1234
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: God

[ฝั่งตะวันออกของเขตบ้านพัก] ทะเลสาบกลางค่าย

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-1-6 01:59:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Dean ตอบกลับเมื่อ 2025-1-4 00:21 272เคาท์ดาวน์ 31/12/2024 เวลา 20.56 น. แ ...
67. Countdown & strange dream

-31.12.24  /  08:56PM.-


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


หลังจากที่ไปทำธุระของตนเองมา พอตกค่ำที่อาทิตย์ยังอยู่เหนือขอบฟ้า แมคเคนซีกับดีนก็มาใช้เวลาคืนสุดท้ายของปีด้วยกันที่บ้านหมายเลข 20 แม้ว่าภายนอกจะยังสว่างไสวจากปรากฏการณ์ที่หลายคนเรียกกันว่า ‘รัตติกาลสาบสูญ’ แต่ภายในบ้านของบุตรธิดาแห่งเทพีเฮคาทีเป็นกลับเป็นเพียงหนึ่งในบ้านไม่กี่หลังที่มืดมิดราวกับอยู่ในห้วงราตรีกาล


แมคเคนซีที่หยิบตำราเวทย์ออกจากห้องสมุดมานั่งอ่านที่ห้องนั่งเล่นเหลือบมองคนหาวที่นั่งอยู่ข้างกายแล้วยิ้มเล็กน้อย


“ง่วงไวเหมือนเดิมนะ นอนตรงนี้สักตื่นก่อนไหม”


ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนต้นขาตนเอง ความจริงหากเป็นช่วงเวลาปกติดีนคงนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและอ้อมกอดอุ่น ๆ ของเขาบนเตียงในห้องนอนและหลับปุ๋ยไปแล้ว แต่วันนี้พวกเขามีสิ่งพิเศษอีกอย่างที่ต้องทำช่วงคืนสุดท้ายของวันสิ้นปีอยู่ หนุ่มบ้านโพไซดอนจึงจำเป็นต้องฝืนหนังตาตัวเองไว้…แต่ตอนนี้ดูท่าจะไม่ไหวเสียแล้ว


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“ได้เหรอ งั้นฉันนอนนะ”


เหมือนเป็นประโยคบอกเล่ามากกว่าประโยคขออนุญาต พูดจบดีนก็นอนลงมาที่ตักของเขาทันที แมคเคนซีหลุดขำเล็กน้อยกับนิสัยน่าเอ็นดูของอีกฝ่ายพลางส่ายศีรษะน้อย ๆ แล้วอ่านหนังสือในมือต่อ แต่ดูเหมือนคนง่วงจะง่วงไม่จริง ร่างใหญ่ ๆ ของดีนพลิกตัวไปมาจนดวงตาสีฮาเซลต้องหลุดโฟกัสจากข้อความในหนังสือมองลงมาอีกครั้ง มือข้างที่ว่างอยู่สอดสางเรือนผมหยักศกสีดำสนิทแล้ววางค้างไว้พลางใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบา ๆ ราวกับกำลังปรามเจ้าสุนัขตัวโตให้หยุดซุกซน


“ตำราเวทมนตร์น่ะสิ ได้คฑาเวทย์มาแล้วยังใช้ได้แค่ไม่กี่บทเอง ฉันไม่อยากเก็บไว้ให้เสียของ”


เมื่อถูกถามก็เลื่อนสายตามามองตำราเวทย์ในมืออีกครั้ง หน้ากระดาษเก่า ๆ ซึ่งเริ่มเหลืองตามกาลเวลาเต็มไปด้วยคาถาและคำอธิบายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเวทย์ที่ใช้ในการต่อสู้ ป้องกันรักษา รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวก สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกสำหรับแมคเคนซีคือเขาใช้เวลาทำความเข้าใจและจดจำคาถาเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือเตรียมสอบที่ต้องใช้เวลาทบทวนอย่างต่ำสองถึงสามรอบเสียอีก


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“ไม่หรอกน่า แค่เอาไว้ใช้ป้องกันตัวได้ก็พอ ฉันไม่อยากเผลอเอาคฑาเวทย์ไปตีหัวมอนสเตอร์อีก”


หนุ่มบ้านเฮคาทีคว้าข้อมือคนรักที่ขยี้ผมตนจนยุ่งเหยิงไว้ ที่บอกว่าตนยังไม่เก่งกาจไม่ใช่เรื่องเกินจริง เรื่องการต่อยตีแมคเคนซีจัดว่าเป็นคนมีฝีมือ แต่เรื่องการใช้เวทมนตร์คาถานั้นเขายังถือว่าตนเองอ่อนด้อยประสบการณ์และต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกมากนัก ซึ่งนอกจากการฝึกฝนในค่ายแล้ว การออกเดินทางไปหาประสบการณ์นอกค่ายก็นับเป็นหนึ่งในการฝึกฝนพลังเวทย์ที่ดี แม้จะเป็นผู้ใช้พลังเวทย์ได้แล้ว แต่แมคเคนซีก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินเวลาถูกเรียกว่า ‘พ่อมด’ อยู่ดี ยามได้ยินคำนี้ทีไร ใบหน้าของเด็กชายสวมแว่นตากรอบทรงกลมผู้มีแผลเป็นรูปสายฟ้าที่หน้าผากซึ่งเป็นตัวเอกวรรณกรรมเยาวชนชื่อดังก็มักจะผุดขึ้นมาในความคิดทุกครั้ง


“มัวแต่ซนอยู่นั่น จะนอนอยู่ไหม”


หรี่ตาลงมองดีนอีกครั้ง คลายมือจากข้อมืออีกฝ่ายมาบีบปลายจมูกโด่งเป็นสันของคนรักอย่างมันเขี้ยว


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“ทำอย่างกับฉันเป็นหมาไปได้ คนที่เป็นเจ้าหมาตัวโตน่ะนายต่างหาก”


ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่ก็วางมือลงบนฝ่ามือหนาของดีนดัง ‘แปะ’ 


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


ดวงตาสีฮาเซลมองการกระทำของคนรักไม่วางตา จนกระทั่งริมฝีปากสีนู้ดของอีกฝ่ายประทับลงกลางฝ่ามือก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย


“ทุกเวลาที่ว่าคือเวลาไหนบ้าง”


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


แมคเคนซีฟังสิ่งที่ดีนบอกด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน นิ้วหัวแม่มือกดไล้ไล่ไปตามริมฝีปากล่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนฝ่ามือมาวางทาบแก้มที่เริ่มมีไรหนวดขึ้นบาง ๆ ของคนรักอีกครั้ง จนกระทั่งดีนหลับไป เขาจึงเริ่มอ่านหนังสือต่ออีกครั้ง

.


.


.

-11:45PM.-


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


ท่ามกลางความเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงสั่นของสมาร์ทโฟนที่ดีนตั้งนาฬิกาปลุกไว้ทำให้แมคเคนซีรับรู้ได้ว่าเวลาล่วงเลยมาป่านนี้แล้ว ร่างที่ใช้ตักเขาหนุนนอนแทนหมอนเริ่มขยับตัวก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้างัวเงีย


“อืม…มันไม่มีอะไรทำนี่นะ นาน ๆ ทีจะมีสมาธิอ่านแบบนี้ด้วย”


แมคเคนซีปิดหนังสือที่อ่านไปได้ประมาณครึ่งเล่มลง อย่างที่บอก…ช่วงเวลาที่เขาจะจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือนั้นหาได้ยากยิ่ง แม้เป็นคนชอบอ่านหนังสือ แต่หลายครั้งหลายคราที่เมื่อเริ่มต้นอ่านได้ไม่นานก็จะถูกความง่วงเข้าครอบงำ ดีแค่ไหนแล้วที่วันนี้ยังครองสติไว้ได้ไม่หลับตามดีนไปเสียก่อน


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“โอเค ไปก็ไป”


เสียงที่ดังมาจากด้านนอกดูท่าจะดึงดูดความสนใจจากเจ้าหนูจำไมอย่างดีนได้ไม่น้อย แม้ไม่ได้สนใจแต่แมคเคนซีก็ไม่คิดจะขัดใจคนรัก จึงยอมออกจากบ้านไปแม้จะเป็นช่วงเวลาห้าทุ่มกว่าแล้วก็ตาม              


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“นั่นมัน…”


ทันทีที่ออกมาจากบ้าน ฝีเท้าของแมคเคนซีก็ชะงักค้างอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มจับจ้องไปยังท้องฟ้าสีดำสนิทที่ไม่เห็นมาร่วมสามเดือนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา หากกลางวันกลางคืนกลับมาเป็นปกติเช่นนี้แล้วก็แปลว่ามีคนทำภารกิจสำเร็จแล้วอย่างนั้นหรือ…ว่าแต่คนคนนั้นเป็นใครกัน


“หืม อื้อ…ใช่ ดีมาก นั่นสิ ดีมากเลย”


ท่ามกลางความสงสัย แมคเคนซีก็ถูกดีนที่ดีใจจนกระโดดโลดเต้นคว้ามือไว้จนเขาต้องหยุดความงุนงงเอาไว้แค่นั้นก่อน อย่างน้อยหากภารกิจนี้สำเร็จแล้วจริง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี และคนรักของเขาเองที่ถูกตั้งความหวังจากใครหลาย ๆ คนก็ไม่ต้องเหนื่อยอีก 


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“นายจะไปไหนน่ะดีน“


อยู่ ๆ ดีนที่กุมมือเขาไว้ก็บอกว่าจะพาไป ‘ที่ที่ดีกว่านี้’ จากนั้นเจ้าตัวก็วิ่งราวกับเจ้าหมาที่เห็นอะไรน่าสนใจแล้วลากเจ้าของที่จับสายจูงให้วิ่งตามจนกระทั่งมาถึงที่ทะเลสาบกลางค่าย แมคเคนซีมองภาพผืนน้ำที่สะท้อนแผ่นฟ้าและดวงดาวด้วยความทึ่งกับความสวยงามตรงหน้า


”เฮ้ เดี๋ยว นายจะทำอะไร ไม่เอา เดี๋ยวเปียก“


ดูท่าว่าคนรักของเขาจะคิดอะไรที่ขึ้นมาได้ ฝ่ามือใหญ่ออกแรงลากแมคเคนซีอีกครั้งซึ่งคราวนี้จุดมุ่งหมายคือในทะเลสาบ แล้วใครจะอยากลงไปเล่นน้ำในเวลานี้กัน บุตรแห่งเฮคาทีพยายามฝืนรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินตาม แต่สุดท้ายก็ถูกดีนพาลงไปในน้ำจนได้


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


แล้วก็ผิดจากที่คาดมากทีเดียว จากที่คิดว่าจะต้องเปียกโชกแน่ ๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเดินอยู่เหนือผืนน้ำราวกับเดินบนพื้นที่ปูฟูกอยู่


“นายใช้พลังงั้นเหรอ ให้ตายสิ ฉันตกใจแทบแย่”


ตีไหล่คนที่กำลังหัวเราะไปทีนึงก่อนจะหัวเราะตามไปด้วย ชั่วระยะเวลาไม่นานดีนก็สามารถควบคุมพลังของตนเองได้ขนาดนี้แล้ว ช่างเป็นคนที่น่าภาคภูมิใจจริง ๆ แมคเคนซีเดินตามคนรักมาจนถึงเกือบถึงกลางทะเลสาบ เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าและก้มลงมองผืนน้ำแล้ว ราวกับทั้งสองสิ่งนี้ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาในตอนนี้เหมือนกำลังยืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าพร่างดาวอันไม่มีจุดสิ้นสุด เป็นหนึ่งในภาพที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


เสียงนาฬิกาปลุกดึงความสนใจจากทั้งคู่ที่กำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติตรงหน้า เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็เหลืออีกสิบวินาทีสุดท้ายก่อนจะเข้าปีใหม่


“โอเค…สิบ.. เก้า.. แปด.. เจ็ด.. หก.. ห้า.. สี่.. สาม.. สอง.. หนึ่ง !”


แมคเคนซีร่วมนับถอยหลังเคาน์ดาวน์ไปกับดีน ดวงตาสีฮาเซลจับจ้องคนตรงหน้าขณะนับเลขไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นจุดสิ้นสุดของปีจนกระทั่งเข็มบนหน้าปัดนาฬิกาเริ่มต้นเข้าสู่ปีใหม่ เขาก็ยังอยากเห็นคนคนนี้อยู่ในสายตาทุกวินาที


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


ปัง ! ปัง !! ปัง !!!


เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งค่ายจนแมคเคนซีสะดุ้งตกใจ แต่เมื่อเห็นประสายแสงที่กระจายบนฟากฟ้าแล้วจึงได้รู้ว่าเสียงอันน่าพรั่นพรึงนั่นคือพลุที่ถูกใครสักคนจุดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ หาใช่เสียงอาวุธที่ใช้ก่อศึกสงครามแต่อย่างใด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงแรงบีบที่มือขึ้นมา


“ดีน นายเป็นอะไร…”


แมคเคนซีมองอาการคนรักด้วยความสงสัย อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองพลุสักดอกเลยด้วยซ้ำ มือที่กุมมือของเขาเริ่มชื้นเหงื่อ หรืออาจเป็นเพราะว่า…


“โธ่ ที่รัก นายกลัวพลุงั้นเหรอ ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไร นายโอเคไหม”


แมคเคนซีรู้สึกได้ว่าพื้นน้ำที่ดีนควบคุมอยู่เริ่มสั่นกระเพื่อมเล็กน้อยคงเพราะมาจากอาการหวาดกลัวของเจ้าตัว เขาค่อย ๆ โอบกอดร่างที่สั่นเทาของคนรักไว้ พูดเสียงเนิบนาบพลางลูบแผ่นหลังกว้างช้า ๆ เพื่อปลอบประโลม จะว่าบาปก็ได้…แต่เวลานี้อีกฝ่ายช่างเหมือนเจ้าหมาที่พร้อมเตลิดเปิดเปิงได้ทุกเมื่อเวลาได้ยินเสียงพลุในช่วงเทศกาลชะมัด


[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]


“งั้นเหรอ ไม่เป็นอะไรมากก็ดี ฉันนึกว่านายจะกลัวจนแพนิคซะอีก”


ถึงดีนจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ท่าทางเมื่อครู่ของอีกฝ่ายก็ดูน่าเป็นห่วงไม่ใช่น้อย แมคเคนซีจึงคอยกอดและลูบหลังพลางสังเกตอาการต่อจนแน่ใจว่าคนรักของเขาเริ่มสงบลงแล้วจริง ๆ


“สวัสดีปีใหม่ดีน รักนายเช่นกันที่รัก หวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของเราอย่างที่นายบอก”


ริมฝีปากระบายรอยยิ้มก่อนโน้มใบหน้าได้รูปลงรับจุมพิตหวานล้ำจากอีกฝ่ายซึ่งถือเป็นจูบแรกของปี หางตาเหลือบเห็นกลีบดอกกุหลาบโปรยปรายอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบ ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีนเตรียมมาเซอร์ไพรส์อีกอย่างหรือว่ามีเทพหรือเทพีองค์ใดเป็นสปอนเซอร์อยู่เบื้องหลังกันแน่ แต่เขาคิดว่ามันเพอร์เฟ็กต์นะ เป็นการเคาน์ดาวน์ปีใหม่ที่น่าจดจำปีนึงทีเดียว

.


.


.

หลังจากพลุดอกสุดท้ายกระจายเต็มท้องฟ้า สีแห่งประกายไฟค่อย ๆ กลายเป็นละอองจางหายไปในอากาศ ท้องฟ้าของค่ายฮาล์ฟบลัดก็กลับมาสว่างดังเดิม…หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายก็คือปรากฏการณ์รัตติกาลสาบสูญยังคงอยู่ ซึ่งแมคเคนซีและดีนมาได้ยินชาวค่ายพูดคุยกันระหว่างเดินกลับมาจากทะเลสาบว่ามีคนเห็นเทพโดลอสปรากฏตัวที่เนินเขาหน้าประตูค่ายและใช้มนตร์มายาสร้างโดมปกคลุมค่ายฮาล์ฟบลัดเอาไว้ให้อยู่ในสภาวะมืดมิดไปชั่วขณะเพื่อที่จะได้จุดพลุเฉลิมฉลองในวันปีใหม่ พอรู้ความจริงเช่นนี้แล้วก็หายสงสัยเป็นปลิดทิ้ง คราวนี้ก็ถึงเวลากลับบ้านเฮคาทีซึ่งเป็นสถานที่มืดมิดของจริงโดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์ใด ๆ ช่วย และเข้านอนกันเสียที

.


.


.

-01.01.25   ??:??AM.-


‘……….’


เสียงบางอย่างราวกับเสียงบทสวดที่จับใจความไม่ได้ปลุกให้แมคเคนซีลืมตาตื่น เมื่อมองรอบ ๆ กลับไม่ใช่ห้องนอนในบ้านหมายเลข 20 ที่คุ้นเคย ตรงหน้าของเดมิก็อดหนุ่มสายเลือดเฮคาทีมีเด็กชายอายุวัยสิบปีต้น ๆ สภาพอิดโรยถูกโซ่มัดพันธนาการร่างอยู่ตรงกลางแผ่นหินที่เหมือนกับแท่นบูชาอะไรสักอย่าง


รอบแท่นบูชานั้นมีกลุ่มคนแต่งกายด้วยชุดแปลกประหลาด เป็นผ้าคลุมสีเข้มกรอมเท้าสวมฮู้ดอำพรางปิดบังจนเห็นใบหน้าไม่ชัด ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เสียงท่องบทสวดด้วยภาษาแปร่งหูก็ยิ่งชัดเจนขึ้น


‘ฮึก !’


เด็กชายที่อยู่บนแท่นบูชาดิ้นทุรนทุรายราวกับเจ็บปวด ร่างกายอันบอบบางเริ่มมีแสงบางอย่างเปล่งประกายออกมา


 ‘พวกคุณทำอะไรกัน ! หยุดก่อน !’


ไม่รู้ว่าบทสวดที่เขาได้ยินนั้นมีความหมายว่าอะไร แต่ดูแล้วน่าจะส่งผลที่ไม่ดีต่อเด็กชายเป็นแน่ แมคเคนซีจึงตัดสินใจเดินเข้าไปห้าม แต่กลับไม่มีใครในที่นั้นสนใจราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ เมื่อมองไปยังร่างบนแท่นบูชาอีกครั้งก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ตามร่างของเด็กชายมีสิ่งที่เหมือนกับเกล็ดงูปรากฏขึ้นมาตามผิวหนัง สภาพร่างกายเริ่มดูอ่อนล้าเต็มที ในวินาทีที่ดวงตาอันอิดโรยสบเข้ากับดวงตาสีฮาเซลของแมคเคนซี น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลลงมาจากหางตาของดวงหน้าอ่อนวัยนั้น


‘ช่วย….อ้ากกกกก !!’


เสียงกรีดร้องของเด็กชายดังลั่น แมคเคนซีรีบคว้าไหล่หนึ่งในกลุ่มคนแต่งกายประหลาดแล้วเขย่าเต็มแรง


‘หยุด ! หยุดได้แล้ว ผมบอกให้หยุดไง !’

.


.


.

“หยุด !”


“แมคซี่ นายเป็นอะไร !”


แมคเคนซีลืมตาโพลงแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง ดวงตาสีฮาเซลมองสำรวจรอบ ๆ พลางหายใจหอบด้วยความตื่นตระหนก ที่นี่คือห้องนอนของเขา…ห้องนอนในบ้านหมายเลข 20 และคนที่อยู่ข้าง ๆ ตอนนี้ก็คือดีนที่มองมาทางเขาด้วยสายตาตกใจระคนเป็นห่วง


“ไม่…ไม่เป็นไร ฉันแค่ฝันร้าย ขอโทษที่ทำให้นายตื่นนะดีน”


ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าชื้นเหงื่อ พอดีนได้ยินเช่นนั้นก็กอดเขาเอาไว้แล้วลูบหลังเบา ๆ ก่อนจูบที่ขมับเพื่อปลอบประโลม


“นายฝันร้ายรับปีใหม่เลยเหรอเนี่ยที่รัก อยากเล่าให้ฉันฟังไหมว่านายฝันว่าอะไร”


“ฉัน…จำไม่ค่อยได้แล้ว เรานอนต่อกันเถอะ”


เขาบอกเสียงแผ่วแล้วเปลี่ยนเรื่องด้วยยังไม่อยากเล่าเรื่องที่จะทำให้คนรักไม่สบายใจ ก่อนจะดันร่างดีนให้นอนลงแล้วจึงนอนตามจากนั้นก็พาดแขนกอดอีกฝ่ายไว้ ด้วยความที่ง่วงเป็นทุนเดิม ไม่นานนักดีนก็หลับไป 


“………”


แมคเคนซีนอนมองเพดานเงียบ ๆ ภาพเด็กชายที่มองมาทางเขายังคงติดตา แม้จะเป็นความฝันแต่กลับเหมือนจริงจนน่าตกใจ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่คืออะไร อาจเป็นเพียงความฝันเพียงเท่านั้นก็เป็นได้ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้แมคเคนซีใช้เวลาขบคิดเป็นค่อนคืนก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความง่วงงุน




สรุปเหตุการณ์   แมคเคนซีฝันถึงเหตุการณ์ประหลาดในคืนวันปีใหม่


@God 

แสดงความคิดเห็น

God
จะฝันเรื่อย ๆ วนเวียนมาทุกๆ 2 วันจนกว่าจะไปปรึกษากับเรเชล   โพสต์ 2025-1-6 09:36
โพสต์ 125033 ไบต์และได้รับ 60 EXP!  โพสต์ 2025-1-6 01:59
โพสต์ 125,033 ไบต์และได้รับ +20 EXP +35 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก เวทมนต์ [II]  โพสต์ 2025-1-6 01:59
โพสต์ 125,033 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-1-6 01:59
โพสต์ 125,033 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2025-1-6 01:59
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2025-2-10 19:44:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Leoric เมื่อ 2025-2-10 19:47

Leoric
Hwang
RESPECT ALL, FEAR NONE
วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 9.30 - 10.20 น.

