[บ้านพักหมายเลข 20] ลานบูชาเทพี

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×
the HekateGoddess
Goddess of Magic
ลานบูชาหน้าเคบิน 20 จุดที่แสงจันทร์สาดส่องสว่างตระการตาที่สุดมีรุปสลักหินอ่อนของเทวรูปเทพีแห่งจันทร์มืดผู้ให้กำเนิดแม่มด hecate เป็นเทพีแห่งจันทร์ข้างแรม ทางสามแพร่งและเทพีแห่งมายากล รวมถึงศาสตร์มืดต่างๆ เฮคาทีมีสัตว์เลี้ยงที่หน้าตาเหมือนลา แต่มีเขี้ยวดุ เท้ามีกีบเป็นทองเหลืองและกินวิญญาณที่เฮคาทีจับมาได้เป็นอาหาร เธอมีตำแหน่งเป็นเทพีแห่งยมโลก เนื่องจากนางสนิทกับ เพอร์เซโฟนี ราชินีแห่งยมโลก ที่เป็นมเหสีของพญายม "ฮาเดส" จนได้รับอนุญาตให้มายมโลกได้ตลอดเวลา เฮคาทีได้ประทานรูปสลักของตนไว้สำหรับปกปักษ์สายเลือดของตนและกระตุ้นให้พวกเขาพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 6242 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-3-4 11:58
โพสต์ 2024-3-4 23:34:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด







              หลังตระเวณไปรอบค่ายหนึ่งวันพันเหตุการณ์เซเทอร์ตนหนึ่งก็อาสาจะนำทางหญิงสาวไปถึงบ้าน ‘เคบิน 20’ ให้โดยไมตรี ระหว่างทางอาศัยข้อมูลจากผู้ฝึกสอนเรื่องที่ว่ามารดาแท้ๆ ของตนเป็นหนึ่งในสายเลือดเทพไททันที่ยังคงพลังและศํกดิ์เอาไว้ได้หลังสงครามในอดีต เพราะเลือกถูกฝั่ง.. หรือแม้แต่เรื่องที่ว่า เฮคาทีผู้นั้นเป็นทั้งต้นสายตระกูลแห่งแม่มดและจอมเวทย์ในตำนาน ฟังว่าแม่มดตนแรกในหน้าประวัติศาสตรืก็คือพี่สาวต่างบิดาของเธอนั่นเอง 


              “ เทพีมารดาของคุณเป็นทั้งเจ้าแห่งศาสตร์มายา เวทมนตร์คาถา.. เด็กๆ ในเคบิน 20 เป็นครึ่งเทพกลุ่มเดียวที่สามารถใช้ ‘มนตรา’ ของจริง ไม่ใช่สร้างขึ้นจากกลไกหรือหยิบยืมพลังในธรรมชาติ คุณภูมิใจในเรื่องนี้ได้เลย “


              ไม่รุ้ว่าควรรีแอคชั่นให้เซเทอร์ผู้นี้อย่างไร ตอนคลาริสไม่อยู่เธอมักจะปฎิสัมพันธ์ต่ออมนุษย์อย่างกะท่อนกระแท่น ไนมีเรียทำได้แค่ยิ้ม ยิ้มเรียบๆ ทุกครั้งเหมือนที่เคยทำมาตลอด 


              เคบิน 20 ตั้งอยุ่ในทำเลค่อนข้างวังเวงและขรึมขลัง ผ่านเถาไม้หนามอันไร้ชีวิตคือทางที่ถูกปูไว้ด้วยแผ่นหินสลักจักระนำทางไปยัง ‘เคบิน 20’ โบราณสถานสลักเสลาสีเทาหม่นมีเถ้าไม้เลื้อยครอบคลุมอักษรรูนตามเสาและประตู หากไม่บอกว่าเป็นที่พักอาศัยเธอคิดว่ามันคือคฤหาสนืมนตราด้วยขนาดช่างใหญ่โตและดูเงียบขรึม


              มองแว่บแรกปราสาทเวทมนต์ มองอีกทีเหมือนบ้านผีสิง ให้ตายสิ เธอชอบแฮะ


              “ เทพิเฮคาทีได้สร้างที่นี่ไว้สำหรับลูกๆ ของเธอ ด้านในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ลองสำรวจและหาห้องที่ถูกใจได้เลย.. เธอคือสมาชิกบ้านนี้คนแรกในรอบยี่สิบปี และถ้าสนใจจะฝึกฝนตนเองล่ะก็ ลองไปที่เทวรุปมารดาของคุณเพื่อขอคำชี้แนะ บางครั้งเทพีอาจตอบกลับมาถ้ามีศรัทธามากพอ “


              นิกซ์ยกรอยยิ้มเย็น ศรัทธาต่อแม่ที่ทอดทิ้งครอบครัวไปร่วมยี่สิบปีเนี่ยนะ ?


              “ ขอบใจที่ช่วยนำทาง เอาไว้ฉันจะไปช่วยงานในค่ายนะ “ เธอบอกลาเซเทอร์เพื่อเริ่มการสำรวจอย่างไม่เปลืองเวลา 


              ท่ามกลางความมืดบ้านของสายเลือดนตราดูจะเปล่งประกายในทุกพื้นผิว เฮคาทีไม่เพียงเป็นเทพีแห่งเวทย์มนต์คาถา นางยังครอบครองสมญาเทพแห่งจันทร์เดือนแรม เมื่อนิกซ์ยืนอยุ่เบื้องหน้าเทวรุปของผู้เป็นมารดาที่ไม่เคยเห็นหน้า ลักษณะของสตรีผู้งดงาม กล้าแกร่ง มือถือคบเพลิงร้อยสังวาลย์เป็นงูใหญ่ ประดับกุญแจแห่งโชคชะตาแทนสร้อยคอและแทบเท้ามีสุนัขยมโลกคู่หมอบเคารพ ความมืดเมื่อตกกระทบรุปปั้นไมไ่ด้ทำให้มืดหม่นแต่กลับส่องประกาย แสงนวลอันประหลาดจับขอบอยุ่รอบตัวแทนมารดาทำเอาละสายตาไปไม่ได้


              เข้าใจแล้ว.. เห็นแค่นี้ก็เข้าใจแล้วว่าเป็นคนที่ห้าวหาญขนาดไหน


              “ แม่ ? “


              คำนี้กว่าจะออกจากปากก็ยากเย็น นิกซ์สับสนไม่น้อยเพราะตั้งแต่จำความได้คนที่เธอต้องเรียกเขาว่า ‘แม่’ ไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง หญิงสาวส่ายหน้าหัวเราะกับตนเอง ตอนนี้มารดาก็ยังคงไม่มีจริงต้องมาเรียกหินสลักว่าแม่บังเกิดกล้าแบบนี้


              “ คุณน่ะ.. คิดยังไงถึงตั้งชื่อให้ทางนี้ว่า ‘ไนมีเรีย’ ล่ะ ? สู้ไม่ทิ้งอะไรไว้ให้เลยยังดีเสียกว่า ที่ผ่านมาคุณไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าพวกเราอยู่มาได้จนถึงตอนนี้โดยไม่จำเป็นต้องมีคุณ “


              กระแสลมราตรีพัดผ่านรอบกายเสียงอากาศกรีดผ่านแมกไม้ราวกับสตรีผู้ครวญร่ำไห้ มือคู่ขาวกระจ่างเอื้อมขึ้นไปทาบลงบนฝ่ามือของเทวรูป สายตาที่มองผ่านจากแววตาราวกับเด็กน้อยผู้ตั้งคำถามถึงชาติกำเนิดตน


              “ จะไม่พูดอะไรน้ำเน่าอย่างคำว่าลูกคนนี้คิดถึงคุณ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะชื่อ ใบหน้า แม้แต่รูปถ่ายสักรูปก็ไม่เคยมีคุณอยู่ในทุกช่วงเวลาของฉัน เฮคาที.. มารดาผู้แสนประเสริฐ เลี้ยงยังไงให้ลูกคนนี้ไม่เคยรู้จักตัวตนของคุณเลยแม้แต่น้อย “


              “ ฉันไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของคุณด้วยซ้ำ ชักนำให้มาที่นี่.. ต้องการอะไรจากลูกนอกสายตาคนนี้กันแน่ “


              “ ตอบกันสักคำไม่ได้รึไง ใจร้ายจังนะ.. คุณแม่ “


              “ ไม่เป็นไร ฉันไม่รู้จักคุณก็จริง แต่นับจากวันนี้ฉัน ‘นิกซ์’ จะทำให้คุณและทุกคนได้จดจำชื่อของฉันแม้อยากลืมก็ลืมไม่ลงเอง “ เบือนหน้าหนีได้เลยเต้มที่ สุดท้ายเธอจะทำให้อีกฝ่ายเพิกเฉยไมไ่ด้อยู่ดี


              “ ฝากตัวด้วยนะ คุณแม่คนสวย “ 



ปลุกพลังสายเลือด




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 24135 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-3-4 23:34
โพสต์ 24,135 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-3-4 23:34
โพสต์ 24,135 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก เสื้อคลุม AOWOFS  โพสต์ 2024-3-4 23:34
โพสต์ 24,135 ไบต์และได้รับ +5 ความโหด จาก แว่นกันแดด  โพสต์ 2024-3-4 23:34
โพสต์ 24,135 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-3-4 23:34

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ -1 ย่อ เหตุผล
God -1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เวทมนต์ [II]
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
หยกหงส์คู่นิรันดร์
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x5
x1
x2
x6
x3
x3
x17
x5
x4
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x3
x3
x11
โพสต์ 2024-4-15 22:06:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
06. Cabin No.20
M


…ท่านคือแม่ของผมจริง ๆ เหรอ…

หลังกลับขึ้นมาที่ชายหาดในช่วงเย็น แมคเคนซีก็มาเอาของใช้ในค่ายที่ลืมไว้ตรงเตียงผ้าใบ โชคดีที่มันยังอยู่ครบ ไม่มีใครเก็บไปซะก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้ไปพบคุณไครอนอีกรอบ หลังจากนั้นดีนก็พาเขามาส่งที่หน้าบ้านพักหมายเลข 20 ซึ่งเป็นบ้านพักของบุตรแห่งเทพีเฮคาที…ซึ่งก็หมายถึงตัวเขาเองด้วย

ชายหนุ่มมองสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าที่มีทั้งคบเพลิงรวมไปถึงเสาสไตล์กรีกโรมันทั้งสองต้นที่มีรูปปั้นสัตว์โบราณยืนเฝ้าอยู่ ซึ่งเขาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าคือตัวอะไร แต่ดูภายนอกโดยรวมแล้วที่นี่เหมือนกับวิหารศักดิ์สิทธิ์มากกว่าที่จะเรียกว่าบ้านเสียอีก

นอกจากนี้ สิ่งที่ดึงดูดสายตาของแมคเคนซีก็คือรูปปั้นซึ่งตั้งตระหง่านอยู่หน้าบ้าน เป็นรูปปั้นของหญิงสาวผู้หนึ่งที่มือหนึ่งถือคฑาและอีกมือถืออาวุธ การแกะสลักนั้นช่างประณีตเสียจนน่าเหลือเชื่อว่าจะรังสรรค์มาจากหินอ่อน ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมที่เป็นเส้นสลวย ส่วนโค้งมนของคฑา ความแหลมคมของศาสตราวุธไปจนกระทั่งรอยยับของเสื้อผ้า ล้วนแต่ละเอียดลออเสียจนราวกับว่ารูปปั้นนี้มีชีวิตจริง ยิ่งเมื่อถูกแสงจันทร์สาดส่องด้วยแล้ว ยิ่งทำให้รูปปั้นนี้ดูงดงามและน่าเกรงขามจนโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางสรรพสิ่งรอบ ๆ ทั้งมวล

แมคเคนซีเดินเข้าไปใกล้รูปปั้นนั้น ดวงตาสีฮาเซลจ้องมองประติมากรรมตรงหน้าราวกับต้องมนตร์ นี่คงจะเป็นรูปปั้นของเทพีเฮคาที…ผู้เป็นมารดาของเขา

“สวัสดีครับ ผมแมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น…”
แม้จะรู้สึกแปลกที่ต้องมายืนคุยกับรูปปั้น แต่หากนี่จะเป็นวิธีเดียวที่สามารถสื่อสารกับเธอผู้นั้นได้จริง เขาก็จะลองดู

“ท่านจำแมคคอย ไคเดน ลินคอล์นได้ไหม ผมคือลูกของเขา…”
พูดมาถึงตรงนี้ก็เงียบไปอีกครั้ง สายตาแน่วแน่ของแมคเคนซียังคงจ้องมองดวงหน้าของรูปปั้นไม่วางตา

“ท่านงดงามมากจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจที่พ่อยังลืมท่านไม่ได้ ก่อนผมย้ายมานิวยอร์ก เขาพูดถึงท่านให้ผมฟังทุกวันเลย…ท่านรู้ไหม”
หากแต่เมื่อพูดถึงพ่อซึ่งอยู่ที่ประเทศอังกฤษแล้ว แววตาของเขากลับวูบไหวเล็กน้อย ชายหนุ่มจำช่วงเวลานั้นได้ดี ทุกวันตอนเย็นหลังเลิกงาน พ่อของเขามักจะออกมานั่งดื่มเหล้าพลางทอดสายตามองไปยังที่ไกลแสนไกล หากวันไหนที่เขามานั่งด้วย พ่อก็จะเล่าเรื่องตอนที่เจอกับแม่ให้ฟัง แววตาของพ่อนั้นเปี่ยมไปด้วยความคิดคนึงหาเจือด้วยความโศกและอ้างว้างอยู่ลึก ๆ แต่แมคเคนซีผู้ไม่เคยเห็นหน้าแม่สักครั้งมาก่อนในชีวิตทำได้เพียงแค่นั่งรับฟังเงียบ ๆ เท่านั้น

จากคำบอกเล่าของพ่อทำให้เขาวาดภาพในหัวมาตลอดว่าแม่ของเขาคงเป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก ซึ่งวันนี้เขาได้รู้แล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่กระนั้นความเคลือบแคลงสงสัยก็ยังติดอยู่ในใจ เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าตนมีแม่เป็นถึงเทพีผู้สูงส่ง

