12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: God

Circus Maximus ⋘ เซอร์คัส แม็กซิมัส ⋙

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 6 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 08 เดือน ตุลาคม ปี 2025

ช่วงเช้าถึงเที่ยง เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ เซอร์คัส แม็กซิมัส กรุงโรมใหม่ ค่ายจูปิเตอร์ เรียนวิชาขับขี่ยานยนต์และมอเตอร์ไซต์ (VMO)


ลานฝึกกลางเซอร์คัส แม็กซิมัสคุกรุ่นด้วยกลิ่นยางอุ่น ๆ และฝุ่นทรายจากสนามโบราณที่ถูกขีดเส้นใหม่เป็นรูปตัว S วงกลม และทางตรงยาวเหยียด ลมบ่ายกรุงโรมใหม่พัดธงสีม่วงทองของค่ายให้กระพือ โมนีก้าดึงสายรัดหมวกกันน็อกให้แน่น ก้มแตะคางจนคลิ๊ก “โอเค หัวรอดก่อนค่อยคุยเรื่องเทคนิค” เธอบ่นแซวตัวเองทั้งยังแอบหงุดหงิดไม่หายจากคลาสก่อน แต่แววตาเริ่มติดประกายอยากเอาชนะพอ ๆ กับความงอนนั้น


วิญญาณสีเหลืองปรากฏตัวกลางแสงฝุ่น ลาเรส แจ็คสัน ฟอสเตอร์ ผู้สอนประจำวิชา VMO วันนี้เขาแตะขอบหมวกทรงนักแข่งทัก “นักเรียน บทเรียนสอง: Basic Driving Techniques กติกาค่ายเหมือนเดิม วิ่งได้ ขี่ได้ แต่ต้องเคารพ ‘กฎ’ ก่อนเสมอ” เสียงทุ้มกระทบกำแพงสนาม “ในเขตค่าย: จำกัดความเร็วตามป้าย, หยุดให้คนเดินเท้าหน้าทางม้าลาย, ห้ามแซงในเขตอาคาร, เปิดไฟเลี้ยวก่อนเปลี่ยนเลน, ห้ามคุยเล่นกับฟอร์จูนหมากฝรั่งบนแฮนด์เพราะฟอร์จูนไม่ช่วยตอนเบรกหลบอะไรไม่ทัน”


“รับทราบค่ะครู” โมนีก้าตอบ กัดปลายลิ้นนิด ๆ กันหลุดหัวเราะ เธอยืนข้างมอเตอร์ไซค์วิบากสีขาว คันฝึกของค่ายที่ตั้งเซ็ตติ้งไว้กลาง ๆ สำหรับมือใหม่ ลาเรสลอยเลื่อนเข้ามาแตะแฮนด์อย่างคนเคยชิน “เริ่มด้วยทฤษฎีเร็ว ๆ แล้วลงมือจริง เราต้องรู้สี่อย่าง: ออกตัว เร่ง เบรก เลี้ยว และหนึ่งอย่างที่ครอบทั้งหมด การคุมรถที่ความเร็วต่ำ”


“ออกตัว = คลัทช์–คันเร่ง–สมดุล” เขาวาดเส้นโค้งในอากาศ “หาจุดเสียดทานของคลัทช์ คงรอบเครื่องให้เนียน แล้วปล่อยคลัทช์ช้า ๆ ขณะมองไกลไปทิศที่ ‘อยากไป’ ไม่ใช่มองล้อหน้า เข้าใจไหมเราจะมองที่ที่ใจอยากถึง รถจะตามตาเสมอ” เธอพยักหน้าตอนได้ยินแล้วลองเงี่ยหูฟังเสียงรอบเดินเบาที่ขุ่น ๆ นุ่ม ๆ “เร่ง = นุ่ม ไม่ใช่ฮึกเหิม เบรก = สั้น ชัด เป็นจังหวะ แบ่งหน้า 70 หลัง 30 ในเส้นตรง ถ้าจะเข้าโค้ง ใช้เทรลเบรกลดแรงเบรกก่อนจุดเอเพ็กซ์; เลี้ยว = ไหลตามเส้น ไม่หักพวงมาลัยทีเดียว ให้ ‘ตั้งลำ–เอนตัว–เปิดคันเร่งคงที่–คืนตัว’ สำหรับมอไซค์ เลี้ยววงแคบใช้เทคนิคถ่วงน้ำหนักสวนโค้ง มองผ่านไหล่เข้าเส้นทางออก”


