าดูไบด้วยแสงแรกของวัน เมืองนี้ยังคงอวลไปด้วยอากาศเย็นสบาย ไนมีเรียกับคิมเบอร์ลีย์เริ่มต้นวันของพวกเธอในย่าน อัล ฟาฮิดี ย่านประวัติศาสตร์ที่เงียบสงบ แม้ว่าความวุ่นวายในใจกลางเมืองจะเริ่มคืบคลานเข้ามา หญิงสาวสองคนเดินไปตามตรอกแคบ ๆ ที่ประดับด้วยอาคารดินโบราณ หอระบายอากาศสูงเด่นเป็นเอกลักษณ์ แสงอาทิตย์สาดกระทบบ้านเรือนเหล่านี้ ทำให้เห็นเงาตัดอ่อนโยนของสถาปัตยกรรมท้องถิ่น


               ไนมีเรียจับจ้องหอระบายอากาศด้วยความสนใจ เธอเอ่ยกับคิมเบอร์ลีย์ด้วยเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความชื่นชม


               “นี่คือวิศวกรรมที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ พวกเขาใช้มันระบายความร้อนในฤดูร้อน...”


               คิมเบอร์ลีย์ยิ้มและหัวเราะเบา ๆ “น่าทึ่งจริง ๆ พวกเขาสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาก่อนที่เราจะมีแอร์คอนดิชันเสียอีก”


               หลังจากเดินชมอาคารบ้านเรือน พวกเธอก็หยุดพักในร้านกาแฟเล็ก ๆ กลิ่นกาแฟอาหรับหอมกรุ่นอบอวลในอากาศ ขนมบักลาวาเสิร์ฟพร้อมถ้วยชาเล็ก ๆ เติมเต็มช่วงเวลานี้ให้สมบูรณ์แบบ ไนมีเรียยกแก้วชาขึ้นจิบ รสขมละมุนที่ตัดกับความหวานของขนม ทำให้เธอเผลอยิ้มบางออกมา


               เมื่อเข็มนาฬิกาเดินมาถึง 11 โมง พวกเธอก็เดินทางไปยัง ดูไบครีก น้ำใสสะท้อนเงาฟากฟ้าและอาคารสองฝั่งเป็นภาพที่ชวนหลงใหล ไนมีเรียและคิมเบอร์ลีย์เลือกนั่งท้ายเรืออับรา เรือไม้เก่าแก่ที่แล่นข้ามครีกเป็นเวลาหลายร้อยปี


               ลมเย็นพัดโชยปลิวผ่านเส้นผมบลอนด์ยาวของไนมีเรีย เธอหันไปมองคิมเบอร์ลีย์ที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวตลาดน้ำที่ตัดกับตึกระฟ้า


               “ดูเหมือนเราจะอยู่ระหว่างสองโลก โลกเก่าและโลกใหม่” เด็กสาวกล่าว สายตาจับจ้องไปที่ขอบฟ้า


               “ใช่แล้ว” คิมเบอร์ลีย์ตอบ พลางหยิบกล้องขึ้นถ่ายรูป “แต่ทั้งสองอย่างนี้ทำให้ดูไบมีเสน่ห์”


               บ่ายวันนั้นทั้งคู่มุ่งหน้าสู่ ตลาดทองคำและเครื่องเทศ เสียงจอแจของผู้คนและกลิ่นเครื่องเทศที่อบอวลเป็นสิ่งที่ต้อนรับพวกเธอเข้าสู่ดินแดนการค้าโบราณ แสงจากร้านทองส่องประกายระยิบระยับสะท้อนกับกำแพง คิมเบอร์ลีย์แทบจะหยุดที่หน้าร้านทุกแห่ง ไนมีเรียเดินตามเธอไปอย่างอดทน แต่ในใจกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวานี้


               ไนมีเรียเลือกซื้ออินทผลัมหวานฉ่ำติดมือไว้เธอตั้งใจจะเอาไปฝากคุณดีและคนในค่าย พร้อมแซฟฟรอนถุงเล็ก ๆ ที่แม่ค้ากำลังชั่งน้ำหนักด้วยความประณีต คิมเบอร์ลีย์หันมายิ้มให้เธอและยื่นชาให้ชิม


