[ฝั่งตะวันออกของเขตบ้านพัก] ทะเลสาบกลางค่าย

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-12-6 23:55:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด

หลังจากที่เจวิคไปนอนรอให้ผ้ามีกลิ่นหอมได้สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวดังมากลาย ๆ มาจากหลังต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับริมฝั่ง ชายหนุ่มยันตัวเองขึ้นมานั่งก็จะหันหน้าควับไปมา เขาเห็นกับหญิงสาววัยแรกรุ่นที่ยืนร้องไห้อยู่หลังต้นไม้ไม่ไกล ‘เอ๋ ตอนมาก็ว่าไม่มีนิ แล้วเป็นไรนะมาร้องไห้อยู่แถวนี้’ เจวิคนึกภายในใจขณะที่ลุกขึ้นมายืน 
“คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มตะโกนไปถามขณะที่ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาหญิงสาว
เธอไม่ได้ตอบกลับอะไร และยังคงร้องไห้ต่อไป “ฮืออออออ หึหึ หึ ฮือออออออออ”เสียงหญิงสาวร้องไห้ยังไม่หายไป 
เจวิคเดินมาอยู่ตรงข้าง ๆ กับหญิงสาว “เออ คุณครับ หลงทางหรอครับ เป็นอะไรไหมครับ” ชายหนุ่มถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย
“ทะ ทำไม” เธอพูดติด ๆ ขัด ๆ เนื่องจากยังคงร้องไห้อยู่ “ทำไมต้องมาซักผ้าตรงนี้ด้วย มันทำให้น้ำไม่สะอาด เราก็อยู่ของเราดี ๆ ทำไมต้องมารังแกกันแบบนี้ด้วย ฮือออออออออออออออ หึหึ หึ ฮืออออ” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เศร้าและร้องไห้ต่อ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ คือผมพึ่งมาใหม่ยังไม่ถึงสัปดาห์เลย แล้วเสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ซักสักที ผมเดินหาที่ที่พอจะซักผ้าได้ก็มีแค่ตรงนี้อะครับ ขนาดในบ้านพักผมก็ไม่มีเลย ขอโทษจริง ๆ นะครับ ครั้งหน้าผมจะไม่ทำอีก” เจวิคกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้กับหญิงสาวตรงหน้า
“ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ”ชายหนุ่มปลอบหญิงสาวขณะที่อีกมือหนึ่งเช็ดน้ำตาของเธอด้วยผ้าเช็ดหน้า ผ้าไปไม่นานนักหญิงสาวก็เริ่มหยุดร้อง ชายหนุ่มเก็บผ้าเช็ดหน้าคืนกระเป๋าของตน
“รอบหน้าอย่าให้มีอีกนะ ฉันยกโทษให้เธอ ส่วนน้ำในกะละมังนั้นอย่าให้เห็นนะว่าเทแถวนี้ ถือกลับไปเทแล้วบ้านเธอเลย . . .” หญิงสาวพูดร่ายยาว
“รับทราบครับ” เจวิคตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม เขาโค้งหัวให้ก่อนจะรีบวิ่งกลับมาเก็บผ้าที่พึ่งปูนอนใส่กระเป๋า และหยิบเอากะละมังที่มีผ้าที่แช่น้ำยาปรับผ้าน้ำอยู่ แล้วรีบเดินออกไปจากริมฝั่งของทะเลสาบ
เมื่อเขาเดินออกมาจนแน่ใจว่าไม่เห็นหญิงสาวคนนั้นแล้ว เขาจึงวางกะละมังลงแล้ว หยิบเอาขวดแก้วขนาดเล็กขึ้นมา จากนั้นจึงหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าที่ซับน้ำตาของหญิงสาว มารีดคั้นน้ำตาใส่ลงไปภายใน เมื่อคั้นจนหมดหยดสุดท้ายแล้ว เขาจึงเอาที่ปิดขวดมาปิดปากขวดก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าไป ชายหนุ่มหยิบเอากะละมังขึ้นมาแล้วเดินไปทางเขตบ้านพัก

ปลอบใจไนแอด

Jayvik Mchonde

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10926 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-12-6 23:55
โพสต์ 10,926 ไบต์และได้รับ +4 ความกล้า จาก หมวกแก๊ป  โพสต์ 2024-12-6 23:55
โพสต์ 10,926 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก รองเท้าเซฟตี้  โพสต์ 2024-12-6 23:55
โพสต์ 10,926 ไบต์และได้รับ +2 ความกล้า +3 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือถัก  โพสต์ 2024-12-6 23:55
โพสต์ 10,926 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมบุรุษ  โพสต์ 2024-12-6 23:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หอกกรีก
โชกเกอร์หนาม
หมวกแก๊ป
รองเท้าเซฟตี้
สร้อยข้อมือถัก
น้ำหอมบุรุษ
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x20
x1
x1
x2
x13
โพสต์ 2024-12-7 21:09:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด





วันที่ 6 ธันวาคม 2024
เวลา 14:20 น.


เผลอแป๊บเดียวคาบเรียนที่ 3 ของวิชาภาษากรีกโบราณก็กำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้วหลังจากที่รับคำพยากรณ์มาได้ไม่นานในหัวของเอโลอิสยังคงไม่เข้าใจคำพยากรณ์ยาก ๆ นั่นอยู่หลายจุด บางทีเธอคงต้องหาเวลาเข้าพบคุณไครอนอย่างจริงจังในสักวัน แต่ตอนนี้ต้องรีบเข้าเรียนเสียก่อน เธอและเคอร์ติสกลับมายังทะเลสาบอีกครั้ง คราวนี้มีนักเรียนนั่งรออยู่เต็มไปหมด เอโลอิสเลือกเดินตรงไปที่ผู้สอนแล้วส่งการบ้านก่อนเป็นอันดับแรก

“สวัสดีค่ะ อันนี้การบ้านของคาบที่แล้วค่ะ” เธอยื่นการบ้านที่เพิ่งหยิบออกมาจากกระเป๋าคาดเอวให้กับรีเบคก้า

“ดีมาก ทำเสร็จเร็วดีนะ” รีเบคก้ารับเอาการบ้านมาแต่เธอยังไม่ตรวจในทันที่

เอโลอิสเมื่อส่งการบ้านเสร็จก็ไปหาที่นั่ง และเลือกแถวหลัง ๆ จะได้ไม่โดนเรียกชื่อ ดูเหมือนทุกคนจะพร้อมสำหรับการเรียนแล้ว รีเบ็คก้าจึงเริ่มคลาสเรียนในวันนี้ทันที

"สวัสดีทุกคน วันนี้เป็นคาบที่ 3 ของวิชาภาษากรีกโบราณ เราจะมาเรียนเรื่อง Aorist Tense กัน"

คืออะไรวะ?...เอโลอิสมีแต่เครื่องหมายคำถามลอยเต็มเหนือหัวของเธอ
รีเบคก้าเขียนคำว่า ἔλυσα ลงบนกระดานด้วยชอล์คสีขาวสะอาด จากนั้นเธอหันไปอธิบายกับนักเรียนในคลาส

"ἔλυσα แปลว่า ฉันปล่อย ในรูปอดีต เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงทันที"

เธอหันไปมองผืนน้ำกว้างและพูดขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา "ลองนึกถึงการขว้างก้อนกรวดลงไปในน้ำนะ การกระทำของเราเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที แต่ผลที่เกิดขึ้นคือการกระเพื่อมของผืนน้ำ นั่นคือวิธีที่ Aorist ทำงาน เป็นการจับภาพการกระทำในจังหวะเดียว"
เพื่อให้ชัดเจนขึ้นเธอหยิบก้อนกรวดเล็ก ๆ ขึ้นมา ยกมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วขว้างมันลงไปในน้ำ เสียงจ๋อม! เบา ๆ ดังขึ้น พร้อมกับรอยคลื่นที่กระจายออกเป็นวงกว้าง นักเรียนมองตามแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ บางคนหยิบก้อนกรวดมาขว้างบ้างเพื่อทดลอง 

"จำไว้นะว่า Aorist ไม่ได้สนใจเรื่องความยาวนานของการกระทำสนใจแค่การเกิดขึ้นและจบลงเท่านั้น"

การสอนของรีเบ็คก้านั้นค่อนข้างเข้าใจง่ายแม้แต่เด็กที่ผลการเรียนแย่อย่างเอโลอิสยังสามารถเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ไม่ยาก เธอยังคงนั่งจดคำอธิบายของผู้สอนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบคาบเรียน นักเรียนแต่ละคนก็ทยอยเดินออกจากชั้นเรียน เอโลอิสเองก็เช่นกันวันนี้เธออยากจะแวะไปหาเทพเฮเฟตัสที่เตาไฟเสียหน่อย วอร์มคอไว้รอแล้ว วันนี้จะไปลองเพลงให้พ่อฟัง วะฮะฮ่า!



ส่งการบ้าน


รางวัล:  +20 EXP

รางวัลเข้าชั้นเรียน : +10 EXP , +20 ความกล้า







แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
ยืนยันส่งสินครามครบถ้วน  โพสต์ 2024-12-23 19:13
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2024-12-7 21:48
God
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-12-7 21:48
โพสต์ 10175 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-12-7 21:09
โพสต์ 10,175 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +5 ความกล้า +4 ความศรัทธา จาก ควบคุมโลหะ  โพสต์ 2024-12-7 21:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-12-17 02:16:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-4-7 15:24

249
เรียนภาษากรีกโบราณ วันที่ 1

               16/12/2024 เวลา 9.30 น. - 10.20 น.

               ตารางเรียนประจำค่ายเป็นสิ่งที่เสร็จเป็นอันดับแรกของคู่มือค่ายฮาล์ฟบลัด แน่นอน... เพราะว่ามันไม่มีอะไรยาก เขาแค่ไปถามเด็กในค่ายสักคน (แน่นอนอีกแหล่ะว่าคือ รีชา แคมพ์เบลล์ น้องสาวแสนน่ารัก) แล้วขอก็อปปี้ตารางสอนมา ทำให้ดีนได้รู้ว่าตอนนี้ค่ายฮาล์ฟบลัดมีวิชาที่เปิดสอนเพิ่มอีกสองวิชา นั่นคือ วิชาภาษากรีกโบราณ และวิชาอสุรกายศึกษา แถม ‘เอมีเลีย แอร์ฮาร์ต’ เพื่อนคนสำคัญก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นครูสอนวิชาดาบในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ด้วย แบบนี้ต้องเหมาเรียนให้หมดทั้งสามวิชา

               ตารางเรียนวันจันทร์เป็นของ ‘วิชาภาษากรีกโบราณ’ ดีนจึงไม่พลาดที่จะเข้าเรียน ไม่แน่ว่าถ้าเขาขยันอาจจะทันสอบช่วงต้นเดือนหน้าก็ได้…

               หากเป็นเมื่อก่อนชายหนุ่มคงไม่ให้ความสำคัญกับวิชาภาษาที่ตายไปแล้ว นอกจากว่าเขาจะไปประกอบอาชีพเป็นนักโบราณคดีสาขากรีกโบราณโดยตรง แต่เหตุการณ์หนึ่งที่หนุ่มโพไซดอนจำได้อย่างติดตราตรึงใจเลยก็คือ เขาเกือบถูกสาปเป็นหินตอนที่เผลอ (ความจริงตั้งใจ) ล้ำเข้าไปในเขตของ ‘ป้าเอม’ มีป้ายเตือนเป็นภาษากรีกโบราณตัวใหญ่เบิ้มเขียนว่า ‘ไม่ต้อนรับลูกอะธีน่าและโพไซดอน’ แต่เขาอ่านไม่ออกหลงคิดว่าป้ายนั้นเขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับ’

               ถึงเป็นภาษาที่ตายแล้ว แต่โลกแห่งทวยเทพก็ยังคงใช้ภาษาเหล่านี้อยู่…

               สถานที่เรียนวิชาภาษากรีกโบราณอยู่ที่ทะเลสาบกลางค่าย อากาศดีแถมวิวยังสวย ดีนชักจะเป็นห่วงขึ้นมาแล้วเชียวว่าเขาเพิ่งรับประทานอาหารเช้ามาได้หมาด ๆ จะสลบคาคาบเรียนหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเพราะความสวยของ ‘รีเบคก้า แม็กเคลน’ (ไม่ได้เป็นญาติกับ ไพเพอร์ แม็กลีน) ผู้สอน จะตรึงสายตาชายหนุ่มไว้ได้อยู่หมัด

               “Χαῖρε Ὄνομά μοι ἐστίν Ῥεβέκκα Μακκλῆν, θυγάτηρ τῆς Τύχης. Χαίρω σε ἰδοῦσα.”

               รีเบคก้ายิ้มหวานทักทายนักเรียนที่เข้าคลาสในวันนี้ด้วยภาษากรีกโบราณ ด้วยสำเนียงของภาษาที่ไม่คุ้นหูชวนให้รู้สึกจั๊กจี้ แน่นอนว่าทุกคนที่เพิ่งมาเรียนเป็นครั้งฟังไม่ออก ฉะนั้นหญิงสาวจึงแนบคำแปลประกอบไปด้วย

               “สวัสดี ฉันรีเบคก้า แม็กเคลน ธิดาแห่งไทคี ยินดีที่ได้รู้จัก… หลายคนในที่นี้คงรู้จักฉันแล้ว ฉันคือผู้สอนภาษากรีกโบราณ ตลอดสี่คาบเรียนจนจบคอร์สขอให้ทุกคนตั้งใจ และทำการบ้านมาส่งด้วยนะคะ”

               ‘มีการบ้านด้วยแฮะ…’

               ดีนคิดในใจ เพราะว่าคาบเรียนที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ทบทวนบทเรียนนอกเวลาเลย แต่อย่างว่า… การเรียนภาษาสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฝึกฝนและใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ไม่งั้นมีหวังลืมหมด

               “ในคาบนี้ฉันจะสอนตัวอักษรกรีกทั้งหมดยี่สิบสี่ตัว การสะกดคำ คำศัพท์พื้นฐานที่ควรเรียนรู้ ส่วนท้ายคาบจะเป็นการสอนแต่ละคนเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษากรีกโบราณค่ะ ทุกคนคิดว่าหน้าตาตัวอักษรคุ้น ๆ กันไหมเอ่ย?”