เขาหันไปทางรถจี๊ปฝึกสีทราย “สำหรับสี่ล้อ พวงมาลัยใช้ ‘ผลัก–ดึง’ (push–pull) ไม่ไขว้มือตอนคุมที่ความเร็วต่ำ, เบรกตรง ๆ ก่อนเข้าโค้ง, เข้าเกียร์ต่ำด้วยรอบเครื่องพอดี อย่า ‘ลงเกียร์ลากรอบ’ จนล้อสะท้าน และจำกฎทอง กระจก สัญญาณ เคลื่อน (Mirror–Signal–Manoeuvre) ทุกครั้งก่อนเปลี่ยนตำแหน่งรถ”


“เอาล่ะ ลงสนาม” ลาเรสผายมือให้ทางตรงยาว โมนีก้าคร่อมรถ น้ำหนักลงกลางเบาะ ดึงคลัทช์ บิดปลายคันเร่งนิดเดียว เครื่องครางต่ำ เธอค่อย ๆ ปล่อยคลัทช์ จังหวะนั้นเท้าซ้ายยกจากสแตนด์ วินาทีที่รถเริ่มไหล เธอกำแฮนด์แน่นเกินไปนิด แล้วสูดลมหายใจ วางศอกให้ผ่อน คลายไหล่ “ดี…หาจุดเสียดทานเจอแล้ว” ลาเรสพึมพำเหมือนยิ้มอยู่ในลมหายใจ


ในการลองทางตรงเธอบิดคันเร่งเพิ่มทีละเสี้ยว มองปลายกรวยสีส้มไกลข้างหน้า ไม่ใช่กรวดตรงหน้า ฟังเสียงเครื่องขึ้นรอบ เกียร์หนึ่งหมดแรงฉุด ปลายเท้าตะปบคันเกียร์ขึ้นสองอย่างเนียน คันเร่งผ่อนจังหวะเดียวแล้วต่อ เธอยิ้มมุมปากกับความลื่นไหลที่เริ่มเป็นของตัวเอง “เร่งนุ่ม เบรกชัด” เธอท่องในหัว ปลายทางตรงใกล้เข้ามา เธอบีบเบรกหน้าเพิ่มแรงไล่จากเบาไปหนัก ขณะเท้าเหยียบหลังเสริม น้ำหนักย้ายไปหน้าตามหลักฟิสิกส์ รถนิ่ง เสียงยางไล้ทรายดังซ่าเบา ๆ ก่อนหยุดตรงเส้น ลาเรสพยักหน้า “เบรกเป็นสเต็ป ดีมาก”

ในการลองรูปตัว S กรวยวางซิกแซก โมนีก้าดูเส้นทาง ตั้งลำก่อนกรวยแรก น้ำหนักลำตัวขยับเข้าออกตามโค้ง สายตาพุ่งผ่านปลายกรวยถัดไป ไม่จับจ้องสิ่งกีดขวาง “มองไปที่เส้นทาง ไม่ใช่อุปสรรค” เธอเลี้ยวซ้าย ปลายคันเร่งคงที่คืนตัว เปลี่ยนเป็นขวาแบบไหลเดียว เสียงเครื่องรักษารอบอย่างเสถียร ข้อมือไม่กระตุก ล้อไม่เสียศูนย์ ลาเรสลอยตามข้าง ๆ “นี่แหละ flow; อย่าลืมหายใจ” เธอหัวเราะหอบเบา ๆ “รับทราบค่ะครู ก่อนหน้าหายใจด้วยความหัวร้อนอย่างเดียว”