               “รสนี้น่าสนใจใช่ไหม?” คิมเบอร์ลีย์ถาม


               “เหมือนดื่มโอเอซิสในทะเลทราย...” ไนมีเรียตอบพร้อมหัวเราะร่า


               หลังเดินเที่ยวในตลาด พวกเธอแวะรับประทานอาหารที่ Al Fanar Restaurant & Café บรรยากาศย้อนยุคของร้านนี้ชวนให้รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในดูไบยุคแรกเริ่ม กลิ่นเครื่องเทศหอมอบอวลอยู่ในอากาศ ไนมีเรียนั่งลงและลองชิมมาชบุส ข้าวหุงหอมกรุ่นพร้อมเนื้อปรุงรสเผ็ดกลมกล่อม ในขณะที่คิมเบอร์ลีย์เพลิดเพลินกับขนมหวานลุกัยมัต ลูกกลมสีทองที่กรอบนอกนุ่มในและเคลือบน้ำผึ้งจนวาว


               ช่วงบ่ายพวกเธอเดินทางต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์ดูไบ และ ป้อมอัล ฟาฮิดี อาคารดินสีทรายแห่งนี้เล่าถึงอดีตของเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวการดำน้ำหาไข่มุกและการค้าขายข้ามทะเลทราย ไนมีเรียเดินสำรวจห้องนิทรรศการ ดวงตาสีเฮเซลจับจ้องโมเดลเรือดำน้ำแบบโบราณ


               “ลองจินตนาการดูสิ ต้องใช้ความกล้าขนาดไหนในการดำลงไปในทะเลลึก” เธอพูดขึ้นเบา ๆ


               คิมเบอร์ลีย์พยักหน้า “หลายคนกลัวที่แคบต้องใช้มากกว่าความกล้าและต้องพึ่งโชคด้วย”


               ช่วงเย็น พวกเธอจบวันด้วยการล่องเรือยอร์ชที่ ดูไบ มารีนา ท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มระยิบระยับเมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ความสงบสุขโรแมนติกนี้ทำให้ทั้งคู่ปล่อยใจไปกับบรรยากาศ ร่างของธิดาแห่งเฮคาทียืนพิงราวเรือ มองเส้นขอบฟ้าที่ตัดกับเส้นแสงไฟของเมือง คิมเบอร์ลีย์เดินเข้ามาหยุดข้าง ๆ และบอกเล่าความรู้สึกตลอดทั้งวัน


               “วันนี้เหมือนฝันเลย ถ้าไม่มีเธอฉันคงทำคนเดียวไม่ได้”


               “บางครั้งความฝันก็เกิดขึ้นได้จริงถ้าเรากล้าที่จะสร้างมันขึ้นมา”


               ค่ำคืนของพวกเธอจบลงที่ Arabian Tea House ซึ่งประดับด้วยไฟสลัวอันอบอุ่น ไนมีเรียลองชิมซุปโชรวาและข้าวปลาย่างที่เสิร์ฟอย่างประณีต ในขณะที่คิมเบอร์ลีย์หลงใหลกับชาอาหรับที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ทั้งคู่ใช้เวลาพูดคุยถึงการผจญภัยในวันนี้และแลกเปลี่ยนภาพในกล้องของแต่ละคน ท่ามกลางเสียงกระซิบของลมยามค่ำคืนดูไบได้ฝากความทรงจำอันล้ำค่าไว้ในหัวใจของทั้งสอง


            ไนมีเรียเดินเคียงข้างคิมเบอร์ลีย์ไปตามทางเดินของสนามบินดูไบ เสียงล้อกระเป๋าเดินทางลากผ่านพื้นเรียบเงาสะท้อนของไฟนีออน ทุกย่างก้าวสะท้อนถึงเวลาที่กำลังนับถอยหลังสู่การจากลา เจ้าของดวงตาสีเฮเซลเหลือบมองหญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างกาย หญิงสาวผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยจมดิ่งอยู่ในความทุกข์เศร้า ตอนนี้กลับยืนหยัดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยพลัง แม้ร่องรอยความเศร้าจะยังหลงเหลืออยู่แต่ก็มีประกายแห่งความหวังที่ส่องแสงเจิดจ้า


            “ฉันยังจำไม่ได้เลยว่าเคยยิ้มได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คิมเบอร์ลีย์พูดขึ้นเบา ๆ แต่กลับดังชัดในความเงียบของไนมีเรีย หญิงสาวยิ้มตอบ ไม่เอ่ยคำใดแต่เพียงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย


            บริเวณโถงผู้โดยสารขาออก ไนมีเรียและคิมเบอร์ลีย์เลือกนั่งรอเวลาบอร์ดดิ้งที่ม้านั่งใกล้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ ทิวทัศน์ของสนามบินดูไบที่แสงไฟระยิบระยับในยามค่ำคืนมอบบรรยากาศอบอุ่นและสงบ


