แรกเริ่มมันมาจากการได้ยินผ่านนิทานของแม่ ถัดจากนั้นคือเรื่องเล่าปรัมปราที่เคยผ่านหูผ่านตา และครั้งต่อมาคือการประสบพบเจออย่างจริงจัง
แต่ทุกครั้งที่พบ หรือเผอิญสายตาบรรจบเข้า มักไม่มีอะไรเกิดขึ้น, หากจะกล่าวให้ถูกคือมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นนับจากที่เธอเห็นและวิ่งเข้าอยู่กับฝูงชน หรือได้รับความช่วยเหลือหากอาจารย์อยู่ด้วย ดังนั้นที่ผ่านมาคาร์ล็อตต้าจึงพยายามจะปลอบประโลมตนเองอยู่เสมอว่าบางทีอาจเป็นเพียงจินตนาการจากความคิดมาก ก็แค่พวกคนประหลาดหรือมาเฟียท้องถิ่นในเมเปิลส์ เป็นเรื่องปรกติที่พบเจอได้ทั่วไปหากเผลอไปทำตัวขวางหูขวางตาใคร
แต่นี่เป็นครั้งแรก
ที่เธอถูกไล่ล่าอย่างจริงจังและยาวนานขนาดนี้
มันตามมาตั้งแต่ใจกลางเมืองโอ๊คแลนด์ ใครจะไปคิดว่าอยู่ดี ๆ คนขับแท็กซี่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดวิ่งไล่ล่ากันขึ้นมา คาร์ล็อตต้าไม่อยากพูดถึงอดีตหน้าสิ่วหน้าขวาน ต่อให้เธอจะวิ่งปะปนกับคนหมู่มากก็ไม่ได้ผล สุดท้ายก็พยายามลัดเลาะไปตามทางก่อสร้างและทำทุกอย่างล้มครืนลงมาชะลอฝีเท้าไอ้ตัวนั้นได้ เป็นประสบการณ์หวาดเสียวต่อตนเองอย่างแท้จริง เธอไม่อยากย้อนคิดไปเท่าไหร่นักว่าหากไม่ทุ่มสับตีนแตกสุดแรงบวกกับใช้ทุกทักษะกายกรรมโลดโผนที่เรียนมา จะมีโอกาสได้มาทิ้งตัวหืดขึ้นคออยู่หน้าบ้านหมาป่านี่ไหม
"ความเร็วและทักษะการเอาตัวรอดจากอันตรายของเจ้านับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ"
เสียงนั้นดังแว่วมาจากทางหมาป่าที่นำทางเธอมา ปากของมันไม่ขยับ แต่คาร์ล็อตต้าสดับชัดแจ่มแจ้ง
"ค แฮ่ก-.. คุณ.. รอ-"
ตอนนี้อยู่ในจุดที่เจออะไรก็ตกใจไม่ทัน และหวิดจะขาดอากาศหายใจประเดี๋ยวนั้น คาร์ล็อตต้าไม่เคยใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีจนหมดตัวขนาดนี้มาก่อน รู้สึกได้เลยว่าถ้าเมื่อครู่ไม่ได้กินน้ำก็อกจากข้างหน้า เธอคงได้มีภาวะขาดน้ำตายเข้าจริง ๆ
"เจ้าจะเรียกข้าว่าลูปาก็ย่อมได้" เสียงของผู้หญิง...และทรงอำนาจ นุ่มทุ้มทั้งยังสงบเยือกเย็น เป็นโทนที่ช่วยชะโลมจิตใจจากความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี แต่โชคไม่ดีที่คาร์ล็อตต้าไม่มีเวลาซึ้งใจต่อสุรเสียงใด ๆ ทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าหล่อนกำลังทดสอบเธออยู่ และเมื่อครู่ก็เกือบตาย
ช่างเถอะ, ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรนอกจากพักตรงนี้ให้หายเหนื่อย
ราวสามสิบนาทีให้หลัง, ร่างที่นั่งขวางทางประตูก็ลุกขึ้น คาร์ล็อตต้าย้ายกายไปสู่เก้าอี้ตัวที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่ง เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"เจ้าดูมีข้อฉงนใจมากมาย ตอนนี้ไม่คิดจะถามข้ารึ"
