[ลองไอส์แลนด์] Dare Universal

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×




Dare Universal

สวนสนุกแดร์ ยูนิเวอร์แซล, ลองไอแลนด์, นิวยอร์ก



"แดร์ ยูนิเวอร์แซล" สวนสนุกในเครือ "แดร์ เอ็นเตอร์ไพรส์" ตั้งอยู่บนเนินฮาล์ฟบลัด ห่างจากเขตชุมชนลองไอแลนด์เพียงแค่ 5 นาที ก่อสร้างโดยมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ดับเบิ้ลยู. แดร์ ผู้ต้องการอำนวยฝันให้แก่ลูกสาวที่อาศัยในลองไอแลนด์ ให้เธอและเพื่อน ๆ ได้มาเที่ยวเล่นที่นี่กันได้อย่างสำราญใจกับเครื่องเล่นธีมเทพกรีก มินิซู โรงละคร ขบวนพาเรด และพลาซ่าที่จำหน่ายอาหารแสนอร่อย และซุ้มเล่นเกมสุดมัน!


+60 พลังงานเมื่อเข้าใช้บริการในสวนสนุก


ราคาตั๋วเข้าเล่น (ทั้งวัน)(รวมอาหารการกินฟรีภายใน): 109 ดอลลาร์

(อย่าลืมโอน+ภาษีมาด้วยทุกครั้งให้ผู้รับได้ 109 พอดี)


เวลาทำการ

ฤดูหนาว: วันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 10:00 - 18:00 น.

ฤดูใบไม้ผลิ: ทุกวัน เวลา 10:00 - 20:00 น.

ฤดูร้อน: ทุกวัน เวลา 10:00 - 22:00 น.

ฤดูใบไม้ร่วง: ทุกวัน เวลา 10:00 - 18:00 น.



เชิญพบกับเครื่องเล่นสุดแสนเร้าใจมากมายได้ที่นี่!


{ โซนเครื่องเล่น }



Zeus' Wrath (โทสะแห่งสายฟ้า) – รถไฟเหาะความเร็วสายฟ้า ที่จะทำให้คุณสัมผัสพลังแห่งราชาแห่งเทพ!

The Lost City of Atlantis (แอตแลนติสที่สาบสูญ) – ล่องแก่งมุ่งสู่เมืองใต้น้ำและค้นพบความลับที่ถูกฝังอยู่ใต้เกลียวคลื่น

The Gates of Tartarus (ประตูนรกทาร์ทารัส) – บ้านผีสิงธีมนรกทาร์ทารัส ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาจะไม่มีวันได้กลับไปโดยง่าย...

Pegasus' Flight (เพกาซัสเหินเวหา) – ม้าหมุนที่จะพาคุณทะยานขึ้นฟ้าไปกับปีกแห่งตำนาน

The Celestial Wheel (กงล้อแห่งโอลิมปัส) – ชิงช้าสวรรค์ที่หมุนพาคุณขึ้นสู่สวรรค์ดั่งเทพเจ้า

Ares' Clash (ศึกสายฟ้าแห่งแอรีส) – รถบั๊มที่เปรียบเสมือนสนามรบของเทพเจ้าแห่งสงคราม

The Odyssey (โอดิสซีย์) – นั่งเรือไวกิ้งผจญภัยไปกับวีรบุรุษโอดิสซีอุส ฝ่าคลื่นพายุและอสุรกาย




{ โซนมินิซู }



เพลิดเพลินใจไปกับสัตว์โลกแสนน่ารักให้คุณได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยสัตว์ในมินิซูประกอบด้วย

อัลปาก้าขนฟูนุ่ม, กระต่ายน้อยกับไข่อีสเตอร์, ฝูงแกะที่ไม่ได้มีขนเป็นทองคำ, แพะตาขีด และนกแก้วแสนรู้ที่จะคอยพูดตามคุณแทบทุกคำ


จำหน่ายอาหารเลี้ยงสัตว์ในราคากันเอง




{ โซนโรงละคร }



ลานแสดงการแจ้งที่ถูกตกแต่งเป็นธีมกรีก จัดแสดงนิทานโรงเล็กเกี่ยวกับตำนานกรีกหมุนเวียนไป อาทิ