หลังจากส่งสาส์นไปถึงมารดาเสร็จเรียบร้อย ลีโอริคก็เดินตามแผนที่ออกมายังทะเลสาบเพื่อที่จะเริ่มต้นเรียนวิชาภาษากรีกโบราณ แต่ตอนที่เขาเดินทางมาถึงสถานที่แห่งนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเริ่มเรียนนัก เพราะฉะนั้นจึงได้มีเวลาสำรวจสถานที่โดยรอบไปพลาง ๆ เสียก่อน และเด็กหนุ่มก็พบว่า บรรยากาศที่นี่ดีเกินกว่าจะใช้เป็นห้องเรียนเสียด้วยซ้ำ บางทีในวันหยุดก็น่าจะเตรียมของมาปิคนิค หรือไม่ก็พายเรือเล่นอะไรแบบนั้น

เขารู้สึกตัวอีกทีว่าใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้วก็เพราะบรรดาเด็กภายในค่ายค่อย ๆ ทยอยเดินกันเข้ามาภายในบริเวณ จึงละความสนใจไปจากผืนน้ำเบื้องหน้า และเริ่มมองหาที่นั่งดี ๆ ที่สามารถได้ยินคำสอนชัดเจน และจดบันทึกได้อย่างถนัดถนี่ จากนั้นจึงค่อยนั่งลงและเตรียมนำสมุดเปล่าพร้อมกับเครื่องเขียนขึ้นมา

ผู้สอนเดินตรงเข้ามาที่ด้านหน้าในช่วงเวลาที่นาฬิกาบ่งบอกว่าเป็นเวลา 9.30 น. เป๊ะ ๆ ก่อนที่จะเริ่มแนะนำตัวว่า รีเบ็คก้า แม็กเคลน ลีโอริคไม่คิดว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนหรอก แต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะกว่าจะได้รับการทดสอบ ก็น่าจะต้องเรียนกับเธออย่างต่ำ 4 คาบ หรืออาจจะนานกว่านั้น ถ้าโรคที่เขาเป็นนั้นสร้างอุปสรรค

ได้ยินมาอยู่แล้วบ้างว่า ในบางคาบเรียนอาจจะมีการบ้าน แต่เจ้าตัวก็อดที่จะหวังอยู่ในใจไม่ได้ว่า ขอให้ไม่ใช่ตั้งแต่วันแรกแบบนี้

รีเบ็คก้าเริ่มต้นแนะนำว่า วิชาที่เราจะเรียนกันในวันนี้เป็นภาษาที่ใช้กันในยุคกรีกโบราณ และกรีกคลาสสิค บางทีอาจจะตั้งแต่ยุคสมัยอารยธรรมเมดิเตอเรเนียนเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเป็นเรื่องราวตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลเสียอีก ดวงตาของผู้เรียนเบิ่งโพลงขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้รับรู้ถึงความเก่าแก่ของมัน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรหรอก ก็เหล่าเทพนั้นอยู่กันมายาวนานตั้งกี่ปีกันล่ะ

ถ้าเรียนเข้าใจ ก็จะสามารถสื่อสารกับพระมารดาได้ดีขึ้นใช่ไหมนะ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เรียวนิ้วจึงขยับไวขึ้นกว่าเดิมเพื่อบันทึกข้อความที่ผู้สอนได้กล่าว ในวันแรกนัก เนื้อหาล้วนไม่พ้นการฟังเรื่องราวของประวัติศาสตร์ และเริ่มเรียนรู้ตัวอักษาที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บางตัว เช่น แอลฟา บีตา หรือว่า แกมมา มันเป็นทั้งตัวแปรที่ใช้ในเชิงคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ไปจนกระทั่งชื่อของรังสีในวิชาเคมี แม้ว่าลายมือของตนจะไม่ได้สวยงามนัก แต่ลีโอริคก็พยายามที่จะคัดตามให้เหมือนต้นแบบของตัวพิมพ์และตามที่รีเบ็คก้าสอนให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว ตัวแปลก ๆ ที่เกิดมาไม่เคยได้ยินมาก่อนก็โผล่มาอีกเพียบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าชื่อของมันก็ดูเท่ดี เช่น ตัวที่มีรูปร่างเหมือน E ที่อ่านว่า เอปซิลอน เอปไซลอนอะไรสักอย่าง ชื่ออย่างกับไอเท็มอาวุธในเกมหรืออะไรสักอย่าง

ช่วงเวลา 50 นาทีผ่านไปอย่างแช่มช้า มาถึงตอนนี้ลีโอริคก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมตนถึงไม่ป่วยเป็นอีกโรคหนึ่งของเดมิก็อดแทนสมาธิสั้น แต่มันชื่อโรคอะไรแล้วนะ และพอตนสมาธิหลุดไปในช่วงท้ายก็เลยทำให้คัดลอกท่อนหนึ่งของมหากาพย์อีเลียดได้ไม่ทัน เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยไปสอบถามเอาจากรุ่นพี่ในภายหลัง หรือไม่ก็ภาวนาถามแม่หลังเลิกเรียนอะไรแบบนั้น

"เอาล่ะ วันนี้เนื้อหาของเราจะมีเท่านี้ มีใครมีคำถามหรือไม่เข้าใจอะไรตรงไหนไหมคะ"

อยากตอบจังเลยว่า ทั้งหมด แต่ก็เกรงใจ เอาไว้กลับไปที่บ้านพักแล้วลองศึกษาเพิ่มเติมดูดีกว่า คลาสเรียนรอบหน้าจะได้ได้เรื่องได้ราวมากกว่านี้

นักเรียนบางส่วนเริ่มต้นถามคำถาม บ้างก็พูดข้อความเป็นภาษาโบราณได้อย่างคล่องแคล่ว สร้างความประหลาดใจให้กับเด็กหนุ่มเป็นอันมาก กระนั้นแล้วคำถามเหล่านั้นก็ล้วนเป็นประโยชน์ เขาจึงบันทึกทุกอย่างลงไปในสมุดโน้ตความตั้งใจและรวดเร็ว

เมื่อไม่มีคำถามใดเพิ่มเติมอีกแล้ว ครูผู้สอนจึงอนุญาตให้ทุกคนเลิกคลาสได้ เขาจึงเริ่มต้นเก็บของด้วยสภาพไร้วิญญาณทันที ทำไมเพิ่งผ่านไปแค่วิชาเดียวก็เหมือนว่าจะตายแบบนี้นะ รู้สึกเสียชื่อของมารดาชะมัดเลย
หมายเหตุ
เรียนภาษากรีกโบราณ ครั้งที่ 1/4 𓆩†𓆪 +10 EXP , +20 ความกล้า
ทะเลสาบ

แสดงความคิดเห็น

God
การบ้านภาษากรีกคาบที่ 1 (ส่งคาบหน้า) (  โพสต์ 2025-2-10 20:23
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-2-10 20:21
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-2-10 20:21
โพสต์ 11646 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-2-10 19:44
โพสต์ 11,646 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2025-2-10 19:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอกกรีก
ยาดม
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
น้ำหอมบุรุษ
ต่างหูเงิน
อัจฉริยะ
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x4
x5
x4
x1
x1
x1
x2
x4
x2
x22
x4
โพสต์ 2025-2-13 20:58:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด



Paige Yoo


Feb, 13 2025 | 10.30 am

หลังจากจบคาบเรียนของดาบและโล่แล้ว เพจก็เดินยืดเส้นยืดสายไปตามทาง
เดิน หากคิดว่าจะได้พักแล้ว ทว่ากลับยังมีวิชาเรียนภาษากรีก ที่เป็นวิชาพื้นฐาน
สำคัญ สำหรับลูกครึ่งเทพอย่างเธอ เพราะภาษากรีกโบราณมักจะถูกใช้ใน
เวทมนตร์ คำสาป รวมถึงจารึกต่าง ๆ ไม่เคยเห็นภาษากรีกมาก่อนแบบชัด ๆ

ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นภาพถ่ายจากหนังสือและตำราต่าง ๆ ที่เคยช่วยพ่อหาข้อมูลในการเขียนหนังสือ แม้รู้ว่าเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและมีอักษรรูปร่างแปลก ๆ ที่ไม่
เหมือนภาษาที่เธอเคยเรียนรู้มาก่อน

สถานที่เรียนของคลาสนี้เป็นทะเลสาบที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเขตบ้านพัก เพจ
เดินตามแผนที่ไปจนกระทั่งเห็นทะเลสาบเล็ก ๆ ซึ่งเหมาะกับการมาพักผ่อนเป็น
อย่างมาก น่าอากาศก็น่านอนสักหน่อย ชาวค่ายบางส่วนมาถึงคลาสเรียนแล้ว
เพจจึงรีบหาที่นั่งว่าง เพื่อเริ่มต้นการเรียน

“ยินดีต้อนรับเด็กใหม่ทุกคน ฉันรีเบ็คก้า แม็กเคลน ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ เอาล่ะ
วันนี้เราจะมารู้จักตัวอักษรกรีกพื้นฐานกัน ซึ่งมีทั้งหมด 24 ตัว”
ครูสาวกล่าว
พลางแจกกระดาษที่มีตัวอักษรกรีกพื้นฐาน

บางตัวเคยเห็นมาบ้าง แต่บางตัวก็ทำเอาเพจขมวดคิ้วเช่นกัน

“ทุกคนต้องรู้จักตัวอักษรพวกนี้เอาไว้ จึงจะอ่านและเขียนได้ มาลองออกเสียง
ตามครูนะ – อัลฟ่า”


“อัลฟ่า” ทุกคนในคลาสออกเสียงพร้อมกัน

รีเบ็คก้าพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วเริ่มอ่านตัวถัดไป

“เบต้า”

“เบต้า”

เพจพยายามตั้งใจฟังและออกเสียงตาม บางตัวออกเสียงตามง่าย แต่บางตัวก็
ฟังดูไม่คุ้นเอาซะแล้ว เช่น ตัวแกมม่า ที่ต้องออกเสียงผสมให้ถูก การสอนออก
เสียงยังดำเนินต่อไป บางตัวที่เพจคิดว่ามันยาก ก็ไม่ลืมที่จะจดบันทึกเอาไว้ใน
สมุดของตน

กระทั่งมาถึงตัวอักษรตัวสุดท้าย “โอเมก้า” คิ้วเรียวของเพจขมวดกันเป็นปม
เพราะเคยได้ยินคำนี้ที่มักจะมาคู่กัน อย่าง อัลฟ่าโอเมก้า

และดูเหมือนว่าครูสาวจะสังเกตเห็นท่าทีของนักเรียนสาวคนใหม่

“ใช่แล้วล่ะ โอเมก้าเป็นตัวสุดท้ายของภาษากรีก ซึ่งบางครั้งก็ใช้เป็นสัญลักษณ์
ของการสิ้นสุด”


หลังจากที่ครูสาวปล่อยให้นักเรียนฝึกอ่านตัวอักษรกรีกซ้ำอีกรอบและคอยช่วย
เหลืออยู่ห่าง ๆ สักพักใหญ่รีเบ็คก้าก็ปรบมือเพื่อเรียกความสนใจจากเด็ก ๆ ใน
คลาส

“เอาล่ะทุกคน วันนี้ทุกคนทำได้ดีมาก อย่าลืมกลับไปฝึกอ่านตัวอักษรและ
ทำความรู้จักกันมันเยอะ ๆ ล่ะ ไว้เจอกันคาบหน้านะจ๊ะ”


ทุกคนในคลาสทยอยกันลุกออกไป รวมถึงเพจที่ยังมึนกับตัวอักษรกรีกอยู่ภายใน
หัว เธอเก็บกระดาษและสมุดลงใส่ในกระเป๋า ก่อนจะพบว่าได้เวลากินข้าวแล้ว
สองเท้าจึงเดินไปยังโรงอาหารเพื่อเติมพลัง

วันนี้จะมีอะไรอร่อย ๆ บ้างนะ ..


คลาสเรียนภาษากรีก ครั้งที่ 1
รางวัลเข้าชั้นเรียน: +10 EXP , +20 ความกล้า ✡
(resoure)

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9112 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-2-13 20:58
โพสต์ 9,112 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +2 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2025-2-13 20:58
โพสต์ 9,112 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ดรีมแคชเชอร์  โพสต์ 2025-2-13 20:58
โพสต์ 9,112 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ 2025-2-13 20:58
โพสต์ 9,112 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก สื่อสารกับภูตผีปีศาจ  โพสต์ 2025-2-13 20:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รองเท้าเซฟตี้
ดรีมแคชเชอร์
น้ำหอมสตรี
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x3
x5
x2
x4
x1
x1
x2
x3
x3
x4
x3
โพสต์ 2025-2-13 21:40:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Leoric เมื่อ 2025-2-13 21:41

Leoric
Hwang
RESPECT ALL, FEAR NONE
วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 8.00 - 12.00 น.

ยังคงเหลือเวลาอีกพักใหญ่ ๆ ก่อนที่คาบเรียนวิชากรีกโบราณจะเริ่มต้นขึ้น ลีโอริคจึงเดินทางกลับจากเตาไฟบูชาเทพด้านหน้ามายังบ้านพักหมายเลข 6 อีกครั้ง แต่ไม่ได้ตรงกลับเข้าไปยังส่วนห้องนอน หากแต่หยิบสมุดจดของรายวิชาดังกล่าวมานั่งลงในบริเวณของโถงแห่งปัญญา การมองรูปปั้นของมารดาไปด้วยระหว่างทำการบ้านก็เหมือนได้รับกำลังใจนั่นแหละ เบื้องหน้าของเขามีสมุดบันทึกของรายวิชาดังกล่าว ซึ่งมันก็เขียนหัวข้อหราเอาไว้ว่า การบ้านคาบเรียนครั้งที่ 1 | วิชาภาษากรีกโบราณ

ข้อที่ 1 เขียนชื่อเล่น/ชื่อจริงของคุณเป็นภาษากรีก
ข้อที่ 2 หาคำศัพท์กรีกที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน 5 คำศัพท์

เขาลุกขึ้นอีกครั้งแล้วตรงไปยังชั้นวางหนังสือที่เรียงอยู่ริมผนังห้อง ไล่ทั้งสายตาและเรียวนิ้วไปตามสันหนังสือทีละเล่ม พยายามทำความเข้าใจถึงหมวดหมู่ของการจัดวาง จากนั้นจึงค่อยเริ่มต้นมองหาหมวดหมู่ทางด้านภาษา ซึ่งก็ค้นเจอหลายหลากภาษาแทบที่จะจินตนาการได้ออกบนโลกใบนี้ และหนังสือกรีกก็ไม่ได้หายาก เพราะที่นี่ใกล้ชิดกับเทพและเทพีกรีกที่สุดแล้ว ลีโอริคเลือกหยิบออกมา 1 เล่มที่ดูเป็นหนังสือเบื้องต้นสำหรับคนที่เพิ่งศึกษาก่อนที่จะเปิดออกอ่านโดยคร่าว

"ทำอะไรอยู่เหรอ" เสียงไม่คุ้นหูดังขึ้น เงยหน้ามองกลับพบว่าเป็นรุ่นพี่เพื่อนร่วมบ้านคนหนึ่ง จึงรีบคลี่ยิ้มส่งไปให้พร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อยตามมารยาทเพื่อที่จะทักทาย

"สวัสดีครับ ผมกำลังพยายามทำการบ้านวิชากรีกเบื้องต้นอยู่น่ะ" เด็กหนุ่มตอบกลับไปพลางดันสมุดจดไปด้านหน้าเพื่อให้หญิงสาวผู้นั้นได้เห็นข้อความที่เขียนอยู่อย่างเด่นชัด

"นายลองเปิดตารางเทียบเอา มันน่าจะไวกว่านั่งอ่านทั้งเล่มแบบนั้นนะ หรือว่าถ้าอยากเตรียมความพร้อมก่อนเรียนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่มันไม่ยากเกินความสามารถของเด็กบ้านเราแน่ ๆ เอาล่ะ นายก็พยายามเข้านะ ฉันเองก็จะไปที่สนามฝึกซ้อมแล้ว" ทั้งคู่อำลาจากกันในลักษณะนั้น ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะทักทายถามชื่อหรือทำความรู้จักด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาอาศัยอยู่ที่ค่ายแห่งนี้อีกนาน อย่างไรก็คงมีโอกาสได้พบเจอหน้ากันอีกเป็นแน่

บุตรแห่งอาธีน่าก้มหน้าลงกลับไปให้ความสนใจหนังสือในมืออีกครั้ง มองหาตารางเทียบระหว่างตัวอักษรกรีก และตัวอักษรภาษาอังกฤษ ก่อนที่จะเริ่มต้นคัดลอกลงไปทีละตัว แล้วเขาก็ตัดปัญหาที่ตัวสะกดของชื่อเข้าจนได้

ตัว C ถือว่าเทียบเท่ากับตัวแกมม่าได้หรือเปล่านะ

เสียงพลิกกระดาษดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่เขาพยายามค้นหาความรู้เพิ่มเติม แต่แทนที่จะได้ตัวเทียบเท่า กลับได้ความรู้ว่า ในภาษาของกรีกนั้นนิยมใช้ตัว K มากกว่า C เสียอีก เพราะฉะนั้นจึงได้ยินยอมแปลงชื่อตนเองเสียเล็กน้อย และหวังว่าผู้สอนจะยินยอมอนุโลมให้ล่ะนะ

เงยหน้ามองอีกครั้งพบว่าเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ชั้นเรียนจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ร่างสูงจึงลุกขึ้นจากโซฟา จัดเรียงหนังสือทุกเล่มที่หยิบยืมลงมาจากชั้นกลับคืนสู่ที่เดิม เริ่มต้นเก็บเครื่องเขียนและสมุดการบ้านที่ทำเสร็จสิ้นแล้วขึ้นมา แล้วจึงค่อยออกเดินทางไปยังทะเลสาบเพื่อที่จะเริ่มต้นเรียนวิชากรีกโบราณทันที

บรรยากาศของสถานที่เรียนยังคงสวยงามเช่นเคย ลีโอริคมองหาที่ว่างเพื่อนั่งลง แล้วหลังจากนั้นอีกไม่นาน ครูผู้สอนก็เดินตรงเข้ามาเบื้องหน้า "Καληµέρα σας (อรุณสวัสดิ์)" คราวนี้เธอเริ่มใช้คำทักทายเป็นภาษากรีกแล้ว เนื่องจากในคาบเรียนที่แล้วได้มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับคำทักทายไปบ้างแล้ว

Γεια เป็นคำทักทายแบบง่าย ๆ เหมือนกับคำว่า Hi ใช้พูดกับเพื่อน ๆ
Γεια σου ก็ใช้สวัสดีเหมือนกัน แต่ใช้ทักทายคนเพียงคนเดียว หากเราจะทักทายคนที่มากกว่า 2 คนขึ้นไปให้ใช้ว่า Γεια σας แทน

ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในสมุดจดหน้าที่แล้ว คงเหลือแค่การพยายามออกเสียงให้ถูกต้องเท่านั้น ย้า / ย้าซู / ย้าซาส อะไรประมาณนั้น

"การบ้านจากเมื่อคาบที่แล้ว มีใครยังไม่ได้ทำไหม ส่วนคนที่ทำเสร็จแล้ว ให้นำมาส่งได้ตอนท้ายคาบนะจ๊ะ" รีเบ็คก้ายังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดีเช่นเคย ลีโอริคเดาเอาเองว่า เธอคงจะให้เวลาใครก็ตามที่ยังไม่ได้ทำ อาศัยช่วงเวลาตอนเรียนนี้แหละ ในการทำให้มันเสร็จ

"เอาล่ะ วันนี้เรามาเริ่มเรียนประโยคง่าย ๆ ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตจริงต่อจากบทเรียนที่แล้วกันดีกว่า อย่างน้อยวันนี้ทุกคนก็จะได้แนะนำตัวเองเป็นกันนะ"

Γεια σας. Το όνοµά µου είναι
η ชื่อของตัวเอง. Ποιο είναι το όνοµά σου;

สวัสดี ฉันชื่อ ... คุณชื่ออะไร

รูปประโยคที่เป็นภาษาสากลของเราฟังดูง่าย แต่พอเป็นภาษากรีกแล้ว ทำไม่มันดูยากจัง ทั้งประโยคเหมือนจะอ่านออกแค่ ยา ซาส ที่แปลว่า สวัสดีเลย

Χαιρω πολυ. แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก เคโระ โปลิ่ อันนี้สั้นหน่อย น่าจะพอจดจำได้อยู่บ้าง

ประโยคพื้นฐานยังคงถูกยกตัวอย่างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อตอนไหนที่ไม่สามารถจดได้ทันก็ยกมือขึ้นเพื่อขอเวลาจดเพิ่มเติม ซึ่งแม้จะตั้งใจจดเนื้อหาตลอดคาบ แต่ด้วยระยะเวลาเรียนประจำวันนี้ยาวนานกว่าเมื่อวันจันทร์ ก็เลยอดที่จะปิดปากหาวหวอดไปหลายรอบไม่ได้ จนกระทั่งในที่สุด เสียงสัญญาณบอกเวลาเที่ยงก็ดังขึ้น และลีโอริคก็เริ่มคิดว่า ตนอาจจะต้องตรงไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรทานก่อนที่จะกลับบ้านไปทำการบ้านต่อเสียด้วยซ้ำ

"เอาล่ะจ้า วันนี้พอแค่นี้ สำหรับใครที่ทำการบ้านเสร็จแล้ว เอามาส่งตรงนี้ แล้วก็แยกย้ายได้เลยนะ" ครูผู้สอนกล่าวอีกครั้งในขณะที่นักเรียนแต่ละคนก็เริ่มทยอยลุกขึ้นและนำการบ้านไปส่ง แน่นอนว่าลีโอริคเองก็เช่นเดียวกัน

ลิ้งก์การบ้าน : Click!
หมายเหตุ
เรียนภาษากรีกโบราณ ครั้งที่ 2/4 𓆩†𓆪 +10 exp, +20 ความกล้า (+15 exp การบ้าน)
ทะเลสาบ

แสดงความคิดเห็น

God
การบ้านภาษากรีกคาบที่ 2 - (+2 LUK) (ดูใน PM)  โพสต์ 2025-2-13 22:39
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-2-13 22:37
God
คุณได้รับ 25 EXP โพสต์ 2025-2-13 22:37
โพสต์ 15089 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-2-13 21:40
โพสต์ 15,089 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก หอกกรีก  โพสต์ 2025-2-13 21:40
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอกกรีก
ยาดม
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
น้ำหอมบุรุษ
ต่างหูเงิน
อัจฉริยะ
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x4
x5
x4
x1
x1
x1
x2
x4
x2
x22
x4
โพสต์ 2025-2-25 13:12:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด


25/02/25 13.10 น. - xx.xx น.


