265 ทำห้องสัตว์เลี้ยง
24/12/2024
วันนี้ค่ายฮาล์ฟบลัดควรจะจัดงานคริสต์มาสตามที่ร้องขอไว้ได้แล้ว แต่สุดท้ายงานก็ล่มไม่เป็นท่าเพราะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นก่อน.. กระนั้นเลือดนักสู้ (?) เชื้อสายโพไซดอนอย่างดีนไม่มียอมแพ้!
ชายหนุ่มร่อนบัตรเชิญไปหาเหล่าคนสนิทที่มีจำนวนไม่มากเพื่อมากินเลี้ยงสังสรรค์ ปิ้งบาร์บีคิวกันที่สระว่ายน้ำบ้านโพไซดอน ทว่าเรื่องขัดสระให้เนียนกริ๊บเอาไว้ก่อน ตอนนี้พวกเขาควรลงมือซ่อมบ้านส่วนที่เหลืออีกสิบเปอร์เซ็นต่อจากเมื่อคืน และทำห้องสัตว์เลี้ยงกันได้แล้ว ก่อนที่ไม้ที่หามาจะถูกแดดเผาจนกร่อน…
งานนี้เป็นงานหนักจึงเป็นหน้าที่ของชายหนุ่มในบ้านสี่คน ส่วนริปลี่ย์และรีชาได้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นประดับตกแต่งส่วนที่ขาด ๆ เกิน ๆ ไป ด้วยสายตาของผู้ชาย ยังไงเรื่องแบบนี้คงไม่ละเอียดละออเท่ากับสาวน้อยทั้งสอง
“ฉันว่าตรงนี้ทำเป็นบันไดลงมา ส่วนพื้นบ้านก็ปูด้วยไม้แล้วหาพรมหรือไม่ก็เสื่อน้ำมันมาปูทับอีกที ส่วนผนัง.. ก่ออิฐน่าจะดีกว่าไม้ พวกนายคิดว่ายังไง?”
ที่ปรึกษาบ้านใช้เวลาช่วงเช้าระหว่างรับประทานอาหารวาดแบบแปลนห้องที่จะต่อเติมมาด้วย ภาพวาดก็พอดูออก แต่คนไม่เคยได้จับงานก่อสร้างจริงจังไม่มีความรู้เรื่องวิศวกรรมหรือความปลอดภัยในงานช่างใด ๆ ดีนคิดว่ามันก็น่าจะเหมือนกับตอนที่ทำระแนงสวนหลังบ้านล่ะมั้ง?
“งั้นฉันเสนอว่าให้เรายกพื้นขึ้นมาหน่อย เวลาฝนตกน้ำจะได้ไม่ท่วมนะ” ไทสันที่วันนี้มีสองตาเหมือนมนุษย์ให้คำแนะนำในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ที่เก่งงานช่าง จนเชี่ยวชาญพอ ๆ กับบุตรแห่งเฮเฟตัส
“เป็นความคิดที่ดีเลยครับ แล้วถ้ายกพื้นต้องทำยังไงบ้างเหรอ?” เจโรมถาม และดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ในขั้นตอนนี้เลยยกเว้นแต่พี่ชายไซคลอปส์เพียงตนเดียว งานอธิบายจึงตามมา
“ก่อนอื่นเราต้องเคลียร์พื้นที่ตรงส่วนนั้นให้ราบเรียบเสียก่อน เคลียร์หินและหญ้าออกไปให้หมด จากนั้นก็วัดขนาดให้ดี แล้วลงมือขุดหลุมฐานราก ลงเสาเข็ม ปูเหล็กเสริมแล้วก็เทคอนกรีตทับเพื่อความแข็งแรง จากนั้นทำยกพื้นเพื่อจะได้จัดการกับระบบไฟและระบบน้ำประปา”
ฟังมาถึงตรงนี้ สามหนุ่มสามมุมแห่งบ้านโพไซดอนก็อ้าปากค้างทำหน้าเหวอเรียงกัน
“เดี๋ยวนะไทสัน เราจำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นกันเลยเหรอ?” ซันซ์เลิกลั่กถาม ซึ่งทั้งดีนและเจโรมที่คิดแบบเดียวกันก็พยักหน้าเห็นด้วยกับประโยคนี้รัว ๆ
“จำเป็นสิ ทำบ้านก็ต้องลงฐานรากกันทั้งนั้นแหล่ะ เสาเข็มก็ด้วย พวกนายคงไม่อยากจะจู่ ๆ เดินอยู่แล้วถูกหลังคาถล่มลงมาทับใช่ไหมล่ะ?” ไทสันหัวเราะน้อย ๆ ซึ่งคราวนี้ทั้งสามส่ายหน้ากันให้ควั่ก
“เอ่อ.. มันฟังดูยุ่งยากจัง ฉันว่า.. พวกเรายกเลิกแผนนี้กันดีไหม?” คนเสนอขอยอมแพ้ ทว่าเมื่อมองหาแนวร่วมกลับไม่มีใครที่ตอบรับหรือปฏิเสธ
“ฉันคิดว่ามีห้องสัตว์เลี้ยงก็ดีนะ อนาคตสิงโตน้อยของดีนได้ตัวใหญ่กว่านี้แน่ ๆ ถึงจะมีเวทมนตร์ล็อคขนาดของมันไม่ให้ตัวใหญ่เท่านีเมียนจริง ๆ ได้ แต่เผื่ออนาคตน้อง ๆ ของพวกเราอาจจะมีคนจิตใจอ่อนโยนอยากเลี้ยงอสุรกายเพิ่มก็ได้นี่นา ยังไงห้องนี้ก็มีประโยชน์อยู่ดีล่ะ” ไทสันยังคงพูดจาอย่างใจเย็นเหมือนคนใจดี ซึ่งคำอธิบายนั้นค่อนข้างฟังดูมีเหตุผล
“ถึงจะดูเหนื่อย แต่ว่าฉันโอเคนะที่จะลงมือทำมัน เห็นดีนเลี้ยงออมเล็ตแล้วฉันเองก็อยากจะเลี้ยงสัตว์บ้างเหมือนกัน” ซันซ์คือคนที่สองที่ตอบตกลงเห็นด้วย ตอนนี้เหลืออีกเพียงเสียงเดียวที่จะชี้วัดว่าควรทำหรือไม่ทำต่อ
“แล้วนายว่าไงเจรี่?”
