ความตั้งใจไม่อาจพังลงด้วยเศษซากกลาดิอุสไม้สองเล่ม
ช่างเรื่องสถานที่ไปก่อน ทันทีที่เหยียบข้ามเขตลานฝึกนอกบ้าน หมาป่าจำนวนหนึ่งเหลียวมองเธอ จากดวงตาของสัตว์ป่าและร่างใหญ๋โตเกินขนาดหมาป่าทั่วไป บอกตามตรงว่าเกร็งไม่น้อย แต่ต้องขอบคุณเวล็อกซ์ที่ทำให้เธอคุ้นชินกับขนาดตัวของพวกเขา แม้จะแทบไม่ได้เหลียวมองเจ้าตัวตนที่วิ่งกวดขันเธอก็ตาม กระนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นหมาป่าที่เธอใกล้ชิดด้วยมากที่สุดสำหรับตอนนี้
"มาแล้วรึ"
มีหนึ่งในนั้นที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งกว่าใครและดุร้าย เหมือนกับตอนที่เจอเวล็อกซ์แต่นั่นต่างออกไปนิดหน่อย- หากเปรียบเวล็อกซ์เหมือนเจ้าวายุ ทั้งรวดเร็วและปราดเปรียว ราวกับมีสายพระพายปะทะร่างกาย หมาป่าตัวนี้ก็ให้ความรู้สึกอันตรายในแบบของนักรบ
คาร์ล็อตต้าแช่สายตาไว้ที่สิงคาลเขื่อง เขาก้าวออกนวยนาดหาเธอ ดูจะไม่ได้รีบร้อนเท่าไหร่แต่ก็คงเฝ้ารออยู่นานแล้ว
"สวัสดีค่ะ ฉันคาร์ล็อตต้า"
เขาพยักหน้าพร้อมเสียงหายใจดังระงมของสัตว์ร้าย "ธิดาแห่งเบลโลน่า ท่านลูปาเล่าเรื่องราวของเจ้าให้ข้าฟังแล้ว, ข้าคือลูปัส ผู้ที่จะมาฝึกวิชาดาบให้เจ้า"
เธอไม่คิดว่าการรู้เรื่องธิดาของใครที่ไหนอย่างไรมันจำเป็นสักเท่าไหร่ แต่ก็ปิดปากเงียบ งดแสดงออกถึงความเห็นที่จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในตอนนี้ ลูปัสผินใบหน้าไปทางชั้นวางอาวุธ มันแบ่งเป็นดาบไม้และดาบจริง นอกจากนี้ยังมีทั้งโล่ เกราะ และอาวุธชนิดอื่นนอกเหนือจากดาบ เท่าที่ดูก็พบว่าเป็นของจำเป็นของชาวนักรบโรมัน
ลูปัสส่งสายตาให้เธอไปเลือกหยิบมาสักเล่ม
"ทั้งหมดนี้คือสิ่งจำเป็นสำหรับการทำศึก แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นครั้งแรกของเจ้า ไปหยิบกลาดิอุสไม้ตรงนั้นมาเสีย"
"ความจริงเจ้าต้องฝึกมันร่วมกับโล่ ตามแบบกองกำลังโรมันน่ะนะ แต่มันยังไม่ถึงเวลา เรื่องความสำคัญทั้งหลายในสนามรบและการฝึกฝนเพิ่มเติมอีกเดี๋ยวเจ้าคงได้เรียนรู้จากเฟอร์รัสเอง เขารับผิดชอบเรื่องการฝึกระเบียบวินัยทหารโรมัน และข้ามีหน้าที่ในการฝึกฝนทักษะดาบและการต่อสู้ให้กับเจ้า"
ระหว่างการอธิบาย คาร์ล็อตต้าก็ไปหยิบดาบไม้มาเรียบร้อย เธอค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อยที่มันหนักกว่าดาบไม้ทั่วไป หมายถึง ปรกติดาบไม้ที่ใช้ในการฝึกมันไม่หนักเสมือนของจริงขนาดนี้
"กลาดิอุสไม้ถูกสร้างขึ้นให้ใกล้เคียงกับน้ำหนักดาบจริงมากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกฝน รวมไปถึงโล่ไม้ตรงนั้นด้วย มันมีขนาดและน้ำหนักเท่าของจริง หากเจ้าได้ลองใช้อาวุธจริงขึ้นมาคงไม่เห็นความต่างมากนัก"
ดวงเนตรกลมของหมาป่าจับจ้องวิถีดาบที่นงคราญทดลองกวัดแกว่งไป ไม่นานปุจฉาก็เกิดขึ้น
"เจ้าเคยเรียนวิชาดาบมาก่อนหรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ" ไร้ความลังเลที่จะตอบ "ฉันเคยเห็นมาก่อนก็จริง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองเรียนเลย แล้วอีกอย่างคือมันไม่ใช่ดาบโรมันแต่เป็นวิชาดาบจากญี่ปุ่นด้วย"
ได้ข้อมูลเพียงพอ ลุปัสใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นรึ แล้วเจ้ารู้หรือเปล่าว่าวิชาดาบระหว่างญี่ปุ่นกับยุโรปต่างกันยังไง?"