ในช่วงทางวงกลมโมนีก้าออกตัวช้า ๆ เข้าเส้นวงกว้าง คุมความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่ทรงได้ ใช้คลัทช์เสี้ยวและคันเร่งน้อย ๆ รักษาสมดุล น้ำหนักตัวกดด้านนอกเล็กน้อยเพื่อยึดเกาะ เสียงเครื่องเป็นเมโทรนอมคงจังหวะ “นี่คือ ‘คุมที่ช้า’ ยากกว่าคุมที่เร็ว” ลาเรสเตือน เธอมีส่ายนิด ๆ แล้วกู้กลับได้ทัน พลิ้วผ่านจุดเอเพ็กซ์ เปิดคันเร่งเพิ่มน้อย ๆ ออกจากวงด้วยสายตาไปที่ทางตรง “โค้งคือบทสนทนา ไม่ใช่สนามประลองอีโก้” เขาเอ่ย เธอสบถในใจเล็ก ๆ แต่ยอมรับว่าจริง


หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเวิร์กสเตชันเป็นรถจี๊ป เธอสวมเข็มขัด ตรวจสอบกระจก สัญญาณ ก่อนเคลื่อน ออกตัวด้วยเบรกเท้า ปล่อยเบรกมือ พวงมาลัยแบบผลักดึงทแยงเข้าเส้นตัว S กว้าง ๆ เธอเรียนรู้จุดหมุนของท้ายรถเมื่อถอยหลังเข้าซอง ลาเรสชี้กรวยสองใบก้นรถคือเส้นกึ่งกลางสะโพกเธอคิดแบบนั้นเวลาเล็งท้าย โมนีก้าหักเลี้ยวช้า ๆ ตามมุมกระจกข้าง แก้คืนครึ่งรอบก่อนตรงตัว รถเข้ากล่องพอดีจนกรวดแทบไม่สั่น ลาเรสเป่าปาก “คลาสสิก” เธอยักไหล่ “หนูดูคลิปมาค่ะ…สาบานว่าไม่ใช่เพราะอยากชนะใคร แค่…หงุดหงิดอยู่”


กลับมาที่มอเตอร์ไซค์การทรงตัวที่ความเร็วต่ำขั้นต่อไป เลี้ยววงแคบแบบ U-turn ในช่องแคบ เธอมองไกลไปจุดออก ใช้คลัทช์เฟเธอร์ แบ่งเบรกหลังพยุง แฮนด์มุมสุดอย่างนุ่มนวล น้ำหนักกดพักเท้าด้านนอก รถเอนไปในองศาที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นชั่วคราว ก่อนพยุงขึ้นได้อย่างสวย ลาเรสหัวเราะ “นั่นแหละ magic ของสมดุล”


ระหว่างพักสั้น ๆ ลาเรสชี้ชุดอุปกรณ์ยืมฝึกที่กองไว้ แผ่นรองเข่า แผ่นอก สนับศอก “มีให้ใช้ตอนซ้อมเฉพาะกิจ แต่ในคลาสนี้ข้อบังคับจริง ๆ คือหมวกกันน็อกเท่านั้น ส่วนยานยนต์ฝึกตรวจสภาพให้พร้อมเสมอ แล้วรับผิดชอบที่มือและหัวของตัวเอง” โมนีก้าตีคางกับสายรัดหมวกจนดังเบา ๆ “หัวนี้ของหนู จะเก็บไว้ใช้บ่นครูอีกหลายครั้งค่ะ” เขาเชิดคาง “ถ้าขับได้เนียนขึ้น ฉันยอมฟัง”