            คิมเบอร์ลีย์หันมองไนมีเรียอย่างจริงจัง “ไนมีเรีย ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง” เสียงของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ดวงตาของแม่หม้ายฉายแววซาบซึ้ง เธอยกมือขึ้นจับแขนร่างบางเบา ๆ ความอบอุ่นผ่านสัมผัสนั้นบอกแทนคำพูดอีกมากมาย


            “คุณไม่ต้องขอบคุณฉัน ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ” ไนมีเรียตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน


            “ไม่ใช่แค่สิ่งที่ควรทำ คุณช่วยให้ฉันมองเห็นว่า...แม้ชีวิตจะไม่เหมือนเดิม แต่ฉันก็ยังมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ คุณช่วยมอบความกล้าให้กับฉัน” คิมเบอร์ลีย์พูดขณะก้มมองภาพถ่ายในมือ ภาพที่ทั้งคู่ถ่ายไว้ร่วมกันตลอดการเดินทาง


            เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารดังก้องไปทั่วสนามบิน คิมเบอร์ลีย์ลุกขึ้นยืน ไนมีเรียหยิบกระเป๋าของเธอช่วยถือส่งไปที่ประตูทางออก พวกเธอหยุดยืนตรงหน้าแถวตรวจบัตรผ่านขึ้นเครื่อง เสียงรอบข้างคล้ายเลือนหาย ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวใจที่เต้นชัดในความเงียบ


            “ฉันหวังว่าคุณจะได้พบสิ่งที่คุณกำลังมองหา ไม่ว่าจะเป็นความสงบหรือความหมายใหม่ในชีวิต” ไนมีเรียกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความจริงใจ


            คิมเบอร์ลีย์ยิ้มพร้อมหยาดน้ำตาแห่งความปิติที่กลั้นไว้ไม่อยู่ เธอโอบกอดเด็กสาวแน่น สัมผัสนั้นอบอุ่นและเป็นความจริงใจที่ไม่ต้องการคำอธิบาย


            “ฉันจะคิดถึงคุณ ไว้มาเที่ยวด้วยกันอีกนะ” คิมเบอร์ลีย์เอ่ยพร้อมปล่อยมือออกช้า ๆ ก่อนหันเดินเข้าไปยังประตูทางออก


            เด็กสาวมองตามจนร่างของแม่หม้ายวัยกลางคนเลือนหายไปในฝูงชน ใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผสมผสาน ทั้งโล่งใจและเศร้าเล็กน้อยเมื่อการเดินทางร่วมกันมาถึงจุดสิ้นสุด หลังจากส่งคิมเบอร์ลีย์ขึ้นเครื่อง ไนมีเรียเดินกลับมายังที่พักของตนเองที่โรงแรมในตัวเมือง เธอนั่งลงบนเตียง เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็กในมือ ร่างบางค่อย ๆ เขียนบันทึกเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ ทุกสถานที่ ทุกบทสนทนา และทุกความรู้สึกถูกจรดลงด้วยลายมือที่ประณีต


            เธอจ้องมองเหรียญทองเล็ก ๆ ที่เหลือจากการเผาส่งวิญญาณใต้ดินในอิสตันบูล มันเป็นเครื่องเตือนใจถึงการเผชิญหน้ากับโฉมหน้าของอดีตและคำสาปที่เธอยังไม่อาจลืมได้ “บางทีนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ๆ สำหรับฉันด้วย” 


            หลังส่งคิมเบอร์ลีย์ขึ้นเครื่องกลับโปรตุเกสไปแล้ว ไนมีเรียยังคงเดินเล่นสำรวจเมืองด้วยความคิดที่ล่องลอย เด็กสาวตั้งใจจะกลับไปที่สถานีรถไฟเฮเฟสตัสในอีกไม่กี่ชั่วโมง แต่เสียงกระซิบของวิญญาณในแหวนจันทราทมิฬที่สวมอยู่บนมือเรียวนั้นทำให้เธอหยุดฝีเท้า


            “ดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติใกล้ๆ กับสุสานนั่น ลองไปดูหน่อยไหม” คลาริสซ่าเตือน ร่างบางขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเหลือบมองไปยังเส้นทางข้างหน้า ที่ทอดยาวไปสู่ย่านสุสานของนครดูไบ


