
วันที่ 08 เดือน ตุลาคม ปี 2025
ช่วงเช้าถึงเที่ยง เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ เซอร์คัส แม็กซิมัส กรุงโรมใหม่ ค่ายจูปิเตอร์ เรียนวิชาขับขี่ยานยนต์และมอเตอร์ไซต์ (VMO)
ลานฝึกกลางเซอร์คัส แม็กซิมัสคุกรุ่นด้วยกลิ่นยางอุ่น ๆ และฝุ่นทรายจากสนามโบราณที่ถูกขีดเส้นใหม่เป็นรูปตัว S วงกลม และทางตรงยาวเหยียด ลมบ่ายกรุงโรมใหม่พัดธงสีม่วงทองของค่ายให้กระพือ โมนีก้าดึงสายรัดหมวกกันน็อกให้แน่น ก้มแตะคางจนคลิ๊ก “โอเค หัวรอดก่อนค่อยคุยเรื่องเทคนิค” เธอบ่นแซวตัวเองทั้งยังแอบหงุดหงิดไม่หายจากคลาสก่อน แต่แววตาเริ่มติดประกายอยากเอาชนะพอ ๆ กับความงอนนั้น
วิญญาณสีเหลืองปรากฏตัวกลางแสงฝุ่น ลาเรส แจ็คสัน ฟอสเตอร์ ผู้สอนประจำวิชา VMO วันนี้เขาแตะขอบหมวกทรงนักแข่งทัก “นักเรียน บทเรียนสอง: Basic Driving Techniques กติกาค่ายเหมือนเดิม วิ่งได้ ขี่ได้ แต่ต้องเคารพ ‘กฎ’ ก่อนเสมอ” เสียงทุ้มกระทบกำแพงสนาม “ในเขตค่าย: จำกัดความเร็วตามป้าย, หยุดให้คนเดินเท้าหน้าทางม้าลาย, ห้ามแซงในเขตอาคาร, เปิดไฟเลี้ยวก่อนเปลี่ยนเลน, ห้ามคุยเล่นกับฟอร์จูนหมากฝรั่งบนแฮนด์เพราะฟอร์จูนไม่ช่วยตอนเบรกหลบอะไรไม่ทัน”
“รับทราบค่ะครู” โมนีก้าตอบ กัดปลายลิ้นนิด ๆ กันหลุดหัวเราะ เธอยืนข้างมอเตอร์ไซค์วิบากสีขาว คันฝึกของค่ายที่ตั้งเซ็ตติ้งไว้กลาง ๆ สำหรับมือใหม่ ลาเรสลอยเลื่อนเข้ามาแตะแฮนด์อย่างคนเคยชิน “เริ่มด้วยทฤษฎีเร็ว ๆ แล้วลงมือจริง เราต้องรู้สี่อย่าง: ออกตัว เร่ง เบรก เลี้ยว และหนึ่งอย่างที่ครอบทั้งหมด การคุมรถที่ความเร็วต่ำ”
“ออกตัว = คลัทช์–คันเร่ง–สมดุล” เขาวาดเส้นโค้งในอากาศ “หาจุดเสียดทานของคลัทช์ คงรอบเครื่องให้เนียน แล้วปล่อยคลัทช์ช้า ๆ ขณะมองไกลไปทิศที่ ‘อยากไป’ ไม่ใช่มองล้อหน้า เข้าใจไหมเราจะมองที่ที่ใจอยากถึง รถจะตามตาเสมอ” เธอพยักหน้าตอนได้ยินแล้วลองเงี่ยหูฟังเสียงรอบเดินเบาที่ขุ่น ๆ นุ่ม ๆ “เร่ง = นุ่ม ไม่ใช่ฮึกเหิม เบรก = สั้น ชัด เป็นจังหวะ แบ่งหน้า 70 หลัง 30 ในเส้นตรง ถ้าจะเข้าโค้ง ใช้เทรลเบรกลดแรงเบรกก่อนจุดเอเพ็กซ์; เลี้ยว = ไหลตามเส้น ไม่หักพวงมาลัยทีเดียว ให้ ‘ตั้งลำ–เอนตัว–เปิดคันเร่งคงที่–คืนตัว’ สำหรับมอไซค์ เลี้ยววงแคบใช้เทคนิคถ่วงน้ำหนักสวนโค้ง มองผ่านไหล่เข้าเส้นทางออก”
เขาหันไปทางรถจี๊ปฝึกสีทราย “สำหรับสี่ล้อ พวงมาลัยใช้ ‘ผลัก–ดึง’ (push–pull) ไม่ไขว้มือตอนคุมที่ความเร็วต่ำ, เบรกตรง ๆ ก่อนเข้าโค้ง, เข้าเกียร์ต่ำด้วยรอบเครื่องพอดี อย่า ‘ลงเกียร์ลากรอบ’ จนล้อสะท้าน และจำกฎทอง กระจก สัญญาณ เคลื่อน (Mirror–Signal–Manoeuvre) ทุกครั้งก่อนเปลี่ยนตำแหน่งรถ”
