25/02/25 13.10 น. - xx.xx น.
บทที่ 54
คูเปอร์ ถอนหายใจเป็นรอบที่สิบได้แล้วนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ และใช่ เขากำลังคิดว่าตัวเองไม่น่าตกปากรับคำชวนเลย
แน่นอนว่าเขาชอบทะเลสาบ มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในค่ายฮาล์ฟบลัด มีลมเย็นสบาย พื้นหญ้านุ่มกำลังดี ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด นี่ก็คงเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการมานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือเอนตัวลงแล้วปล่อยให้ความวุ่นวายของโลกภายนอกกลายเป็นเพียงเสียงขับกล่อมเบา ๆ จากธรรมชาติ
แต่สิ่งที่รอเขาอยู่ในวันนี้ดูจะไม่ใช่แค่การนั่งมองน้ำเงียบ ๆ
เขาเพิ่งผ่านวันวาเลนไทน์มาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ดี ตอนแรกคิดว่าเรื่อง ‘Blind Date’ คงจบลงไปแล้ว ทว่าอยู่ ๆ รุ่นพี่ไลแซนเดอร์ ก็มาชวนเขาเดตอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาพยายามจะบ่ายเบี่ยง แต่สุดท้ายก็ตกลงไปโดยไม่รู้ตัว
“ให้ตายสิ นี่มันเรื่องบ้าอะไร” คูเปอร์พึมพำกับตัวเอง ขณะก้าวเข้าไปในบริเวณริมทะเลสาบ
แล้วสายตาของเขาก็ต้องชะงัก
เขาเห็นแสงไฟสีฟ้าอ่อนประดับอยู่ในโดม ดอกกุหลาบสีน้ำเงินเรียงตัวอยู่ตามแนวโค้งของทางเข้า จากด้านนอกเห็นโต๊ะที่ปกคลุมไปด้วยผ้าขาวโปร่ง บรรยากาศทั้งหมดให้ความรู้สึกโรแมนติก ลึกลับ และ..
โอเค นี่มัน ‘มากเกินไป’ แล้ว
เขากะพริบตา มองไปยังโดมน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบ ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์ เจ้าของไอเดียทั้งหมดนี้ กำลังนั่งอยู่ด้านใน ราวกับรอคอยให้เขาก้าวเข้าไป
คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง
“พระเจ้า… นี่มันจะเป็นเดตแบบไหนกันแน่”
คูเปอร์ขมวดคิ้ว มองบรรยากาศตรงหน้าด้วยความลังเล
ให้ตายเถอะ… แค่เห็นแสงไฟสีฟ้าอ่อนระยิบระยับไปทั่ว กับกุหลาบสีน้ำเงินที่วางเรียงกัน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะ ‘เดินเข้ามาผิดงาน’ เสียแล้ว นี่ยังไม่นับโดมน้ำแข็งขนาดย่อมที่ตั้งเด่นเป็นประกายอยู่ริมทะเลสาบ ราวกับเป็นสถานที่จัดงานเฉพาะกิจที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
และไลแซนเดอร์ วิสเปอร์…
นั่งอยู่ข้างในอย่างสงบสุข เล่นกีตาร์โปร่งในมือราวกับกำลังเพลิดเพลินไปกับโลกของตัวเอง
คูเปอร์ขยับปลายนิ้วเล็กน้อย แววตาสีเทาของเขากวาดมองไปยังชายหนุ่มในโดม ใบหน้าของไลแซนเดอร์ประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา ราวกับกำลังจดจ่ออยู่กับเสียงของเครื่องดนตรีในมือ ท่วงทำนองที่ลอยออกมาจากสายกีตาร์นั้นคุ้นเคยจนเขาต้องชะงัก
‘โลกที่สองเราสร้างขึ้นมา’
เพลงที่พวกเขาเคยร้องด้วยกันครั้งหนึ่ง ในเดตแรก ณ ริมหาดทะเลสาบมอนทอค หลังเดตด้วยกันที่สวนสนุกแดร์ยูนิเวอร์แซล
คูเปอร์เม้มริมฝีปาก รู้สึกหงุดหงิดแบบแปลก ๆ เขาไม่แน่ใจว่าหงุดหงิดเรื่องอะไร อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเล่นกีตาร์สบายใจเกินไป อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศทั้งหมดดู ‘วางแผนมาเป็นอย่างดี’ จนเขาอดรู้สึกไม่ได้ว่า บางทีไลแซนเดอร์อาจจะคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วก็ได้
และที่แย่กว่านั้นคือ เขาไม่แน่ใจว่าอารมณ์ ‘หงุดหงิด’ ที่รู้สึกอยู่นี้ คือเพราะตัวเองรู้สึก ‘แปลก ๆ’ ที่ถูกจัดเดตแบบนี้ให้ หรือเป็นเพราะ…
เพราะเสียงของอีกฝ่ายมันดีเกินไปกันแน่
คูเปอร์ถอนหายใจ ยกมือขยี้ผมตัวเองทีนึง ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปในโดมน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น
ความเย็นจากพื้นน้ำแข็งแผ่ซ่านขึ้นมาตามปลายเท้า บรรยากาศภายในเงียบสงบกว่าที่เขาคิด แสงสะท้อนจากภายนอกกระทบลงบนผนังโดม ทำให้ทั่วทั้งพื้นที่ดูราวกับเป็นโลกอีกใบที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ
และไลแซนเดอร์ก็ยังคงเล่นกีตาร์อยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"คุณนี่เตรียมตัวดีจริง ๆ เลยนะครับ" คูเปอร์เอ่ยขึ้น พลางกอดอกมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา
เสียงกีตาร์หยุดลงชั่วครู่ ไลแซนเดอร์เงยหน้าขึ้นมองเขา รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าให้ความรู้สึกคล้ายกับ ‘รู้ทัน’ อะไรบางอย่าง
“คุณมาสาย”
“ก็… ผมไม่ได้รับแจ้งว่าจะต้องมาตรงเวลานี่ครับ” คูเปอร์ยักไหล่เล็กน้อย ขณะกวาดตามองรอบ ๆ "อีกอย่าง ผมก็แค่ใช้เวลาดื่มด่ำกับความคิดว่าผมกำลังโดนเดตเซอร์ไพรส์อยู่"
ไลแซนเดอร์หัวเราะแผ่วผ่านลำคอ วางกีตาร์ลงข้างตัวก่อนจะเอนหลังพิงกับม้านั่งน้ำแข็งที่เขาสร้างขึ้นเอง "แล้วรู้สึกยังไง?"
คูเปอร์เหลือบตามองคนตรงหน้า ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็แค่ถอนหายใจ
"ถามจริง คุณคิดไอเดียนี้เองเหรอครับ หรือไปขโมยบทจากนิยายรักโรแมนติกที่ไหนมา"
"คุณกำลังบอกว่าผมโรแมนติก?"
"…ผมกำลังบอกว่ามัน 'เยอะ' ต่างหากครับ"
ไลแซนเดอร์เปล่งเสียงพึงพอใจผ่านลำคอ ก่อนจะพยักเพยิดไปทางที่นั่งข้าง ๆ "นั่งก่อนสิ"
ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินไปทิ้งตัวลงบนม้าน้ำแข็งข้าง ๆ อีกฝ่าย
"ถ้าคุณไม่ชอบ ผมสามารถเปลี่ยนบรรยากาศให้ได้นะ" ไลแซนเดอร์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
นัยน์ตาสีเทาหันไปมอง แววตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายสะท้อนแสงสีฟ้าอ่อนจากไฟประดับ ริมฝีปากของไลแซนเดอร์ยังคงแต้มรอยยิ้มบางเบาอย่างใจเย็น
"เปลี่ยนยังไงครับ? จะเสกโดมให้กลายเป็นสนามฝึกให้ผมต้องต่อสู้กลางวงล้อมปีศาจหรือไง?"