“ผมเหรอ.. ถึงผมไม่ได้ใช้ห้องนี้ แต่มีไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ ถือเป็นของขวัญให้กับรุ่นน้องของพวกเรา” ไอดอลหนุ่มตอบ อีกฝ่ายคงคิดว่าตัวเองไม่ค่อยได้สร้างอะไรไว้แก้ค่ายฮาล์ฟบลัดจึงอยากมีผลงาน
“โอเค ถ้าพวกนายทุกคนตกลงทำต่อฉันก็เอาด้วย บางทีงานนี้อาจต้องยืมตัวลูกมือจากบ้านเฮคาทีมา..” ดีนเป่าปาก แมคเคนซีคงมาช่วยแหล่ะ ส่วนซิลเวอร์เขาคะเนไม่ออก แต่จากนิสัยน่าจะอยากมาทำ “ถ้าไงไทสัน ฉันรบกวนให้นายเป็นนายช่างใหญ่ได้ไหม อยากให้ทำอะไรยังไงบอกมาได้เลย”
“ขอบคุณที่พวกนายไว้ใจฉันนะ ฉันเองก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเลย” ไทสันยิ้มตาปิดอย่างน่ารัก ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นไซคลอปส์ล่ะก็นะ… “ถ้างั้นฉันขออธิบายต่อล่ะว่าต้องทำอะไรบ้าง… หลังจากที่เราได้ฐานรากที่แข็งแรงแล้วถึงจะขึ้นโครงและทำหลังคาได้ จากแบบที่ดีนวาดมาการทำหลังคาทรงแบนก็จะง่ายหน่อย แต่ต้องวัดความลาดชันอีกทีเพื่อไม่ให้เวลาฝนตกแล้วน้ำไม่ไหลลงไม่มีทางระบายออก น้ำอาจจะซึมลงมาในตัวบ้านได้ล่ะ”
“อาฮะ…” ดีนพูดอะไรไม่ออกนอกจากพยักหน้ารับ เขาฟังคำบรรยายของไทสันไปเรื่อย ๆ ราวกับเข้าคลาสเรียนวิชาก่อนสร้างขั้นพื้นฐาน (และคิดว่าซันซ์กับเจโรมก็ไม่ต่าง) หากไม่คิดว่าจากนี้ต้องเหนื่อยแค่ไหนก็นับว่าเป็นความรู้ที่ดี
สงสัยว่าไทสันเห็นดีนทำหน้าเหวอเขาจึงบีบบ่าน้องชายเบา ๆ
“ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องงานช่างเดี๋ยวฉันจัดการทั้งหมดเอง ให้ซันซ์กับเจโรมเป็นลูกมือ ส่วนนายก็ช่วยจัดสรรกำลังคน วัสดุอุปกรณ์ แล้วก็ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที”
“ขอบคุณมากนะไทสัน ถ้างั้น.. ก่อนอื่นเลย... สิ่งที่ฉันต้องทำคือไปติดต่อคนที่บ้านแฟน แล้วก็ไปหาซื้อวัสดุจากร้านค้าในลองไอแลนด์สินะ”
“ใช่เลย แบบนั้นล่ะ โอ๊ะ! แต่ว่าฉันต้องวัดขนาดห้องที่จะสร้างก่อนนะ เดี๋ยวจดอุปกรณ์ที่ต้องซื้อมาให้ ระหว่างนี้นายก็ไปตามกำลังเสริมมาได้เลยดีน”
“รับทราบ!”
หลังจากที่ได้รับมอบหมายงานมาแล้ว ที่ปรึกษาแห่งบ้านฮาล์ฟบลัดก็รีบไปนัดจองตัวแมคเคนซีและซิลเวอร์ให้มาช่วยเหลือเรื่องงานก่อสร้างห้องสัตว์เลี้ยง ทั้ง ๆ ที่คิดว่าทำกันเองไหวไม่ต้องขอแรงบ้านอื่นมาช่วยเพราะมีกันตั้งสี่คนแล้วเชียว..