อันนี้คงคล้าย ๆ การทำแบบทดสอบก่อนเริ่มเรียน หรือไม่ก็การตอบแบบสอบถามไหมนะ? คาร์ล็อตต้ากลอกตานึก เธอไม่ได้มีความรู้ในวิชาดาบอย่างลึกซึ้ง แต่จากที่เคยประสบผ่านตามา และจากที่อาจารย์เคยใช้ก็-
"วิชาดาบที่เคยเห็นของญี่ปุ่นจะเน้นการเข้าปะทะด้านหน้าตรง ๆ น่ะค่ะ" หล่อนทำท่าทางประกอบ
"แต่ฉันรู้สึกว่าทางฝั่งยุโรป หรือไม่ก็ดาบของโรมันจะเน้นไปที่การพลิกแพลง หมายถึง..มันดูเป็นการยืมพลังจากคู่ต่อสู้ รอจังหวะพลิกหาโอกาส หรือไม่ก็การฟันซ้ายขวาสลับแบบที่ไม่ค่อยเห็นจากวิชาดาบญี่ปุ่นเท่าไหร่"
ร่างที่ปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลดูไม่ยินดียินร้ายหลังได้ฟังคำตอบ หรือให้พูดกันตามความเป็นจริง เธอไม่อาจอ่านอารมณ์ของเหล่าหมาป่าได้จากสีหน้าอยู่แล้ว หลังเห็นเขาผงกเศียร คาร์ล็อตต้าคิดว่าบางทีเธออาจจะให้คำตอบที่ถูกต้องก็ได้
"ไม่มีผิดและถูกสำหรับเรื่องนี้ ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้ามองความแตกต่างระหว่างสองฝั่งยังไงมากกว่า ซึ่งก็ค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว"
อ้อ ไม่ถูกต้องแต่ถูกใจนี่เอง-..
"แต่ทฤษฎีน่ะ เทียบเท่ากับตอนปฏิบัติจริงไม่ได้, เอาล่ะ มาเริ่มกันได้แล้ว ขอบอกไว้ก่อนว่าการฝึกของข้าหฤโหดกว่าการวิ่งข้ามหุบเขาของเวล็อกซ์เสียอีกนะ เจ้าเตรียมใจพร้อมหรือยัง?"
หล่อนหัวเราะ คงไม่ต้องบอกว่าหลังพักจากออกกำลังกาย ความเตรียมใจที่มีก็มากขึ้นทบทวี, หยัดกายขึ้น หลังเหยียดตรง ปลายคางมนเชิดเหนือระดับปรกติ โฉมนางไหวไหล่ หน้าตามั่นใจสุดฤทธิ์
"กลัวที่ไหนล่ะคะ?"