               ธิดาไทคีเอ่ยถาม เธอจรดไม้พ้อยเตอร์ไปที่กระดานดำที่บนนั้นเป็นตารางอักษรกรีก บางตัวอักษรก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่บางตัวก็เป็นสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์.. ถูกต้อง สัญลักษณ์เหล่านั้นมีพื้นฐานมาจากภาษากรีกโบราณ ดีนอาจได้เปรียบมากกว่าเด็ก ๆ นิดหน่อยตรงที่เขาเคยผ่านวิชาสมการในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยมาแล้วจึงรู้จักบางตัว


               “เอาล่ะค่ะ มาฝึกอ่านออกเสียงกัน ออกเสียงตามครูนะคะ อัลฟ่า อา- เบต้า บี- แกมม่า เงอะ-”

               “อัลฟ่า อา- เบต้า บี- แกมม่า เงอะ-”

               นักเรียนภายในชั้นต่างออกเสียงกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง บอกตามตรงว่าแม้หน้าตาตัวอักษรหลายตัวจะเหมือนกับภาษาอังกฤษ แต่ชื่อเรียกและการออกเสียงต่างกันค่อนข้างเยอะ ใช้เวลาท่องจำอยู่นาน ซึ่งรีเบคก้าใช้หลักการนั้นสอนในช่วงแรก ให้นักเรียนท่อนวนซ้ำไปมาหลายรอบจนเริ่มเข้าหัว จากนั้นสุ่มชี้ตัวอักษรแล้วให้แต่ละคนตอบ

               พอถึงตาดีนพ้อยเตอร์ก็ชี้ไปที่ ‘Θ’

               “โอ๊ะ–.. เธต้า เธอะ-”

               เกือบตอบผิดว่า ‘โอ’ ไปแล้ว เจ้าตัวอักษรที่ดูยังไงก็คือตัว ‘โอ’ ในภาษาอังกฤษที่มีขีดตรงกลาง แต่ดันเป็นเสียงตัว ‘ธี’ เสียอย่างนั้น สำหรับคนที่อ่านออกเขียนได้เป็นปกติย่อมมีไขว้เขวอยู่บ้าง แต่สำหรับผู้ที่เป็นดิสเล็กเซียที่อ่านหนังสือไม่ค่อยจะออกอยู่แล้ว การเรียนรู้ใหม่ไม่ใช่ปัญหาของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นหลายคนเรียนรู้ภาษากรีกโบราณไปไวมาก

               เวลาผ่านไปครึ่งคาบถึงจะได้เรียนการผสมตัวสะกด ซึ่งดีนดูแล้วหลักการไม่ได้ยาก คล้ายภาษาอังกฤษเพียงแค่ต้องจำให้ได้เท่านั้นเองว่าตัวอะไรคือพยัญชนะอะไร ตรงกับเสียงไหนบ้าง

               คำศัพท์ที่รีเบคก้าสอนเป็นคำศัพท์ง่าย ๆ เช่น สรรพนามแทนบุคคล เช่น ฉัน, คุณ, เขา, เธอ รวมถึงคำศัพท์พื้นฐานอย่าง สวัสดี, ขอบคุณ, ขอโทษ, ลาก่อน ทว่าทุกคำเมื่อสะกดด้วยอักษรกรีกหน้าตาเหมือนภาษามนุษย์ต่างดาว

               จนมาถึงท้ายคาบก็เป็นการสอนเขียนชื่อของนักเรียนแต่ละคน

               “เนื่องจากการออกเสียงของภาษากรีกโบราณจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ อย่างชื่อของครูคือ รีเบคก้า แม็กเคลน เมื่อสะกดเป็นภาษากรีกจะออกเสียงว่า ‘เรเวกก้า มัคคิลิน’

               ‘ตายหอง!!’

               ดีนอุทานในใจดังลั่น เพราะว่าชื่อเต็มของเขาสุดจะยาวเหยียดจนเมื่อยปาก จำได้เลยว่าตอนที่อยู่ชั้นอนุบาลแล้วถูกสอนให้เขียนชื่อตัวเองเต็ม ๆ เขาต้องใช้เวลานานมากแค่ไหน

               “เอาล่ะ ทุกคนลองเขียนชื่อตัวเองดูก่อนนะคะ เดี๋ยวครูจะช่วยเช็คชื่อที่ถูกต้องให้อีกที”

               ‘ลักไก่ได้เปล่าวะ.. ได้แหล่ะน่า’

               ดีนคิดพลางเหงื่อตก เขาลองสะกดชื่อตัวเองจากเสียงลงในกระดาษแบบฝึกหัด แค่คำว่า ‘Δεῖν Νεῖλος’ (เดอิน เนอีลอส) บอกตามตรงแค่สองคำยังยากฉิบหาย ต้องมาผันเสียงในแบบที่ไม่คุ้นเคยอีกเนี่ย

               เสียงรองเท้าส้นสูงเดินมาถึงข้างหลัง จากนั้นรีเบคก้าก็ชะโงกหน้ามองลงมาที่หน้าแบบฝึกหัด

               “หืม? ใช่เหรอ” เสียงหวานเอ่ยทักท้วง

               “ไม่ใช่เหรอครับ ก็สะกดด้วยตัว เดลต้า เสียง เดอะ ใช่ไหม? ผสมกับเสียง เอ อี แล้วก็ลงท้ายด้วย เนอะ ส่วนนามสกุลก็ เน กับ อี แล้วก็ เลอะ กับ โอ ที่บังคับว่าต้องลงท้ายเสียงต่อจากโอด้วยตัวซิกม่า”

               “สะกดถูกต้องทุกตัวเลยจ้ะ แต่จำได้ว่าชื่อของเธอยาวกว่านี้นะ” รีเบคก้าเปิดรายชื่อนักเรียนที่ลงเรียนตอนต้นคาบ “นี่ไง ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล” จากนั้นหญิงสาวก็หัวเราะคิกคักเพราะชื่อของชายหนุ่มนั้นยาวกว่าใครเพื่อน “ลักไก่ไม่ได้นะ มันจำเป็นเวลาที่เธอต้องกรอกเอกสารภาษากรีกนะจ๊ะ ชื่อตัวเองน่ะเขียนบ่อยอยู่แล้วเดี๋ยวก็จำได้ขึ้นใจเอง”

               หนุ่มละตินได้แต่อ้าปากค้างทำหน้าอึ้ง นี่เขาต้องเขียนคำว่า ‘เอลวิน’ กับ ‘อัลวาเรซ’ เป็นภาษากรีกอีกเหรอ!?

               “เอ่อ… ถ้าคุณอยากให้ผมเขียนทั้งหมดก็ต้องรอหน่อยนะครับ”

               ดีนกล่าว ส่วนคนสอนผายมือในความหมายว่า ‘เชิญเลย’ จากนั้นเธอก็เดินไปตรวจนักเรียนคนอื่นต่อ ทิ้งให้เขาต้องมานั่งสะกดชื่อตัวเองด้วยเสียงพึมพำ

               “เอ กับ เลอะ แล้วก็ วี.. วี.. ว้อย! ไม่มีตัว ‘วี’ นี่หว่า!”

               แต่จนแล้วจนรอดก็สะกดชื่อของตัวเองเสร็จเป็นคนสุดท้ายของคาบ ‘Δεῖν Ἐλβῖνος Ἀλβάρης Νεῖλος’

               “เสร็จแล้วเหรอคะคุณดีน ไหนลองออกเสียงชื่อของเธอมาสิคะ”

               “ครับ… เดอิน เอลบีนอส อัสบาเรส เนอีลอส” ให้ตายสิ ชื่อใครวะไม่เหมือนชื่อตัวเองเลยสักนิด!! นี่มันคาถาร่ายเวทมนตร์ของบุตรแห่งเฮคาทีชัด ๆ !!!

               “เก่งมากค่ะ” รีเบคก้าปรบมือให้นักเรียนคนสุดท้ายที่สะกดชื่อของตัวเองสำเร็จ ดูเหมือนจะมีเพื่อนให้กำลังใจอยู่ไม่น้อยเลยจึงได้ยินเสียงปรบมือดังมาจากหมู่นักเรียนด้วย “ทุกคนทบทวนบทเรียนกันด้วยนะคะ ส่วนการบ้านอยู่ในเอกสารท้ายบท ทำให้เสร็จแล้วนำมาส่งคาบหน้านะ เลิกคลาสได้ค่ะ”

               เมื่อสิ้นเสียงของอาจารย์ นักเรียนทุกคนต่างก็ลุกออกจากที่นั่งด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง ไม่คิดเลยว่าวิชาภาษากรีกโบราณจะดูดพลังชีวิตไปมากขนาดนี้ นี่เขายังไม่แก่เกินไปที่จะเรียนภาษาใหม่หรอกใช่ไหม?


เรียนภาษากรีกโบราณ ครั้งที่ 1/6
+10 EXP , +20 ความกล้า
----------------------------------
โบนัสความสนิท +5 [รีเบคก้า แม็กเคลน] จาก น้ำหอม Unisex


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2024-12-17 02:30
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] รีเบคก้า แม็กเคลน เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2024-12-17 02:30
God
การบ้าน(+3 Point แนบท้ายโรลคาบหน้า): เขียนบล็อกในโปรไฟล์ส่วนตัว -- เขียนชื่อเทพโอลิม 12 องค์เฉพาะเทพในสภาโอลิมปัสเป็นภาษากรีกโบราณ  โพสต์ 2024-12-17 02:30
โพสต์ 25378 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-17 02:16
โพสต์ 25,378 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-17 02:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2024-12-20 01:28:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด





วันที่ 16 ธันวาคม 2024
เวลา 09:30 น.


เสียงฝีเท้าของเอโลอิสขยับไปตามทางที่ทอดสู่ทะเลสาบโดยมีเคอร์ติส นกกระทาพูดได้คอยติดตามเธออยู่ไม่ห่าง มือของเธอกอดอูคูเลเล่ไว้แนบอก ใบหน้าแฝงไปด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากวันนี้จะต้องทำการแสดงหน้าชั้นเรียนซึ่งไม่ใช่ลูกที่พวกอินโทรเวิร์ดอย่างบุตรธิดาเฮเฟตัสจะชอบนักหรอก แต่สำหรับเอโลอิสแล้วเธอก็เหมือนจะจัดอยู่พวกเอ็กซ์โทรเวิร์ดในหมู่ของคนอินโทรเวิร์ดอีกทีนั่นแหละนะ แม้จะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่แต่เธอก็พยายามทำหน้าให้ปกติที่สุดแล้วเดินไปนั่งที่ของตน

เมื่อทุกคนนั่งประจำที่และจัดแจงอุปกรณ์พร้อมแล้ว เสียงฝีเท้าของรีเบ็คก้าก็ก้าวขึ้นมายืนด้านหน้า ปรายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะเริ่มกล่าวนำเข้าสู่การเรียนการสอนประจำวันนี้

“วันนี้เราจะเริ่มเรียนเนื้อหากันก่อนในครี่งแรก และครึ่งหลังยังจำการบ้านที่ให้ไปได้ใช่ไหม? เราจะมาฟังบทเพลงสรรเสริญพ่อแม่ทวยเทพที่ทุกคนได้แต่งมากัน...ในคาบนี้ฉันจะสอนตัวอักษรกรีกทั้งหมดยี่สิบสี่ตัว การสะกดคำ คำศัพท์พื้นฐานที่ควรเรียนรู้ ส่วนท้ายคาบจะเป็นการสอนแต่ละคนเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษากรีกโบราณค่ะ ทุกคนคิดว่าหน้าตาตัวอักษรคุ้น ๆ กันไหมเอ่ย?”

นักเรียนทุกคนจดตามอย่างตั้งใจ เอโลอิสพยายามจดตัวอักษรลงไปขณะที่สายตาจับจ้องกระดานอย่างไม่วางตา เคอร์ติสกระโดดขึ้นไปเกาะบนก้อนหินใกล้ ๆ คอยฟังไปพลางด้วยความสงสัยใคร่รู้

 “เนื่องจากการออกเสียงของภาษากรีกโบราณจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษ อย่างชื่อของครูคือ รีเบคก้า แม็กเคลน เมื่อสะกดเป็นภาษากรีกจะออกเสียงว่า ‘เรเวกก้า มัคคิลิน’”

เธอชี้ไปที่ชื่อของเธอบนกระดานที่แปลเป็นชื่อภาษากรีกเรียบร้อยแล้ว ทุกคนเริ่มจดจำและฝึกเขียนชื่อของตนเอง บรรยากาศริมทะเลสาบอบอวลไปด้วยความขะมักเขม้นของการเรียนจนกระทั่งเวลาที่ทุกคนไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้…

“เอาล่ะจบเนื้อหาเพียงเท่านี้ และแล้วก็ถึงเวลาของการแสดงแล้วค่ะ! ใครพร้อมจะแสดงบทเพลงสรรเสริญก่อนคนแรก เชิญออกมาข้างหน้าเลยนะคะ”

เมื่อรีเบ็คก้าประกาศให้ทุกคนเตรียมตัวออกมาทำการแสดง บรรยากาศริมทะเลสาบก็พลันเงียบลงในทันใด ความตื่นเต้นและความประหม่าแผ่ซ่านไปทั่ว นักเรียนแต่ละคนหลุบตาต่ำ พยายามไม่มองไปที่ผู้สอน เกี่ยงกันไปมา

“ไม่มีใครอาสาเลยเหรอคะ?” เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ กลุ่มเด็ก ๆ ที่พยายามหลบสายตา

“ถ้าอย่างนั้น จะใช้วิธีสุ่มเลือกนะคะ” เสียงกระดาษที่ถูกสับไปมาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ รีเบ็คก้าล้วงหยิบแผ่นหนึ่งออกมา ก่อนจะอ่านชื่อเสียงดังชัดเจน “เอโลอิส!”