“เอาล่ะ ลงสนาม” ลาเรสผายมือให้ทางตรงยาว โมนีก้าคร่อมรถ น้ำหนักลงกลางเบาะ ดึงคลัทช์ บิดปลายคันเร่งนิดเดียว เครื่องครางต่ำ เธอค่อย ๆ ปล่อยคลัทช์ จังหวะนั้นเท้าซ้ายยกจากสแตนด์ วินาทีที่รถเริ่มไหล เธอกำแฮนด์แน่นเกินไปนิด แล้วสูดลมหายใจ วางศอกให้ผ่อน คลายไหล่ “ดี…หาจุดเสียดทานเจอแล้ว” ลาเรสพึมพำเหมือนยิ้มอยู่ในลมหายใจ
ในการลองทางตรงเธอบิดคันเร่งเพิ่มทีละเสี้ยว มองปลายกรวยสีส้มไกลข้างหน้า ไม่ใช่กรวดตรงหน้า ฟังเสียงเครื่องขึ้นรอบ เกียร์หนึ่งหมดแรงฉุด ปลายเท้าตะปบคันเกียร์ขึ้นสองอย่างเนียน คันเร่งผ่อนจังหวะเดียวแล้วต่อ เธอยิ้มมุมปากกับความลื่นไหลที่เริ่มเป็นของตัวเอง “เร่งนุ่ม เบรกชัด” เธอท่องในหัว ปลายทางตรงใกล้เข้ามา เธอบีบเบรกหน้าเพิ่มแรงไล่จากเบาไปหนัก ขณะเท้าเหยียบหลังเสริม น้ำหนักย้ายไปหน้าตามหลักฟิสิกส์ รถนิ่ง เสียงยางไล้ทรายดังซ่าเบา ๆ ก่อนหยุดตรงเส้น ลาเรสพยักหน้า “เบรกเป็นสเต็ป ดีมาก”
ในการลองรูปตัว S กรวยวางซิกแซก โมนีก้าดูเส้นทาง ตั้งลำก่อนกรวยแรก น้ำหนักลำตัวขยับเข้าออกตามโค้ง สายตาพุ่งผ่านปลายกรวยถัดไป ไม่จับจ้องสิ่งกีดขวาง “มองไปที่เส้นทาง ไม่ใช่อุปสรรค” เธอเลี้ยวซ้าย ปลายคันเร่งคงที่คืนตัว เปลี่ยนเป็นขวาแบบไหลเดียว เสียงเครื่องรักษารอบอย่างเสถียร ข้อมือไม่กระตุก ล้อไม่เสียศูนย์ ลาเรสลอยตามข้าง ๆ “นี่แหละ flow; อย่าลืมหายใจ” เธอหัวเราะหอบเบา ๆ “รับทราบค่ะครู ก่อนหน้าหายใจด้วยความหัวร้อนอย่างเดียว”
ในช่วงทางวงกลมโมนีก้าออกตัวช้า ๆ เข้าเส้นวงกว้าง คุมความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่ทรงได้ ใช้คลัทช์เสี้ยวและคันเร่งน้อย ๆ รักษาสมดุล น้ำหนักตัวกดด้านนอกเล็กน้อยเพื่อยึดเกาะ เสียงเครื่องเป็นเมโทรนอมคงจังหวะ “นี่คือ ‘คุมที่ช้า’ ยากกว่าคุมที่เร็ว” ลาเรสเตือน เธอมีส่ายนิด ๆ แล้วกู้กลับได้ทัน พลิ้วผ่านจุดเอเพ็กซ์ เปิดคันเร่งเพิ่มน้อย ๆ ออกจากวงด้วยสายตาไปที่ทางตรง “โค้งคือบทสนทนา ไม่ใช่สนามประลองอีโก้” เขาเอ่ย เธอสบถในใจเล็ก ๆ แต่ยอมรับว่าจริง
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเวิร์กสเตชันเป็นรถจี๊ป เธอสวมเข็มขัด ตรวจสอบกระจก สัญญาณ ก่อนเคลื่อน ออกตัวด้วยเบรกเท้า ปล่อยเบรกมือ พวงมาลัยแบบผลักดึงทแยงเข้าเส้นตัว S กว้าง ๆ เธอเรียนรู้จุดหมุนของท้ายรถเมื่อถอยหลังเข้าซอง ลาเรสชี้กรวยสองใบก้นรถคือเส้นกึ่งกลางสะโพกเธอคิดแบบนั้นเวลาเล็งท้าย โมนีก้าหักเลี้ยวช้า ๆ ตามมุมกระจกข้าง แก้คืนครึ่งรอบก่อนตรงตัว รถเข้ากล่องพอดีจนกรวดแทบไม่สั่น ลาเรสเป่าปาก “คลาสสิก” เธอยักไหล่ “หนูดูคลิปมาค่ะ…สาบานว่าไม่ใช่เพราะอยากชนะใคร แค่…หงุดหงิดอยู่”