บทที่ 54


คูเปอร์ ถอนหายใจเป็นรอบที่สิบได้แล้วนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ และใช่ เขากำลังคิดว่าตัวเองไม่น่าตกปากรับคำชวนเลย  

แน่นอนว่าเขาชอบทะเลสาบ มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในค่ายฮาล์ฟบลัด มีลมเย็นสบาย พื้นหญ้านุ่มกำลังดี ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด นี่ก็คงเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการมานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือเอนตัวลงแล้วปล่อยให้ความวุ่นวายของโลกภายนอกกลายเป็นเพียงเสียงขับกล่อมเบา ๆ จากธรรมชาติ  

แต่สิ่งที่รอเขาอยู่ในวันนี้ดูจะไม่ใช่แค่การนั่งมองน้ำเงียบ ๆ  

เขาเพิ่งผ่านวันวาเลนไทน์มาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ดี ตอนแรกคิดว่าเรื่อง ‘Blind Date’ คงจบลงไปแล้ว ทว่าอยู่ ๆ รุ่นพี่ไลแซนเดอร์ ก็มาชวนเขาเดตอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาพยายามจะบ่ายเบี่ยง แต่สุดท้ายก็ตกลงไปโดยไม่รู้ตัว  

ให้ตายสิ นี่มันเรื่องบ้าอะไร” คูเปอร์พึมพำกับตัวเอง ขณะก้าวเข้าไปในบริเวณริมทะเลสาบ  

แล้วสายตาของเขาก็ต้องชะงัก  

เขาเห็นแสงไฟสีฟ้าอ่อนประดับอยู่ในโดม ดอกกุหลาบสีน้ำเงินเรียงตัวอยู่ตามแนวโค้งของทางเข้า จากด้านนอกเห็นโต๊ะที่ปกคลุมไปด้วยผ้าขาวโปร่ง บรรยากาศทั้งหมดให้ความรู้สึกโรแมนติก ลึกลับ และ..

โอเค นี่มัน ‘มากเกินไป’ แล้ว  

เขากะพริบตา มองไปยังโดมน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบ ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์ เจ้าของไอเดียทั้งหมดนี้ กำลังนั่งอยู่ด้านใน ราวกับรอคอยให้เขาก้าวเข้าไป  

คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง  

“พระเจ้า… นี่มันจะเป็นเดตแบบไหนกันแน่”


คูเปอร์ขมวดคิ้ว มองบรรยากาศตรงหน้าด้วยความลังเล  

ให้ตายเถอะ… แค่เห็นแสงไฟสีฟ้าอ่อนระยิบระยับไปทั่ว กับกุหลาบสีน้ำเงินที่วางเรียงกัน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะ ‘เดินเข้ามาผิดงาน’ เสียแล้ว นี่ยังไม่นับโดมน้ำแข็งขนาดย่อมที่ตั้งเด่นเป็นประกายอยู่ริมทะเลสาบ ราวกับเป็นสถานที่จัดงานเฉพาะกิจที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ  

และไลแซนเดอร์ วิสเปอร์…  

นั่งอยู่ข้างในอย่างสงบสุข เล่นกีตาร์โปร่งในมือราวกับกำลังเพลิดเพลินไปกับโลกของตัวเอง  

คูเปอร์ขยับปลายนิ้วเล็กน้อย แววตาสีเทาของเขากวาดมองไปยังชายหนุ่มในโดม ใบหน้าของไลแซนเดอร์ประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา ราวกับกำลังจดจ่ออยู่กับเสียงของเครื่องดนตรีในมือ ท่วงทำนองที่ลอยออกมาจากสายกีตาร์นั้นคุ้นเคยจนเขาต้องชะงัก  

‘โลกที่สองเราสร้างขึ้นมา’ 

เพลงที่พวกเขาเคยร้องด้วยกันครั้งหนึ่ง ในเดตแรก ณ ริมหาดทะเลสาบมอนทอค หลังเดตด้วยกันที่สวนสนุกแดร์ยูนิเวอร์แซล

คูเปอร์เม้มริมฝีปาก รู้สึกหงุดหงิดแบบแปลก ๆ เขาไม่แน่ใจว่าหงุดหงิดเรื่องอะไร อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเล่นกีตาร์สบายใจเกินไป อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศทั้งหมดดู ‘วางแผนมาเป็นอย่างดี’ จนเขาอดรู้สึกไม่ได้ว่า บางทีไลแซนเดอร์อาจจะคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วก็ได้  

และที่แย่กว่านั้นคือ เขาไม่แน่ใจว่าอารมณ์ ‘หงุดหงิด’ ที่รู้สึกอยู่นี้ คือเพราะตัวเองรู้สึก ‘แปลก ๆ’ ที่ถูกจัดเดตแบบนี้ให้ หรือเป็นเพราะ…  

เพราะเสียงของอีกฝ่ายมันดีเกินไปกันแน่  

คูเปอร์ถอนหายใจ ยกมือขยี้ผมตัวเองทีนึง ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปในโดมน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น  

ความเย็นจากพื้นน้ำแข็งแผ่ซ่านขึ้นมาตามปลายเท้า บรรยากาศภายในเงียบสงบกว่าที่เขาคิด แสงสะท้อนจากภายนอกกระทบลงบนผนังโดม ทำให้ทั่วทั้งพื้นที่ดูราวกับเป็นโลกอีกใบที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ  

และไลแซนเดอร์ก็ยังคงเล่นกีตาร์อยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  

"คุณนี่เตรียมตัวดีจริง ๆ เลยนะครับ" คูเปอร์เอ่ยขึ้น พลางกอดอกมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา  

เสียงกีตาร์หยุดลงชั่วครู่ ไลแซนเดอร์เงยหน้าขึ้นมองเขา รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าให้ความรู้สึกคล้ายกับ ‘รู้ทัน’ อะไรบางอย่าง  

“คุณมาสาย”  

ก็… ผมไม่ได้รับแจ้งว่าจะต้องมาตรงเวลานี่ครับ” คูเปอร์ยักไหล่เล็กน้อย ขณะกวาดตามองรอบ ๆ "อีกอย่าง ผมก็แค่ใช้เวลาดื่มด่ำกับความคิดว่าผมกำลังโดนเดตเซอร์ไพรส์อยู่"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะแผ่วผ่านลำคอ วางกีตาร์ลงข้างตัวก่อนจะเอนหลังพิงกับม้านั่งน้ำแข็งที่เขาสร้างขึ้นเอง "แล้วรู้สึกยังไง?"  

คูเปอร์เหลือบตามองคนตรงหน้า ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็แค่ถอนหายใจ  

"ถามจริง คุณคิดไอเดียนี้เองเหรอครับ หรือไปขโมยบทจากนิยายรักโรแมนติกที่ไหนมา"  

"คุณกำลังบอกว่าผมโรแมนติก?"  

"…ผมกำลังบอกว่ามัน 'เยอะ' ต่างหากครับ"  

ไลแซนเดอร์เปล่งเสียงพึงพอใจผ่านลำคอ ก่อนจะพยักเพยิดไปทางที่นั่งข้าง ๆ "นั่งก่อนสิ"  

ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินไปทิ้งตัวลงบนม้าน้ำแข็งข้าง ๆ อีกฝ่าย  

"ถ้าคุณไม่ชอบ ผมสามารถเปลี่ยนบรรยากาศให้ได้นะ" ไลแซนเดอร์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ  

นัยน์ตาสีเทาหันไปมอง แววตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายสะท้อนแสงสีฟ้าอ่อนจากไฟประดับ ริมฝีปากของไลแซนเดอร์ยังคงแต้มรอยยิ้มบางเบาอย่างใจเย็น  

"เปลี่ยนยังไงครับ? จะเสกโดมให้กลายเป็นสนามฝึกให้ผมต้องต่อสู้กลางวงล้อมปีศาจหรือไง?"  

ผมคิดว่าแค่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นก็น่าจะพอ”  

ประโยคนั้นทำให้คูเปอร์ชะงักเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เขาเบือนสายตาออกไปมองทะเลสาบที่ไหลเอื่อยอยู่เบื้องหน้า พื้นผิวของมันสะท้อนแสงราวกับผืนกระจกขนาดใหญ่ เสียงลมหายใจของทั้งคู่ผสานเข้ากับความเงียบสงบของบรรยากาศโดยรอบ  


“คุณจะเล่นเพลงนั้นให้จบไหมครับ?” ชายหนุ่มถามขึ้นเบา ๆ  

ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณอยากฟังเหรอ?”  

“คุณเล่นไปแล้วครึ่งเพลง จะให้มันค้างคาแบบนั้นได้ยังไงล่ะ”  

“งั้นคุณจะร้องด้วยไหม?”  

คูเปอร์กลอกตา ก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักพิงน้ำแข็งอย่างเกียจคร้าน “ผมว่าเสียงผมอาจจะทำให้บรรยากาศพังมากกว่าช่วยนะครับ”  

บุตรเทพีหิมะขำออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกีตาร์ขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวไล่ไปตามสาย ท่วงทำนองของ ‘ความฝันนับล้าน’ ไหลรินออกมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงของเครื่องดนตรี แต่เสียงร้องนุ่มทุ้มของไลแซนเดอร์ก็ขับกล่อมออกมาด้วย  

และคูเปอร์ก็ต้องยอมรับว่า…  

มันเป็นเสียงที่ฟังแล้วทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างช่วยไม่ได้  

เขาเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นเพลงอย่างสงบเสงี่ยม แสงสีฟ้าอ่อนส่องกระทบกับใบหน้าของไลแซนเดอร์พอดี ดวงตาสีดำที่สะท้อนแสงไฟดูเหมือนลึกขึ้นกว่าเดิม  

ให้ตายเถอะ  

คูเปอร์เบนหน้าหนี สูดหายใจลึก และพยายามอย่างหนักที่จะไม่แสดงอาการอะไรออกมา  



ตัวเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงเข้ามาในบางอย่างที่เกินการควบคุมไปแล้ว  

เสียงกีตาร์ยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ ไลแซนเดอร์เล่นมันอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับไม่ใช่แค่กำลังเล่นเพลง แต่กำลัง ‘สื่อสาร’ อะไรบางอย่างออกมาผ่านท่วงทำนองที่แสนอบอุ่น ทว่าหัวใจของคนที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ กลับเต้นแรงขึ้นทุกวินาที และเขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะเสียงเพลงหรือเป็นเพราะคนที่กำลังเล่นมันกันแน่  

คนที่นั่งอยู่ข้างต้นเสียงกัดริมฝีปาก หันสายตาไปมองทางอื่น เขาไม่ชอบที่ตัวเองรู้สึก ‘แปลก ๆ’ แบบนี้ ไม่ชอบที่สมองของเขากำลังสั่งให้ ‘ตั้งสติ’ ทั้งที่ไม่มีปีศาจมาดักซุ่มโจมตี ไม่ชอบที่ทุกอย่างเงียบสงบเสียจนเขาเริ่มได้ยินเสียงหัวใจตัวเองชัดขึ้นกว่าปกติ  

และที่แย่ที่สุดคือ… ไม่ชอบที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามจังหวะของไลแซนเดอร์หมดเลย  

"คุณนี่มัน—"  

"อะไรเหรอ?"  

คูเปอร์หุบปากแทบไม่ทันเมื่อจู่ ๆ รุ่นพี่หนุ่มก็หยุดเล่นกีตาร์แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง แววตาสีดำสนิทสะท้อนแสงไฟสีฟ้าอ่อนที่เต้นระยิบระยับรอบตัว ดูลึกจนเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น  

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”  

"แน่ใจ?" ไลแซนเดอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย  

"แน่ใจมากครับ"  

อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มจาง ๆ อย่างที่เขาเกลียดที่สุด ไม่ใช่เกลียดเพราะมันน่าหมั่นไส้ แต่เพราะมันทำให้เขา ‘เสียสมาธิ’ ทุกที  

เขาต้องออกไปจากตรงนี้ ต้องหาทางทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ ต้องไม่ตกหลุมพรางที่อีกฝ่ายวางไว้

"อยากลองเล่นดูไหม?"  

คู่สนทนากระพริบตา มองกีตาร์ในมือของไลแซนเดอร์ที่ถูกยื่นมาให้  

"ผมว่า… คุณคงเข้าใจผิดว่าผมเล่นเป็น"  

"งั้นผมจะสอน" ไลแซนเดอร์ว่าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ดวงตากลับทอแสงบางอย่างที่ทำให้คูเปอร์รู้สึกว่า ถ้าตอบตกลง เขาจะได้ ‘เรียนรู้’ อะไรที่มากกว่าการเล่นกีตาร์แน่ ๆ  

"อ่า ผมว่า—"  

ไม่ทันขาดคำ มือใหญ่ของแลนไซเดอร์ก็เอื้อมมาจับมือเขาไว้ ดึงไปแตะที่สายกีตาร์  

"จับแบบนี้"  

สัมผัสอุ่นจากมืออีกฝ่ายทำให้คูเปอร์ชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่ได้ดึงมือกลับทันที ไม่ได้ขยับตัวหนี แต่กลับปล่อยให้ไลแซนเดอร์จับมือเขาไว้แบบนั้น ขณะที่นิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายค่อย ๆ จัดตำแหน่งนิ้วของเขาให้เข้าที่  

"...คุณ"  

"เงียบก่อน" ไลแซนเดอร์เอ่ยเสียงเบา "ตั้งใจฟัง"  

ตั้งใจฟัง? ให้ตายเถอะ คูเปอร์กำลังพยายามอย่างหนักที่จะไม่ ‘รู้สึก’ อะไรอยู่ด้วยซ้ำ  

แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ขึ้น… ใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดข้างแก้ม ใกล้จนรู้สึกว่าถ้าเงยหน้าขึ้นมาอีกนิดเดียว ปลายจมูกของพวกเขาอาจจะเฉียดกัน  

และแน่นอนว่าไลแซนเดอร์รู้ตัว  

เพราะเจ้าตัวไม่ได้ขยับถอยห่างไปไหนเลย  

"กดตรงนี้"  

"...."  

"ลองดีดดู"  

คูเปอร์กลืนน้ำลาย ยกมืออีกข้างขึ้นดีดสายกีตาร์ตามที่ถูกสอน เสียงโน้ตดังขึ้นแผ่ว ๆ แต่ในหัวของเขากลับมีแต่เสียงของบางอย่างที่ดังกว่า เสียงของหัวใจที่กำลังเต้นโครมครามอยู่ในอก  

และเขามั่นใจว่าความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตัวเองในบ่ายนี้คือ  

เขากำลัง ‘ตั้งใจฟัง’ ทุกอย่างที่ไลแซนเดอร์บอกจริง ๆ



ไลแซนเดอร์มองคูเปอร์ที่กำลังพยายามจับสายกีตาร์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ  

"ผมว่าเราลองเล่นเพลงนี้กัน"  

เขาเริ่มดีดท่วงทำนองเบา ๆ ออกมา เป็นจังหวะที่คูเปอร์ไม่คุ้นเคยนัก แต่พอฟังไปสักพักก็รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์แปลก ๆ ท่วงทำนองฟังดูสบาย ๆ แต่มีบางอย่างแฝงอยู่ในนั้น เหมือนเป็นเพลงที่พูดถึงบางสิ่งที่มากกว่าความหมายของตัวโน้ตที่เรียงกัน  

"เพลงอะไรครับ?"  

"ลองเดาดู"  

คูเปอร์จ้องไลแซนเดอร์อย่างไม่ไว้ใจ เขาพยายามตั้งสมาธิฟังเสียงกีตาร์ ทว่าการที่อีกฝ่ายจงใจเล่นไปพร้อมกับจ้องมองเขาแบบนี้ มันทำให้สมองของเขาเริ่มประมวลผลได้ช้ากว่าปกติ  

และยิ่งเมื่อไลแซนเดอร์เริ่มร้องออกมา...  

"มันแปลกนะ ที่เราเดินสวนกันทุกวัน  
แต่ไม่เคยคิดจะมองตากันเลยสักครั้ง  
จนวันนี้ ที่บังเอิญได้คุยกัน  
จู่ ๆ โลกก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป..."

คูเปอร์กะพริบตา  

"เดี๋ยว นี่มัน"  

"ไม่ได้บอกให้คิดไปไกล  
แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้คิดอะไรเลย  
ก็แค่ลองใช้เวลานี้ด้วยกัน  
แล้วให้มันเป็นไปของมันเอง"  

ชายหนุ่มขบริมฝีปากด้านในเงียบ ๆ

แน่นอนว่าเขารู้จักเพลงนี้ มันเป็นเพลงที่พูดถึงการ ‘ลองเปิดใจ’ กับบางสิ่งบางอย่าง และแน่นอนเขาคิดว่าไลแซนเดอร์ ‘เลือก’ เพลงนี้ขึ้นมาอย่างจงใจ  

"คุณ... ไม่คิดว่ามันโจ่งแจ้งไปหน่อยเหรอครับ?"  

"โจ่งแจ้ง?" ไลแซนเดอร์เลิกคิ้ว "ผมก็แค่สอนคุณเล่นกีตาร์"  

"...ผมหมายถึงเพลง"  

"อ้อ" หนุ่มนักดนตรีลากเสียง ยิ้มมุมปาก "ผมว่ามันก็เข้ากับบรรยากาศดีนะ"  

บรรยากาศเหรอ?  

ให้ตายเถอะ คูเปอร์รู้สึกว่ามันเกินไปมากกว่าคำว่า ‘บรรยากาศดี’ แล้ว  

เขากำลังนั่งอยู่ใต้โดมน้ำแข็ง ที่มีแสงสีฟ้าอ่อนระยิบระยับรอบตัว มีกีตาร์อยู่ในมือ และกำลังถูกสอนให้เล่นเพลงที่ความหมายค่อนข้าง ‘น่าสงสัย’ โดยผู้ชายที่นั่งใกล้เขาจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกาย  

ถ้านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ชวนให้ ‘คิดมาก’ เขาก็ไม่รู้แล้วว่าอะไรจะเป็น  

"ลองเล่นต่อสิ" ไลแซนเดอร์พูดขึ้นขณะโน้มตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม มือของเขากุมอยู่บนมือของคูเปอร์ที่วางอยู่บนคอกีตาร์ ไล้นิ้วไปตามเส้นสายราวกับจะแนะนำให้เขาขยับตาม  

คูเปอร์กลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ  

สัมผัสของอีกฝ่ายไม่ได้แรง ไม่ได้บังคับ แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกดึงเข้าไปในบางอย่างที่เกินควบคุม  

จังหวะกีตาร์ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เสียงของไลแซนเดอร์ยังคงขับขานไปตามท่วงทำนอง คูเปอร์พยายามทำให้ตัวเองโฟกัสกับโน้ตเพลงแทน แต่ปัญหาคือ

ตอนนี้มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าระยะห่างระหว่างเขากับอีกฝ่ายแล้ว  

เพราะทุกอย่างมันใกล้มาก…  

ใกล้เสียจนเขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวอีกฝ่าย กลิ่นที่คล้ายกับเปลือกไม้และอากาศบริสุทธิ์หลังฝนตก ใกล้เสียจนเขารู้สึกถึงลมหายใจของไลแซนเดอร์ที่เป่ารดต้นคอเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาจัดมือเขาใหม่  

และใกล้เสียจนเขารู้สึกว่า…  

หัวใจของพวกเขาเต้นตรงกันอยู่ชั่วขณะ  

คูเปอร์กลั้นหายใจ มือนิ่งค้างอยู่บนสายกีตาร์ ขณะที่ไลแซนเดอร์ยังคงมองเขาด้วยสายตาอ่านยาก  

ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกัน  

ทุกอย่างเงียบไปชั่วอึดใจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา คูเปอร์ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอุณหภูมิในโดมน้ำแข็ง หรือเพราะความร้อนจากภายในตัวเองกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนต้องพยายามควบคุมตัวเองมากกว่าปกติ  

เขาต้องพูดอะไรสักอย่าง ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงตัวเองออกจากภวังค์ที่ถูกดึงเข้าไปโดยไม่รู้ตัว  

"...ผมว่าเรากลับไปเล่น เพลงที่คุณเล่นก่อนหน้านี้ ดีกว่าครับ"  

ไลแซนเดอร์กระพริบตา ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ  

"ถ้าอยากเล่นเพลงนั้นต่อ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ?"  

"เพราะเพลงที่คุณเลือกมัน…" คูเปอร์เม้มริมฝีปาก "มันแปลก ๆ"  

"แปลกตรงไหน?"  

"มันเหมือนคุณกำลัง เอ่อ… ส่งสารอะไรบางอย่างมาให้ผม"  

ไลแซนเดอร์เผยยิ้ม ก่อนจะกระซิบเสียงนุ่ม  

"แล้วคุณรับสารนั้นหรือเปล่า?"  

คูเปอร์รู้สึกว่าหัวใจตัวเองกระตุกวูบ ให้ตายเถอะ!


อาจจะเพราะโดมน้ำแข็งทำให้อุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ คูเปอร์เลยเผลอยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเบา ๆ ไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ จนกระทั่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ถูกวางลงบนไหล่  

เนื้อผ้านุ่มละมุน ราวกับไอหมอกยามเช้าที่โอบล้อมกาย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกุหลาบและขนนกพิราบศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายจาง ๆ รอบตัว  

เดี๋ยวนะ  

คูเปอร์ชะงัก หัวคิ้วขมวดเป็นปม ก่อนจะลดมือลงมาสัมผัสกับสิ่งที่คลุมอยู่บนตัว  

ผ้าคลุมสีชมพูอ่อน…  

ที่เทพีอะโฟรไดท์เคยมอบให้เขา

แล้วมันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง!?  