หล่อนคงพูดถึงตอนที่อยู่บนเครื่องบิน ครั้งนี้คาร์ล็อตต้าปิดปากเงียบ ใบหน้าของเธอผินกลับมายังโซฟาหลังจากที่เหลียวมองหมาป่าชื่อลูปาอยู่ครู่หนึ่ง นัยนานั้นกดลงต่ำ มีทั้งความฉงนสงสัยอย่างที่หล่อนว่า ทั้งสับสนและไม่แน่ใจ แต่อรไทในตอนนี้คลับคล้ายคลับคลาว่าประเมินสถานการณ์กับตนเองอยู่
"ฉันจะไม่ถามเรื่องก่อนหน้านี้ที่คุณไม่ยอมช่วยฉัน ทั้งที่นำทางกันมาถึงขนาดนี้แล้วกันค่ะ" จากรูปประโยคตรงนั้นคงเป็นการทดสอบประเภทหนึ่ง ที่ถึงไม่ยินดีนักแต่คาร์ล็อตต้าก็มีคำตอบกับตัวเองในใจไว้แล้ว
การที่หล่อนช่วยได้แต่ไม่ยอมช่วย คงเพราะอยากรู้ว่าเธอจะเอาตัวรอดยังไงมากกว่า อนึ่ง คาร์ล็อตต้าไม่คิดว่าการช่วยเหลือจากบุคคล- หมาป่าแปลกหน้าจะไม่มีสิ่งตอบแทน อีหรอบนี้แค่อยากทดสอบเธอเพื่อดูว่าควรค่าต่อกระบวนการถัดไปไหมมากกว่า ในขณะเดียวกันเธอก็เข้าใจ หากการทดสอบที่ว่านั่นเกี่ยวพันกับชีวิต ก็คงมีเหตุผลสำคัญอย่างยิ่งยวดอยู่ อาทิเช่น เธออาจจะได้เจอกับสิ่งที่อันตรายมากกว่านี้ตัวคนเดียว, แต่ก็น่างุ่นง่านในใจ เธอไม่ชอบความรู้สึกที่กำลังเป็นตัวทดลองอะไรบางอย่าง และไม่ว่าจะคิดผิดหรือไม่ ตอนนี้มีคำถามที่สำคัญมากกว่าเรื่องทดสอบอะไรก็ตามแต่
หนึ่งคนหนึ่งหมาป่าประชันหน้ากันด้วยความเงียบงัน คาร์ล็อตต้าสรุปผลกับตนเองในใจ สุดท้ายเอ่ยถามออกไปคำหนึ่ง
"ที่แห่งนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉันหรือคะ?"
เดิมทีมีปุจฉามากมายอยากระรัวใส่ แต่สิ่งที่ออกมาจากปากคือสิ่งที่อยากรู้มากที่สุด และมันคงเชื่อมโยงกับข้อสงสัยต่าง ๆ ได้
"สายเลือดของเจ้า" หล่อนเริ่มต้นด้วยหนึ่งคำเช่นกัน
"เดมิก็อตและลูกหลานของโรม สายเลือดของพวกเจ้าจะนำพาไปสู่อันตรายจากอสุรกายในปกรณัมเสมอ และเช่นกัน นั่นอาจพาเจ้าไปสู่การผจญภัย"
ศีรษะตั้งตรงมานานลาดเอียงลงด้วยความฉงนปรากฏกลางหว่างคิ้ว "คุณจะบอกว่าฉันคือเดมิก็อตหรือลูกหลานของโรมที่คุณว่า?"
"สิ่งที่บ่งบอกได้ดีที่สุดคือการถูกไล่ล่าเมื่อครู่ และอาจรวมถึงทั้งชีวิตที่ผ่านมาของเจ้า สายเลือดกึ่งเทพและลูกหลานโรมมักจะดึงดูดอสุรกายได้ดีเสมอ ...ข้ามีหน้าที่ฝึกฝนและประเมิน ในขณะเดียวกันก็ช่วยปกปักษ์ให้เจ้าพ้นภัยในระยะหนึ่ง"
"และต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร คือเส้นทางที่เจ้าจะต้องเลือกด้วยตนเอง... -เจ้าดูไม่ค่อยประหลาดใจเลย?"
คาร์ล็อตต้าใคร่ครวญข้อเท็จจริงที่ได้จากลูปาทั้งหมดร่วมกับปริศนาสายเลือดในอดีต แม่.. ไดอารี่แสนสำคัญที่อยากส่งต่อให้ใครสักคน จดหมายที่อยู่ ๆ ก็โผล่กลางหน้าไดอารี่ คำพูดของอาจารย์ และ-
"ที่เจอมาทั้งวันนี้ก็มากพอจะทำให้ฉันตายด้านได้แล้วด้วยซ้ำค่ะ ที่เขาว่าตกใจมากจนหายตกใจ ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ได้มากกว่านี้นั่นน่ะ ช่างเถอะ, ที่คุณว่ามา หมายความว่าพ่อของฉันคือเทพงั้นหรือคะ?"
