เนื้อหาโรลเพลย์:
หลังจากเดินชมบ้านของอะโฟรไดท์เสร็จสิ้น คุณทีน่า แซนโดวาลก็พาริดาไปยังจุดหมายต่อไป นั่นคือบ้านเลขที่ 11 ของเฮอร์มีส
ที่ค่ายฮาล์ฟบลัดแห่งนี้ไม่มีความมืดมิดยามค่ำคืนเลย ท้องฟ้าเหนือค่ายสว่างไสวตลอดเวลา แสงอาทิตย์ที่อบอุ่นสาดส่องทั่วทั้งบริเวณจนแทบจะแยกไม่ออกว่าเวลาคือช่วงเช้าหรือบ่าย บรรยากาศที่แปลกไปนี้สร้างความสับสนให้กับริดาไม่น้อยขณะที่เธอก้าวเดินเคียงข้างทีน่า
เมื่อมาถึงหน้าบ้านเฮอร์มีส ริดาก็ถึงกับหยุดชะงักด้วยความตื่นตะลึง ตัวบ้านขนาดใหญ่เต็มไปด้วยร่องรอยที่กาลเวลาทิ้งไว้ สีไม้ที่เคยเข้มบัดนี้ซีดจางลงจากการถูกแสงอาทิตย์กัดกร่อนตลอด 24 ชั่วโมง เสี้ยวไม้หลายส่วนแตกบิ่น เผยให้เห็นเนื้อในที่เก่าแก่และทรุดโทรม
. ตรงกลางประตูทางเข้ามี คทาคาดูเซียส สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเฮอร์มีส เทพแห่งการเดินทางและการสื่อสาร ยื่นออกมาอย่างโดดเด่น ราวกับประกาศว่าที่นี่คือบ้านของเหล่าลูกหลานของพระองค์
ทีน่าหยุดยืนตรงหน้าประตู หันมามองริดาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แล้วกล่าวว่า “ริดา บ้านหลังนี้อาจจะดูเก่าแก่และทรุดโทรมไปบ้างนะ แต่สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว ที่นี่เป็นเหมือน บ้านหลังแรก ของพวกเขาเลยล่ะ”
ริดามองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย “บ้านหลังแรก... หมายความว่ายังไงเหรอคะพี่ทีน่า?”
ทีน่ายิ้มเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายราวกับนึกถึงอดีต “ที่นี่คือบ้านของเหล่าลูกครึ่งเทพที่ ยังไม่ถูกยอมรับ หรือยังไม่ได้รับการประกาศจากเทพเจ้าว่าเป็นบุตรธิดาของใคร... พวกเขาจะต้องมาอยู่ที่นี่ก่อน บ้านนี้เลยเต็มไปด้วยผู้คนเสมอ ทั้งวุ่นวายและครึกครื้น แต่อบอุ่นนะ”
คำพูดนั้นทำให้ริดารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกระทบใจ เธอมองบ้านเฮอร์มีสอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้เห็นเพียงแค่ไม้เก่า ๆ และความทรุดโทรม แต่สัมผัสได้ถึง ความรัก ความหวัง และมิตรภาพ ที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมของบ้าน
ทีน่าชี้ไปยังหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ “ข้างในบ้านนะริดา ถ้าเป็นลูกของเฮอร์มีสโดยตรง เขาจะได้รับ ห้องพักส่วนตัว อย่างน้อยหนึ่งห้อง แต่ละห้องจะมี เตียงแฝด สองเตียงจัดเรียงคู่กัน และมี โต๊ะข้างเตียงไม้ คั่นอยู่ตรงกลางเพื่อวางของส่วนตัว”
ริดาโน้มตัวมองตามสายตาของทีน่า เธอเห็นเพียงเงาของเตียงและเฟอร์นิเจอร์ แต่ก็จินตนาการได้ถึงชีวิตของคนที่อยู่ในนั้น
ทีน่ายิ้มพลางเล่าต่อ “ลูกของเฮอร์มีสแท้ ๆ มักจะมี รองเท้ามีปีก แขวนอยู่บนตะขอเหนือโต๊ะไม้ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัว ส่วนหน้าต่างจะมี ผ้าม่าน เพื่อให้แต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง”