“ผมคิดว่าแค่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นก็น่าจะพอ”
ประโยคนั้นทำให้คูเปอร์ชะงักเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เขาเบือนสายตาออกไปมองทะเลสาบที่ไหลเอื่อยอยู่เบื้องหน้า พื้นผิวของมันสะท้อนแสงราวกับผืนกระจกขนาดใหญ่ เสียงลมหายใจของทั้งคู่ผสานเข้ากับความเงียบสงบของบรรยากาศโดยรอบ
“คุณจะเล่นเพลงนั้นให้จบไหมครับ?” ชายหนุ่มถามขึ้นเบา ๆ
ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณอยากฟังเหรอ?”
“คุณเล่นไปแล้วครึ่งเพลง จะให้มันค้างคาแบบนั้นได้ยังไงล่ะ”
“งั้นคุณจะร้องด้วยไหม?”
คูเปอร์กลอกตา ก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักพิงน้ำแข็งอย่างเกียจคร้าน “ผมว่าเสียงผมอาจจะทำให้บรรยากาศพังมากกว่าช่วยนะครับ”
บุตรเทพีหิมะขำออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกีตาร์ขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวไล่ไปตามสาย ท่วงทำนองของ ‘ความฝันนับล้าน’ ไหลรินออกมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงของเครื่องดนตรี แต่เสียงร้องนุ่มทุ้มของไลแซนเดอร์ก็ขับกล่อมออกมาด้วย
และคูเปอร์ก็ต้องยอมรับว่า…
มันเป็นเสียงที่ฟังแล้วทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างช่วยไม่ได้
เขาเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นเพลงอย่างสงบเสงี่ยม แสงสีฟ้าอ่อนส่องกระทบกับใบหน้าของไลแซนเดอร์พอดี ดวงตาสีดำที่สะท้อนแสงไฟดูเหมือนลึกขึ้นกว่าเดิม
ให้ตายเถอะ
คูเปอร์เบนหน้าหนี สูดหายใจลึก และพยายามอย่างหนักที่จะไม่แสดงอาการอะไรออกมา
ตัวเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงเข้ามาในบางอย่างที่เกินการควบคุมไปแล้ว
เสียงกีตาร์ยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ ไลแซนเดอร์เล่นมันอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับไม่ใช่แค่กำลังเล่นเพลง แต่กำลัง ‘สื่อสาร’ อะไรบางอย่างออกมาผ่านท่วงทำนองที่แสนอบอุ่น ทว่าหัวใจของคนที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ กลับเต้นแรงขึ้นทุกวินาที และเขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะเสียงเพลงหรือเป็นเพราะคนที่กำลังเล่นมันกันแน่
คนที่นั่งอยู่ข้างต้นเสียงกัดริมฝีปาก หันสายตาไปมองทางอื่น เขาไม่ชอบที่ตัวเองรู้สึก ‘แปลก ๆ’ แบบนี้ ไม่ชอบที่สมองของเขากำลังสั่งให้ ‘ตั้งสติ’ ทั้งที่ไม่มีปีศาจมาดักซุ่มโจมตี ไม่ชอบที่ทุกอย่างเงียบสงบเสียจนเขาเริ่มได้ยินเสียงหัวใจตัวเองชัดขึ้นกว่าปกติ
และที่แย่ที่สุดคือ… ไม่ชอบที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามจังหวะของไลแซนเดอร์หมดเลย
"คุณนี่มัน—"
"อะไรเหรอ?"
คูเปอร์หุบปากแทบไม่ทันเมื่อจู่ ๆ รุ่นพี่หนุ่มก็หยุดเล่นกีตาร์แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง แววตาสีดำสนิทสะท้อนแสงไฟสีฟ้าอ่อนที่เต้นระยิบระยับรอบตัว ดูลึกจนเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
"แน่ใจ?" ไลแซนเดอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย
"แน่ใจมากครับ"
อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มจาง ๆ อย่างที่เขาเกลียดที่สุด ไม่ใช่เกลียดเพราะมันน่าหมั่นไส้ แต่เพราะมันทำให้เขา ‘เสียสมาธิ’ ทุกที
เขาต้องออกไปจากตรงนี้ ต้องหาทางทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ ต้องไม่ตกหลุมพรางที่อีกฝ่ายวางไว้
"อยากลองเล่นดูไหม?"
คู่สนทนากระพริบตา มองกีตาร์ในมือของไลแซนเดอร์ที่ถูกยื่นมาให้
"ผมว่า… คุณคงเข้าใจผิดว่าผมเล่นเป็น"
"งั้นผมจะสอน" ไลแซนเดอร์ว่าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ดวงตากลับทอแสงบางอย่างที่ทำให้คูเปอร์รู้สึกว่า ถ้าตอบตกลง เขาจะได้ ‘เรียนรู้’ อะไรที่มากกว่าการเล่นกีตาร์แน่ ๆ
"อ่า ผมว่า—"
ไม่ทันขาดคำ มือใหญ่ของแลนไซเดอร์ก็เอื้อมมาจับมือเขาไว้ ดึงไปแตะที่สายกีตาร์
"จับแบบนี้"
สัมผัสอุ่นจากมืออีกฝ่ายทำให้คูเปอร์ชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่ได้ดึงมือกลับทันที ไม่ได้ขยับตัวหนี แต่กลับปล่อยให้ไลแซนเดอร์จับมือเขาไว้แบบนั้น ขณะที่นิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายค่อย ๆ จัดตำแหน่งนิ้วของเขาให้เข้าที่
"...คุณ"
"เงียบก่อน" ไลแซนเดอร์เอ่ยเสียงเบา "ตั้งใจฟัง"
ตั้งใจฟัง? ให้ตายเถอะ คูเปอร์กำลังพยายามอย่างหนักที่จะไม่ ‘รู้สึก’ อะไรอยู่ด้วยซ้ำ
แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ขึ้น… ใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดข้างแก้ม ใกล้จนรู้สึกว่าถ้าเงยหน้าขึ้นมาอีกนิดเดียว ปลายจมูกของพวกเขาอาจจะเฉียดกัน
และแน่นอนว่าไลแซนเดอร์รู้ตัว
เพราะเจ้าตัวไม่ได้ขยับถอยห่างไปไหนเลย
"กดตรงนี้"
"...."
"ลองดีดดู"
คูเปอร์กลืนน้ำลาย ยกมืออีกข้างขึ้นดีดสายกีตาร์ตามที่ถูกสอน เสียงโน้ตดังขึ้นแผ่ว ๆ แต่ในหัวของเขากลับมีแต่เสียงของบางอย่างที่ดังกว่า เสียงของหัวใจที่กำลังเต้นโครมครามอยู่ในอก
และเขามั่นใจว่าความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตัวเองในบ่ายนี้คือ
เขากำลัง ‘ตั้งใจฟัง’ ทุกอย่างที่ไลแซนเดอร์บอกจริง ๆ
ไลแซนเดอร์มองคูเปอร์ที่กำลังพยายามจับสายกีตาร์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
"ผมว่าเราลองเล่นเพลงนี้กัน"
เขาเริ่มดีดท่วงทำนองเบา ๆ ออกมา เป็นจังหวะที่คูเปอร์ไม่คุ้นเคยนัก แต่พอฟังไปสักพักก็รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์แปลก ๆ ท่วงทำนองฟังดูสบาย ๆ แต่มีบางอย่างแฝงอยู่ในนั้น เหมือนเป็นเพลงที่พูดถึงบางสิ่งที่มากกว่าความหมายของตัวโน้ตที่เรียงกัน
"เพลงอะไรครับ?"
"ลองเดาดู"
คูเปอร์จ้องไลแซนเดอร์อย่างไม่ไว้ใจ เขาพยายามตั้งสมาธิฟังเสียงกีตาร์ ทว่าการที่อีกฝ่ายจงใจเล่นไปพร้อมกับจ้องมองเขาแบบนี้ มันทำให้สมองของเขาเริ่มประมวลผลได้ช้ากว่าปกติ
และยิ่งเมื่อไลแซนเดอร์เริ่มร้องออกมา...