แน่นอนว่าแมคเคนซีไม่มีปัญหา ยอมตอบรับแต่โดยดี ส่วนซิลเวอร์เห็นเป็นเรื่องสนุกเลยติดตามมาด้วย จูลี่อาจเบื่อที่อยู่แต่ในบ้านเลยขอตามมาอีกคน ส่วนหนึ่งอาจเพราะเด็กชายคิดถึงเพื่อนวัยเดียวกันอย่างรีชา เพราะตั้งแต่ที่ชาร์ล็อตไม่อยู่เธอก็ไม่ได้ไปนอนค้างที่บ้านเฮคาทีอีกเลย
“ไง มีปัญหาเรื่องการสร้างบ้านกันงั้นเหรอเจ้าพวกเด็ก!” ซิลเวอร์ฉีกยิ้มกว้างทักทายเหล่าบุตรแห่งโพไซดอนที่เจอหน้ากันเป็นครั้งแรก จนกระทั่งประสานสายตากับไทสันที่ส่งยิ้มคนดีมาให้ “โอ๊ะ! ยกเว้นนายไว้คนนึงสินะที่ไม่ใช่เจ้าเด็ก ไหนมีงานอะไรลองอะไรบอกมา!”
“คืองี้ลูกพี่ ตอนนี้เราต้องการคนช่วยขุดดินสำหรับตอกเสาเข็มเพิ่มน่ะ ถ้ามีกันแค่สี่คนคิดว่าวันนี้ทั้งวันคงได้แต่ขุดดินยี่สิบกว่าตารางเมตรตรงนั้นจนมือพอง” ดีนชี้ไปที่พื้นที่ขนาดเท่าห้องขนาดกลางหนึ่งห้องที่ไทสันจัดการตีเส้นไว้เรียบร้อยตอนที่ดีนไม่อยู่
“เจ้าเด็ก! นายเรียกผู้ใช้เวทมาเป็นกรรมกรงั้นรึ!” ซิลเวอร์ขำก๊าก หัวเราะชอบใจ
มันก็จริงที่อีกฝ่ายว่างานนี้คืองานของกรรมกร แต่ดีนก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้นเลยได้แต่ยิ้มแหย่ ขนาดมองไปทางแมคเคนซี หมอนั่นยังขมวดคิ้วเหงื่อตกกลางฤดูหนาว การออกแรงหนักขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องตลก ทว่าซิลเวอร์กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“ถ้าคิดแบบนั้นก็นับว่าถูกต้อง ไม่น่ามีใครตรงนี้เว้นตัวตุ่นขุดดินเก่งไปกว่าฉันคนนี้อีกแล้ว!” ซิลเวอร์นำคทาเวทมนตร์ออกมาก่อนจะชี้ไปทางอุปกรณ์ทำสวนที่วางกองไว้ “อินคันทาเร่ อะนิมา วิตา!”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่ดีนเห็นประกายแสงระยิบระยับลอยออกมาจากคทาคบเพลิงของซิลเวอร์ขณะร่าย ราวกับว่าชายหนุ่มร่างโตคนนี้เป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวกำลังร่ายคาถา ‘บิบบิดี้ บอบบิดี้ บู’ เสกฟักทองให้กลายเป็นรถม้า… แต่นั่นเป็นเพียงแค่ออเดิร์ฟ เมื่ออุปกรณ์ทำสวนอย่างกรรไกรตัดหญ้า เสียม พลั่ว ค่อย ๆ ขยับเคลื่อนไหวกลายเป็นสิ่งมีชีวิต อุปกรณ์บางชิ้นก็มีดวงตางอกออกมาราวกับเป็นเวทมนตร์ที่นางฟ้าแม่มดสาปคนรับใช้ของปราสาทเจ้าชายอสูรให้กลายเป็นเครื่องเรือน เพียงแต่งานนี้มันไม่แอดวานซ์ขนาดพูดได้หรือร้องเพลง ไม่แน่ล่ะว่าอาจจะทำได้ แต่ซิลเวอร์คงไม่เสกให้มันทำอะไรได้มาก เปลืองพลังงานเอาเปล่า ๆ
“ก่อนจะขุดต้องเคลียร์พื้นที่ก่อนสินะ ในเส้นที่ขีดไว้นั่นใช่ไหม ลุยเลยลูกพ่อ!” ซิลเวอร์สะบัดปลายคทาไปยังไซต์งาน จากนั้นอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็เดินต้วมเตี้ยมเข้าไปในเส้น กรรไกรทำสวนก็แยกขาทั้งสองข้างออก ก่อนลงไม้ลงมือตัดเล็มหญ้า พลั่วเหล็กมีชีวิตขุดถอนพุ่มไม้วัชพืชออก ตัวที่เป็นคราดก็ลากตัวเองครืด ๆ ใช้หัวที่เป็นปลายแหลมถางหญ้าออกจากดิน
เหล่าสายเลือดโพไซดอนต่างพากันปรบมือแปะ ๆ กับเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่เพิ่งได้เห็นราวกับชมฉากประกอบเพลง ‘Be Our Guest’ มาหมาด ๆ
“เยี่ยมเลยลูกพี่! คุณซิลเวอร์เก่งสุด ๆ เลยคร้าบ” ดีนเข้าไปบีบ ๆ นวด ๆ ให้มืออาชีพด้านการควบคุมคนงาน ถ้าได้เวทมนตร์แบบนี้คอยช่วยเหลือผสมกับกำลังคนการขุดหลุมสำหรับปรับพื้นที่ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอีกต่อไป
