แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-2-15 15:30
Time
14/02/25
บทพิเศษ Valentine's Day
ตอนที่ 5
แสงไฟสีทองส่องประกายระยิบระยับเหนือโอลิมเปียน พลาซ่า
แม้นาฬิกาจะส่งเสียงบอกโมงยามว่าบัดนี้ใกล้ถึงบ่ายสี่แล้ว แต่บรรยากาศของสวนสนุกยังคงคึกคักไม่จางหาย เสียงหัวเราะของผู้คน เสียงเครื่องเล่นดังระงม และเสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ไกลๆ ทุกอย่างผสมกลมกลืนเป็นความทรงจำของวันหนึ่งที่ไม่มีทางเหมือนเดิมอีกเป็นครั้งที่สอง
คูเปอร์ยังคงถือ ตุ๊กตาเทพีคิโอเน่ ไว้แนบอก ขณะที่สายตาเหลือบไปมองไลแซนเดอร์ที่เดินอยู่ข้างๆ
เสียงบรรเลงดนตรีจากขบวนพาเหรดดังก้องทั่วโอลิมเปียน พลาซ่า
ฝูงชนเริ่มมารวมตัวกันตลอดแนวถนนหลัก บ้างนั่ง บ้างยืนอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อเฝ้ารอการแสดงสุดยิ่งใหญ่ของสวนสนุก คูเปอร์เหลือบมองไลแซนเดอร์อย่างสงสัยเมื่ออีกฝ่ายพาเขาเดินมายังจุดนี้ ทั้งที่พวกเขาเพิ่งได้รับของที่ระลึกมาไม่นาน
"เรามารอดูอะไรเหรอครับ?"
ไลแซนเดอร์พยักพเยิดไปทางด้านหน้าซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับขบวนพาเหรด "เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง"
"หรือว่า..." คูเปอร์เพ่งมองป้ายกำหนดการของสวนสนุก Heroes' March ขบวนพาเหรดของนักรบและวีรบุรุษกรีกโบราณ ที่มีกำหนดแสดงตอนบ่ายสอง
"คุณจำที่ผมเคยบอกได้ไหมครับ?"
"เรื่องไหนล่ะครับ?"
"ตอนที่เราคุยกันช่วงแรก..." ไลแซนเดอร์หันมามองเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง แต่มีบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน "ผมเคยมาที่นี่ตอนเด็กๆ"
คูเปอร์กระพริบตาไปสองสามครั้งก่อนจะพยักหน้า "อ้อ ใช่ครับ คุณบอกว่าเคยมา แล้วไงครับ?"
"ถึงแม้ว่าจะลืมอะไรไปหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจำได้ขึ้นใจ ก็คือขบวนพาเหรดนี้"
เสียงกลองดังกึกก้องขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มต้น ขบวนพาเหรดเคลื่อนตัวผ่านถนนกว้างของพลาซ่า ผู้ชมรอบข้างส่งเสียงเชียร์ ขณะที่เหล่านักรบในชุดเกราะส่องประกายเดินเป็นแถวอย่างแข็งแกร่ง
คูเปอร์จ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยความทึ่ง เฮอร์คิวลิสตัวยักษ์กำลังโชว์พลังยกเสาหินขนาดใหญ่เหนือหัว เพอร์ซิอุส ชูหัวเมดูซ่าจำลองพลางแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ เหล่านักรบจาก อโครโพลิสการ์เดียน ก้าวเดินเป็นจังหวะอย่างพร้อมเพรียง เกราะโลหะวาววับจับแสงอาทิตย์
"ว้าว... ไม่แปลกใจเลยที่คุณจำมันได้" คูเปอร์พึมพำ มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเปล่งประกาย
"ตอนเด็ก ผมตื่นเต้นมากทุกครั้งที่เห็นพวกเขาเดินผ่าน" ไลแซนเดอร์พูดเสียงเรียบ "โดยเฉพาะตอนที่เห็นพวกเงือกจากแอตแลนติส"
ทันทีที่เขาพูดจบ ขบวนของเหล่าสัตว์วิเศษและเผ่าพันธุ์มหัศจรรย์ก็เคลื่อนผ่านมาต่อจากขบวนวีรบุรุษ นางไม้ ในชุดบางเบาสีเขียวมรกตหมุนตัวร่ายรำ เงือกจากแอตแลนติส โผล่พ้นจากอ่างน้ำเคลื่อนที่ขนาดยักษ์ โบกมือทักทายฝูงชน เสียงพิณของเหล่า เทพีมิวส์ดังแว่วสร้างบรรยากาศที่ชวนให้เคลิ้มตาม
"คุณเคยอยากเป็นอะไรในขบวนนี้ไหมครับ?" คูเปอร์ถามขึ้นอย่างสนใจ
ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น "ตอนเด็กๆ ผมเคยอยากเป็นส่วนหนึ่งของขบวน"
"จริงเหรอครับ"
"อืม"
"เป็นนักรบ นักดนตรี หรือเงือก?"
"อันสุดท้ายคุณแค่แกล้งพูดใช่ไหมครับ"
"ฮะๆๆ" คูเปอร์หัวเราะ ก่อนจะหรี่ตา "แต่ถ้าเป็นนักดนตรี ก็ดูเข้ากับคุณอยู่นะครับ"
ไลแซนเดอร์ไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยัน แค่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น "แล้วคุณล่ะครับ"
"หืม?"
"ถ้าคุณเป็นส่วนหนึ่งของขบวนพาเหรด คุณอยากเป็นอะไร"
คูเปอร์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง สายตากวาดมองขบวนที่กำลังเคลื่อนผ่านหน้าเขา
"...คงเป็นพวกนักเล่าเรื่องล่ะมั้งครับ"
"นักเล่าเรื่อง?"