"มันแปลกนะ ที่เราเดินสวนกันทุกวัน แต่ไม่เคยคิดจะมองตากันเลยสักครั้ง จนวันนี้ ที่บังเอิญได้คุยกัน จู่ ๆ โลกก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป..."
คูเปอร์กะพริบตา
"เดี๋ยว นี่มัน"
"ไม่ได้บอกให้คิดไปไกล แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้คิดอะไรเลย ก็แค่ลองใช้เวลานี้ด้วยกัน แล้วให้มันเป็นไปของมันเอง"
ชายหนุ่มขบริมฝีปากด้านในเงียบ ๆ
แน่นอนว่าเขารู้จักเพลงนี้ มันเป็นเพลงที่พูดถึงการ ‘ลองเปิดใจ’ กับบางสิ่งบางอย่าง และแน่นอนเขาคิดว่าไลแซนเดอร์ ‘เลือก’ เพลงนี้ขึ้นมาอย่างจงใจ
"คุณ... ไม่คิดว่ามันโจ่งแจ้งไปหน่อยเหรอครับ?"
"โจ่งแจ้ง?" ไลแซนเดอร์เลิกคิ้ว "ผมก็แค่สอนคุณเล่นกีตาร์"
"...ผมหมายถึงเพลง"
"อ้อ" หนุ่มนักดนตรีลากเสียง ยิ้มมุมปาก "ผมว่ามันก็เข้ากับบรรยากาศดีนะ"
บรรยากาศเหรอ?
ให้ตายเถอะ คูเปอร์รู้สึกว่ามันเกินไปมากกว่าคำว่า ‘บรรยากาศดี’ แล้ว
เขากำลังนั่งอยู่ใต้โดมน้ำแข็ง ที่มีแสงสีฟ้าอ่อนระยิบระยับรอบตัว มีกีตาร์อยู่ในมือ และกำลังถูกสอนให้เล่นเพลงที่ความหมายค่อนข้าง ‘น่าสงสัย’ โดยผู้ชายที่นั่งใกล้เขาจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกาย
ถ้านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ชวนให้ ‘คิดมาก’ เขาก็ไม่รู้แล้วว่าอะไรจะเป็น
"ลองเล่นต่อสิ" ไลแซนเดอร์พูดขึ้นขณะโน้มตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม มือของเขากุมอยู่บนมือของคูเปอร์ที่วางอยู่บนคอกีตาร์ ไล้นิ้วไปตามเส้นสายราวกับจะแนะนำให้เขาขยับตาม
คูเปอร์กลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ
สัมผัสของอีกฝ่ายไม่ได้แรง ไม่ได้บังคับ แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกดึงเข้าไปในบางอย่างที่เกินควบคุม
จังหวะกีตาร์ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เสียงของไลแซนเดอร์ยังคงขับขานไปตามท่วงทำนอง คูเปอร์พยายามทำให้ตัวเองโฟกัสกับโน้ตเพลงแทน แต่ปัญหาคือ
ตอนนี้มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าระยะห่างระหว่างเขากับอีกฝ่ายแล้ว
เพราะทุกอย่างมันใกล้มาก…
ใกล้เสียจนเขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวอีกฝ่าย กลิ่นที่คล้ายกับเปลือกไม้และอากาศบริสุทธิ์หลังฝนตก ใกล้เสียจนเขารู้สึกถึงลมหายใจของไลแซนเดอร์ที่เป่ารดต้นคอเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาจัดมือเขาใหม่
และใกล้เสียจนเขารู้สึกว่า…
หัวใจของพวกเขาเต้นตรงกันอยู่ชั่วขณะ
คูเปอร์กลั้นหายใจ มือนิ่งค้างอยู่บนสายกีตาร์ ขณะที่ไลแซนเดอร์ยังคงมองเขาด้วยสายตาอ่านยาก
ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกัน
ทุกอย่างเงียบไปชั่วอึดใจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา คูเปอร์ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอุณหภูมิในโดมน้ำแข็ง หรือเพราะความร้อนจากภายในตัวเองกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนต้องพยายามควบคุมตัวเองมากกว่าปกติ
เขาต้องพูดอะไรสักอย่าง ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงตัวเองออกจากภวังค์ที่ถูกดึงเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
"...ผมว่าเรากลับไปเล่น เพลงที่คุณเล่นก่อนหน้านี้ ดีกว่าครับ"
ไลแซนเดอร์กระพริบตา ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
"ถ้าอยากเล่นเพลงนั้นต่อ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ?"
"เพราะเพลงที่คุณเลือกมัน…" คูเปอร์เม้มริมฝีปาก "มันแปลก ๆ"
"แปลกตรงไหน?"
"มันเหมือนคุณกำลัง เอ่อ… ส่งสารอะไรบางอย่างมาให้ผม"
ไลแซนเดอร์เผยยิ้ม ก่อนจะกระซิบเสียงนุ่ม
"แล้วคุณรับสารนั้นหรือเปล่า?"
คูเปอร์รู้สึกว่าหัวใจตัวเองกระตุกวูบ ให้ตายเถอะ!
อาจจะเพราะโดมน้ำแข็งทำให้อุณหภูมิรอบตัวลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ คูเปอร์เลยเผลอยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเบา ๆ ไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ จนกระทั่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ถูกวางลงบนไหล่
เนื้อผ้านุ่มละมุน ราวกับไอหมอกยามเช้าที่โอบล้อมกาย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกุหลาบและขนนกพิราบศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายจาง ๆ รอบตัว
เดี๋ยวนะ
คูเปอร์ชะงัก หัวคิ้วขมวดเป็นปม ก่อนจะลดมือลงมาสัมผัสกับสิ่งที่คลุมอยู่บนตัว
ผ้าคลุมสีชมพูอ่อน…
ที่เทพีอะโฟรไดท์เคยมอบให้เขา
แล้วมันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง!?
ชายหนุ่มหันขวับไปข้างหลังทันที สายตาของเขาประสานเข้ากับแววตาสีดำสนิทของไลแซนเดอร์ที่มีรอยยิ้มบาง ประดับอยู่บนใบหน้า ดวงตาของอีกฝ่ายเปล่งประกายระยิบระยับราวกับอ่านความคิดของเขาออก
ก่อนที่เสียงนุ่มลึกจะเอื้อนเอ่ยออกมา
"อย่างที่คิด คุณใส่แล้วน่ารักจริง ๆ ด้วย"
คูเปอร์เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบกระชากผ้าคลุมออกจากตัวทันที ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมา
"คุณ! เอามันมาจากไหน!?"
ไลแซนเดอร์กระพริบตา แสร้งทำหน้าครุ่นคิดเหมือนไม่เข้าใจว่าคูเปอร์กำลังตื่นตกใจอะไร ก่อนจะหัวเราะในลำคอ "พอดีผมคิดว่าคุณอาจจะหนาว เลยเอามาให้"
เขาหรี่ตา จ้องอีกฝ่ายอย่างระแวงเต็มที่ "คุณรู้ได้ยังไงว่าผมยังเก็บผ้าคลุมนี่ไว้?"
"ก็… เห็นว่ามันเหมาะกับคุณดี"
"แล้วคุณไปเอามาจากไหน?"
ไลแซนเดอร์ไม่ตอบในทันที เพียงแค่ยิ้มมุมปากเหมือนรู้อะไรบางอย่าง
คูเปอร์มองคนตรงหน้า ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
คนที่รู้ว่าผ้าคลุมของเขาแอบอยู่ตรงไหนก็มีแค่คนในบ้านพักของเขาเอง
แล้วคนที่กล้าขโมยของเขาไป ‘ฝาก’ ไว้กับไลแซนเดอร์ได้…
"ไม่ลิเลียน่าก็คลาร่า ใช่ไหมครับ?"