เรื่องความอดทนและการไม่ยอมแพ้นี่ เธอไม่เป็นสองรองใครหรอกนะ
โดยเฉพาะกับความทะเยอทะยานในกายน่ะ
เสียงไม้กระทบหุ่นฝึกดังขึ้นต่อเนื่องและมีโทนแปร่งไปบ้าง จากการฟาดลงบนเนื้อที่แตกต่างกัน บ้างถูกหุ่นไม้โดยตรง บ้างโดนเชือกหนาเตอะที่พันเกี่ยวไว้ คาร์ล็อตต้าคิดว่าตนเองตัดสินใจถูกที่มาฝึกดาบต่อแม้จะเหนื่อยแทบขาดใจกับการวิ่งเมื่อเช้าตรู่
หากพักและทิ้งช่วงนาน อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อสะสมจะย้อนเล่นงานเธอจนไม่มีแรงทำอะไรแน่ ดังนั้นในช่วงเวลาที่ยังกระปรี้ประเปร่า เลือดลมสูบฉีดและกำลังวังชายังดีอยู่อย่างนี้ก็ควรกอบโกยให้ถึงที่สุด
"พละกำลังเจ้าสวนทางกับร่างที่ดูจะปลิวไปตามลมได้เลยนะ"
ลูปัสคงไม่รู้ว่าเธอมีกล้ามขาแน่นเปรี๊ยะด้วยซ้ำ! จากการออกกำลังกายและวิ่ง หรือต่อให้ไม่เคยมาเหยียบที่นี่ คาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่งก็กำลังปลุกปั้นเธอให้มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นอยู่ดี แต่น่าหวาดเสียวว่าจบการฝึกจากบ้านหมาป่าไปเธอจะกลายเป็นสาวกล้ามบึกบึนตัวร้าย แค่คิดก็รู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา เหลือไว้ให้ฉันแค่กล้ามหน้าท้องก็พอ นอกนั้นอย่าเยอะไปกว่านี้เลย...!
"ความรุนแรงในทุกการเหวี่ยงดาบน่าพึงพอใจมาก ...แต่ยังขาดท่วงท่าที่ถูกต้องและประสบการณ์ สำหรับพื้นฐานวันนี้มีเท่าที่ข้าสอนให้ อยู่ที่ว่าเจ้าจะเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไร"
คาร์ล็อตต้าเดาว่าจริง ๆ การฝึกคงไม่ได้มีเท่านี้ ก็นะ, คงไม่ได้คิดจะอัดความรู้ทุกอย่างใส่หัวกันในวันเดียวอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงได้อาเจียนออกมาก่อน
แต่พอได้ยินแบบนั้นก็สงสัยขึ้นมา คำกล่าวตอนแรกที่เขาพูดถึงกับตอนนี้ดูต่างกันลิบลับ มันไม่ได้ดูหฤโหดเท่าที่ควรจนเกิดข้อแคลงใจ
"หมายความว่าวันนี้จะพอแค่นี้หรือคะ?"
"นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้า"
ลูกตาทอประกายแสงของหมาป่ายังคงแช่สายตาไว้กับร่างอรอนงค์วัยยี่สิบต้น ๆ ที่ไม่ยอมหยุดกวัดแกว่งดาบตามที่เขาสอน ดูเหมือนเธอไม่มีทีท่าจะพอด้วยหากเขาไม่บอกให้หยุด
"อะไรที่มากไปมันก็ไม่ดีหรอกนะ ร่างกายเจ้าเหนื่อยล้าจากการฝึกก่อนหน้าของเวล็อกซ์ ตอนนี้มันอาจจะไม่-.."
ครึ่ก-!
เสียงปริแตกของบางอย่างดังขึ้น เกิดรอยร้าวลามไปอย่างรวดเร็วบนกลาดิอุสไม้ แต่มันยังไม่หักไปเสียทีเดียว กระทั่งคาร์ล็อตต้าฟาดวิธีดาบสุดท้ายลงบนหุ่นฝึก ดาบไม้-...หักเป็นสองท่อนโดยสมบูรณ์
ลูปัสเปลี่ยนความหมายเล็กน้อย "-...ไหวสินะ" เขาทอดถอนใจ "เจ้านี่เป็นพวกบ้าพลังหรืออย่างไร"
หล่อนหลุดเสียงขบขันผ่านลำคอ ในใจคือรอยยิ้มที่แห้งแล้ง อดคิดไม่ได้ว่าเธอต้องจ่ายค่าเสียหายอะไรกับดาบนี่หรือเปล่า
"มีหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันกับคุณค่ะ"