"ก็พวกคนที่เดินไปตามขบวน แล้วคอยเล่าเรื่องวีรบุรุษให้คนฟัง" เขายิ้มบางๆ "ผมชอบเรื่องราว ชอบการแสดง และชอบสื่อสารกับผู้คน"
ไลแซนเดอร์พยักหน้ารับ ฟังอย่างตั้งใจ คูเปอร์มองเขาแล้วก็หลุดขำออกมาเบาๆ
"แต่ถ้าพูดกันตามตรง ผมคงจะเล่นเป็นตัวร้ายที่ออกมาส่งท้ายขบวนมากกว่ามั้งครับ"
"คุณดูเหมาะกับบทตัวเอกมากกว่านะ"
"โอ้โห คุณดูออกอีกแล้วแต่จากอะไรครับ?"
"จากวิธีที่คุณพูดและสื่อสารกับคนอื่น"
คูเปอร์กระแอมเล็กน้อย หัวใจเต้นแปลกๆ กับคำพูดนั้น
เสียงกลองชุดสุดท้ายดังขึ้น ปิดฉากขบวนพาเหรดอันยิ่งใหญ่ ฝูงชนเริ่มแยกย้ายกันไปตามโซนต่างๆ ของพลาซ่า คูเปอร์ยังคงมองตามขบวนที่เคลื่อนผ่านไปด้วยสายตาครุ่นคิด
"รู้ไหมครับ" ไลแซนเดอร์เอ่ยขึ้น ทำให้เขาหันกลับมา
"อะไรเหรอครับ"
"การเดตวันนี้ของเรา ก็คงคล้ายขบวนพาเหรดนี่แหละครับ"
"..."
"เต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดคิด แต่สุดท้ายก็น่าจดจำ"
คูเปอร์กระพริบตา มองหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงมีรอยยิ้มบางๆ ติดอยู่บนใบหน้า
"คุณพูดอะไรแบบนี้ทำไมครับ?"
"แค่พูดตามความจริง"
โอเค... นี่มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
ระหว่างที่พวกเขาเดินออกจากโอลิมเปียน พลาซ่า เสียงของฝูงชนเริ่มจางหายไปทีละน้อย ลมเย็นในช่วงบ่ายพัดผ่านอย่างสบายตัว คูเปอร์พยายามเดินให้เป็นปกติที่สุด แต่ทุกครั้งที่น้ำหนักลงไปที่ข้อเท้าข้างที่พลิก ก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันแน่น
ไลแซนเดอร์ที่เดินเคียงข้างเหลือบมองเขาอยู่เงียบๆ สักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“คุณยังเจ็บอยู่ใช่ไหมครับ”
คูเปอร์รีบส่ายหัว “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เดินไหวอยู่”
“แน่ใจ?”
"แน่ใจครับ"
แม้จะพูดแบบนั้น แต่พอเดินมาได้แค่สองสามก้าว ความเจ็บก็เริ่มเล่นงานเขาอีกครั้ง คูเปอร์พยายามไม่ให้ตัวเองเสียจังหวะเดิน แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไลแซนเดอร์อยู่ดี
ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น “คุณอยากให้ผมช่วยไหมครับ?”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมบอกแล้วไงว่าเดินไหว— เฮ้!”
คูเปอร์ยังพูดไม่ทันจบ ไลแซนเดอร์ก็โน้มตัวลงมา ก่อนจะช้อนแขนใต้ขาของเขาแล้ว อุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาวอีกครั้ง!
“เฮ้! เดี๋ยวครับ”
“คุณโกหกเก่งขึ้นนะครับ” ไลแซนเดอร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ดวงตาสีดำสนิทกลับฉายแววเจ้าเล่ห์จางๆ "ถ้าเดินไหวจริง ทำไมถึงเผลอกัดฟันตอนลงเท้าล่ะครับ"
ให้ตายเถอะ... หมอนี่สังเกตเก่งเกินไปแล้ว!
คูเปอร์กอดอกแน่น ขณะที่ถูกอุ้มพาเดินไปอย่างมั่นคง ฝ่าผู้คนในสวนสนุกที่ยังเดินไปมาอยู่ เสียงกระซิบกระซาบรอบข้างทำให้เขารู้สึกอับอายจนอยากจะมุดดินหนี
“คุณตั้งใจจะแกล้งผมใช่ไหมครับ”
“เปล่าครับ”
"ไม่จริง คุณต้องตั้งใจแน่ๆ!"
"แล้วคุณมีหลักฐานอะไร"
คูเปอร์อ้าปากค้าง เถียงไม่ออกเพราะอีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าสงบนิ่งมากจนเขาจับไม่ได้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดเล่น
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ โอเค... เขายอมแพ้ก็ได้!
เมื่อพวกเขาเดินออกจากสวนสนุกและเข้าสู่เส้นทางที่เงียบสงบกว่าเดิม เสียงพูดคุยของผู้คนค่อยๆ ลดลง เหลือเพียงเสียงใบไม้กระทบกันเบาๆ คูเปอร์ที่พยายามไม่สนใจความจริงที่ว่าตัวเองกำลังถูกอุ้มเป็นรอบที่สาม (!) ก็พยายามหาเรื่องพูดกลบเกลื่อน
“ว่าแต่...” เขาเอ่ยขึ้น “ทำไมคุณถึงเลือกพาผมไปที่ริมทะเลสาบล่ะครับ”
ไลแซนเดอร์เหลือบมองเขาแวบหนึ่งก่อนตอบ “ผมว่ามันเป็นสถานที่ที่คุณอาจจะชอบ”
“หืม? ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ”
“คุณดูเป็นคนที่ชอบอะไรที่สงบๆ”
"...ผมดูเป็นคนชอบความสงบเหรอครับ"
ไลแซนเดอร์พยักหน้า “อย่างน้อยก็มากกว่าที่คุณคิดนะครับ”
คูเปอร์กระพริบตาอย่างงุนงง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตนิสัยของเขาได้ขนาดนี้
“ผมว่าเราเพิ่งเจอกันไม่นานเองนะครับ”
“แค่นั้นก็พอจะดูออกแล้ว”
ให้ตายเถอะ... พูดอะไรแบบนี้มันน่าขนลุกนะครับ!