“หึ! ของแบบนี้มันแน่อยู่แล้วเจ้าเด็ก!” บุตรชายคนโตของเทพีเฮคาทียืดอก ทำท่าเหมือนเสี่ยที่มีเด็กรับใช้คอยบีบนวด จากกันก็หันไปทางแมคเคนซี “นายน่าจะยังไม่รู้คาถาบทนี้ ลองดูบ้างไหมน้องชายเดี๋ยวฉันสอน”
“นายควรจะสอนฉันตั้งแต่เมื่อวาน” แมคเคนซีตอบด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย อันที่จริงดีนก็คิดแบบนี้ หากซิลเวอร์ร่ายเวทบทนี้ตั้งแต่เมื่อวานคงไม่ต้องเหนื่อยถูบ้านกันเอง
“มัวแต่ใช้เวทมนตร์ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตกันพอดีสิเจ้าเด็ก! เอายกไม้คทาออกมาแล้วร่ายเวทตาม 'อินคันทาเร่ อะนิมา วิตา!' ระหว่างนั้นนายต้องเพ่งสมาธิไปยังเครื่องมือ ส่งพลังเข้าไปให้มันมีชีวิตจริง ๆ”
แมคเคนซีพยักหน้า นำคบเพลิงเวทมนตร์ออกมาจากกระบอกซูม เปลวเพลิงแห่งเฮคาทีลุกโชนพร้อมใช้งาน ปลายคทาชี้ไปยังเสียมที่ยังไม่ถูกคนจับจอง
“อินคันทาเร่ อะนิมา วิตา” เมื่อเปล่งบทร่ายคาถาประกายแสงสีทองก็พุ่งออกจาปลายไม้คทาตรงไปห้อมล้อมเสียมด้ามนั้นคล้ายกับพลุมือสำหรับงานปาร์ตี้ จากนั้นเจ้าเสียมก็มีแขนงอกออกมาทำท่าบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นโดยไม่สนใจกฎของแรงโน้มถ่วงและความสมดุลย์ใด ๆ มันกระดึ๊บ ๆ มาหาแมคเคนซี รอเพื่อรับคำสั่ง “เอ่อ.. ไปช่วยกันขุดดินตรงนู้น” ผู้ใช้เวทเอ่ยปากสั่ง จากนั้นเสียมที่มีชีวิตก็ลงมือทำงานอย่างว่าง่าย
“ว้าววว นายก็ทำได้แมคซี่ ยอดไปเลย!” ดีนผละออกจากการนวดซิลเวอร์แบบหยิบหย่งมาทางคนรัก และทันทีที่ชายหนุ่มกระโดดกอดโถมตัวเข้าใส่อีกฝ่ายจนทำให้สมาธิขาดตอน เสียมด้ามนั้นก็ล้มพับลงไปกลายเป็นเพียงแค่สิ่งของธรรมดา “อ้าว มันสลบไปแล้ว รีบปลุกมันเร็วเข้า!”
“การใช้เวทควบคุมนี้จำเป็นต้องจดจ่อสมาธิกับมันอยู่ตลอดเวลา ถึงจะไม่เปลืองแรงกายแต่ก็เหนื่อยใช้จิต ถ้าคุมไม่ดีมีหวังคุ้มคลั่งอีก”
“เอ่อ.. คุ้มคลั่งเลยเหรอ ฟังดูน่ากลัวจัง” ดีนเม้มปาก ไม่อยากจะคิดว่าเครื่องใช้ที่กำลังทำงานจู่ ๆ ก็คลั่งทำร้ายเจ้าของจะน่ากลัวสยองขวัญแค่ไหน “แล้วแบบนี้ใช้กับการต่อสู้ได้ไหมครับ เช่น.. มีหุ่นยนต์แถว ๆ นั้นก็เสกให้มันกลายเป็นกันดัมแล้วต่อยกับอสุรกาย”
“ใช้ได้ก็บ้าแล้วเจ้าเด็ก! คาถาวัตถุมีชีวิตใช้ได้กับสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นแหล่ะ ถ้าถามว่าประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ได้ไหม คำตอบคือได้ แต่ใช้บังคับหุ่นยนต์ได้ไหม คำตอบคือไม่ได้แน่นอน แต่ฉันไม่ค่อยอยากใช้มันเวลาต่อสู้เท่าไร เคยเสกให้ปืนมีชีวิตแล้วมันคลั่ง คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าหลังจากนั้นต้องทำยังไง”
“เอ่อ.. ฟังดูแย่จริง ๆ ด้วยแฮะ” คิดตามแล้วก็เบะปาก เขายิ่งเป็นพีทีเอสดีอ่อน ๆ กับเสียงปืนอยู่ด้วย
“ก็ประมาณนั้น” ซิลเวอร์ยักไหล่ ก่อนจะมองไทสันที่เดินมาทางวงสนทนาอีกคน
“นี่ดีน ฉันจดรายการของที่ต้องใช้สำหรับการก่อสร้างให้แล้ว” ไทสันยื่นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งมาให้ สิ่งที่ต้องซื้อมีทั้งอิฐบล็อก ปูนซีเมนต์ โครงเหล็ก และสีทาบ้าน ยังไม่รวมถึงการทำระบบไฟฟ้าและน้ำประปาสำหรับใช้งานอีกต่างหาก “ว่าแต่พวกนายจะขนของพวกนี้กลับยังไงเหรอ?”