…ปลดล็อกสกิล…

คำคำหนึ่งปรากฏขึ้นมาในความคิด ก่อนหน้าจะมาที่นี่ดีนเคยบอกเรื่องนี้ไว้ และสอนวิธีปลดล็อกสกิลให้เขา ถึงเขาจะฟังอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เรื่องที่ว่าบุตรของเทพและเทพีแต่ละบ้านนั้นล้วนมีสกิลที่แตกต่างกันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ หากว่าไม่ใช่ลูกของบ้านนั้นก็คงไม่มีทางที่เทพหรือเทพีจะมอบพลังของตนให้เป็นแน่

แมคเคนซีจ้องรูปปั้นตรงหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น ชายหนุ่มโค้งคำนับลงแล้วกลับมายืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะวางฝ่ามือใหญ่ทาบทับลงบนมือข้างที่ถือศาสตราวุธของเทพีเฮคาที

“………!!”
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไหลจากรูปปั้นเข้าสู่ฝ่ามือ แม้ว่าจะตกใจจนพยายามจะชักมือกลับ แต่ก็เหมือนมีบางสิ่งดึงรั้งไว้ให้ฝ่ามือของแมคเคนซียังคงวางค้างอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งปรากฏการณ์ที่ว่านั้นหายไป ชายหนุ่มจึงรีบละมือออกมา เขาหายใจหอบบาง ๆ พลางมองฝ่ามือของตนสลับกับรูปปั้นด้วยยังไม่หายตระหนกจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ทำให้แมคเคนซีรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อยจนสุดท้ายต้องรีบพาตัวเองเข้าบ้านไปตั้งหลักก่อน


ภายในบ้านพักค่อนข้างมืด ตกแต่งแบบย้อนยุคแต่ก็ดูคลาสสิค แสงไฟของที่นี่ส่วนใหญ่เน้นเป็นสีส้มนวลตาทั้งที่มาจากดวงไฟและแสงเทียน ว่าแต่ส่วนที่เป็นห้องพักอยู่ตรงไหนกันนะ เขาจะถามใครได้บ้างหรือเปล่า คงไม่ใช่ว่ามีแค่เขาหรอกใช่ไหม ถึงจะชอบอยู่คนเดียวก็เถอะ แต่การอยู่ตัวคนเดียวในบ้านใหญ่ขนาดนี้คงจะดูวังเวงไปสักหน่อย

“อ๊ะ…มีคนมาใหม่”

“มีคนมาใหม่เหรอ”

เสียงที่ประสานขึ้นพร้อมกันทำให้แมคเคนซีหันไปมอง เด็กสาววัยรุ่นที่ย้อมผมเป็นสีแดงและฟ้ากับเด็กผู้ชายผมสีบรอนซ์ทองอ่อนที่ดูร่างกายผอมบางกำลังมองมาที่เขาแล้วพากันเดินมาทางนี้

“สวัสดี ฉันแมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น เพิ่งมาอยู่ที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ชายหนุ่มแนะนำตัวเองตามมารยาทผู้มาใหม่ ไม่รู้ทำไมทั้งสองคนนี้ถึงมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนกับตื่นเต้นอะไรบางอย่าง

“สวัสดีค่ะพี่แมค หนูชาล็อต ลิลเลียน ยินดีที่ได้รู้จัก”
เด็กสาวเริ่มแนะนำตัวเองก่อนแล้วส่งยิ้มสดใสให้เขา

“สวัสดีฮะพี่ชาย ผมจูลี่ เดรค…..ยินดีที่ได้รู้จักฮะ”
จากนั้นเด็กชายก็เริ่มแนะนำตัวบ้าง ดูท่าคงจะขี้อายน่าดู สังเกตได้จากเสียงแผ่ว ๆ คล้ายคนไม่มั่นใจ และมือที่กำชายเสื้อคลุมของชาล็อตอยู่ ดู ๆ แล้วทั้งคู่น่าจะเด็กกว่าเขา แมคเคนซีจึงไม่ติดอะไรหากจะถูกเรียกว่าพี่

“เรียกฉันว่าแมคเคนซีจะดีกว่——”
แมเคนซีไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อย่อ ๆ หากยังไม่สนิทสนมกันมากพอ แต่ยังพูดไม่ทันจบชาล็อตกับจูลี่ก็ทำหน้าหงอยจนเขาไปไม่เป็น รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกรังแกเด็กยังไงก็ไม่รู้

“โอเค…จะเรียกอะไรก็ได้”
สุดท้ายก็ต้องยอมจนได้ เพียงเท่านั้นเอง เด็กทั้งสองก็ยิ้มออกมา

“พี่แมคมาถึงซะค่ำเลย วันนี้พักผ่อนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้พวกหนูจะพาพี่ทัวร์ให้รอบบ้านเลย มานี่ค่ะ พวกเราจะพาไปโซนห้องนอน”
ชาล็อตเดินมากอดแขนเขาหลวม ๆ แมคเคนซีที่เป็นลูกคนเดียวมาตลอด 21 ปีไม่คุ้นชินเอาเสียเลยที่อยู่ ๆ ก็มีน้องเพิ่มขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาก็อยากพักผ่อนแล้วจริง ๆ จึงเดินตามชาล็อตและจูลี่เข้าไปส่วนด้านในของบ้านซึ่งแบ่งเป็นห้องหลายห้องเต็มสองฝั่งกำแพง

“ตอนนี้ที่บ้านเรามีแค่หนู จูลี่ พี่แมค แล้วก็พี่สาวอีกคน พี่แมคเลือกห้องได้เลยนะคะ”

“โอเค ขอบคุณมาก ถ้างั้นวันนี้ฉัน…เอ่อ…พี่ขอพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน ราตรีสวัสดิ์”
อาจเพราะความใจดีของเด็กทั้งคู่แมคเคนซีเลยลองเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองใหม่ ถึงจะรู้สึกแปลก ๆ ไปบ้างก็ตาม เขาบอกราตรีสวัสดิ์เด็กทั้งสองทั้งที่เพิ่งหัวค่ำ แต่ตอนนี้เขามีหลายเรื่องต้องทบทวนจึงปลีกตัวออกมาก่อน ชายหนุ่มเดินมาจนสุดทางเดิน หมุนลูกบิดประตูห้องที่ยังไม่มีชื่อใครเขียนติดไว้ก่อนจะเข้าไปข้างใน ตอนนี้มันคือห้องนอนของเขาแล้ว




ปลดล็อกสกิล [สื่อสารกับภูติผีปีศาจ]


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 18397 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-4-15 22:06
โพสต์ 18,397 ไบต์และได้รับ +5 เกียรติยศ +5 ความกล้า จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-4-15 22:06
โพสต์ 18,397 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2024-4-15 22:06
โพสต์ 18,397 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2024-4-15 22:06
โพสต์ 18,397 ไบต์และได้รับ +5 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2024-4-15 22:06

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ -1 ย่อ เหตุผล
God -1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-18 09:48:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2024-12-18 09:51

51. Present from mom

-14.12.24   10:15AM.-


หลังจากส่งเดมิก็อดน้อยเชมัส แคตต์ที่ติดตามมาจากซานอันโตนิโอและแยกย้ายกับดีนตรงบ้านใหญ่ประจำค่ายแล้ว แมคเคนซีก็หอบหิ้วกระเป๋าและสัมภาระเดินกลับบ้านที่ตนเองห่างหายไปเป็นร่วมเดือน และตอนนี้เขาก็มาถึงหน้าบ้านหมายเลข 20 ที่คุ้นเคยแล้ว


“ผมกลับมาแล้ว…ยังไม่ลืมหรอกนะครับว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”


หนุ่มอังกฤษหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นหินอ่อนเทพีผู้เป็นมารดาที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ยังคงสวยสง่าเช่นเดิม แม้ว่าเหตุการณ์การปะทะกับอสุรกายนามชูปาคาบราที่ริเวอร์วอล์คจะผ่านไปร่วมเดือนแล้วแต่แมคเคนซีก็ยังคงไม่ลืมเรื่องที่เทพีเฮคาทีเกือบทำให้เขาเพลี่ยงพล้ำการต่อสู้ในครั้งนั้น ประโยคที่ว่า ‘กลับค่ายไปคุณกับผมมีเรื่องต้องคุยกัน’ จึงไม่ใช่เพียงวาจาเลื่อนลอย


ชายหนุ่มวางกระเป๋าสัมภาระลงข้างตัว เพียงไม่กี่ก้าวก็เข้ามายืนประชิดหน้ารูปปั้น หลุบตาลง มองฝ่ามือตนเองด้วยยังจำได้ดีถึงความรู้สึกอันน่าหวั่นเกรงและกระแสพลังอันรุนแรงที่ไหลเข้าสู่ร่างจนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อครั้งตนแตะรูปปั้นของผู้เป็นมารดาที่ร้านขายสมุนไพรและอุปกรณ์เวทมนตร์ของแม่มดเฮ็กซาเรีย ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นเดียวกันไหม…


“………!”


ไร้ซึ่งการโค้งคำนับเช่นทุกครั้ง คราวนี้ฝ่ามือใหญ่แตะตรงมือข้างที่ถือคฑาเวทย์ของเทพีเฮคาที แล้วก็เหมือนเดิม กระแสพลังที่มองไม่เห็นแล่นริ้วเข้ามาภายในร่างกาย เพียงแค่ครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่าคราวก่อนจึงไม่ทำให้เขาถึงกับทรุดตัวลงไป แต่กระนั้นภาพตรงหน้ากลับพร่าเลือนเหมือนสติกำลังล่องลอยออกไป

.


.


.

“น่ายินดีที่เจ้ากลับมาถึงค่ายอย่างปลอดภัย…แมคเคนซี”


เสียงอันเย็นเยียบที่ไม่ได้ยินมาหนึ่งเดือนเต็มสะท้อนก้อง พอมองรอบตัวก็เห็นเพียงความมืดที่ปกคลุมด้วยหมอกจางและร่างของเทพีเฮคาทีที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดวงหน้าคมสวยกำลังมองจ้องเขา ริมฝีปากได้รูปยกขึ้นเพียงนิดราวกับซ่อนรอยยิ้มเอาไว้อยู่


“เจ้าต้องการคุยเรื่องอะไรกับข้างั้นรึ”


“เรื่อง…เอ่อ…”


แมคเคนซีถึงกับอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย นึกว่าต้องพูดให้รูปปั้นฟังแล้วเสียอีก ไม่คิดว่านางจะมาเจอเขาด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ แต่ไหน ๆ ก็ได้พบกันแล้ว เขาควรพูดสิ่งที่ค้างคาใจออกไปให้หมด


“ผมสงสัยเรื่องที่ริเวอร์วอล์ค ทำไมคุณ..ท่านถึงทำแบบนั้น ดึงคฑาเวทย์ไว้ไม่ให้ผมตีมอนสเตอร์นั่น”


ความเงียบปกคลุมทั้งคู่ชั่วขณะ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงแปลก ๆ


“มีเพียงพวกโง่เขลาเท่านั้นที่ใช้ของไม่ถูกประเภท คฑาเวทย์คืออาวุธศักดิ์สิทธ์ที่ใช้ร่ายเวทมนตร์คาถา แต่เจ้ากลับจะใช้มันเพื่อทุบตีอสุรกายชั้นต่ำ เป็นเรื่องสมควรงั้นหรือ”


น้ำเสียงกดต่ำและดวงตาที่มองมาแฝงแววตำหนิจนแมคเคนซีชะงักงันราวกับถูกสาปให้เป็นหิน ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่นางต้องการบอกแต่ความสงสัยในใจก็ยังไม่หมดไป


“ตอนนั้นมันจวนตัว มอนสเตอร์นั่นใกล้จะเข้าถึงตัวผมอยู่แล้ว อะไรอยู่ในมือผมก็ต้องใช้ป้องกันตัวก่อนสิ”


“นั่นเป็นเพราะเจ้ายังขาดทักษะด้านการใช้เวทมนตร์ หากเจ้าร่ายเวทย์โจมตีได้มากกว่านี้ เจ้าคงไม่ทำการไร้ความคิดเช่นนั้น”


“ก็เพราะผมยังไม่รู้ไง ตอนนั้นผมเพิ่งได้รับคฑาเวทย์กับทักษะการใช้เวทย์ขั้นต้นเองนะ เวทย์ที่ผมรู้ก็มีแค่เวทย์ไฟ ถ้าผมใช้มันแล้วพลาดไปเผาร้านกับคนแถวนั้นเข้าล่ะ ท่านไม่คิดถึงความเสียหายที่จะตามมาบ้างเหรอ”


ทั้งที่ตั้งใจจะคุยกันดี ๆ แท้ ๆ แต่ไม่รู้ทำไมสถานการณ์ตอนนี้ถึงดูลุกลามไปกันใหญ่จนแมคเคนซีนึกแปลกใจว่าตนเองกล้ามายืนเถียงแม่ผู้เป็นถึงเทพีแห่งเวทมนตร์ฉอด ๆ แบบนี้ได้ยังไง ให้ตายสิ…เขาจะรอดออกไปจากตรงนี้โดยไม่โดนแม่สาปไหม

 

…….หากเจ้าคิดถึงความปลอดภัยของผู้อื่นมากกว่าความปลอดภัยของตัวเอง เจ้าก็จงใช้คฑาเวทย์ทุบตีศัตรูและให้มันมีสภาพไม่ต่างอะไรกับกระบองธรรมดาไปเสียเถอะ”


แต่ก็ผิดคาดนิดหน่อยเมื่อเทพีแห่งเวทมนตร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งซึ่งแฝงความประชดประชันอยู่ในนั้น แต่นั่นกลับทำให้แมคเคนซีคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


“………..”