คูเปอร์รีบเบือนหน้าหนี ไม่อยากสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ เพราะรู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นเขาคงได้หน้าแดงขึ้นมาแน่ๆ
...แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของไลแซนเดอร์ที่ลอยมาตามสายลมนี่มัน...
โอเค! เขาต้องห้ามคิดอะไรไปไกลเด็ดขาด!
คูเปอร์พยายามเบนความสนใจไปทางอื่น กวาดตามองรอบตัวขณะที่ไลแซนเดอร์ยังคงอุ้มเขาเดินไปตามถนนที่ทอดออกจากสวนสนุก เสียงผู้คนจางหายไปเรื่อยๆ เมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่เงียบสงบกว่า แสงแดดอ่อนๆ สะท้อนจากผิวน้ำของทะเลสาบมอนทอคอยู่ลิบๆ
"คุณโอเคไหมครับ?" เสียงทุ้มของไลแซนเดอร์ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้คูเปอร์เผลอสะดุ้งเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายก่อนจะรีบพยักหน้ารัวๆ
"โอเคครับ โอเคมาก"
"แต่คุณตัวเกร็งขึ้นนะครับ"
"ก็—!" คูเปอร์รีบกลืนคำพูดตัวเองลงไปก่อนจะสูดหายใจลึกๆ พยายามทำตัวให้เป็นปกติ "แค่รู้สึกแปลกๆ ครับ ปกติผมไม่ค่อยถูกอุ้มแบบนี้"
"งั้นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่แล้วกัน"
คูเปอร์กะพริบตา เฮ้ เดี๋ยว นั่นมันควรเป็นคำพูดของเขาไม่ใช่เหรอ!?
เขารีบเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนสีหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นมาเล็กๆ และทำเป็นมองทิวทัศน์ข้างทางแทน มองจากตรงนี้เขาเริ่มเห็นโรงแรมเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ บรรยากาศโดยรอบดูเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนหลังจากวันอันวุ่นวาย
"ร้านที่คุณพูดถึงอยู่แถวนี้เหรอครับ?"
"อืม ที่นี่แหละ" ไลแซนเดอร์พยักพเยิดไปทางอาคารไม้ที่ตั้งอยู่ใกล้ริมทะเลสาบ ป้ายหน้าร้านเขียนไว้ว่า The Crow’s Nest
ลมหายใจของคูเปอร์ติดขัดไปชั่วขณะ วิวที่นี่ดีเกินคาด ทะเลสาบกว้างใหญ่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ โต๊ะริมระเบียงถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาให้ความรู้สึกอบอุ่น
เขาเผลอลืมตัวไปชั่วครู่ จนกระทั่งรู้สึกถึงไอร้อนที่แก้มตัวเองเมื่อมีสายตาของคนรอบข้างจับจ้อง
"ผมเดินเองได้แล้วครับ"
ไลแซนเดอร์ชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็วางเขาลงตามคำขอ คูเปอร์รีบทรงตัวให้มั่นก่อนจะไอแห้งๆ แล้วเดินนำเข้าไปในร้านโดยเร็ว
"สั่งอาหารได้เลยครับ มื้อนี้ผมเลี้ยง"
คูเปอร์ชะงัก "แน่ใจเหรอครับ?"
"อืม ถือว่าเป็นคำขอบคุณสำหรับวันนี้"
"แต่วันนี้ผมเป็นคนเลือกให้คุณตั้งหลายอย่างแล้วนะครับ"
"งั้นครั้งนี้ให้ผมเป็นฝ่ายดูแลคุณบ้าง"
คูเปอร์เม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เขาเปิดเมนู ดูเหมือนที่นี่จะเน้นอาหารทะเลและอาหารสไตล์เวสเทิร์น เขาลองเลือกปลาย่างกับสลัด ส่วนไลแซนเดอร์เลือกเมนูสเต็กและซุปข้น
ระหว่างรออาหาร พวกเขาก็คุยกันเรื่องต่างๆ ไลแซนเดอร์เป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่คูเปอร์เล่า เจ้าตัวก็ยังรับฟังด้วยความสนใจ
“ว่าแต่คุณทำอะไรนอกจากเล่นดนตรีเหรอครับ”
“ผมอ่านหนังสือบ้าง”
“แนวไหนครับ”
“แล้วแต่ช่วง บางครั้งก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนาน บางทีก็เป็นบทกวี”
"ฟังดูเหมือนคนที่มีโลกส่วนตัวสูงนะครับ"
"ก็อาจจะใช่"
"แล้วถ้าให้เลือกหนังสือเล่มหนึ่งที่คุณชอบที่สุดล่ะครับ?"
"อืม..." ไลแซนเดอร์คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น "The Odyssey"
"โอดิสซีย์? เรื่องราวของโอดิสเซียสน่ะเหรอครับ?"
"อืม"
คูเปอร์กะพริบตา เขาไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายเลือกเล่มนี้ แต่ก็นึกไม่ออกว่าทำไม
"เพราะอะไรเหรอครับ"
"เพราะมันเป็นเรื่องของการเดินทาง"
"แค่นั้นเอง"
"แล้วคุณคิดว่ามันควรมีเหตุผลมากกว่านั้นไหม?"
"...ก็ไม่ครับ แค่อยากรู้"
ไลแซนเดอร์ยิ้มบางๆ ก่อนที่อาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟ พวกเขากินไปคุยไป บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายขึ้น
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็มานั่งที่ริมหาดเพื่อย่อยอาหาร ลมเย็นๆ พัดผ่าน เสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
"ที่นี่สงบกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะครับ" คูเปอร์พึมพำ มองแสงสะท้อนของพระอาทิตย์ที่อยู่บนผิวน้ำ
"คุณชอบไหม?"