ชายหนุ่มหันขวับไปข้างหลังทันที สายตาของเขาประสานเข้ากับแววตาสีดำสนิทของไลแซนเดอร์ที่มีรอยยิ้มบาง ประดับอยู่บนใบหน้า ดวงตาของอีกฝ่ายเปล่งประกายระยิบระยับราวกับอ่านความคิดของเขาออก  

ก่อนที่เสียงนุ่มลึกจะเอื้อนเอ่ยออกมา  

"อย่างที่คิด คุณใส่แล้วน่ารักจริง ๆ ด้วย"  

คูเปอร์เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบกระชากผ้าคลุมออกจากตัวทันที ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมา  

"คุณ! เอามันมาจากไหน!?"  

ไลแซนเดอร์กระพริบตา แสร้งทำหน้าครุ่นคิดเหมือนไม่เข้าใจว่าคูเปอร์กำลังตื่นตกใจอะไร ก่อนจะหัวเราะในลำคอ "พอดีผมคิดว่าคุณอาจจะหนาว เลยเอามาให้"  

เขาหรี่ตา จ้องอีกฝ่ายอย่างระแวงเต็มที่ "คุณรู้ได้ยังไงว่าผมยังเก็บผ้าคลุมนี่ไว้?"  

"ก็… เห็นว่ามันเหมาะกับคุณดี"  

"แล้วคุณไปเอามาจากไหน?"  

ไลแซนเดอร์ไม่ตอบในทันที เพียงแค่ยิ้มมุมปากเหมือนรู้อะไรบางอย่าง  

คูเปอร์มองคนตรงหน้า ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า 

คนที่รู้ว่าผ้าคลุมของเขาแอบอยู่ตรงไหนก็มีแค่คนในบ้านพักของเขาเอง

แล้วคนที่กล้าขโมยของเขาไป ‘ฝาก’ ไว้กับไลแซนเดอร์ได้…  

"ไม่ลิเลียน่าก็คลาร่า ใช่ไหมครับ?"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะออกมาเสียงเบา ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ  

คูเปอร์แค่นเสียง ถอนหายใจยาว ขณะที่ม้วนผ้าคลุมในมือแล้วขยุ้มมันแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็น ‘ของเล่น’ ในแผนการของใครสักคน  

ไม่สิ… ไม่ใช่แค่ ‘ใครสักคน’  

แต่เป็นไลแซนเดอร์ วิสเปอร์

และพวก ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ ในบ้านพักของเขา!  

"ให้ตายเถอะ พวกนั้นนี่มัน"  

"มีเซนส์ด้านแฟชั่นดีนะ?" ไลแซนเดอร์ต่อให้ ราวกับรู้ดีว่าเขาจะบ่นอะไร  

เขาตวัดสายตามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่เชื่อสายตา "…ไม่ใช่คำที่ผมจะใช้เรียกสิ่งที่พวกนั้นทำหรอกครับ"  

"แต่ผมก็ต้องขอบคุณพวกเธอนะ"  

คูเปอร์ขมวดคิ้ว "ขอบคุณทำไมครับ?"  

ไลแซนเดอร์ยกมือขึ้นแตะข้างแก้มตัวเองเล็กน้อย "เพราะพวกเธอทำให้ผมได้เห็นคุณในแบบที่… น่ารักกว่าปกติ 

…!  

คูเปอร์ชะงัก กะพริบตาถี่ ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง  

เดี๋ยวนะ 

เขาได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า?

แววตาของไลแซนเดอร์ยังคงแน่วแน่ ไม่ได้หลบเลี่ยง ไม่ได้หยอกเล่น แต่เป็นความจริงจังที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มจาง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่…  

ทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปเลย  

"คุณ…" คูเปอร์อ้าปากจะเถียง แต่เสียงทุกอย่างกลับติดอยู่ที่ลำคอ พยายามจะพูดอะไรออกไป ทว่ากลับไม่มีประโยคไหนปรากฏขึ้นมาในหัว  

เขาพยายามดึงสติ สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะรีบคว้าผ้าคลุมมาห่อตัวไว้แน่น พลางพูดเสียงติดขัด  

"คุณก็พูดไปเรื่อย…"  

"ผมพูดจริง"  

คูเปอร์เบือนหน้าหนี ไม่กล้าสบตากับรอยยิ้มของอีกฝ่าย สายตาเผลอมองไปยังโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่กลางโดมแทน  

คูเปอร์รีบกวาดสายตาไปทั่วโดม หาประเด็นมาบ่ายเบี่ยงจากความรู้สึกหนักอึ้งที่ไลแซนเดอร์เพิ่งโยนใส่เขา  

"เอ่อ… ทำไมต้องเป็นกุหลาบสีน้ำเงินล่ะครับ?"  

ร่างสูงกระพริบตา ดวงตาสีดำสนิทฉายแววพึงพอใจเมื่อเห็นเขาเปลี่ยนเรื่อง "เพราะคุณบอกว่าสีน้ำเงินเหมาะกับผมไม่ใช่เหรอครับ?"  

คูเปอร์นิ่งค้าง  

สมองของเขาเหมือนหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มไล่ย้อนความทรงจำ  

เขาเคยพูดแบบนั้นเหรอ?  

เขาจำได้ว่าตอนเดตที่สวนสนุก…  

ตอนที่เขาต้องให้ของขวัญ คูเปอร์เลือกกุหลาบสีน้ำเงินให้ไลแซนเดอร์ เพราะคิดว่า ‘มันดูเท่’ และ ‘เข้ากับอีกฝ่ายดี’  

แต่ว่า—

"เดี๋ยวนะ… คุณจำเรื่องเล็ก ๆ แบบนั้นได้ด้วยเหรอครับ?" คูเปอร์ถามเสียงแผ่ว แอบรู้สึกแปลกใจปนระแวงไปพร้อมกัน  

"ทำไมจะจำไม่ได้?" ไลแซนเดอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย "มันเป็นเรื่องที่คุณพูดถึงผมนี่"  

"ก็แค่คำพูดผ่าน ๆ"  

"แต่มันสำคัญสำหรับผม"  

คูเปอร์พยายามหันไปทิศอื่นเพื่อจะเปลี่ยนเรื่องแล้วเขาก็เห็นบางอย่างที่ทำให้ต้องชะงักอีกครั้ง  

บนโต๊ะนั้น มีมูนสโตนก้อนเล็กวางอยู่  

…ก้อนเดียวกับที่เขาเคยให้ไลแซนเดอร์  

และมันถูกวางอยู่ตรงนี้ อย่างตั้งใจ

คูเปอร์กลืนน้ำลายเฮือกหนึ่ง จ้องก้อนหินนั้นนิ่งอยู่ครู่ใหญ่  

ความทรงจำย้อนกลับมาทันที  

ตอนนั้นหลังจากเดตแรกจบลง เขาแค่คิดว่ามันเป็นของที่ ‘เหมาะ’ กับไลแซนเดอร์เลยหยิบมันให้เฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะ ‘เก็บมันไว้’ ด้วยซ้ำ  

แต่ตอนนี้มันถูกตั้งอยู่ตรงกลางโต๊ะ ที่เดตครั้งนี่

เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ดี  

เพราะมันมีแค่สองทางเลือกเท่านั้น

หนึ่ง ไลแซนเดอร์ตั้งใจเก็บของขวัญจากเขาไว้จริง ๆ

หรือสอง… ไลแซนเดอร์ให้ความสำคัญกับของที่เขาให้ มากกว่าที่เขาคิด



เสียงทุ้มของไลแซนเดอร์ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทของคูเปอร์ ทำลายห้วงความคิดที่ยังวนเวียนอยู่กับมูนสโตนตรงหน้า  

"ว่าแต่… เบอร์ที่ผมให้คุณไปก่อนหน้านี้"  

หนุ่มลูกครึ่งทำได้เพียงกระพริบตา หันไปมองอีกฝ่ายที่กลับไปนั่งเอนหลังอย่างสบาย ๆ "ครับ?"  

"ผมคิดว่าคุณจะลองติดต่อมาบ้างเสียอีก"  

คูเปอร์หรี่ตา เดี๋ยวสิ นี่เขาโดนตำหนิอยู่หรือเปล่า?  

ชายหนุ่มกอดอก มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหมือนจะหาเรื่อง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "โทษทีนะครับ พอดีเบอร์ที่คุณให้มามันเป็นเบอร์ของโทรศัพท์เดดาลัสนี่ครับ ผมยังไม่มีดรักม่าจะซื้อเลย"  

รุ่นพี่ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วนิด ๆ ราวกับคาดไม่ถึงกับคำตอบ  

คูเปอร์ยักไหล่ "แล้วที่สำคัญ ต่อให้มีผมก็ไม่คิดจะโทรไปด้วย"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะในลำคอ "หืม?"  

"ทำไมครับ?"  

"เปล่า แค่แปลกใจ" นัยน์ตาสีนิลมองตรงมาที่เขา รอยยิ้มบางยังไม่เลือนหาย "ผมไม่เคยโดนปฏิเสธจากใครแบบนี้มาก่อน"  

"ยินดีด้วยครับ นี่คือประสบการณ์ใหม่"  

คูเปอร์ตอบกลับทันควัน ไม่ได้หลบสายตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย  

แต่แทนที่ไลแซนเดอร์จะรู้สึกเสียหน้าหรือขุ่นเคือง เขากลับเอียงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ  

"งั้นถ้าคุณยังไม่มีโทรศัพท์… ผมซื้อให้ไหม?"  

คูเปอร์หยุดประมวลผลไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับไปมองอีกฝ่ายตาโต "ว่าไงนะครับ?"  

"ผมซื้อให้ไง" เสียงทุ้มย้ำด้วยท่าทางเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ "หรือไม่ก็ไปเลือกซื้อมันด้วยกันที่นิวยอร์ก"  


ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกเนี่ย?  

คูเปอร์จ้องคนตรงหน้าเขม็ง ดวงตาสีเทาทอแววระแวงอย่างที่สุด "คุณคิดว่าผมเป็นใครครับ เป็นลูกน้องคุณเหรอ หรือเป็นเด็กในอุปการะของคุณ?"  

ไลแซนเดอร์ปล่อยเสียงขำออกมา ไม่ได้ตอบโต้กลับทันที แค่ยกมือขึ้นเท้าคาง มองเขาด้วยแววตาที่คล้ายจะสำรวจปฏิกิริยาของเขาอยู่เงียบ ๆ  

คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะประกาศเสียงหนักแน่น "ผมยิ่งไม่อยากได้เลย ถ้ามันต้องรบกวนกระเป๋าเงินคนอื่น"  

"หืม?"  

"อีกอย่าง…"  

คูเปอร์เบือนหน้าหนี พึมพำเสียงแผ่ว "พวกเราก็เพิ่งเจอกันแค่—"  

เขาหยุดประโยคไว้แค่นั้น ไม่อยากจะพูดมันออกไปตรง ๆ เพราะถ้าจะนับจริง ๆ  

เขากับบุรุษคนนี้แทบจะเป็นคนแปลกหน้ากันด้วยซ้ำ

แม้ว่าจะผ่านเดตแรกมาแล้ว แม้ว่าวันนี้พวกเขาจะนั่งอยู่ในโดมเดียวกัน พูดคุยกันเหมือนสนิทกันมาหลายปี แต่ในความเป็นจริง… พวกเขาก็ยังไม่ได้รู้จักกันดีพอขนาดนั้น  

ไลแซนเดอร์เองก็คงเข้าใจความเงียบชั่วครู่นี้ดี เพราะเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาทันที  

คูเปอร์เม้มริมฝีปาก ก่อนจะถอนหายใจยาว "เอาเป็นว่าผมไม่รับโทรศัพท์จากคุณแน่ ๆ แล้วก็—"  

"แต่ถ้าผมไม่ซื้อให้ล่ะ"  

เมื่อสิ้นเสียงหัวคิ้วของของผู้ฟังยังคงขมวดนิ่งค้าง หันไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ  

ไลแซนเดอร์ยังคงแสดงหน้าเช่นเดิม แต่ครั้งนี้มีอะไรบางอย่างที่ต่างออกไปนิดหน่อย  

"หมายความว่ายังไงครับ?"  

"ถ้าผมแค่พาคุณไปเลือกเครื่องที่คุณอยากได้เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้เป็นคนจ่ายให้…" คู่เนตรสีรัตติกาลสบเข้ากับสายตาของเขา "คุณจะยอมไปกับผมไหม"  

คูเปอร์นิ่งไปพักหนึ่ง พยายามอ่านความตั้งใจของอีกฝ่ายผ่านแววตา แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายละสายตาก่อน  

"…ผมไม่แน่ใจว่าคุณพยายามจะทำอะไร"  

"ก็แค่อยากใช้เวลากับคุณเพิ่มขึ้นอีกหน่อย"  

โอเค นี่มันเริ่มมากเกินไปอีกแล้ว  

"คุณ… จะพูดอะไรแบบนี้ตลอดไปเลยไหมครับ?"  

"หมายถึงอะไรหรอครับ"  

"หมายถึง… พูดอะไรที่ทำให้คนฟังไปไม่เป็นน่ะครับ!"  

ไลแซนเดอร์ปรายตามองด้วยแววตาสนุกสนาน ไม่ได้ดูเดือดร้อนหรือรีบร้อนที่เขาพยายามปฏิเสธเสียด้วยซ้ำ  

"ถ้ามันทำให้คุณไปไม่เป็น ก็แสดงว่ามันได้ผลสินะ"  


คูเปอร์อยากยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองแรง ๆ รู้สึกเหมือนสมองกำลังประมวลผลทุกอย่างช้าลงเพราะอีกฝ่ายไปหมด  

"โอเค ๆ ผมยอมแพ้แล้ว!" เขาลุกขึ้นยืน หันหลังให้ไลแซนเดอร์ "แต่ผมยังไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น!"  

"เข้าใจแล้ว"  

"แล้วผมก็ไม่ได้จะไปเลือกซื้อโทรศัพท์กับคุณแน่ ๆ!"  

"ได้ครับ"  

"แล้วก็…!"  

คูเปอร์หมุนตัวกลับมา กะจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ต้องหยุดไปเพราะไลแซนเดอร์ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น มองเขาด้วยแววตาอ่านยากเหมือนเดิม แต่รอยยิ้มกลับดู ‘พอใจ’ อย่างเห็นได้ชัด  



ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติ สูดหายใจลึก พยายามไม่ใส่ใจกับสายตาของไลแซนเดอร์ที่ยังจับจ้องเขาอยู่เหมือนกำลังเพลิดเพลินกับปฏิกิริยาของเขา  

เขาต้องหาทางดึงความสนใจไปที่เรื่องอื่น…  

ก่อนที่ตัวเองจะเผลอ ‘เสียหลัก’ ไปมากกว่านี้  

แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยได้ยินเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับไลแซนเดอร์มาก่อน  

"ว่าแต่…" เขากอดอก เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด "ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นศิลปิน… อยู่ในวงอะไรสักอย่าง ใช่ไหมครับ?"  

ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย คล้ายกับไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดถึงเรื่องนี้ "อืม ใช่ครับ"  

"วงอะไรนะ?" คูเปอร์หรี่ตา พยายามนึก "ขอโทษที ผมไม่ค่อยตามชื่อวงใหม่ ๆ เท่าไหร่"  

จริง ๆ จะบอกว่าไม่ค่อยตามกระแสดนตรีสมัยใหม่เลยก็ว่าได้ ให้ตายสิ มันเยอะเกินจะจำ!  

และถึงเขาจะรู้ว่าไลแซนเดอร์เป็นศิลปิน ก็ไม่ได้มาจากการค้นหาข้อมูลเอง แต่มาจากน้องร่วมค่ายที่เคยมาพูดให้ฟังอีกที  

ไลแซนเดอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงความขบขัน "ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ"  

"ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมรู้สึกเหมือนโดนมองว่าเป็นพวกไม่ตามข่าวเลยนะครับ"  

"ก็ถ้าคุณรู้ตัวเองแบบนั้น ผมจะปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์นี่ครับ"  

หนอยแน่!  

คูเปอร์ถลึงตามองอีกฝ่าย ก่อนจะกระแอม ตั้งใจดึงกลับมาเข้าเรื่องเดิม  

"แต่ประเด็นที่ผมอยากจะพูดคือ… ในเมื่อคุณเป็นศิลปิน มีชื่อเสียงขนาดนี้ คุณมาทำอะไรแบบนี้มันจะดีเหรอ?"  

"ทำอะไรแบบนี้?"  

"ก็แบบ…" คูเปอร์ชี้นิ้วไปรอบ ๆ "การที่คุณมานั่งอยู่ตรงนี้ จัดเดตในโดมน้ำแข็งแบบนี้ ทำอะไรที่มัน… เอ่อ ดูเหมือนกำลังจะจีบใครสักคนแบบนี้ มันอาจจะทำให้แฟนคลับคุณไม่พอใจก็ได้นะครับ"  

ไลแซนเดอร์กระพริบตา ก่อนจะยกมุมปากข้างนึงขึ้น ดวงตาของเขามีประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก  

"คุณกำลังกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของผมเหรอ?"  

"…"  

เดี๋ยวนะ ทำไมมันฟังดูแปลก ๆ?  

คูเปอร์ย่นคิ้ว ถอนหายใจยาว "เปล่าครับ ผมแค่… พูดไปตามหลักเหตุผล"  

"อืม แล้วเหตุผลของคุณคือ?"  

"ผมไม่รู้หรอกว่าคนที่ติดตามคุณจะเป็นยังไง แต่โดยปกติแล้ว แฟนคลับมักจะค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องความสัมพันธ์ของศิลปินไม่ใช่เหรอ?"  

"แล้ว?"  

"…ก็หวังว่าคุณจะคิดถึงเรื่องนี้บ้าง"  

"แต่คุณก็กำลังกังวลให้ผมอยู่ดี"  

"…"  

ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนโดนต้อนอีกแล้ว!?  

คูเปอร์กำลังหวังให้ไลแซนเดอร์มีปฏิกิริยาอะไรบางอย่าง อย่างเช่นรู้สึกกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง หรืออย่างน้อยก็ควรจะมีสีหน้าลำบากใจบ้างก็ยังดี  

แต่เปล่าเลย  

บุรุษที่อยู่ข้าง ๆ ยังคงสงบนิ่ง มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขัน  

"คุณดูเหมือนกำลังคิดว่าผมควรจะอึดอัดหรือรู้สึกแย่กับเรื่องนี้"  

"…"  

เดี๋ยวนะ นี่เขาถูกจับไต๋อีกแล้วเหรอ!?  

"แต่ขอโทษทีนะครับ…" ไลแซนเดอร์เอนตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ปลายนิ้วไล้ไปตามขอบกีตาร์อย่างผ่อนคลาย "เพราะว่าผมไม่ได้รู้สึกแย่เลยสักนิด"  

คูเปอร์จ้องเขม็ง "คุณ…"  

"และก็…" ไลแซนเดอร์หยุดไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ "คุณใช้คำว่า ‘ดูเหมือนกำลังจะจีบใครสักคน’ ใช่ไหมครับ?"  

คูเปอร์รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่าง ‘ผิดพลาด’ ไปอีกแล้ว  

เขากะพริบตา "ก็… ใช่"  

"ผมสงสัยนิดหน่อย" ไลแซนเดอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย "ตรงไหนที่มันแค่ ‘ดูเหมือน’ กันเหรอครับ?"  

โอเค นี่มัน เลเวลใหม่ของการต้อนให้จนมุมแล้ว! 

คูเปอร์กดริมฝีปากแน่น คำพูดทั้งหมดที่เตรียมไว้หายวับไปกับอากาศในเสี้ยววินาที  

เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดใหม่ หาทางตอบโต้อีกฝ่าย แต่ไลแซนเดอร์ก็ดันพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน  

"หรือคุณอยากให้มันชัดเจนกว่านี้?"  

โอเค พอแล้ว! พอแค่นี้!  

"ไม่! ไม่ครับ!" คูเปอร์รีบโบกมือ "ผมไม่อยากให้มันชัดเจนกว่านี้แน่ ๆ!"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักน้ำแข็ง ราวกับพอใจกับปฏิกิริยาของเขาแล้ว  

"ดีแล้วครับ ผมก็ไม่รีบเหมือนกัน"  

บ้าเอ๊ย! คูเปอร์รู้สึกว่าตัวเองโดนเล่นงานเข้าให้อีกแล้ว และที่แย่ที่สุดคือ… เขาไม่มีทางหนีออกจากเกมนี้ได้เลย!



คูเปอร์เบนสายตาออกไปทางอื่น มองไปยังแสงไฟสีฟ้าที่ระยิบระยับรอบโดม มองเงาสะท้อนบนพื้นน้ำแข็งที่เย็นเยียบ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  

เขารู้สึกว่าถ้าเผลอสบตาไลแซนเดอร์มากกว่านี้ เขาอาจจะเสียเปรียบอีกครั้งแน่

"ว่าแต่…" คูเปอร์เอ่ยขึ้นอย่างลอย ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้คำถามดูจริงจังอะไรนัก "อะไรดลใจให้คุณสนใจผมขึ้นมาล่ะ?"  

ไลแซนเดอร์หยุดดีดกีตาร์ ปลายนิ้วที่ไล้ไปตามสายหยุดชะงักลงชั่วครู่ เหลือบมองมาที่เขา  

คูเปอร์ยังคงพูดต่อ "ถ้าคุณเป็นศิลปิน ก็น่าจะเจอคนเยอะแยะเลยนี่ แล้วทำไมถึงสนอกสนใจคนที่ดูธรรมดาแทบทุกอย่าง…"  

เขาหยุดไปชั่วอึดใจ ก่อนจะถอนหายใจยาว "หากไม่นับเรื่องที่เป็นเดมิก็อดน่ะนะ"  

ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังไตร่ตรองบางอย่าง ดวงตาของเขาดูลึกขึ้นกว่าเดิม  

"คุณคิดว่าตัวเองธรรมดาจริง ๆ เหรอ?"  