ดวงตาของเอโลอิสเบิกกว้างใจหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม เธอกอดอูคูเลเล่ไว้แน่น ลมหายใจติดขัดชั่วครู่ แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะกิดจากเคอร์ติสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอจึงสูดลมหายใจลึกอย่างรวบรวมความกล้าเดินออกไปเพื่อแสดงผลงานการแต่งเพลงแบบวันไนท์มิราเคิลของตัวเอง

“ลุยเลยขอรับ!” เคอร์ติสกระซิบเสียงเบา พลางพยายามส่งยิ้มให้กำลังใจ

เอโลอิสเดินไปด้านหน้าแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ขาของเธอสั่นไปหมด แต่ก็ไม่วายลากเคอร์ติสมาหน้าชั้นด้วยเพราะเธอจะไม่ยอมอับอายเพียงลำพังพลางยื่นแทมบูรีนอันจิ๋วให้มัน เธอกระชับอูคูเลเล่ในมือปรับสายเล็กน้อย แล้วสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะแนะนำตัวเองก่อน

“เอ่อ…สะ…สวัสดีค่ะทุกคนฉันชื่อเอโลอิส เพจ ส่วนนี่เคอร์ติส วันนี้จะมาร้องเพลงภาษากรีกที่แต่ง ชื่อเพลงก็คือ…เอ่อ…ไม่มีชื่อค่ะ…”
เมื่อเสียงปรบมือดังขึ้นเพื่อให้กำลังใจก่อนจะค่อย ๆ เงียบลง เอโลอิสเริ่มดีดสายแรก เสียงดนตรีที่เริ่มต้นอย่างเบา ๆ พร้อมกับเสียงร้องที่เริ่มเปล่งออกมา พร้อมกับเสียงเขย่าแทมบูรีนของเคอร์ติส



“♫ Ήφαιστε, παιδί της Ήρας και του Δία,
άρχοντα της φωτιάς και των μετάλλων,
δεξιοτέχνη της τέχνης, σοφέ δημιουργέ,
έργα περίτεχνα και χρυσά.
Ω μεγάλε τεχνίτη, που καίγεσαι με φωτιά,
δυνατέ στα όπλα, δημιουργέ των θεών,
χάρισέ μου χέρια δυνατά,
και το μυαλό της σοφής τέχνης.
Γυναίκα έχεις, μα δεν σε αγαπά·
μάνα έχεις, μα δεν σε φροντίζει·
αδέρφια έχεις, που απατούν τη γυναίκα σου·
μα εσύ είσαι μεγάλος στην τέχνη,
και υπομένεις τη μοίρα σου.
Χαίρε, Ήφαιστε, δαμαστή της φωτιάς,
εμείς σε δοξάζουμε,
και ζητάμε τη χάρη σου,
για αρετή και αιώνια δύναμη. ♪

(คำแปล)
♫ เฮเฟตัส โอรสแห่งเฮราและซุส
เจ้าแห่งไฟและการหลอมโลหะ
ผู้เชี่ยวชาญในงานศิลป์ ผู้สร้างผู้ชาญฉลาด
ผู้สร้างสรรค์ผลงานวิจิตรและทองคำ
โอ ช่างผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ลุกโชติช่วงด้วยไฟ
ผู้แข็งแกร่งด้วยอาวุธ ผู้สร้างแห่งทวยเทพ
ขอประทานมือที่แข็งแกร่ง
และปัญญาแห่งศิลปะอันล้ำลึก
มีภรรยา แต่ภรรยาก็ไม่รัก
มีมารดา แต่มารดาก็ไม่ใยดี
มีพี่น้อง แต่พวกเขากลับเป็นชู้กับภรรยา
แต่ท่านยังยิ่งใหญ่ในศิลปะ
และยอมรับชะตากรรมของตน
ขอสรรเสริญท่าน เฮเฟตัส ผู้ควบคุมไฟ
เราสรรเสริญท่าน
และขอพรจากท่าน
ให้คุณธรรมและพลังคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ♪


เมื่อเอโลอิสร้องเพลงจบลง เสียงปรบมือเบา ๆ ดังขึ้นจากกลุ่มนักเรียน บ้างก็งง ท่อนแรกของเพลงนั้นดูเหมือนจะไหลลื่นไปได้ดี แต่ท่อนหลังกลับฟังดูแปลก ๆ ชอบกลแต่ทุกคนก็ปรบมือตามมารยาท

เอโลอิสยิ้มแห้ง ๆ ขณะเดินกลับไปนั่ง เธอรู้สึกอายเล็กน้อยกับผลลัพธ์ที่ออกมา แม้จะพยายามฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ แต่บางทีก็คิดไม่ออกว่าจะใส่อะไรลงไปในท่อนหลังของเพลงจึงตัดสินใจยัดคำเกี่ยวกับพ่อของเธอที่พอจะนึกออกมาใส่ไปในเพลงอย่างไม่คิดอะไรมากนัก จากนั้นนักเรียนคนอื่นก็ทยอยออกมาร้องทีละคนก่อนจะครบทั้งหมดในที่สุด

“ดีมากค่ะทุกคน! ฉันเห็นถึงความตั้งใจแต่ละคนแต่งเพลงออกมาได้ดีมาก ๆ...ทุกคนทบทวนบทเรียนกันด้วยนะคะ ส่วนการบ้านอยู่ในเอกสารท้ายบท ทำให้เสร็จแล้วนำมาส่งคาบหน้านะ เลิกคลาสได้ค่ะ”

เมื่อเลิกคลาสเรียนทุกคนก็ทยอยเก็บของกลับกัน เอโลอิสถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างน้อยวันนี้ก็จบลงเสียที หวังว่าทุกคนจะลืม ๆ มันไปซะ เพราะว่าเธอเองก็ไม่อยากจะจำผลงานการร้องของเธอรอบนี้สักเท่าไหร่ถ้าเทียบกับคำแพงคราวนั้นน่ะนะ ว่าแล้วเอโลอิสก็พาเคอร์ติสเดินออกไปจากชั้นเรียนวันนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอต้องไปทำก่อนที่จะออกเดินทางในเร็ววันนี้…

หมายเหตุ อ้างอิงโรลการเรียนของ @Dean



ส่งการบ้านร้องเพลง
+50 ศรัทธา และ +1 Point

รางวัลเข้าชั้นเรียน : +10 EXP , +20 ความกล้า







แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-12-21 07:20
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า +50 ความศรัทธา โพสต์ 2024-12-21 07:19
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-11-1] เฮเฟตัส เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-12-20 01:30
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-12-20 01:30
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า +50 ความศรัทธา โพสต์ 2024-12-20 01:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-12-21 02:55:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Character Avatar
NEREZA HENLADYS
Lovers of Pleasure ❣ Head Counselor Cabin 10

เนเรซ่า เฮนลาดิสเป็นครึ่งเทพที่มีอาการดิสเล็กเซียมาแต่กำเนิด ภาษาโบราณซึ่งสมควรหายไปจากวิถีชีวิตของคนในศตวรรษที่ 21 อย่าง ‘ ภาษากรีก ’ จึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ในทุกครั้งที่อ่านหนังสือ ภาพซ้อนทับแสนน่ารำคาญของตัวอักษรประหลาด ๆ มักวนเวียนอยู่ในหัวของเธอจนกระทั่งเธอตั้งสินใจที่จะล้มเลิกความพยายามในการเป็นหนอนหนังสือเรียนดีสำหรับผู้ปกครองที่น่ารักอย่างอีริค

‘ มันคือพรสวรรค์ที่วิเศษ วันหนึ่งถ้าลูกสนใจ ลูกอาจเชี่ยวชาญทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาแปลก ๆ ที่ลูกบอกพ่อว่าลูกเห็น ’ คำพูดของพ่อแท้ ๆ ที่คอยประคับประคองใจของเด็กหญิงตัวน้อยในวันนั้นให้เติบโตมาเป็นสาวสวยจนถึงวันนี้ก็ยังชัดเจนไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว

เธอไม่เหมือนกับไนมีเรีย

ชั่วขณะหนึ่งแววตาของสุภาพสตรีจิ้งจอกจากเคบินสิบพลันมีประกายซับซ้อน มือเรียวของเนเรซ่าวางลงที่ลำคอของเธอ ลูบไปมาราวกับว่าการสัมผัสนี้จะช่วยให้ความคิดปลอดโปร่งขึ้นแม้จะรู้อยู่แล้วว่านั่นไม่มีทางเป็นจริง ‘ เอเดรียนกับไนมีเรียเหมือนระเบิดซีโฟกับนิวเคลียร์ พวกเขาเตรียมพร้อมเหมือนงูที่ขดตัวพร้อมโจมตี ’ เมื่อนึกไปถึงครั้งที่ยังเด็ก เนเรซ่าในตอนนั้นได้แต่ยืนข้างเอเดรียน มองความลำบากที่ไนมีเรียต้องเผชิญในการจะหล่อหลอมตัวตนอันสมบูรณ์แบบ

‘ เขารู้บางอย่าง ’ เธอคิดในระหว่างที่สองขายังคงก้าวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ‘ ผู้ชายคนนั้นเตรียมทุกอย่างที่ควรเตรียมไว้ให้ไนมีเรีย เด็กปกติที่ไหนเรียกภาษากรีก? .. นั่นมันแปลก ’ ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เธอพึ่งจะมาเอะใจทำให้ลำคอเริ่มรู้สึกแห้งผาก ที่ปรึกษาประจำเคบินสิบส่ายหน้าไปมาช้า ๆ เพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะทอดสายตามองทิวทัศน์ทะเลสาบแห่งความทรงจำที่เธอ ‘ ไม่อยาก ’ จะจำเลยแม้แต่น้อย

“ Καλώς ήρθατε στην τάξη. Σήμερα ελπίζω όλοι να είστε καλά προετοιμασμένοι. ”

เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่กล่าวออกมาในภาษาแปลกหูแต่กลับน่าฟังลอยมาตามสายลม เนเรซ่าหันมองไปตามต้นเสียง ดวงตาของเธอพบเข้ากับกลุ่มคนในค่ายที่รวมตัวเป็นกลุ่มเล็ก ๆ บางคนยืนพิงต้นไม้ บางคนนั่งบนท่อนไม้ที่หักโค่นแต่ทั้งหมดนั้นกำลังหันหน้ามองหญิงสาวคนหนึ่งอย่างตั้งใจด้วยสายตาที่บางครั้งก็ชวนให้รู้สึกว่าพวกเขากำลังตกอยู่ภายใต้มนต์สะกด

“ มีใครรู้ไหมว่าประโยคเมื่อกี้นี้แปลว่าอะไร? ”

หลายคนอ้าปากพะงาบ ๆ และมีบางส่วนที่ขมวดคิ้วแน่นเหมือนต้องการจะหาคำตอบมาให้ผู้ฝึกสอนแม้ว่าจะต้องคว้านท้องหรือควักหัวใจ เนเรซ่าเลิกคิ้วขึ้น.. เธอสมควรจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับสายเลือดอะโฟรไดท์ทุกคนแต่น้ำเสียงรวมไปถึงสำเนียงแบบนี้กลับไม่เคยได้ยินมาก่อน “ เชื่อว่าพวกเขาคงอายเกินกว่าจะขอให้คุณเฉลย ” เสียงของธิดาอะโฟรไดท์ดังขึ้นท่ามกลางความสงบที่มีเพียงเสียงใบไม้จนคนทั้งหมดล้วนหันมามองเป็นตาเดียวชนิดที่ไม่เว้นแม้แต่สาวสวยผู้ซึ่งตกเป็นเป้าสายตาก่อนหน้านี้

“ ดังนั้นในฐานะที่มาเข้าคลาสครั้งแรก.. ฉันยินดีเป็นคนใช้สิทธิ์ถามว่าประโยคนั้นแปลว่าอะไร ”

ใบหน้าเฉียบคมของสุภาพสตรีจิ้งจอกจากเคบินสิบผงกลงเชิงทักทายตามมารยาทแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นทางการมากนัก เช่นเดียวกับ ‘ ธิดาไทคี ’ ที่ยกมุมปากขึ้นอย่างพึงพอใจสำหรับการมาถึงของนักเรียนคนใหม่ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “ ยินดีต้อนรับค่ะ ” เธอคนนั้นกล่าวทักทายพร้อมกับยื่นมือออกมาหาเธอ “ ฉันรีเบคก้า สอนวิชาภาษากรีก ”

“ เนเรซ่าค่ะ ”

มือบางของผู้หญิงที่เรียกได้ว่ามีรูปลักษณ์ไว้สำหรับทำลายล้างหัวใจคนรอบข้างสัมผัสกันหลวม ๆ “ ธิดาอะโฟรไดท์ ” สำหรับเหล่าครึ่งเทพ บางครั้งการแนะนำพ่อแม่ของตัวเองก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะได้แบ่งประเภทความสัมพันธ์ว่าคนนั้นคบได้มากคบได้น้อย หรือคนไหนมีข้อได้เปรียบในเรื่องอะไร รีเบคก้าที่ได้ยินการแนะนำตัวของธิดาเทพีแห่งความงามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ ปกติแล้วเด็ก ๆ อะโฟรไดท์ชอบคิดว่าแค่ภาษาฝรั่งเศสก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นฉันเลยดีใจที่ได้พบคุณที่นี่ ยินดีต้อนรับนะคะ ฉันเป็นสายเลือดไทคี ”

รีเบคก้าผายมือเชิญให้นักเรียนหน้าใหม่ได้ไปเลือกที่นั่งร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ สองแขนของผู้สอนวิชาภาษากรีกเลื่อนขึ้นมากอดอก “ ประโยคที่พูดไปก่อนหน้านี้มีความหมายว่า ‘ ยินดีต้อนรับเข้าสู่คลาสเรียน ฉันหวังว่าวันนี้ทุกคนจะเตรียมตัวกันมาพร้อม ’ แต่ถ้าจากที่ดู เหมือนว่าบางคนจะยังไม่พร้อมกันเท่าไหร่ ” ธิดาไทคีขยิบตาด้วยความขี้เล่นจนฝูงนักเรียนพากันเขินอายในทุกอิริยาบทของเธอ

‘ นี่เรียกว่าสวยจนน่ากลัวได้เลย ’ เนเรซ่าคิดในใจพร้อมกับหยิบสมุดขึ้นมากางเตรียมจดเนื้อหาบางส่วนกลับไปศึกษาต่อโดยมีรีเบคก้าที่กวาดสายตามองผ่านทุกคนอย่างพิจารณา ครูสาวประจำวิชาภาษากรีกเงียบไปหลายลมหายใจจนกระทั่งได้บทสรุปถึงบางอย่างในหัวและเริ่มต้นการสอนอีกครั้ง “ ยังมีหลายคนที่ไม่เข้าใจพื้นฐาน ดังนั้นฉันจะไม่รวบการสอนให้เร็วจนเกินไป วันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับการทักทายและแนะนำตัว ส่วนคุณเนเรซ่าที่พึ่งมา.. เอเตรียน เธอช่วยแบ่งโพยเกี่ยวกับตัวอักษรกรีกกับคุณเนเรซ่าหน่อยนะ ”

เอเตรียน โลรองค์ เด็กหนุ่มจากบ้านอะธีน่าเงยหน้าขึ้นมองรีเบคก้า ก่อนจะหันไปมองเนเรซ่า ดวงตาเรียวของเขาหรี่ลง ‘ ทำไมฉันถึงได้มีดวงกับเด็กอะโฟรไดท์นัก.. ครั้งก่อนก็ผู้หญิงที่ชื่อนาแนตต์.. ’ ความคิดมากมายที่หมุนวนอยู่ในหัว ทำให้เขาตอบสนองช้ากว่าที่ตั้งใจเอาไว้ รีเบคก้าเริ่มหันกลับไปสอนเกี่ยวกับการแนะนำตัวแล้วแต่เอเตรียนยังคงมองหน้าเนเรซ่าอยู่แบบนั้นไปเรื่อย ๆ นานพอที่จะทำให้นักเรียนใหม่ผู้ซึ่งมีฐานะเป็นถึงที่ปรึกษาประจำเคบินสิบต้องโน้มเข้าไปหาพร้อมกับใช้นิ้วเคาะลงบนหลังมือของเขาอย่างแผ่วเบา