ไลแซนเดอร์หัวเราะออกมาเสียงเบา ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
คูเปอร์แค่นเสียง ถอนหายใจยาว ขณะที่ม้วนผ้าคลุมในมือแล้วขยุ้มมันแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็น ‘ของเล่น’ ในแผนการของใครสักคน
ไม่สิ… ไม่ใช่แค่ ‘ใครสักคน’
แต่เป็นไลแซนเดอร์ วิสเปอร์
และพวก ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ ในบ้านพักของเขา!
"ให้ตายเถอะ พวกนั้นนี่มัน"
"มีเซนส์ด้านแฟชั่นดีนะ?" ไลแซนเดอร์ต่อให้ ราวกับรู้ดีว่าเขาจะบ่นอะไร
เขาตวัดสายตามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่เชื่อสายตา "…ไม่ใช่คำที่ผมจะใช้เรียกสิ่งที่พวกนั้นทำหรอกครับ"
"แต่ผมก็ต้องขอบคุณพวกเธอนะ"
คูเปอร์ขมวดคิ้ว "ขอบคุณทำไมครับ?"
ไลแซนเดอร์ยกมือขึ้นแตะข้างแก้มตัวเองเล็กน้อย "เพราะพวกเธอทำให้ผมได้เห็นคุณในแบบที่… น่ารักกว่าปกติ"
…!
คูเปอร์ชะงัก กะพริบตาถี่ ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
เดี๋ยวนะ
เขาได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า?
แววตาของไลแซนเดอร์ยังคงแน่วแน่ ไม่ได้หลบเลี่ยง ไม่ได้หยอกเล่น แต่เป็นความจริงจังที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มจาง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่…
ทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปเลย
"คุณ…" คูเปอร์อ้าปากจะเถียง แต่เสียงทุกอย่างกลับติดอยู่ที่ลำคอ พยายามจะพูดอะไรออกไป ทว่ากลับไม่มีประโยคไหนปรากฏขึ้นมาในหัว
เขาพยายามดึงสติ สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะรีบคว้าผ้าคลุมมาห่อตัวไว้แน่น พลางพูดเสียงติดขัด
"คุณก็พูดไปเรื่อย…"
"ผมพูดจริง"
คูเปอร์เบือนหน้าหนี ไม่กล้าสบตากับรอยยิ้มของอีกฝ่าย สายตาเผลอมองไปยังโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่กลางโดมแทน
คูเปอร์รีบกวาดสายตาไปทั่วโดม หาประเด็นมาบ่ายเบี่ยงจากความรู้สึกหนักอึ้งที่ไลแซนเดอร์เพิ่งโยนใส่เขา
"เอ่อ… ทำไมต้องเป็นกุหลาบสีน้ำเงินล่ะครับ?"
ร่างสูงกระพริบตา ดวงตาสีดำสนิทฉายแววพึงพอใจเมื่อเห็นเขาเปลี่ยนเรื่อง "เพราะคุณบอกว่าสีน้ำเงินเหมาะกับผมไม่ใช่เหรอครับ?"
คูเปอร์นิ่งค้าง
สมองของเขาเหมือนหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มไล่ย้อนความทรงจำ
เขาเคยพูดแบบนั้นเหรอ?
เขาจำได้ว่าตอนเดตที่สวนสนุก…
ตอนที่เขาต้องให้ของขวัญ คูเปอร์เลือกกุหลาบสีน้ำเงินให้ไลแซนเดอร์ เพราะคิดว่า ‘มันดูเท่’ และ ‘เข้ากับอีกฝ่ายดี’
แต่ว่า—
"เดี๋ยวนะ… คุณจำเรื่องเล็ก ๆ แบบนั้นได้ด้วยเหรอครับ?" คูเปอร์ถามเสียงแผ่ว แอบรู้สึกแปลกใจปนระแวงไปพร้อมกัน
"ทำไมจะจำไม่ได้?" ไลแซนเดอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย "มันเป็นเรื่องที่คุณพูดถึงผมนี่"
"ก็แค่คำพูดผ่าน ๆ"
"แต่มันสำคัญสำหรับผม"
คูเปอร์พยายามหันไปทิศอื่นเพื่อจะเปลี่ยนเรื่องแล้วเขาก็เห็นบางอย่างที่ทำให้ต้องชะงักอีกครั้ง
บนโต๊ะนั้น มีมูนสโตนก้อนเล็กวางอยู่
…ก้อนเดียวกับที่เขาเคยให้ไลแซนเดอร์
และมันถูกวางอยู่ตรงนี้ อย่างตั้งใจ
คูเปอร์กลืนน้ำลายเฮือกหนึ่ง จ้องก้อนหินนั้นนิ่งอยู่ครู่ใหญ่
ความทรงจำย้อนกลับมาทันที
ตอนนั้นหลังจากเดตแรกจบลง เขาแค่คิดว่ามันเป็นของที่ ‘เหมาะ’ กับไลแซนเดอร์เลยหยิบมันให้เฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะ ‘เก็บมันไว้’ ด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้มันถูกตั้งอยู่ตรงกลางโต๊ะ ที่เดตครั้งนี่
เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ดี
เพราะมันมีแค่สองทางเลือกเท่านั้น
หนึ่ง ไลแซนเดอร์ตั้งใจเก็บของขวัญจากเขาไว้จริง ๆ
หรือสอง… ไลแซนเดอร์ให้ความสำคัญกับของที่เขาให้ มากกว่าที่เขาคิด
เสียงทุ้มของไลแซนเดอร์ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทของคูเปอร์ ทำลายห้วงความคิดที่ยังวนเวียนอยู่กับมูนสโตนตรงหน้า
"ว่าแต่… เบอร์ที่ผมให้คุณไปก่อนหน้านี้"
หนุ่มลูกครึ่งทำได้เพียงกระพริบตา หันไปมองอีกฝ่ายที่กลับไปนั่งเอนหลังอย่างสบาย ๆ "ครับ?"
"ผมคิดว่าคุณจะลองติดต่อมาบ้างเสียอีก"
คูเปอร์หรี่ตา เดี๋ยวสิ นี่เขาโดนตำหนิอยู่หรือเปล่า?
ชายหนุ่มกอดอก มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหมือนจะหาเรื่อง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "โทษทีนะครับ พอดีเบอร์ที่คุณให้มามันเป็นเบอร์ของโทรศัพท์เดดาลัสนี่ครับ ผมยังไม่มีดรักม่าจะซื้อเลย"
รุ่นพี่ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วนิด ๆ ราวกับคาดไม่ถึงกับคำตอบ
คูเปอร์ยักไหล่ "แล้วที่สำคัญ ต่อให้มีผมก็ไม่คิดจะโทรไปด้วย"
ไลแซนเดอร์หัวเราะในลำคอ "หืม?"
"ทำไมครับ?"
"เปล่า แค่แปลกใจ" นัยน์ตาสีนิลมองตรงมาที่เขา รอยยิ้มบางยังไม่เลือนหาย "ผมไม่เคยโดนปฏิเสธจากใครแบบนี้มาก่อน"
"ยินดีด้วยครับ นี่คือประสบการณ์ใหม่"
คูเปอร์ตอบกลับทันควัน ไม่ได้หลบสายตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
แต่แทนที่ไลแซนเดอร์จะรู้สึกเสียหน้าหรือขุ่นเคือง เขากลับเอียงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
"งั้นถ้าคุณยังไม่มีโทรศัพท์… ผมซื้อให้ไหม?"
คูเปอร์หยุดประมวลผลไปชั่ววินาที ก่อนจะหันขวับไปมองอีกฝ่ายตาโต "ว่าไงนะครับ?"
"ผมซื้อให้ไง" เสียงทุ้มย้ำด้วยท่าทางเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ "หรือไม่ก็ไปเลือกซื้อมันด้วยกันที่นิวยอร์ก"
ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกเนี่ย?