ลูปาไม่ตอบในทันที นัยน์ตาทอประกายของเธอเพียงจ้องมอง นิ่งงันและปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปเชื่องช้า สุดท้ายเจ้าของร่างหมาป่าตัวใหญ่ก็กล่าวขึ้นมา เป็นถ้อยคำกำกวมที่ไม่สามารถทำให้คาร์ล็อตต้ากระจ่างได้ในทันที
"นั่นก็ไม่แน่เสมอไป อีกเดี๋ยวเจ้าก็คงรู้แล้ว" หมาป่ายื่นเท้าหน้าข้างหนึ่งชี้มายังเธอ ไม่ทันได้หายสงสัย เปลวเพลิงพลันลุกพรึ่บบนแขนข้างซ้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ อุณภูมิร้อนกรุ่นราวจะสลักบางอย่างลงบนผิวเนื้อ มันกำลังเกิดเป็นสัญลักษณ์บางอย่างท่ามกลางความตระหนกของคาร์ล็อตต้า ดึงมือขวากระชากขึ้นกุมแขนซ้ายเอาไว้ทันท่วงทีด้วยสัญชาตญาณ เธอเหลียวหาน้ำหรืออะไรที่พอจะดับไฟได้หน้าตาตื่น กดข่มความเจ็บปวดที่เกิดทว่าไม่นานก็จางหายไป เหลือเพียงรอยสัญลักษณ์ดาบและคบเพลิงสีแดงที่ไขว้กัน
เยาวมาลย์ปล่อยริมฝีปากจากการถูกขบด้วยฟันข่มกลั้นความเจ็บ อดนึกถึงในอดีตไม่ได้ ตลกร้ายที่เพราะเธอเคยมีประสบการณ์โดนของร้อนประทับจนเกิดรอยแผลไม้เกรียมมาก่อน มาครั้งนี้กลับไม่ร้องสักแอะและมีแต่อดทน แทบมองไม่เห็นความต่างระหว่างตอนนั้นกับตอนนี้ อย่างที่ว่า, ความเคยชินมันน่ากลัวเสมอ
เจ้าของพักตร์แฉล้มนิ่วหน้า ความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับไฟผุดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็พยายามจะสงบใจและใช้สายตาส่งคำถาม
"ธิดาแห่งเบลโลน่าสินะ นางคือเทพีแห่งสงครามที่เก่งกาจ" ในแววตานั้นคะนึงถึงบางอย่าง และคาร์ล็อตต้าไม่ได้คิดสาวความอะไร ทว่ามีคำถามใหม่ผุดขึ้นมา
"เทพี ? แต่แม่ของฉัน-"
ผลตรวจดีเอ็นเอที่ยืนยันมาหลายครั้งจากปัญหาครอบครัวในอดีตไม่เคยผิดพลาด แม่ผู้ให้กำเนิดเธอคือหลินเหมยถิงอย่างแน่นอน ดวงหน้านี้เต็มเปี่ยมด้วยความสงสัย ลูปายังคงสงบนิ่ง เอ่ยตอบด้วยโทนเรียบเรื่อยเหมือนพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
"เหล่าเทพก็มีวิธีการมากมายในการกำเนิดทายาทเสมอ บางครั้งหากนางไม่อุ้มท้องเอง ก็จะให้คนรักของนางอุ้มท้องและให้กำเนิด หรือเทพีบางองค์ที่รักษาพรหมจรรย์อย่างมิเนอร์ว่า การให้กำเนิดบุตรทางสมองก็มีอยู่ถมเถไป"
ฟังความประหลาดพวกนั้นจบสีหน้าพลันปั้นยากขึ้นมา เอาเป็นว่าหลังจากนี้คาร์ล็อตต้าเลิกถามหาความเป็นไปได้ในการให้กำเนิดบุตรของเทพไปโดยสิ้นเชิง หลายนาทีต่อมาก็เอาแต่จดจ้องสัญลักษณ์นั้นไม่วางตา เพราะแบบนี้หรือพวกเขาถึงได้พูดแต่เรื่องของสายเลือดและสายใยต่าง ๆ นา ๆ แต่เธอในตอนนี้นั้น-
"เจ้าดูคับข้องใจ"
ความเงียบเป็นคำตอบแรกของเธอ ชั่วขณะนั้นเองที่ริมฝีปากผลิแย้มยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้กลับไปไม่ถึงดวงตาที่ฉายประกายขุ่นข้องผสานสับสนในดวงแด เจ้าของนัยน์นิลกาฬไร้ปฏิกิริยาใดที่บ่งบอกถึงความรู้สึกเบื้องลึก เพียงรำพันขึ้นมาผะแผ่ว