“เอ่อ.. นั่นสิ ถ้าขอยืมรถเข็นที่ไร่สตรอว์เบอร์รีมาคงได้ แต่ต้องเข็นไปกลับหลายรอบหน่อยกว่าจะซื้อของได้หมด ปัญหาอีกอย่างคือ… แล้วเราจะหาร้านขายอุปกรณ์งานช่างได้ที่ไหน?”
“ร้านอุปกรณ์งานช่างเหรอ.. แป๊บนะ” ไทสันเอาสมาร์ทโฟนออกมา จากนั้นเสิร์ชหาร้านขายเครื่องมือก่อสร้างในลองไอแลนด์ นั่นทำให้ดีนและแมคเคนซีตาโต
“ไทสัน นายใช้มือถือเสิร์ชหาร้านขายของได้ด้วยเหรอ!”
“อ้อ ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ไซคลอปส์หนุ่มยิ้มตอบงง ๆ ก่อนทีเขาจะนึกขึ้นมาได้ว่าในค่ายฮาล์ฟบลัดใช้งานอินเทอร์เน็ตได้แค่ที่บ้านเฮอร์มีส “นี่คือโทรศัพท์เดดาลัสรุ่นเลกาซี เป็นเครื่องมือสื่อสารของเดมิก็อดที่จะทำให้ติดต่อสื่อสารได้ทุกที่ ชาร์จแบตเตอรีได้ด้วยพลังงานสายฟ้า ที่ชาร์จแบตเพียงครั้งเดียวก็ใช้ได้ไปเลยปีนึง แถมยังมีแอปพลิเคชั่นตรวจหาอสุรกายพร้อมทั้งสแกนรายละเอียดของมันได้ด้วยนะ”
“ไทสันนายไปซื้อมาจากไหน! บอกฉันทีเร็ว ๆ ตอนนี้เลย!” ดีนตรงเข้าไปเขย่าไหล่ของอีกฝ่ายจนหัวสั่นหัวคลอน
“ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเดดาลัสน่ะ มีที่โซโห”
“อ้าว พวกนายไม่มีไอ้นี่กันเหรอเจ้าเด็ก นึกว่าอยู่ใกล้นิวยอร์กจะไปซื้อกันมาคนละเครื่องแล้วซะอีก” ซิลเวอร์เอาโทรศัพท์เดดาลัสขึ้นมาโชว์บ้าง
“เดี๋ยวนะ นี่ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่ามีสิ่งนี้อยู่ในโลกเหรอ แล้วไหงฉันถึงตกข่าว” คนที่มีโทรศัพท์เดดาลัสหัวเราะ หนึ่งในนั้นคือเจโรมด้วย
“เอ่อ… มีฉันอีกคนที่ไม่รู้ว่ามีไอ้นี่อยู่ สงสัยต้องไปหาซื้อมาสักเครื่องแล้ว ว่าแต่มันราคาเท่าไรเหรอไทสัน”
“สี่ร้อยดรักม่าไม่รวมภาษีน่ะ แล้วยังมีค่าบริการติดตั้งแอปพลิเคชั่นเพิ่มอีกหนึ่งร้อยดอลลาร์”
ราคาของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ทำเอาเดมิก็อดยาจกแถว ๆ นี้เงียบกริบ
“โอเค ยอมแพ้ ฉันคงได้ใช้เน็ตบ้านเฮอร์มีสกับเครือข่ายไอริสต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ” ซันซ์ยกมือขอบาย ชายหนุ่มเพิ่งมาที่ค่ายฮาล์ฟบลัดไม่กี่เดือน รับแต่ภารกิจเล็ก ๆ แต่ไม่เคยจับภารกิจใหญ่ เพราะงั้นเขาจึงมีดรักม่าติดกระเป๋าเพียงน้อยนิด
“สี่ร้อยดรักม่า กับหนึ่งร้อยดอลลาร์งั้นเหรอ…” ดีนกุมคางคิด ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเงินซื้อหรอกนะ เขาได้ดรักม่ามาเยอะแยะแถมไม่รู้จะใช้มันทำอะไร ได้แต่ก็เก็บไว้ก่อน เพิ่งมารู้ว่าเงินกรีกโบราณเอาไว้ใช้ทำอะไรแบบนี้นี่เอง “แมคซี่นายว่าไง?”