คูเปอร์จ้องคนตรงหน้าเขม็ง ดวงตาสีเทาทอแววระแวงอย่างที่สุด "คุณคิดว่าผมเป็นใครครับ เป็นลูกน้องคุณเหรอ หรือเป็นเด็กในอุปการะของคุณ?"
ไลแซนเดอร์ปล่อยเสียงขำออกมา ไม่ได้ตอบโต้กลับทันที แค่ยกมือขึ้นเท้าคาง มองเขาด้วยแววตาที่คล้ายจะสำรวจปฏิกิริยาของเขาอยู่เงียบ ๆ
คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะประกาศเสียงหนักแน่น "ผมยิ่งไม่อยากได้เลย ถ้ามันต้องรบกวนกระเป๋าเงินคนอื่น"
"หืม?"
"อีกอย่าง…"
คูเปอร์เบือนหน้าหนี พึมพำเสียงแผ่ว "พวกเราก็เพิ่งเจอกันแค่—"
เขาหยุดประโยคไว้แค่นั้น ไม่อยากจะพูดมันออกไปตรง ๆ เพราะถ้าจะนับจริง ๆ
เขากับบุรุษคนนี้แทบจะเป็นคนแปลกหน้ากันด้วยซ้ำ
แม้ว่าจะผ่านเดตแรกมาแล้ว แม้ว่าวันนี้พวกเขาจะนั่งอยู่ในโดมเดียวกัน พูดคุยกันเหมือนสนิทกันมาหลายปี แต่ในความเป็นจริง… พวกเขาก็ยังไม่ได้รู้จักกันดีพอขนาดนั้น
ไลแซนเดอร์เองก็คงเข้าใจความเงียบชั่วครู่นี้ดี เพราะเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาทันที
คูเปอร์เม้มริมฝีปาก ก่อนจะถอนหายใจยาว "เอาเป็นว่าผมไม่รับโทรศัพท์จากคุณแน่ ๆ แล้วก็—"
"แต่ถ้าผมไม่ซื้อให้ล่ะ"
เมื่อสิ้นเสียงหัวคิ้วของของผู้ฟังยังคงขมวดนิ่งค้าง หันไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
ไลแซนเดอร์ยังคงแสดงหน้าเช่นเดิม แต่ครั้งนี้มีอะไรบางอย่างที่ต่างออกไปนิดหน่อย
"หมายความว่ายังไงครับ?"
"ถ้าผมแค่พาคุณไปเลือกเครื่องที่คุณอยากได้เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้เป็นคนจ่ายให้…" คู่เนตรสีรัตติกาลสบเข้ากับสายตาของเขา "คุณจะยอมไปกับผมไหม"
คูเปอร์นิ่งไปพักหนึ่ง พยายามอ่านความตั้งใจของอีกฝ่ายผ่านแววตา แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายละสายตาก่อน
"…ผมไม่แน่ใจว่าคุณพยายามจะทำอะไร"
"ก็แค่อยากใช้เวลากับคุณเพิ่มขึ้นอีกหน่อย"
โอเค นี่มันเริ่มมากเกินไปอีกแล้ว
"คุณ… จะพูดอะไรแบบนี้ตลอดไปเลยไหมครับ?"
"หมายถึงอะไรหรอครับ"
"หมายถึง… พูดอะไรที่ทำให้คนฟังไปไม่เป็นน่ะครับ!"
ไลแซนเดอร์ปรายตามองด้วยแววตาสนุกสนาน ไม่ได้ดูเดือดร้อนหรือรีบร้อนที่เขาพยายามปฏิเสธเสียด้วยซ้ำ
"ถ้ามันทำให้คุณไปไม่เป็น ก็แสดงว่ามันได้ผลสินะ"
คูเปอร์อยากยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองแรง ๆ รู้สึกเหมือนสมองกำลังประมวลผลทุกอย่างช้าลงเพราะอีกฝ่ายไปหมด
"โอเค ๆ ผมยอมแพ้แล้ว!" เขาลุกขึ้นยืน หันหลังให้ไลแซนเดอร์ "แต่ผมยังไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น!"
"เข้าใจแล้ว"
"แล้วผมก็ไม่ได้จะไปเลือกซื้อโทรศัพท์กับคุณแน่ ๆ!"
"ได้ครับ"
"แล้วก็…!"
คูเปอร์หมุนตัวกลับมา กะจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ต้องหยุดไปเพราะไลแซนเดอร์ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น มองเขาด้วยแววตาอ่านยากเหมือนเดิม แต่รอยยิ้มกลับดู ‘พอใจ’ อย่างเห็นได้ชัด
ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติ สูดหายใจลึก พยายามไม่ใส่ใจกับสายตาของไลแซนเดอร์ที่ยังจับจ้องเขาอยู่เหมือนกำลังเพลิดเพลินกับปฏิกิริยาของเขา
เขาต้องหาทางดึงความสนใจไปที่เรื่องอื่น…
ก่อนที่ตัวเองจะเผลอ ‘เสียหลัก’ ไปมากกว่านี้
แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยได้ยินเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับไลแซนเดอร์มาก่อน
"ว่าแต่…" เขากอดอก เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด "ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นศิลปิน… อยู่ในวงอะไรสักอย่าง ใช่ไหมครับ?"
ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย คล้ายกับไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดถึงเรื่องนี้ "อืม ใช่ครับ"
"วงอะไรนะ?" คูเปอร์หรี่ตา พยายามนึก "ขอโทษที ผมไม่ค่อยตามชื่อวงใหม่ ๆ เท่าไหร่"
จริง ๆ จะบอกว่าไม่ค่อยตามกระแสดนตรีสมัยใหม่เลยก็ว่าได้ ให้ตายสิ มันเยอะเกินจะจำ!
และถึงเขาจะรู้ว่าไลแซนเดอร์เป็นศิลปิน ก็ไม่ได้มาจากการค้นหาข้อมูลเอง แต่มาจากน้องร่วมค่ายที่เคยมาพูดให้ฟังอีกที
ไลแซนเดอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงความขบขัน "ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ"
"ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมรู้สึกเหมือนโดนมองว่าเป็นพวกไม่ตามข่าวเลยนะครับ"
"ก็ถ้าคุณรู้ตัวเองแบบนั้น ผมจะปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์นี่ครับ"
หนอยแน่!
คูเปอร์ถลึงตามองอีกฝ่าย ก่อนจะกระแอม ตั้งใจดึงกลับมาเข้าเรื่องเดิม
"แต่ประเด็นที่ผมอยากจะพูดคือ… ในเมื่อคุณเป็นศิลปิน มีชื่อเสียงขนาดนี้ คุณมาทำอะไรแบบนี้มันจะดีเหรอ?"
"ทำอะไรแบบนี้?"
"ก็แบบ…" คูเปอร์ชี้นิ้วไปรอบ ๆ "การที่คุณมานั่งอยู่ตรงนี้ จัดเดตในโดมน้ำแข็งแบบนี้ ทำอะไรที่มัน… เอ่อ ดูเหมือนกำลังจะจีบใครสักคนแบบนี้ มันอาจจะทำให้แฟนคลับคุณไม่พอใจก็ได้นะครับ"
ไลแซนเดอร์กระพริบตา ก่อนจะยกมุมปากข้างนึงขึ้น ดวงตาของเขามีประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก
"คุณกำลังกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของผมเหรอ?"
"…"
เดี๋ยวนะ ทำไมมันฟังดูแปลก ๆ?
คูเปอร์ย่นคิ้ว ถอนหายใจยาว "เปล่าครับ ผมแค่… พูดไปตามหลักเหตุผล"
"อืม แล้วเหตุผลของคุณคือ?"
"ผมไม่รู้หรอกว่าคนที่ติดตามคุณจะเป็นยังไง แต่โดยปกติแล้ว แฟนคลับมักจะค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องความสัมพันธ์ของศิลปินไม่ใช่เหรอ?"