รอบสุดท้ายคือคอมโบที่รวมทุกอย่าง ทางตรง–ตัว S–วงกลม–จอด–ถอย–กลับเข้า U โมนีก้าออกตัวอย่างนิ่ง ระยะเบรกวางก่อนเส้น เลี้ยวซิกแซกด้วยสายตาอ่านไกล วงกลมเนียนกว่าทุกรอบ เปิดคันเร่งออกโค้งอย่างพอดี จอดเทียบกรวย เอาเกียร์ว่าง ดึงเบรกหน้าค้าง 1 วินาที ดับเครื่องตามพิธีปิดคอร์ส เธอถอดหมวก เหงื่อซึมกรอบหน้า แต่รอยยิ้มค่อย ๆ ขึ้นแทนที่เส้นตึงจากเช้า


ลาเรสลอยวนแล้วแตะหัวไหล่เธอราวลมอุ่น “เทคนิควันนี้ที่เธอยึดได้ชัดคือมองที่ทาง ไม่มองที่กลัว, คุมคันเร่งนิ่มนวล, เบรกเป็นชั้น, และบาลานซ์ที่ความเร็วต่ำ จำไว้ ทักษะเหล่านี้ไม่ใช่ของขลัง ต้องรดน้ำทุกวัน” โมนีก้าเชิดคางตอนเขาบอก “หนูจะกลับมารดน้ำค่ะครู แต่ขอประกาศหน่อย หนูจะทำให้คลาสหน้าครูไม่มีอะไรให้แซะนอกจากคำชม ยกเว้นว่าครูจะให้การบ้านหนูอีก หนูอาจจะหงุดหงิด” วิญญาณนักแข่งหัวเราะสะท้อนอัฒจันทร์


เธอมองสนามที่เริ่มถูกเงาเย็นกลืนกิน หัวใจยังเต้นแรงแต่ไม่ใช่เพราะโกรธอีกต่อไป เป็นแรงเต้นของคนพบจังหวะของตัวเองบนยางสองเส้นและพวงมาลัยหนึ่งวง เธอสวมหมวกอีกครั้งเพื่อเข็นรถเข้าช่องเก็บ “ไปกันต่อเถอะ โมนีก้า แม่งเอ้ย” ลมยามเย็นพัดผ่านคล้ายคำตอบ และที่ริมทรายโบราณนั้น เธอรู้สึกว่าความคุกรุ่นกลายเป็นเชื้อไฟที่เผาเฉพาะความกลัว เหลือไว้เพียงแรงตั้งใจที่ขับเคลื่อนให้ไกลขึ้น เร็วขึ้นแต่ปลอดภัยกว่าเดิม


อื่น ๆ: วิชาขับขี่ยานยนต์และมอเตอร์ไซต์ ( 2 / 4 )

ส่ง การบ้านคลาสที่ 1 ได้รับ +1 Point +20 ความกล้าหาญ

รางวัล: พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5 [Lares-06] แจ็คสัน ฟอสเตอร์

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [Lares-06] แจ็คสัน ฟอสเตอร์ เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 6 วันที่แล้ว
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 31994 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 31,994 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก รากพันธนาการ  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 31,994 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก หนังสือนิยาย  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x1
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x15
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
โพสต์ 4 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 10 เดือน ตุลาคม ปี 2025

ช่วงเช้า เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ เซอร์คัส แม็กซิมัส กรุงโรมใหม่ ค่ายจูปิเตอร์ เรียนวิชาการฝึกเดินทัพ (MD) (พบ เฟเบียส รูฟัส)


แสงแดดยามเช้าของกรุงโรมใหม่ในเวลาเก้าโมงตรงสาดกระทบผืนทรายสีทองของสนามเซอร์คัส แม็กซิมัสจนระยิบระยับดั่งผืนผ้าไหมที่คลี่ออกกลางหุบเขา เสียงฝีเท้าทหารเดมี่ก๊อดจากหลายกองร้อยกึกก้องเป็นจังหวะก้องสะท้อนตามอัฒจันทร์ขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยผู้สังเกตการณ์และครูฝึก วิหารหินอ่อนข้างสนามทอดเงาเรียวยาวลงบนลานฝึกอันร้อนระอุในวันสุดท้ายของภาคเรียนที่ใครหลายคนรอคอย