"อืม ชอบครับ"
"ดีแล้ว"
พวกเขานั่งเงียบไปพักหนึ่ง คูเปอร์เหลือบมองไลแซนเดอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายดูสงบและไม่พูดมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศอึดอัดเลยแม้แต่น้อย
"ขอบคุณนะครับ"
ไลแซนเดอร์หันมามองเขา "เรื่องอะไรครับ?"
"เรื่องวันนี้" คูเปอร์ยิ้มบางๆ "มันสนุกกว่าที่คิดไว้เยอะเลย"
"งั้นก็ดีแล้วครับ"
บรรยากาศเงียบลงอีกครั้ง คูเปอร์ปล่อยให้สายลมพัดผ่าน พยายามทำใจให้สงบ
แต่ทำไมกันนะ...
ทำไมถึงรู้สึกว่า วันนี้เป็นวันที่พิเศษกว่าทุกๆ วัน
เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ลมยามเย็นพัดเอื่อยๆ นำกลิ่นน้ำและไอเย็นจากทะเลสาบเข้ามา คูเปอร์นั่งเอนหลังพิงแขนตัวเอง รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าตลอดทั้งวัน แม้จะยังมีความเจ็บตึงจากข้อเท้าอยู่บ้าง แต่เขาก็พอจะลืมมันไปได้ชั่วขณะ
ไลแซนเดอร์นั่งอยู่ข้างๆ ร่างสูงของอีกฝ่ายทอดสายตามองไปยังผืนน้ำเงียบๆ คล้ายกับกำลังใช้เวลาซึมซับบรรยากาศรอบตัว คูเปอร์เหลือบมองเขา ก่อนจะเผลอยิ้มออกมา
"คุณดูเป็นคนที่ชอบความเงียบสงบนะครับ"
ไลแซนเดอร์หันมามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ "บางทีผมก็ชอบอะไรที่ไม่วุ่นวายเกินไป"
"งั้นพาผมมาที่นี่เพราะแบบนั้นเหรอครับ?"
"อาจจะ"
คูเปอร์หัวเราะเบาๆ เขาหยิบก้อนหินเล็กๆ ขึ้นมาแล้วโยนลงไปในน้ำ มันกระเด็นสองสามครั้งก่อนจะจมหายไป
"คุณเคยมีความฝันอะไรไหมครับ?"
ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายกำลังไตร่ตรองคำถาม
"ทุกคนก็ต้องมีความฝันกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ?"
"แล้วความฝันของคุณคืออะไรล่ะครับ"
ไลแซนเดอร์ไม่ได้ตอบในทันที ดวงตาสีดำของเขายังคงจับจ้องไปที่ผืนน้ำ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบๆ
"ความฝันของผมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามช่วงเวลา"
"ฟังดูเป็นคำตอบที่กำกวมนะครับ"
"อืม" ไลแซนเดอร์ยิ้มเล็กน้อย "แต่ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่ผมอยากทำจริงๆ ก็คงเป็น... การได้สร้างอะไรบางอย่างที่อยู่กับผู้คนไปนานๆ"
"เช่นดนตรี?"
"นั่นก็เป็นหนึ่งในนั้น"
คูเปอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเองก็เคยมีความฝันที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
"ผมเองก็มีความฝันนะครับ"
ไลแซนเดอร์เหลือบตามามองเขาอย่างสนใจ "อะไรเหรอครับ?"
คูเปอร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ ดวงตาสีเทาของเขาฉายแววอ่อนโยนลง "ผมอยากเป็นนักแสดง"
"นักแสดง?"
"อืม"
คูเปอร์เหม่อมองท้องฟ้า เมฆที่ลอยกระจายอยู่เต็มฟ้าสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา "ผมเติบโตมากับเรื่องเล่า โตมากับโลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ผมรักการเล่าเรื่องมาตั้งแต่เด็กๆ และผมก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน"
ไลแซนเดอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาตั้งใจฟังในสิ่งที่คูเปอร์กำลังถ่ายทอดออกมา
"ตอนเด็กๆ พ่อบุญธรรมของผมเป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ส่วนแม่ก็เป็นนักโบราณคดี บ้านของเรามีหนังสือเต็มไปหมด ผมโตมากับเสียงเล่านิทานก่อนนอน โตมากับเรื่องราวของวีรบุรุษและบุคคลในอดีต"
ไลแซนเดอร์มองคูเปอร์ที่กำลังเล่าด้วยแววตาสงบ ดวงตาสีเทาของอีกฝ่ายเป็นประกายราวกับกำลังย้อนนึกถึงอดีตของตัวเอง
"แล้วตอนที่ผมเริ่มโตขึ้น... ผมก็เริ่มเห็นอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่เห็น" คูเปอร์หัวเราะเบาๆ "ผมรู้ว่ามันฟังดูแปลก แต่ผมคิดเสมอว่าตัวเองเหมือนอยู่ระหว่างโลกสองใบ โลกของคนธรรมดา และโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเหนือธรรมชาติ"
"คุณไม่เคยกลัวเหรอครับ"
"ไม่ครับ" คูเปอร์ส่ายหน้า "ถ้าผมต้องกลัวสิ่งที่ผมเห็น... งั้นผมก็คงต้องกลัวไปตลอดชีวิต"
ไลแซนเดอร์มองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ "คุณเข้มแข็งกว่าที่คิดนะครับ"
คูเปอร์หัวเราะ "ไม่รู้ว่าควรรู้สึกดีไหมที่ได้ยินคุณพูดแบบนั้น"
ไลแซนเดอร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเงียบลงเมื่อคูเปอร์เอ่ยขึ้น
"ว่าแต่... คุณชอบดนตรีใช่ไหมครับ?"