"แล้ว?"
"…ก็หวังว่าคุณจะคิดถึงเรื่องนี้บ้าง"
"แต่คุณก็กำลังกังวลให้ผมอยู่ดี"
"…"
ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนโดนต้อนอีกแล้ว!?
คูเปอร์กำลังหวังให้ไลแซนเดอร์มีปฏิกิริยาอะไรบางอย่าง อย่างเช่นรู้สึกกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง หรืออย่างน้อยก็ควรจะมีสีหน้าลำบากใจบ้างก็ยังดี
แต่เปล่าเลย
บุรุษที่อยู่ข้าง ๆ ยังคงสงบนิ่ง มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขัน
"คุณดูเหมือนกำลังคิดว่าผมควรจะอึดอัดหรือรู้สึกแย่กับเรื่องนี้"
"…"
เดี๋ยวนะ นี่เขาถูกจับไต๋อีกแล้วเหรอ!?
"แต่ขอโทษทีนะครับ…" ไลแซนเดอร์เอนตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ปลายนิ้วไล้ไปตามขอบกีตาร์อย่างผ่อนคลาย "เพราะว่าผมไม่ได้รู้สึกแย่เลยสักนิด"
คูเปอร์จ้องเขม็ง "คุณ…"
"และก็…" ไลแซนเดอร์หยุดไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ "คุณใช้คำว่า ‘ดูเหมือนกำลังจะจีบใครสักคน’ ใช่ไหมครับ?"
คูเปอร์รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่าง ‘ผิดพลาด’ ไปอีกแล้ว
เขากะพริบตา "ก็… ใช่"
"ผมสงสัยนิดหน่อย" ไลแซนเดอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย "ตรงไหนที่มันแค่ ‘ดูเหมือน’ กันเหรอครับ?"
โอเค นี่มัน เลเวลใหม่ของการต้อนให้จนมุมแล้ว!
คูเปอร์กดริมฝีปากแน่น คำพูดทั้งหมดที่เตรียมไว้หายวับไปกับอากาศในเสี้ยววินาที
เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดใหม่ หาทางตอบโต้อีกฝ่าย แต่ไลแซนเดอร์ก็ดันพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
"หรือคุณอยากให้มันชัดเจนกว่านี้?"
โอเค พอแล้ว! พอแค่นี้!
"ไม่! ไม่ครับ!" คูเปอร์รีบโบกมือ "ผมไม่อยากให้มันชัดเจนกว่านี้แน่ ๆ!"
ไลแซนเดอร์หัวเราะ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักน้ำแข็ง ราวกับพอใจกับปฏิกิริยาของเขาแล้ว
"ดีแล้วครับ ผมก็ไม่รีบเหมือนกัน"
บ้าเอ๊ย! คูเปอร์รู้สึกว่าตัวเองโดนเล่นงานเข้าให้อีกแล้ว และที่แย่ที่สุดคือ… เขาไม่มีทางหนีออกจากเกมนี้ได้เลย!
คูเปอร์เบนสายตาออกไปทางอื่น มองไปยังแสงไฟสีฟ้าที่ระยิบระยับรอบโดม มองเงาสะท้อนบนพื้นน้ำแข็งที่เย็นเยียบ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
เขารู้สึกว่าถ้าเผลอสบตาไลแซนเดอร์มากกว่านี้ เขาอาจจะเสียเปรียบอีกครั้งแน่
"ว่าแต่…" คูเปอร์เอ่ยขึ้นอย่างลอย ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้คำถามดูจริงจังอะไรนัก "อะไรดลใจให้คุณสนใจผมขึ้นมาล่ะ?"
ไลแซนเดอร์หยุดดีดกีตาร์ ปลายนิ้วที่ไล้ไปตามสายหยุดชะงักลงชั่วครู่ เหลือบมองมาที่เขา
คูเปอร์ยังคงพูดต่อ "ถ้าคุณเป็นศิลปิน ก็น่าจะเจอคนเยอะแยะเลยนี่ แล้วทำไมถึงสนอกสนใจคนที่ดูธรรมดาแทบทุกอย่าง…"
เขาหยุดไปชั่วอึดใจ ก่อนจะถอนหายใจยาว "หากไม่นับเรื่องที่เป็นเดมิก็อดน่ะนะ"
ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังไตร่ตรองบางอย่าง ดวงตาของเขาดูลึกขึ้นกว่าเดิม
"คุณคิดว่าตัวเองธรรมดาจริง ๆ เหรอ?"
คูเปอร์ชะงัก เขากะพริบตา ก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ อย่างไม่แน่ใจนัก "หมายความว่าไงครับ?"
มุมปากของรุ่นพี่หนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย “ผมแค่สงสัยว่าคุณกำลังประเมินตัวเองต่ำไปหรือเปล่า"
"ผมก็แค่พูดตามความจริง"
"คุณแน่ใจ?"
"ก็…" คูเปอร์ชะงักไปวูบหนึ่ง เขาพยายามคิดอย่างเป็นกลาง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเถียงอะไรกลับไปได้ "…ผมไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่ครับ"
"คุณคิดว่าความพิเศษของคนเรามีแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์หรือสถานะของพวกเขาเหรอ"
คูเปอร์นิ่งไป
"ความจริงแล้ว…" ไลแซนเดอร์เว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเนิบช้า "เหตุผลที่ผมสนใจคุณ… อาจจะง่ายกว่าที่คุณคิดก็ได้"
คูเปอร์เหลือบตามองเขา รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ค่อย ๆ คลี่คลายออกมาในบรรยากาศ
"ลองเดาสิ" ไลแซนเดอร์พูดต่อ "ลองเดาว่าทำไมผมถึงสนใจคุณ"
เขาขมวดคิ้ว "คุณให้ผมเดาเรื่องของคุณเนี่ยนะ?"
"ก็คุณเป็นคนถามเอง"
"แต่คุณเป็นคนที่มีคำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?"
ไลแซนเดอร์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะยักไหล่เล็กน้อย "งั้นก็อาจจะเป็นเกมสนุก ๆ ก็ได้"
คูเปอร์พ่นลมหายใจยาว หยุดคิดไปครู่หนึ่ง เขาพยายามจะวิเคราะห์อะไรบางอย่าง แต่เขาไม่ใช่นักอ่านใจ และการพยายามคาดเดาความคิดของไลแซนเดอร์ก็ไม่ต่างจากการพยายามไขปริศนาในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก
"โอเค ผมขอยอมแพ้" คูเปอร์ยกมือขึ้นเล็กน้อย "ผมไม่รู้ว่าคุณสนใจผมเพราะอะไร"
ไลแซนเดอร์คลี่ยิ้ม "ง่ายมาก"
เขาหันมามองดวงตาสีเทาของคูเปอร์ตรง ๆ ดวงตาสีดำทอประกายที่ทำให้หัวใจของคูเปอร์เต้นแปลก ๆ
"ก็เพราะคุณเป็นคุณไงครับ"
นี่มันไม่แฟร์เลย คูเปอร์รู้สึกว่าตัวเองถูกดึงเข้าไปในเกมนี้อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ
แต่เขาไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก!
"ฟังดูเป็นคำตอบที่กว้างมากเลยนะครับ" คูเปอร์พยายามทำเสียงปกติที่สุด "แสดงว่าคุณสามารถพูดแบบนี้กับใครก็ได้สินะ"
ไลแซนเดอร์หัวเราะเบา ๆ "เปล่าหรอก"
"หืม?"