. ผนังห้องเต็มไปด้วย โปสเตอร์รูปวีรบุรุษ ภาพดาบโบราณ และ แผนที่ของค่ายฮาล์ฟบลัด ที่มีรอยขีดเส้นสีแดง รวมถึง ปฏิทิน ที่ระบุวันสำคัญต่าง ๆ ของค่าย เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและการผจญภัย
ขณะที่ริดากำลังซึมซับภาพตรงหน้าอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาจากในบ้าน ก่อนจะมีร่างหนึ่งปรากฏออกมาจากเงาของประตู หญิงสาวผมยาวสีดำสนิทเดินออกมาอย่างเงียบงัน ใบหน้าของเธอดูคมเข้มแบบสาวตะวันออกกลาง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววอ่อนโยนแต่ก็แฝงความระแวดระวัง
ทีน่าโบกมือเรียกหญิงสาวคนนั้น “อ๋อ... นี่คือ เลย์ลา เอลฟาวลีย์ หนึ่งในเพื่อนร่วมค่ายของเรา และเป็นลูกสาวของเทพเฮอร์มีสโดยตรง”
ริดารีบยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
เลย์ลาพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มตอบกลับอย่างเขินอาย “สวัสดีค่ะ... ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
ทีน่าหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเล่าต่อ “เลย์ลาเป็น ฝาแฝดพี่ แต่บุคลิกดูเหมือนน้องสาวมากกว่า เธอเป็นคนพูดเสียงเบา ขี้อาย และมักจะกลัวเวลาต้องเจอกับคนตัวโตหรือเสียงดัง ๆ... แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ทะเลาะกับ เลย์ลินน์ น้องสาวฝาแฝดล่ะก็... เสียงของเธอจะดังขึ้นจนทุกคนตกใจเลยทีเดียว”
. ริดาหัวเราะคิกเบา ๆ กับภาพที่จินตนาการขึ้นในหัว “แล้วเลย์ลามีความสามารถพิเศษอะไรหรือเปล่าคะ?”
ทีน่ายิ้มพร้อมหันไปมองเลย์ลา “อ๋อ เธอ อ่านอักษรเฮียโรกลิฟิก ได้อย่างคล่องแคล่วเลยนะ เป็นประโยชน์มากเวลามีภารกิจเกี่ยวกับปริศนาโบราณ”
ริดาหันไปมองเลย์ลาด้วยความชื่นชม “เก่งจังเลยค่ะ! ฉันยังอ่านหนังสือเรียนบางเล่มไม่ค่อยเข้าใจเลย”
เลย์ลาหัวเราะเบา ๆ และส่ายหัวอย่างถ่อมตัว “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็แค่สิ่งที่ฉันเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เท่านั้นเอง”
ทีน่ามองทั้งสองคนที่เริ่มสนิทสนมกันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดทิ้งท้าย “นี่แหละเสน่ห์ของบ้านเฮอร์มีส ริดา... บ้านที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความซุกซน และพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในตัวของทุกคน”
ริดาหันไปมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง แสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างตลอด 24 ชั่วโมงสะท้อนกับคทาคาดูเซียสจนเปล่งประกายสวยงาม ทำให้เธอสัมผัสได้ว่า... ที่นี่ไม่ใช่เพียงบ้านหลังเก่า หากแต่เป็น จุดเริ่มต้นของการผจญภัย สำหรับครึ่งเทพทุกคนที่ยังไม่รู้ว่าตนเองเป็นบุตรธิดาของเทพองค์ใด
รับรางวัล : +15 EXP
.