“ของทุกสิ่งล้วนมีคุณสมบัติในตัวมันเอง หากเจ้าใช้อย่างถูกวิธีก็จะสามารถดึงประสิทธิภาพของมันออกมาได้อย่างสูงสุด เจ้าจงมีสติ…แมคเคนซี ในเมื่อเจ้าสามารถใช้เวทมนตร์ได้ก็จงศึกษาและใช้ทักษะเฉพาะตัวนี้ปกป้องตัวเจ้าเองและผู้อื่นตามที่ข้าเคยบอกไว้ คฑาเวทย์ที่เจ้าได้รับหากนำไปฟาดฟันศัตรูโดยตรงเพียงแค่ครั้งเดียวพลังเวทย์ก็จะเสื่อมลงทันที จงอย่าทำให้สิ่งที่ข้ามอบให้เจ้าเป็นของไร้ค่า”


“……..ผมเข้าใจแล้ว ขอโทษครับ ผมจะตั้งใจฝึกฝนเรื่องการใช้พลังเวทย์ แล้วก็คราวหน้า...ผมจะระวังกว่านี้”


เมื่อได้ฟังคำอธิบายก็เข้าใจและสงบลง ถึงยังไงแมคเคนซีเองก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลอยู่แล้ว ตอนนี้เขากลับมาบ้านแล้ว ก่อนจะออกเดินทางอีกครั้งคงมีเวลาศึกษาเรื่องเวทมนตร์คาถามากพอที่จะใช้ป้องกันตัวโดยไม่ลืมตัวใช้คฑาเวทย์ไปตีหัวพวกอสุรกายอีก


“หมดแล้วใช่ไหม เรื่องที่จะคุยกับข้า”


เมื่อถูกถามขึ้นมาแมคเคนซีก็นึกขึ้นได้


“อ..อ้อ ยังมีอีกเรื่องครับ ผมซื้อของฝากจากซานอันโตนิโอมาให้ แต่มัน เอ่อ…ไม่อยู่ตรงนี้…”


เมื่อมองรอบตัวก็ไม่เห็นกระเป๋าสัมภาระที่วางไว้ข้างกาย ลืมไปเลยว่าเขาน่าจะเข้ามาอยู่ในอีกมิตินึงจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนให้หญิงตรงหน้า


“โอกาสหน้าเจ้าค่อยเผามาให้ข้า รู้ใช่ไหมว่าต้องเผาที่ไหน”


คงจะเห็นเขามัวแต่มองซ้ายมองขวางก ๆ เงิ่น ๆ ผู้เป็นมารดาจึงบอกวิธีให้ แมคเคนซีจึงรีบพยักหน้ารับทันที


“ครับ ตรงเตาไฟบูชาเทพหน้าโรงอาหารใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นผมเอาสัมภาระไปเก็บก่อน แล้วจะเผาของตามไปให้นะครับ”


เทพีเฮคาทีเพียงแค่ผงกศีรษะรับรู้ แล้วร่างสวยสง่าก็เริ่มจางหายไป หมอกควันรอบตัวเริ่มคละคลุ้งผสมกับความมืด ก่อนสายตาจะพร่าเลือนก็ได้ยินประโยคสุดท้ายดังก้องแจ่มชัด


“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังแมคเคนซี ข้าขอมอบทักษะการใช้เวทย์ขั้นสูงเป็นของขวัญแก่เจ้า”


สิ้นเสียงนั้นแมคเคนซีก็กลับมายืนอยู่ตรงจุดเดิมแล้ว ดวงตาสีฮาเซลมองรูปปั้นตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย


“ขอบคุณครับแม่”


เดมิก็อดหนุ่มก้มลงหยิบกระเป๋าสัมภาระ ตั้งใจว่าเมื่อเก็บของเสร็จแล้วก็จะวางแผนสิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ แต่ยังไม่ทันถึงโซนห้องพัก ประตูห้องนั่งเล่นก็เปิดออกเสียก่อน


“โอ๊ะ พี่แมค ? พี่แมคกลับมาแล้ว”


จูลี่ที่เดินออกมาเมื่อเห็นเขาก็ยิ้มกว้างแล้วรีบเดินมาหา ตามมาด้วยช่วยหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมบรอนซ์อ่อน…ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้


“ไง เจ้าเด็ก ! หนีไปเที่ยวซานอันโตนิโอกับแฟนมางั้นเรอะ ไม่เบานี่หว่าเรา ฮ่า ๆๆ”


ชายคนนั้นหัวเราะลั่นแล้วเดินเข้ามากอดคอแมคเคนซีไว้ พูดจาด้วยถ้อยคำที่ดูสนิทสนมราวกับรู้จักกันมาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งเขามั่นใจมากว่า…ไม่เคยเห็นหน้าคนคนนี้มาก่อน


“เดี๋ยวก่อนนะ คุณเป็นใครเนี่ย”


แน่นอนว่าคนที่จะเข้ามายังค่ายฮาล์ฟบลัดได้ต้องเป็นเดมิก็อดเท่านั้น แต่เขาไม่เคยเห็นชายผู้มีลักษณะโดดเด่นแบบนี้มาก่อน ส่วนนึงอาจเพราะเขาเป็นพวกเก็บตัวเลยไม่ค่อยรู้จักใคร หรือไม่ก็อาจจะเป็นเดมิก็อดที่เพิ่งมาถึงค่ายแบบเชมัสในช่วงที่เขาไม่อยู่ก็เป็นได้


“หืม อ้อ โทษที ลืมแนะนำตัว ฉันซิลเวอร์ เป็นพี่ชายของนาย“


”ฮะ….?“


”เอ่อ…พี่ซิลก็เป็นลูกของแม่เหมือนกันฮะ แต่ส่วนมากพี่เขาออกไปทำงานแล้วก็ไปทำภารกิจ เลยไม่ค่อยได้กลับค่ายเท่าไหร่“


พอเห็นแมคเคนซีงงเป็นไก่ตาแตกที่อยู่ ๆ ก็มีพี่ชายร่วมสายเลือดงอกมาอีกคน จูลี่เลยรีบพูดเสริมขึ้นมา


”อ้อ สวัสดีครับ ผมแมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น ยินดีที่ได้รู้จัก“


ถึงจะยังไม่ค่อยชินกับการที่อยู่ ๆ ก็ต้องมาเริ่มทำความรู้จักกับใครก็ไม่รู้ แต่ก็ถือว่าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันมา แมคเคนซีเลยพยักหน้ารับแบบงง ๆ พร้อมกับแนะนำตัวไปตามมารยาท


”เฮ้ย จะมาพิธีรีตองอะไรเยอะแยะ เราเป็นพี่น้องกันนะเจ้าเด็ก เสียดายชะมัดฉันกับแมคกลับบ้านมาทั้งที แต่พวกน้องสาวดันไม่อยู่บ้านซะได้“


มือของซิลเวอร์ที่กอดคอแมคเคนซีอยู่เลื่อนมาตบไหล่ป้าบ ๆ จนรู้สึกชาไปเล็กน้อย


‘คนอะไรแรงเยอะชะมัด’


”ฮ่า…เอาเถอะ อยู่กันแค่นี้ก็ไม่เป็นไร ฉันอยากฟังเรื่องเล่าที่ซานอันโตนิโอของนายแล้วสิว่าสนุกขนาดไหน“


”ผมด้วย ผมก็อยากฟังฮะ“


”เดี๋ยวก่อน ให้ผมเอาของไปเก็บ——“


ยังพูดไม่ทันจบแมคเคนซีก็ถูกซิลเวอร์ล็อคคอลากเข้าไปยังห้องนั่งเล่นโดยมีจูลี่ช่วยยกสัมภาระอีกเล็กน้อยที่ถูกวางทิ้งไว้วิ่งตามเข้าไป




ปลดล็อกสกิล :  เวทมนตร์ [II]

BELIEVER (ผู้ศรัทธาเหล่าเทพ)   โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15


@God

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21-1] เฮคาที เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-12-18 10:03
โพสต์ 82730 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2024-12-18 09:48
โพสต์ 82,730 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2024-12-18 09:48
โพสต์ 82,730 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก เวทมนต์[I]  โพสต์ 2024-12-18 09:48
โพสต์ 82,730 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2024-12-18 09:48

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ -6 ย่อ เหตุผล
God -6

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-29 10:16:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
61. cabin 20 renovate

-23.12.24  /  09:00AM.-


หลังจากสงครามสงบลง กลุ่มเดมิก็อดที่บ้านถูกฝูงอสุรกายทำลายจนเสียหายก็ต้องพากันมานอนที่บ้านเฮอร์มีสเป็นการชั่วคราวก่อนซึ่งรวมถึงแมคเคนซีด้วย ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไปดูบ้านตนเองในตอนเช้าหลังเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย แต่จากการต่อสู้ที่กินเวลาหลายชั่วโมงทำให้เขาใช้แรงเยอะเกินไปจนร่างกายอ่อนล้า จูลี่น้องเล็กของบ้านหลังหายดีจากอาการหอบได้ไม่เท่าไหร่ก็มีไข้ขึ้นอ่อน ๆ จากการอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวนานเกินไปจนต้องไปนอนดูอาการที่ห้องพยาบาลอีกรอบ และซิลเวอร์พี่ชายคนโตของบ้านแม้จะดูแข็งแรงที่สุดในหมู่พี่น้อง แต่จากการใช้พลังเวทย์ขั้นสูงมากเกินไปทั้งในการต่อสู้และกางบาเรียปกป้องบางส่วนของบ้านไว้ ทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงจนเกินกว่าจะทำอะไร การจัดการบ้านจึงต้องกลายเป็นวันรุ่งขึ้นซึ่งก็คือวันนี้แทน

.


.


.

“แมคซี่.. เราไปหาอะไรกินกันเถอะ”


เสียงของคนรักที่นอนข้างกันมาตลอดสองคืนที่ผ่านมาทำให้เขาต้องแซะตัวเองจากที่นอนบ้านเฮอร์มีสแล้วไปหาอะไรใส่ท้อง ดีนเองก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน ตลอดสองวันมานี้อีกฝ่ายนอนไม่หลับจนถึงกับต้องใช้ยานอนหลับเข้าช่วย เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาน่าจะบั่นทอนจิตใจอีกฝ่ายไปมากทีเดียว


หลังทานมื้อเช้าเสร็จแล้วดีนก็ขอตัวแยกไปดูบ้านของตนเอง ขณะเดียวกันซิลเวอร์ที่ไปรับจูลี่ซึ่งอาการดีขึ้นมาจากห้องพยาบาลแล้วก็มาตามเขาให้ไปดูบ้านเช่นกัน


“Scheiße ! Verdammte Schlampe !“


พี่ใหญ่ของบ้านสบถภาษาที่แมคเคนซีฟังไม่รู้เรื่อง ซึ่งจากนิสัยอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ว่าคงไม่ใช้ถ้อยคำที่น่าฟังนัก ดีเหมือนกันที่เป็นภาษาบ้านเกิดของซิลเวอร์ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องปิดหูจูลี่เอาไว้


”ไอ้อสูรเวรพวกนั้น ! ทำบาเรียค่ายแตกไม่พอยังมาทำบ้านพังอีก อย่าให้ฉันเจอ คราวหน้าพวกมันไม่ได้ตายดี !“


แล้วก็ตามมาด้วยชุดที่สอง ราวกับคำพูดนั้นแทนใจสองพี่น้องอย่างแมคเคนซีและจูลี่ไปหมดแล้ว แม้จะโกรธแค้นพวกอสูรกายที่มาทำลายบ้านพวกเขาแค่ไหน ตอนนี้ก็คงทำได้แค่รับสภาพไปเท่านั้น


พวกเขาเดินสำรวจที่รอบนอกกันก่อน ซึ่งก็พบว่าไม่ค่อยมีความเสียหายเท่าไหร่ อาจมีบางส่วนที่โดนทุบทำลายไปบ้างแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถซ่อมแซมได้


”พี่ ๆ ฮะ รูปปั้นคุณแม่มีรอยเขม่าควันไฟด้วย“


จูลี่ชี้ให้พวกเขาดูรูปปั้นเทพีเฮคาทีผู้เป็นมารดาที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน สีหน้าของเด็กชายเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด แม้รูปปั้นจะไม่ถูกทำลายจนเสียหายแต่ก็เลอะเขม่าดำจากควันไฟที่ก็อบลินพยายามเผาบ้านของเหล่าเดมิก็อด


”ทำหน้าหงอยทำไมเจ้าเด็ก เดี๋ยวเราทำความสะอาดให้เอี่ยมแล้วย้ายเข้าไปไว้ในบ้านซะก็สิ้นเรื่อง“


ซิลเวอร์ขยี้ผมสีบลอนซ์ทองอ่อนของจูลี่จนยุ่งเหยิง ดวงตาดุดันราวกับถอดแบบมาจากมารดามองรูปปั้นตรงหน้าแล้วบอกวิธีแก้ปัญหาราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อยเสียเหลือเกิน


”จะย้ายเข้าไปยังไง เราสามคนไม่น่าจะไหวนะ“


แมคเคนซีกอดอกมองรูปปั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดถามขึ้นมา


“นายลืมไปแล้วเรอะ…ว่าพวกเราลูกใคร”


หลังจบประโยคอวดเบ่งแบบที่พวกคนรวยชอบใช้กัน ซิลเวอร์ก็หยิบคฑาเวทย์ออกมาร่ายเวทย์บทที่แมคเคนซีไม่เคยได้ยิน จากนั้นรูปปั้นของเทพีเฮคาทีก็ลอยขึ้นจากพื้นแล้วลอยไปทางซ้ายทีขวาทีราวกับปุยนุ่นตามการบังคับคฑาของเดมิก็อดหนุ่ม จนแมคเคนซีกับจูลี่ต้องรีบช่วยกันบอกให้อีกฝ่ายวางลงก่อนที่รูปปั้นจะร่วงลงมาจริง ๆ


“เข้าไปดูในบ้านกันก่อนไหม จะได้รู้ว่าข้างในเสียหายขนาดไหน แล้วต้องเริ่มจากอะไรก่อน”


เมื่อแมคเคนซีเสนอขึ้นมา บุตรแห่งเทพีเฮคาทีทั้งสามจึงพากันเข้าไปภายในตัวบ้านแล้วเริ่มสำรวจตามส่วนต่าง ๆ


หลังจากสำรวจดูแล้วก็สรุปได้ว่าภายในบ้านของพวกเขามีเพียงฝั่งห้องนั่งเล่นรวมและโซนห้องนอนที่เสียหายค่อนข้างเยอะ แม้โครงสร้างของบ้านจะไม่เป็นอะไรแต่ข้าวของภายในห้องก็มีตกหล่นและล้มลงกระจัดกระจายจนต้องทำความสะอาดและจัดเรียงกันยกใหญ่ ทางด้านห้องสมุดซึ่งเก็บตำราเวทย์ ตำราปรุงยา รวมถึงตำราความรู้ต่าง ๆ และห้องปรุงยาที่ใช้เก็บสมุนไพรกับวัตถุดิบหายากไว้นั้นยังอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง สำหรับเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ซิลเวอร์ที่กางบาเรียป้องกันทั้งสองห้องนี้ไว้ ไม่เช่นนั้นหากถูกทำลายลงแล้วทั้งตำราและวัตถุดิบหายากอันประเมินค่าไม่ได้คงต้องเสียหาย และพวกเขาที่ยังต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านั้นก็จะพลอยลำบากไปด้วย ส่วนห้องพิธีกรรมที่อยู่ชั้นใต้ดินของบ้านก็ยังอยู่ในสภาพดีเช่นกัน


“โทษทีล่ะที่ฉันไม่ถนัดเวทย์อำนวยความสะดวกสักเท่าไหร่ เอาล่ะเจ้าพวกเด็ก ถึงเวลาที่เราต้องลงแรงกันแล้ว พวกนายทำความสะอาดในบ้านกันไปก่อน ส่วนฉันจะไปซ่อมนอกบ้านเอง”


ซิลเวอร์พับแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างขึ้นเหนือศอกเตรียมพร้อมจัดการซ่อมแซมบ้าน หลังจากแบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย พี่ใหญ่ของบ้านก็ปลีกตัวออกไป


“นายไหวหรือเปล่าจูลี่ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพี่ทำเอง”


แมคเคนซีหันมาถามน้องชายที่เพิ่งหายจากอาการไข้


“ผมไหวฮะ ค่อย ๆ ทำก็ไม่เหนื่อยหรอก พี่แมคไม่ต้องห่วงนะ”


จูลี่ยิ้มให้แล้วนำเขาไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดบ้าน เมื่อเตรียมของเรียบร้อยการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น

.