"ผมไม่ได้พูดแบบนี้กับใครก็ได้"
คูเปอร์นิ่งไปอีกครั้ง จ้องอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิด
"ถ้าคุณจะบอกว่าผมเป็นศิลปิน มีแฟนคลับเยอะ มีโอกาสเจอคนมากมายก็จริง…" ไลแซนเดอร์เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย "แต่คุณลืมไปหรือเปล่าว่าการเจอใครสักคน กับการ ‘สนใจ’ ใครสักคน… มันเป็นคนละเรื่องกัน"
คูเปอร์ยังคงพยายามควบคุมริมฝีปาก ยามนี้ใจเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกรุกคืบเข้าไปอีกขั้น
เขาต้องเปลี่ยนเรื่อง ต้องหาทางถอย ต้องไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายนำตลอดเวลา!
"งั้น…" คูเปอร์พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไลแซนเดอร์จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ "สมมติว่าคุณ ‘สนใจ’ ผมจริง ๆ แล้วคุณคาดหวังอะไรล่ะครับ?"
ร่างสูงกระพริบตาเล็กน้อย คล้ายกับคาดไม่ถึงที่คูเปอร์จะเป็นฝ่ายรุกกลับ
คูเปอร์กอดอก จ้องอีกฝ่ายเหมือนจะท้าให้ตอบ
"คุณบอกว่าผมเป็นผม แล้วไงต่อ?"
ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากของเขาจะยกขึ้นเล็กน้อย
"คุณกำลังจะให้ผมสารภาพอะไรบางอย่างอยู่ใช่ไหมครับ?"
"เปล่าครับ!" คูเปอร์รีบตอบกลับทันที "ผมแค่—"
"คุณอยากรู้ว่าผมคิดอะไรใช่ไหม?"
"…!"
"ก็ได้ครับ"
ไลแซนเดอร์เอนตัวเข้าใกล้ขึ้นอีกนิด ใกล้จนคูเปอร์รู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของอีกฝ่าย
"ผมคาดหวังให้คุณค่อย ๆ เข้าใจ"
คูเปอร์กลืนน้ำลาย รู้สึกว่ามือของตัวเองเย็นลงเล็กน้อย
"เข้าใจอะไรครับ?"
ไลแซนเดอร์ยิ้มกว้างขึ้น ดวงตาทอแสงบางอย่างที่ทำให้คูเปอร์รู้สึกเหมือนกำลังจะเสียหลักอีกครั้ง
"เข้าใจว่า…"
ปลายนิ้วของอีกฝ่ายแตะเบา ๆ ที่ข้อมือของเขา
"บางที… ผมอาจจะอยากให้คุณสนใจผมบ้างเหมือนกัน"
คูเปอร์แทบลุกพรวดขึ้นยืนทันที ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด
"ผมว่าเราควรเลิกเล่นเกมนี้ได้แล้วครับ!"
ไลแซนเดอร์หัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ
"ก็ได้ครับ ผมจะให้คุณพักสักหน่อย"
ความเงียบเข้าปกคลุม หลังจากเหตุการณ์ชวนให้เสียอาการเมื่อครู่ ทั้งคูเปอร์และไลแซนเดอร์ต่างไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา เหมือนต่างฝ่ายต่างให้เวลาตัวเองได้เรียบเรียงความคิด
คูเปอร์ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ บรรยากาศถึงกลายเป็นแบบนี้ แต่ที่แน่ ๆ คือเขาไม่อยากเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน
มีเพียงเสียงกีตาร์โปร่งที่ดังขึ้นแผ่วเบา เสียงจากปลายนิ้วของไลแซนเดอร์ที่ไล้ไปตามสายเครื่องดนตรีอย่างละเมียดละไม มันเป็นท่วงทำนองที่คูเปอร์ไม่คุ้นเคยนัก ไม่ใช่เพลงเดิมที่เคยได้ยิน แต่ฟังแล้วกลับรู้สึก…อบอุ่นแปลก ๆ
เขาไม่แน่ใจว่าไลแซนเดอร์ตั้งใจเล่นมันขึ้นมาเพื่ออะไร
แต่แล้ว… เสียงร้องของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น
"รักหนึ่งอาจเกิดด้วยใครลิขิต หรือมันอาจเกิดด้วยตาต้องใจ..."
คูเปอร์ชะงัก
เขาหันขวับไปมองรุ่นพี่หนุ่มที่ยังคงเล่นกีตาร์อยู่ สีหน้าของไลแซนเดอร์ดูสงบเหมือนเคย ราวกับกำลังจดจ่ออยู่กับเพลงของตัวเอง แต่ท่วงทำนองที่เปล่งออกมากลับ…
ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกัน!?
"หรือมันอาจเกิดด้วยเหตุผลใด ใครเล่าเลยใครจะเลยล่วงรู้..."
เสียงร้องของไลแซนเดอร์นุ่มนวล ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนสายลมที่พัดผ่านกลางฤดูใบไม้ผลิ ไม่รีบร้อน ไม่รุนแรง แต่ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ในความรู้สึกของคนฟัง
และคูเปอร์ก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแปลก ๆ อีกครั้ง
"ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง เธอเองจะรู้หรือเปล่า ว่ารักของเธอชั่วคราว หรือรักของเธอยาวนานกว่านั้น..."
คูเปอร์กำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว
โอเค เดี๋ยว… นี่มันเพลงอะไรกันแน่? และที่สำคัญกว่านั้นคือทำไมมันถึงเหมือนเป็นคำถามที่ส่งตรงถึงเขาแบบนี้นะ
เขาหลุบตามองต่ำ พยายามเก็บอาการ พยายามบอกตัวเองว่า ‘อย่าคิดมาก’ แต่ทุกคำ ทุกท่วงทำนอง ทุกประโยคที่ถูกเปล่งออกมา กลับบีบให้เขาต้องคิดถึงมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ถ้าเธอพบใครคนหนึ่ง ที่เธอให้ความสำคัญ…"
เสียงกีตาร์ค่อย ๆ ช้าลง ราวกับต้องการเน้นย้ำความหมายของประโยคถัดไป
"เมื่อเธอสบตาคู่นั้น เธอรู้สึกอย่างไร..."
คูเปอร์หายใจสะดุดไปชั่ววินาที
เขาไม่กล้าหันไปมองเจ้าของเสียงนุ่มนี้เลยจริง ๆ
ไม่กล้าสบตาคู่นั้น ไม่กล้าหาคำตอบให้ตัวเอง
ไม่กล้าถามตัวเองว่า…
เขารู้สึกอย่างไร
บรรยากาศในโดมน้ำแข็งดูเหมือนจะแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เสียงเพลงดำเนินไป คูเปอร์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกผลักเข้าสู่บางอย่างที่เกินกว่าการควบคุม
เขาควรพูดอะไรสักอย่างไหม?
ควรทำอะไรสักอย่างไหม?
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไรต่อ เสียงของไลแซนเดอร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"เมื่อรักผลิบานในความรู้สึก เธอไม่ต้องตรึกตรองลึกลงไป..."
ไลแซนเดอร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย คราวนี้สายตาของเขามองตรงมาที่คูเปอร์อย่างชัดเจน
"ขอเธอติดตามฟังเสียงหัวใจ พาล่องลอยไปจนไกลหลุดฝัน..."
คูเปอร์กำมือแน่นขึ้นกว่าเดิม
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศ หรือเป็นเพราะเสียงของไลแซนเดอร์ที่ไหลไปพร้อมกับท่วงทำนอง แต่ทุกอย่างมันกำลังทำให้เขารู้สึก ‘ถูกดึงดูด’ "ถ้าเธอรักใครคนหนึ่ง เธอเองจะรู้หรือเปล่า ว่ารักของเธอชั่วคราว หรือรักของเธอยาวนานกว่านั้น..."
เขาควรจะหยุดสิ่งนี้ ควรจะลุกออกไป ควรจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เขากัดริมฝีปาก กลั้นหายใจ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่ได้
และตอนนั้นเอง ไลแซนเดอร์หยุดร้องเพลง กีตาร์เงียบลง ทิ้งไว้เพียงเสียงลมหายใจของพวกเขาทั้งคู่
คูเปอร์กลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนต้องใช้พลังงานมหาศาลในการหันกลับไปมองอีกฝ่าย
ไลแซนเดอร์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม สายตาของรุ่นพี่หนุ่มหันมองตรงมาที่เขา
"คุณคิดยังไงกับเพลงนี้?"