คูเปอร์ชะงัก เขากะพริบตา ก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ อย่างไม่แน่ใจนัก "หมายความว่าไงครับ?"  

มุมปากของรุ่นพี่หนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย
ผมแค่สงสัยว่าคุณกำลังประเมินตัวเองต่ำไปหรือเปล่า"  

"ผมก็แค่พูดตามความจริง"  

"คุณแน่ใจ?"  

"ก็…" คูเปอร์ชะงักไปวูบหนึ่ง เขาพยายามคิดอย่างเป็นกลาง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเถียงอะไรกลับไปได้ "…ผมไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่ครับ"  

"คุณคิดว่าความพิเศษของคนเรามีแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์หรือสถานะของพวกเขาเหรอ"  

คูเปอร์นิ่งไป  

"ความจริงแล้ว…" ไลแซนเดอร์เว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเนิบช้า "เหตุผลที่ผมสนใจคุณ… อาจจะง่ายกว่าที่คุณคิดก็ได้"  

คูเปอร์เหลือบตามองเขา รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ค่อย ๆ คลี่คลายออกมาในบรรยากาศ  

"ลองเดาสิ" ไลแซนเดอร์พูดต่อ "ลองเดาว่าทำไมผมถึงสนใจคุณ"  

เขาขมวดคิ้ว "คุณให้ผมเดาเรื่องของคุณเนี่ยนะ?"  

"ก็คุณเป็นคนถามเอง"  

"แต่คุณเป็นคนที่มีคำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะยักไหล่เล็กน้อย "งั้นก็อาจจะเป็นเกมสนุก ๆ ก็ได้"  
  

คูเปอร์พ่นลมหายใจยาว หยุดคิดไปครู่หนึ่ง เขาพยายามจะวิเคราะห์อะไรบางอย่าง แต่เขาไม่ใช่นักอ่านใจ และการพยายามคาดเดาความคิดของไลแซนเดอร์ก็ไม่ต่างจากการพยายามไขปริศนาในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก  

"โอเค ผมขอยอมแพ้" คูเปอร์ยกมือขึ้นเล็กน้อย "ผมไม่รู้ว่าคุณสนใจผมเพราะอะไร"  

ไลแซนเดอร์คลี่ยิ้ม "ง่ายมาก"  

เขาหันมามองดวงตาสีเทาของคูเปอร์ตรง ๆ ดวงตาสีดำทอประกายที่ทำให้หัวใจของคูเปอร์เต้นแปลก ๆ  

"ก็เพราะคุณเป็นคุณไงครับ"  

นี่มันไม่แฟร์เลย คูเปอร์รู้สึกว่าตัวเองถูกดึงเข้าไปในเกมนี้อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้  

หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ  

แต่เขาไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก!  

"ฟังดูเป็นคำตอบที่กว้างมากเลยนะครับ" คูเปอร์พยายามทำเสียงปกติที่สุด "แสดงว่าคุณสามารถพูดแบบนี้กับใครก็ได้สินะ"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะเบา ๆ "เปล่าหรอก"  

"หืม?"  

"ผมไม่ได้พูดแบบนี้กับใครก็ได้"  

คูเปอร์นิ่งไปอีกครั้ง จ้องอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิด  

"ถ้าคุณจะบอกว่าผมเป็นศิลปิน มีแฟนคลับเยอะ มีโอกาสเจอคนมากมายก็จริง…" ไลแซนเดอร์เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย "แต่คุณลืมไปหรือเปล่าว่าการเจอใครสักคน กับการ ‘สนใจ’ ใครสักคน… มันเป็นคนละเรื่องกัน"  

คูเปอร์ยังคงพยายามควบคุมริมฝีปาก ยามนี้ใจเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกรุกคืบเข้าไปอีกขั้น  

เขาต้องเปลี่ยนเรื่อง ต้องหาทางถอย ต้องไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายนำตลอดเวลา!  

"งั้น…" คูเปอร์พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไลแซนเดอร์จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ "สมมติว่าคุณ ‘สนใจ’ ผมจริง ๆ แล้วคุณคาดหวังอะไรล่ะครับ?"  

ร่างสูงกระพริบตาเล็กน้อย คล้ายกับคาดไม่ถึงที่คูเปอร์จะเป็นฝ่ายรุกกลับ  

คูเปอร์กอดอก จ้องอีกฝ่ายเหมือนจะท้าให้ตอบ  

"คุณบอกว่าผมเป็นผม แล้วไงต่อ?"  

ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากของเขาจะยกขึ้นเล็กน้อย  

"คุณกำลังจะให้ผมสารภาพอะไรบางอย่างอยู่ใช่ไหมครับ?"  
  

"เปล่าครับ!" คูเปอร์รีบตอบกลับทันที "ผมแค่—"  

"คุณอยากรู้ว่าผมคิดอะไรใช่ไหม?"  

"…!"  

"ก็ได้ครับ"  

ไลแซนเดอร์เอนตัวเข้าใกล้ขึ้นอีกนิด ใกล้จนคูเปอร์รู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของอีกฝ่าย  

"ผมคาดหวังให้คุณค่อย ๆ เข้าใจ"  

คูเปอร์กลืนน้ำลาย รู้สึกว่ามือของตัวเองเย็นลงเล็กน้อย  

"เข้าใจอะไรครับ?"  

ไลแซนเดอร์ยิ้มกว้างขึ้น ดวงตาทอแสงบางอย่างที่ทำให้คูเปอร์รู้สึกเหมือนกำลังจะเสียหลักอีกครั้ง  

"เข้าใจว่า…"  

ปลายนิ้วของอีกฝ่ายแตะเบา ๆ ที่ข้อมือของเขา  

"บางที… ผมอาจจะอยากให้คุณสนใจผมบ้างเหมือนกัน"  

คูเปอร์แทบลุกพรวดขึ้นยืนทันที ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด  

"ผมว่าเราควรเลิกเล่นเกมนี้ได้แล้วครับ!"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ

"ก็ได้ครับ ผมจะให้คุณพักสักหน่อย"  


ความเงียบเข้าปกคลุม หลังจากเหตุการณ์ชวนให้เสียอาการเมื่อครู่ ทั้งคูเปอร์และไลแซนเดอร์ต่างไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา เหมือนต่างฝ่ายต่างให้เวลาตัวเองได้เรียบเรียงความคิด  

คูเปอร์ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ บรรยากาศถึงกลายเป็นแบบนี้ แต่ที่แน่ ๆ คือเขาไม่อยากเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน  

มีเพียงเสียงกีตาร์โปร่งที่ดังขึ้นแผ่วเบา เสียงจากปลายนิ้วของไลแซนเดอร์ที่ไล้ไปตามสายเครื่องดนตรีอย่างละเมียดละไม มันเป็นท่วงทำนองที่คูเปอร์ไม่คุ้นเคยนัก ไม่ใช่เพลงเดิมที่เคยได้ยิน แต่ฟังแล้วกลับรู้สึก…อบอุ่นแปลก ๆ  

เขาไม่แน่ใจว่าไลแซนเดอร์ตั้งใจเล่นมันขึ้นมาเพื่ออะไร  

แต่แล้ว… เสียงร้องของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น  

"รักหนึ่งอาจเกิดด้วยใครลิขิต หรือมันอาจเกิดด้วยตาต้องใจ..."

คูเปอร์ชะงัก  

เขาหันขวับไปมองรุ่นพี่หนุ่มที่ยังคงเล่นกีตาร์อยู่ สีหน้าของไลแซนเดอร์ดูสงบเหมือนเคย ราวกับกำลังจดจ่ออยู่กับเพลงของตัวเอง แต่ท่วงทำนองที่เปล่งออกมากลับ…  

ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกัน!?  

"หรือมันอาจเกิดด้วยเหตุผลใด ใครเล่าเลยใครจะเลยล่วงรู้..."

เสียงร้องของไลแซนเดอร์นุ่มนวล ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนสายลมที่พัดผ่านกลางฤดูใบไม้ผลิ ไม่รีบร้อน ไม่รุนแรง แต่ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ในความรู้สึกของคนฟัง  

และคูเปอร์ก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแปลก ๆ อีกครั้ง  

"ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง เธอเองจะรู้หรือเปล่า ว่ารักของเธอชั่วคราว หรือรักของเธอยาวนานกว่านั้น..."  

คูเปอร์กำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว  

โอเค เดี๋ยว… นี่มันเพลงอะไรกันแน่? และที่สำคัญกว่านั้นคือทำไมมันถึงเหมือนเป็นคำถามที่ส่งตรงถึงเขาแบบนี้นะ  

เขาหลุบตามองต่ำ พยายามเก็บอาการ พยายามบอกตัวเองว่า ‘อย่าคิดมาก’ แต่ทุกคำ ทุกท่วงทำนอง ทุกประโยคที่ถูกเปล่งออกมา กลับบีบให้เขาต้องคิดถึงมันอย่างเลี่ยงไม่ได้  

"ถ้าเธอพบใครคนหนึ่ง ที่เธอให้ความสำคัญ…"  

เสียงกีตาร์ค่อย ๆ ช้าลง ราวกับต้องการเน้นย้ำความหมายของประโยคถัดไป  

"เมื่อเธอสบตาคู่นั้น เธอรู้สึกอย่างไร..."

คูเปอร์หายใจสะดุดไปชั่ววินาที  

เขาไม่กล้าหันไปมองเจ้าของเสียงนุ่มนี้เลยจริง ๆ  

ไม่กล้าสบตาคู่นั้น ไม่กล้าหาคำตอบให้ตัวเอง  

ไม่กล้าถามตัวเองว่า…  

เขารู้สึกอย่างไร 

บรรยากาศในโดมน้ำแข็งดูเหมือนจะแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เสียงเพลงดำเนินไป คูเปอร์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกผลักเข้าสู่บางอย่างที่เกินกว่าการควบคุม  

เขาควรพูดอะไรสักอย่างไหม?  

ควรทำอะไรสักอย่างไหม?  

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไรต่อ เสียงของไลแซนเดอร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง  

"เมื่อรักผลิบานในความรู้สึก เธอไม่ต้องตรึกตรองลึกลงไป..."

ไลแซนเดอร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย คราวนี้สายตาของเขามองตรงมาที่คูเปอร์อย่างชัดเจน  

"ขอเธอติดตามฟังเสียงหัวใจ พาล่องลอยไปจนไกลหลุดฝัน..."

คูเปอร์กำมือแน่นขึ้นกว่าเดิม  

เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศ หรือเป็นเพราะเสียงของไลแซนเดอร์ที่ไหลไปพร้อมกับท่วงทำนอง แต่ทุกอย่างมันกำลังทำให้เขารู้สึก ‘ถูกดึงดูด’  
  
"ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง เธอเองจะรู้หรือเปล่า ว่ารักของเธอชั่วคราว หรือรักของเธอยาวนานกว่านั้น..."  

เขาควรจะหยุดสิ่งนี้ ควรจะลุกออกไป ควรจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นเหมือนเดิม 

เขากัดริมฝีปาก กลั้นหายใจ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่ได้  

และตอนนั้นเอง ไลแซนเดอร์หยุดร้องเพลง กีตาร์เงียบลง ทิ้งไว้เพียงเสียงลมหายใจของพวกเขาทั้งคู่  

คูเปอร์กลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนต้องใช้พลังงานมหาศาลในการหันกลับไปมองอีกฝ่าย  

ไลแซนเดอร์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม สายตาของรุ่นพี่หนุ่มหันมองตรงมาที่เขา  

"คุณคิดยังไงกับเพลงนี้?"  

เสียงของเขาฟังดูเรียบง่าย ทว่านัยน์ตามีบางอย่างที่ไม่ง่ายเลย  

คูเปอร์อ้าปาก แต่ไม่มีคำไหนหลุดออกมา  

เขาไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเพลงนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับไลแซนเดอร์ และที่สำคัญที่สุด… เขาไม่อยากรู้ด้วยว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง

"ก็… ก็แค่เพลงเพลงหนึ่ง" คูเปอร์พูดออกมาในที่สุด พยายามทำให้เสียงของตัวเองเป็นปกติที่สุด  

ไลแซนเดอร์เลิกคิ้ว "งั้นเหรอ?"  

"ใช่สิครับ" คูเปอร์ยักไหล่ "ก็แค่เพลงหนึ่งที่คุณเลือกมาร้อง ก็แค่นั้น"  

"คุณแน่ใจ?"  

ให้ตายเถอะ ทำไมต้องถามย้ำด้วย!?  

"แน่ใจสิครับ!"  

คูเปอร์รีบลุกขึ้นยืนทันที ดึงผ้าคลุมสีชมพูขึ้นมาพันรอบตัวเองแน่นเหมือนเป็นเกราะป้องกัน แล้วหันหลังให้ไลแซนเดอร์  

"ผมว่าเราออกไปข้างนอกกันเถอะครับ โดมนี้เย็นไปหน่อย"  

ไลแซนเดอร์เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่ริมฝีปากแย้มออกพร้อมเสียงกลั้วสุข
  

"เข้าใจแล้วครับ"  

คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึก รวบรวมสติให้กลับมา ก่อนจะเดินออกจากโดมไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อ  


คูเปอร์เป็นฝ่ายเดินนำออกมาที่ริมทะเลสาบ ลมหายใจของเขายังไม่เป็นจังหวะดีนักหลังจากเหตุการณ์ในโดมน้ำแข็งเมื่อครู่ เขาไม่อยากยอมรับหรอก… ว่าตัวเองกำลังพยายามหนี  

 ใช่ หนีจากไลแซนเดอร์ หนีจากคำพูดพวกนั้น หนีจากทุกอย่างที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรง  

ชายหนุ่มย่อตัวลงตรงริมฝั่ง มองน้ำใสที่ไหลเอื่อยอยู่ตรงหน้า เขาแบมือออกแล้วตักน้ำขึ้นมาลูบหน้า หวังว่าไอเย็นของมันจะช่วยทำให้สติที่แตกกระเจิงกลับคืนมา  

และมันก็ดูจะได้ผล จนกระทั่งเสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นที่ข้างหู  

"หนีทำไมครับ?"  

คูเปอร์สะดุ้งเฮือก ตัวโยนไปข้างหน้าเล็กน้อยก่อนจะรีบตั้งหลักทันที  
  

เขาหันขวับไปมองคนที่แอบเข้ามาประชิดโดยที่เขาไม่รู้ตัว นายไลแซนเดอร์ ก็ยืนอยู่ข้างหลังเขา รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเหมือนกับว่าเขาสนุกที่ได้เห็นเขาเสียอาการ  

ชายหนุ่มเบนหน้าหนีไปอีกทาง ย้ายตัวไปในทิศทางไหนก็ได้ที่ทำให้ไม่ต้องสบตากับคนตรงหน้า  

แต่ไม่ทันจะก้าวหนี เสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้งจากด้านหลัง  

"จะไปแล้วเหรอครับ"  

บุตรแห่งนกฮูกชะงักอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนอยากจะจำแลงเป็นนกฮูกจริง ๆ แล้วบินหนีออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด  

แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าทำแบบนั้น…  

มันก็เท่ากับว่า ‘แพ้’  

คูเปอร์สูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งหลักให้มั่น มือของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบบางอย่างออกมา  

ขวดแก้วเล็ก ๆ ที่บรรจุผงบางอย่างไว้ข้างใน  

มันเป็นสินสงครามที่เขาได้จากการกำจัดอสูรกายเมื่อไม่นานนี้ จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้คิดจะเก็บมันไว้ใช้เองอยู่แล้ว แค่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเท่านั้นเอง  

แต่พอไลแซนเดอร์มาชวนเดตพอดี…  

งั้นก็ให้ไปซะเลย!  

คูเปอร์ตั้งสติให้มั่น แล้วหันไปยื่นขวดแก้วให้รุ่นพี่หนุ่ม  

"ผมให้คุณครับ" เขาว่า น้ำเสียงนิ่งเรียบพยายามไม่ใส่อารมณ์อะไรมากเกินไป "ของขวัญในเดตนี้"  

ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง "คราวนี้ไม่ใช่ดอกไม้เหรอครับ?"  

"…"  

โอ้โห… จำแม่นจริงนะ  

เขากระแอม รีบหลุบตาลง "ช่างมันเถอะครับ รับนี่ไปเถอะ หรือถ้าไม่รับก็ไม่เป็นไร"  

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ขวดแก้วก็ไปอยู่ในมือของไลแซนเดอร์ไปเรียบร้อยแล้ว  

เร็วไปไหม!?  

นัยน์ตาสีอันธิกาจ้องมองผงพิษสีม่วงเข้มที่เปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว ใบหน้าของเขาขบยิ้มบาง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  

"ผมชอบนะ"  

ดีแล้ว! คูเปอร์คิด แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี เขากำลังให้ ‘พิษ’ เป็นของขวัญเดตอยู่นะ! แล้วคนตรงหน้าก็ดูจะ ‘พอใจ’ กับมันด้วย!  

"ถ้าเจอกันคราวหน้า…"  

น้ำเสียงทุ้มกดต่ำลงเล็กน้อย ร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้  

"คุณจะให้ผมอีกหรือเปล่า?"  

คูเปอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกได้ว่าหน้าของตัวเองกำลังร้อนขึ้นมาอีกครั้ง บ้าไปแล้ว นี่มันคำถามอะไรกัน!?  

เขากระแอมเสียงดัง รีบตอบปัดออกไปทันที "ผมได้มันมาเป็นสินสงครามครับ ไม่ได้มีตลอดเวลาซะหน่อย"  

"งั้นก็หมายความว่า…"  

"หมายความว่าอย่าหวังว่าผมจะให้คุณบ่อย ๆ!"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะออกมาเบา ๆ ดวงตาของเขาฉายแววขบขัน "แสดงว่าถ้ามีโอกาส คุณก็อาจจะให้อีกสินะครับ?"  

"จะคิดแบบนั้นก็ได้ครับ!" คูเปอร์โพล่งออกไป ก่อนจะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกมา  

รุ่นพี่ไลแซนเดอร์ยิ้มกว้างขึ้น "ดีครับ งั้นผมจะรอ"  

ชายหนุ่มกลอกตา รู้สึกเหมือนตัวเองโดนแกล้งเข้าให้อีกแล้ว ให้ตายเถอะ… ทำไมทุกอย่างที่เขาพยายามจะ ‘กันตัวเองออกห่าง’ จากคนคนนี้ มันถึงกลับทำให้เขา ‘ถลำลึก’ ไปมากกว่าเดิมล่ะ!?


มอบ ผงพิษอิมป์ ให้ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์

มาลาแห่งอัสสัมชัญ - [ทุกครั้งที่ปฏิสัมพันธ์กับ NPC Lares SP TGC จะได้รับโบนัสความสนิทสนมเพิ่มขึ้น+10]

น้ำหอมบุรุษ - [ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 2 4 6 8 คู่สนทนาจะได้กลิ่นหอมบนตัวคุณ ได้รับโบนัสพิเศษ+2 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)]

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์ เพิ่มขึ้น 17 โพสต์ 2025-2-25 13:46
โพสต์ 183728 ไบต์และได้รับ 80 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-2-25 13:12
โพสต์ 183,728 ไบต์และได้รับ +15 EXP +40 ความกล้า +30 ความศรัทธา จาก พริบตาแห่งวีรชน  โพสต์ 2025-2-25 13:12
โพสต์ 183,728 ไบต์และได้รับ +20 EXP +25 เกียรติยศ +40 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก ปัญญาแห่งการรบ  โพสต์ 2025-2-25 13:12
โพสต์ 183,728 ไบต์และได้รับ +10 EXP +30 ความกล้า +20 ความศรัทธา จาก ร่างจำแลง  โพสต์ 2025-2-25 13:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 2025-2-25 16:38:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-2-25 17:57

บทที่ 55 


คูเปอร์เดินก้าวเท้าไปตามแนวทะเลสาบ พยายามทำเป็นไม่สนใจคนที่เดินเคียงข้าง เสียงคลื่นน้ำกระทบฝั่งดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ลมอุ่นพัดผ่านต้นไม้ริมฝั่ง ทำให้ใบไม้ไหวเบา ๆ บรรยากาศดูสงบอย่างน่าประหลาด  


เขาพยายามปล่อยให้ตัวเองจดจ่ออยู่กับเสียงธรรมชาติ แกล้งทำเป็นว่าการเดินเล่นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ โดยเฉพาะกับไลแซนเดอร์  


"คุณดูเงียบผิดปกตินะครับ"  


เสียงทุ้มดังขึ้นข้างตัว ทำให้คูเปอร์หลุดจากความคิด เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองอีกฝ่าย ไลแซนเดอร์เดินสบาย ๆ มือไพล่หลัง นัยน์ตาคมทอดมองไปยังทะเลสาบด้วยท่าทีผ่อนคลาย  


"ก็แค่คิดอะไรนิดหน่อยครับ"  


"คิดเรื่องอะไร?"  


"เรื่องอะไรก็เรื่องของผมสิครับ"  


ไลแซนเดอร์เพียงส่งเสียงหัวเราะแว่วผ่านลำคอ ไม่ได้ซักไซ้ต่อ คูเปอร์แอบถอนหายใจโล่งอก เดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดลงเมื่อเห็นโขดหินขนาดพอดีนั่งอยู่ริมฝั่ง เขาทรุดตัวลงนั่ง ใช้ปลายรองเท้าเขี่ยหินก้อนเล็ก ๆ ในน้ำอย่างเหม่อลอย  


ไลแซนเดอร์ตามมานั่งลงข้าง ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมอยู่ครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงสายลมและเสียงน้ำที่ไหลเอื่อย  


"ที่จริง…" ไลแซนเดอร์เริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง "ผมดีใจนะครับที่คุณยอมมาเดตครั้งนี้"  


คูเปอร์เหลือบตามองเขา แกล้งยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ "ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธ"  


"เหรอครับ"  


"คุณคิดว่าผมควรจะปฏิเสธเหรอ?"  