ราวกับถูกผลักออกจากภวังค์ เอเตรียนสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาของเขาสบอยู่กับดวงตาทรงเสน่ห์ที่เก็บงำประกายความน่าสนใจเอาไว้ เด็กหนุ่มจากบ้านอะธีน่าทำอะไรได้ไม่มากนอกจากกลั้นหายใจ แก้มของเขาแดงระเรื่อขึ้นอย่างที่ห้ามไม่ได้ “ ถอยไป ” เสียงของเขาห้วนผิดกับหน้าตาหวาน ๆ ที่คอยดึงดูดคนให้เข้าใกล้

เนเรซ่าเลิกคิ้วขึ้นช้า ๆ มุมปากของเธอยกเหนือจากระดับปกติในระหว่างที่ดึงตัวเองออกห่างจากเอเตรียนเมื่อเห็นว่าเขากลับมาตอบสนองแล้ว “ รบกวนหน่อย ฉันจะรีบอ่านก่อนถึงตาแนะนำตัว ” คำพูดและความมั่นใจของเธอทำให้เอเตรียนรู้สึกอยากจะเอ่ยปากแย้ง ‘ ไม่มีทางที่จะจำตัวอักษรไวได้ขนาดนั้น— ’ แต่ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนรวมไปถึงไม่ใส่ใจของผู้หญิงที่รีเบคก้าฝากให้เขาช่วยดูแลกลับทำให้ความคิดของเขาสั่นคลอน ถึงจะมีสีหน้าฮึดฮัดที่ผสมมากับแววตาไม่พึงพอใจแต่ในท้ายที่สุด เนเรซ่าก็ยังได้รับโพยตัวอักษรที่มีตัวเขียนภาษากรีก การเทียบเสียง และการออกเสียงพยัญชนะที่เขียนกำกับเอาไว้เป็นภาษาอังกฤษ

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการที่จะบันทึกภาษาใหม่เข้าไปในหัว โชคดีที่เนเรซ่าคุ้นตากับเหล่าตัวอักษรภาษากรีกซึ่งถือว่าเป็นอิทธิพลที่ได้มาจากโรคดิสเล็กเซีย แต่การต้องมานั่งบอกให้สมองตัวเองจำว่าตัวไหนออกเสียงยังไงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี ในระหว่างที่ทุกคนพึมพัมด้วยประโยคแนะนำตัวเป็นภาษากรีกที่ฟังแล้วดูแปร่งหู เนเรซ่าก็ยังคงง่วนอยู่กับการท่องพยัญชนะโดยมีเอเตรียนช่วยแนะนำในบางครั้ง ทว่าเวลาเตรียมตัวที่เธอมีก็ยังถือว่าน้อยเกินไป

“ เนเรซ่า ”

เสียงเรียกของรีเบคก้าดึงให้ธิดาอะโฟรไดท์เงยหน้าขึ้นจากสมุดบันทึก รอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าธิดาไทคีบอกให้รู้ว่าลำดับการแนะนำตัววนมาถึงเธอที่เป็นนักเรียนคนสุดท้ายแล้ว “ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจว่ามันคงกดดันสำหรับคุณ อย่างที่ฉันบอกไป Γεια σας! Με λένε … Είμαι κόρη της Θεός/θεάς .... Χαίρομαι που σας γνωρίζω. ” สำเนียงภาษากรีกในประโยคยาวเหยียดแต่กลับมีน้ำเสียงที่ฟังแล้วลื่นไหลกระชับดังออกมาเป็นแนวทางให้นักเรียนคนสุดท้ายได้เลียนแบบ

“ Γεια σας! — สวัสดี Με λένε — ฉันชื่อ … Είμαι κόρη της — ฉันเป็นลูกของ Θεός/θεάς — เทพ/เทพี .... Χαίρομαι που σας γνωρίζω. — ยินดีที่ได้รู้จัก ” ครูภาษากรีกคนสวยไม่รีบร้อนในการจะให้นักเรียนคนล่าสุดเข้าใจในหลักการของภาษาโบราณ เธอคอยพูดย้ำสองถึงสามครั้งให้เนเรซ่าได้พูดตามเพื่อแปลงคำและสำเนียงให้สมบูรณ์แบบ ‘ ต้องยอมรับว่าฉันประทับใจ.. ’ ดวงตาของรีเบคก้าเรืองขึ้นอย่างยินดีเมื่อเห็นว่านักเรียนสาวคนนี้มีพื้นฐานภาษาฝรั่งเศสที่ดีมากจนทำให้การออกเสียงของภาษากรีกกลายเป็นลื่นหูโดยไม่ต้องพยายาม

“ ที่เหลือก็เป็นชื่อของคุณ อยากจะลองถอดคำเองไหมคะ? ” รีเบคก้ายื่นข้อเสนอให้พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน

“ เนเรซ่า… น.. เอะ ” ความพยายามออกเสียงที่ค่อย ๆ ประกอบออกมาเป็นรูปเป็นร่างภายใต้การเฝ้ามองและรับฟังของครูประจำคลาสคล้ายจะเป็นความกดดันแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นความสะดวกชนิดที่เนเรซ่าเริ่มจะติดใจ เธอไม่จำเป็นต้องลองผิดลองถูกนานนัก ถ้าออกเสียงหรือเลือกตัวที่ผิดพลาด แววตาบางอย่างของรีเบคก้าก็จะเปลี่ยนไป จนในที่สุดเธอก็ได้มาเป็นชื่อที่ถูกต้อง “ เนเรซซ่า เฮนลานดิส (Νερέζα Χενλάντις.) ”

ชื่อของเธอเพี้ยนไปแค่ตัวเดียวคือตำแหน่งตัว H .. บุตรสาวของเทพีอะโฟรไดท์ยกมือขึ้นลูบคางตัวเองช้า ๆ พร้อมกับพยายามเค้นความคิดว่า ‘ อะโฟรไดท์ ’ จะต้องออกเสียงแบบไหน จนกระทั่งได้มาซึ่งคำตอบในช่วงเวลาที่ใกล้จะจบคาบพอดี “ Γεια σας! Με λένε Νερέζα Χενλάντις. Είμαι κόρη της θεάς Αφροδίτης. Χαίρομαι που σας γνωρίζω. ”

“ เก่งมากค่ะ ทั้งชื่อตัวเอง ชื่อแม่ และการเลือกใช้คำว่าเทพีได้อย่างถูกต้อง คุณทำได้ดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้อีกนะเนเรซ่า ” รีเบคก้าหัวเราะเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจพร้อมกับวางมือตบ ๆ ลงบนไหล่ของเนเรซ่าสองสามครั้งด้วยแรงที่ไม่มากนัก “ วันนี้ทุกคนทำได้ดีมาก .. เอาเป็นว่าจบคลาสสำหรับวันนี้ไว้ที่ตรงนี้กันก่อนดีกว่า ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ ” รอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มของรีเบคก้า แม็กเคลนชั่วขณะหนึ่งดูเหมือนรอยยิ้มพรากชีวิตของผู้คุมวิญญาณยังไงอย่างงั้น

“ มันเป็นภาษาที่เพราะมากจริง ๆ ” เนเรซ่างึมงัมเมื่อรอบข้างเธอไม่เหลือใครด้วยเสียงที่เบาหวิว

“ แต่แ*่งก็ยากเกิน ”

เข้าเรียนวิชาภาษากรีก ครั้งที่ 1
รางวัลเข้าชั้นเรียน : +10 EXP , +20 ความกล้า
+7 ความสัมพันธ์กับรีเบคก้า แม็กเคลน จากสกิลหอมเย้ายวน

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] รีเบคก้า แม็กเคลน เพิ่มขึ้น 7 โพสต์ 2024-12-21 07:23
God
คุณได้รับ +20 ความกล้า โพสต์ 2024-12-21 07:22
God
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-12-21 07:22
God
การบ้าน:: ((+20 ศรัทธา +1 Point)) คิดบทเพลงเกี่ยวกับภาษากรีกเกี่ยวกับพ่อแม่เทพของคุณ และนำมาขับขานร้องต่อหน้าทุกคนคาบหน้า  โพสต์ 2024-12-21 07:19
โพสต์ 29283 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-21 02:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
สร้อยนำโชคจากไทสัน
คัมภีร์เอาชีวิตรอด(เอลล่า)
ประสาทสัมผัสดีขึ้น
แปลงร่าง
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
หอกฮาลต้า
โล่อัสพิส
กล่องสรวงสวาท
เกราะหนัง
Daedalus's Legacy
รองเท้าเซฟตี้
สายใยแห่งรัก
สัญชาตญาณแห่งรัก
ทักษะมีดสั้น
ต่างหูเงิน
หอมเย้ายวน
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โรคสมาธิสั้น
มีดสั้นสัมฤทธิ์
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x8
x1
x1
x2
x3
x3
x1
x1
x4
x1
x1
x1
x10
x2
x1
x5
x1
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x7
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2024-12-22 01:48:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด





วันที่ 21 ธันวาคม 2024
เวลา 13.30 น.



แม้ด้านหน้าค่ายจะยังไม่สามารถวางใจได้เต็มที่ แต่ก็ถือว่ามีกองกำลังจากเดมิก็อดและแซเทอร์ที่ประจำอยู่ในจุดนี้มากมาย เรียกได้ว่ามากกว่าจุดอื่น ๆ เสียด้วยซ้ำ เอโลอิสมองสถานการณ์อย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะตัดสินใจเคลื่อนตัวไปที่จุดอื่น เธอคิดว่าพวกเขาคงสามารถต้านทานอันตรายได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะจากการที่มีกำลังเสริมอย่างเดมิก็อดและแซเทอร์ที่มีฝีมืออยู่มาก

หนึ่งในเหตุผลที่เธอตัดสินใจย้ายจุดไปช่วยพวกที่ประจำอยู่ที่ทะเลสาบ ก็เพราะเธอไม่อยากอยู่ใกล้ยัยป้าที่ทำแต่เรื่องสร้างความปวดหัวให้เธอตลอดเวลา ป้ามักจะไปนั่งจู้จี้จุกจิกสร้างความรำคาญ หวาดระแวงไปเสียหมด แต่สิ่งที่ทำให้เอโลอิสกังวลยิ่งกว่าก็คือไม่รู้ว่าอสุรกายตนใดที่อาจจะเล็ดรอดเข้าไปด้านในค่ายแล้วบ้าง

เมื่อเอโลอิสมาถึงบริเวณทะเลสาบ เธอพบว่าจำนวนผู้ที่ประจำการอยู่ที่นี่น้อยเกินไป มีเพียงเดมิก็อดไม่กี่คนและแซเทอร์สองตนที่พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อสกัดยักษ์น้ำแข็งซึ่งกำลังคุกคามแนวป้องกัน น้ำในทะเลสาบที่เคยใสสะอาดถูกแผ่คลื่นเย็นยะเยือกจนบางส่วนกลายเป็นน้ำแข็ง 

เอโลอิสก้าวเข้ามาในสนามรบ ธนูไม้ในมือถูกยกขึ้นอย่างมั่นคง เธอหยิบลูกธนูดอกแรกขึ้นมา สายตาเฉียบคมจดจ้องที่จุดอ่อนของศัตรู ยักษ์น้ำแข็งหมุนตัวมาทางเธอ ดวงตาน้ำแข็งส่องประกายเย็นยะเยือก เธอไม่ลังเลที่จะดึงสายธนูจนสุด ก่อนปล่อยลูกศรพุ่งทะยานไปปักเข้าที่กลางลำตัวของมัน เสียงแตกหักดังลั่นเมื่อเศษน้ำแข็งที่เคลือบตัวมันร้าวกระจาย

ยักษ์น้ำแข็งคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด แต่ยังไม่ล้มลง เอโลอิสไม่รอช้า เธอหยิบลูกธนูอีกดอก ดึงสายจนสุดแล้วเล็งไปที่หัวเข่าของมัน ลูกธนูเสียบทะลุข้อเข่า ทำให้ยักษ์ตนนั้นทรุดลงกับพื้นทะเลสาบ เสียงน้ำแข็งแตกสะท้อนทั่วบริเวณ

“กลับไปนิฟล์เฮมซะไป!”

เธอตัดสินใจปิดจ็อบโดยการยิงธนูลูกสุดท้ายเข้าที่จุดตายจนร่างของยักษ์น้ำแข็งตนนั้นสลายกลายเป็นละอองไปในที่สุด แม้มันจะตายไปแล้วแต่สถานการณ์ในสมรภูมิก็ไม่เคยปล่อยให้เธอหยุดพักเมื่อ อสุรกายอีกตนที่เอาจริง ๆ ก็ดูไม่เหมือนอสุรกายสักเท่าไหร่ดูเหมือนคนมากกว่า เธอไม่รู้หรอกว่าเขาคือใครแต่ดูแล้วไม่น่าใช่คนดีเด่อะไรแน่นอน

"แกเป็นใคร๊!!!” เอโลอิสตะโกนถาม แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเหยียดหยามและเสียงหัวเราะต่ำในลำคอ

“นี่สาวน้อยอย่าไปคุยกับมัน! นั่นเงาของแร็กนาร์ บุตรแห่งโลกิ รีบกำจัดมันซะ!” เสียงตะโกนของเดมิก็อดคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกมุมสนามรบ เขากำลังฟาดฟันกับศัตรูอีกตัว แต่ยังไม่ลืมที่จะช่วยเตือนเธอ

เอโลอิสมองร่างตรงหน้า มันเคลื่อนไหวเหมือนมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้ว ก้าวเท้าหนัก ๆ อย่างมั่นคง แสงสะท้อนคมดาบในมือของมันเป็นประกายวาววับ แต่ในใจเธอก็รู้ว่า นี่ไม่ใช่มนุษย์ มันคือเงา…เงาที่อันตรายมากเสียด้วย…

เธอเตรียมลูกธนูไว้ในมือ เงานั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันยกดาบขึ้นเตรียมโจมตีแต่เอโลอิสก็พลิกตัวหลบในจังหวะที่มันเข้ามาใกล้ก่อนจะตั้งลูกธนูขึ้นบนสาย

ฟิ้ววว!!! 