"อืม"
"ความจริงวันนี้ผมเตรียมเพลงมาร้องให้คู่เดตฟังด้วยล่ะ"
ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วน้อยๆ ขณะที่คูเปอร์ยิ้ม ก่อนจะสูดหายใจลึกๆ และเริ่มเอื้อนเอ่ยบทเพลงออกมา
(เพลงประกอบเสริมจิตนาการ---)
เสียงร้องของคูเปอร์ล่องลอยไปพร้อมกับสายลมเย็นของยามเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งเป็นจังหวะเบาๆ กลายเป็นแบ็กกราวด์ที่ช่วยขับเน้นท่วงทำนองให้ไพเราะยิ่งขึ้น ดวงตาสีเทาของเขาหลุบลงเล็กน้อย ปล่อยให้ตัวเองจมไปกับบทเพลงที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย
"แค่เราหลับตา จะได้มาเห็น ในโลกที่ฉันมีสุขร่มเย็น ที่ที่เป็นของเรา ผ่านมืดมิด ผ่านประตู ที่ใดไม่รู้แต่คุ้นตา ดั่งกลับมาบ้านเก่า"
คูเปอร์ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเลือกเพลงนี้ขึ้นมาร้อง อาจเป็นเพราะเนื้อหาของมันสะท้อนถึงสิ่งที่เขายึดมั่นมาตลอด ความฝันของเขา โลกที่เขาวาดไว้ในใจ และเส้นทางที่เขากำลังก้าวเดินไป
ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มบางๆ ขณะที่เสียงร้องของเขาก้องกังวานไปทั่วริมฝั่งทะเลสาบ
"ใครจะมองว่าเรานั้นฟั่นเฟือนไปมากมาย ใครจะมองเรื่องทั้งหลายว่ามันไม่จริง จะไม่แคร์ จะไม่สน เขาเรียกเราอย่างไร ขอสร้างโลกที่สดใสให้ใจพึ่งพิง"
เสียงของเขาเอื้อนเอ่ยไปตามท่วงทำนองอย่างลื่นไหล บางจังหวะก็แผ่วลงคล้ายเสียงกระซิบ บางช่วงก็ทุ้มต่ำและหนักแน่น สายตาของคูเปอร์เหม่อมองผืนน้ำเบื้องหน้าขณะที่ปล่อยให้ความรู้สึกของตนถ่ายทอดผ่านบทเพลง
และเมื่อเขาเว้นจังหวะเพื่อหายใจ—
เสียงร้องอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขับร้องท่อนต่อไป
เสียงทุ้มลึก นุ่มนวล และเปี่ยมเสน่ห์ของไลแซนเดอร์
"ก่อนเอนกายในคืนยาวนาน ดั่งเกิดประกายดวงไฟบันดาล มีฝันนับล้านเวียนวนจนเราต้องตื่น ก็อยากให้แดนที่เฝ้าฝันหา ปรากฏเป็นจริงไม่ใช่ลวงตา และฝันนับล้านนำพาเรามาทุกคืน โลกที่สวยดังปองรอให้สองเราได้มายืน"
คูเปอร์เบิกตากว้างเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าไลแซนเดอร์จะร้องเพลงตาม ท่วงทำนองที่เปล่งออกมาจากอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ ความนุ่มนวลของน้ำเสียงขับเน้นให้เพลงยิ่งไพเราะขึ้น
แวบหนึ่ง คูเปอร์รู้สึกเหมือนลืมวิธีหายใจไปชั่วขณะ
แต่แทนที่จะหยุดร้อง เขากลับยิ้มบางๆ และปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามจังหวะของเสียงดนตรีที่ไม่มีเครื่องดนตรีใดๆ นอกจากเสียงของพวกเขาเอง
"จะเล็กหรือใหญ่ ฝ่าไปทุกวัน แบ่งปันความฝันจะร้ายดี แค่มีกันและกัน จะถูกหรือผิด ไม่เคยคิดหวั่น ถ้าหากเธอพาฉันเดินก้าวไป สู่ดินแดนของเธอ โลกที่เจอยามหลับตาเห็นไม่ไกล เมื่อหลับตาเห็นในใจ"
คูเปอร์ร้องนำ ไลแซนเดอร์รับส่งเสียงคอรัสประสานเป็นช่วงๆ ราวกับพวกเขาซ้อมร้องเพลงนี้มาด้วยกันหลายเดือน แม้จะเป็นการร้องสดๆ โดยไม่ได้เตรียมตัว แต่ทุกอย่างกลับไหลลื่นเป็นธรรมชาติ
เมื่อถึงท่อนสุดท้าย พวกเขาประสานเสียงกันในจังหวะเดียวกัน
"ก็อยากให้แดนที่เฝ้าฝันหา ปรากฏเป็นจริงไม่ใช่ลวงตา และฝันนับล้านนำพาเรามาทุกคืน โลกสวยดังปองรอให้สองเราได้มายืน โลกที่สองเราสร้างขึ้นมา"
เมื่อเสียงสุดท้ายจางลง คูเปอร์ลืมตาขึ้นแล้วหันไปสบตากับไลแซนเดอร์
"คุณร้องเพลงเพราะนะครับ"
คูเปอร์กระพริบตา รู้สึกเหมือนเพิ่งถูกดึงกลับมาสู่โลกความจริง เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเอง
"ขอบคุณครับ..."
ลมเย็นๆ พัดผ่าน พาเอาความอบอุ่นประหลาดแทรกซึมเข้ามาในบรรยากาศโดยที่พวกเขาเองก็ไม่ทันสังเกต…
เสียงคลื่นยังคงซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะ ลมยามเย็นพัดเบาๆ พาไอเย็นจากทะเลสาบมาโอบล้อม คูเปอร์ทอดสายตามองออกไปยังผืนน้ำกว้าง สายลมทำให้ผิวของเขาเย็นวูบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวแต่อย่างใด บรรยากาศคืนนี้เงียบสงบ และดูเหมือนว่าเวลาจะไหลไปช้ากว่าปกติ
เขาหลับตาลง ปล่อยให้ลมพัดผ่านใบหน้าอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างสะกิดสายตา
กุหลาบสีน้ำเงิน
คูเปอร์เอียงคอเล็กน้อย จ้องมองดอกไม้ที่ดูจะปรากฏตัวขึ้นหลายครั้งในวันนี้ ตั้งแต่ซุ้มกิจกรรมในสวนสนุก ตอนรับรางวัลที่ร้านเค้ก และตอนที่เขายื่นให้ไลแซนเดอร์
"...แปลกจัง"
เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะคลานไปหยิบมันขึ้นมา สีของมันยังคงเป็นเฉดน้ำเงินลึก หัวใจของเขากระตุกแวบหนึ่งเมื่อนึกถึง
หวังว่านี่จะเป็นดอกสุดท้ายนะ...