อิคารัสกับปีกขี้ผึ้ง, โอไดเซอุสและไซคลอปส์โพลีฟีมัส, โอฟีอัสกับยูริไดซี เป็นต้น
นอกจากได้ชมการแสดงที่น่าสนใจ ท่านอาจได้เป็นผู้โชคดีที่มีส่วนร่วมไปกับโชว์


รอบการแสดง
13:00 และ 16:30




{ ขบวนพาเหรด }



เชิญพบกับขบวนพาเหรดสุดแสนอลังการ ขบวนนักรบและวีรบุรุษ (Heroes' March) เหล่านักรบและวีรบุรุษแห่งกรีกโบราณเดินแถวอย่างแข็งแกร่ง เฮอร์คิวลิส โชว์พลังยกเสาหินขนาดยักษ์ เพอร์ซิอุสชูหัวเมดูซ่าจำลองเหนือฝูงชน อโครพอลิสการ์เดียน กองทัพนักรบโบราณสวมเกราะวาววับเดินแถวด้วยท่วงท่าสง่างาม ตามมาด้วยขบวนแห่งเวทมนตร์และสัตว์วิเศษ เหล่านางไม้ และเงือกจากแอตแลนติส ร่ายรำไปกับเสียงพิณของเทพีมิวส์


รอบการแสดง
14:00




{ โซนพลาซ่า }



เมื่อก้าวเข้าสู่ โอลิมเปียน พลาซ่า คุณจะรู้สึกเหมือนได้เดินเข้าไปในโลกแห่งสีสันและความสนุกสุดอลังการ อาคารที่เรียงรายรอบจัตุรัสกลางแห่งนี้โดดเด่นด้วยสีลูกกวาดหวานสดใส ตั้งตระหง่านในสไตล์กรีกแฟนตาซี เสริมด้วยเสาโรมันที่ตกแต่งลวดลายเทพเจ้าแห่งโอลิมปัส ที่นี่เป็นศูนย์รวมร้านอาหาร และซุ้มเกมมากมาย ไหน ๆ มาเยือนแดร์ ยูนิเวอร์แซลทั้งที คุณจะไม่ซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปสักหน่อยหรือ?





แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 3098 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-3-1 00:05
โพสต์ 2024-3-1 01:15:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด


Goblin must die




      แม้จะเป็นเพียงการเดินออกมาเพียงนิดเดียว ผมก็หวั่นเกรงพอสมควร ด้วยเวลานี้ตัวผมคิดว่ายังฝึกไม่แข็งแกร่งพอ แต่ในเมื่อแม่ต้องการจัดการก๊อบลินที่น่าขยะแขยงพวกนี้ ผมในฐานะลูกก็ต้องทำ และนี่ก็นับว่าเป็นการฝึกฝนความแข็งแกร่งก้าวแรกของผม ด้วยการลองสู้จริงในสนาม

    ผมเดินมาตามถนนมองหาก๊อบลิน จนมาถึงลานกว้างที่มีชิงช้าสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าตอนกลางคืนจะมีคนอีก แสงไฟสลัวอ่อน ๆ ดูเหมือนจะเป็นพวกคู่รักหนุ่มสาววัยรุ่นมากกว่า ผมได้แต่หวังว่าอย่าเจอก๊อบลินบริเวณนี้เลย ไม่รู้มนต์บังตาจะทำให้ผมกำลังทำอะไรอยู่ในสายตามนุษย์ 

      ผมทำท่าจะเดินไปหาต่อ ก่อนสายตาสะดุดตัวสีเขียว ๆ หูแหลมตามตำรา ใช่ไม่ผิดแน่มันคือก๊อบลิน กำลังมองมาทางผม ผมหยิบหอกยาวออกมา ตั้งท่าเตรียมสู้