ลูกธนูดอกแรกถูกยิงออกไปปักที่ไหล่ของมัน เงานั้นหยุดชะงักเล็กน้อย แต่เพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะยกดาบขึ้นป้องกัน ลูกธนูต่อมาที่พุ่งตามไปถูกปัดตก เธอขมวดคิ้วแน่นมองการเคลื่อนไหวของมันอย่างระมัดระวัง

“กายเนื้อเหมือนคนก็จริง แต่ความเร็วแบบนี้...” เธอสูดลมหายใจเข้าตั้งสมาธิ

เงานั้นพุ่งมาทางเธออีกครั้งด้วยความเร็วที่น่าตกใจ เธอตั้งสายธนูอีกครั้งเล็งอย่างมั่นคง คราวนี้ลูกธนูพุ่งเข้าที่หัวเข่าของมัน ทำให้มันชะงักและล้มลงกับพื้น เอโลอิสไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ เธอยิงซ้ำอีกครั้ง ลูกธนูดอกต่อมาพุ่งเข้ากลางอกของเงา ร่างนั้นสะดุ้งเฮือกแต่ยังไม่ดับสลาย

“นี่แกจะไม่ยอมตายเลยใช่ไหมเนี่ย!” เธอร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด

เอโลอิสถอยไปอีกครั้งเพื่อรักษาระยะห่าง ก่อนจะหยิบลูกธนูสองดอกขึ้นมาพร้อมกัน ตั้งบนสายและเล็งไปที่จุดสำคัญ เธอยิงออกไปอย่างรวดเร็วทั้งสองดอกพุ่งเข้าที่หน้าอกและศีรษะของมัน เงานั้นทรุดลงกับพื้น เสียงหัวเราะเยาะเย้ยเงียบลง

ร่างของเงาค่อย ๆ สลายเป็นละอองล่องลอยหายไปในอากาศ เอโลอิสลดธนูลงหอบหายใจหนัก ขณะมองไปยังพื้นที่ที่เคยมีเงานั้นอยู่ จบไปอีกหนึ่งตัวไม่รู้ว่าเธอจะต้องคร่าชีวิตไปอีกเท่าไหร่ แต่ก็คงต้องสู้ต่อไปเพื่อปกป้องค่ายแห่งนี้ไว้ให้ได้…




สินสงคราม: ผนึกน้ำแข็ง
+2 ตื่นรู้จากการพิชิตลูกสมุนยักษ์น้ำแข็งครั้งแรก



สังหารเงาแห่งแร็กนาร์ ดรอป xxx ไอเท็ม







แสดงความคิดเห็น

God
เงาแห่งแร็กนาร์ - ข้าจะรอแกในหนทางข้างหน้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า  โพสต์ 2024-12-22 01:52
โพสต์ 16119 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-12-22 01:48
โพสต์ 16,119 ไบต์และได้รับ +4 EXP +6 เกียรติยศ +4 ความศรัทธา จาก สร้อยไข่มุกตาฮิตี   โพสต์ 2024-12-22 01:48
โพสต์ 16,119 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 ความศรัทธา จาก ผลิตภัณฑ์กันแดด  โพสต์ 2024-12-22 01:48
โพสต์ 16,119 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก เกราะนักรบสีทองแดง  โพสต์ 2024-12-22 01:48

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-12-22 17:04:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด





วันที่ 21 ธันวาคม 2024
เวลา 14.00 น.



การต่อสู้โดยรอบยังคงดุเดือดราวกับสมรภูมิที่ไม่มีวันจบ เสียงโลหะกระทบกันดังกึกก้องสลับกับเสียงคำรามของอสุรกายที่แผ่ไปทั่วบริเวณ ฝุ่นและควันลอยคลุ้งปกคลุมพื้นที่รอบทะเลสาบ สายน้ำที่เคยใสราวกระจกบัดนี้สะท้อนเงาแห่งความโกลาหลและแสงวูบวาบจากเวทมนตร์และอาวุธของนักรบเดมิก็อดทั้งหลาย เอโลอิสยังคงประจำการอยู่ตรงจุดของเธอร่างที่เปื้อนฝุ่นและเหงื่อเผชิญกับอสุรกายที่ปรากฏขึ้นไม่หยุดหย่อน พนันได้เลยว่าหลังจบศึกนี้คงต้องไปนอนหยอดน้ำเกลือที่สถานพยาบาลแน่

และตอนนั้นเองเป็นช่วงเวลาที่เอโลอิสได้เผชิญหน้ากับศัตรูใหม่ขนาดใหญ่กว่าเดิมร่างของมันทำจากหินก้อนใหญ่หลากหลายขนาดไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือตัวอะไร

“โกเลม…” เอโลอิสพึมพำเบา ๆ เธอเคยเห็นมันตามหนังและการ์ตูน แต่วันนี้เพิ่งเคยพบเจอตัวเป็น ๆ 

เสียงโครมดังสะท้อนไปทั่วทะเลสาบ เศษหินพุ่งกระจัดกระจายเมื่อหมัดของโกเลมขนาดมหึมาตำลงพื้นอย่างรุนแรง แผ่นคำว่า 'EMETH' เรืองแสงสีทองชัดเจนอยู่กลางหน้าผาก หินหยาบกร้านที่ประกอบกันเป็นร่างของมันดูเหมือนจะไม่มีวันพังลงง่าย ๆ เอโลอิสเบี่ยงตัวหลบหมัดนั้นได้หวุดหวิด ก่อนพลิกตัวมองโกเลมอย่างพินิจพิเคราะห์แบบนี้ธนูยิงไม่เข้าแน่ จึงดับสินใจเปลี่ยนกลับเป็นดาบโล่ที่เคยโดนป้ายัดใส่มือมาให้อีกครั้งซึ่งน่าจะเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับการต่อสู้กับโกเลมมากกว่า

“วันนี้จะเป็นวันตายของแก!” เอโลอิสกล่าวเสียงดัง ดาบในมือกระชับแน่น เธอรู้ดีว่าความทนทานของมันไม่อาจทำลายลงได้ง่าย ๆ โกเลมคำรามก้องสะเทือนก่อนยกมือขึ้นคว้าหินขนาดใหญ่จากพื้น ขว้างตรงมาที่เธอด้วยความเร็วราวกับกระสุนปืน เอโลอิสพุ่งตัวหลบ ก้อนหินพุ่งกระแทกพื้นจนระเบิดเป็นเศษเล็กเศษน้อย

เธออาศัยจังหวะนั้นวิ่งเข้าใกล้ ฟันเข้าที่ข้อเท้าของมันเต็มแรง เสียงโลหะกระทบหินดังกังวานไม่มีการสะทกสะท้านใด ๆ โกเลมไม่มีท่าทีหยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว มันใช้แขนกวาดไปรอบตัวราวกับพายุ เอโลอิสเบี่ยงตัวหลบสุดกำลัง แต่แรงลมที่เกิดจากการโจมตีทำให้เธอเสียหลักจนร่างกระเด็น

เธอพลิกตัวขึ้นทันเวลา เมื่อโกเลมยกเท้าขนาดยักษ์เตรียมจะบดขยี้เธอให้แหลก เอโลอิสพุ่งตัวไปด้านข้าง แต่ฝุ่นและเศษหินที่พุ่งขึ้นจากพื้นทำให้การมองเห็นของเธอถูกบดบัง

"ไปสักยันต์เจ้าไหนมาเนี่ยทำไมถึกแบบนี้นะ!" เธอพึมพำพลางปัดฝุ่นออกจากใบหน้า สายตาของเธอหันไปมองแผ่นคำที่ส่องแสงอยู่กลางหน้าผากโกเลม มันดูเหมือนจุดอ่อนเพียงจุดเดียวบนร่างกายที่ไร้ทางเจาะทะลวง เธอจำได้ว่าเคยอ่านเจอคำนี้ที่ไหนสักแห่งถ้าทำลายมันได้ก็เท่ากับทำลายโกเลมได้…ได้การล่ะ!

เอโลอิสตัดสินใจปีนขึ้นไปบนตัวมัน โกเลมคำรามลั่นพร้อมสะบัดแขนพยายามคว้าตัวเธอ เธอก็พยายามไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงไหล่ของมัน เอโลอิสกระโดดขึ้นไปบนศีรษะ พร้อมเงื้อดาบขึ้นสูง

“กลับไปเป็นกองหินซะไป๊!” เธอตะโกนสุดเสียง ก่อนตวัดดาบลงเต็มแรง เสียงโลหะฟาดเข้ากับหินดังสนั่น แผ่นคำว่า’EMETH’ ถูกเฉือนตัวอักษร ‘E’ ออก เหลือเพียง ‘METH’

ทันทีที่อักขระเปลี่ยนแปลง แสงสว่างที่เคยส่องออกมาจากร่างโกเลมก็เริ่มมอดดับ ดวงตาของมันไร้แสง ร่างมหึมาทั้งหมดหยุดนิ่ง เอโลอิสรีบกระโดดออกจากร่างมันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างนั้นจะพังทลายลงเป็นกองซากหินขนาดมหึมา เศษหินแตกกระจายไปทั่วบริเวณ 

เอโลอิสหอบหายใจพลางเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าด้วยแขนเสื้อ ยังไม่ทันจะหายเหนื่อยดีก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วมาจากทางทะเลสาบเธอหันมองไปยังต้นเสียงและพบว่าเสียงนั้นดังมาจากบริเวณผืนน้ำที่เคยใสสะอาด

"มีเด็กตกน้ำงั้นเหรอ?" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนรีบเร่งเดินลงไปยังริมทะเลสาบ ดาบและโล่ยังคงอยู่ในมืออย่างมั่นคงเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์

เมื่อเธอไปถึงริมก็เหมือนจะเห็นบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในน้ำนั้น เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นอีกครั้ง เอโลอิสมองซ้ายมองขวา เธอเริ่มสงสัยว่านี่อาจไม่ใช่เพียงคนตกน้ำธรรมดาเสียแล้วและเมื่อเธอมองลึกลงไปในเงาน้ำก็เห็นบางสิ่งโผล่ขึ้นมา
ร่างที่โผล่ขึ้นจากผิวน้ำเผยให้เห็นลักษณะสุดประหลาด สัตว์รูปร่างคล้ายสุนัขแต่กลับมีมือคล้ายลิง และยังมือข้างหนึ่งอยู่ที่ปลายหางอีกด้วย มันส่งเสียงครางต่ำพร้อมเผยเขี้ยวที่แหลมคม

“ตัวอะไรวะเนี่ย? เคอร์ติส! นี่มันตัวอะไรน่ะ” เอโลอิสตะโกนถามนกของเธอที่อยู่บนฝั่ง

“อะฮุยโซตล์ขอรับ! มือที่ปลายหางของมันแข็งแรงมากต้องระวังให้ดีนะขอรับ” เคอร์ติสบอกข้อมูลให้กับลูกพี่ของมัน สายตาของมันลุ้นสุดขีดว่าเอโลอิสจะรับมือกับสิ่งนี้ได้หรือไม่

ดวงตาของอะฮุยโซตล์เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ มันกระโจนขึ้นจากน้ำใส่เอโลอิสอย่างรวดเร็ว เธอรีบยกโล่ขึ้นรับแรงกระแทกแต่ก็ถูกผลักจนเสียหลักล้มลงกับพื้น  มันคำรามลั่นก่อนกระโจนอีกครั้งด้วยความเร็วเหนือความคาดหมาย เอโลอิสหมุนตัวหลบพร้อมเหวี่ยงดาบเฉือนเข้าที่ขาหน้าของมัน ทว่ามันเพียงแค่เซเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งเข้าหาเธออีก

เธอยกโล่ขึ้นกระแทกมันจนกระเด็นออกไป ขณะเดียวกัน สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่หางอันประหลาดซึ่งกำลังเหวี่ยงไปมาอย่างอิสระ มือที่ปลายหางของมันพยายามจะคว้าเธอไว้

"หางนี่ใช่ไหมที่บอกว่าแข็งแรงนักหนาน่ะ เจอนี่หน่อยเป็นไง!" เอโลอิสตะโกน พลางใช้โล่เบี่ยงการโจมตีจากกรงเล็บ ก่อนอาศัยจังหวะจับคว้าหางของมันด้วยมือทั้งสอง เธอดึงหางอย่างแรงจนร่างของมันสะบัดไปด้านหลัง อะฮุยโซตล์ส่งเสียงร้องด้วยความสับสน หางของมันพยายามดิ้นแต่ไม่อาจหลุดจากแรงจับของเธอได้

"แกต้องชดใช้ที่แกหลอกฉัน!" เอโลอิสใช้จังหวะที่มันเสียสมดุล เหวี่ยงดาบตวัดเข้าที่ลำคอของมันเต็มแรง เลือดสาดกระจายเป็นวงกว้าง เสียงครางสุดท้ายของมันดังสะท้อน ก่อนร่างจะล้มลงแน่นิ่ง

เอโลอิสปล่อยหางของมันแล้วถอยห่าง เธอมองร่างไร้ชีวิตของอะฮุยโซตล์สลายเป็นละอองหายไปในอากาศ เธอยกดาบขึ้นเช็ดคราบเลือดออกเบา ๆ พลางถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังกลับไปยังจุดเดิมที่เธอประจำการอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งที่อาจปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จะหมัดจะมวยอะไรก็มาเถอะ ไม่หวั่นอยู่แล้ว!




สินสงคราม: 
- เลขไบต์ 0-4 หินอัปเกรด 2 ก้อน
- เลขไบต์  5-9 หินตีบวก 3 ก้อน

(หากมี LUK 80 ขึ้นไป) เลขไบต์รองสุดท้าย คือ 
จำนวนหินที่ได้ (อาทิ ได้ 10019 (เลข 1) ก็จะเป็นหินอัปเกรด 2+1 = 3



สินสงคราม: 
- มืออะฮุยโซตล์ (เลขไบต์รองท้ายคู่)
- ขนอะฮุยโซตล์ (เลขไบต์รองท้ายคี่)
(หาก LUK 60+ จะดรอปมากขึ้นตามเลขไบต์สุดท้าย ยกเว้น 0 = 1)

- หากมี LUK 70+ จะดรอป ไข่อะฮุยโซตล์ โดยออกเลขไบต์สุดท้าย 0/9)


+4 ตื่นรู้จากการพิชิตโกเลมและอะฮุยโซตล์ครั้งแรก







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 22064 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-22 17:04
โพสต์ 22,064 ไบต์และได้รับ +6 EXP +8 เกียรติยศ +6 ความศรัทธา จาก สร้อยไข่มุกตาฮิตี   โพสต์ 2024-12-22 17:04
โพสต์ 22,064 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 ความศรัทธา จาก ผลิตภัณฑ์กันแดด  โพสต์ 2024-12-22 17:04
โพสต์ 22,064 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก เกราะนักรบสีทองแดง  โพสต์ 2024-12-22 17:04
โพสต์ 22,064 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +15 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ควบคุมโลหะ  โพสต์ 2024-12-22 17:04

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-12-22 21:21:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Eloise เมื่อ 2024-12-22 21:22





วันที่ 21 ธันวาคม 2024
เวลา 14.30 น.