คูเปอร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเหลือบไปมองคู่เดตที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มยังคงมีสีหน้าเรียบสงบ ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนแสงไฟจากริมฝั่ง
คูเปอร์มองกุหลาบในมือ ก่อนจะชูดอกไม้นั้นแล้วยื่นไปให้ไลแซนเดอร์
"ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ รุ่นพี่ไลแซนเดอร์"
ไลแซนเดอร์มองกุหลาบในมือของเขานิ่งๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปรับ ดวงตาของอีกฝ่ายทอดมองเขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนที่ริมฝีปากจะขยับเปล่งเสียงนุ่มลึก
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ... คูเปอร์"
ร่างของคูเปอร์สะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาสีเทาเบิกขึ้นอย่างตกใจ อีกฝ่ายเอ่ยชื่อเขา—!?
ตั้งแต่เดตกันมา ไลแซนเดอร์ไม่เคยเรียกชื่อเขาตรงๆ เลยสักครั้ง คำที่ใช้แทนกันมีแค่ ‘คุณ’ แต่ครั้งนี้กลับเป็น...
"..."
ปากของเขากำลังจะขยับถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อความทรงจำผุดขึ้นมาในหัว
ตั่งแต่ที่ร้านเค้ก
"จำไม่ได้เหรอ?"
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากคนตรงข้าม ไลแซนเดอร์เอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย พลางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่มีร่องรอยหยอกเย้า
"คุณเป็นคนพูดเองนะครับ ว่าไม่ต้องใช้ภาษาสุภาพมากก็ได้"
คูเปอร์กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะนึกออกว่า ใช่ เขาพูดแบบนั้นจริงๆ ตั่งแต่ตอนแรกที่เจอกันเลย
…แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆ กับการที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขากันนะ!?
"หรือว่า... คุณไม่อยากให้ผมเรียกชื่อคุณครับ?" ไลแซนเดอร์เอ่ยขึ้น น้ำเสียงติดขบขัน
"เอ่อ..." คูเปอร์หลบสายตาเล็กน้อยก่อนจะกระแอมเบาๆ "ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกครับ แค่... ไม่คุ้นเท่านั้นเอง"
"งั้นเดี๋ยวคุณก็คุ้นเองครับ"
คำพูดนั้นทำให้คูเปอร์หันกลับมาสบตากับไลแซนเดอร์โดยอัตโนมัติ ราวกับสมองของเขากำลังพยายามประมวลผลความหมายแฝงของมัน
แต่ก่อนที่เขาจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ ไลแซนเดอร์ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"ดวงตาของคุณ... เป็นสีเทาที่สวยดีนะครับ"
คูเปอร์กระพริบตาปริบๆ ห๊ะ?
"เอ่อ... ขอบคุณครับ?"
"มันเหมือนหมอกตอนเช้าตรู่" ไลแซนเดอร์พึมพำเบาๆ "เยือกเย็น แต่ก็แฝงความอบอุ่นอยู่ในที"
"...คุณกำลังเปรียบเทียบตาผมกับบรรยากาศเหรอครับ?"
"ก็อาจจะนะ"
"..."
...นี่มันไม่แฟร์เลยจริงๆ
หมอนี่ตั้งใจแกล้งเขาแน่ๆ!
คูเปอร์เม้มริมฝีปาก พยายามไม่หลบสายตาของอีกฝ่าย แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ กันนะ...
บ้าจริง ให้ตายเถอะ ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์!
คูเปอร์นั่งนิ่งสงบอารมณ์ มองคลื่นที่กระทบชายฝั่งเป็นระลอกๆ ดวงตาสีเทาของเขาหลุบลงมองผืนน้ำ ทิ้งตัวเองให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศอันเงียบสงบ รู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดผ่านแก้มและเสียงกระซิบแผ่วของธรรมชาติ
แต่แล้วจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว
"อ้อ จริงสิ..."
คูเปอร์เบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต นิ้วเรียวสัมผัสกับพื้นผิวเย็นๆ ของบางสิ่งที่เขาเก็บเอาไว้ตั้งแต่เช้านี้ แต่กลับลืมไปเสียสนิท
หินมูนสโตน
เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋า แสงอ่อนๆ ของดวงจันทร์ถูกสะท้อนออกมาผ่านพื้นผิวของอัญมณีสีขาวขุ่นที่เปล่งประกายเรืองรองราวกับกักเก็บแสงจันทร์เอาไว้ในตัวมันเอง
เขาพลิกหินในมือเบาๆ ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวเรียบลื่นและเย็นสบายของมัน หินก้อนนี้เขาตั้งใจจะให้คู่เดตเป็นของที่ระลึกในวันนี้ แต่ดันลืมไปเสียสนิทเพราะเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น
เขาเหลือบตามองไลแซนเดอร์ที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างๆ คนตัวสูงยังคงทอดสายตามองออกไปไกล ราวกับกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
คูเปอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไป
"นี่ครับ"
ไลแซนเดอร์กะพริบตาเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองสิ่งที่คูเปอร์ยื่นให้ "หืม?"