.


.

-01:00PM.-


“ไงเจ้าพวกเด็ก เสร็จกันหรือยัง”


ซิลเวอร์เดินกลับเข้ามาในบ้าน แม้จะเหงื่อออกจากการใช้แรงซ่อมแซมบ้าน แต่สภาพยังดูดีไม่ค่อยต่างจากตอนที่ออกไปเท่าไหร่


“ห้องนั่งเล่น ห้องนอนจูลี่กับชาร์ล็อตเรียบร้อยแล้ว ห้องผมเดี๋ยวผมทำเอง ตอนนี้เหลือห้องพี่ โถงกลางบ้าน แล้วก็ห้องตรงข้ามผมอีกห้องนึง”


“ห้องของพี่สาวอีกคนฮะ พี่เขาน่าจะติดภารกิจล่ะ เลยไม่ค่อยได้กลับค่ายเท่าไหร่ แล้วพี่ซิลเวอร์ซ่อมด้านนอกเสร็จแล้วเหรอ”


จูลี่รีบยกมือบอกแล้วถามพี่คนโตขึ้นมา


“ข้างนอกเรียบร้อยไปหลายส่วนแล้ว มีบางส่วนอาจต้องทาสีเพิ่ม ไว้วันหลังแล้วกัน งั้นปล่อยห้องฉันไว้ เดี๋ยวฉันทำเอง แล้วห้องเจ้าเด็กนั่นเอายังไง…”


ซิลเวอร์มองไปยังห้องนอนด้านในสุดซึ่งตรงข้ามกับห้องของแมคเคนซีก่อนจะหันหน้ามามองน้องชายทั้งสองคน ทั้งหมดพยักหน้าให้กันแล้วพากันเดินไปหยุดตรงหน้าห้องที่มีตุ๊กตาวูดูแขวนอยู่หน้าประตู


“ต้องเข้าไปจริง ๆ  เรอะ…ฉันไม่เคยบุกเข้าห้องผู้หญิง”


พี่คนโตของบ้านจับลูกบิดประตูค้างไว้แล้วหันมาถาม สีหน้าดูคร่ำเครียดกว่าตอนจัดการกับอสุรกายหลายเท่าตัวนัก


“ผมรู้นะฮะว่ามันเสียมารยาท แต่เราควรเข้าไปดูห้องพี่เขาสักหน่อยว่ามีอะไรเสียหายหรือเปล่า”


จูลี่เงยหน้าบอกพี่ชายทั้งสองด้วยดวงตาใสแจ๋ว


”โอเค ฉันเชื่อนายเจ้าเด็ก งั้นก็……แม่ง ล็อคว่ะ“


พอซิลเวอร์กดลูกบิดลงก็เกิดช็อตฟีลขึ้นมาระหว่างสามหนุ่มเมื่อประตูห้องนั้นเปิดไม่ออก ก็แน่ล่ะสิ มีใครไม่ล็อคประตูห้องก่อนออกจากบ้านบ้างล่ะ หนุ่มเยอรมันกระแอมเล็กน้อยแก้เก้อก่อนจะร่ายเวทย์สะเดาะกลอนแล้วเปิดประตูอีกครั้ง


“ก็ไม่มีอะไรเสียหายเท่าไหร่นี่หว่า”


เมื่อกวาดสายตาประเมินรอบห้องก็พบว่าห้องของน้องสาวคนกลางของบ้านนั้นโล่งกว่าที่คิด ของส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในหีบสีดำดูลึกลับ บนโต๊ะมีตำราโบราณและอะไรบางอย่างคล้ายกับเครื่องรางทำมือวางกระจัดกระจาย


“งั้นแค่ทำความสะอาดแล้วเรียงของให้เป็นระเบียบก็พอ พวกของในหีบเจ้าตัวคงมาจัดการเอง”


แมคเคนซีบอกขอบเขตที่คิดว่าพวกเขาน่าจะทำได้ในเวลานี้ ซึ่งทั้งซิลเวอร์และจูลี่ก็เห็นด้วย ทั้งสามคนจึงช่วยกันลงมือทำความสะอาดห้องของน้องสาวคนกลางของบ้านจนเรียบร้อยแล้วล็อคประตูไว้ให้เหมือนเดิม

.


.


.

-03:00PM.-


การทำความสะอาดบ้านกินเวลายาวนานหลายชั่วโมง และตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงบ่ายแก่ ๆ แล้ว ขนาดบ้านพวกเขาเสียหายไม่มากยังใช้เวลาขนาดนี้ หากเป็นบ้านอื่นที่มีส่วนต้องซ่อมแซมมากมายก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจะใช้เวลาขนาดไหน และตอนนี้บุตรแห่งเทพีเฮคาทีก็กำลังเริ่มทำความสะอาดโถงกลางบ้านกันอย่างขะมักเขม้น อยู่ ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก ทั้งสามคนมองไปยังผู้มาเยือนเป็นตาเดียว


“โอ๊ะ พี่ดีน สวัสดีฮะ”


”ไง เจ้าเด็ก !“


จูลี่กับซิลเวอร์เอ่ยทักดีนขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าเป็นใครแมคเคนซีจึงเดินมาหาอีกฝ่ายทั้งที่ยังถือไม้ม็อบอยู่ในมือ


”บ้านนายเป็นไงบ้าง ต้องซ่อมอะไรเยอะไหม“


@Dean


”ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ บ้านฉันไม่เป็นไรมาก มีเสียหายแค่รอบนอกนิดหน่อย ซิลเวอร์ซ่อมเสร็จแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เก็บกวาดทำความสะอาดนี่แหละ“


แมคเคนซีเพยิดหน้าไปยังโถงกลางบ้านที่ยังทำความสะอาดค้างกันไว้อยู่


”ตอนนี้ว่างอยู่งั้นสิ เอ้า มาช่วยกันหน่อย ฉันไม่ให้นายมายืนจีบน้องฉันฟรีหรอกนะ“


ไม้ม็อบอีกอันถูกโยนไปให้ดีน ซิลเวอร์ขยิบตาแล้วยกยิ้มกวนให้อีกฝ่ายก่อนจะลงมือทำความสะอาดต่อ


@Dean


“ขอโทษแทนซิลเวอร์ด้วย หมอนี่ก็เป็นแบบนี้”


แม้จะอยู่ร่วมบ้านกันไม่นานแต่แมคเคนซีก็พอรู้นิสัยพี่ชายตัวเองอยู่บ้าง จากนั้นก็พาดีนไปช่วยทำความสะอาดตรงโถงกลางบ้านต่อจนเสร็จ


@Dean


“ก็…ส่วนของวันนี้น่าจะเหลือห้องฉันกับห้องซิลเวอร์แล้วก็รูปปั้นแม่น่ะ รูปปั้นแม่คงไว้ส่วนสุดท้ายเลย พวกเราว่าจะย้ายรูปปั้นกันด้วย เอามาไว้ในบริเวณตัวบ้านน่าจะปลอดภัยกว่า งั้นนายไปรอที่หน้าห้องนอนนะ เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนน้ำในถังก่อน”


แมคเคนซีบอกแล้วก็ยกถังน้ำกับไม้ม็อบไปเปลี่ยนน้ำ จูลี่แยกไปพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่นรอทำความสะอาดรูปปั้นที่หน้าบ้าน ส่วนซิลเวอร์ก็เดินหายเข้าห้องนอนตัวเองไป


 @Dean


“เฮ้ แหลมหน้าเข้ามาทำไมเจ้าเด็ก ไปช่วยแฟนทำความสะอาดห้องไป๊ !”


ก้อนกระดาษที่ถูกขยำถูกปาออกมาจากภายในห้องของซิลเวอร์ที่เปิดประตูแง้มไว้อยู่ แม้ดูเหมือนออกปากไล่ แต่ก็ดูเหมือนเป็นการพูดเล่นมากกว่าจริงจัง


“ดีน…มาตรงนี้”


แมคเคนซีที่หิ้วถังน้ำกับไม้ม็อบที่ซักมาใหม่เรียกคนรักจากตรงหน้าห้องของตนเองก่อนจะเดินนำเข้าไป ห้องของเขาถือว่ายังไม่เสียหายมากเท่าฝั่งห้องนั่งเล่นจึงไม่ต้องทำความสะอาดมาก


 @Dean


“นายอย่าถือสาเลย ซิลเวอร์ก็เป็นแบบนี้แหละ หมอนั่นไม่ชอบให้ใครเข้าห้อง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”


แมคเคนซีฟังที่ดีนเล่าแล้วบอกยิ้ม ๆ พลางเก็บของที่ตกกระจัดกระจายให้เข้าที่เข้าทางและเช็ดพวกฝุ่นตามเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ บางทีก็รู้สึกว่าในห้องพี่ชายของตนนั้นอาจมีสิ่งที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นอยู่ก็ได้…แต่สิ่งนั้นคืออะไร เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน


@Dean


“หืม…นายจะทำห้องสัตว์เลี้ยงเหรอ เยี่ยมเลยสิ อารมณ์คล้ายคาเฟ่แมวไหม”


พอฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องต่อเติมบ้าน แมคเคนซีก็รู้สึกสนใจห้องเลี้ยงสัตว์เป็นพิเศษ


“แล้วถ้านายต่อเติมบ้านเสร็จแล้ว…ฉันเข้าไปดูได้ไหม”


ถามพลางเริ่มกวาดห้องและถูห้องไปด้วยตามลำดับ นึกอยากไปดูบ้านคนรักหลังรีโนเวทอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร 


@Dean

.


.


.

-06:00PM.-


พอได้ทำความสะอาดไปคุยกันไปก็เหมือนว่าจะทำให้เพลิดเพลินจนคลายความเหนื่อยไปได้ชั่วขณะ ในที่สุดพวกเขาก็ทำความสะอาดภายในบ้านจนเสร็จทั้งหมด ส่วนดีนเองก็ได้เวลากลับบ้านแล้วเช่นกัน


“ขอบคุณที่มาช่วยนะ งานเสร็จไวขึ้นเยอะเลย”


แมคเคนซีมาส่งดีนที่หน้าบ้าน คืนนี้พวกเขาคงต้องแยกกันนอนบ้านใครบ้านมันไปก่อนเพื่อจะได้จัดการซ่อมแซมและทำความสะอาดส่วนที่เหลือกันต่อ


@Dean


“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ช่วงนี้นายมีเรื่องต้องจัดการเยอะ เอาเป็นว่านายทำใจให้สบาย ตอนนอนก็ห่มผ้าหนา ๆ ด้วยล่ะ ถ้านอนไม่หลับค่อยมาที่บ้านฉันก็ได้ โอเคไหมที่รัก”


หากพูดกันตามตรงแล้วเขายังเป็นห่วงเรื่องที่อีกฝ่ายนอนไม่ค่อยหลับอยู่ แต่ก็หวังว่าเมื่อได้อยู่ในบ้านของตนเองแล้วดีนจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง


@Dean


แมคเคนซีสวมกอดคนรักแนบแน่นก่อนจะค่อย ๆ คลายออก เขามองส่งดีนที่เดินกลับบ้านหมายเลข 3 ไปก่อนจะกลับเข้าไปในบ้านตนเอง

.


.


.