โมนีก้าในชุดเกราะโรมันเต็มยศยืนอยู่แถวหน้าของกองร้อยที่สอง รองเท้าทหารแบบ caligae ของเธอส่องแสงสะท้อนแดดจนเห็นคราบฝุ่นตามรอยเดินเท้าที่ผ่านศึกฝึกมาแล้วหลายสัปดาห์ ใบหน้าเธอมีเหงื่อบาง ๆ แต่มุมปากยังคงยกยิ้มเมื่อมองเพื่อนร่วมรุ่นที่ต่างกำลังจัดเข็มขัด ดึงสายเกราะ และตรวจสอบเข็มทิศจำลองในมือ ทุกคนต่างรู้ว่าวันนี้คือคาบสุดท้ายของวิชาการฝึกเดินทัพ (Marching Discipline) วิชาที่คัดคนได้มากพอ ๆ กับทำให้คนถอดใจ


เสียงลมอุ่นพัดผ่านก่อนจะตามมาด้วยประกายเรืองแสงสีม่วงเข้มที่ลอยขึ้นกลางสนาม เฟเบียส รูฟัส ปรากฏตัวในร่างลาเรสผู้ทรงอำนาจ แสงรอบตัวเขาเปลี่ยนเป็นไอหมอกสีน้ำเงินเจือแดงที่คล้ายควันธูปจากวิหาร เขามีรูปลักษณ์สง่างามในชุดเกราะนายพลยุคจักรพรรดิเนโร ดวงตาคมปลาบเหมือนคนยังมีชีวิต แต่แฝงไปด้วยเงาแห่งอดีตที่ไม่เคยเลือนจากจิตวิญญาณ


“ทหารแห่งจูปิเตอร์ วันนี้คือวันสุดท้ายของพวกเจ้ากับข้า” เสียงของเขาแผ่วลึกแต่ก้องไกลราวเสียงเหล็กเสียดกัน “วันนี้เราจะเรียนสิ่งที่เรียกว่า การเดินทัพแห่งยุทธวิธี มันไม่ใช่แค่การก้าวเท้า แต่คือศิลปะแห่งการอยู่รอดในสนามรบของความเป็นจริง”


เขาเริ่มอธิบายด้วยท่วงท่าแน่วแน่ ขณะที่เงาในดวงตาของเขาสะท้อนภาพสนามรบเมื่อสองพันปีก่อน “การเดินทัพเพื่อสอดแนมต้องเป็นเหมือนเงาในราตรี เดินโดยไม่มีเสียง หายใจโดยไม่มีร่องรอย” เขาเดินวนรอบนักเรียนอย่างสงบ แต่ทุกก้าวของลาเรสผู้นี้กลับทำให้ผืนทรายสั่นระริก “ส่วนการเข้าตี ต้องเป็นเหมือนคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งในคราวเดียว ไม่ลังเลไม่หยุดกลางทางและการถอยร่น... ต้องถอยอย่างมีศักดิ์ศรี ถอยเพื่อรอดไม่ใช่เพื่อหนี”


“กองทัพคือร่างกายเดียวกัน!” เสียงของเขาดังกังวานจนธงที่ข้างสนามสะบัดไหว “ไม่มีขาไหนจะก้าวพ้นได้หากหัวไม่สั่ง ไม่มีหัวใดจะยืนอยู่ได้หากขาไม่มั่นคง!” เขาลอยลงมาแตะพื้นสนาม เสียงฝีเท้าในลานเงียบสนิทราวต้องมนตร์


โมนีก้าจดทุกคำในใจ เธอพยายามตั้งใจฟังอย่างที่สัญญาไว้กับแม่ที่วิหารเซเรส เสียงเฟเบียสพูดถึงการรักษาความเงียบและการพรางตัว ทำให้เธอนึกถึงคำสอนของท่านทวดเจนัสที่เคยอ่านเจอในหนังสือ 