"หินมูนสโตน ผมตั้งใจจะให้คุณตั้งแต่ตอนกลางวัน แต่ดันลืมไปซะสนิทเลย"
ไลแซนเดอร์จ้องมองอัญมณีที่เปล่งประกายแสงจางๆ ในมือของคูเปอร์ ก่อนจะยื่นมือมารับมันไป นิ้วเรียวสัมผัสกับผิวเย็นของหิน ดวงตาสีดำลึกลับทอประกายบางอย่าง
"ทำไมถึงเลือกหินนี้ให้ผมล่ะครับ?"
คูเปอร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ "ก็เพราะมันเป็นของที่ให้ความรู้สึกสงบดีนะครับ"
"สงบ?"
"ใช่ครับ... ผมไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อเรื่องแบบนี้ไหม แต่เขาว่ากันว่ามูนสโตนเป็นหินแห่งพลังของดวงจันทร์ มันช่วยให้จิตใจสงบ และช่วยทำให้ความคิดแจ่มชัดขึ้น"
ไลแซนเดอร์พลิกหินในมือเบาๆ สัมผัสมันด้วยปลายนิ้วราวกับกำลังพิจารณา
"คุณเชื่อในพลังของมันไหมครับ?"
คูเปอร์หัวเราะเบาๆ "ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมว่ามันเป็นของที่ดีนะ อย่างน้อยก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้แหละน่า"
ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกหินขึ้นเล็กน้อย แสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนลงบนพื้นผิวของมันเป็นประกายเรืองรอง
"ถ้างั้น... ผมก็จะรับมันไว้ครับ"
คูเปอร์ยิ้ม "ดีใจที่คุณชอบนะครับ"
ไลแซนเดอร์ไม่ได้ตอบอะไร แต่คูเปอร์ก็สังเกตเห็นว่ามุมปากของอีกฝ่ายมีรอยยิ้ม แฝงอยู่
เสียงคลื่นยังคงซัดกระทบฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน ทำให้เส้นผมของคูเปอร์ปลิวไหว เขายกมือขึ้นลูบต้นแขนตัวเองเบาๆ ไม่ใช่เพราะหนาว แต่เพราะรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
คืนนี้เงียบสงบ ทะเลสาบมอนทอคสะท้อนเงาดวงจันทร์เต็มดวงเป็นประกายระยิบระยับ ทว่าความรู้สึกที่ลอยอยู่ในอากาศตอนนี้ไม่ใช่เพียงความเงียบสงบ แต่มันเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่คูเปอร์อธิบายไม่ถูก
เขาหันไปมองไลแซนเดอร์ที่ยังคงนั่งอยู่ข้างๆ คนตัวสูงทอดสายตาออกไปยังเส้นขอบน้ำด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับว่าการอยู่ในความเงียบเช่นนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
และแล้ว อยู่ๆ ไลแซนเดอร์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อนดวงตาสีดำของเขาจับจ้องไปที่คนข้างๆ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก
“วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์นะครับ”
"แล้วคุณคิดว่าวันนี้เป็นวันแบบไหนเหรอครับ?"
"วันแห่งความรัก?"
"อืม..." ไลแซนเดอร์ครุ่นคิด ก่อนจะเอียงคอมองเขาด้วยสายตาพินิจ "งั้นวันนี้คุณได้รับความรักไปบ้างหรือยังครับ?"
คำถามนั้นทำให้คูเปอร์ชะงักไปครู่หนึ่ง
"เอ่อ..."
นี่หมอนี่พูดอะไรขึ้นมากันนะ!?
เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยายามหาคำตอบที่ฟังดูเป็นกลางที่สุด "ก็น่าจะมีอยู่บ้างครับ..."
"อย่างนั้นเหรอครับ?"
"แล้วคุณล่ะครับ?”
ไลแซนเดอร์หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก "อืม... ก็คงได้รับมาเยอะเหมือนกันครับ"
คูเปอร์รู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้หาคำตอบให้ตัวเองเกี่ยวกับความรู้สึกนี้ บางอย่างก็ดึงความสนใจของเขาไปเสียก่อน
{สายลมพัดผ่านสะท้านหล้า
คลื่นครืนถั่งมาพาระลอกขาน
ฟองขาวกลั่นก่อรัศมีพาน
จรัสวาบเบิกบานกลางวารี
กลางเกลียวธาราแสงเรืองรอง
ล้ำละอองผุดพลั่งดังรัศมี
โอบเอื้อก่อร่างเป็นนารี
งามประหนึ่งเทพีสวรรค์ไกล
เนตรดั่งมณีวาววามสรวง
เรือนผมรินร่วงเป็นเงาไหม
ผิวพรรณผ่องพริ้มวิมลใจ
ราวแสงทองไล้ละอองฟอง}
ฟองคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเริ่มดูแปลกไป คลื่นดูสูงขึ้นและแตกตัวเป็นฟองขาวละเอียดผิดปกติ มันรวมตัวกันเป็นละอองบางเบาที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายามเย็น
และในพริบตา
ร่างอันสง่างามของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา
คูเปอร์เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มฟองคลื่น เส้นผมสีทองของนางพลิ้วไหวราวกับต้องแสงตะวัน ผิวกายขาวผ่องราวกับงาช้าง นางสวมอาภรณ์ที่ดูราวกับทอจากไอหมอกแห่งท้องทะเล ระยิบระยับดุจต้องแสงจันทร์
เทพีอะโฟรไดท์
แม้จะไม่เคยพบกันโดยตรง แต่คูเปอร์ก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร เขารีบตั้งสติ พยายามขยับตัวลุกขึ้นเพื่อทำความเคารพ แต่ก็ถูกห้ามไว้ด้วยสายตาอ่อนโยนของนาง
เทพีแห่งความรักเผยรอยยิ้มขบขัน "ข้าไม่ได้รบกวนเวลาอันแสนพิเศษของพวกเจ้าหรอกนะ?"
คูเปอร์สะดุ้ง รีบโบกมือปฏิเสธทันที "พวกผมไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับ!”