เสียงของเขาฟังดูเรียบง่าย ทว่านัยน์ตามีบางอย่างที่ไม่ง่ายเลย
คูเปอร์อ้าปาก แต่ไม่มีคำไหนหลุดออกมา
เขาไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเพลงนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับไลแซนเดอร์ และที่สำคัญที่สุด… เขาไม่อยากรู้ด้วยว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง
"ก็… ก็แค่เพลงเพลงหนึ่ง" คูเปอร์พูดออกมาในที่สุด พยายามทำให้เสียงของตัวเองเป็นปกติที่สุด
ไลแซนเดอร์เลิกคิ้ว "งั้นเหรอ?"
"ใช่สิครับ" คูเปอร์ยักไหล่ "ก็แค่เพลงหนึ่งที่คุณเลือกมาร้อง ก็แค่นั้น"
"คุณแน่ใจ?"
ให้ตายเถอะ ทำไมต้องถามย้ำด้วย!?
"แน่ใจสิครับ!"
คูเปอร์รีบลุกขึ้นยืนทันที ดึงผ้าคลุมสีชมพูขึ้นมาพันรอบตัวเองแน่นเหมือนเป็นเกราะป้องกัน แล้วหันหลังให้ไลแซนเดอร์
"ผมว่าเราออกไปข้างนอกกันเถอะครับ โดมนี้เย็นไปหน่อย"
ไลแซนเดอร์เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่ริมฝีปากแย้มออกพร้อมเสียงกลั้วสุข
"เข้าใจแล้วครับ"
คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึก รวบรวมสติให้กลับมา ก่อนจะเดินออกจากโดมไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อ
คูเปอร์เป็นฝ่ายเดินนำออกมาที่ริมทะเลสาบ ลมหายใจของเขายังไม่เป็นจังหวะดีนักหลังจากเหตุการณ์ในโดมน้ำแข็งเมื่อครู่ เขาไม่อยากยอมรับหรอก… ว่าตัวเองกำลังพยายามหนี
ใช่ หนีจากไลแซนเดอร์ หนีจากคำพูดพวกนั้น หนีจากทุกอย่างที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรง
ชายหนุ่มย่อตัวลงตรงริมฝั่ง มองน้ำใสที่ไหลเอื่อยอยู่ตรงหน้า เขาแบมือออกแล้วตักน้ำขึ้นมาลูบหน้า หวังว่าไอเย็นของมันจะช่วยทำให้สติที่แตกกระเจิงกลับคืนมา
และมันก็ดูจะได้ผล จนกระทั่งเสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นที่ข้างหู
"หนีทำไมครับ?"
คูเปอร์สะดุ้งเฮือก ตัวโยนไปข้างหน้าเล็กน้อยก่อนจะรีบตั้งหลักทันที
เขาหันขวับไปมองคนที่แอบเข้ามาประชิดโดยที่เขาไม่รู้ตัว นายไลแซนเดอร์ ก็ยืนอยู่ข้างหลังเขา รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเหมือนกับว่าเขาสนุกที่ได้เห็นเขาเสียอาการ
ชายหนุ่มเบนหน้าหนีไปอีกทาง ย้ายตัวไปในทิศทางไหนก็ได้ที่ทำให้ไม่ต้องสบตากับคนตรงหน้า
แต่ไม่ทันจะก้าวหนี เสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้งจากด้านหลัง
"จะไปแล้วเหรอครับ"
บุตรแห่งนกฮูกชะงักอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนอยากจะจำแลงเป็นนกฮูกจริง ๆ แล้วบินหนีออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าทำแบบนั้น…
มันก็เท่ากับว่า ‘แพ้’
คูเปอร์สูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งหลักให้มั่น มือของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบบางอย่างออกมา
ขวดแก้วเล็ก ๆ ที่บรรจุผงบางอย่างไว้ข้างใน
มันเป็นสินสงครามที่เขาได้จากการกำจัดอสูรกายเมื่อไม่นานนี้ จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้คิดจะเก็บมันไว้ใช้เองอยู่แล้ว แค่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเท่านั้นเอง
แต่พอไลแซนเดอร์มาชวนเดตพอดี…
งั้นก็ให้ไปซะเลย!
คูเปอร์ตั้งสติให้มั่น แล้วหันไปยื่นขวดแก้วให้รุ่นพี่หนุ่ม
"ผมให้คุณครับ" เขาว่า น้ำเสียงนิ่งเรียบพยายามไม่ใส่อารมณ์อะไรมากเกินไป "ของขวัญในเดตนี้"
ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง "คราวนี้ไม่ใช่ดอกไม้เหรอครับ?"
"…"
โอ้โห… จำแม่นจริงนะ
เขากระแอม รีบหลุบตาลง "ช่างมันเถอะครับ รับนี่ไปเถอะ หรือถ้าไม่รับก็ไม่เป็นไร"
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที ขวดแก้วก็ไปอยู่ในมือของไลแซนเดอร์ไปเรียบร้อยแล้ว
เร็วไปไหม!?
นัยน์ตาสีอันธิกาจ้องมองผงพิษสีม่วงเข้มที่เปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว ใบหน้าของเขาขบยิ้มบาง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"ผมชอบนะ"
ดีแล้ว! คูเปอร์คิด แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี เขากำลังให้ ‘พิษ’ เป็นของขวัญเดตอยู่นะ! แล้วคนตรงหน้าก็ดูจะ ‘พอใจ’ กับมันด้วย!
"ถ้าเจอกันคราวหน้า…"
น้ำเสียงทุ้มกดต่ำลงเล็กน้อย ร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้
"คุณจะให้ผมอีกหรือเปล่า?"
คูเปอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกได้ว่าหน้าของตัวเองกำลังร้อนขึ้นมาอีกครั้ง บ้าไปแล้ว นี่มันคำถามอะไรกัน!?
เขากระแอมเสียงดัง รีบตอบปัดออกไปทันที "ผมได้มันมาเป็นสินสงครามครับ ไม่ได้มีตลอดเวลาซะหน่อย"
"งั้นก็หมายความว่า…"
"หมายความว่าอย่าหวังว่าผมจะให้คุณบ่อย ๆ!"
ไลแซนเดอร์หัวเราะออกมาเบา ๆ ดวงตาของเขาฉายแววขบขัน "แสดงว่าถ้ามีโอกาส คุณก็อาจจะให้อีกสินะครับ?"
"จะคิดแบบนั้นก็ได้ครับ!" คูเปอร์โพล่งออกไป ก่อนจะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกมา
รุ่นพี่ไลแซนเดอร์ยิ้มกว้างขึ้น "ดีครับ งั้นผมจะรอ"
ชายหนุ่มกลอกตา รู้สึกเหมือนตัวเองโดนแกล้งเข้าให้อีกแล้ว ให้ตายเถอะ… ทำไมทุกอย่างที่เขาพยายามจะ ‘กันตัวเองออกห่าง’ จากคนคนนี้ มันถึงกลับทำให้เขา ‘ถลำลึก’ ไปมากกว่าเดิมล่ะ!?
มอบ ผงพิษอิมป์ ให้ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์
มาลาแห่งอัสสัมชัญ - [ทุกครั้งที่ปฏิสัมพันธ์กับ NPC Lares SP TGC จะได้รับโบนัสความสนิทสนมเพิ่มขึ้น+10]
น้ำหอมบุรุษ - [ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 2 4 6 8 คู่สนทนาจะได้กลิ่นหอมบนตัวคุณ ได้รับโบนัสพิเศษ+2 แต้ม (เฉพาะรุ่นพี่และเพื่อนเท่านั้น)]
|