"ไม่รู้สิคะ ทั้งแม่และอาจารย์ก็ต่างพูดถึงความสัมพันธ์ในสายเลือดทั้งนั้น แต่ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผูกพันกับใครสักคนที่ไม่เคยได้พบเจอสักครั้งในชีวิต ถึงอย่างนั้นพอได้รับสิ่งนี้กลับรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ในสายเลือด ฉัน..ค่อนข้างหงุดหงิดใจน่ะค่ะ ทั้งที่ตัวเองกำลังไม่พอใจอยู่แท้ ๆ แต่ก็รู้สึกเฝ้ารอบางอย่างและได้ค้นพบมันแล้วเช่นกัน ย้อนแย้งจนชวนหัวเสียเลยใช่ไหมล่ะคะ"
เหมือนกันกับที่ระหว่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับแม่มาตลอด และยืนหยัดท่ามกลางความเจ็บปวด เสียงรวดร้าว ลำคอร้อนผ่าวและน้ำตาที่หลั่งรินไม่มีวันสิ้นสุด กับนรกบนดินที่ประสบพบเจอ กระทั่งได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทุกอย่างที่อดทนผ่านมันมาได้ อยู่มาวันหนึ่งก็มีคนมาแสดงตนเป็นบุพการี ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยมีสักเสี้ยวที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
อาจเพราะไม่อยากมอบความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้ตัวเอง อาจเพราะสูญเสีย หรืออาจเพราะบางอย่างที่ปริแตกในใจนั้นให้พังครืนลงนานอักโข ...ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างมากในการเยียวยาและกอบกู้มันกลับมาใหม่อีกครั้ง เธอไร้ซึ่งครอบครัว มารดาจากไป หนีจากบ้านที่เคยอาศัย หลงทางตุปัดตุเป๋หลายครา พยายามค้นหาความหมายของชีวิต และสาเหตุที่ยังคงเดินต่อไปมาจนถึงตอนนี้
เทพีเบลโลน่า..มารดาของเธอ คนรักคนสำคัญของแม่
ครอบครัวที่สูญหายไป ยังมีโอกาสที่จะตั้งตระหง่านได้ใหม่อีกครั้งหรือเปล่า ? ...แต่ก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกพวกนี้อยู่ดี
"คำว่าครอบครัวกับความรักเนี่ย ฉันคงห่างจากมันมานานมากเกินไป จนจำทั้งความหมายและความรู้สึกไม่ได้ซะแล้วล่ะค่ะ" เอ่ยระคนขบขัน ใครจะรู้ว่านั่นทั้งตลกร้ายและเย้ยหยันต่อตนเอง
ลูปาจ้องมองเธอ ปล่อยให้ตะกอนความคิดมากมายวนเวียนในหัว โถมปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง ไร้จุดสิ้นสุด และคงไม่ยอมหยุดลงง่าย ๆ
"เจ้าคงต้องการเวลาในการทำความเข้าใจทุกอย่าง พักผ่อนเสียหน่อยเถิด มีเรื่องราวอีกมากมายที่เจ้าต้องเรียนรู้ ที่นี่จะเป็นบ้านหลังใหม่ให้กับเจ้า จงอดทนฝึกฝนและพัฒนาฝีมือให้คู่ควร เมื่อถึงเวลา..เจ้าจะได้รับการทดสอบที่แท้จริง"
จริงอย่างที่ลูปาว่า เธอควรพักผ่อนและสงบจิตใจหลังจากที่เจอเรื่องพวกนี้ถาโถมเข้าใส่ทีเดียว, คาร์ล็อตต้าผงกศีรษะรับ ต่อให้ในภวังค์ความคิดจะปั่นป่วนแค่ไหน แต่ตอนนี้ควรถึงเวลาอาบน้ำชำระคราบสกปรกและบาดแผลทั้งหลายแหล่ตามร่างกายได้แล้ว
วันนี้...เหนื่อยจริง ๆ