อะโฟรไดท์หัวเราะเสียงใส "ข้าก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย" นางหรี่ตาลงมองพวกเขา รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยแววล้อเลียน "แต่ว่ากันตามตรง พวกเจ้าน่าสนใจไม่น้อยเลยนะ"
คูเปอร์เม้มริมฝีปาก พยายามไม่ตอบโต้ใดๆ และปล่อยให้เทพีเป็นฝ่ายพูดต่อ
"เนื่องในวันแห่งความรัก ข้าได้ทักทอผ้าคลุมให้แก่เหล่าเดมิก็อด"
เมื่อสิ้นคำกล่าว ผืนผ้าคลุมสีชมพูอ่อนก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากอากาศเบื้องหน้าพวกเขา มันนุ่มละมุนราวกับหมอกยามเช้า ประดับประดาด้วยขนนกพิราบอันบริสุทธิ์ และกลีบกุหลาบสีแดงสด
เมื่อสิ้นคำกล่าว ผืนผ้าคลุมสีชมพูอ่อนก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากอากาศเบื้องหน้าพวกเขา มันนุ่มละมุนราวกับหมอกยามเช้า ประดับประดาด้วยขนนกพิราบอันบริสุทธิ์ และกลีบกุหลาบสีแดงสด
คูเปอร์มองมันด้วยสายตาปริบๆ
สีชมพูขนาดนี้... ชาตินี้จะได้ใส่ไหมนะ!?
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ปฏิเสธอะไร เทพีอะโฟรไดท์ก็เอียงคอมองเขาอย่างรู้ทัน
"เหตุใดเจ้าไม่ลองใส่ดูก่อนเล่า?”
คูเปอร์เผลอสะดุ้งเล็กๆ โอ้โห นี่เทพีอ่านใจเขาได้หรือไง!?
แม้จะอิดออดอยู่ในใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าปฏิเสธเทพีแห่งความรักที่อยู่ต่อหน้านั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เขาจึงค่อยๆ รับผ้าคลุมมาและสวมมันอย่างไม่เต็มใจเท่าไร
"นั่นไง ใส่แล้วก็ดูดีออก" อะโฟรไดท์กล่าวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
คูเปอร์ทำหน้าเหมือนจะเถียง แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา
ไลแซนเดอร์กำลังมองมาที่เขา
คูเปอร์กระพริบตา มองกลับไปอย่างสงสัย ดวงตาสีดำของอีกฝ่ายดูราวกับกำลังพินิจบางอย่าง ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาเบาๆ
"คุณใส่แล้วดูน่ารักมากเลยนะครับ"
โอเค! พอแค่นี้!
คูเปอร์รีบถอดผ้าคลุมออกแทบจะทันที หน้าเห่อร้อนขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ หมอนี่ตั้งใจแกล้งกันชัดๆ!
อะโฟรไดท์หัวเราะเบาๆกับปฏิกิริยาของคูเปอร์ นางดูพึงพอใจอย่างมาก
แต่ยังไม่ทันที่เทพีจะจากไป ผืนอากาศเบื้องหน้าก็เกิดแสงวูบไหว และกล่องสีทองสองกล่องก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
คูเปอร์รับกล่องมาอย่างงุนงง และเมื่อมันเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ เขาก็พบว่าภายในมีกุหลาบสีทองห้าดอก วางเรียงกันอย่างงดงาม
เขาเหลือบมองไลแซนเดอร์ พบว่าอีกฝ่ายก็ได้รับกุหลาบแบบเดียวกัน
เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น อะโฟรไดท์ก็กอดอกยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของนางเป็นประกายบางอย่าง
"ข้าขอมอบสิ่งนี้สำหรับคู่เดตที่น่าสนใจประจำวาเลนไทน์นี้”
คูเปอร์สำลักอากาศ "เดี๋ยว—"
"และข้าหวังว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้อีกจากพวกเจ้าเยอะๆ นะ"
เสียงขำของเทพีแว่วไปกับสายลม ร่างของนางค่อยๆ เลือนหายกลับเข้าสู่ฟองคลื่น ปล่อยให้คูเปอร์ยังคงอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร สิ่งที่ร่วงลงมาจากฟ้าก็ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง
กุหลาบสีทอง ร่วงลงมาจากท้องฟ้า... แบบเดียวกับที่อยู่ในกล่องเป๊ะ
คูเปอร์กลับมานั่งจุ้มปุ๊กกับพื้นทราย มองดอกไม้พวกนั้นด้วยสีหน้าหมดคำพูด
พวกเขานั่งอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วรึเปล่านะ...
"กลับค่ายได้แล้วมั้งครับ"
เขาพยายามลุกขึ้น แต่แรงที่กดไปที่ข้อเท้าทำให้รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
ไลแซนเดอร์มองเขา ก่อนจะพึมพำเบาๆ "ทำไมถึงดื้อจังนะ..."
ก่อนที่คูเปอร์จะทันตอบอะไร ร่างของเขาก็ถูกอุ้มขึ้นอีกครั้ง
"พอแล้วมั้งครับ! คุณไม่หนักบ้างเหรอ!?"
ไลแซนเดอร์ยิ้มขำ "ก็ไม่รู้สิครับ"
"คุณจะอุ้มผมกลับไปจนถึงค่ายเลยหรือไง!?"
ไลแซนเดอร์ยังคงยิ้มหน้าแป้น ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย
หนอยแน่! ถ้ามีคราวหน้าล่ะก็ผมจะเอาคืนบ้าง!
------------------ ------------------ มอบ หินมูนสโตน และ กุหลาบสีน้ำเงิน ให้ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์ รับ มาลาแห่งอัสสัมชัญ + ดอกกุหลาบสีทอง 5 ดอก จากกล่องสุ่ม รับ กุหลาบสีทอง กิจกรรม Blind Date จาก อะโฟรไดท์ BELIEVER โบนัสความโปรดปราน +15 ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ โบนัสความโปรดปราน +15 เป้าหมาย เทพีอะโฟรไดท์
|