[บ้านพักหมายเลข 3] ห้องสัตว์เลี้ยง

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



CAMP HALF-BLOOD
POSEIDON CABIN 3






ห้องสัตว์เลี้ยง

บ้านหมายเลข 3 : โพไซดอน


ส่วนต่อขยายเล็ก ๆ ระหว่างพื้นที่บ้านหลัก และห้องเก็บของ

แหล่งพำนักของอสุรกายสัตว์เลี้ยงของเหล่าสายเลือดโพไซดอน

ห้องสัตว์เลี้ยงตกแต่งเรียบ ๆ เน้นความมินิมอลกลมกลืนกับธรรมชาติ

ภายในห้องมีสิ่งอำนวนความสะดวกครบครัน อาทิ

ที่นอนอสุรกาย กระบะทราย ชามอาหาร ของเล่นต่าง ๆ

อุปกรณ์ทำความสะอาด อ่างอาบน้ำอสุรกาย และอื่น ๆ


นอกจากนี้ยังมีโซฟานั่งเล่นสำหรับมินิก็อดที่ต้องการใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงของตนหรือพี่น้องร่วมบ้าน


หากพี่น้องไปทำภารกิจแล้วไม่ได้นำอสุรกายสัตว์เลี้ยงไปด้วย พี่น้องคนอื่น ๆ ที่เหลือจะผลัดกันมาดูแลแทน









แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 6533 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-12-26 01:16
โพสต์ 2024-12-30 18:02:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
265
ทำห้องสัตว์เลี้ยง


               24/12/2024

               วันนี้ค่ายฮาล์ฟบลัดควรจะจัดงานคริสต์มาสตามที่ร้องขอไว้ได้แล้ว แต่สุดท้ายงานก็ล่มไม่เป็นท่าเพราะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นก่อน.. กระนั้นเลือดนักสู้ (?) เชื้อสายโพไซดอนอย่างดีนไม่มียอมแพ้!

               ชายหนุ่มร่อนบัตรเชิญไปหาเหล่าคนสนิทที่มีจำนวนไม่มากเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรค์ ปิ้งบาร์บีคิวกันที่สระว่ายน้ำบ้านโพไซดอน ทว่าเรื่องขัดสระให้เนียนกริ๊บเอาไว้ก่อน ตอนนี้พวกเขาควรลงมือซ่อมบ้านส่วนที่เหลืออีกสิบเปอร์เซ็นต่อจากเมื่อคืน และทำห้องสัตว์เลี้ยงกันได้แล้ว ก่อนที่ไม้ที่หามาจะถูกแดดเผาจนกร่อน…

               งานนี้เป็นงานหนักจึงเป็นหน้าที่ของชายหนุ่มในบ้านสี่คน ส่วนริปลี่ย์และรีชาได้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นประดับตกแต่งส่วนที่ขาด ๆ เกิน ๆ ไป ด้วยสายตาของผู้ชาย ยังไงเรื่องแบบนี้คงไม่ละเอียดละออเท่ากับสาวน้อยทั้งสอง

               “ฉันว่าตรงนี้ทำเป็นบันไดลงมา ส่วนพื้นบ้านก็ปูด้วยไม้แล้วหาพรมหรือไม่ก็เสื่อน้ำมันมาปูทับอีกที ส่วนผนัง.. ก่ออิฐน่าจะดีกว่าไม้ พวกนายคิดว่ายังไง?”

               ที่ปรึกษาบ้านใช้เวลาช่วงเช้าระหว่างรับประทานอาหารวาดแบบแปลนห้องที่จะต่อเติมมาด้วย ภาพวาดก็พอดูออก แต่คนไม่เคยได้จับงานก่อสร้างจริงจังไม่มีความรู้เรื่องวิศวกรรมหรือความปลอดภัยในงานช่างใด ๆ ดีนคิดว่ามันก็น่าจะเหมือนกับตอนที่ทำระแนงสวนหลังบ้านล่ะมั้ง?

               “งั้นฉันเสนอว่าให้เรายกพื้นขึ้นมาหน่อย เวลาฝนตกน้ำจะได้ไม่ท่วมนะ” ไทสันที่วันนี้มีสองตาเหมือนมนุษย์ให้คำแนะนำในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ที่เก่งงานช่าง จนเชี่ยวชาญพอ ๆ กับบุตรแห่งเฮเฟตัส

               “เป็นความคิดที่ดีเลยครับ แล้วถ้ายกพื้นต้องทำยังไงบ้างเหรอ?” เจโรมถาม และดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ในขั้นตอนนี้เลยยกเว้นแต่พี่ชายไซคลอปส์เพียงตนเดียว งานอธิบายจึงตามมา

               “ก่อนอื่นเราต้องเคลียร์พื้นที่ตรงส่วนนั้นให้ราบเรียบเสียก่อน เคลียร์หินและหญ้าออกไปให้หมด จากนั้นก็วัดขนาดให้ดี แล้วลงมือขุดหลุมฐานราก ลงเสาเข็ม ปูเหล็กเสริมแล้วก็เทคอนกรีตทับเพื่อความแข็งแรง จากนั้นทำยกพื้นเพื่อจะได้จัดการกับระบบไฟและระบบน้ำประปา”

