- - - - -
อเดลเลด ล้มเลิกความคิดที่จะตามหาครอบครัวที่แท้จริงของเธอไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน หลักจากที่ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากจากความพยายามที่จะตามหาพวกเขา เธอมีความสุขดีแม้จะไม่เคยเจอพ่อกับแม่ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่ในฟาร์มแถบชนบทร่วมกับออเดรย์ ซัลลิแวน ผู้อุปถัมป์ที่เป็นทั้งพ่อและแม่บุญธรรมให้เธอตั้งแต่จำความได้
เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงแค่สองคนที่ฟาร์มแห่งนี้ ถ้าไม่นับลุงแบ็คธอร์นที่จะแวะเวียนมาที่ฟาร์มเพื่อเอาผักไปส่งในเมืองกับคุณเจนน่า คุณครูที่มาสอนหนังสืออเดลเลดที่เลือกจะเรียนแบบโฮมสคูลแทนการไปเรียนในเมืองที่อยู่ไกลพอสมควร เธอมีเพื่อนชื่อเล็ตตี้ซึ่งเป็นแม่วัวนมตัวเขื่อง (เราค่อนข้างสนิทกันทีเดียว) กับลูกสุนัขพันธุ์บอร์เดอร์ คอลลี่ชื่อร็อคกี้ มีงานอดิเรกเป็นการนอนอ่านหนังสือที่ลุงแบ็คธอร์นซื้อมาให้เป็นของฝาก (เขาคงคิดว่ามันจะมาช่วยแก้ไขปัญหาสมาธิสั้นของเธอล่ะมั้ง) นั่นเป็นสาเหตุที่ความสามารถในการเข้าสังคมของเธอกับมนุษย์ปกติเข้าขั้นติดลบ
ออเดรย์อนุญาตให้อเดลเลดติดรถลุงแบ็คธอร์นไปเที่ยวในเมืองเดือนละไม่กี่ครั้งด้วยเหตุผลที่ว่ายิ่งเจอคนเยอะยิ่งอันตรายสำหรับเธอ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่เคยขัดใจออเดรย์เลยสักครั้ง
1. อย่าพูดกับใครถ้าไม่จำเป็น
2. อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่อันตราย
3. อย่าไปไหนคนเดียวโดยที่ลุงแบ็คธอร์นไม่รับรู้หรืออยู่นอกระยะสายตา
กฎของออเดรย์มีเท่านี้..
แต่เรื่องทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้นในจากวันเกิดอายุครบ 16 ปี..
อเดลเลดล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้าใต้ต้นแอปเปิ้ลสุดรักของออเดรย์ที่ถูกปลูกไว้หลังบ้าน เปลือกตาปิดสนิท ปล่อยให้สายลมเอื่อยๆ พัดพากลิ่นดินกลิ่นหญ้าผ่านปลายจมูกเล็ก เสียงเจ้าร็อคกี้วิ่งเล่นจับผีเสื้อดังแว่วมาอยู่ไม่ไกล ออเดรย์ก็คงกำลังเดินตรวจสวนผักของตัวเองอยู่อีกฝากหนึ่งของฟาร์ม
ผ่านไปพักใหญ่เธอก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเห่าของเจ้าร็อคกี้ รวมถึงรู้สึกมีน้ำเหนียวๆ หยดลงบนใบหน้าและทันทีที่ลืมตาอเดลเลดก็ต้องกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อพบว่ามีอสุรกายตัวใหญ่ยักษ์ยืนค้ำหัวเธออยู่