เคอร์ติสเฝ้ามองการต่อสู้ของเอโลอิสด้วยความเป็นกังวล หลังจากเห็นเธอต่อสู้ไม่หยุดหย่อนอย่างต่อเนื่อง มันเริ่มรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าของเธอกำลังสะสมขึ้นทุกครั้งที่เธอฟันดาบไปยังอสุรกายที่พุ่งเข้ามาใหม่ การเคลื่อนไหวก็เริ่มช้าลงบ้าง เจ้านกกระทาน้อยรู้ดีว่าเอโลอิสเป็นคนบ้าพลังเอาเรื่องแต่มันก็ไม่สามารถละเลยความเหน็ดเหนื่อยของเธอได้

“คุณเอโลอิสพักหน่อยไหมขอรับ?” เคอร์ติสถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เอโลอิสที่กำลังปัดเศษหินออกจากแขนอย่างเร่งรีบ เงยหน้าขึ้นมองเคอร์ติสพร้อมกับหายใจหนักๆ เธอส่ายหัวเบา ๆ แล้วตอบกลับไป

“ตอนนี้ยังไม่ได้หรอกอสุรกายมีมากเกินไป ฉันต้องช่วยต้านไว้ก่อน” แม้เอโลอิสจะพูดแบบนั้นแต่ภายในก็แอบมีความเหนื่อยล้าเล็กน้อยที่ไม่อาจปกปิดได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

“พักสักแป๊บก็คงไม่เป็นอะไรมั้งขอรับ ขืนคุณเอโลอิสเป็นลมเป็นแล้งไปก่อน สถานการณ์คงแย่กว่านี้แน่” มันพูดพลางบินไปมาเหนือหัวของเธอ

“วุ่นวายจริงนะนายน่ะ ก็ได้แค่ 5 นาทีนะ” เธอตอบพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อจากใบหน้าแล้วทำท่าจะไปหาที่นั่งพักแถวนั้นแต่ไม่ทันที่ก้นจะนั่งลงที่พื้นดี เสียงเหล็กกระทบกันดังกึกก้องขึ้นจากเบื้องหน้าอสุรกายสองตัวที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอก็ปรากฏกาย หน้าตายังกับพวกจักรกลสังหารในหนังแถมแขนทั้งสองข้างยังเป็นปืนอีกต่างหาก!

“นี่มันเดธแมชชีน สิ่งประดิษฐ์ของเทพเฮเฟตัสนี่ขอรับ!” เคอร์ติสร้องเสียงหลง

“ฮะ? พ่อฉันเป็นคนสร้างหุ่นบ้าเลือดนี่เหรอ?” เอโลอิสขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินคำนี้

เดธแมชชีนตัวหนึ่งส่งเสียงเหมือนพวกโปรแกรมทื่อ ๆ พร้อมยกแขนทั้งสองข้างที่เป็นปืนไปในท่าทางที่คุ้นเคยจากการต่อสู้ มันยิงกระสุนโลหะออกมาอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีเวลาให้หลบ 

เอโลอิสเบี่ยงตัวหลบไปทางขวาและยกโล่ขึ้นรับกระสุนที่พุ่งมา ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหามันหวังจะใช้ดาบฟันมัน แต่เดธแมชชีนกลับตั้งท่าในท่าป้องกันและขยับตัวหลบการโจมตีของเธออย่างรวดเร็วทั้งที่ตัวมันใหญ่เทอะทะและสูงตั้ง 3 เมตร!!!

“ซาราห์ คอนเนอร์...” เสียงทื่อ ๆ ของเดธแมชชีนตัวหนึ่งดังขึ้น และหันมาทางเอโลอิส

“เดี๋ยวนะ? แกเรียกฉันว่าอะไรนะ? ซาราห์ คอนเนอร์?...คิดว่าตัวเองเป็นหุ่น T800 หรือไงหา! ”

เดธแมชชีนไม่ได้ตอบอะไรนอกจากก้าวเข้ามาใกล้เหมือนเป็นการยืนยันกับเอโลอิสว่าใช่! เธอคือซาราห์ คอนเนอร์ เอโลอิสกลอกตาไม่คิดเลยว่าจะเจอหุ่นยนต์ปัญญาอ่อนแบบนี้ มันคิดว่ามันหลุดมาจากหนังคนเหล็กหรือยังไงกัน?

เอโลอิสกระโจนหลบกระสุนที่พุ่งมาราวกับห่าฝน แขนปืนของเดธแมชชีนตัวแรกยังคงยิงต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก เสียงโลหะกระแทกพื้นดังสนั่น ขณะที่เธอใช้โล่บังตัวพลางหาช่องว่างที่จะตอบโต้

“ซาราห์ คอนเนอร์...” หุ่นจักรกลพูดด้วยเสียงเย็นเยียบไร้ชีวิต มันจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีแดงส่องแสงเหมือนกำลังประเมินเป้าหมาย

“ฉันไม่ใช่ซาราห์ คอนเนอร์โว้ย!...อีกอย่างฉันเป็นลูกสาวของคนที่สร้างแกขึ้นมา แกจะทำร้ายลูกของเขาได้ลงคอเหรอ”

เดธแมชชีนหยุดชะงักเพียงเสี้ยววินาทีเหมือนกำลังประมวลผลคำพูดของเธอ ก่อนที่มันจะยกแขนปืนเล็งมาที่เธออีกครั้ง เอโลอิสกัดฟันแน่นขณะพุ่งตัวหลบไปด้านข้างแล้วโถมเข้าใส่มันโดยไม่ให้มีเวลาโจมตีซ้ำ

ดาบในมือของเธอฟาดฟันเข้าที่ข้อต่อแขนของเดธแมชชีนตัวแรก ประกายไฟพุ่งกระจายขณะที่แขนปืนหลุดออกจากตัวมัน เสียงโลหะหักดังสนั่นมันพยายามจะยกแขนอีกข้างขึ้นยิง แต่เธอหมุนตัวฟันที่ข้อต่ออีกครั้งจนแขนทั้งสองข้างไร้ประโยชน์

“ถ้าไม่มีปืน แกก็แค่เศษเหล็กเท่านั้นแหละ!” เอโลอิสตะโกนพร้อมกับแทงดาบเข้าไปกลางอกของมัน พลังงานในร่างเดธแมชชีนตัวแรกสั่นไหว ก่อนที่มันจะระเบิดเป็นละอองแสงสีทองกระจายไปในอากาศ

เดธแมชชีนตัวที่สองไม่ปล่อยให้เธอมีเวลาหายใจพักเหนื่อย มันพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว แขนปืนทั้งสองข้างยิงกระสุนเป็นห่าฝน เอโลอิสตั้งโล่ป้องกันแต่แรงกระแทกทำให้เธอถอยหลังไปหลายก้าว

“เอาไงดี ๆ ๆ ๆ” เธอพึมพำวนไปวนมาด้วยความลนลาน ก่อนจะเหลือบเห็นเศษโลหะแขนปืนจากหุ่นตัวแรกที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นเหมือนว่าส่วนนี้มันยังไม่ทันสลายเป็นละออง

เธอคว้าท่อนแขนปืนนั้นแล้วขว้างใส่ตัวมัน เสียงกระแทกดังก้องทำให้มันเสียสมดุลชั่วครู่ เอโลอิสใช้โอกาสนั้นพุ่งเข้าไปใกล้ ดาบในมือเธอพุ่งแทงเข้าที่หัวใจพลังงานกลางอกของมัน

“ลาก่อน เจ้าหุ่นบ้า!”

เสียงระเบิดดังสนั่น ละอองแสงสีทองพุ่งกระจายไปทั่วบริเวณเหมือนละอองดาว เอโลอิสหอบหายใจยืนมองเศษละอองที่ค่อยๆ จางหายไป

“ลูกเล่นแบบนี้ต้องใช้งบเยอะแน่ พ่อฉันนี่ว่างนักหรือไงกันนะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางเช็ดเหงื่อจากใบหน้า ก่อนจะหันไปหาเคอร์ติสที่หลบอยู่ใกล้ ๆ 

“ในเมื่อกำจัดได้แล้ว คราวนี้ต้องพักจริง ๆ แล้วนะขอรับ” เคอร์ติสพูดพลางหันจงอยปากไปที่ต้นไม้ใกล้ ๆ

ในที่สุดเอโลอิสก็ยอมที่จะพักจริง ๆ เธอเดินไปหาที่นั่งพักใต้ต้นไม้ที่เคอร์ติสแนะนำ ทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง แต่ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปรอบ ๆ ที่ยังมีการต่อสู้อยู่เป็นหย่อม หลังจากพักชาร์จพลังเอาแรงแล้วถึงจะพร้อมสำหรับการต่อสู้ในยกหน้า






สินสงคราม: โลหะผสมพิเศษ (10 หน่วย) (ดรอปทุกกรณีไม่สุ่ม)
- เซลล์พลังงาน (เลขไบต์ 6/9)
- น้ำมันหล่อลื่น (เลขไบต์ 2/7)
- แปลนเฮเฟตัส (เลขไบต์ 0)
- เกราะไทเทเนียม (เลขไบต์ 8)
- มอเตอร์ไฮดรอลิก (เลขไบต์อื่น ๆ ทั้งหมด)

หากมีค่า LUK 100 หน่วย 
1) เลขไบต์สุดท้าย (1) ได้รับ ปืนเลเซอร์พลังงาน
2) เลขไบต์สุดท้าย (5) ได้รับ ชิปประมวลผล AI
3) เลขไบต์สุดท้าย (3) ได้รับ โปรแกรม AI


+2 ตื่นรู้จากการพิชิตเดธแมชชีนครั้งแรก








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20778 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-12-22 21:21
โพสต์ 20,778 ไบต์และได้รับ +6 EXP +8 เกียรติยศ +6 ความศรัทธา จาก สร้อยไข่มุกตาฮิตี   โพสต์ 2024-12-22 21:21
โพสต์ 20,778 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 ความศรัทธา จาก ผลิตภัณฑ์กันแดด  โพสต์ 2024-12-22 21:21
โพสต์ 20,778 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก เกราะนักรบสีทองแดง  โพสต์ 2024-12-22 21:21
โพสต์ 20,778 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +15 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก ควบคุมโลหะ  โพสต์ 2024-12-22 21:21

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปืนอัจฉริยะ L&E
เกราะไทเทเนียม
สร้อยไข่มุกตาฮิตี
ผลิตภัณฑ์กันแดด
ควบคุมโลหะ
เข็มขัดเครื่องมือวิเศษ
ยอดนักสร้าง
หมวกนีเมียน
สัมผัสกับดัก
โล่อัสพิส
กำไลหินนำโชค
ทนทานไฟ
ต่างหูเงิน
รองเท้าเซฟตี้
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x3
x1
x1
x3
x3
x9
x3
x1
x10
x10
x1
x2
x25
x2
x1
x20
x2
x4
x4
x3
x1
x1
x3
x4
x4
x2
x1
x1
x2
x45
x1
x58
x1
x1
x4
x1
x11
x1
x1
x1
x344
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x28
x2
x16
x2
x5
x28
x10
x28
x67
โพสต์ 2024-12-23 18:05:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-23 18:23

Sanz Mádl Count

Son of Poseidon
EVENT: Winter is Coming
21.12.2024 --- 5.45 pm

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สวัสดีครับ ผมซันซ์ มาเดิล เคานต์ คนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือหล่อมาก ๆ จากกระท่อมหมายเลขสาม โพไซดอน...


วันนี้ผมมีเรื่องตลกหลายเรื่องเลยที่จะเล่าให้คุณฟัง... เอาล่ะพร้อมจะฟังกันแล้วใช่ไหม?


คืองี้... เมื่อคืนนี้ผมเคลียร์เกมเอลเดนริงค์ที่เล่นค้างไว้มาชาติเศษ ๆ จนจบได้สักทีนึง แต่ก็เล่นเอาเข้านอนถึงตีห้า ทำไมผมถึงต้องนอนดึกขนาดนี้ด้วยน่ะหรือ เรื่องมันมีอยู่ว่า... ใคร ๆ ในค่ายฮาล์ฟบลัดก็รู้ (อ้อ.. ลืมไปว่ามีคนนึงที่ไม่รู้) ว่าพรุ่งนี้ชาวค่ายจะไปทัศนศึกษากันที่โอลิมปัส งานนี้ไม่มีได้บังคับว่าทุกคนต้องไปเข้าเฝ้าเทพเจ้า ผมก็เลยไม่ได้ลงชื่อไปทัวร์

สำหรับผม... การทำอะไรที่ค้างคาไว้ให้เสร็จ อย่างเช่นเล่นเกมค้างปีให้จบจึงเป็นสิ่งสำคัญ แล้วยิ่งครึ่งเทพอย่างผมเป็นโอซีดี (โรคย้ำคิดย้ำทำ) ด้วยแล้ว เวลามีอะไรค้างคาใจจะทำให้นอนไม่หลับจนสะสมเป็นความเครียด ดังนั้นการเคลียร์เกมจึงสำคัญกว่าการไปโอลิมปัสเยอะเลย คุณก็คงเข้าใจใช่ไหมล่ะ?

ปล๊าววว ผมเปล่าหาข้ออ้างไม่ไปอะไรทั้งนั้นแหล่ะ...

เอาล่ะมาต่อ... ในเมื่อมีเด็กจำนวนครึ่งค่ายออกไปข้างนอกในวันเหมายันต์ ดังนั้นคาบเรียนทั้งหมดจึงถูกงดคลาส

แจ๋ว!

ในเมื่อไม่มีเรียนก็ไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้าน่ะสิ! แล้วถ้าไม่ต้องตื่นเช้าเราจะเข้านอนเมื่อไรก็ได้! ถือเป็นโอกาสทองเลยล่ะ!

เรื่องตลกเรื่องแรก หลังจากที่เกริ่นมาโคตรยาวมีอยู่ว่า... หลังจากที่ผมงีบหลับไปได้ประมาณสามชั่วโมง ไอ้คุณดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล ก็ปลุกทุกคนในบ้านให้ตื่นขึ้น... ซึ่งหมายความว่ามีแค่ผมคนเดียวนั่นแหล่ะที่หลับอยู่ เจโรม กับรีชา มีกำหนดการจะไปโอลิมปัสกันอยู่แล้ว จึงต้องตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่ไก่โห่ ส่วนไทสัน... ไม่รู้สิ บางทีอาจอยู่แถวคอกม้ามั้ง

ผมที่ไม่ได้ลงชื่อไปโอลิมปัสก็เลยต้องตื่นขึ้นมาทั้งที่เพิ่งนอนหลับไปเพียงแค่สองชั่วโมง!

ไม่ได้โกรธหรอกนะ แต่แค่แค้น! นายไปนอนกกแฟนหนุ่มที่กระท่อมหมายเลขยี่สิบก็ดีอยู่แล้วจะกลับมานอนที่บ้านทำไม! ถ้าจะมาปลุกกันแบบนี้อีกนะ เก็บข้าวของแล้วย้ายไปอยู่กระท่อมหลังนั้นถาวรเลยไป๊!

โอเค.. ได้ระบายความในใจนิดหน่อยเลยทำให้ดีขึ้น

.
.
.