               ฟังมาถึงตรงนี้ สามหนุ่มสามมุมแห่งบ้านโพไซดอนก็อ้าปากค้างทำหน้าเหวอเรียงกัน

               “เดี๋ยวนะไทสัน เราจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นกันเลยเหรอ?” ซันซ์เลิกลั่กถาม ซึ่งทั้งดีนและเจโรมที่คิดแบบเดียวกันก็พยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคนี้รัว ๆ

               “จำเป็นสิ ทำบ้านก็ต้องลงฐานรากกันทั้งนั้นแหล่ะ เสาเข็มก็ด้วย พวกนายคงไม่อยากจะจู่ ๆ เดินอยู่แล้วถูกหลังคาถล่มลงมาทับใช่ไหมล่ะ?” ไทสันหัวเราะน้อย ๆ ซึ่งคราวนี้ทั้งสามส่ายหน้ากันให้ควั่ก

               “เอ่อ.. มันฟังดูยุ่งยากจัง ฉันว่า.. พวกเรายกเลิกแผนนี้กันดีไหม?” คนเสนอขอยอมแพ้ ทว่าเมื่อมองหาแนวร่วมกลับไม่มีใครที่ตอบรับหรือปฏิเสธ

               “ฉันคิดว่ามีห้องสัตว์เลี้ยงก็ดีนะ อนาคตสิงโตน้อยของดีนได้ตัวใหญ่กว่านี้แน่ ๆ ถึงจะมีเวทมนตร์ล็อคขนาดของมันไม่ให้ตัวใหญ่เท่านีเมียนจริง ๆ ได้ แต่เผื่ออนาคตน้อง ๆ ของพวกเราอาจจะมีคนจิตใจอ่อนโยนอยากเลี้ยงอสุรกายเพิ่มก็ได้นี่นา ยังไงห้องนี้ก็มีประโยชน์อยู่ดีล่ะ” ไทสันยังคงพูดจาอย่างใจเย็นเหมือนคนใจดี ซึ่งคำอธิบายนั้นค่อนข้างฟังดูมีเหตุผล

               “ถึงจะดูเหนื่อย แต่ว่าฉันโอเคนะที่จะลงมือทำมัน เห็นดีนเลี้ยงออมเล็ตแล้วฉันเองก็อยากจะเลี้ยงสัตว์บ้างเหมือนกัน” ซันซ์คือคนที่สองที่ตอบตกลงเห็นด้วย ตอนนี้เหลืออีกเพียงเสียงเดียวที่จะชี้วัดว่าควรทำหรือไม่ทำต่อ

               “แล้วนายว่าไงเจรี่?”

               “ผมเหรอ.. ถึงผมไม่ได้ใช้ห้องนี้ แต่มีไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ ถือเป็นของขวัญให้กับรุ่นน้องของพวกเรา” ไอดอลหนุ่มตอบ อีกฝ่ายคงคิดว่าตัวเองไม่ค่อยได้สร้างอะไรไว้แก้ค่ายฮาล์ฟบลัดจึงอยากมีผลงาน

               “โอเค ถ้าพวกนายทุกคนตกลงทำต่อฉันก็เอาด้วย บางทีงานนี้อาจต้องยืมตัวลูกมือจากบ้านเฮคาทีมา..” ดีนเป่าปาก แมคเคนซีคงมาช่วยแหล่ะ ส่วนซิลเวอร์เขาคะเนไม่ออก แต่จากนิสัยน่าจะอยากมาทำ “ถ้าไงไทสัน ฉันรบกวนให้นายเป็นนายช่างใหญ่ได้ไหม อยากให้ทำอะไรยังไงบอกมาได้เลย”

               “ขอบคุณที่พวกนายไว้ใจฉันนะ ฉันเองก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเลย” ไทสันยิ้มตาปิดอย่างน่ารัก ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นไซคลอปส์ล่ะก็นะ… “ถ้างั้นฉันขออธิบายต่อล่ะว่าต้องทำอะไรบ้าง… หลังจากที่เราได้ฐานรากที่แข็งแรงแล้วถึงจะขึ้นโครงและทำหลังคาได้ จากแบบที่ดีนวาดมาการทำหลังคาทรงแบนก็จะง่ายหน่อย แต่ต้องวัดความลาดชันอีกทีเพื่อไม่ให้เวลาฝนตกแล้วน้ำไม่ไหลลงไม่มีทางระบายออก น้ำอาจจะซึมลงมาในตัวบ้านได้ล่ะ”

               “อาฮะ…” ดีนพูดอะไรไม่ออกนอกจากพยักหน้ารับ เขาฟังคำบรรยายของไทสันไปเรื่อย ๆ ราวกับเข้าคลาสเรียนวิชาก่อนสร้างขั้นพื้นฐาน (และคิดว่าซันซ์กับเจโรมก็ไม่ต่าง) หากไม่คิดว่าจากนี้ต้องเหนื่อยแค่ไหนก็นับว่าเป็นความรู้ที่ดี

               สงสัยว่าไทสันเห็นดีนทำหน้าเหวอเขาจึงบีบบ่าน้องชายเบา ๆ

               “ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องงานช่างเดี๋ยวฉันจัดการทั้งหมดเอง ให้ซันซ์กับเจโรมเป็นลูกมือ ส่วนนายก็ช่วยจัดสรรกำลังคน วัสดุอุปกรณ์ แล้วก็ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที”

               “ขอบคุณมากนะไทสัน ถ้างั้น.. ก่อนอื่นเลย... สิ่งที่ฉันต้องทำคือไปติดต่อคนที่บ้านแฟน แล้วก็ไปหาซื้อวัสดุจากร้านค้าในลองไอแลนด์สินะ”

               “ใช่เลย แบบนั้นล่ะ โอ๊ะ! แต่ว่าฉันต้องวัดขนาดห้องที่จะสร้างก่อนนะ เดี๋ยวจดอุปกรณ์ที่ต้องซื้อมาให้ ระหว่างนี้นายก็ไปตามกำลังเสริมมาได้เลยดีน”

               “รับทราบ!”