“แพงไปหน่อย ฉันยังเก็บเงินได้ไม่พอหรอก” เป็นบุตรแห่งเฮคาทีอีกคนที่ต้องเลื่อนการซื้อโทรศัพท์มือถือสำหรับเดมิก็อดออกไป เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายได้เหมาอาหารแมวเพื่อจับกริมาลคินไปชุดใหญ่
“เฮ้! แล้วไหงคุยเรื่องซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างถึงได้กลายเป็นเรื่องมือถือล่ะเจ้าเด็ก!” ซิลเวอร์ท้วง เพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะหลุดประเด็นกันไปหลังจากที่ไทสันหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาโชว์
“โอ้ โทษที” ไทสันยิ้มแห้งให้รุ่นน้องต่างบ้านผู้เลือดร้อน ก่อนจะชูหน้าจอพิกัดร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างละแวกนี้ให้ดีนดู
“ไม่ไกลมากนะ แต่ก็ต้องเดินไกลเหมือนกัน นายพอจะไปช่วยฉันได้ไหมแมคซี่?” ขืนไปคนเดียวด้วยรถเข็นหนึ่งคัน มีหวังต้องซื้อของไปกลับแบบนี้เป็นสิบรอบแน่ ๆ หากไปกันสองคนลดจำนวนการเดินลงครึ่งนึงก็ยังดีกว่า
“ได้อยู่แล้วที่รัก” แมคเคนซียิ้มตอบ จากนั้นมองไปทางซิลเวอร์ “ฉันได้ยินว่านายมีรถนี่ซิลเวอร์ ขอยืมขับหน่อยได้ไหม?”
“ใครเขาให้ยืมรถกันเจ้าเด็ก! สามสิ่งที่ลูกผู้ชายให้ยืมกันไม่ได้ง่าย ๆ คือ ปืน รถ แล้วก็ผู้หญิง เพราะงั้นไม่มีทางให้นายเอารถฉันไปขับเล่นหรอก”
“โธ่ ไม่ได้ยืมไปขับเล่นสักหน่อย เอางี้ไหม ถ้าไม่ไว้ใจพวกผมงั้นลูกพี่ขับรถพาพวกเราไปซื้อของหน่อยได้ไหมครับ นะ ๆ”
หนุ่มบ้านโพไซดอนสี่คนทำสายตาออดอ้อนรุ่นพี่บ้านเฮคาทีตาเป็นประกายวิ้ง ๆ เหมือนพวกเจ้าเหมียวในอนิเมชั่น 'พุสอินบูธส์' ไม่รู้ว่าน่ารักน่าเอ็นดู หรือชวนขนลุกกันแน่ แต่สุดท้ายซิลเวอร์ก็ยอมหลังจากที่ปิดเรื่องรถเป็นความลับมานาน
“เออ ก็ได้ ๆ เลิกมาต้องฉันด้วยสายตาแป๋วแหววกันได้แล้ว ให้ตายสิอยากจะบ้า!” ชายหนุ่มสบถออกมาเป็นภาษาเยอรมันหลังจากถ้อยคำที่จับไม่ได้ว่าพูดอะไร “งั้นตามฉันมา บอกเลย งานนี้ไม่ฟรีนะจะบอกให้!”
“ได้ครับพี่ ดีครับนาย ได้ครับผม! ลูกพี่จะให้ผมชดใช้ยังไงก็ว่ามาเลย” เพื่อสร้างห้องใหม่หนุ่มสายเลือดโพไซดอนอย่างดีนเตรียมประจบประแจงเลียแข้งเลียขาซิลเวอร์เต็มที่
“พูดแล้วอย่าคืนคำ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ดูก่อนว่าฉันจะให้นายชดใช้ยังไงดี” ชั่วขณะหนึ่งที่ซิลเวอร์หรี่ตาลงก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “รถฉันจอดอยู่ที่ตลาดนัดลองไอแลนด์ ใครจะไปซื้อของก็ตามมา เจ้าเด็ก!” จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็เดินมุ่งไปที่หน้าประตูค่าย โดยมีดีนและแมคเคนซีเดินตามต้อย ๆ เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่ของมัน
หลังจากที่ซิลเวอร์คล้อยหลังไปเพียงนิดเดียว เหล่าเครื่องมือที่เคยมีชีวิตและทำงานขุดดินอย่างขันแข็งก็ล้มพับลงไปกลายเป็นเพียงเครื่องมือทำสวนธรรมดา ๆ แต่ก็นับว่าทุ่นแรงได้มากหว่าขุดเอง ดินถูกขุดไปกว่าครึ่ง ที่เหลือตอนที่บุตรแห่งเฮคาทีไม่อยู่จึงต้องพึ่งพากำลังกายของบุตรแห่งโพไซดอนกันไปก่อน
. . .
“อยากจะบ้า คนบ้าที่ไหนให้เอาฟอร์ดมัสแตงก์ปีหกเก้ามาขนปูนฟะ!! ช่วงล่างรถฉันพังหมดแม่งูเอ๊ย!!”