"หมดเวลาเล่นซ่อนแอบแล้วสาวน้อย" นั่นเป็นเสียงที่จะติดอยู่ในหัวของเธอตลอดชีวิตหลังจากนี้ อเดลเลดวิ่งหนีสุดชีวิตโดยมีอสุรกายวิ่งไล่ตาม เธอเห็นรถของคุณเจนน่าและพยายามร้องเรียกเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่เห็นวี่แวว จนกระทั่งได้ยินเสียงปืนลั่นไกดังไล่หลัง เมื่อหันกลับไปก็พบกับออเดรย์ที่ถือปืนลูกซองยิงสัตว์ประหลาดตัวนั้นเพื่อให้มันหันไปสนใจหล่อนแทน อเดลเลดคว้าจอบฟันเข้าที่สีข้างของสัตว์ประหลาดเต็มแรงแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งได้ยินเสียงแตรรถของลุงแบ็คธอร์นที่จอดรถอยู่ไม่ไกล ออเดรย์ตะโกนบอกให้เธอรีบวิ่งไปขึ้นรถก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป แม้จะไม่เข้าใจความหมายแต่อเดลเลดก็วิ่งตัดสวนผักไปหาลุงแบ็คธอร์นที่ยืนรออยู่ อสุรกายคำรามเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับตบออเดรย์กระเด็นไปด้านข้างและออกวิ่งตามอเดลเลดสุดกำลัง
"เร็วเข้า!" ลุงแบ็คธอร์นตะโกนพลางหยิบก้อนหินปาใส่เจ้าอสุรกายหวังจะช่วงถ่วงให้มันวิ่งช้าลงแต่กลับทำให้มันยิ่งเกรี้ยวกราดมากขึ้น "ซวยแล้ว"
"ลุงแบ็คธอร์น เราทิ้งออเดรย์ไม่ได้" อเดลเลดตะโกนขณะที่หางตาของเธอมองเห็นออเดรย์ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้น "คุณเจนน่าก็เหมือนจะอยู่ในบ้าน เราต้องพาเธอออกมาก่อน"
"เจนน่า ฮ่ะ! ยัยนั่นแหละเป็นสัตว์ประหลาด ขึ้นรถเร็ว!!"
"ไงนะ?" ทันที่อเดลเลดขึ้นรถ ลุงแบ็คธอร์นก็เหยียบคันเร่งจนมิดโดยที่อสุรกายยังคงกวดตามรถของเราอย่างไม่ลดละ
"ที่ลุงพูดหมายถึงอะไรกันแน่"
"เอาล่ะ ฟังนะยัยหนู ความจริงก็คือออเดรย์คือน้าแท้ๆ ของเธอ หลังจากที่แม่ของเธอหายตัวไปออเดรย์ก็พาเธอมาหลบอยู่ที่นี่ก่อนที่ฉันจะตามมาเจอเธอ ไม่ต้องตกใจหรอกเรื่องยุ่งๆ ของพวกกึ่งเทพก็เป็นแบบนี้ แต่ช่วงนี้ฉันกำลังตามสืบเรื่องพวกอสุรกายจนตามกลิ่นมาเจอครูของเธอนั่นแหละ เจนน่า ยัยนั่นแอบซะมิดเชียว" ลุงแบ็คธอร์นพล่ามไม่หยุดขณะมองกระจกหลังและหักเลี้ยวอย่างบ้าคลั่งเพื่อหลบกรงเล็บของอสุรกาย "ได้พูดความจริงสักที เลิกแอ๊บเป็นลุงขายผัก!"
"ลุงพูดบ้าอะไร แม่ฉันหายตัวไปไหน แล้วลุงเป็นใครกันแน่"
"ฉันก็เป็นแซเทอร์ที่จะช่วยเธอน่ะสิ" ลุงพูดพร้อมกับถกกางเกงขายาวเผยให้เห็นขนดกรุงรังใต้เนื้อผ้าและกีบเท้าที่กำลังเหยียบคันเร่ง "ส่วนเรื่องแม่ของเธอไม่มีใครรู้หรอกว่าหายไปไหน"
"พระเจ้า นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย" อเดลเลดกำลังจะสติแตก สมองของเธอไม่ยอมประมวลผลกับเรื่องประหลาดทุกเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
"เดี๋ยวเธอจะเข้าใจทุกอย่างเองทันทีที่ถึงค่าย"
"ค่ายกักกันหรอ"
"ค่ายฮาล์ฟบลัดต่างหาก! แต่เราต้องรอดจากตรงนี้ให้ได้ซะก่อน"
- - - - -