"เปล่าครับ แค่คิดว่าคุณคงจะหาข้ออ้างหลบเลี่ยงไปได้ถ้าคุณต้องการ"  


คูเปอร์หัวเราะในลำคอ "ดูเหมือนคุณจะรู้จักผมดีขึ้นทุกทีเลยนะครับ"  


"ก็ต้องพยายามหน่อย"  


คำตอบนั้นทำให้คูเปอร์ชะงักไปเสี้ยววินาที เขาหันไปสบตากับอีกฝ่าย ไลแซนเดอร์ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ริมฝีปาก แต่ดวงตาของเขากลับดูจริงจังอย่างประหลาด  


หัวใจของคูเปอร์เต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง เขารีบเบือนสายตาหนี ก่อนจะคว้าก้อนหินเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วปาไปในน้ำเบา ๆ  


"คุณนี่ชอบพูดอะไรที่ทำให้คนอื่นไปไม่เป็นตลอดเลยนะครับ"  


"ก็แล้วแต่คนฟังด้วยนะครับว่าตีความไปทางไหน"  


คูเปอร์หันไปมองอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ "คุณนี่มัน…"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะพลางส่ายศีรษะ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทรกอีกครั้ง ทว่าน่าแปลกที่มันไม่ใช่ความเงียบที่อึดอัด คูเปอร์เองก็เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวดูผ่อนคลายมากขึ้น  


หลังจากนั่งอยู่ริมทะเลสาบได้ครู่หนึ่ง ไลแซนเดอร์ก็เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบของบางอย่างออกมา คูเปอร์เหลือบมองอย่างสงสัยก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายถือกระดาษพับไว้อย่างเรียบร้อย  


"นี่คือ?"  


"ของขวัญครับ"  


คูเปอร์ขมวดคิ้ว "คุณจะให้ผม?"  


"ครับ ผมตั้งใจจะให้ตอนท้ายเดต แต่ดูเหมือนตอนนี้จะเป็นจังหวะที่ดีแล้ว"  


เขายื่นกระดาษให้ คูเปอร์รับมันมาอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะค่อย ๆ คลี่ออกแล้วอ่าน  


เนื้อความบนกระดาษเป็นตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือสวยงาม ไม่ใช่ข้อความธรรมดา แต่มันคือเนื้อเพลง  


ชายหนุ่มกะพริบตา กวาดสายตามองเนื้อร้องที่เขียนไว้ เสียงลมหายใจของเขาเหมือนสะดุดไปชั่วขณะ มันไม่ใช่เพลงรักโดยตรง แต่มันเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง บอกเล่าเรื่องราวของใครบางคนที่กำลังค้นหาโลกอีกใบ โลกที่ไม่ได้มีแค่ความฝันลอยล่อง แต่เป็นโลกที่มีใครอีกคนยืนอยู่ข้างกัน  



"คุณแต่งเอง?" คูเปอร์ถามเสียงต่ำ  


"ใช่ครับ" ไลแซนเดอร์ตอบง่าย ๆ  


"แต่งเองกับมือ?"  


"ครับ"  


คูเปอร์จ้องกระดาษในมือ สายตาไล่อ่านเนื้อร้องทุกบรรทัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างควบคุมไม่ได้   


มันเป็นบทเพลงที่ไม่ใช่แค่ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อร้องเล่น ๆ แต่เป็นบทเพลงที่เต็มไปด้วยความหมาย ทุกถ้อยคำร้อยเรียงกันเป็นเรื่องราว หนึ่งท่อนต่ออีกท่อน บอกเล่าความรู้สึกของใครบางคนที่กำลังค้นหาโลกอีกใบ โลกที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่จินตนาการลอยล่อง แต่เป็นโลกที่มีใครอีกคนยืนอยู่ข้างกันเสมอ  


เขากำกระดาษแน่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว  ขณะเดียวกันไลแซนเดอร์ยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ สายตาของเขาจับจ้องมาที่รุ่นน้องอย่างสงบเงียบ ราวกับกำลังรอคอยให้เขาเป็นฝ่ายพูดอะไรออกมาก่อน  


ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั่นกรองคำพูดในหัว ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย  


"คุณให้ผม… หมายความว่ายังไง?"  


ไลแซนเดอร์กระพริบตาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง ๆ  


"หมายความตามนั้นครับ"  


"คุณหมายความว่าไง?"  


"ก็หมายความว่า…" ไลแซนเดอร์เอนตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย มือข้างหนึ่งเท้ากับขอบโขดหินที่พวกเขานั่งอยู่ ขณะที่สายตายังคงแน่วนิ่ง  


"เพลงนี้ ผมแต่งขึ้นมาเพื่อคุณ"  


คูเปอร์นิ่งงัน แม้จะรู้อยู่แล้วตั้งแต่เห็นเนื้อเพลง แต่พอได้ยินอีกฝ่ายพูดยืนยันออกมาตรง ๆ แบบนี้ มันกลับให้ความรู้สึก…  


เขาไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรกันแน่  


"คุณ…" ชายหนุ่มพยายามเรียบเรียงคำพูด "นี่คุณแต่งมันนานแค่ไหนแล้ว?"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเบือนสายตามองไปยังผืนน้ำ  


"ก็นานพอสมควร"  


"นานพอสมควรนี่หมายความว่า…"  


"ตั้งแต่หลังจากเดตครั้งแรกของเรา"  


สายตาของคูเปอร์สะท้อนความตกใจออกมาอย่างไม่อาจปิดบังได้  


"เดี๋ยว…" เขากะพริบตาถี่ ๆ เหมือนกำลังพยายามประมวลผลคำพูดของอีกฝ่าย "คุณหมายถึงตั้งแต่วันนั้นเลยเหรอ?"  


"ครับ"  


"คุณใช้เวลาเป็นสัปดาห์แต่งมันขึ้นมา?"  


"ใช่ครับ"  


"เพื่อผม?"  


ไลแซนเดอร์พยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า  


คูเปอร์นิ่งไป  


เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเป็นอย่างแรกดี เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป   


"แล้วทำไมถึงต้องเป็นผม?"  คำถามนี้หลุดออกมาจากปากของเขาโดยไม่ทันรู้ตัว  


ไลแซนเดอร์มองเขา ดวงตาสีนิลนิ่งลึกอย่างประหลาด ก่อนที่อีกฝ่ายจะคลี่ยิ้มออกมา  


"เพราะคุณเป็นคุณไงครับ"  


คำตอบนี้ทำให้คูเปอร์พูดไม่ออกไปชั่วขณะ  


"อย่ามาตอบกำกวมแบบนั้นสิครับ"  


"มันไม่กำกวมนะ"  


"…"  


"คุณถามว่าทำไมถึงต้องเป็นคุณ…" ไลแซนเดอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย "แล้วคุณคิดว่าผมควรแต่งเพลงให้ใครดีล่ะ?"  


"ก็…"  


คูเปอร์อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีคำไหนโผล่ออกมา  เขาหลบสายตาอีกฝ่าย สายลมพัดผ่านตัวเขาเบา ๆ ผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับจากแสงแดดบ่าย  หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะอย่างควบคุมไม่ได้  


ไลแซนเดอร์ยังคงมองเขาเงียบ ๆ ดวงตาของอีกฝ่ายทอประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก  บรรยากาศในตอนนี้มัน… แปลกเกินไป  


"คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ?"  


เสียงของไลแซนเดอร์ดังขึ้นอีกครั้ง  


คูเปอร์หลุดจากภวังค์ รีบกระแอมเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับอย่างขอไปที  


"เปล่าครับ ผมแค่…"  


"แค่?"  


"…"  


"หรือว่าคุณกำลังรู้สึกอะไรอยู่?"  


"เดี๋ยว คุณจะโยงไปเรื่องนั้นทำไมครับ?"  


"ก็ผมสงสัย"  


ไลแซนเดอร์ยักไหล่เล็กน้อย ดวงตาของเขายังจับจ้องคูเปอร์ไม่วางตา  


คูเปอร์กลอกตา สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องทันที  


"ช่างมันเถอะครับ!"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะพร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอนตัวพิงกับโขดหิน สายตามองทอดไปยังทะเลสาบ  


"แล้วคุณคิดยังไงกับเพลงนี้?"  


คูเปอร์เม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมองเนื้อเพลงอีกครั้ง  



มันเป็นบทเพลงที่สวยงามมาก ทุกคำ ทุกจังหวะ ทุกท่วงทำนองที่เขานึกภาพตามได้ มันเหมือนเป็นเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างประณีต  แต่มันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก  ชายหนุ่มหลุบตาลง ก่อนจะตอบเสียงเบา  


“มันก็… ดีครับ"  


ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย "แค่ดี?"  


"คุณจะให้ผมพูดอะไรอีกล่ะครับ?"  


"ก็อาจจะบอกว่าคุณชอบมันก็ได้นะ"  


คูเปอร์หลบสายตา รู้สึกเหมือนหน้าของตัวเองเริ่มร้อนขึ้นมาเล็กน้อย  


"ผมยังไม่ได้บอกว่าผมไม่ชอบนะครับ"  


"แต่คุณก็ยังไม่บอกว่าคุณชอบ"  


"…"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นคูเปอร์เงียบไป เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด  


"ถ้าคุณไม่ตอบ งั้นผมถือว่าคุณชอบก็แล้วกันนะครับ"  


คูเปอร์สะดุ้ง รีบถอยหลังไปเล็กน้อยทันที  


"เดี๋ยว! นี่มันตรรกะบ้าบออะไรของคุณครับ!?"  


"ก็ผมต้องการคำตอบ"  


"งั้นก็นับว่าเป็นกลาง ๆ ไปครับ!"  


"แต่ผมอยากได้คำตอบที่ชัดเจนกว่านั้น"  


"ให้ตายเถอะ…"  


คูเปอร์ถอนหายใจพรืด ยกมือขึ้นเสยผมตัวเองแรง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที  


"โอเค ผมยอมแพ้แล้วครับ!"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะในลำคอ มองเขาด้วยแววตาที่คล้ายกับว่าเขาชนะแล้ว  


"งั้นก็แปลว่าคุณชอบ"  


คูเปอร์หันขวับไปมองอีกฝ่าย ตวัดนิ้วชี้ใส่ราวกับกำลังเตือนว่าอย่าหาเรื่องเขาไปมากกว่านี้  


"ไม่ต้องมาสรุปเองเลยครับ!"  


ไลแซนเดอร์ยกมุมปากโค้งขึ้น ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย  


"ก็ได้ครับ ผมจะปล่อยคุณไปก่อน"  



คูเปอร์ยังคงจ้องมองไลแซนเดอร์อยู่ ราวกับกำลังพยายามอ่านความหมายที่ซ่อนอยู่ในแววตาสีดำสนิทนั้น แต่ไม่ว่าเขาจะเพ่งมองเท่าไร ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายยังคงเป็นปริศนาอยู่ดี  


ลมเย็นจากทะเลสาบพัดผ่านราวกับต้องการทำลายความเงียบระหว่างพวกเขา คูเปอร์เบนสายตาลงต่ำ แสร้งทำเป็นสนใจเส้นสายของก้อนหินใต้ฝ่ามือ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกมา ไลแซนเดอร์ก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย  


"มือคุณดูท่าจะหนาวนะครับ"  


น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา คล้ายกับคำกระซิบที่พัดพาไปกับสายลม ก่อนที่คูเปอร์จะทันได้ตอบอะไร ไลแซนเดอร์ก็เอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้ มือนั้นใหญ่และอบอุ่นกว่าอย่างที่คิด  


คูเปอร์รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วที่ลากไล้ไปตามสันมือของเขา มันเป็นสัมผัสแผ่วเบาและอ่อนโยน ราวกับอีกฝ่ายกำลังสำรวจบางอย่างที่มีค่าเกินกว่าจะเร่งรีบ  


เขาเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวเมื่อไลแซนเดอร์พลิกฝ่ามือของเขาขึ้นช้า ๆ ราวกับให้เวลาตัวเองได้ซึมซับรายละเอียดทั้งหมดของมัน ปลายนิ้วของไลแซนเดอร์ไล้ผ่านรอยเส้นบนฝ่ามืออย่างแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะก้มลง  


ริมฝีปากของไลแซนเดอร์สัมผัสกับหลังมือของคูเปอร์  มันเป็นสัมผัสที่แทบจะไร้น้ำหนัก แต่กลับทิ้งแรงสั่นสะเทือนไว้ในอกของคูเปอร์อย่างหนักหน่วง  


เขาสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะหัวใจของเขากำลังเต้นแรงเกินกว่าที่จะควบคุมได้  


ไลแซนเดอร์ไม่เร่งรีบ เขาค้างริมฝีปากอยู่ตรงนั้นเสี้ยววินาทีก่อนจะผละออกช้าๆ สายตาของเขายังคงแน่วแน่ไม่ไหวติง ราวกับต้องการจดจำปฏิกิริยาทุกอย่างของคูเปอร์เอาไว้  


คูเปอร์เม้มริมฝีปากแน่น นิ้วมือของเขาเกร็งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ชักมือกลับ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทำไมถึงไม่ทำแบบนั้น  


คุณ...” เขาเริ่มพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่กลับต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงไปเมื่อไลแซนเดอร์เพียงแค่เผยรอยยิ้มบางเบา


ผมแค่บอกลาตามวิธีของผม” น้ำเสียงของไลแซนเดอร์ยังคงนุ่มนวล อ่อนโยนจนน่าหงุดหงิด  


ชายหนุ่มตาสีเทาหลุบตาลง เขาไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่กำมือแน่นขึ้น ราวกับกำลังนึกถึงบางอย่างเกี่ยวกับไออุ่นที่ได้รับเมื่อครู่



รุ่นพี่หนุ่มยังคงจับมือของคูเปอร์ไว้ แม้จุมพิตเมื่อครู่จะจบลงไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ระหว่างพวกเขากลับยังคงหนักแน่นราวกับสายลมบ่ายที่พัดผ่านไม่ขาดสาย  


คูเปอร์ไม่ได้ดึงมือกลับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วยเช่นกัน เขาทำเพียงแค่สบตากับไลแซนเดอร์ นัยน์ตาสีเทาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยราวกับกำลังชั่งใจ บางทีอาจเป็นเพราะยังไม่แน่ใจว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้สึกมากเกินไปจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้  


ไลแซนเดอร์เพียงแค่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ คลายมือของคูเปอร์ออกอย่างนุ่มนวล ทิ้งไว้เพียงไออุ่นจาง ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่บนผิว  


คงได้เวลาแล้ว” เขาพูดเสียงเบา สายตายังคงจับจ้องไปที่คูเปอร์ “ผมคงต้องไปก่อน”  


คูเปอร์กระพริบตาอย่างช้า ๆ หัวใจของเขาเต้นแรงเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ แต่แทนที่จะพูดอะไรออกมา เขาเลือกที่จะพยักหน้าแทนคำตอบ  


ไลแซนเดอร์มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับต้องการจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับวันนี้เอาไว้ ก่อนที่เขาจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว  


“วันนี้สนุกไหม” เขาถาม น้ำเสียงของเขานุ่มนวล แต่ก็ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ในนั้น  


คูเปอร์เบือนสายตาไปทางทะเลสาบ สายลมช่วงบ่ายพัดผ่าน ทำให้ชายเสื้อของเขาปลิวไหวเล็กน้อย  


ก็คงไม่แย่เท่าไร” ชายหนุ่มตอบโดยใช้น้ำเสียงที่เรียบนิ่งที่สุด


ไลแซนเดอร์หัวเราะเสียงแผ่วเหมือนกระซิบ ก่อนจะพยักหน้ารับ “ดีแล้ว”  


เขาถอยห่างออกไปอีกก้าว บ่ายวันนี้ดูเหมือนจะยาวนานกว่าปกติ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนมันกำลังจะจบลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น  


“วันนี้ผมไปแล้วนะ คูเปอร์”  


เสียงของไลแซนเดอร์ยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม และก่อนที่คูเปอร์จะทันได้ตอบอะไร อีกฝ่ายก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างช้า ๆ ทิ้งไว้เพียงเงาของเขาที่ทอดยาวอยู่ใต้แสงตะวันยามบ่าย  


คูเปอร์มองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ ไกลออกไป ในขณะที่ปลายนิ้วของเขายังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่อบอุ่นเมื่อครู่  


เขาควรจะพูดอะไรสักอย่าง ควรจะเอ่ยลา หรืออย่างน้อยก็ควรจะพูดอะไรให้มากกว่านี้  


แต่สุดท้ายเขาก็ทำเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้สายลมพัดผ่าน ปล่อยให้ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ



มาลาแห่งอัสสัมชัญ - [ทุกครั้งที่ปฏิสัมพันธ์กับ NPC Lares SP TGC จะได้รับโบนัสความสนิทสนมเพิ่มขึ้น+10]


น้ำหอมบุรุษ - [ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 2 4 6 8 คู่สนทนาจะได้กลิ่นหอมบนตัวคุณ ได้รับโบนัสพิเศษ+2 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)]

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์ เพิ่มขึ้น 12 โพสต์ 2025-2-25 20:21
โพสต์ 105348 ไบต์และได้รับ 80 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-2-25 16:38
โพสต์ 105,348 ไบต์และได้รับ +25 EXP +45 เกียรติยศ +45 ความศรัทธา จาก บทเพลง   โพสต์ 2025-2-25 16:38
โพสต์ 105,348 ไบต์และได้รับ +15 EXP +40 ความกล้า +30 ความศรัทธา จาก พริบตาแห่งวีรชน  โพสต์ 2025-2-25 16:38
โพสต์ 105,348 ไบต์และได้รับ +20 EXP +25 เกียรติยศ +40 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก ปัญญาแห่งการรบ  โพสต์ 2025-2-25 16:38
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 2025-3-6 12:43:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด

Activity Form

6/03/25  9.30 น. -  10.00 น.


บทที่ 58


ทะเลสาบกลางค่ายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เขาชอบแวะมาใช้เวลาว่าง ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ทอดยาวครอบคลุมไปถึงแนวฝั่งน้ำ ลมอ่อนจากผิวน้ำพัดกระทบผิวให้ความรู้สึกสดชื่น มันเป็นที่ที่เหมาะแก่การนั่งอ่านหนังสือ ครุ่นคิดอะไรเพลินๆ หรือถ้าให้พูดตามความจริงก็คือ เหมาะสำหรับการงีบหลังอาหารเช้าพอ ๆ กับกิจกรรมอื่น ๆ นั่นแหละ  


ชายหนุ่มไพล่มือไว้หลังศีรษะเอนตัวลงไปบนพื้นหญ้านุ่ม พลางพ่นลมหายใจยาวเหยียด วันนี้อากาศดีเกินไปสำหรับการทำอะไรที่ใช้พลังงานเยอะ ๆ อาจจะงีบสักสิบนาทีแล้วค่อยไปทำอะไรที่ดูขยันกว่านี้หน่อย ฟังดูเป็นแผนที่เข้าท่า  


ทว่าก่อนที่เขาจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้เต็มตา ความเงียบสงบทั้งหมดก็พังทลายลงพร้อมกับเสียงแหวกอากาศแหลมๆ บางอย่างพุ่งลงมาจากข้างบน  


ด้วยสัญชาตญาณอันเฉียบคม (หรือจะเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอดล้วน ๆ ก็ไม่แน่ใจ) คูเปอร์กลิ้งตัวหลบออกไปจากจุดเดิมในพริบตาเดียว และนั่นก็ช่วยให้เขาเลี่ยงจากบางสิ่งที่โฉบพุ่งลงมาแทบจะตรงตำแหน่งที่หัวของเขาเพิ่งอยู่เมื่อครู่นี้ไปได้แบบเฉียดฉิว  


ดวงตาสีเทาหรี่ลงมองสิ่งที่ก่อให้เกิดเหตุวุ่นวาย นกฮูกตัวหนึ่งกำลังยืนเชิดหน้าท่ามกลางใบไม้ที่ปลิวว่อนเพราะแรงกระแทกของมันเอง ขนสีน้ำตาลแซมเทาวูบไหวตามจังหวะการกระพือปีกเบาๆ มันไม่ได้ดูเหมือนหลงทาง หรือบาดเจ็บแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ดูเหมือนมันจะจงใจพุ่งเข้ามาใส่เขาเสียมากกว่า  


"โอเค ว่าไงเจ้าขนปุย" คูเปอร์ยันตัวลุกขึ้นปัดเศษใบไม้ออกจากตัว "ถ้านายกำลังหาทางใหม่ไปฮอกวอตส์ บอกไว้ก่อนเลยว่าผิดค่าย"  


นกฮูกตัวนั้นเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะยกปีกข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าตัวเองราวกับเพิ่งได้ยินอะไรที่ทำร้ายจิตใจที่สุดในชีวิต  


"เจ้าบังอาจเปรียบข้ากับนกส่งจดหมายนั่นเรอะ!" น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง "ข้าน่ะหรือจะตกต่ำถึงขั้นเป็นเครื่องมือของพ่อมด? ช่างเป็นคำดูถูกที่เกินจะรับไหว!"  