กลับมาที่มอเตอร์ไซค์การทรงตัวที่ความเร็วต่ำขั้นต่อไป เลี้ยววงแคบแบบ U-turn ในช่องแคบ เธอมองไกลไปจุดออก ใช้คลัทช์เฟเธอร์ แบ่งเบรกหลังพยุง แฮนด์มุมสุดอย่างนุ่มนวล น้ำหนักกดพักเท้าด้านนอก รถเอนไปในองศาที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นชั่วคราว ก่อนพยุงขึ้นได้อย่างสวย ลาเรสหัวเราะ “นั่นแหละ magic ของสมดุล”
ระหว่างพักสั้น ๆ ลาเรสชี้ชุดอุปกรณ์ยืมฝึกที่กองไว้ แผ่นรองเข่า แผ่นอก สนับศอก “มีให้ใช้ตอนซ้อมเฉพาะกิจ แต่ในคลาสนี้ข้อบังคับจริง ๆ คือหมวกกันน็อกเท่านั้น ส่วนยานยนต์ฝึกตรวจสภาพให้พร้อมเสมอ แล้วรับผิดชอบที่มือและหัวของตัวเอง” โมนีก้าตีคางกับสายรัดหมวกจนดังเบา ๆ “หัวนี้ของหนู จะเก็บไว้ใช้บ่นครูอีกหลายครั้งค่ะ” เขาเชิดคาง “ถ้าขับได้เนียนขึ้น ฉันยอมฟัง”
รอบสุดท้ายคือคอมโบที่รวมทุกอย่าง ทางตรง–ตัว S–วงกลม–จอด–ถอย–กลับเข้า U โมนีก้าออกตัวอย่างนิ่ง ระยะเบรกวางก่อนเส้น เลี้ยวซิกแซกด้วยสายตาอ่านไกล วงกลมเนียนกว่าทุกรอบ เปิดคันเร่งออกโค้งอย่างพอดี จอดเทียบกรวย เอาเกียร์ว่าง ดึงเบรกหน้าค้าง 1 วินาที ดับเครื่องตามพิธีปิดคอร์ส เธอถอดหมวก เหงื่อซึมกรอบหน้า แต่รอยยิ้มค่อย ๆ ขึ้นแทนที่เส้นตึงจากเช้า
ลาเรสลอยวนแล้วแตะหัวไหล่เธอราวลมอุ่น “เทคนิควันนี้ที่เธอยึดได้ชัดคือมองที่ทาง ไม่มองที่กลัว, คุมคันเร่งนิ่มนวล, เบรกเป็นชั้น, และบาลานซ์ที่ความเร็วต่ำ จำไว้ ทักษะเหล่านี้ไม่ใช่ของขลัง ต้องรดน้ำทุกวัน” โมนีก้าเชิดคางตอนเขาบอก “หนูจะกลับมารดน้ำค่ะครู แต่ขอประกาศหน่อย หนูจะทำให้คลาสหน้าครูไม่มีอะไรให้แซะนอกจากคำชม ยกเว้นว่าครูจะให้การบ้านหนูอีก หนูอาจจะหงุดหงิด” วิญญาณนักแข่งหัวเราะสะท้อนอัฒจันทร์
เธอมองสนามที่เริ่มถูกเงาเย็นกลืนกิน หัวใจยังเต้นแรงแต่ไม่ใช่เพราะโกรธอีกต่อไป เป็นแรงเต้นของคนพบจังหวะของตัวเองบนยางสองเส้นและพวงมาลัยหนึ่งวง เธอสวมหมวกอีกครั้งเพื่อเข็นรถเข้าช่องเก็บ “ไปกันต่อเถอะ โมนีก้า แม่งเอ้ย” ลมยามเย็นพัดผ่านคล้ายคำตอบ และที่ริมทรายโบราณนั้น เธอรู้สึกว่าความคุกรุ่นกลายเป็นเชื้อไฟที่เผาเฉพาะความกลัว เหลือไว้เพียงแรงตั้งใจที่ขับเคลื่อนให้ไกลขึ้น เร็วขึ้นแต่ปลอดภัยกว่าเดิม

อื่น ๆ: วิชาขับขี่ยานยนต์และมอเตอร์ไซต์ ( 2 / 4 )
ส่ง การบ้านคลาสที่ 1 ได้รับ +1 Point +20 ความกล้าหาญ
รางวัล: พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5 [Lares-06] แจ็คสัน ฟอสเตอร์