-07:00PM.-


งานสุดท้ายของวันนี้คือการทำความสะอาดรูปปั้นผู้เป็นมารดาบริเวณหน้าบ้าน โดยซิลเวอร์กับ แมคเคนซีรับหน้าที่ออกแรงขัดถูทำความสะอาด สวนจูลี่คอยช่วยฉีดน้ำล้างคราบสกปรกออกให้ สุดท้ายรูปปั้นประจำบ้านหมายเลข 20 ก็กลับมาขาวสะอาดงดงามดังเดิม


“เฮ้อ…เสร็จสักที ซ่อมบ้านเหนื่อยกว่าเป่าหัวพวกปิศาจเวรนั่นซะอีก”


ซิลเวอร์บิดตัวยืดเส้นยืดสายแล้วมองผลงานของวันนี้ บ้านหมายเลข 20 กลับมาใกล้เคียงสภาพเดิม


“เหลือแค่จัดที่นอน วันนี้เราน่าจะได้กลับมานอนบ้านกันแล้ว”


แมคเคนซีที่หอบตะกร้าผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอนที่ซักและตากจนแห้งส่งกลิ่นหอมฟุ้งพูดขึ้น ก่อนจะเหลือบไปเห็นน้องเล็กของบ้านยืนมองรูปปั้นเพียงเงียบ ๆ


“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าจูลี่…เหนื่อยไหม”


“ไม่เหนื่อยฮะ ผมแค่กำลังคิดว่า…ถ้าเรามีสวนปลูกสมุนไพรเล็ก ๆ ไว้ในบ้านก็คงดี”


จูลี่หันมายิ้มให้พี่ชายทั้งคู่ ปกติเด็กชายชอบค้นคว้าเกี่ยวกับศาสตร์การปรุงยาและสมุนไพร แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจึงทำได้แค่ออกไปเก็บสมุนไพรรอบ ๆ ค่าย ส่วนสมุนไพรและวัตถุดิบหายากต้องคอยฝากคนอื่นหามาให้ ซึ่งการรอคอยบ้างครั้งก็ใช้เวลานาน


“ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้…”


“จริงเหรอฮะ !? ทำได้จริงเหรอ”


จูลี่รีบเข้าไปเขย่าแขนซิลเวอร์ พี่ใหญ่ของบ้านหัวเราะลั่นแล้วขยี้ผมนุ่มมือของเด็กชายอย่างที่ชอบทำ


“อาฮะ แต่คงต้องคิดก่อนว่าจะทำตรงส่วนไหน รอหน่อยล่ะเจ้าเด็ก”


“อื้อ ! ได้ฮะ ผมรอได้”


จูลี่พยักหน้ารับ ตื่นเต้นกับสิ่งที่ซิลเวอร์รับปาก ทั้งสามคนกลับเข้าบ้านไปช่วยกันปูที่นอนในห้องนอนแต่ละห้องให้เรียบร้อยก่อนจะพากันไปทานมื้อค่ำแล้วกลับมาพักผ่อน




+15 EXP  :  โรลเพลย์ซ่อมแซมบ้าน 


@God 

แสดงความคิดเห็น

264ช่วยบ้านเฮคาที               23/12/2024 เวลา 15.xx น.               …ความ  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2024-12-29 17:00
God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-12-29 11:34
โพสต์ 136493 ไบต์และได้รับ 60 EXP!  โพสต์ 2024-12-29 10:16
โพสต์ 136,493 ไบต์และได้รับ +20 EXP +35 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก เวทมนต์ [II]  โพสต์ 2024-12-29 10:16
โพสต์ 136,493 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2024-12-29 10:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2024-12-29 17:00:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-29 17:22
Mackenzie ตอบกลับเมื่อ 2024-12-29 10:1661. cabin 20 renovate-23.12.24  /  09:00AM.-หลังจากสงครามสงบ ...
264
ช่วยบ้านเฮคาที

               23/12/2024 เวลา 15.xx น.

               …ความเดิมตอนที่แล้ว ณ บ้านโพไซดอน…

               ช่วงบ่ายแก่ ๆ (ที่ตะวันไม่อ่อนแสงตาม) หลังจากที่ซ่อมแซมบ้านโพไซดอนมาได้ระดับหนึ่ง ดีนขอปลีกตัวไปช่วยดูงานฝั่งบ้านเฮคาทีเสียหน่อย หลัง ๆ มานี้ (ก่อนจะคบกับแมคเคนซีอีก) ดีนแทบจะใช้บ้านมืด ๆ ของเหล่าบุตรและธิดาเฮคาทีเป็นที่ซุกหัวนอนเกือบทุกคืน

               “นี่ ๆ พวกนาย ฉันว่าฉันจะไปดูทางบ้านเฮคาทีหน่อย ที่นั่นน่าจะมีแค่แมคซี่กับซิลเวอร์แค่สองคนที่ดูแลบ้านได้”

               ดีนกล่าวโดยไม่หวังอะไรกับจูลี่ สำหรับเด็กคนนั้นเอาไว้แค่เดินขึ้นลงบันไดโดยไม่หอบก่อนค่อยว่ากันอีกที ซึ่งทุกคนไม่ได้ว่าอะไร เข้าใจดีว่าต้องไปช่วยเหลือแฟน แถมทางนั้นยังมีคนเรี่ยวแรงดีจัดการงานบ้านได้แค่สองคน ต่างจากบ้านโพไซดอนเยอะ ที่ส่วนมากเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์เรี่ยวแรงดีถึงสี่คน วัดกันแล้วบ้านเจ้าสมุทรน่าจะเป็นกระท่อมที่มีสมาชิกเยอะที่สุดที่อยู่ค่าย ณ ขณะนี้ รองลงมาจากบ้านเฮอร์มีสที่อุดมไปด้วยเด็กที่ยังไม่ได้ถูกรับรองสายเลือดแล้วล่ะมั้ง…

               “ได้สิ ฝากความคิดถึงแฟนนายด้วยแล้วกัน” ซันซ์พูด

               “เฮ้! นายจะมาคิดถึงแฟนฉันทำไม”

               “เอ้า ก็คิดถึงกันแบบเพื่อนไง หรือว่าไงดี.. ฐานะน้องเขย? เรียกงี้ป่ะ?”

               “จะว่าไป.. ผมหายไปนานจนไม่รู้เลยว่าพี่มีแฟนแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” เจโรมยิ้มบอกอย่างสุภาพ เขารู้เรื่องที่อีกฝ่ายคบกับใครก็จากหนังสือพิมพ์กอสซิปของเทพเฮอร์มีสนั่นเอง ไม่แน่ว่าหนุ่มโพไซดอนสัญชาติเกาหลีอาจเป็นคนเดียวในค่ายที่ตกข่าว

               “ขอบคุณนะเจรี่ นายเองก็เถอะ” ดีนใช้ศอกสะกิดกลับน้องชาย ก่อนจะแซว “เห็นมีข่าวสวีทกับ…. กับ………”

               ไหงนึกไม่ออกหว่า… จากหนังสือพิมพ์กอสซิป มีข่าวของบุตรแห่งโพไซดอนขึ้นหราถึงสองคน คู่หนึ่งคือดีนและแมคเคนซี ส่วนอีกคู่คือเจโรมกับสาวปริศนา

               “หมายถึงหนังสือพิมพ์นั่นใช่ไหมครับ” เจโรมยิ้มแหย “ผมคิดว่าน่าจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ผมจะมีใครได้ล่ะ คงเห็นผมกับแฟนคลับเลยเอาไปเขียนข่าวมั่วซั่วมั้งครับ”

               เจโรมตอบออกมาตามความจริง แม้มีความรู้สึกบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ คล้ายกับว่าเขาชอบหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่นชอบเธอมานาน แต่กลับกลายเป็นว่านึกไม่ออกว่าเธอคนนั้นคือใคร เคยทำอะไรร่วมกันมา แม้แต่ชื่อหรือหน้าก็จำไม่ได้ คล้ายกับเป็นเพียงแค่ความฝัน… ความรู้สึกนี้ทำให้เขาแสนอึดอัด

               “เอาน่า ฉันเข้าใจนะ หนังสือพิมพ์พวกนี้มันชอบเขียนข่าวใส่ดีตีไข่จากความจริงอยู่แล้ว ไม่งั้นก็ขายไม่ได้สิ แค่หวังว่าจะไม่กระทบกับงานของนายก็แล้วกันน้องชาย” ดีนตบบ่าเจโรมเบา ๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของปาปารัซซี่โอลิมปัสเหมือนกัน แย่ละสิ… แบบนี้ต้องเตรียมศึกษาวิธีการรับมือเมื่อเป็นคนดังแล้วไหม? “งั้นฉันขอตัวไปดูทางนั้นก่อน ยังไงก็ฝากทุกคนด้วยนะ”

               “ไปดีมาดีนะดีน เชื่อมือทางฝั่งนี้ได้เลย” ไทสันยกนิ้วโป้งพลางยิ้ม กะพริบตาส่งวิ้งค์ทั้งที่มีตาใหญ่ ๆ เพียงหนึ่งอยู่กลางหน้า
                                                                      
               .                                                                      
               .                                                                      
               .                                                                      
                                                                      
               …ตัดภาพกลับมาปัจจุบัน หน้ากระท่อมเฮคาที…

               ร่างสูงหยุดยืนอยู่ ณ กระท่อมหมายเลขยี่สิบ เขามองไปยังรูปปั้นของเทพีเฮคาทีที่มีสภาพเปื้อนเขม่าไฟ แต่โดยรวมนับว่าไม่ได้รับความเสียหาย เว้นแต่ว่าป่าหนามรกทึบ คล้ายกับป่าที่สโนว์ไวท์วิ่งหลงทางตอนโดนนายพรานไล่เชือด แต่ตอนนี้มันถูกไฟเผาเสียเหี้ยน บางครั้งชายหนุ่มก็คิดในใจ

               ‘ใครแม่งอุตริเอารูปปั้นเทพีสุดแสนสำคัญมาตั้งไว้กลางลานหน้าบ้าน ในค่ายที่เต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่นวัยกำลังคึกคะนองฟะ!’

               หรือนี่คือบททดสอบลองใจเหล่าเดมิก็อดรุ่นเยาว์ ใครมือบอนจะถูกสาป เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ จึงต้องหักห้ามใจไม่ให้เอากระป๋องสเปรย์มาเดิมหนวดให้ราชีนีแห่งเวทมนตร์ เอาจริง.. ถ้าดีนได้มาค่ายฮาล์ฟบลัดตอนอายุสิบสองปีตามกำหนดการที่แท้จริง บอกได้เลยว่าไม่เหลือ… ชีวิตเขาเนี่ยที่ไม่เหลือ โดนสาปกลายเป็นหมาแน่ ๆ

               “คุณแม่ผัวครับ คือ.. ที่คิดเมื่อกี้ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่.. แต่ผมเป็นโอซีดี ในหัวมันก็ชอบคิดไปเรื่อยแบบนี้ ผมต้องขอโทษกับความคิดบ้องตื้นในหัวอีกทีด้วยครับ…”

               ชายหนุ่มรีบขอขมารูปปั้นของเทพีเฮคาทียกใหญ่ เมื่อตระหนักได้ว่าความคิดเมื่อครู่ของตนออกจะคึกคะนองไปเสียหน่อย เรื่องถูกสาปเป็นหมาน่ะไม่ว่า ถ้าได้เป็นหมาของแมคเคนซี แต่ใด ๆ คือไม่ถูกสาปแล้วอยู่เป็นมนุษย์หล่อ ๆ ดีกว่าเยอะ.. ดีนจึงรีบจ้ำเข้าไปในกระท่อมหมายเลขยี่สิบที่พักแรมมานานครึ่งปีเพื่อเข้าไปทักทายคนอื่น ๆ ที่คล้ายกับเป็นพี่น้องของเขาไปแล้ว ดีกว่ามัวยืนจ้องรูปปั้นหน้าบ้านนาน ๆ แล้วหัวพาลคิดเรื่องสัปดนขึ้นมาอีก

               เท่าที่ตาเห็นบ้านเฮคาทีไม่ได้รับความเสียหายมากมาย เผลอ ๆ จะน้อยกว่าที่บ้านของเขาเสียด้วยซ้ำ ตามที่แมคเคนซีเคยเล่าให้ฟัง ซิลเวอร์เป็นคนสัญชาตญาณไว เขารีบปลีกตัวออกจากสนามรบไปกางข่ายเวทมนตร์ป้องกันรักษาบ้านไว้ได้ทันก่อนจะได้รับความเสียหายมากเหมือนกับที่พักหลังอื่น เรื่องนี้ดีนเห็นประจักษ์แล้วจากตอนที่พี่ชายของคนรักแอบปลีกตัวจากการต่อสู้กับไฮดร้าหกหัวไปลากคอเงาของแร็กนาร์มาให้แทน

               “ฮายยย ที่รัก ฉันมาช่วยแล้ว”

               ชายหนุ่มส่งเสียงไปทั่วเหมือนกับทุกครั้งที่เขาเข้ามาในบ้านหลังนี้ ถ้าไม่อยากเล่นซ่อนแอบกับอีกฝ่าย เพียงแค่ตะโกนหาประเดี๋ยวแมคเคนซีก็โผล่หน้าออกมาเอง ซึ่งคราวนี้ไม่ยุ่งยากขนาดนั้น เพราะบุตรแห่งเฮคาทีอยู่กลางห้องโถงหลักกันอยู่แล้วยังไงล่ะ

               “โอ๊ะ พี่ดีน สวัสดีฮะ”

               ไง เจ้าเด็ก!