คูเปอร์กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเหลือบมองไปรอบ ๆ เผื่อว่าเขาจะยังหลับอยู่และนี่เป็นความฝันแบบเหนือจริงอะไรสักอย่าง แต่นกฮูกตัวนี้ยังคงจ้องเขาเขม็งด้วยแววตาที่สื่อให้รู้ว่า มันเอาเรื่องจริง ๆ  


"...โอเค นายพูดได้ และกำลังโกรธที่ฉันเข้าใจผิดว่านายเป็นนกฮูกธรรมดา"  


"แน่นอนอยู่แล้ว!" เจ้านกขยับปีกคล้ายกำลังสะบัดฮู้ดของตัวเองอย่างหยิ่งทะนง "ข้าเป็นนกฮูกแห่ง--" มันกลั้วคอ "ช่างเถอะ เจ้ารู้เพียงแค่ว่า ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นสนุก แต่ข้าได้รับมอบหมายให้มาเป็นคู่หูของเจ้า"  


คูเปอร์เลิกคิ้วขึ้น "คู่หู? ของฉัน? นี่มันโปรเจกต์จับคู่นกฮูกกับมนุษย์หรือไง"  


"ประชดเก่งจริงนะเจ้า" เจ้านกฮูกแค่นเสียง 


"ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่ง ข้าจะไม่มีวันลดตัวมาเกลือกกลั้วกับมนุษย์หัวดื้ออย่างเจ้าเด็ดขาด"  


"ว้าว ฟังดูอบอุ่นจัง แบบนี้ฉันต้องรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกไหม"  


"จะรู้สึกยังไงก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่มีเวลามานั่งสนใจความคิดมนุษย์เท่าแมลงหวี่นักหรอก เอาเป็นว่าตั้งแต่วันนี้ ข้าจะเป็นผู้คอยให้คำปรึกษาและชี้นำเจ้าไปในทางที่ถูกที่ควร"  


"พูดเหมือนฉันมีปัญหาเรื่องทิศทางชีวิตเลยนะ"  


"จากที่ข้าเห็น ก็ไม่แน่ว่าเจ้าจะไม่มีปัญหานั่นจริงๆ"  


"หึๆ ขอบใจนะ" คูเปอร์ตอบกลับเสียงเรียบ 


"ถ้าจะอยู่ด้วยกัน นายก็ควรมีชื่อไว้เรียกง่ายๆ นะ"  


"ข้ามีชื่ออยู่แล้ว"  


"แต่ฉันยังไม่รู้"  


"แล้วเจ้าจะตั้งให้ข้า?" เจ้านกฮูกมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง  


"แน่นอน เอาเป็น..." คูเปอร์ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะดีดนิ้ว "ฮันโซ! แบบฮันโซ ในหนังแอ็กชัน เจ๋งดีใช่ไหม?"  


"ไม่!"  


"โอเค งั้น...เจมส์บอนด์! ฟังดูเท่ดีนะ"  


"ข้าไม่ต้องการชื่อของสายลับจากโลกมนุษย์!"  


"โอ้ นายชอบอะไรคลาสสิกสินะ งั้น...อัตติล่า โจนส์...อินดี้?"  


"ข้ายิ่งอยากถอนหายใจออกมาดัง ๆ เข้าไปทุกที"  


"วู้! นายเลือกยากกว่าที่คิดแฮะ งั้นเอาเป็น...'ดีโน่' ดีไหม?"  


เจ้านกฮูกเงียบไปสักพักเหมือนกำลังพิจารณา แล้วมันก็พยักหน้า  


"ใช้ได้"  


คูเปอร์ขมวดคิ้ว "อะไรนะ? ทำไมนายโอเคกับชื่อนี้ แต่ไม่เอาอัตติล่า? มันต่างกันตรงไหน?"  


"ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟัง"  


"โอ๊ย แม่เจ้า เอาเถอะ ดีโน่ก็ได้" คูเปอร์ยักไหล่ 


"ยินดีต้อนรับสู่ชีวิตสุดปั่นป่วนของฉัน หวังว่านายจะไม่เสียใจที่มา"  


"ข้าเสียใจไปแล้วตั้งแต่วินาทีที่เจอเจ้า"  


"เจ็บนะเนี่ย” 


"ว่าแต่… อย่าบอกนะว่าแม่ส่งนายมา?"  


คูเปอร์ถามพลางเลิกคิ้วอย่างสงสัย เขาไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไรมากนักหรอก แต่แค่ต้องการความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้เพิ่งเซ็นสัญญารับเลี้ยงนกฮูกกวนประสาทตัวหนึ่งไปโดยไม่ตั้งใจ  


เจ้านกฮูก— ไม่สิ เจ้า ‘ดีโน่’ ทำท่ายืดอก (ถ้าจะเรียกว่ามันมีอกให้ยืด) ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ  


"ข้าคือนกฮูกผู้ทรงเกียรติแห่งเทพีอะธีน่า ได้รับสั่งให้มาอยู่กับเจ้า จงดีใจซะ!"  


"โอ้โห ฟังดูอลังการจังเลยนะ" คูเปอร์เอียงคอมองมัน "แต่คำว่า ‘อยู่กับเจ้า’ นี่มันหมายถึงแค่ชั่วคราว หรือว่าแบบ…ระยะยาว?"  


"แน่นอนว่าระยะยาว" ดีโน่ขยับปีกเล็กน้อยคล้ายจะประกาศความเป็นเจ้าของอาณาเขตของมันเหนือไหล่ของเขา "ข้ามิใช่นกฮูกส่งสารที่จะบินไปบินมาแล้วหายตัวไปดั่งเงา ข้าจะอยู่กับเจ้า คอยให้คำแนะนำ พาเจ้าไปสู่หนทางแห่งปัญญา และ—"  


"แปลว่าฉันจะมีนกฮูกที่ชอบพูดประชดประชันบินวนรอบหัวไปจนกว่าฉันจะตายใช่ไหม?"  


"เข้าใจอะไรง่ายดีนี่"  


คูเปอร์พ่นลมหายใจ "แล้วจะดีใจทำไมล่ะเนี่ย"  


"เพราะมันคือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ไงล่ะ เจ้ามนุษย์หัวขี้เลื่อย" ดีโน่จิกสายตาลงมาอย่างเหยียดหยาม "การที่ข้าถูกส่งมาอยู่กับเจ้า แปลว่าเจ้ามีความสำคัญพอให้ได้รับที่ปรึกษาผู้ปราดเปรื่องอย่างข้า นี่เป็นโอกาสดีที่หาไม่ได้ง่ายๆ นะ"  


ชายหนุ่มกลอกตา "อืม ก็ขอบใจสำหรับเกียรติอันยิ่งใหญ่นี่ละกัน แต่แค่ถามให้แน่ใจหน่อยนะ แม่ฉันส่งนายมาเพราะเหตุผลอะไรกันแน่?"  


ดีโน่กระพือปีกหนึ่งที ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาที่ดูเหมือนกำลังประเมิน  


"เจ้าคิดว่าเพราะอะไรล่ะ?"  


"อืม ให้เดานะ..." คูเปอร์ทำท่าครุ่นคิด มือแตะปลายคาง "...อาจเป็นเพราะฉันฉลาดเกินไปก็ได้ นี่คงเป็นวิธีของแม่ที่ส่งตัวแทนมาให้ฉันมีเพื่อนคุยที่ฉลาดเทียบเท่ากัน"  


"ฝันไปเถอะ"  


"โอเค งั้น...ฉันทำอะไรผิดพลาดไป? หรือแม่แค่คิดว่า ฉันต้องการผู้ช่วยเพราะตัวเองยังไม่เก่งพอ?"  


"หึ เจ้าคงต้องใช้เวลาคิดไปอีกนาน" เจ้านกฮูกยกปีกปัดไปมาอย่างสบายๆ "แต่ขอให้รู้ไว้ว่าการที่ข้าอยู่ที่นี่ ย่อมมีเหตุผล และเจ้าจะได้รู้ในเวลาที่เหมาะสม"  


"อ้อ เจ๋งเลย ฉันชอบพล็อตเรื่องที่ให้เดาตัวเองแบบนี้" คูเปอร์กล่าวเสียงเฉยชา "อะไรนะ? นายจะไม่บอกฉันตอนนี้? โอ้ ไม่นะ ฉันจะทำยังไงดี?"  


"ประชดประชันเป็นเลิศจริง ๆ"  


"ขอบใจ ฉันภูมิใจในทักษะนี้มาก"  


ดีโน่จ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ (ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับนกฮูก แต่ยังไงมันก็ทำอยู่ดี)  


"เฮ้อ เอาเถอะ อย่างน้อยเจ้าก็ดูมีไหวพริบพอใช้ได้ ข้าอาจจะไม่ต้องทนอยู่กับคนโง่นานเกินไป"  


"โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ ใครกันที่เพิ่งบอกว่าฉันมีความสำคัญพอให้ได้รับที่ปรึกษาอันทรงปัญญา?"  


"เจ้ามีความสำคัญ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉลาด"  


"โห จี๊ดเลยนะ"  


"ข้าแค่พูดความจริง เจ้าอาจต้องการข้าเพื่อกล่อมเกลาจิตวิญญาณแห่งสติปัญญาให้ลึกซึ้งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้"  


"ขอบใจที่มองว่าฉันเป็นโปรเจกต์ปรับปรุงคุณภาพ" คูเปอร์กล่าว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า "แล้วถ้านายจะอยู่ที่นี่กับฉันจริง ๆ เราควรตั้งกฎกันหน่อยไหม?"  


"เช่น?"  


"กฎข้อแรก นายห้ามกวนประสาทฉันก่อนเวลาอาหารเช้า"  


"ข้าก็ไม่แน่ใจว่ากฎข้อนี้จะเป็นไปได้แค่ไหน"  


"ข้อสอง ห้ามพุ่งลงมาใส่หัวฉันเหมือนเมื่อกี้อีก"  


"ข้าคิดว่าเจ้าหลบทันนี่"  


"แปลว่าอีกหน่อยนายจะลองทำให้ฉันหลบไม่ทันสินะ!?"  


"ข้าไม่ยืนยัน และก็ไม่ปฏิเสธ"  


คูเปอร์ส่ายหน้า ก่อนจะหยิบหินก้อนเล็ก ๆ ขว้างลงน้ำเป็นคลื่นกระเพื่อม "ก็ได้ งั้นกฎข้อสุดท้าย ถ้าจะอยู่กับฉันจริงๆ นายต้องสัญญาว่าจะไม่ทำให้ฉันปวดหัวมากเกินไป"  


ดีโน่จ้องเขานิ่งๆ ก่อนจะกะพริบตาหนึ่งที "ข้าคงทำตามข้อนี้ไม่ได้"  


"ฉันก็คิดงั้นแหละ..." คูเปอร์พ่นลมหายใจยาวเหยียด มองเจ้านกฮูกจอมกวนตรงหน้าแล้วก็รู้ได้เลยว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรสักอย่างที่ปั่นป่วนแน่ๆ  


"งั้นก็ขอต้อนรับเข้าสู่ชีวิตของฉัน ดีโน่ ขอให้นายโชคดี เพราะดูเหมือนเราจะต้องทนกันไปอีกนาน"  


"ข้าก็กำลังภาวนาให้ตัวเองรอดไปได้เหมือนกัน!”



สรุปสถานการณ์ : คูเปอร์ได้รับนกฮูก 1 ea





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 70,779 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า +6 ความศรัทธา จาก เกราะหนัง  โพสต์ 2025-3-6 12:43
โพสต์ 70,779 ไบต์และได้รับ +5 ความกล้า จาก โล่อัสพิส  โพสต์ 2025-3-6 12:43
โพสต์ 70,779 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก หอกกรีก  โพสต์ 2025-3-6 12:43
โพสต์ 70,779 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +6 ความกล้า +8 ความศรัทธา จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-3-6 12:43
โพสต์ 70,779 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ล็อคเก็ตรูปหัวใจ  โพสต์ 2025-3-6 12:43
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 2025-4-7 13:30:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด

DARYNA
Ancient Greek lesson 1
วันจันทร์ที่ 7 เมษายน ย้อนเวลาช่วง 09.30 - 10.20 น.

เช้าวันจันทร์ที่ดาริน่ายังคงลุกมาตั้งแต่เช้ามืด หมกตัวอยู๋ที่ห้องแห่งการรังสรรค์เพื่อวาดรูป พู่กันปัดแปรงยังพื้นที่ผืนผ้าใบ แววตาสีฮาเซลสะท้อนภาพสีที่เลอะเปรอะเหล่านั้นอย่างติดเหม่อลอยเล็ก ๆ มือเล้กพลันผละมือ ลอบขยับเรียวนิ้วไล้เบายังด้ามแปรง ริมฝีปากขยับขบเม้มหากันแผ่วผ่าน กระทั่งมันผ่อนคลายลงเมื่อพี่สาวประจำบ้านเข้ามาทักทายเธอก่อนออกไปประจำพื้นที่ฝากของ

อย่าลืมไปเรียนบ้างล่ะยัยหนู

น้ำเสียงฟังกึ่งดุที่เอ่ยทุกครั้งก่อนจะออกจากบ้านพักนั้นเรียกรอยยิ้มกึ่งแหยกลับไปให้ทีน่าอยู่เสมอ เพราะตามจริงดาริน่าแทบจะไม่ได้เข้าเรียนเลยตั้งแต่อยู่ที่นี่มาเกือบปี ทักษะต่าง ๆ ของเธอจึงยังเป็น 0 การติดต่อกับวลาดก็ทำได้เพียงติดต่อผ่านเครื่องมือสื่อสารที่บ้านพักเฮอร์มีส

เพราะเฝ้านึกถึงเรื่องนี้ซ้ำไปมา แม้วลาดจะบอกว่าไม่ต้องรีบแต่ดาริน่าก็รู้สึกผิดในใจอยู่ตลอด ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่ทำให้เธอเริ่มคิดว่าควรทำอะไรสักอย่างบ้างแล้ว พู่กันในมือถูกวางทั้งที่ยังวาดรูปค้างเอาไว้ หญิงสาวพาตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดเอี๊ยมขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนคล่องตัวรับกับเสื้อสีขาวแขนตุ๊กตาด้านใน แววตากลมจดจ้องกระเป๋าสะพายประจำตัวคว้าหยิบเอาสมุดโน้ตที่ว่างเปล่าเล่มหนึ่งมาพร้อมปากกาหลากสี

ตารางเรียน ตารางเรียน ” ริมฝีปากเล็กขยับพึมพำแผ่วเบาพร้อมกับร่างของหญิงสาวที่เริ่มวนเวียนในห้องนอนตัวเอง

จนเมื่อได้มาแล้วก็ไล่เรียวนิ้วแตะลงที่คาบแรกที่กำลังจะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมงหลังจากนี้ ซึ่งทันทีที่เห็นรายชื่อวิชา เรียวคิ้วก็คล้ายขดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความกังวล

ภาษากรีกโบราณ?... ลองดูแล้วกัน

.
.
บริเวณยังทะเลสาบที่ทอดวิวกว้างเบื้องหน้าคล้ายทำให้ร่างเล็กของดาริน่ามาถึงเผลอยืนมองครู่หนึ่ง ความในใจนึกอยากจะนั่งวาดรูปแถวนี้แทนแต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้เตรียมเรียน เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มพริ้วปลิวตามสายลมที่พัดหอบจาง ทำเอาเธอต้องคอยจับผมเอาไว้ที่เริ่มจะปัดป่ายมาโดนดวงหน้าหวานให้แทบมองข้างหน้าไม่เห็น มือข้างหนึ่งเริ่มจับบริเวณข้อมือของตนราวกำลังจะหาของ

ลืมเอายางมา..

อารามรีบร้อนที่จะลองเข้าชั้นเรียนทำให้ดาริน่าเตรียมของได้ไม่ครบ ทั้งที่ตอนวาดรูปยางรัดผมเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยขาดจากข้อมือเลย สีหน้าของหญิงสาวเลยเริ่มจะยุ่งเหยิงพอ ๆ กับเรือนผมที่ไม่อยู่นิ่ง

เอาล่ะมาเข้าเรียนได้แล้วค่ะเด็ก ๆ- แล้วนี่เธอไปทำอะไรมาคะเนี่ย?

ในตอนนั้นที่ร่างเล็กของดาริน่ากำลังปัดผมออกจากหน้าพร้อมเดินเซจากมองทางไม่เห็น เสียงหวานที่เอ่ยทักหาระคนเสียงหัวเราะเคล้าคลอก็คล้ายทำทั้งร่างหยุดชะงักฝีเท้าไป เนื้อเสียงหวานเหล่านั้นไพเราะน่าฟงอย่างประหลาดจนธิดาไอริสอดไม่ได้ที่จะพยายามมองหา ในตอนนั้นเรือนผมนุ่มของเธอก็คล้ายถูกรวบจับจากใครบางคน เรียวนิ้วสอดสางให้สัมผัสนุ่มนวลจนดาริน่าไม่ได้คิดปฏิเสธ ยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาให้คนคนนั้นช่วยมัดผมของเธอจนเป็นดังโงะอยู่กลางศีรษะ

เรียบร้อยแล้วค่ะ ไปนั่งเรียนได้แล้วเด็กใหม่

ภาพตรงหน้าของดาริน่าเป็นร่างของหญิงสาวรุ่นพี่คนหนึ่งที่ตัวสูงกว่าเธอช่วงศีรษะหนึ่ง ดวงหน้าสวยที่เครื่องหน้าชัดคล้ายดึงเสน่ห์ออกมาจนชวนรู้สึกแดงซ่านไปทั่วพวงแก้มนุ่ม ริมฝีปากเล็กของดาริน่าเม้มหากันด้วยความติดประหม่า เธอเลื่อนมือกอบจับยังสายกระเป๋าตัวเองเหมือนวางมือไม้ไม่ถูก

ขอบ.. ขอบคุณค่ะ ” เสียงของเธอกล่าวเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยินก่อนจะวิ่งไปหาที่นั่งแถวพื้นที่ว่างของศาลาสำหรับนั่งเรียนแถวทะเลสาบนั้น

แววตาสีฮาเซลดูวางไม่ถูกนักเมื่อผู้สอนนั้นสวยจนชวนให้อยากเก็บรับภาพตรงหน้าลงผืนกระดาษผ้าใบ ไหนเลยจะความใจดีของอีกฝ่ายที่ช่วยรวบมัดผมให้เธออีก สองมือเล็กยกตบข้างแก้วตัวเองไม่แรงนักราวเรียกสติ วันนี้เธอมาเรียนอย่างอื่นไม่ใช่วาดรูป เพราะงั้นก็ต้องมีสมาธิเรียนกับหญิงสาวตรงหน้า

ฉัน รีเบคก้า แม็กเคลน ค่ะ หลายคนอาจรู้จักชื่อแล้ว แต่มีเด็กใหม่ก็คงต้องแนะนำตัวใหม่หน่อยจริงไหมคะ?

ลูกแก้วสีเปลือกไม้อ่อนตวัดสบหายังดาริน่า ก่อนรีเบคก้าจะขยิบตาส่งหาให้อย่างขี้เล่นแต่ก็ดูคล้ายมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองจนดูไม่มากเกินไม่น้อยเกิน เล่นเอาดาริน่าเผลอก้มหน้างุดเปิดสมุดโน้ตแก้เก้อไปเลยเชียว เสียงหัวเราะหวานดั่งระฆังแก้วกังวาลเบาก่อนที่คาบเรียนภาษากรีกโบราณจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเริ่มจากการเล่าถึงที่มาและประวัติคร่าว ๆ ก่อนที่กระดานขนาดเล็กที่สามารถลากล้อเข็นได้จะถูกดึงมาให้ทวนอ่านถึงตัวอักษรกรีก

เอาล่ะค่ะ ไหนอ่านทวนตัวอักษรให้ฟังหน่อยสิคะเด็ก ๆ

และเพราะในชั้นเรียนประกอบไปด้วยเด็กในวัยสิบต้น ๆ ดาริน่าที่เพิ่งจะขึ้นเลขสองมาไม่นานนั้นเลยถูกเหมารวมเป็นเด็กไม่ต่างจากคนอื่น แต่พื้นฐานความรู้ของเธอก็สมควรที่จะถูกเรียกเด็กอยู่เหมือนกัน ทว่าในตอนที่ดาริน่าไม่มั่นใจว่าตัวเองจะอ่านตามได้ ตัดอักษรในกระดานที่คล้ายถูกแววตาของเธอดึงดูด ความหมายและความคุ้นเคยประหลาดทำให้เธอรู้สึกอ่านออกอย่างที่ไม่เข้าใจ

รู้ตัวอีกทีเธอก็เผลออ่านตามคนอื่น ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วไปแล้ว

พไซ (Ψ) โอเมกา (Ω)..

ว้าว- เก่งมากค่ะ ..งั้นพวกเรามาลอง อ่านคำทักทายที่เพิ่งจะเรียนกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

ราวกับหญิงสาวตรงหน้าอยากทดสอบบางสิ่ง เธอหยิบเอาปากกามาร์กเกอร์ลบได้มาเขียนประโยคทักทายง่าย ๆ สองสามประโยคและให้เด็กในคลาสช่วยกันอ่านอย่างใจเย็น กระทั่งดวงหน้าสวยของรีเบคก้าจะตกลงยังร่างของดาริน่าที่ตอนนี้กำลังตกใจไม่ต่างกัน

แล้วถ้าทักทายหลายคน ประโยคนี้อ่านว่าอะไรคะ?.. ” เสียงหวานกล่าวเน้นพร้อมจดจ้องค้างยังธิดาไอริที่ตอนนี้ลอบกลืนน้ำลายลงแผ่วเบา

ย้า ซาส (Γεια σας)

เธออ่านออกได้ยังไงกัน?

ถูกต้องค่ะ

เสียงเอ่ยชมนั้นฟังจริงใจและดูนึกสนุกอยู่ในที เรียวแขนที่ยกกอดอกของครูผู้สอนเปลี่ยนมาไล้เรียวนิ้วที่ริมฝีปากแผ่วเบา ก่อนที่เธอจะเริ่มชี้ลงกระดานและสอนต่อคล้ายคลายละความสงสัยบางอย่างจากดาริน่าแล้ว และก็เป็นฝ่ายธิดาไอริสเช่นกันที่ผละละความสนใจจากเครื่องหน้าคมงดงามของครูผู้สอนได้โดยไม่รู้สึกอยากวาดรูป

เนื่องจากความใคร่รู้ทั้งหมดของเธอนั้นตกลงยังวิชาภาษากรีกโบราณที่ทำให้ดาริน่ารู้สึกอ่านหนังสือได้คล่องแคล่วกว่าครั้งไหน ๆ รอยยิ้มคล้ายแต้มประดับตลอดคาบไม่คลายลง


เข้าเรียนคาบ ภาษากรีกโบราณ 1/4 (+10 EXP และ +20 ความกล้า)

แสดงความคิดเห็น

ดี: 0.0
God
ดี: 0
การบ้าน 1/4: ศึกษาพยัญชนะอักษรกรีกโบราณ และ ฝึกแต่งประโยคเกี่ยวกับการแนะนำตัวเอง (บล็อก) พรีเซนในคาบหน้า (+20 EXP)  โพสต์ 2025-4-8 00:35
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-4-7 20:09
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-4-7 20:09
โพสต์ 16837 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-4-7 13:30
โพสต์ 16,837 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก หูตาฉับไว  โพสต์ 2025-4-7 13:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำไลหินนำโชค
ดาบสัมฤทธิ์
โล่อัสพิส
เสื้อฮาวาย
ร่ม
หูตาฉับไว
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x3
โพสต์ 2025-4-10 17:30:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด

DARYNA
Ancient Greek lesson 2
วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน ย้อนเวลาช่วง 10.20 - 12.00 น.

เรือนผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบมัดเป็นหางม้ายังด้านหลัง ดวงหน้าผินซ้ายขวาสำรวจหน้ากระจกดูความเรียบร้อยเล็กน้อยจนเรือนผมนุ่มส่วนปลายคลอเคลียบ่าเล็กที่สวมเสื้อผูกไหล่ รับกับกางเกงสามส่วนขาจั๊มพ์ดูคล่องตัว ดาริน่าที่เตรียมพร้อมสำหรับเข้าคลาสเรียนกรีกโบราณหยิบเอากระเป๋าประจำตัวขึ้นมาสะพาย ตรวจสอบสมุดโน้ตที่เขียนการบ้านเอาไว้ก็พลอยใจเต้นระรัวขึ้นมาด้วยความติดตระหนกเล็ก ๆ ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มหากันด้วยท่าทางประหม่าที่สลัดไม่ออก

พรีเซนต์หน้าชั้นเรียนมาก็มาก แต่เธอก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี

คุมลมหายใจเรียกความกล้าหาญอยู่สักพัก เพราะช่วงนี้เริ่มวิ่งออกกำลังกายเลยพลอยทำให้ร่างกายค่อนข้างสดชื่นและควบคุมอารมณ์ใดได้ง่ายขึ้นด้วย อิวานอฟสาวที่พอสัมผัสได้ก็ระบายรอยยิ้มจางอย่างดีใจ สองเท้าก้าวออกจากบ้านพักหมายเลข 14 และตรงไปยังทะเลสาบอันเป็นที่นัดหมายการเรียนอย่างกระตือรือร้น ระหว่างทางสองแฝดตัวน้อยบ้านเฮอร์มีสก็กำลังเตรียมเข้าชั้นเรียนไม่ต่างกัน ดาริน่าจึงโบกมือทักทายและเดินร่วมทางไปด้วยกันกับเด็ก ๆ

.
.
ตรงอายุ 12 ออกเสียงยังไงนะคะคุณดาริน่า

เลย์ลินน์เอ่ยถามพร้อมร่องรอยคิ้วขมวด มือกางสมุดอ่านคำแนะนำตัวเองอย่างเคร่งเครียดด้วยสำเนียงกรีกที่ฟังค่อนข้างรื่นหูอย่างน่าชื่นชม เพราะแบบนั้นเมื่อออกเสียงไม่ถูกใจเลยหันมาถามยังรุ่นพี่ต่างบ้านที่นั่งอยู่ไม่ไกลภายใต้ศาลาสำหรับเรียนภาษากรีกโบราณที่อีกราว ๆ สิบนาทีกำลังจะเริ่มคลาส เลย์ลาที่กำลังฝึกพรีเซนต์เหมือนกันคล้ายชะโงกดวงหน้าน้อย ๆ ออกมาจากสมุดมาจ้องดาริน่าด้วยแววตาคาดหวังเช่นกัน เล่นเอาธิดาแห่งไอริสเกิดประหม่าขึ้นมา ถึงอย่างนั้นในอกก็อุ่นวาบและเอ็นดูเด็ก ๆ ทั้งสองคนไม่น้อย

ดวงหน้าหวานผินก้ม ช่วงมือยกมาขยับเรียวนิ้วกดลงไล่เรียงนับเลขในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยออกเสียงหมายเลข 12 ให้สองแฝดเอลฟาวลีย์ได้ฟัง

โด-เดะ-ก่า.. (δώδεκα) คิดว่าน่าจะออกเสียงประมาณนี้ค่ะ

ด้วยเนื้อเสียงของธิดาบ้านไอริสเฝ้าฟังนุ่มนวลอยู่แล้ว ยามพูดภาษากรีกคล้ายจะติดขึ้นจมูกอยู่นิดหน่อย มาจากที่เธอเป็นคนยูเครนและใช้ภาษารัสเซียที่มีตัวอักษรและหยิบยืมประโยคในภาษากรีกโบราณมาใช้ร่วมด้วย ทำให้การออกเสียงของดาริน่าดูเข้าปากและโตกว่ายามพูดภาษาอังกฤษ เด็กทั้งสองที่ฟังก็คล้ายมองหน้ากัน รู้สึกเหมือนเจอเจ้าของภาษากลาย ๆ ก็ยกรอยยิ้มเป็นอันรู้กันขึ้นมา เด็กแฝดตัวน้อยต่างยื่นสมุดการบ้านมายังเบื้องหน้าของดาริน่าตาประกาย

คุณดาริน่าช่วยอ่านให้ฟังหน่อยค่ะ!

สองเสียงคล้ายกันประสานหา ทำเอาคนฟังเบิกตามองกึ่งตกใจ ก่อนสุดท้ายเสียงหัวเราะจะแว่วผ่านไม่ดังนัก ดาริน่าพยักหน้ารับอย่างยินดีและช่วยอ่านประโยคที่เด็ก ๆ ตั้งใจแต่งประโยคแนะนำตัวกันขึ้นมาให้อย่างใส่ใจ จนถึงเวลาเริ่มคลาสตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ เพราะรีเบคก้าดูคล้ายจะยืนค้ำมองมาสักครู่แล้ว อิวานอฟสาวที่เพิ่งรํตัวก็แทบสะดั้งโหยงเมื่อหันไปเห็นคุณครูเจ้าของคลาสกำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่

ดูเหมือนจะพร้อมพรีเซนต์งานกันแล้วใช่ไหมคะ? ” เสียงหวานพร่าปลายมีเสน่ห์เอกลักษณ์ของรุ่นพี่สาวบ้านไทคีกล่าวขึ้น

รีเบคก้าไล่เรียงรายชื่อเด็ก ๆ ที่เข้าชั้นเรียนตามรายชื่อผู้ที่ลงทะเบียนก่อนจนถึงสุดท้าย แน่นอนว่าดาริน่าที่เพิ่งมาเข้าคาบเรียนในตอนท้ายจึงได้ออกมาพูดหน้าชั้นเรียนเป็นลำดับหลัง เธอตื่นเต้นจนหายตื่นเต้น จนกระทั่งกลับมาตื่นตระหนกอีกหนยามชื่อถูกเรียกขานชื่อให้ออกมาพรีเซนต์การบ้านหน้าชั้นเรียน คุณครูสาวบ้านไทคีผายมือให้เธอเริ่มโดยที่เจ้าตัวก็ตรงมานั่งยังที่นั่งนักเรียนเพื่อเฝ้าฟังอย่างตั้งใจเพื่อเตรียมให้คะแนน รอยยิ้มที่แต้มรับบนดวงหน้าสวยของแม็กเคลนสาวค่อนข้างคาดเดาได้ยากเลยเชียว

มือทั้งสองของดาริน่าเย็นเฉียบ เธอถูมันลงกับกางเกงสามส่วนของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหยิบปากกาเขียนบอร์ดขึ้นมาไล่เรียงเขียนพยัญชนะของภาษากรีก เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อยในตอนแรก ก่อนจะค่อยคอยลื่นไหลขึ้น

พยัญ.. ชนะในภาษากรีกจะมี 24 ตัวคล้ายในภาษาอังกฤษ แต่การ.. ออกเสียง และตัวอักษรจะต่างกันค่ะ

ลายมือของดาริน่าค่อนข้างเรียบง่าย กลมมน ให้ความรู้สึกกึ่งทางการ และอ่านสะดวก เธอไล่เขียนค่อยเป็นค่อยไปพร้อมอ่านให้ฟังไปด้วย โดยความประหม่าก็คล้ายจะลดเลือนลงไปบางส่วน

Α α – อัลฟา

Β β – เบตา

Γ γ – แกมมา

Δ δ – เดลตา

Ε ε – เอปซิลอน
.
.
Ω ω – โอเมกา


แล้วสระล่ะคะ? ” จู่ ๆ รีเบคก้าก็เอ่ยถามขึ้นหลังตัวอักษรในภาษากรีกถูกเฝ้าเอ่ยมาจนหมด

ดาริน่าคล้ายจะเงียบลงไปครู่ เธอมองยังกระดานที่เขียนตัวหนังสือไล่เรียง ก่อนจะเลื่อนปากกาวงตัวอักษรอันเป็นสระของภาษากรีกให้กับรุ่นพี่ไทคีที่เอ่ยถามได้ทราบคำตอบ แววตาสีเปลือกไม้ของรีเบคก้าดูประกายระยับขึ้น

อัลฟา (α) เอฟซิลอน (ε) อีตา (η) ไอโอตา (ι) โอมิครอน (ο) อิปไซลอน (υ) แล้วก็.. โอเมกา (ω) ค่ะ เป็นสระทั้ง 7 ในภาษากรีก

πολύ καλό (ดีมาก) .. อ่ะ ต่อไปก็แนะนำตัวได้เลยค่ะ

ธิดาแห่งไอริสค้อมศีรษะรับเล็กน้อย ริมฝีปากเบ็กลอบเม้มเข้าหากันแผ่วเบาก่อนที่เธิจะเริ่มแนะนำตัวด้วยภาษากรีกอย่างช้า ๆ ราวกับต้องการให้เพื่อนร่วมคลาสได้ช่วยเฝ้าฟังและร่วมแปลไปกับเธอด้วย สองมือประสานจับกันยังด้านหน้าเบา ๆ เรียวนิ้วเกาะเกี่ยวกันซ่อนความประหม่า

Καλημέρα δασκάλα και φίλοι μου. (สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณครูและเพื่อน ๆ ของฉัน)

Το όνομά μου είναι Darina Ivanov. Είμαι είκοσι (20) χρονών. Η κόρη της θεάς Ίριδας. (ฉันชื่อว่า ดาริน่า อิวานอฟ อายุ 20 ปี ธิดาแห่งเทพีไอริส)

Γεννήθηκα στην Ουκρανία, αλλά τώρα είμαι στο Camp Half-Blood εδώ και ένα (1) χρόνο. (ฉันเกิดที่ยูเครน ตอนนี้อาศัยอยู่ใน ค่ายฮาล์ฟบลัด มา 1 ปีแล้ว)

Χαίρομαι που σας γνωρίζω όλους. (ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ)

ร่างเล็กค้อมศีรษะอีกครั้งปิดท้ายประโยค ก่อนเสียงปรบมือจะดังขึ้นพร้อมกับรีเบคก้าที่ลุกมาผายมือกลับให้ดาริน่าได้กลับเข้าที่ สีหน้าของเธอดูดีอกดีใจไม่น้อยที่เด็ก ๆ ในคลาสเรียนตั้งใจกันขนาดนี้ เธอปรบมืออีกสองสามหนเรียกความสนใจจากทุกคนและเริ่มเอ่ยถึงบทเรียนวันนี้ขึ้นมา

เอาล่ะ ๆ– เด็ก ๆ ทำได้ดีกว่าที่ฉันคาดมาก และเหมือนจะมีเพื่อน ๆ บางคนที่เริ่มพูดศัพท์เกี่ยวกับตัวเลข.. และชื่อเทพที่เป็นผู้ปกครองของพวกเรา
.
เพราะงั้นมาเริ่มที่ดูศัพท์ตัวเลขในวันนี้ กับฝึกเขียนชื่อเทพของพ่อแม่พวกเธอกันดีกว่าค่ะ เริ่มเลย

และแล้ววิชาเรียนภาษากรีกโบราณก็เริ่มดำเนินการท่องตัวเลขกันตั้งแต่เริ่มต้นหลักหน่วยจนไปถึงหลักสิบ โดยรีเบคก้าตั้งใจจะทยอยให้ไปจดจำเพิ่มเติมในหลักที่มากขึ้นในคาบต่อไปหรืออาจจะการบ้านในวันนี้ ส่วนเหล่าชื่อเทพก็คล้ายนำมาเป็นแบบฝึกหัดระหว่างคาบให้เหล่าเด็ก ๆ ไป และแน่นอนว่าสองแฝดบ้านเฮอร์มีสที่ได้ทำการบ้านร่วมกับดาริน่าก็เร่งตรงมาจับจองคล้องแขนพี่สาวบ้านไอริสก่อนเขาก่อนใครเลยเชียว


ส่งการบ้าน ( ลิงก์ ) และ พรีเซนต์หน้าชั้นเรียน (+20 EXP)
เข้าเรียนคาบ ภาษากรีกโบราณ 2/4 (+10 EXP และ +20 ความกล้า)


แสดงความคิดเห็น

God
การบ้านคลาส 2: (+2 Point) (บล็อกส่วนตัว) ฝึกเขียนเลข 1-20 ภาษากรีกและชื่อเทพประจำบ้าน แล้วนำชื่อเทพมาแต่งประโยค 1 ประโยค   โพสต์ 2025-4-10 21:02
God
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-4-10 20:57
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2025-4-10 20:56
โพสต์ 18571 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-4-10 17:30
โพสต์ 18,571 ไบต์และได้รับ +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก เสื้อฮาวาย  โพสต์ 2025-4-10 17:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กำไลหินนำโชค
ดาบสัมฤทธิ์
โล่อัสพิส
เสื้อฮาวาย
ร่ม
หูตาฉับไว
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x3
โพสต์ 2025-4-22 16:36:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Julie's side story
half Blood camp's Easter event

-25.04.20 / 10:15AM-


หลังจากกินเฟรนช์โทสสุดอร่อยฝีมือคุณป้าสกายลาร์แล้วผมก็เหมือนได้รับการฟื้นฟูพลังขึ้นมาจากเหตุการณ์ไข่หายเมื่อครู่ และตอนนี้ผมก็พร้อมเริ่มต้นออกไปหาไข่อีกครั้งแล้ว ซึ่งสถานที่ถัดไปที่ผมหมายตาไว้ก็คือทะเลสาปกลางค่าย แต่ดูเหมือนจะมีคนมาถึงก่อนผมอีกนะเนี่ย


“เชมัส ! เจอกันอีกแล้ว นายมาอยู่ตรงนี้นานหรือยัง”


ผมเรียกชื่อเพื่อนบ้านแอมฟิไทรต์ที่เพิ่งแยกย้ายกันหลังเสร็จสิ้นพิธิเปิดแล้วเดินมาหา ไม่นึกเลยว่าจะได้พบกันอีกครั้งเร็วขนาดนี้


“อืม…ก็อยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก ยังไม่ได้ไปไหนเลย แล้วนายเป็นไงบ้าง”


เชมัสกลอกตานึกเล็กน้อย (ทั้งที่ผมคิดว่าไม่ต้องนึกก็ได้ถ้าเขาไม่ได้ไปที่ไหนมาก่อนเลย) ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ตะกร้าอันว่างเปล่าในมือผมแล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าราวกับมีคำถาม


“ฉันไปที่โถงอาหารมา ที่จริงฉันหาไข่เจอแล้วนะ แต่ว่า…”


ผมยิ้มเจื่อนแทนคำตอบแล้วเริ่มเล่าสิ่งที่เพิ่งพบเจอให้เชมัสฟัง ทั้งเรื่องที่เจอไข่อีสเตอร์ในโถงอาหารและไข่พวกนั้นก็หายวับไปกับตา รวมถึงคำบอกเล่าของคุณป้าสกายลาร์ที่ว่าผมอาจโดนเทพหรือเทพีสักองค์แกล้งด้วย


“แย่เลย อุตส่าห์หาเจอแล้วแท้ ๆ งั้นมาช่วยกันหาไหม ผมก็หาเจอเหมือนกัน แต่ยังหาไม่ทั่ว น่าจะมีอีก


เชมัสขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่ฟังผมพูดจบ เมื่อมองในตะกร้าของเขาผมก็เห็นว่ามีไข่อีสเตอร์อยู่จำนวนนึง


ได้เหรอ ฉันไม่ได้มาแย่งนายใช่ไหม


ไม่หรอก ผมยังไงก็ได้ ช่วยกันหาอาจมีโอกาสเจอมากขึ้นก็ได้นะ


เชมัสส่ายหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงปฏิเสธความคิดของผมแล้วไปหยิบกิ่งไม้ยาวแถวนั้นมาให้


อื้อ ! ถ้านายว่างั้น เรามาช่วยกันหาเถอะ


ผมเม้มริมฝีปากกระพริบตาถี่ ๆ ด้วยความซาบซึ้งใจ ฮืออออ…เขาช่างใจดีจังเลย 


พวกเราเดินหาไข่อีสเตอร์ตามจุดต่าง ๆ แถวทะเลสาบโดยใช้กิ่งไม้แหวกตามพงหญ้าและใช้ขุดดินเพื่อนำไข่บางฟองที่ถูกฝังดินซ่อนไว้ให้โผล่บางส่วนออกมา บางฟองที่ถูกซ่อนตามบนต้นไม้เชมัสก็อาสาปีนขึ้นไปเก็บให้ เขาช่วยผมได้มากทีเดียว อย่างน้อยผมก็ไม่เหนื่อยจนอาการหอบกำเริบและไม่ได้แผลตามร่างกายเพิ่มขึ้นมาอีก

.


.

โอ้โห ! ดูฝีมือพวกเราสิ ได้ไข่มาเยอะแยะเลย


 ผมร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นจำนวนไข่ที่พวกเราช่วยกันหาจนทั่วบริเวณทะเลสาป เชมัสเองก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจขณะที่พวกเรามานั่งพักกันใต้ต้นไม่ใหญ่เพื่อหลบแดดจ้า


“ผมเอาเท่านี้ก็พอ ส่วนนี่ของนาย จูลี่”


เชมัสหยิบไข่ไม่กี่ใบใส่ตะกร้าของตนเอง พอรวมกับของเดิมที่มีในตะกร้าแล้ว เขาคงกะจะให้จำนวนไข่ของเราเท่ากัน


“หื้อออ ไม่ได้สิ ทำไมนายเอาไปแค่นั้น เราต้องแบ่งเท่า ๆ กันนะ นายเองก็ลงแรงไปตั้งเยอะ”


ผมหน้ามุ่ยเล็กน้อย หยิบไข่จะไปใส่ในตะกร้าของเชมัสเพิ่มแต่เขากลับส่ายหน้าแล้วดึงตะกร้ากลับไปข้างตัว


“ผมแค่มาร่วมสนุกเฉย ๆ ได้รางวัลไปก็ยังไม่พร้อมจะเลี้ยงหรอก นายเอาไปเถอะ”


น่าแปลกที่คราวนี้เชมัสไม่พูดประโยคติดปากอย่าง ‘ผมยังไงก็ได้’ เหมือนทุกครั้ง เพราะงั้นผมเองก็ควรจะเคารพการตัดสินใจของเขาที่นาน ๆ ทีจะเกิดขึ้นด้วยใช่ไหม


“โอเค ก็ได้ ขอบคุณมากนะเชมัส”


ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วเก็บไข่ที่เหลือใส่ในตะกร้าของตนเอง..หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..ห้า


“ห้าฟองแน่ะ เท่าครั้งที่แล้วเลย อะ…เอ๊ะ..เอ๊ะ ! เป็นแบบนี้อีกแล้ว หรือว่า….ไม่นะ ! ไม่ ๆๆ”


ยังไม่ทันจะได้เชยชมไข่ที่หามาได้ให้ชื่นใจ ไข่ที่ผมเพิ่งวางลงในตะกร้าก็หายไปอีกแล้ว ! แม้แต่เชมัสเองก็ยังมองจ้องตะกร้าของผมที่ตอนนี้มันกลับไปว่างเปล่าอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา


“ผมว่า…คุณสกายลาร์อาจพูดถูกก็ได้ นายไม่ลองไปขอขมาเทพดูล่ะ เผื่อท่านอาจจะใจดีเลิกแกล้งนายก็ได้นะ”


“ฮืออออ…ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะเชมัส ฉันจะไปลองดู แต่ตอนนี้เหนื่อยแล้วอะ ขอนั่งพักก่อนแล้วกัน”


ผมที่เริ่มสิ้นหวังกับการแข่งขันนี้เอนหลังพิงต้นไม้อย่างหมดแรง ที่ผ่านมาผมก็ทำตัวเป็นเด็กดีอย่างที่คุณพ่อเคยบอกไว้มาตลอดแท้ ๆ ไม่เคยทำอะไรเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นเทพหรือเทพีสักองค์ ทำไมถึงตกเป็นเป้าแห่งการกลั่นแกล้งของเทพไปได้นะ…


“เฮ้อออออ…”


คิดมากไปก็เท่านั้น ผมถอนหายใจยาวพลางทอดสายตามองผืนน้ำในทะเลสาป หวังว่ามันจะช่วยให้ภายในใจของผมนิ่งสงบได้เช่นกัน




สรุปสถานการณ์

 -มาหาไข่ที่ทะเลสาปกลางค่าย

 -ช่วยกันหาไข่กับเชมัส แคตต์

-เจอไข่ 5 ฟองแต่เทพีเนเมซิสเอาไข่ไปอีกแล้ว (แอแงงงง)

-ไข่ 0 ฟอง 🫠

  Julie Drake

  ✦ 

แสดงความคิดเห็น

เก็บไข่ได้ 0 ฟอง  โพสต์ 2025-4-23 00:15
เหตุการณ์ที่พบในโพสต์หน้า: [00] ไม่เจออะไรเป็นพิเศษ  โพสต์ 2025-4-22 17:06
โพสต์ 54400 ไบต์และได้รับ 30 EXP!  โพสต์ 2025-4-22 16:36
โพสต์ 54,400 ไบต์และได้รับ +8 EXP +8 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-4-22 16:36
โพสต์ 54,400 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-4-22 16:36
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
1234
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้