'อย่าหักโหมเกินไปล่ะ ต่อจากนี้เจ้าต้องไปฝึกระเบียบวินัยทหารโรมันกับเฟอร์รัสด้วย' ลูปัสทิ้งท้ายไว้แค่นั้น และเพราะจบการฝึกสำหรับวันนี้แล้วเขาจึงจากไป ...แต่ยังมีหนึ่งชีวิตที่ยืนอยู่ใจกลางลานฝึก ท่ามกลางหุ่นไม้ ดาบของเธอยังคงฟาดฟันมันลงไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวก็หวนนึกถึงคำสอนของอาจารย์ ท่านเคยพูดไว้ว่าจะสอนวิชาดาบให้กับเธอ คาร์ล็อตต้าจึงอดทนรอและเฝ้าฟังหล่อนพร่ำสอนผ่านทฤษฎีเฉพาะเท่านั้น แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนด้วยจนกระทั่งอาจารย์หายไป
'เสี่ยวเยว่ เธอคิดว่าตอนไหนที่จะดึงเอาพละกำลังออกมาใช้ได้มากที่สุด'
'เปล่าเลย ไม่ใช่ตอนที่ร่างกายเตรียมพร้อมอย่างถึงที่สุด แต่เป็นตอนที่เธอคิดถึงภาพของพลังอย่างถึงที่สุดต่างหาก'
เหวี่ยงดาบลงมา
'เธอต้องหาคำตอบว่าจะทำเพื่อปกป้อง หรือทำเพื่อฉีกกระชาก หากเพื่อปกป้อง ในทุกการออกหมัด ในทุกวิถีดาบจะมีความรู้สึกเหล่านี้เสมอ'
'การตระหนักรู้ การขอบคุณ การระลึกถึงความสุข'
หนึ่งดาบฟาดลงมา
'นั่นภาพของการปกป้อง แต่การฉีกกระชากไม่ใช่แบบนั้น ไม่เคยเป็นแบบนั้น'
เสียงปริร้าวของเนื้อไม้ดังขึ้น ฝ่ามือของเธอสั่นจากแรงที่มากเกินไป ผิวหนักบาดเจ็บจากการกุมไว้อย่างแน่นหนาเกินไป และเสียดสีจนมีรอยถลอก
'หนึ่งท่วงท่าคือความเจ็บปวดที่ต้องจากลาผู้เป็นที่รัก หนึ่งการทะลวงคือใจที่หวนนึกถึงความอ่อนแอของตนเอง หนึ่งดาบวาดลง คือหนึ่งเรื่องราวขมขื่น และท่าดาบที่เชื่อมต่อกันจากนั้น คือความทรงจำร้าวราน ที่เธอทำอะไรกับมันไม่ได้เลย'
กลาดิอุสไม้หักลง -เล่มที่สอง ร่างกายโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ริมฝีปากพรูลมหอบไม่สิ้นสุด และเศษไม้ที่ติดมือก็ถูกทิ้งลงพื้น แขนข้างนั้นอยากยื่นไปหยิบดาบไม้เล่มใหม่ขึ้นมา แต่มันสั่นจนไม่มีแรงจะจับไหว
'นั่นแหละคือความหมายของการฉีกกระชาก ใช้ความเจ็บปวดของเธอเป็นเชื้อเพลิง ใช้ความโกรธกริ้วเพื่อขับเคลื่อน ต่อให้ผิดหวังหรือแทบขาดใจก็ยังหยุดไม่ได้ เพื่อวันที่เธอต้องการจะมาถึงอย่างแท้จริง เสี่ยวเยว่ จงจำไว้เสมอ ความตั้งใจของเธฮจะไม่มีวันถูกพังทลายหากเธอไม่ยินยอม'
บนฝ่ามือมีเลือดซิบจากพวกรอยถลอก คาร์ล็อตต้าค่อยกอบกุมมันแน่นขึ้น เป็นกำปั้นที่รวบรวมความรู้สึกไว้มากมาย
'เสี่ยวเยว่ สักวันโลกจะต้องยอมรับฟังเธอ'
"ฉันมาทำอะไรที่นี่กันนะ"
เสียงพ่นลมหายใจสุดท้ายหมดลง คำถามเปล่งออกมา
พร้อมกับความอนาถาของตนเองที่พวยพุ่งขึ้นมาตอกย้ำ
"คิดถึงแม่จัง"
ฉับพลันนั้น, นัยน์ตาเปี่ยมประกายไฟแรงกล้า ลุกโชนขึ้นมาและไม่อาจดับลง
หมายเหตุของรางวัล :
+20 EXP / +5 คะแนน
มุมานะตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักหน่วง (ลานฝึก)(ประจำวัน)
+10 ความโปรดปรานลูปา
บันทึกความในใจคาร์ล็อตต้า (ล้อเลียน): อยากแข็งแกร่งขึ้นเร็ว ๆ โว้ยยยยยย *พ่นไฟ*