เข้าสู่เรื่องตลกเรื่องที่สอง... หลังจากที่ส่งรีชากับเจโรมขึ้นรถบัส คนที่เป็นทั้งพี่ชายและเจ้ากรรมนายเวรอย่างดีนก็ปล่อยให้ผมกลับไปนอนต่อ จนครบเวลาที่เหมาะสมกับการนอนอย่างมีคุณภาพคือเจ็ดชั่วโมง ตัวผมที่ไม่ได้รู้สี่รู้แปดอะไรเลยออกจากบ้านพักด้วยความสดใสเพื่อไปหาอะไรอร่อย ๆ กินที่โรงอาหารก็พบว่า...

"นี่มันเกิดเรื่องเชี่ยอะไรกันวะครับเนี่ย!!!"

ตอนนี้ค่ายฮาล์ฟบลัดตกอยู่ในความโกลาหล แซเทอร์เป่าแตรวิ่งวุ่นแจ้งข่าวสารการรบแต่ละจุดกันให้ควัก ตามข้างทางมีหน่วยพยาบาลคอยรักษาคนเจ็บเต็มไปหมด ผมเลยเรียกแซเทอร์คนหนึ่งมาสอบถาม

"เฮ้! พี่ชาย ตอนนี้ค่ายเกิดอะไรขึ้นน่ะ?"

"ไปหลบที่ไหนมานายไม่รู้เรอะ! ตอนนี้โลกิบุกค่าย พวกมันมากันตั้งแต่เที่ยงแล้วด้วย"

แซเทอร์ตนนั้นชี้นิ้วไปที่ด้านหน้าของค่าย แม้ไม่เห็นเหตุการณ์แต่ท้องฟ้าสว่างจ้าถูกย้อมด้วยสีแดงและสีเขียวจากพลังเลเซอร์ของรูปปั้นเทพีอะธีน่าและเทพนอร์สตนนั้นปะทะพลังกัน ไหนจะควันไฟจำนวนมากที่คล้ายกับเกิดเหตุระบิดนั่นอีก.... 

โอ๊ย จะเป็นลม...

"ข้าขอตัวก่อนนะ ยังต้องรีบไปกระจ่ายข่าวให้หน่วยเสนาธิการอีก" แล้วแซเทอร์ก็รีบร้อนจากไป...



บอกตามตรงว่าผมได้แต่ยืนบื้ออยู่กลางสี่แยกหน้ากองไฟเฮสเทียที่ไม่มีวันดับ "หาอะไรกินก่อนดี หรือ ช่วยสู้ก่อนดีล่ะ..."

"นี่คุณตรงนั้น.. คุณซันซ์สายเลือดโพไซดอนใช่ไหมคะ"

สุ้มเสียงหวาน ๆ อันรีบเร่งของหญิงสาวรั้งผมเอาไว้ แค่ฟังเสียงยังเพราะขนาดนี้ พอหันไปหาเธอจะต้องเป็นคนสวยมากแน่ ๆ ผมยืนยัน... ซึ่งที่เดาไว้ถูกเป๊ะ เธอคือคุณมาร์ธา ธิดาบุญธรรมของเทพีเฮร่า ซึ่งมักมีหน้าที่ช่วยเหลือประสานงานต่าง ๆ ภายในค่ายฮาล์ฟบลัดและอำนวยความสะดวกแก่เดมิก็อดที่มาใหม่

"ใช่ครับ ผมซันซ์เอง มีอะไรให้รับใช้ไหมครับคุณผู้หญิง?" ไม่รู้ทำไมผมถึงต้องดัดเสียงหล่อตอนพูดด้วยนะ.. แต่ช่างเถอะ

"ตอนนี้ที่ทะเลสาบขาดกำลังพลค่ะ รบกวนไปช่วยหน่อยได้ไหมคะ?"

แม้จะอยู่ในอาการรีบเร่งแต่คุณมาร์ธายังคงพูดจาสุภาพอย่างเสมอ ในเมื่อคนสวยที่เห็นแล้วใจเจ็บขอร้องมา คนหล่ออย่างผมจะปฏิเสธความช่วยเหลือได้ยังไงล่ะ แม้ว่าหล่อนจะเป็นเลสเบียนก็ตามทีเถอะ

"ได้สิครับ ไว้ผมจะไปให้ คุณวางใจได้เลย"

"ขอบคุณนะคะคุณซันซ์ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนค่ะ"

พอพูดจบหญิงสาวสายเลือดมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็รีบเร่งจากไปในทันที และด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องกลับเข้ากระท่อมไปเอาอาวุธ.. ดาบสัมฤทธิ์ธรรมด๊า ธรรมดา กับโล่หนึ่งใบ แล้วไปยังจุดที่เธอแจ้ง จบเรื่องตลกเรื่องที่สองลงตรงนี้

.
.
.

แต่คุณคิดเหรอว่าความฮาจะจบลงตรงนี้.. ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก...

เรื่องตลกเรื่องที่สาม! ซึ่งผมภาวนาไว้ว่ามันเป็นเรื่องสุดท้ายของวัน!

พอผมไปที่ทะเลสาบรู้ไหมว่ากำลังเสริมที่ถูกส่งมาอีกคนคือใคร หมอนั่นคือ เอลลิส เวคฟิลด์ จากกระท่อมแอรีส สายเลือดที่ไม่น่าคบหาเป็นที่สุด!

กลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง...

สำหรับสมาชิกบ้านบุตรแห่งสงคราม เห็นมีคนที่พอจะคุยกันรู้เรื่องก็มีแค่ แจสเปอร์ ซู หนุ่มชาวจีนที่นิสัยดี ร่าเริง สดใส เหมือนเกิดมาผิดพ่อ ติดอยู่ตรงเดียวที่หมอนั่นออกจะทึ่มไปเสียหน่อย คนอะไรเรียนวิชาอสุรกายศึกษาด้วยกันมาสี่คาบ แต่หมอนี่ทำการบ้านไม่ผ่านจนไทสันไม่ให้เข้าสอบ แต่ถึงอย่างนั้นแจสเปอร์ก็เป็นคนหนุ่มนิสัยดี...

ผิดกับพี่สาวของหมอนั่น รูบี้ ซู สาวสวยสุดเย่อหยิ่ง ที่ชอบปรายตามองเหมือนกับว่าคน ๆ นั้นมีเหาอยู่บนหัว พูดด้วยก็ไม่ทักทาย ถามอะไรไปก็ไม่ยอมตอบ แต่ก็ถือว่าคงนิสัยดีกว่าคนที่ผมกำลังเจออยู่ตรงหน้า ตรงที่เธอไม่เคยใช้กำลังรังแกใคร ไม่เหมือนกับเจ้าคนที่ประชันหน้าอยู่ตรงนี้

แม้ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน แต่พูดก็พูดเถอะว่าผมไม่อยากจะคบค้าสมาคมกับหมอนี่เท่าไร เพราะว่าเรื่องอาจเกิดขึ้นวันนี้ยังไงล่ะ!

"ไงเอลลิส" ผมโบกมือขึ้นทักทายไปตามมารยาท ส่วนอีกฝ่ายตอบกลับด้วยการถ่มถุย

"เฮอะ! เจ้าพวกโพไซดอน มีประโยชน์ก็แค่สู้ในสถานที่ที่มีน้ำ"

อ้าว ไอ้เด็กเวรนี่!!! ผมได้แค่คิดในใจ ส่วนหน้ายังคงปั้นยิ้ม

"แล้วยังมีกองหินอะไรอีกเนี่ย เกะกะฉิบหาย!" หนุ่มเจ้าอารมณ์ถีบเท้าไปยังกองหินปริศนาใหญ่ยักษ์ที่จู่ ๆ มาตั้งอยู่ที่ทะเลสาบ จำได้ว่าเมื่อวานตอนที่ผมผ่านมายังไม่มีเลย มันเกะกะก็จริงแต่ไม่เห็นต้องถึงขนาดนั้นเลยนี่หว่า

"แล้วไหนอสุรกาย?" ผมถามหา ถ้าไม่มีอะไรจะได้กลับไปกินข้าวสักที หรือไม่ก็โยกย้ายไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีไอ้เด็กนี่อยู่

"ก็ถูกฉันกำจัดไปหมดแล้วน่ะสิ! พวกโพไซดอนอย่างแกมาช้าฉิบหาย มัวแต่ดำน้ำอยู่หรือไงเจ้ามนุษย์ปลา"

รอยปูดจากเส้นเลือดกำเนิดขึ้นที่ขมับ ตกลงว่าคุณมาร์ธาให้ผมมารับมือกับอสุรกายบุกค่ายหรือว่าให้ดัดสันดานเจ้าเด็กนี่กันแน่!

[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]

แต่ไม่ทันที่สองเดมิก็อดจะได้วางมวยกัน อสุรกายก็ได้คลืบคลานเข้ามา เป็นยักษ์น้ำแข็งสี่ตัวกับหมาป่าน้ำแข็งลูกสมุนอีกสอง สายเลือดแห่งทวยเทพจึงจำเป็นต้องชักดาบออกมาแล้วหันหน้าไปทางอสุรกายฝูงนั้นแทนจะปะทะฝีปากกัน

"อย่าแสลนหน้าเข้ามาเกะกะก็แล้วกัน! ฮุว้ากกกกก!!"

เอลลิสใช้พลังแห่งสายเลือด โทสะแห่งสงคราม คลั่งสงคราม และสายเลือดนักรบ บัฟตัวเองขึ้นมา จากกล้ามเนื้อที่มีอยู่เดิมปูดขึ้นเป็นมัด ๆ จนคล้ายกับฮัลค์ตัวเขียว ต่างแค่ว่าผิวกายของอีกฝ่ายไม่เขียวตาม แต่ความแข็งแกร่งทนทานน่าจะไม่ต่างกันแน่ ๆ 

หลังจากที่หมอนั่นพูดหมา ๆ ใส่ผมจนต้องกัดกรามจบ ก็พุ่งตัวออกไปข้างหน้าซัดยักษ์น้ำแข็งตนหนึ่งอย่างรวดเร็วรุนแรงจนสายตามองแทบไม่ทัน เมื่อกี้ไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม เจ้าเด็กคลั่งซัดยักษ์น้ำแข็งด้วยหมัดหลุน ๆ !!

โอ้! มหาเทพซุส

ถึงกับต้องหลุดอุทานออกมาด้วยชื่อของเทพสูงสุดแห่งกรีก เอลลิสซัดยักษ์น้ำแข็งหนึ่งตัวด้วยกำปั้นและพละกำลังเหนือมนุษย์หลายขุม จนมันตัวแตกสลายกลายเป็นเกล็ดหิมะ จากนั้นจึงหันไปหายักษ์น้ำแข็งอีกตัวแล้วซัดมันด้วยพลังแบบเดียวกัน

น่ากลัวแบบนี้ใครจะไปกล้าหาเรื่องมันฟะ!!!

ขณะที่เอลลิสกำลังซ้อมยักษ์น้ำแข็งแทนกระสอบทราย หมาป่าน้ำแข็งสองตัวก็พุ่งมาทางผม วิชาดาบก็พอมีติดตัวอ่ะนะ แต่จากไอความเย็นที่มันแผ่ออกมาแล้วไม่ขอจับให้เนื้อตายดีกว่า ผมจึงใช้พลังควบคุมน้ำสร้างวงน้ำขนาดใหญ่ยิงใส่พวกมันสองตัว

แต่อย่างว่าน้ำน้อยไม่อาจทำให้หมาป่าน้ำแข็งละลายได้ ผมจึงทั้งวิ่งไปและยิงวงน้ำใส่มันไปเรื่อย ๆ เพื่อทำให้อสุรกายทั้งสองอยู่ในภาวะหยุดชะงัก ก่อนจะหาโอกาสเข้าไปฟาดฟันมันทั้งสองด้วยดาบสัมฤทธิ์

"ย้ากกกก"

เจ้าหมาน้ำแข็งตัวแข็งสมชื่อ ต้องฟันตั้งหลายครั้งกว่าที่ชิ้นส่วนน้ำแข็งจะแตกหัก ผมจัดการหมาป่าน้ำแข็งไปได้ตัวนึง ส่วนอีกตัว....

"ถอยไปว้อยยยย เกะกะ!!!"

เสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งลอยลงมาจากฟากฟ้า เอลลิสบัพพลังเพิ่มขึ้นอีกขั้นด้วย เปลวเพลิงแห่งแอรีส ย้อมร่างกายเขาด้วยไฟสีแดงฉาน เปลวเพลิงลุกท่วมกำลังกระโดดลงมาจากฟากฟ้าด้วยความเร็วสูง ราวกับอุกกาบาตก็ไม่ปาน

"เฮ้ย!!!"

งานนี้ใครจะอยู่ก็อยู่เถอะ ผมไม่อยู่ด้วยคนนึง! สิ่งที่น่ากลัวกว่าหมาน้ำแข็งคือไอ้เด็กบ้าเลือด ผมวิ่งหนีจากอุกกาบาตมนุษย์อย่างไม่คิดชีวิต

ตู้มมมมม!!!

แรงปะทะมหาศาลทำเอาผมกระเด็น กลิ้งหลุน ๆ ไปไกลหลายเมตรแล้วตกตู้มลงในทะเลสาบ พอปีนขึ้นมาได้ผมก็เห็นว่าพื้นดินที่เอลลิสแลนดิ้งกลายเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ ส่วนหมาน้ำแข็งของผม... จะไปเหลือซากอะไรให้เก็บเกี่ยวสินสงคราม

ยังไม่ทันได้พักหายใจศัตรูระรอกใหม่ก็เข้ามาสมทบ ให้ตายเถอะ! นี่ยังต้องสู้ต่อไปพร้อมกับหลบระเบิดอีกงั้นเหรอ!! ถ้าผมไม่มีชีวิตรอดกลับไป อยากให้รู้ไว้ว่า เอลลิส เวคฟิลด์ คือคนร้าย!!!


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

NPC ซันซ์ มาเดิล เคานต์ (บุตรแห่งโพไซดอน)
และ NPC เอลลิส เวคฟิลด์ (บุตรแห่งแอรีส)
รวมมือกันกำจัดลูกสมุนยักษ์น้ำแข็ง 4 ตน และหมาป่าน้ำแข็ง 2 ตัว
NPC - CABIN 3
NC

แสดงความคิดเห็น

God
หินบางอย่างพุ่งลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วสูงจนไฟลุกท่วมกำลังจะกระแทกเข้าหน้าดีน  โพสต์ 2024-12-23 18:46
โพสต์ 35933 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-12-23 18:05
โพสต์ 35,933 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +25 ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมืออัจฉริยะ  โพสต์ 2024-12-23 18:05
โพสต์ 35,933 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-23 18:05
โพสต์ 35,933 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-23 18:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
โพสต์ 2025-1-4 00:21:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
272
เคาท์ดาวน์
               
               31/12/2024 เวลา 20.56 น.