ซิลเวอร์บ่นเป็นรอบที่สามนับจากที่ขับรถออกมาจนถึงซื้อของเสร็จ ตอนแรกที่ดีนและแมคเคนซีเห็นรถของซิลเวอร์ที่จอดคลุมผ้าใบอยู่ที่ตลาดนัดก็ตกใจ ใครจะไปคิดว่ารถอีกฝ่ายจะเป็นรถเก่าคันหรูที่มีราคาประมูลเกือบเจ็ดหมื่นเหรียญดอลลาร์สหรัฐ! เมื่อเปิดผ้าคลุมออกเขาเห็นรถคลาสสิกสีเทาเข้มสะท้อนแสงตะวันจนวับวาวระยิบระยับ เปลี่ยนจากเทาเข้มกลายเป็นสีเงินที่สวยงาม แม้ตัวรถจะเก่าแต่แทบไม่มีรอยขีดข่วนและฝุ่นผงติดให้รู้สึกขัดตา แสดงให้เห็นว่าเจ้าของรถดูแลรักษารถคันนี้ประดุจดั่งคนรัก
ฟอร์ดมัสแตงก์ปีหกเก้า อาจไม่ได้แพงเท่ารถสปอร์ตอย่างเฟอร์รารี มาเซราตี จากัวร์ หรือโรลส์-รอยซ์ แต่ค่าบำรุงรักษารถเก่าแบบนี้นับว่าแพงระยับ เขาใจเหตุผลที่รุ่นพี่ปิดปากเงียบเรื่องมีรถก็พอเข้าใจได้อยู่
และนั่นคือสิ่งที่ซิลเวอร์ต้องการ
“เอาล่ะได้เวลาเรียกร้องค่าเสียหาย นายจ่ายค่าล้างรถกับค่าบำรุงรักษามาเลยเจ้าเด็ก!”
“แมคซี่ช่วยด้วย!” นี่แหล่ะสิ่งที่กลัวมาตลอดตั้งแต่ได้เห็นรถยนต์ของรุ่นพี่ซิลเวอร์ แม้ว่าดีนจะมีดรักม่าเยอะและไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรนอกจากนั่งรถไฟเฮเฟตัสเล่น และซื้อโทรศัพท์มือถือ แต่ดอลลาร์ที่เขามีก็เป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่ถ้าจ่ายให้ซิลเวอร์ไปมีหวังได้กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปหลายเดือนตอนออกไปทำภารกิจ
“รอบนี้นายคงต้องหามาเองแล้วที่รัก...วงเงินในบัตรเครดิตฉันอาจไม่พอ” คนรักหนุ่มสายเลือดเฮคาทีส่ายหน้า ถึงแมคเคนซีมักจะเป็นกระเป๋าสตางค์ส่วนตัวให้ดีนมาตลอด แต่งานไม่ไหว เพราะพวกเขาเพิ่งจะซื้อตั๋วรถไฟไปกลับนิวยอร์ก-ซานอันโตนิโอในราคาที่แพงหูฉี่กันมาด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้คู่รักกินแกลบด้วยกันทั้งคู่
“แล้วทำไงดี…” ดีนเม้มปากมองไปทางซิลเวอร์ ที่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาติดหนี้อีกฝ่ายหลายสิ่งเหลือเกิน ดีนเลือกที่จะบอกความจริงไปตามตรงดีกว่า “ถ้าพูดตรง ๆ เลยก็คือผมไม่มีเงินอ่ะครับ ขอจ่ายด้วยอย่างอื่นแทนได้ไหม ทำงานใช้หนี้ก็ได้…”
“อะไรวะ! เห็นมีรายชื่อในภารกิจตามหาตรีศูล ไหงนายไม่มีเงิน เทพโพไซดอนไม่ได้ให้รางวัลนายมาเยอะหรอกเหรอ!?” ซิลเวอร์เป็นคนโผงผางเสียงดังจนตอนนี้ดีนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงแค่พูดดังหรือว่าโมโหอยู่ เขาจึงทำตัวลีบขยับเข้าไปนั่งซุกปีกของแมคเคนซีที่นั่งด้วยกันบนเบาะหลังนุ่ม ๆ ของรถยนต์ฟอร์ดมัสแตงก์
“โธ่ ลูกพี่ พ่อผมเขาไม่ใช้ดอลลาร์ อยู่ใต้แอตแลนติสจะไปหาเงินมาจากไหน อาหารก็ไม่ต้องซื้อ”
“ถ้างั้น..” ดวงตาสีหม่นจ้องเขม็งไปที่กระจกมองหลัง พอเห็นแค่ตาแบบนี้อีกฝ่ายดูน่ากลัวเป็นบ้าในความคิดของดีน ซิลเวอร์เงียบไปหนึ่งอึดใจจนคนฟังลุ้นเหงื่อเหนียว “ก็จ่ายด้วยร่างกายของนายสิ”
คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาดีนได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ ส่วนแมคเคนซีขมวดคิ้วขึงขังสีหน้าเคร่งเครียด สถานการณ์ไม่ดีแบบที่ไม่ดีสุด ๆ แมคเคนซีไม่พูดอะไรได้แต่ปล่อยรังสีมาคุไม่หยุด ส่วนซิลเวอร์ก็มองจ้องผ่านกระจกมองหลังด้วยแววตาดุดันราวกับหมาล่าเนื้อ ตอนนี้ดีนไม่รู้จะทำยังไงนอกจากหลบอยู่ข้างหลังคนรักแม้ว่าภายในรถจะแคบแสนแคบ
เมื่อไม่ได้คำตอบซิลเวอร์จึงหยุดรถกลางทาง แล้วถามเสียงเหี้ยม…
“ตกลงว่าไง หื้มมม เจ้าเด็ก นายเลือกเอา จะชดใช้เรื่องนี้ด้วยร่างกายของนาย หรือเลือกลงจากรถแล้วแบกทั้งหมดนั่นกลับไปเอง”
ดีนได้แต่กลืนก้อนสะอึกลงคอ หากเป็นเมื่อก่อนหน้าจะรู้จักกับแมคเคนซีเขาคงตอบตกลงใช้ร่างกายจ่ายหนี้ไปโดยไม่ต้องคิด ทว่าตอนนี้ตนมีคนรักอยู่แล้วการชดใช้ด้วยร่างกายจึงเป็นสิ่งต้องห้าม ไม่ใช่เพียงแค่รักษาน้ำใจของคนรักเพียงอย่างเดียว แต่นั้นคือสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาจะทำเองด้วย “โอเค ลงก็ลง…”
ชายหนุ่มเปิดประตูรถออกแต่ระบบล็อคกลับทำงานตัดหน้า ซิลเวอร์ลั่นหัวเราะก๊ากออกมายกใหญ่จนทำเอาดีนงง
“นายก็แกล้งดีนแรงไป เขากลัวนายจนตัวสั่นไปหมดแล้วนะซิลเวอร์” ในที่สุดแมคเคนซีที่ปิดปากเงียบมาตลอดก็พูดออกมา ซึ่งคำพูดนั้นไม่ได้เกินจริง เขาสั่นจริง ๆ ตัวสั่นมาก ๆ จากสายตาสีฮาเซลดุดันเปลี่ยนเป็นเหนื่อยหน่าย ทำเอา ‘เหยื่อ’ ของหนุ่มเฮคาทีได้แต่งงเต็ก
“อ้าว เหรอ โทษที ไม่คิดว่าจะกลัวขนาดนี้” ซิลเวอร์ผ่อนเสียงหัวเราะลง “ที่ว่าชดใช้ด้วยร่างกายคือให้ร่างกายของนายทำงาน ล้างรถให้ฉันแทนไงเจ้าเด็ก ไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหน”
แล้วรถก็เคลื่อนออกไปอีกครั้ง
“จะไม่ให้เขาใจผิดได้ยังไงกันเล่า ก็บอกชดใช้ด้วยร่างกาย นึกว่าจะโดนปล้ำซะแล้วไม่ก็ถูกเอาไปขายอวัยวะ” ดีนเบ้หน้า ซิลเวอร์ล้อเล่นแรงจนดีนต้องยกมือขึ้นมาลูบอกหลังรู้เฉลย “แต่ถ้าแค่ล้างรถล่ะก็ได้อยู่แล้ว ผมแถมบริการดูดฝุ่นในรถให้เลยเอ้า! ผมเคยช่วยพ่อทำนะ”
“ดูดฝุ่นมันก็รวมอยู่ในแพ็กเกจล้างรถทั่วไปอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงเจ้าเด็ก นั่นไม่เรียกว่าแถมหรอกนะ! แล้วก็ห้ามทำรถฉันเป็นรอยเด็ดขาดล่ะรู้ไหม!”
“รับทราบคร้าบ” ดีนตอบกลับลากเสียงยาว แค่ช่วยล้างรถน่ะคุ้มเสียยิ่งกว่าอะไรในเมื่อเขาได้ช่างก่อสร้างชั้นดีมาช่วยต่อเติมห้อง ประหยัดทั้งแรงและเวลาไปได้ตั้งหลายวัน
เมื่อรถกลับมาจอดลงที่เก่า ซิลเวอร์ก็โบกคทาเวทมนตร์สั่งให้พวกมันลอยตามเข้าไปในค่ายโดยไม่ต้องออกแรงหิ้ว
เห็นมะ.. บอกแล้วว่าคุ้มค่ากับการเปลืองตัว (ที่ไม่ใช่เสียตัว) . . .
เมื่อวัสดุอุปกรณ์มาถึงก็ได้เวลาสร้างห้องสัตว์เลี้ยงอย่างเป็นจริงเป็นจัง ซิลเวอร์ใช้คาถาควบคุมอุปกรณ์ก่อสร้างอย่างชำนาญ ส่วนหนุ่ม ๆ ที่เหลือก็ลงแรงแข็งขันกันก่ออิฐโบกปูน จากงานยากกลายเป็นเสร็จได้ภายในหนึ่งวันอย่างน่าเหลือเชื่อ รอก็เพียงแต่ให้ปูนแห้ง ซึ่งแห้งไวจากเหตุการณ์อีเทอนัลซันไชน์อยู่แล้ว พรุ่งนี้พวกเขาน่าจะได้ทาสีตัวอาคารกัน
โรลเพลย์ซ่อมแซมบ้าน +1 Point
|