               หลังจากที่ได้รับมอบหมายงานมาแล้ว ที่ปรึกษาแห่งบ้านฮาล์ฟบลัดก็รีบไปนัดจองตัวแมคเคนซีและซิลเวอร์ให้มาช่วยเหลือเรื่องงานก่อสร้างห้องสัตว์เลี้ยง ทั้ง ๆ ที่คิดว่าทำกันเองไหวไม่ต้องขอแรงบ้านอื่นมาช่วยเพราะมีกันตั้งสี่คนแล้วเชียว..

               แน่นอนว่าแมคเคนซีไม่มีปัญหา ยอมตอบรับแต่โดยดี ส่วนซิลเวอร์เห็นเป็นเรื่องสนุกเลยติดตามมาด้วย จูลี่อาจเบื่อที่อยู่แต่ในบ้านเลยขอตามมาอีกคน ส่วนหนึ่งอาจเพราะเด็กชายคิดถึงเพื่อนวัยเดียวกันอย่างรีชา เพราะตั้งแต่ที่ชาร์ล็อตไม่อยู่เธอก็ไม่ได้ไปนอนค้างที่บ้านเฮคาทีอีกเลย

               “ไง มีปัญหาเรื่องการสร้างบ้านกันงั้นเหรอเจ้าพวกเด็ก!” ซิลเวอร์ฉีกยิ้มกว้างทักทายเหล่าบุตรแห่งโพไซดอนที่เจอหน้ากันเป็นครั้งแรก จนกระทั่งประสานสายตากับไทสันที่ส่งยิ้มคนดีมาให้ “โอ๊ะ! ยกเว้นนายไว้คนนึงสินะที่ไม่ใช่เจ้าเด็ก ไหนมีงานอะไรลองอะไรบอกมา!”

               “คืองี้ลูกพี่ ตอนนี้เราต้องการคนช่วยขุดดินสำหรับตอกเสาเข็มเพิ่มน่ะ ถ้ามีกันแค่สี่คนคิดว่าวันนี้ทั้งวันคงได้แต่ขุดดินยี่สิบกว่าตารางเมตรตรงนั้นจนมือพอง” ดีนชี้ไปที่พื้นที่ขนาดเท่าห้องขนาดกลางหนึ่งห้องที่ไทสันจัดการตีเส้นไว้เรียบร้อยตอนที่ดีนไม่อยู่

               “เจ้าเด็ก! นายเรียกผู้ใช้เวทมาเป็นกรรมกรงั้นรึ!” ซิลเวอร์ขำก๊าก หัวเราะชอบใจ

               มันก็จริงที่อีกฝ่ายว่างานนี้คืองานของกรรมกร แต่ดีนก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้นเลยได้แต่ยิ้มแหย่ ขนาดมองไปทางแมคเคนซี หมอนั่นยังขมวดคิ้วเหงื่อตกกลางฤดูหนาว การออกแรงหนักขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องตลก ทว่าซิลเวอร์กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

               “ถ้าคิดแบบนั้นก็นับว่าถูกต้อง ไม่น่ามีใครตรงนี้เว้นตัวตุ่นขุดดินเก่งไปกว่าฉันคนนี้อีกแล้ว!” ซิลเวอร์นำคทาเวทมนตร์ออกมาก่อนจะชี้ไปทางอุปกรณ์ทำสวนที่วางกองไว้ “อินคันทาเร่ อะนิมา วิตา!”

               ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่ดีนเห็นประกายแสงระยิบระยับลอยออกมาจากคทาคบเพลิงของซิลเวอร์ขณะร่าย ราวกับว่าชายหนุ่มร่างโตคนนี้เป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวกำลังร่ายคาถา ‘บิบบิดี้ บอบบิดี้ บู’ เสกฟักทองให้กลายเป็นรถม้า… แต่นั่นเป็นเพียงแค่ออเดิร์ฟ เมื่ออุปกรณ์ทำสวนอย่างกรรไกรตัดหญ้า เสียม พลั่ว ค่อย ๆ ขยับเคลื่อนไหวกลายเป็นสิ่งมีชีวิต อุปกรณ์บางชิ้นก็มีดวงตางอกออกมาราวกับเป็นเวทมนตร์ที่นางฟ้าแม่มดสาปคนรับใช้ของปราสาทเจ้าชายอสูรให้กลายเป็นเครื่องเรือน เพียงแต่งานนี้มันไม่แอดวานซ์ขนาดพูดได้หรือร้องเพลง ไม่แน่ล่ะว่าอาจจะทำได้ แต่ซิลเวอร์คงไม่เสกให้มันทำอะไรได้มาก เปลืองพลังงานเอาเปล่า ๆ