            บรรยากาศในย่านสุสานนั้นเต็มไปด้วยความสงบเงียบที่ผิดธรรมชาติ แม้จะเป็นยามบ่ายที่แสงอาทิตย์ยังคงส่องประกายอ่อน ๆ แต่ความรู้สึกวังเวงกลับปกคลุมทุกพื้นที่ เสียงนกร้องหายไป มีเพียงสายลมที่พัดผ่านพุ่มไม้แห้งกรอบให้ได้ยิน


            ดวงตาสีเฮเซลของไนมีเรียจับจ้องไปยังมุมหนึ่งของสุสานที่ดินยังใหม่และหลวม มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น เธอหยุดชั่วขณะ สูดลมหายใจลึกก่อนก้าวเท้าเข้าไปช้า ๆ


            “เจ้าตัวน่าแขยงนั่นคืออะไร” 


            เด็กสาวกระซิบกับวิญญาณในแหวน คลาริสซ่าตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “อัลกูล อสุรกายที่ชอบกินซากศพ…มันกำลังขุดหลุมศพของคนที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน”


            ภาพเบื้องหน้าคือร่างสูงใหญ่ของอัลกูล มันมีรูปลักษณ์น่าสยดสยอง ผิวหนังสีคล้ำเหมือนดินตะกอนที่ขุดขึ้นมาจากหลุมลึก ดวงตาของมันเรืองแสงสีเหลืองหม่น ขณะที่กรงเล็บยาวแหลมกำลังขุดดินเพื่อคว้าซากศพขึ้นมา


            “อี๋ นั่นมัน.. เป็นกิจกรรมที่ไม่ชวนอภิรมย์เอาเสียเลย” ไนมีเรียเอ่ยเสียงหนักแน่น เธอดึงหอกสัมฤทธิ์ออกจากที่สะพายหลัง พร้อมกับปืนที่เหน็บอยู่ที่สะโพก มือเรียวกำด้ามหอกแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นเป็นริ้วเล็ก ๆ


            อัลกูลหันขวับเมื่อรับรู้ถึงการปรากฏตัวของเธอ เสียงคำรามต่ำดังขึ้นจากลำคอของมัน มันหันหลังออกจากหลุมศพและพุ่งเข้าหาเด็กสาวในทันที การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วเกินกว่าที่ขนาดร่างกายมหึมาจะบอกเป็นนัย ไนมีเรียกระโดดถอยหลัง หลบกรงเล็บแหลมคมที่หวิดจะเฉือนเข้าที่ใบหน้า เธอหมุนตัวตั้งท่า มือหนึ่งชูหอกอีกมือจับปืนมั่น


            “ระวังด้วยกรงเล็บของอัลกูลมีพิษจากศพ โดนเข้าคงยุ่งยากแน่” คลาริสซ่ากล่าวเตือน ร่างบางขยับเท้าเปลี่ยนมุม ดวงตาคู่ลึกลับจับจ้องอัลกูลอย่างพิจารณา


            เธอเริ่มโจมตีด้วยปืน กระสุนสัมฤทธิ์พุ่งตรงไปยังร่างของอสุรกาย แต่เจ้าสัตว์ร้ายกลับหลบได้อย่างคล่องตัว เสียงหัวเราะเย้ยหยันต่ำ ๆ ดังขึ้นจากลำคอของมัน


            “โอเค…อยากเล่นใกล้ ๆ ก็ได้” ไนมีเรียพูดเบา ๆ กับตัวเอง เธอสลับมาถือหอกเต็มมือและพุ่งเข้าใส่อัลกูล การปะทะระยะประชิดนั้นเสี่ยงเกินไปสำหรับมนุษย์ทั่วไป แต่สำหรับเดมิก็อดที่ฝึกฝนมาจากค่ายฮาล์ฟบลัด เธอไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบ


            หอกของเธอปะทะกับกรงเล็บของมันเสียงโลหะกระทบกันดังสะท้าน มือที่จับหอกอัดแน่นด้วยแรงทั้งหมดหมุนตัวพลิ้วไหวราวกับสายลม พยายามโจมตีส่วนอ่อนแอของมันที่หน้าอก แต่เจ้าสัตว์ร้ายตอบโต้ด้วยแรงที่มากกว่า เธอหมุนหอกในมือ พลิกเปลี่ยนตำแหน่งร่างกายเพื่อดึงมันไปยังตำแหน่งที่เธอวางแผนไว้