               จูลี่กับซิลเวอร์เอ่ยทักดีนขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน

               “ฮายจูลี่ ฮายลูกพี่” ดีนโบกมือหวอย ๆ ให้ทั้งสอง ก่อนจะเดินไปสวมกอดคนรักที่ถือไม้กวาดอยู่ด้วยความรักใคร่ โดยไม่สนหน้าซุสหน้าโครนอส (?) จูลี่คงชินกับภาพนี้แล้ว แต่คนที่เพิ่งกลับมาอย่างซิลเวอร์ผิวปากแซว ซึ่งมันไม่ได้กระทบกระเทือนหน้าหนา ๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อย “เอ้อ ซันซ์ฝากความคิดถึงมาด้วย”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ก็นิดหน่อย ส่วนใหญ่ข้าวของเปียกแฉะตอนใช้น้ำดับไฟ แล้วก็มีหลังคาของห้องนอนหญิงที่พังทะลุเป็นรูโบ๋ ตอนนี้จัดการเคลียร์ล้างบ้านกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ซ่อมหลังคากับรอฟูกที่นอนแห้งค่อยขนเข้าบ้าน”

               ดีนตอบ หน้าที่การซ่อมหลังคาไว้ให้เป็นของไทสัน มีลูกมือเป็นซันซ์ เขาอยู่ก็เกะกะเลยออกมาช่วยเหลือบ้านอื่นดีกว่า

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ไม่น่ามีอะไรให้นายช่วยหรอกที่รัก บ้านโพไซดอนมีกันตั้งห้าคนเลยนะ ตอนนี้ฉันเลยพอจะว่างอู้มาที่นี่ได้ เอาไว้นายค่อยไปเที่ยวบ้านฉันตอนที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีกว่า”

               คล้ายได้ยินคำว่าว่างซิลเวอร์จึงได้ยัดไม้ถูพื้นใส่มือดีนอย่างรวดเร็ว ให้ตายสิ

               “โธ่ลูกพี่ ผมไม่จีบแมคซี่ฟรี ๆ หรอก เพราะยังไงก็ต้องจ่ายหมอนี่ด้วย-ร่าง-กาย อยู่แล้ว” พูดแล้วก็ขยิบตากลับให้ซิลเวอร์ที่ตั้งใจกวน ทำเอาพี่น้องของคนรักเหวอแดกกันเป็นแถบ ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “โอ้ย ไม่เป็นไรเลย บอกแล้วนี่นาว่าจะมาช่วย” จากนั้นก็ขยับเข้าไปกระซิบ “แถมได้กวนตีนหมอนั่นคืน สะใจชะมัด”

               คล้ายกับว่ามันเขี้ยวพี่ชายต่างบิดาของอีกฝ่ายมานาน ตั้งแต่ตอนที่คอยลากคอเขาไปนั่นมานี่เมื่อสองวันก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าการเอาคืนของเขาจะมีเด็กชายจูลี่ถูกลูกหลงด้วยนิดนึงก็ถามที แต่ว่าเด็กชายอายุสิบสามปีคงไม่เข้าใจหรอกว่าหมายถึงอะไร…. หรอกเนอะ

               “แล้วนี่เหลืออะไรให้ทำบ้างล่ะ บัญชามาได้เลยครับสามี”

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “โอ้ รูปปั้น… ฉันทำความสะอาดได้นะ แต่ไม่เอาดีกว่า กลัวในหัวคิดอะไรแผลง ๆ แล้วจะถูกสาปน่ะ ส่วนการย้ายรูปปั้นเข้ามาในบ้านฉันคิดว่าเป็นความคิดที่เยี่ยมไปเลย คราวนี้โดนก๊อบลินเผา แต่คราวหน้าอาจถูกเด็กมือบอนเติมหนวดให้ก็ได้…”

               คำพูดของดีนทำให้จูลี่หัวเราะคิกคักตามประสาเด็ก นี่ไม่ได้เล่นมุกซะหน่อย แต่ถ้าเด็กชายยิ้มได้ก็โอเค

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ได้เลย ถ้างั้นฉันไปรอนะ” ดึงอีกฝ่ายเข้ามาจุ๊บแก้มซ้ายขวาก่อนจะปล่อยให้แมคเคนซีไปเปลี่ยนน้ำในถังให้สะอาดใหม่เอี่ยม

               ไม้ม๊อบที่ซิลเวอร์ส่งมาให้ยังเปียก ดีนก็เลยช่วยจุ่มมันเช็ดพื้นตั้งส่วนที่อยู่ในห้องโถงไปยังห้องนอนของอีกฝ่ายเสียหน่อย พร้อมกับผิวปากเป็นเพลงป๊อบอายไปด้วยอย่างกับมีความสุขนักหนา ความจริงคือไม่เลย… เขาพยายามทำอะไรบางอย่างให้ตัวเองไฮเปอร์ตลอดเวลาจะได้ไม่คิดถึงเรื่องการเสียชีวิตของหลานชาย… หมายถึงเอลลิส เวคฟิลด์ ดังนั้นชายที่โด๊ปเอสเปรสโซ่ร้อนมาสองช็อต ตาสว่างยิ่งกว่าไฟซีนอน และเขาเลยจะล้น ๆ กว่าปกตินิดนึงจากเดิมที่ก็ล้นมากอยู่แล้ว

               บานประตูตรงข้ามห้องของแมคเคนซียังคงปิดสนิทเหมือนกับทุกวันที่เดินผ่าน จนดีนเลิกสนใจว่านั่นคือห้องของใครหรือเอาไว้เก็บอะไร แต่สิ่งที่น่าสนใจเห็นจะเป็นอีกห้องที่อยู่ถัดไปที่เปิดประตูแง้มไว้อยู่

               “จ๊ะเอ๋ ลูกพี่ทำอะไรอยู่เหรอ?” เสือกหน้าเข้าไปแต่ก็ถูกก้อนกระดาษปาใส่มา

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               ดีนหัวเราะร่าเมื่อถูกด่าไปทีนึง ชายหนุ่มก็แค่หยอก ๆ ไม่ได้กะจะรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของใครเข้าไป ถ้าเจ้าของไม่ต้อนรับเขาก็ไม่ฝืน แต่ก็ไม่วายแกล้งสักทีนึง

               “กระดาษอะไรเนี่ย โอ้! พระเจ้า ซิลเวอร์นายอ่านหนังสือโป๊!!”

               แกล้งพูดดัง ๆ ให้ได้ยินกันถ้วนทั่ว ก่อนที่ดีนจะลากเอาไม้ถูพื้นออกจากห้องอีกฝ่ายอย่างไว เพื่อไม่ให้พี่ชายของแฟนไล่ตามมากระทืบ แต่ฟังจากเสียงระเบิดหัวเราะจากห้องข้าง ๆ คล้ายกับว่าซิลเวอร์จะชอบมุกนี้แฮะ

               แล้วแมคเคนซีก็กลับมาพอดี…

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “ไม่หรอก จะไปถือสาอะไร ถ้าเจ้าของไม่อนุญาตฉันก็ไม่รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว..” ดีนยิ้มบอกคนรักด้วยรอยยิ้มใสซื่อ แต่ไม่วายจะพูดเสียงดัง ๆ อีกครั้ง “นายไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้ว่าซิลเวอร์เก็บหนังสือโป๊ไว้เลยไม่อยากให้ใครเห็นน่ะ!!” แล้วก็หัวเราะฮี่ฮี่เหมือนเด็กซนได้แกล้งคน

               “เอ้อ ฉันยังไม่ได้บอกนายเลย นอกจากทำความสะอาดกับซ่อมบ้านแล้ว ฉันกะว่าจะต่อเติมพื้นที่ว่างระหว่างตัวบ้านกับห้องเก็บของเป็นห้องสัตว์เลี้ยงด้วยน่ะ งานนี้สร้างกันเองไม่มีพ่อมาช่วยเสกให้ ไม่รู้จะรอดกันไหมนะ” เขาหัวเราะเบา ๆ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “จะว่าคล้ายไหมก็คงคล้ายล่ะมั้ง? อนาคตเจ้าไข่เหลืองต้องตัวโตขึ้นด้วยใช่ไหมล่ะ ฉันกลัวว่าตอนที่เราไปเที่ยวไหนกันอีกแล้วต้องฝากมันไว้กับที่บ้านตัวมันจะใหญ่เกินห้องนอนรวม ช่วงนี้ยิ่งกินเก่ง ๆ แล้วก็โตวันโตคืน”

               เพราะว่าอยู่กับออมเล็ตอยู่เป็นประจำจึงชินตา แต่เมื่อเทียบขนาดของสิงโตน้อยแรกเกิดกับช่วงเวลาในปัจจุบันก็ถือว่ามันเติบโตขึ้นมากจริง ๆ บริเวณหลังคอเริ่มมีแผงคอราชสีห์ขึ้นเล็กน้อยแสดงถึงความเป็นหนุ่ม อีกไม่นานมันคงตัวใหญ่โตแข็งแรงมีแผงคอสวยงาม ทว่าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือมันยังคงเป็นแมวน้อยอ๊อง ๆ เหมือนเดิม

               “ส่วนเรื่องที่นายอยากไปดูน่ะยินดีอยู่แล้วที่รัก ฉันเองก็อยากอวดนายก่อนใครเลย จริงสิ.. วันคริสต์มาสฉันกะว่าจะจัดงานฉลองเล็ก ๆ ที่สระว่ายน้ำหลังบ้านน่ะ ถ้ายังไงฉันเชิญบ้านนายทั้งบ้านไปร่วมงานก็แล้วกัน เวลานี้จะไม่เหมาะมีงานรื่นเริงเท่าไร แต่ฉันก็อยากจะทำอะไรสักอย่างให้ทุกคนหายเศร้า ช่วยไม่ได้ทั้งค่าย แต่ขอเป็นคนคนที่สนิท ๆ ก่อนก็ยังดี นายตกลงนะ”

               เขายิ้มอ้อน แต่ถึงไม่ต้องทำแบบนี้แมคเคนซีก็ตอบตกลงอยู่ดี

               แล้วก็ได้เวลาลงมือทำความสะอาดอย่างจริงจัง แมคเคนซีกวาดห้อง ส่วนดีนเป็นคนถู จะว่าไปห้องนี้ก็คล้ายกับเป็นรังรักของพวกเขาทั้งสองคนนั่นแหล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ของดีนก็อยู่ในห้องของแมคเคนซี มากกว่าในตู้เก็บของห้องนอนรวมชายบ้านโพไซดอน เพียงแค่ได้อยู่กับคนที่รักก็มีความสุข ต่อให้เป็นงานบ้านที่แสนเหนื่อย แต่ชายหนุ่มมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไหว

               .                                                                      
               .                                                                      
               .                                                                      

               18.xx น.

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               การทำความสะอาดบ้านเฮคาทีดูเหมือนจะเสร็จสิ้นก่อนที่สายเลือดโพไซดอนซ่อมบ้านเสร็จเสียอีก พอความเสียหายไม่มากเลยจัดการหลายสิ่งหลายอย่างได้ไวตาม

               “ไม่เป็นไรเลยที่รัก ฉันก็ช่วยไม่เท่าไร ช่วยบ้านนายก็เหมือนกับเก็บกวาดบ้านตัวเองนั่นแหล่ะ ฉันใช้ชีวิตทีนี่มากกว่ากระท่อมหมายเลขสามอีกมั้ง”

               ดีนหัวเราะ ถึงจะมาบ่อยแต่ก็ไม่ได้ซ้ำรวจไปเสียทุกโซน ห้องปรุงยา ห้องหนังสือ และห้องพิธีกรรมคือสถานที่ที่ชายหนุ่มไม่เคยยุ่ง มากสุดคงแค่ไปรดน้ำต้นไม้หนามที่สวนหน้าบ้าน และตัดแต่งกิ่งอ่อนไม่ให้มันยาวทิ่มตาใครเวลาซุ่มซ่ามเดินผ่าน ในวันที่เขากลับจากวิ่งจ๊อกกิ้งมาเร็วแล้วทุกคนในบ้านนี้ยังไม่ตื่นนอน

                ว้า.. ต้นไม้พวกนั้นไหม้ไฟไปหมดแล้วงั้นก็ไม่ต้องดูแลแล้วสิ

               [ดูโรลเพลย์ก่อนหน้าของ Mackenzie]

               “แต่ว่าฉันต้องขอตัวกลับไปดูทางนู้นก่อนนะที่รัก พี่น้องที่บ้านก็ติดทำงานกันซะเพลินเลย ฉันต้องซื้อของกินไปให้พวกเขาก่อน นายไม่ต้องห่วงเลยว่าฉันจะนอนห่มผ้าไม่ได้ เพราะว่าฉันรอ ‘ถูกนายห่มอยู่’ ขยับยิ้มอย่างมีนัยยะ

               ชายหนุ่มสวมกอดคนรักอีกครั้งก่อนจะลากลับไปยังบ้านพักหมายเลขสาม โดยตอนที่เดินผ่านสวนตรงกลางเขาพยายามไม่มองว่ามีอะไรตั้งอยู่ตรงนั้น… และเมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ดีนก็กลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลาราว ๆ ตีหนึ่งเศษ ๆ…


โรลเพลย์ซ่อมแซมบ้าน +1 Point



แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
  โพสต์ 2024-12-29 17:01
โพสต์ 57,407 ไบต์และได้รับ +7 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ จาก นาฬิกาสปอร์ต  โพสต์ 2024-12-29 17:00
โพสต์ 57,407 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2024-12-29 17:00
โพสต์ 57,407 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +8 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ควบคุมน้ำ  โพสต์ 2024-12-29 17:00
โพสต์ 57,407 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก ภูมิคุ้มกันเปียก  โพสต์ 2024-12-29 17:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2025-1-2 19:34:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
31-12-2024 20.45 PM

I want to be your everything little darling


ปลดพลังสายเลือด


            พบเจอ จากลา เริ่มต้นใหม่และก้าวต่อไป สิ่งเหล่านี้คือหนึ่งในสเต็ปของชีวิตที่ต้องประสบ


            กลับมาอีกครั้งที่เคบิน 20 อันเงียบสงบ ลมอ่อนพัดพาความสดชื่นจากป่าโดยรอบ กลิ่นชื้นของน้ำค้างผสานกับกลิ่นหอมจาง ๆ ของสมุนไพรที่ถูกปลูกไว้ริมลาน รูปปั้นหินอ่อนของเทพีเฮคาทีตั้งตระหง่านอยู่กลางลานสะท้อนแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ในช่วงสนธยา


            ไนมีเรียยืนอยู่หน้ารูปปั้นดวงตาสีเฮเซลจับจ้องไปยังดวงพักตร์ของมารดาอันศักดิ์สิทธิ์ เรือนผมของรูปสลักถูกรังสรรค์ด้วยรายละเอียดงดงามดั่งมีชีวิต เสื้อคลุมอันหรูหราของเทพีที่ปกคลุมกายสลักลวดลายซับซ้อนเต็มไปด้วยอักขระเวทมนตร์ คบเพลิงอันเป็นเอกลักษณ์ในมือขวาสื่อถึงพลังอันลึกล้ำ


ภาพของอดีตผุดขึ้นมาในใจเหมือนฉากภาพยนตร์ วันแรกที่เธอมายังค่ายแห่งนี้หลังการหลบหนีอันยาวนาน มันคือวันที่เธอยืนอยู่หน้ารูปปั้นนี้ครั้งแรก ขณะนั้นเธอยังไม่เข้าใจถึงความยิ่งใหญ่หรือความหมายของสายเลือดที่เธอสืบทอดมา เพียงรู้สึกว่ามันหนักหน่วงและน่าหวาดหวั่น


            “วันแรกผ่านมานับปี หลุดพ้นจากวิถีของมนุษย์ธรรมดามาจนตอนนี้ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าของแม่รึพูดคุยกันโดยตรงเลยสักครั้ง..”


            ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอเดินทางไกลเกินกว่าจะนับได้ เธอเล่าให้มารดาฟังถึงการเผชิญกับคำสาปของเจ้าหญิงกอร์กอนในอิสตันบูล ต่อสู้กับราชสีห์นีเมียนในไซปรัส จัดการไซคลอป์บนพื้นที่สุ่มเสี่ยงอย่างเครื่องบินที่กำลังแล่นกลางเมฆ ทุกครั้งอาศัยเพียงปืนและหอกคู่หูที่เธอพึ่งพิงเสมอ


            คลาริสซ่าเตือนเด็กสาวครั้งแล้วครั้งเล่าว่าสิ่งเหล่านั้นเพียงพอในตอนนี้ แต่ไม่มีทางใช้รับมือกับอันตรายที่เหนือกว่า


             เธอค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น มองดูรูปปั้นที่ตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม “แม่” เธอกล่าวเสียงเบา “ทุกอันตรายฉันรอดมาได้เพราะสู้ไม่ถอย แต่ก็รู้ว่าแค่ความใจกล้านั่นอาจไม่พอในครั้งต่อไป”


            ไม่มีเสียงตอบกลับจากรูปปั้นเงียบงันเหมือนหินที่นิ่งสงบ นิ่งเฉยต่อเธอเฉกเช่นที่ผ่านมา ไนมีเรียยังคงพูดต่อ “ฉันเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังเสมอ ถึงสิ่งที่ฉันพบเจอ และสิ่งที่ฉันทำเพื่อช่วยเหลือผู้คน แม้แต่อุปสรคคถึงความลังเลในคราวที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ ฉันหวังว่าแม่จะได้ยิน…”


            น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อยแต่ริมฝีปากเม้มกลั้นอารมณ์ไว้ “ฉันไม่มีทางรู้ได้เลยว่าวิถีชีวิตที่ต้องเสี่ยงในทุกวันนี้จะไปจบลงตรงไหน คุณทิ้งชื่อไว้ให้ฉันเป็นสิ่งเดียวที่ระลึกถึงความเป็นแม่ ครั้งนี้คุณจะมอบอะไรให้ฉันไว้ปกป้องตัวเองได้บ้าง..”


            หญิงสาวปล่อยลมหายใจยาวขณะเอื้อมมือไปแตะที่ฐานรูปปั้น คลาริสซ่า ผู้ซึ่งสถิตอยู่ในแหวนจันทราทมิฬกระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


            "เด็กน้อยของฉันเธอเติบโตขึ้นมากตั้งแต่วันที่เราพบกัน.. ตอนนี้มั่นใจเข้าใจเธอพร้อมแล้วสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง"


            ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสหินอ่อนเย็นเฉียบ กระแสพลังอันรุนแรงก็พลันแล่นเข้าสู่ร่าง ก่อเกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้ดวงตาของเธอพร่าเลือน ไนมีเรียทรุดเข่าลงข้างหนึ่ง มืออีกข้างขยุ้มพื้นดินแน่นเพื่อทรงตัว เธอรู้สึกเหมือนมีสายธารลาวาร้อนระอุไหลเวียนไปทั่วกาย


            เสียงกระซิบของมารดาดังขึ้นจากรอบทิศ คลื่นเสียงนุ่มนวลแต่น่าเกรงขาม ท่วงทำนองที่คล้ายบทสวดพัดพาความรู้และเวทมนตร์เข้าสู่จิตใจของธิดาแห่งเฮคาทีราวกับน้ำท่วมที่ไม่อาจห้ามไหล


            "ธิดาแห่งข้า จงโอบรับสายเลือดโดยกำเนิดของเจ้าและแปรเปลี่ยนมันให้เป็นพลัง เพื่อปกป้องตนเองและสิ่งที่เจ้าเชื่อมั่น"


            ไนมีเรียหลับตาลง ตั้งสมาธิเพื่อรับมือกับพลังที่หลั่งไหลเข้ามาในหัว เธอมองเห็นอักขระรูนโบราณและชิ้นส่วนโครงข่ายเวทมนตร์หมุนวนอย่างรวดเร็ว ภาพของสมุนไพรต่าง ๆ และส่วนผสมที่เปล่งแสงระยิบระยับเหมือนดวงดาว เธอรับรู้ถึงสูตรปรุงยามากมายที่ไหลเข้ามาในหัวใจ พร้อมกับอาคมคาถาที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน


            "อึก… มันเหมือนมีไซโคลนในหัวฉัน" ดรุณีร่างบาง เสียงของเธอสั่นเครือก่อนจะพูดอะไรไม่ออก


            "เวทมนตร์ที่ทรงพลังมีราคาต้องแลก นี่คือพลังแห่งสายเลือดเฮคาที" คลาริสซ่าตอบอย่างภูมิใจ "ไม่ใช่แค่พลังมนตรา แต่เป็นองค์ความรู้ที่มารดามอบให้เจ้าเพื่อใช้มันอย่างชาญฉลาด"


            หลังสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติโฟกัสกับการประมวลองค์ความรู้มหาศาลที่ทะลักเข้ามาในห้วงจิต ความคิดในหัวเริ่มเป็นระเบียบขึ้นเมื่อเธอปล่อยให้พลังนั้นไหลผ่านไปตามธรรมชาติ


            "แต่ทำไมมันถึงรู้สึก...สับสนได้ขนาดนี้?" หญิงสาวถามในใจ


            "เพราะเธอยังไม่คุ้นชิน มันเหมือนการเรียนรู้ภาษาใหม่ในชั่วข้ามคืน แต่เธอจะปรับตัวได้เรามีเวลาอีกมาก" คลาริสซ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ


            ไนมีเรียรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอ ไม่ใช่แค่พลังเวทมนตร์ แต่เป็นแรงบันดาลใจ เธอไม่ได้เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นธิดาของเฮคาทีที่พร้อมเผชิญหน้ากับชะตากรรม  ความหวาดหวั่นในใจถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจ ตระหนักรู้ว่าการเดินทางครั้งต่อไปในนิวออร์ลีนส์จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พลังใหม่ที่เพิ่งได้รับมาไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือหรือสัญลักษณ์ แต่มันคือส่วนหนึ่งของเธอ ส่วนที่ทำให้ไนมีเรียเป็นตัวเองในรูปแบบที่สมบูรณ์มากขึ้น เพื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรคและความท้าทายในอนาคตที่จะมาถึงชีวิตชนกึ่งเทพอย่างพวกเธอ


ปลดทักษะ

ศาสตร์การปรุงยา -2

คบเพลิง -6

เวทมนต์ [I] -4

เวทมนต์[II] -6

รวมใช้ 18 ตื่นรู้

BELIEVER [ผู้ศรัทธาเหล่าเทพ] โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+15 @God 


i'll melt your heart into two @HyeRi Codes

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21-1] เฮคาที เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2025-1-2 19:40
God
((ไนมีเรียทรุดลงกับพื้นห้อง ร่างกายนอนพะงาบๆ ปวดไมเกรนอย่างรุนแรงอีกพักใหญ่ ๆ (3 ชั่วโมง) โรลเพลย์ในลานบูชาอีกโรลเพลย์จึงจะไปที่อื่นได้))  โพสต์ 2025-1-2 19:40
โพสต์ 33,533 ไบต์และได้รับ +5 EXP +9 เกียรติยศ จาก รองเท้าส้นสูง  โพสต์ 2025-1-2 19:34
โพสต์ 33,533 ไบต์และได้รับ +10 EXP +6 เกียรติยศ +8 ความกล้า +8 ความศรัทธา จาก สื่อสารกับภูตผีปีศาจ  โพสต์ 2025-1-2 19:34
โพสต์ 33,533 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2025-1-2 19:34

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ -18 ย่อ เหตุผล
God -18

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เวทมนต์ [II]
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
หยกหงส์คู่นิรันดร์
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x5
x1
x2
x6
x3
x3
x17
x5
x4
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x3
x3
x11
โพสต์ 2025-1-2 20:26:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
31-12-2024 20.50 PM

I want to be your everything little darling



            จู่ๆ เมฆหนาก็เข้าบดบังแสงตะวันอากาศยามเย็นรอบลานรูปปั้นของเทพีเฮคาทีเย็นลงราวกับเยือกแข็ง ลมพัดผ่านใบไม้ดังเกรียวกราว เป็นจังหวะราวกับธรรมชาติกำลังจับตามองเหตุการณ์สำคัญ เด็กสาวผู้ยืนเด่นอยู่กลางลานนั้นกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ไนมีเรียค่อย ๆ ถอนมือออกจากฐานรูปปั้นด้วยแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด 


            “อึก…”


            ร่างในเดรสยาวสีหม่นทรุดตัวลงกับพื้น ขาทั้งสองข้างเหมือนเยลลี่ไร้เรี่ยวแรงจะพยุงตัวให้ยืนได้ เสียงหอบหายใจหนักหน่วงหลุดออกจากริมฝีปากสีแดงสดที่เผยอขึ้นเล็กน้อย เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกำลังหมุนวนภายในตัว คลื่นพลังที่รุนแรงและไม่คุ้นเคยยังคงหมุนวนอยู่ในอก


            “สูดหายใจเข้าลึกๆ ไหวรึเปล่า.. เฮ้ มองฉันไว้ เธอทำได้สาวน้อย ปล่อยไปตามกระแสอย่าฝืนรึปฎิเสธมัน” เสียงของคลาริสซ่าดังขึ้นในหัวของเจ้าของดวงตาสีเฮเซลน้ำเสียงของวิญญาณผู้คุ้มครองฟังดูเป็นกังวลอย่างชัดเจน


            ไม่มีคำตอบจากเด็กสาวไนมีเรียพยายามปรับจังหวะลมหายใจ มือเรียวแตะลงกับพื้นเพื่อพยุงตัว แต่เพียงแค่เธอขยับ พลังงานที่ยังไม่มั่นคงภายในก็ส่งผลให้ร่างกายปวดร้าวจนแทบทนไม่ไหว เธอจึงล้มลงไปอีกครั้ง คราวนี้เอนกายพิงกับฐานรูปปั้นร่างอรชรอ่อนแรงจนทำได้เพียงนอนหอบ


            ความร้อนที่แผ่ออกมาจากข้างในเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชน เผาผลาญทุกอย่างในเส้นเลือดของเธอ เสียงกระซิบของมนตราดังแว่วในหู ราวกับเสียงดนตรีแห่งจักรวาลกำลังบรรเลงเพลงที่ซับซ้อนที่สุด


            “มัน…เหมือนกำลังจะฆ่าฉัน” ไนมีเรียกระซิบเสียงเบา คำพูดนั้นอาจไม่มีใครได้ยิน ยกเว้นตัวเธอเอง


            “แต่สิ่งที่ฆ่าเธอไม่ตาย มีแต่จะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น” คลาริสซ่าตอบด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม


            เจ้าของดวงตาสีเฮเซลปิดเปลือกตาลง ขณะที่กระแสพลังทะลักเข้าสู่จิตใจและร่างกายอย่างต่อเนื่อง เธอรู้สึกเหมือนมองเห็นโลกในอีกมิติหนึ่ง ทุกสิ่งที่เคยซ่อนเร้นอยู่ในสายเลือดเทพีเฮคาทีกำลังตื่นขึ้น


            ไนมีเรียอยู่ในสภาวะนั้นเกือบสามชั่วโมง กระแสพลังที่วูบวาบค่อย ๆ สงบลง และเริ่มจัดระเบียบตัวเองเหมือนแม่น้ำที่ไหลกลับเข้ารูปเข้ารอยของมันในร่างกายเธอ เปลือกตาค่อย ๆ เปิดขึ้นอีกครั้ง แสงสุดท้ายของอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าทำให้ดวงตาสีเฮเซลเปล่งประกายราวกับอัญมณีที่มีชีวิต เธอยกมือขึ้นมองนิ้วเรียวของตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยอ่อนแอ แต่บัดนี้เต็มไปด้วยพลังงานสดใหม่


            “เยี่ยมมากสาวน้อยเธอทำสำเร็จ” อ้อมแขนโปร่งใสของวิญญาณสาวโอบรอบร่างของอีกฝ่ายตลอดเวลาดั่งคอยคุ้มครอง


            “ฉันยังไม่แน่ใจ” หญิงสาวตอบกลับในหัว “แต่มันรู้สึกเหมือนฉันได้สิ่งที่ขาดหายไปกลับคืนมา”


            ไนมีเรียลุกขึ้นยืน ร่างในเดรสยาวยืนประจันหน้ากับรูปปั้นของมารดาอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นแตะที่หน้าอกของตัวเอง รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น


            “ขอบคุณนะ…แม่” เสียงของเธอสั่นไหวเล็กน้อย น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความซาบซึ้ง


            “แต่ถ้าคราวหน้ามีอะไรเกินความคาดหมายอีก หวังว่าแม่จะบอกฉันล่วงหน้า ยกตัวอย่างเจ้าหญิงหัวงูนั่น” เธอพูดติดตลก ราวกับกำลังคุยกับคนที่อยู่ตรงหน้า


            รูปปั้นยังคงนิ่งงัน ราวกับมารดาผู้ยิ่งใหญ่ของเธอกำลังเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ ในเงามืด



BELIEVER [ผู้ศรัทธาเหล่าเทพ] โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+15 @God 


i'll melt your heart into two @HyeRi Codes

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21-1] เฮคาที เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2025-1-2 20:33
โพสต์ 22357 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-1-2 20:26
โพสต์ 22,357 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก เวทมนต์ [II]  โพสต์ 2025-1-2 20:26
โพสต์ 22,357 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2025-1-2 20:26
โพสต์ 22,357 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-1-2 20:26
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เวทมนต์ [II]
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
หยกหงส์คู่นิรันดร์
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x5
x1
x2
x6
x3
x3
x17
x5
x4
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x3
x3
x11
โพสต์ 2025-1-22 11:11:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
78. Please bless us, mom

-17.01.25  /  08:45AM.-


วันสุดท้ายกับการใช้ชีวิตในค่ายฮาล์ฟบลัดก่อนออกเดินทางไปทำภารกิจ หลังทานมื้อเช้าเสร็จแมคเคนซีก็กลับมาที่บ้าน ช่วงนี้ดีนไม่ค่อยตัวติดกับเขาเท่าไหร่ ชายหนุ่มแห่งบ้านโพไซดอนเพียงแค่มานอนที่ห้องเขาทุกคืนแล้วออกไปในเวลาเช้า ซึ่งแมคเคนซีก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงจะยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวไปทำภารกิจเหมือนกันจึงไม่ได้คิดจะรั้งไว้ ทั้งที่ในใจก็ค่อนข้างเสียดายไม่น้อยที่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างคุ้มค่าก่อนจะแยกย้ายกันออกเดินทาง


“……….”