               “ก่อนจะขุดต้องเคลียร์พื้นที่ก่อนสินะ ในเส้นที่ขีดไว้นั่นใช่ไหม ลุยเลยลูกพ่อ!” ซิลเวอร์สะบัดปลายคทาไปยังไซต์งาน จากนั้นอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เดินต้วมเตี้ยมเข้าไปในเส้น กรรไกรทำสวนก็แยกขาทั้งสองข้างออก ก่อนลงไม้ลงมือตัดเล็มหญ้า พลั่วเหล็กมีชีวิตขุดถอนพุ่มไม้วัชพืชออก ตัวที่เป็นคราดก็ลากตัวเองครืด ๆ ใช้หัวที่เป็นปลายแหลมถางหญ้าออกจากดิน

               เหล่าสายเลือดโพไซดอนต่างพากันปรบมือแปะ ๆ กับเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่เพิ่งได้เห็นราวกับชมฉากประกอบเพลง ‘Be Our Guest’ มาหมาด ๆ

               “เยี่ยมเลยลูกพี่! คุณซิลเวอร์เก่งสุด ๆ เลยคร้าบ” ดีนเข้าไปบีบ ๆ นวด ๆ ให้มืออาชีพด้านการควบคุมคนงาน ถ้าได้เวทมนตร์แบบนี้คอยช่วยเหลือผสมกับกำลังคนการขุดหลุมสำหรับปรับพื้นที่ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอีกต่อไป

               “หึ! ของแบบนี้มันแน่อยู่แล้วเจ้าเด็ก!” บุตรชายคนโตของเทพีเฮคาทียืดอก ทำท่าเหมือนเสี่ยที่มีเด็กรับใช้คอยบีบนวด จากกันก็หันไปทางแมคเคนซี “นายน่าจะยังไม่รู้คาถาบทนี้ ลองดูบ้างไหมน้องชายเดี๋ยวฉันสอน”

               “นายควรจะสอนฉันตั้งแต่เมื่อวาน” แมคเคนซีตอบด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย อันที่จริงดีนก็คิดแบบนี้ หากซิลเวอร์ร่ายเวทบทนี้ตั้งแต่เมื่อวานคงไม่ต้องเหนื่อยถูบ้านกันเอง

               “มัวแต่ใช้เวทมนตร์ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตกันพอดีสิเจ้าเด็ก! เอายกไม้คทาออกมาแล้วร่ายเวทตาม 'อินคันทาเร่ อะนิมา วิตา!' ระหว่างนั้นนายต้องเพ่งสมาธิไปยังเครื่องมือ ส่งพลังเข้าไปให้มันมีชีวิตจริง ๆ”

               แมคเคนซีพยักหน้า นำคบเพลิงเวทมนตร์ออกมาจากกระบอกซูม เปลวเพลิงแห่งเฮคาทีลุกโชนพร้อมใช้งาน ปลายคทาชี้ไปยังเสียมที่ยังไม่ถูกคนจับจอง

               “อินคันทาเร่ อะนิมา วิตา” เมื่อเปล่งบทร่ายคาถาประกายแสงสีทองก็พุ่งออกจาปลายไม้คทาตรงไปห้อมล้อมเสียมด้ามนั้นคล้ายกับพลุมือสำหรับงานปาร์ตี้ จากนั้นเจ้าเสียมก็มีแขนงอกออกมาทำท่าบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นโดยไม่สนใจกฎของแรงโน้มถ่วงและความสมดุลย์ใด ๆ มันกระดึ๊บ ๆ มาหาแมคเคนซี รอเพื่อรับคำสั่ง “เอ่อ.. ไปช่วยกันขุดดินตรงนู้น” ผู้ใช้เวทเอ่ยปากสั่ง จากนั้นเสียมที่มีชีวิตก็ลงมือทำงานอย่างว่าง่าย

               “ว้าววว นายก็ทำได้แมคซี่ ยอดไปเลย!” ดีนผละออกจากการนวดซิลเวอร์แบบหยิบหย่งมาทางคนรัก และทันทีที่ชายหนุ่มกระโดดกอดโถมตัวเข้าใส่อีกฝ่ายจนทำให้สมาธิขาดตอน เสียมด้ามนั้นก็ล้มพับลงไปกลายเป็นเพียงแค่สิ่งของธรรมดา “อ้าว มันสลบไปแล้ว รีบปลุกมันเร็วเข้า!”

               “การใช้เวทควบคุมนี้จำเป็นต้องจดจ่อสมาธิกับมันอยู่ตลอดเวลา ถึงจะไม่เปลืองแรงกายแต่ก็เหนื่อยใช้จิต ถ้าคุมไม่ดีมีหวังคุ้มคลั่งอีก”

               “เอ่อ.. คุ้มคลั่งเลยเหรอ ฟังดูน่ากลัวจัง” ดีนเม้มปาก ไม่อยากจะคิดว่าเครื่องใช้ที่กำลังทำงานจู่ ๆ ก็คลั่งทำร้ายเจ้าของจะน่ากลัวสยองขวัญแค่ไหน “แล้วแบบนี้ใช้กับการต่อสู้ได้ไหมครับ เช่น.. มีหุ่นยนต์แถว ๆ นั้นก็เสกให้มันกลายเป็นกันดัมแล้วต่อยกับอสุรกาย”

               “ใช้ได้ก็บ้าแล้วเจ้าเด็ก! คาถาวัตถุมีชีวิตใช้ได้กับสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นแหล่ะ ถ้าถามว่าประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ได้ไหม คำตอบคือได้ แต่ใช้บังคับหุ่นยนต์ได้ไหม คำตอบคือไม่ได้แน่นอน แต่ฉันไม่ค่อยอยากใช้มันเวลาต่อสู้เท่าไร เคยเสกให้ปืนมีชีวิตแล้วมันคลั่ง คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าหลังจากนั้นต้องทำยังไง”