            อัลกูลคำรามอีกครั้ง มันพุ่งเข้าใส่เธออย่างบ้าคลั่ง คราวนี้เธอหลบหลีกได้อย่างแม่นยำ เธอกระโดดไปข้างหลัง แอ่นตัวขึ้น และเล็งหอกตรงไปยังร่างของมันหอกสัมฤทธิ์ปักเข้าที่หน้าอกของอัลกูล เสียงคำรามแหลมสูงดังสะท้านไปทั่วบริเวณ ไนมีเรียไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสฟื้นตัว เธอหยิบปืนขึ้นมาอีกครั้งและยิงกระสุนสัมฤทธิ์เข้าไปที่หัวของมัน


            เสียงของมันเงียบลงพร้อมกับร่างที่ทรุดตัวลงพื้น ไนมีเรียหอบหายใจอย่างแรง เหงื่อไหลลงมาตามกรอบหน้าแต่ดวงตาสีเฮเซลยังคงเฉียบคม เธอเก็บสินสงครามจากมันแล้วหันไปมองสภาพรอบตัว เด็กสาวเดินกลับไปยังหลุมศพที่อัลกูลขุดขึ้น เธอคุกเข่าลง กลบดินที่ถูกขุดด้วยมือเปล่า ท่ามกลางสายลมที่พัดแผ่วผ่าน


            “ไม่ว่าพวกเขาจะเคยเป็นใคร ในชีวิตหลังความตายทุกสิ่งควรได้รับการพักผ่อนอย่างสงบ” เธอเอ่ยเบา ๆ กับตัวเองและคลาริสซ่า


            เมื่อหลุมศพถูกกลบเรียบร้อย ไนมีเรียยืนขึ้น ปาดฝุ่นออกจากมือและเดินออกจากสุสานร่างอรชรลากกระเป๋าเดินทางไปยังสถานีรถไฟเฮเฟสตัสในดูไบ เส้นทางที่เธอจะใช้กลับอเมริกา เธอแหงนมองท้องฟ้าสีครามที่เริ่มจางเป็นสีส้มเมื่อแสงอาทิตย์แรกฉายผ่านตัวเมือง ตั๋วรถไฟหนึ่งเที่ยวหนึ่งที่นั่ง แต่มีเสียงของสองคนพูดคุยกันไปตลอดเส้นทาง



พิชิตครั้งแรก อัลกูล +2 ตื่นรู้

สินสงคราม: - ไขกระดูก เลขไบต์ 0-4 

- เขี้ยวอัลกูล เลขไบต์ 5-9 

- หาก LUK 30 และได้เลขไบต์ 2 , 6 , 9 จะดรอปทั้งสองอย่าง

แยกกับคิมเดินทางกลับนิวยอร์คด้วยรถไฟใต้ดินเฮเฟตัส

ค่าตั๋ว 20 กรักม่า 1 ที่ @God 


i'll melt your heart into two @HyeRi Codes

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 66344 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-12-31 21:40
โพสต์ 66,344 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 ความศรัทธา จาก ผลิตภัณฑ์กันแดด  โพสต์ 2024-12-31 21:40
โพสต์ 66,344 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก แหวนจันทราทมิฬ  โพสต์ 2024-12-31 21:40
โพสต์ 66,344 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก หยกหงส์คู่นิรันดร์  โพสต์ 2024-12-31 21:40
โพสต์ 66,344 ไบต์และได้รับ +5 ความกล้า จาก โล่อัสพิส  โพสต์ 2024-12-31 21:40

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ต้านทานเวทมนตร์
สื่อสารกับสุนัข
ไฟแช็ค
ปากกาหมึกซึม
กิ๊บติดผม
กล่องดนตรี
ตำราเวทมนต์เฮคาที
การควบคุมหมอกขั้นสูง
เข็มกลัดเฮคาที
ทักษะยิงปืน
แหวนดาราจรัส(D)
คิดค้นคาถา
เส้นทางลับ
เรียกอาวุธจากหมอก
กล้องถ่ายรูป
Daedalus's Legacy
กำไลมิตรประสาน
บันทึกโซเฟีย
ชุดบำรุงอาวุธ
การปลุกผี
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x2
x18
x9
x11
x16
x5
x5
x2
x4
x1
x1
x4
x1
x5
x2
x20
x10
x4
x3
x1
x2
x5
x1
x1
x3
x1
x40
x7
x4
x35
x1
x3
x3
x35
x4
x16
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x6
x2
x8
x10
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x28
x1
x5
x2
x2
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้