ภาคทฤษฎีเริ่มต้นขึ้น เฟเบียสลากดาบวิญญาณวาดเส้นกลางอากาศจนเกิดภาพจำลองของสนามรบเต็มท้องฟ้า “การเดินทัพเพื่อสอดแนม ต้องไม่ใช่แค่การเดินเงียบแต่ต้องรู้จักกลืนเข้าไปในภูมิประเทศ รู้จักฟังทิศทางลมและกลิ่นของศัตรู” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม “การเข้าตีต้องประสานจังหวะขาและใจ ไม่มีใครชนะได้ด้วยการวิ่งเร็ว แต่ด้วยการก้าวในเวลาที่ศัตรูไม่คาดคิด”


จากนั้นเขาให้พักสั้น ๆ ก่อนโยนกระบอกเข็มทิศจำลองไปให้แต่ละกองร้อย “ทบทวนให้ไว ใช้แผนที่ ใช้เข็มทิศ คิดให้เหมือนอยู่กลางสนามจริง” เสียงหวีดแตรดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มภารกิจจำลอง หลังจากนั้นเฟเบียสให้ทุกคนทบทวนการใช้เข็มทิศและแผนที่จำลองสนามที่กระจายอยู่บนโต๊ะหิน เขาเดินตรวจรอบ ๆ จนมาหยุดข้างหลังโมนีก้า เธอรู้สึกได้ถึงพลังเย็นของวิญญาณที่ลอยอยู่ตรงหลังคอ “ศูนย์ทิศเหนืออยู่ตรงไหน เซ็นจูเรี่ยนกองร้อยสอง?” เขาถามเรียบเสียง


โมนีก้ายกเข็มทิศขึ้นพลิกตามแนวรอยบากอย่างมั่นใจ เฟเบียสพยักหน้าเงียบ ๆ ก่อนจะผายมือไปยังปลายสนาม “ดี... ตอนนี้เริ่มการฝึกจำลอง”


ทันใดนั้นสนามเซอร์คัส แม็กซิมัสก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพจำลองยุทธภูมิ ลมพัดแรงขึ้น เงาของอาคารรอบข้างพร่าเลือนกลายเป็นป่าทึบจำลองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางแสงแดดบ่ายจัด กลิ่นดิน กลิ่นเหงื่อ และกลิ่นฝุ่นผสมกันจนหายใจแทบไม่ออก เธอและเพื่อนร่วมกองเริ่มเดินทัพอย่างระมัดระวัง เสียงโลหะกระทบกันทุกจังหวะก้าวต้องสอดคล้องกันโดยไม่มีเสียงเกินจำเป็น


เฟเบียสลอยอยู่เหนือหัวพวกเขา คอยให้คำสั่ง “กองสอดแนม หน้า! กองป้องกันขวา เตรียมพรางตา! ห้ามพูด ห้ามสบตาศัตรูจำลอง!” เสียงเขาดังก้องจนผืนทรายสั่นสะเทือน


โมนีก้าใช้เข็มทิศจำลองคำนวณระยะทางผ่านจุดพรางตัวตามแบบที่เรียน เธอให้สัญญาณมือแก่ทีม ก้มหลบใต้แนวไม้จำลองแล้วเคลื่อนตัวเงียบเหมือนเงาของหญ้า เสียงหัวใจเต้นในอกดังจนเธอเกือบเผลอหัวเราะกับตัวเอง ความตื่นเต้นและความสนุกประหลาดผสมกันจนแทบแยกไม่ออกว่าเธอกำลังเรียนหรืออยู่ในสงครามจริง