               “เอ่อ.. ฟังดูแย่จริง ๆ ด้วยแฮะ” คิดตามแล้วก็เบะปาก เขายิ่งเป็นพีทีเอสดีอ่อน ๆ กับเสียงปืนอยู่ด้วย

               “ก็ประมาณนั้น” ซิลเวอร์ยักไหล่ ก่อนจะมองไทสันที่เดินมาทางวงสนทนาอีกคน

               “นี่ดีน ฉันจดรายการของที่ต้องใช้สำหรับการก่อสร้างให้แล้ว” ไทสันยื่นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งมาให้ สิ่งที่ต้องซื้อมีทั้งอิฐบล็อก ปูนซีเมนต์ โครงเหล็ก และสีทาบ้าน ยังไม่รวมถึงการทำระบบไฟฟ้าและน้ำประปาสำหรับใช้งานอีกต่างหาก “ว่าแต่พวกนายจะขนของพวกนี้กลับยังไงเหรอ?”

               “เอ่อ.. นั่นสิ ถ้าขอยืมรถเข็นที่ไร่สตรอว์เบอร์รีมาคงได้ แต่ต้องเข็นไปกลับหลายรอบหน่อยกว่าจะซื้อของได้หมด ปัญหาอีกอย่างคือ… แล้วเราจะหาร้านขายอุปกรณ์งานช่างได้ที่ไหน?”

               “ร้านอุปกรณ์งานช่างเหรอ.. แป๊บนะ” ไทสันเอาสมาร์ทโฟนออกมา จากนั้นเสิร์ชหาร้านขายเครื่องมือก่อสร้างในลองไอแลนด์ นั่นทำให้ดีนและแมคเคนซีตาโต

               “ไทสัน นายใช้มือถือเสิร์ชหาร้านขายของได้ด้วยเหรอ!”

               “อ้อ ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ไซคลอปส์หนุ่มยิ้มตอบงง ๆ ก่อนทีเขาจะนึกขึ้นมาได้ว่าในค่ายฮาล์ฟบลัดใช้งานอินเทอร์เน็ตได้แค่ที่บ้านเฮอร์มีส “นี่คือโทรศัพท์เดดาลัสรุ่นเลกาซี เป็นเครื่องมือสื่อสารของเดมิก็อดที่จะทำให้ติดต่อสื่อสารได้ทุกที่ ชาร์จแบตเตอรีได้ด้วยพลังงานสายฟ้า ที่ชาร์จแบตเพียงครั้งเดียวก็ใช้ได้ไปเลยปีนึง แถมยังมีแอปพลิเคชั่นตรวจหาอสุรกายพร้อมทั้งสแกนรายละเอียดของมันได้ด้วยนะ”

               “ไทสันนายไปซื้อมาจากไหน! บอกฉันทีเร็ว ๆ ตอนนี้เลย!” ดีนตรงเข้าไปเขย่าไหล่ของอีกฝ่ายจนหัวสั่นหัวคลอน

               “ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเดดาลัสน่ะ มีที่โซโห”

               “อ้าว พวกนายไม่มีไอ้นี่กันเหรอเจ้าเด็ก นึกว่าอยู่ใกล้นิวยอร์กจะไปซื้อกันมาคนละเครื่องแล้วซะอีก” ซิลเวอร์เอาโทรศัพท์เดดาลัสขึ้นมาโชว์บ้าง

               “เดี๋ยวนะ นี่ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่ามีสิ่งนี้อยู่ในโลกเหรอ แล้วไหงฉันถึงตกข่าว” คนที่มีโทรศัพท์เดดาลัสหัวเราะ หนึ่งในนั้นคือเจโรมด้วย

               “เอ่อ… มีฉันอีกคนที่ไม่รู้ว่ามีไอ้นี่อยู่ สงสัยต้องไปหาซื้อมาสักเครื่องแล้ว ว่าแต่มันราคาเท่าไรเหรอไทสัน”

               “สี่ร้อยดรักม่าไม่รวมภาษีน่ะ แล้วยังมีค่าบริการติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มอีกหนึ่งร้อยดอลลาร์”

               ราคาของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ทำเอาเดมิก็อดยาจกแถว ๆ นี้เงียบกริบ

               “โอเค ยอมแพ้ ฉันคงได้ใช้เน็ตบ้านเฮอร์มีสกับเครือข่ายไอริสต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ” ซันซ์ยกมือขอบาย ชายหนุ่มเพิ่งมาที่ค่ายฮาล์ฟบลัดไม่กี่เดือน รับแต่ภารกิจเล็ก ๆ แต่ไม่เคยจับภารกิจใหญ่ เพราะงั้นเขาจึงมีดรักม่าติดกระเป๋าเพียงน้อยนิด

               “สี่ร้อยดรักม่า กับหนึ่งร้อยดอลลาร์งั้นเหรอ…” ดีนกุมคางคิด ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเงินซื้อหรอกนะ เขาได้ดรักม่ามาเยอะแยะแถมไม่รู้จะใช้มันทำอะไร ได้แต่ก็เก็บไว้ก่อน เพิ่งมารู้ว่าเงินกรีกโบราณเอาไว้ใช้ทำอะไรแบบนี้นี่เอง “แมคซี่นายว่าไง?”