               แม้ในค่ำคืนที่พระอาทิตย์ไม่ตกถึงพื้นมาเป็นเวลากว่าสามเดือน แต่กระท่อมเฮคาทียังคงเป็นกระท่อมที่มืดที่สุดในค่ายฮาล์ฟบลัด (ล่ะมั้ง… เพราะว่าเขาไม่เคยไปยังกระท่อมของเดมิก็อดใต้พิภพอื่น ๆ เสียด้วย) สองคู่รักบุตรแห่งเฮคาทีผู้เป็นเจ้าของกระท่อม และบุตรชายเจ้าสมุทรนั่งเคียงกันอยู่บนโซฟายาวสีดำสนิท ซึ่งดีนทำตัวเสมือนกับว่าที่นี่คือบ้านพักของตัวเองเอกเขนกด้วยความเคยชิน แม้ยามนี้บุตรและธิดาแห่งราชินีแห่งเวทมนตร์คาถาจะกลับมาเยือนยังกระท่อมหลังนี้กันหลายคนแล้วก็ตาม

               จูลี่สิงอยู่ที่ห้องปรุงยาเช่นทุกครั้งที่ดีนมาถึง ส่วนซิลเวอร์อาจเหม็นความรักของสองคนนี้จึงเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องส่วนตัวของตนเอง

               “หาวววว”

               ดีนปิดปากหาวหวอด พลางมองนาฬิกาข้อมือเรือนโปรดที่เก็บเงินซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง หน้าปัดนาฬิกาลองจินส์รุ่นคลาสสิกยังคงวาววับสะท้อนกับแสงของเตาผิงในคืนสิ้นปี แสดงให้เห็นว่าผู้เป็นเจ้าของหวงแหนนาฬิกาเรือนนี้มากแค่ไหน

               “ยังไม่สามทุ่มอีกเหรอ… ง่วงชะมัด”

               หนุ่มอนามัยบ่นอุบ ไม่บอกคงไม่รู้ว่าชายคนนี้เคยเป็นนักท่องราตรีที่เข้านอนตีสามและตื่นเอาตอนเที่ยง ทว่ากิจวัตรประจำวันของดีนได้เปลี่ยนไปหลังจากที่เขามาอยู่ที่ค่ายฮาล์ฟบลัด สถานที่ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติและสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ธรรมชาติบำบัดช่วยให้การใช้ชีวิตของดีนดีขึ้น สุขภาพจึงดีตาม

               @Mackenzie

               “ได้เหรอ งั้นฉันนอนนะ”

               ไม่รอให้แมคเคนซีอนุญาตเป็นรอบที่สอง ดีนก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักอุ่น ๆ ของอีกฝ่ายในทันที แต่เหมือนคนบอกว่าง่วงจะยังหลับไม่ลง เขากลิ้งตัวไปมาคล้ายกับก่อกวนคนที่กำลังอ่านหนังสือ อาจเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ชอบเรียกร้องความสนใจยามเมื่อเจ้าของกำลังมีสมาธิทำอะไรบางอย่าง

               “นายอ่านอะไรอยู่เหรอ?”

               @Mackenzie

               “โห ขยันชะมัด กลับมาอีกทีนายได้เป็นพ่อมดผู้เก่งกาจแน่ ๆ เลยสิเนี่ย เก่งมากเลยเด็กชายแมคซี่”

               หยอกล้ออีกฝ่ายเหมือนทุกครั้ง ยกมือขึ้นยีผมแฟนหนุ่มอายุน้อยกว่าจนผมเผ้าสีบลอนด์ทองที่เริ่มมีสีน้ำตาลเข้มแซมที่โคนยุ่งเหยิง

               คิดแล้วก็ใจหายที่พวกเขาทั้งสองที่มักจะตัวติดหนึบกันหลังจากได้เป็นแฟน (ความจริงก่อนเป็นแฟนก็ด้วย…) แมคเคนซีจะไปจับแมวที่เมืองอิธากา อีกฟากฝั่งหนึ่งของรัฐนิวยอร์กที่เดินทางทีนึงใช้เวลากว่าแปดชั่วโมง ดังนั้นเลิกคิดถึงเรื่องเดินทางไปกลับในวันเดียวได้เลย ดีนคงจะติดตามอีกฝ่ายไปด้วยแล้วหากเขาไม่คิดอยากจะช่วยพ่อหาเสียงเป็นนายกรัฐมนตรี—… หมายถึงเทพผู้คุ้มครองเมืองนีออม นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การดำเนินภารกิจ

               ห่างกันนิดหน่อยคงไม่เป็นไร ถือเป็นบททดสอบนึงของคู่รักก็คงได้ ถึงร่างกายของพวกเขาจะไกลกัน แต่กระนั้นยังติดต่อสื่อสารถึงกันได้ด้วยเครือข่ายไอริส หรือบางทีอาจด้วยวิธีที่ดีกว่านั้น….

               @Mackenzie

               “นอนสินอน ฉันขอมือนายได้ไหมแมคซี่?” แบมือขออีกฝ่ายซึ่ง ๆ หน้า

               @Mackenzie

               เมื่อฝ่ามือหนาวางทาบลงมาดีนก็จับมาแนบแก้มแล้วจุมพิตที่กลางฝ่ามืออย่างรักใคร่ ก่อนจะหลับตาพริ้มรับความอบอุ่นข้างใบหน้า

               “มือนายอุ่นชะมัด ทำฉันรู้สึกดีได้ทุกเวลาเลย”

               @Mackenzie

               “ทุกเวลาก็คือทุกเวลานั่นแหล่ะ ไม่ว่าตอนที่นายจับ หรือทำอะไร หรืออย่างตอนที่มือของนายแนบแก้มฉันแบบนี้”

               ดีนอมยิ้ม เสียงของเขายานคางขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อรู้สึกอุ่นใจความง่วงก็ตามมา จากลมหายใจปกติที่พรูยังฝ่ามือหนา ค่อย ๆ ผ่อนลมเว้นจังหวะนานขึ้นเมื่อเขาจมลงสู่นิทราไป

               @Mackenzie

               .
               .
               .

               เวลา 23.45 น.

               นาฬิกาปลุกจากสมาร์ทโฟนสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงจนทำให้คนนอนหนุนตักสะดุ้งขึ้น ดีนตื่นขึ้นมาแทบจะในทันที เหลือเพียงอาการงัวเงียเล็กน้อย เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าตั้งนาฬิกาปลุกไว้เพื่ออะไร พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีคนที่หนุนตักอยู่ก็ยังอยู่ในอิริยาบถเดิม ไม่รู้ว่าแมคเคนซีอ่านตำราเวทเพลินหรือว่าขยับไม่ได้จนเป็นอัมพาตครึ่งซีก… ล้อเล่นน่า

               “ยังอ่านอยู่อีกเหรอ? นึกว่านายจะเลิกอ่านไปแล้วซะอีก”

               @Mackenzie

               ไม่น่าจะคิดไปเอง ตอนนี้ดีนได้ยินเสียงโหวกเหวกบางอย่างอยู่ด้านนอกบ้านพัก ใจนึงรู้สึกหลอน กลัวจะเกิดเหตุการณ์เทพอะไรสักอย่างที่ชั่วร้ายบุกค่ายส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพียงแต่ว่าไร้เสียงแตรสัญญาณออกรบดังมาจากแซเทอร์ พยายามคิดบวก... บางทีกลุ่มเด็ก ๆ อาจชุมนุมกันเพื่อเคาท์ดาวน์ปีใหม่

               “ข้างนอกเสียงดังกันจัง พวกเราออกไปดูกันหน่อยไหม นะ ๆ”

               ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ ดีนอ้อนวอนคนรักด้วยดวงตาวิบวับ

               @Mackenzie

               เมื่อทั้งสองเปิดประตูออกมาก็พบกับภาพอันน่าตื่นตะลึง ความมืดแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า ภาพของดวงดาวระยิบระยับเหมือนราตรีเมื่อหลายเดือนก่อน รัตติกาลที่สาปสูญสุดท้ายก็ได้หวนคืนมาในวันสิ้นปี เป็นเรื่องที่น่าดีใจเสียเหลือเกิน บางทีอาจมีผู้กล้าสักคนที่ไม่อยู่ค่ายสำเร็จภารกิจกู้กลางคืนกลับมาได้แล้ว

               โดยที่เขาลืมคิดไปเลยว่า ในรายชื่อที่ส่งให้คุณดี ไม่มีใครออกไปทำภารกิจเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการหายไปของกลางคืน แต่นาทีนี้ใครจะไปสนใจกันล่ะ!

               “แมคซี่ กลางคืนกลับมาแล้ว ดีชะมัด! ทีนี้โลกก็กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้วใช่ไหม!?”

               ดีนดีใจกระโดดโหยงพร้อมกับจับมือคนรักไปด้วย ท่าทางของเขาไม่ต่างอะไรกับตอนที่รีชาตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

               @Mackenzie

               “นี่แมคซี่ ฉันว่าเราไปที่ที่ดีกว่านี้ดีกว่า ตามฉันมาเลยที่รัก!” กล่าวจบดีนก็จูงมือแมคเคนซี กึ่งวิ่งกึ่งลากอีกฝ่ายไปยังทะเลสาบกลางค่าย สถานที่ที่ถูกระบุว่าโรแมนติกที่สุดในค่ายฮาล์ฟบลัด ซึ่งนาทีนี้ที่นี่ตกเป็นของพวกเขาทั้งสองคน น้ำในทะเลสาบสะท้อนกับหมู่ดาวที่พร่างพราวอยู่บนฟ้าราวกับกระจก ช่างเป็นภาพที่งดงามและน่าประทับใจ

               แต่ดีนทำให้มันน่าประทับใจยิ่งกว่านั้นได้

               “แมคซี่ มานี่”

               เขาดึงมืออีกฝ่ายทั้งสองข้างให้เดินลงมาในทะเลสาบ

               @Mackenzie

               ร่างทั้งสองควรจมลงสู่ใต้น้ำ ทว่าดีนใช้พลังควบคุมน้ำตรึงผิวของผืนน้ำใต้เท้าของพวกเขาทั้งสองให้มีความยืดหยุ่นราวกับเดินอยู่บนก้อนเยลลี่ดึ๊งดั๊ง

               “เป็นไง ไม่เปียกเหมือนที่นายคิดใช่ไหม?”

               ชายหนุ่มหัวเราะ เขาจูงมืออีกฝ่ายเดินมาเรื่อย ๆ จนเกือบถึงกลางทะเลสาบ สิ่งที่ห้อมล้อมทั้งสองคือความมืด ป่าเขา และทะเลดวงดาว

               @Mackenzie

               เสียงของนาฬิกาปลุกดังขึ้นอีกครั้งซึ่งคราวนี้บอกเวลาว่าเหลืออีกเพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้นที่เข็มนาฬิกาจะขึ้นสู่วันใหม่

               “อ๊ะ! ใกล้เวลาเคาท์ดาวน์แล้ว ตื่นเต้นชะมัดเลย!”

               ดีนยกหน้าปัดนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แสงจากลูมิโนวาเรืองแสงอ่อน ๆ พอให้เห็นตัวเล็กและเข็มวินาทีที่ขยับเดินหน้า จนเมื่อมันชี้ไปที่เลขสิบ

               “ได้เวลาแล้วแมคซี่ นับพร้อมกันนะ สิบ.. เก้า.. แปด.. เจ็ด.. หก.. ห้า.. สี่.. สาม.. สอง.. หนึ่ง!”

               @Mackenzie

               ทันทีที่เวลาล่วงเข้าวันใหม่ พลุที่ชาวค่ายเตรียมไว้ (ซึ่งไม่รู้ว่าเตรียมกันมาตอนไหน) ได้ถูกจุดขึ้น ด้วยสุ้มเสียงอันดังทำเอาดีนสะดุ้งโหยง ภาพเหตุการณ์ในหัวหลั่งไหลเข้ามาในช่วงเสี้ยววินาที


               เสียงปืนที่ดังระงมที่เฮติ ซากศพของผู้บริสุทธิ์นอนกองพะเนิน

               เสียงปืนที่ดังลั่นจัดการกับอสุรกายตลอดการเดินทางในภารกิจตรีศูลที่หายไป

               เสียงปืนที่กึกก้องบนชายหาดในวันที่ค่ายฮาล์ฟบลัดถูกลูกสมุนของโลกิตีแตก

               “ฮึก!”

               ดีนหลับตาปี๋ มือที่กุมอยู่กับแมคเคนซีบีบแน่น ร่างกายของเขาทั้งสั่นและชื้นเหงื่อ และตอนนี้ผิวน้ำที่คุมไว้ไม่มันคงเอาเสียเลย

               @Mackenzie

               อ้อมกอดอบอุ่นของแมคเคนซีทำให้ดีนรู้สึกสงบใจขึ้นได้มาก อาการสั่นสงบลง เหลือเพียงแค่ลมหายใจที่หอบน้อย ๆ ที่คงอยู่

               “ไม่เป็นไร แมคซี่.. ฉันไม่เป็นไร แค่.. ตกใจนิดหน่อย”

               ร่างสูงกอดตอบชายที่สูงใหญ่กว่า พลางยกมือลูบหลังปลอบโยนอีกฝ่ายทั้งที่เขาต่างหากที่เป็นผู้ถูกปลอบ

               “ฉันรักนายแมคซี่ สวัสดีปีใหม่นะที่รัก ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของเรา ทั้งฉัน และของนาย”

               โอบอ้อมแขนโน้มคออีกคนลงมาประทับจูบแสนหวานรับปีใหม่ และเพียงไม่นานหลังจากนั้น หลังจากดอกไม้ไฟชุดสุดท้ายถูกจุดขึ้นและหายไปจากเส้นขอบฟ้า ท้องฟ้าก็กลับมาสว่างดังเดิม…

               .
               .
               .

               อะไรนะ… ผ่านไปไม่กี่นาที เช้าแล้วเหรอ?

               @Mackenzie


แสดงความคิดเห็น

67. Countdown & strange dream-31.12.24  /  08:56PM.-[ดูโรลเพลย์ของดีนประกอบ]หลังจากที่ไปทำธุระของตนเองมา พอตกค่ำที่อ  รายละเอียด ตอบกลับ โพสต์ 2025-1-6 01:59
God
((จู่ ๆ ก็ปรากฎกลีบดอกกุหลาบโปรยปรายเป็นเอฟเฟกต์รอบบริเวณทะเลสาบ))  โพสต์ 2025-1-4 00:45
โพสต์ 29118 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-1-4 00:21
โพสต์ 29,118 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก หนังสือรับรองไครอน  โพสต์ 2025-1-4 00:21
โพสต์ 29,118 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมืออัจฉริยะ  โพสต์ 2025-1-4 00:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เข็มกลัดโพไซดอน
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่แห่งเกียรติยศ
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
แจ๊กเก็ตยีนส์
เข็มทิศมหาสมุทร
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมน้ำ
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
น้ำหอม Unisex
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x4
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้