เมื่อภารกิจสอดแนมผ่านไปอย่างราบรื่น เฟเบียสสั่งให้เริ่มจำลองการเดินทัพกลางคืน เขาเปิดโดมอะไรก็ไม่รู้จน สนามทั้งสนามมืดลงทันที มีเพียงแสงจันทร์จำลองสีเงินซีดที่ส่องผ่านหมอกควัน เธอและทีมต้องเดินเรียงแถวโดยใช้สัญญาณจากแสงไฟในเข็มทิศเท่านั้น ไม่มีคำพูด มีเพียงเสียงหายใจร่วมกันของคนทั้งกองที่สะท้อนในอก และสุดท้าย เมื่อแสงไฟกลับคืน เฟเบียสให้สัญญาณ “จัดตั้งค่ายพักแรม!” ทุกคนต้องใช้เวลาน้อยกว่าห้านาทีสร้างที่พักจำลองจากผ้าใบและเสาไม้ โมนีก้าออกคำสั่งได้อย่างมั่นคง เธอรู้สึกถึงพลังผู้นำบางอย่างในตัวเองที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากการฝึกอันยาวนานนี้


เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เฟเบียสมองลงมาจากกลางอากาศ ใบหน้าเคร่งครึ้มแต่แววตาอ่อนลงเล็กน้อย “ดี...แต่จำไว้” เขาเอ่ยช้า ๆ น้ำเสียงเย็นเยียบเหมือนลมจากโบราณสถาน “นี่คือการฝึก ไม่ใช่การสอบจริง การสอบจะไม่ง่ายแบบนี้ จำคำข้าไว้ให้ดี เพราะในสนามจริง ไม่มีโอกาสที่สองสำหรับผู้ที่เสียจังหวะไปแม้ครึ่งลมหายใจ”


โมนีก้าก้มศีรษะ “ขอบคุณสำหรับคำสอนค่ะ”


ลาเรสพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะหายวับไปพร้อมละอองแสงที่แตกตัวกลางอากาศ เหล่าทหารหนุ่มสาวรวมถึงโมนีก้ายืนมองท้องฟ้าเหนือสนาม เซอร์คัส แม็กซิมัสสว่างอีกครั้งด้วยแสงแดดยามสาย


เมื่อทุกคนแยกย้ายกลับ เธอเดินอยู่ท้ายขบวน ยกเข็มทิศขึ้นหมุนเล่นอย่างคนอารมณ์ดี พลางพึมพำ “ก็ไม่เลวเลยนี่นา คาบสุดท้าย...” แล้วหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง “แม่คงเห็นอยู่แน่เลย ว่าลูกสาวคนนี้ ไม่ได้หลับในคาบสุดท้ายซะทีเดียว” แสงแดดโรมันใหม่ส่องจับขอบเกราะของเธอเป็นประกาย ท่ามกลางเสียงธงที่พลิ้วตามลมเหนือเซอร์คัส แม็กซิมัสในวันสุดท้ายของการฝึกเดินทัพของเธอ จบสิ้นสักที!! โว้ย

อื่น ๆ: วิชาการฝึกเดินทัพ ( 4 / 4 )

รางวัล: พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5 [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [Lares-02] เฟเบียส รูฟัส เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 30915 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 30,915 ไบต์และได้รับ +9 EXP +8 เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก สัมภาระเต็มรูปแบบ  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 30,915 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 30,915 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก รากพันธนาการ  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
การควบคุมธรนี
สัมภาระเต็มรูปแบบ
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หนังสือนิยาย
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
Icarus Mirror
ดาบสุริยคติ
น้ำหอม Unisex
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
เกราะทหารโรมัน
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x5
x2
x2
x8
x2
x10
x5
x5
x20
x20
x6
x16
x63
x1
x7
x2
x4
x8
x6
x6
x1
x3
x8
x14
x10
x2
x22
x17
x1
x3
x3
x2
x5
x5
x2
x18
x26
x7
x5
x13
x6
x45
x36
x15
x69
x1
x1
x32
x2
x9
x70
x2
x2
x2
x20
x5
x4
x5
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้