               “แพงไปหน่อย ฉันยังเก็บเงินได้ไม่พอหรอก” เป็นบุตรแห่งเฮคาทีอีกคนที่ต้องเลื่อนการซื้อโทรศัพท์มือถือสำหรับเดมิก็อดออกไป เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายได้เหมาอาหารแมวเพื่อจับกริมาลคินไปชุดใหญ่

               “เฮ้! แล้วไหงคุยเรื่องซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างถึงได้กลายเป็นเรื่องมือถือล่ะเจ้าเด็ก!” ซิลเวอร์ท้วง เพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะหลุดประเด็นกันไปหลังจากที่ไทสันหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาโชว์

               “โอ้ โทษที” ไทสันยิ้มแห้งให้รุ่นน้องต่างบ้านผู้เลือดร้อน ก่อนจะชูหน้าจอพิกัดร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างละแวกนี้ให้ดีนดู

               “ไม่ไกลมากนะ แต่ก็ต้องเดินไกลเหมือนกัน นายพอจะไปช่วยฉันได้ไหมแมคซี่?” ขืนไปคนเดียวด้วยรถเข็นหนึ่งคัน มีหวังต้องซื้อของไปกลับแบบนี้เป็นสิบรอบแน่ ๆ หากไปกันสองคนลดจำนวนการเดินลงครึ่งนึงก็ยังดีกว่า

               “ได้อยู่แล้วที่รัก” แมคเคนซียิ้มตอบ จากนั้นมองไปทางซิลเวอร์ “ฉันได้ยินว่านายมีรถนี่ซิลเวอร์ ขอยืมขับหน่อยได้ไหม?”

               “ใครเขาให้ยืมรถกันเจ้าเด็ก! สามสิ่งที่ลูกผู้ชายให้ยืมกันไม่ได้ง่าย ๆ คือ ปืน รถ แล้วก็ผู้หญิง เพราะงั้นไม่มีทางให้นายเอารถฉันไปขับเล่นหรอก”

               “โธ่ ไม่ได้ยืมไปขับเล่นสักหน่อย เอางี้ไหม ถ้าไม่ไว้ใจพวกผมงั้นลูกพี่ขับรถพาพวกเราไปซื้อของหน่อยได้ไหมครับ นะ ๆ”

               หนุ่มบ้านโพไซดอนสี่คนทำสายตาออดอ้อนรุ่นพี่บ้านเฮคาทีตาเป็นประกายวิ้ง ๆ เหมือนพวกเจ้าเหมียวในอนิเมชั่น 'พุสอินบูธส์' ไม่รู้ว่าน่ารักน่าเอ็นดู หรือชวนขนลุกกันแน่ แต่สุดท้ายซิลเวอร์ก็ยอมหลังจากที่ปิดเรื่องรถเป็นความลับมานาน

               “เออ ก็ได้ ๆ เลิกมาต้องฉันด้วยสายตาแป๋วแหววกันได้แล้ว ให้ตายสิอยากจะบ้า!” ชายหนุ่มสบถออกมาเป็นภาษาเยอรมันหลังจากถ้อยคำที่จับไม่ได้ว่าพูดอะไร “งั้นตามฉันมา บอกเลย งานนี้ไม่ฟรีนะจะบอกให้!”

               “ได้ครับพี่ ดีครับนาย ได้ครับผม! ลูกพี่จะให้ผมชดใช้ยังไงก็ว่ามาเลย” เพื่อสร้างห้องใหม่หนุ่มสายเลือดโพไซดอนอย่างดีนเตรียมประจบประแจงเลียแข้งเลียขาซิลเวอร์เต็มที่

               “พูดแล้วอย่าคืนคำ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ดูก่อนว่าฉันจะให้นายชดใช้ยังไงดี” ชั่วขณะหนึ่งที่ซิลเวอร์หรี่ตาลงก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “รถฉันจอดอยู่ที่ตลาดนัดลองไอแลนด์ ใครจะไปซื้อของก็ตามมา เจ้าเด็ก!” จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็เดินมุ่งไปที่หน้าประตูค่าย โดยมีดีนและแมคเคนซีเดินตามต้อย ๆ เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่ของมัน

               หลังจากที่ซิลเวอร์คล้อยหลังไปเพียงนิดเดียว เหล่าเครื่องมือที่เคยมีชีวิตและทำงานขุดดินอย่างขันแข็งก็ล้มพับลงไปกลายเป็นเพียงเครื่องมือทำสวนธรรมดา ๆ แต่ก็นับว่าทุ่นแรงได้มากหว่าขุดเอง ดินถูกขุดไปกว่าครึ่ง ที่เหลือตอนที่บุตรแห่งเฮคาทีไม่อยู่จึงต้องพึ่งพากำลังกายของบุตรแห่งโพไซดอนกันไปก่อน

               .
               .
               .

               “อยากจะบ้า คนบ้าที่ไหนให้เอาฟอร์ดมัสแตงก์ปีหกเก้ามาขนปูนฟะ!! ช่วงล่างรถฉันพังหมดแม่งูเอ๊ย!!”