ดวงตาสีฮาเซลของแมคเคนซีสบเข้ากับรูปปั้นของเทพีเฮคาทีที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถง ตั้งแต่ซิลเวอร์ย้ายรูปปั้นผู้เป็นแม่เข้ามาไว้ภายในบ้าน เขาก็ยังไม่ได้ทักทายพูดคุยกับมารดาผ่านประติมากรรมเลย


“สวัสดีครับ…หลังจากปีใหม่มาผมก็ไม่ได้คุยกับคุณเลย”


เอ่ยทักทายรูปปั้นที่ตั้งเด่นเป็นสง่า การเปลี่ยนสถานที่ทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น สมาชิกในบ้านต่างทำกิจกรรมอยู่ตามห้องต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีใครเดินออกมาตรงโถงบ่อยเท่าไหร่


“เมื่อช่วงต้นปีผมฝันไม่ดีเอาซะเลย แถมยังฝันเรื่องเดิมซ้ำหลายรอบ ก่อนหน้านั้นผมยังไม่แน่ใจเลยไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณฟัง แต่หลังจากที่ผมไปปรึกษาคุณเรเชลกับคุณไครอนแล้ว ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่ามันคือภารกิจการเดินทางที่ผมต้องไปทำ…”


แมคเคนซีเงียบไปเล็กน้อยแล้วจึงเล่าต่อ


“คุณไครอนให้ข้อมูลผมมาว่ามีองค์กรลับคอยจับพวกเดมิก็อดไปกลายพันธุ์ให้เป็นอสุรกายที่ชื่อว่าลาเมีย ผมไม่รู้จุดประสงค์ของพวกเขาว่าทำไปเพื่ออะไร แต่ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะเลือกเฉพาะเดมิก็อดที่เป็น…ลูกของคุณ…ซึ่งก็คือน้องของผม……”


เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอจนตีบตัน เรียวคิ้วขมวดมุ่นไม่รู้ตัวก่อนจะเริ่มพูดถึงสิ่งที่กังวลใจออกมา


“จากคำพยากรณ์ที่ได้รับมา ผมหาข้อมูลแล้วเจอสถานที่ที่เข้าเค้าคือเมืองเยลโลวไนฟ์ที่ตอนเหนือของแคนาดา ผมไม่แน่ใจหรอกว่าใช่ที่นั่นไหม…แต่จากภาพในความฝัน เหมือนมันบอกให้ผมต้องไปที่นั่น ซึ่งผมหวังว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้อง… ความจริงแล้วผมค่อนข้างกลัว ถึงผมจะเคยเดินทางไปทำภารกิจที่ไกล ๆ มาแล้ว แต่ส่วนใหญ่ผมมักจะไปกับดีน ผมอาจอุปโลกน์ไปเองก็ได้…ที่รู้สึกว่าเวลาอยู่กับเขาแล้วผมจะไม่เป็นอะไร”


รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้รูป แววตาทอดอ่อนลงเมื่อนึกถึงหน้าคนรัก แต่ก็เพียงไม่นานก่อนที่ความกังวลจะฉาบทับบนใบหน้าอีกครั้ง


“คราวนี้ผมเดินทางไปกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน ผมยังรู้จักพวกเธอได้ไม่นาน แต่ผมคิดว่าพวกเธอคือมิตรที่ดี ไม่รู้ว่าผมจะได้กลับมาที่นี่เมื่อไหร่ แต่ผมจะพยายามไปช่วยคนในครอบครัวของเราให้ทันเวลา…”


ฝ่ามือยื่นไปแตะที่รูปปั้น ดวงตาสีฮาลเซลจ้องมองส่วนใบหน้าของผู้เป็นมารดาด้วยความมุ่งมั่น


“ด้วยศรัทธาของผม…ผมขอให้คุณช่วยอวยพรให้ทั้งดีนและผมรวมถึงเพื่อนร่วมทีมทำภารกิจได้สำเร็จลุล่วง ขอให้ทุกการตัดสินใจของผมในการเดินทางครั้งนี้คือสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุดทำหรับทุกฝ่าย…ขอให้คุณช่วยปกป้องลูกของคุณที่ตกอยู่ในอันตราย…ขอให้เขาปลอดภัยด้วยนะครับ”


สิ้นคำก็เหมือนมีกระแสพลังบางอย่างจากรูปปั้นหลั่งไหลสู่ฝ่ามือผ่านเข้าไปในร่างของแมคเคนซีเหมือนครั้งก่อน ซึ่งคราวนี้อยู่ในระดับที่ทนรับไหวจึงยังครองสติไว้ได้ รอบตัวเริ่มมีหมอกฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณจนเริ่มบดบังทุกสิ่งให้พร่ามัว เขาจะได้เจอผู้เป็นแม่อีกครั้งอย่างนั้นหรือ แต่น่าแปลกที่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่หลุดไปอยู่อีกมิตินึงเหมือนครั้งก่อน ๆ


“หื้อ…อะไรเนี่ย คลุ้งเต็มไปหมด เฮ้ เจ้าเด็ก นายใช้สกิลคุมหมอกได้แล้วงั้นเรอะ”


เสียงของซิลเวอร์ที่ดังมาจากทางหน้าโซนห้องนอนทำให้แมคเคนซีรู้สึกตัว ฉับพลันหมอกที่อยู่รอบตัวก็หายไปด้วย ภาพพี่ชายที่ยืนกอดอกดูอยู่ชัดเจนขึ้นมาในสายตา


“คุมหมอก ? พี่หมายถึงอะไร”


ซิลเวอร์เลิกคิ้วกับคำถามของน้องชายก่อนจะเดินเข้ามาหา พอเห็นมือของแมคเคนซีที่ยังวางค้างอยู่บนรูปปั้นก็เข้าใจได้ทันที


“เพิ่งปลดสกิลมาอีกอย่างงั้นสิ นายเองคงงงอยู่ เอาล่ะ ฉันจะอธิบายให้ฟัง แล้วก็จะสอนวิธีใช้ให้เองเจ้าเด็ก นายจะได้ใช้โกง เอ้ย ใช้เป็นตัวช่วยเสริมจากการใช้พลังเวทย์ตอนไปทำภารกิจไงล่ะ แล้วนี่คุยเสร็จยัง ถ้ายังไม่จบฉันรอได้นะ”


คนที่บอกว่า “รอได้” ยืนยิ้มแฉ่งมองอยู่อย่างนั้น 


‘ให้ตายสิ…ยืนเฝ้าขนาดนี้แล้วใครมันจะไปกล้าคุยต่อ’


 ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่แมคเคนซีก็หมดเรื่องคุยกับผู้เป็นแม่พอดีจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบ


“ไม่มีแล้ว ผมคุยเสร็จพอดี อยากรู้เรื่องสกิลที่พี่พูดถึงเมื่อกี้มากกว่า พรุ่งนี้ผมจะเดินทางแล้ว ถ้ายังไงช่วยสอนแบบรวบรัดเลยได้ไหม”


“โอ้ ไฟแรงมากไอ้น้อง จัดให้ตามคำขอ แต่นายจะเรียนรู้ได้ดีหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับความฉลาดของนายล่ะนะ ไปกัน”


พี่คนโตของบ้านหัวเราะชอบใจ ไม่รอช้า ซิลเวอร์เข้ามากอดคอน้องชายไว้แล้วพาเดินออกไปยังบริเวณชายป่าต้องห้าม สถานที่ที่เหมาะแก่การสอนการใช้ทักษะใหม่ ๆ ของบุตรแห่งเฮคาที




“ข้า แมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น ขอถวายศรัทธาแก่เหล่าเทพ แก่เทพีเฮคาที เทพีแห่งเวทมนตร์คาถา”

จำนวนศรัทธาที่มอบให้   2,000


ปลดล็อกสกิล :  ควบคุมหมอก

BELIEVER (ผู้ศรัทธาเหล่าเทพ)   โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15


@God 

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21-1] เฮคาที เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2025-1-22 11:55
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21-1] เฮคาที เพิ่มขึ้น 100 โพสต์ 2025-1-22 11:55
God
คุณได้รับ --2000 ความศรัทธา โพสต์ 2025-1-22 11:55
โพสต์ 45119 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2025-1-22 11:11
โพสต์ 45,119 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก เวทมนต์ [II]  โพสต์ 2025-1-22 11:11

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ -10 ย่อ เหตุผล
God -10

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2025-2-11 10:48:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Paige เมื่อ 2025-2-11 11:23


Paige Yoo


หลังจากรายงานตัวกับไครอนเรียบร้อยแล้ว เพจก็เดินทางผ่านบ้านต่าง ๆ
กระทั่งมาหยุดอยู่หน้าบ้านพักหมายเลข 20 ที่มีคบเพลิงและเสาสไตล์กรีกโรมัน
ยิ่งทำให้รู้ประหลาดอย่างบอกไม่ถูก


ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินเข้าไปยังภายใน ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง
เธอกวาดสายตามองหาเพื่อร่วมบ้าน แต่เหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่


“…” รูปปั้นตรงหน้าชองหญิงสาวตรงหน้าปรากฏขึ้นในครรลองสายตา

หล่อนสวยงามจนเหมือนกับต้องมนต์สะกด มือขวาหนึ่งถือคฑา อีกข้างถืออาวุธ
การแกะสลักที่ประณีตและวิจิตร ทำให้เพจยืนมองนิ่งอยู่หลายนาที

“แม่งั้นหรอคะ?” นั่นเป็นสิ่งที่แรกที่หลุดออกจากริมฝีปากบางอมชมพู

“พ่อเคยบอกว่า แม่เป็นคนสวยมาก ๆ เมื่อได้มาเห็นเอง หนูไม่คิดเถียงพ่อเลยค่ะ
หนูเป็นลูกของพ่อแทจุน ชื่อ เพจ พ่อบอกว่าแม่เป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ ซึ่งมีความหมาย
ว่า ผู้ช่วยเหลือ” กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง

เธอไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับผู้เป็นแม่ และยังเป็นเทพที่เธอเคยอ่านตำราของพ่อ
อยู่บ่อย ๆ

“ตอนนี้ที่หนูรู้ว่าเป็นลูกแม่ หนูไม่อยากจะเชื่อ พ่อให้หนูอ่านเรื่องของแม่ตั้งแต่เด็ก โดยที่บอกว่าอยากให้หนูศึกษาเอาไว้ ที่แท้ พ่อก็อยากให้รู้จักและคุ้นเคยกับแม่”

“หนูมาอยู่ที่นี่แล้ว แม่อยากให้หนูอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ หนูไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป
แม่ช่วยนำทางและให้คำแนะนำหนูด้วยนะคะ”


บทสนทนาหยุดลง สายตาเงยหน้าขึ้นมองประสานกับรูปปั้นเสมือนจริงของผู้เป็น
มารดา เพจโค้งคำนับและยกมือบางขึ้นราวกับถูกต้องมนตร์ยื่นเข้าไปใกล้กับ
ฝ่ามือของเทพีเฮคาทีจนแนบชิดกัน

!!!

พลังบางอย่างภายในตัวของเพจดวงตาเบิกกว้างราวกับถูกดึงออกมา หญิงสาว
ตกใจจนเผลอดึงมือออก ทว่ามีแรงบางอย่างดึงเธอกลับเข้าไปอีกครั้ง จนกระทั่งทุกอย่างเงียบดับลง

ลมหายใจหอบของเพจดังขึ้นแทบจะทันที ลอบกลืนน้ำลายพลางเงยหน้าขึ้นมอง
รูปปั้นของเทพี

“มีคนมาใหม่งั้นหรอ - สวัสดีครับ!” เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เพจละสายตาหันไปมองเจ้าของต้นเสียง ก่อนจะคลี่รอยยิ้มอย่างเป็นมิตร

“สวัสดีจ้ะ พี่ชื่อเพจ ยู เรียก เพจ ก็ได้จ้ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” เธอกล่าวทักกับเด็กหนุ่ม
เรือนผมสีทองรูปร่างผอมบาง

"ผมจูลี่ เดรค ครับ ห้องพักอยู่ทางนั้นนะครับ พี่สามารถเลือกห้องที่ว่างได้เลย
หากมีอะไรก็ถามผมได้ตลอด” 
เสียงสดใสตอบกลับ

“ขอบคุณนะจ้ะ จูลี่ งั้นพี่ขอตัวเอาของไปเก็บก่อนนะ ไว้มีอะไรพี่จะมาถามนะ”

เพจตอบพร้อมกับคลี่รอยยิ้มกว้าง อย่างน้อยวันนี้เธอก็ได้พบกับเพื่อนร่วมบ้านล่ะนะ พลางเดินไปยังห้องพักของตนเพื่อเก็บข้าวของต่าง ๆ ให้เรียบร้อย


ปลดล็อคพลังสายเลือด
[สื่อสารกับภูติผีปีศาจ]
(resoure)

แสดงความคิดเห็น

God
โปรดเคลียร์พื้นที่กระเป๋า  โพสต์ 2025-2-11 11:50
โพสต์ 9436 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-2-11 10:48
โพสต์ 9,436 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2025-2-11 10:48

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ -1 ย่อ เหตุผล
God -1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รองเท้าเซฟตี้
ดรีมแคชเชอร์
น้ำหอมสตรี
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x3
x5
x2
x4
x1
x1
x2
x3
x3
x4
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้