               ซิลเวอร์บ่นเป็นรอบที่สามนับจากที่ขับรถออกมาจนถึงซื้อของเสร็จ ตอนแรกที่ดีนและแมคเคนซีเห็นรถของซิลเวอร์ที่จอดคลุมผ้าใบอยู่ที่ตลาดนัดก็ตกใจ ใครจะไปคิดว่ารถอีกฝ่ายจะเป็นรถเก่าคันหรูที่มีราคาประมูลเกือบเจ็ดหมื่นเหรียญดอลลาร์สหรัฐ! เมื่อเปิดผ้าคลุมออกเขาเห็นรถคลาสสิกสีเทาเข้มสะท้อนแสงตะวันจนวับวาวระยิบระยับ เปลี่ยนจากเทาเข้มกลายเป็นสีเงินที่สวยงาม แม้ตัวรถจะเก่าแต่แทบไม่มีรอยขีดข่วนและฝุ่นผงติดให้รู้สึกขัดตา แสดงให้เห็นว่าเจ้าของรถดูแลรักษารถคันนี้ประดุจดั่งคนรัก

               ฟอร์ดมัสแตงก์ปีหกเก้า อาจไม่ได้แพงเท่ารถสปอร์ตอย่างเฟอร์รารี มาเซราตี จากัวร์ หรือโรลส์-รอยซ์ แต่ค่าบำรุงรักษารถเก่าแบบนี้นับว่าแพงระยับ เขาใจเหตุผลที่รุ่นพี่ปิดปากเงียบเรื่องมีรถก็พอเข้าใจได้อยู่

                และนั่นคือสิ่งที่ซิลเวอร์ต้องการ

               “เอาล่ะได้เวลาเรียกร้องค่าเสียหาย นายจ่ายค่าล้างรถกับค่าบำรุงรักษามาเลยเจ้าเด็ก!”

               “แมคซี่ช่วยด้วย!” นี่แหล่ะสิ่งที่กลัวมาตลอดตั้งแต่ได้เห็นรถยนต์ของรุ่นพี่ซิลเวอร์ แม้ว่าดีนจะมีดรักม่าเยอะและไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรนอกจากนั่งรถไฟเฮเฟตัสเล่น และซื้อโทรศัพท์มือถือ แต่ดอลลาร์ที่เขามีก็เป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่ถ้าจ่ายให้ซิลเวอร์ไปมีหวังได้กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปหลายเดือนตอนออกไปทำภารกิจ

               “รอบนี้นายคงต้องหามาเองแล้วที่รัก...วงเงินในบัตรเครดิตฉันอาจไม่พอ” คนรักหนุ่มสายเลือดเฮคาทีส่ายหน้า ถึงแมคเคนซีมักจะเป็นกระเป๋าสตางค์ส่วนตัวให้ดีนมาตลอด แต่งานไม่ไหว เพราะพวกเขาเพิ่งจะซื้อตั๋วรถไฟไปกลับนิวยอร์ก-ซานอันโตนิโอในราคาที่แพงหูฉี่กันมาด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้คู่รักกินแกลบด้วยกันทั้งคู่

               “แล้วทำไงดี…” ดีนเม้มปากมองไปทางซิลเวอร์ ที่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาติดหนี้อีกฝ่ายหลายสิ่งเหลือเกิน ดีนเลือกที่จะบอกความจริงไปตามตรงดีกว่า “ถ้าพูดตรง ๆ เลยก็คือผมไม่มีเงินอ่ะครับ ขอจ่ายด้วยอย่างอื่นแทนได้ไหม ทำงานใช้หนี้ก็ได้…”

               “อะไรวะ! เห็นมีรายชื่อในภารกิจตามหาตรีศูล ไหงนายไม่มีเงิน เทพโพไซดอนไม่ได้ให้รางวัลนายมาเยอะหรอกเหรอ!?” ซิลเวอร์เป็นคนโผงผางเสียงดังจนตอนนี้ดีนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงแค่พูดดังหรือว่าโมโหอยู่ เขาจึงทำตัวลีบขยับเข้าไปนั่งซุกปีกของแมคเคนซีที่นั่งด้วยกันบนเบาะหลังนุ่ม ๆ ของรถยนต์ฟอร์ดมัสแตงก์

               “โธ่ ลูกพี่ พ่อผมเขาไม่ใช้ดอลลาร์ อยู่ใต้แอตแลนติสจะไปหาเงินมาจากไหน อาหารก็ไม่ต้องซื้อ”

               “ถ้างั้น..” ดวงตาสีหม่นจ้องเขม็งไปที่กระจกมองหลัง พอเห็นแค่ตาแบบนี้อีกฝ่ายดูน่ากลัวเป็นบ้าในความคิดของดีน ซิลเวอร์เงียบไปหนึ่งอึดใจจนคนฟังลุ้นเหงื่อเหนียว “ก็จ่ายด้วยร่างกายของนายสิ”

               คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาดีนได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ส่วนแมคเคนซีขมวดคิ้วขึงขังสีหน้าเคร่งเครียด สถานการณ์ไม่ดีแบบที่ไม่ดีสุด ๆ แมคเคนซีไม่พูดอะไรได้แต่ปล่อยรังสีมาคุไม่หยุด ส่วนซิลเวอร์ก็มองจ้องผ่านกระจกมองหลังด้วยแววตาดุดันราวกับหมาล่าเนื้อ ตอนนี้ดีนไม่รู้จะทำยังไงนอกจากหลบอยู่ข้างหลังคนรักแม้ว่าภายในรถจะแคบแสนแคบ

               เมื่อไม่ได้คำตอบซิลเวอร์จึงหยุดรถกลางทาง แล้วถามเสียงเหี้ยม…

               “ตกลงว่าไง หื้มมม เจ้าเด็ก นายเลือกเอา จะชดใช้เรื่องนี้ด้วยร่างกายของนาย หรือเลือกลงจากรถแล้วแบกทั้งหมดนั่นกลับไปเอง”

               ดีนได้แต่กลืนก้อนสะอึกลงคอ หากเป็นเมื่อก่อนหน้าจะรู้จักกับแมคเคนซีเขาคงตอบตกลงใช้ร่างกายจ่ายหนี้ไปโดยไม่ต้องคิด ทว่าตอนนี้ตนมีคนรักอยู่แล้วการชดใช้ด้วยร่างกายจึงเป็นสิ่งต้องห้าม ไม่ใช่เพียงแค่รักษาน้ำใจของคนรักเพียงอย่างเดียว แต่นั้นคือสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาจะทำเองด้วย “โอเค ลงก็ลง…”

               ชายหนุ่มเปิดประตูรถออกแต่ระบบล็อคกลับทำงานตัดหน้า ซิลเวอร์ลั่นหัวเราะก๊ากออกมายกใหญ่จนทำเอาดีนงง

               “นายก็แกล้งดีนแรงไป เขากลัวนายจนตัวสั่นไปหมดแล้วนะซิลเวอร์” ในที่สุดแมคเคนซีที่ปิดปากเงียบมาตลอดก็พูดออกมา ซึ่งคำพูดนั้นไม่ได้เกินจริง เขาสั่นจริง ๆ ตัวสั่นมาก ๆ จากสายตาสีฮาเซลดุดันเปลี่ยนเป็นเหนื่อยหน่าย ทำเอา ‘เหยื่อ’ ของหนุ่มเฮคาทีได้แต่งงเต็ก

               “อ้าว เหรอ โทษที ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้” ซิลเวอร์ผ่อนเสียงหัวเราะลง “ที่ว่าชดใช้ด้วยร่างกายคือให้ร่างกายของนายทำงาน ล้างรถให้ฉันแทนไงเจ้าเด็ก ไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหน”

               แล้วรถก็เคลื่อนออกไปอีกครั้ง

               “จะไม่ให้เขาใจผิดได้ยังไงกันเล่า ก็บอกชดใช้ด้วยร่างกาย นึกว่าจะโดนปล้ำซะแล้วไม่ก็ถูกเอาไปขายอวัยวะ” ดีนเบ้หน้า ซิลเวอร์ล้อเล่นแรงจนดีนต้องยกมือขึ้นมาลูบอกหลังรู้เฉลย “แต่ถ้าแค่ล้างรถล่ะก็ได้อยู่แล้ว ผมแถมบริการดูดฝุ่นในรถให้เลยเอ้า! ผมเคยช่วยพ่อทำนะ”

               “ดูดฝุ่นมันก็รวมอยู่ในแพ็กเกจล้างรถทั่วไปอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงเจ้าเด็ก นั่นไม่เรียกว่าแถมหรอกนะ! แล้วก็ห้ามทำรถฉันเป็นรอยเด็ดขาดล่ะรู้ไหม!”

               “รับทราบคร้าบ” ดีนตอบกลับลากเสียงยาว แค่ช่วยล้างรถน่ะคุ้มเสียยิ่งกว่าอะไรในเมื่อเขาได้ช่างก่อสร้างชั้นดีมาช่วยต่อเติมห้อง ประหยัดทั้งแรงและเวลาไปได้ตั้งหลายวัน

               เมื่อรถกลับมาจอดลงที่เก่า ซิลเวอร์ก็โบกคทาเวทมนตร์สั่งให้พวกมันลอยตามเข้าไปในค่ายโดยไม่ต้องออกแรงหิ้ว

               เห็นมะ.. บอกแล้วว่าคุ้มค่ากับการเปลืองตัว (ที่ไม่ใช่เสียตัว)
               
               .
               .
               .

               เมื่อวัสดุอุปกรณ์มาถึงก็ได้เวลาสร้างห้องสัตว์เลี้ยงอย่างเป็นจริงเป็นจัง ซิลเวอร์ใช้คาถาควบคุมอุปกรณ์ก่อสร้างอย่างชำนาญ ส่วนหนุ่ม ๆ ที่เหลือก็ลงแรงแข็งขันกันก่ออิฐโบกปูน จากงานยากกลายเป็นเสร็จได้ภายในหนึ่งวันอย่างน่าเหลือเชื่อ รอก็เพียงแต่ให้ปูนแห้ง ซึ่งแห้งไวจากเหตุการณ์อีเทอนัลซันไชน์อยู่แล้ว พรุ่งนี้พวกเขาน่าจะได้ทาสีตัวอาคารกัน


โรลเพลย์ซ่อมแซมบ้าน +1 Point

แสดงความคิดเห็น

ดี: 4.0
God
ดี: 4
  โพสต์ 2024-12-30 18:10
โพสต์ 75217 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2024-12-30 18:02
โพสต์ 75,217 ไบต์และได้รับ +25 EXP +1 Point [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +40 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมืออัจฉริยะ  โพสต์ 2024-12-30 18:02
โพสต์ 75,217 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก แจ๊กเก็ตยีนส์  โพสต์ 2024-12-30 18:02
โพสต์ 75,217 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +10 ความกล้า จาก แว่นตา  โพสต์ 2024-12-30 18:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x2
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x3
x1
x3
x1
x1
x4
x6
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x6
x2
x1
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้