     "เข้ามาเลยไอก๊อบลิน" ผมเชื้อเชิญมัน ตั้งท่าเตรียมรับมือ

      ก๊อบลินวิ่งพุ่งเข้ามาเงื้อดาบจะโจมตีผม ผมตั้งการ์ดทวนจะเอี่ยวตัวหลบ แต่มันกลับว่องไวขึ้นกว่าอีก ฟาดโดนแขนผม เป็นรอยแผลที่ต้นแขน ก่อนจะควงหอก ตั้งการ์ดใหม่ ผมไม่รอช้า คราวนี้จะบุกบ้าง ผมยกหอกในขณะกำลังจะแทง ผมเล็งมันจังหวะเข้าใกล้ผมยิ้มอ่อย(?) ก๊อบลิน ใช่คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมยิ้มอ่อยมัน และเหมือนมันจะเคลิ้มกับรอยยิ้มผมครู่หนึ่งก่อนจะได้สติ ผมแทงหอก ซึ่งรู้อยู่แล้วมันหลบได้แน่นอน ผมใช้โอกาสนี้ชักมีดออกมาปาดข้างตัวมันสร้างรอยแผลอย่างมากให้มันอยู่พอสมควร

      ผมยังคงใช้สเต็ปการต่อสู้เช่นเดิม แต่ดูเหมือนงานจะเข้าผมแล้ว เหมือนจะมีเสียงตะโกนจากมนุษย์ในบริเวณนั้น "เฮ้ ไอหนุ่มเลิกรังแกคนแก่นะเว้ย!"

      "ใช่ แกจะรังแกคนแก่ทำไมวะ นิสัยเสียว่ะ" อีกคนเสริม 

     ผมไม่โทษพวกเขา ถอนหายใจดูเหมือนพวกเขาจะเห็นผมกำลังทำร้ายคนแก่(?) ผมยังคงสู้กับก๊อบลินตัวนี้ต่อไป มันแข็งแกร่งและเจ้าเล่ห์กว่าผมมาก ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองไหม ยิ่งสู้ยืดเยื้อ ผมยิ่งลำบากลง มันเริ่มอ่านเกมของผมออก หลบหลีกผมได้บ่อยขึ้น ผมโจมตีแทบไม่โดนมันเลย แบบนี้ไม่ไหวแล้ว 

      ผมต้องใช้ความงามของผม(?) ให้เป็นประโยชน์ ดูเหมือนเจ้าก๊อบลินมันจะบ้าคนงามพอสมควร หลายครั้งมันเริ่มสตันโดนผมชิงความได้เปรียบเป็นจังหวะสร้างรอยแผลให้มันเพิ่ม

      ผมที่ต้องรับมือกับก๊อบลินและเสียงก่นด่าของเหล่ามนุษย์ ผมต้องรีบจัดการมันแล้ว มนุษย์จะรีเช็ทความทรงจำช่วงนี้ไปครู่หนึ่ง ดังนั้นเขาต้องรีบเผด็จศึกมันให้ไว เดม่อนควงหอก คราวนี้เขาตั้งท่าปา ก่อนหลับตาลงเสียงฝีเท้าก๊อบลินกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ สายลมพัดผ่าน เขาปาพุ่งหอกไปเข้าศีรษะอีกฝ่ายอย่างจัง ก๊อบลินชะงักก่อนสลายเป็นผงละอองสีทอง เดม่อนมองดูอสุรกายตัวแรกที่เขาโค่นได้ แม้จะยากลำบากพอสมควร

      "นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสินสงครามงั้นสินะ" เขามองของในมือก่อนจะเก็บมันขึ้นมาใส่กระเป๋า

       "ไปก่อนนะพวก" เดม่อนตะโกนบอกมนุษย์บนชิงช้าและแถว ๆ นั้น ที่พวกเขากำลังงงสงสัยว่าผมตะโกนบอกพวกเขาทำไม ราวกับเรื่องผมรังแกคนแก่ไม่มีหลงเหลือในความทรงจำพวกเขา ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ผมจะรีบกลับค่ายก่อนจะเจออสุรกายตัวอื่นที่ร้ายกาจกว่า

        ผมไม่รอช้ารีบวิ่งกลับไปยังค่ายอย่างรวดเร็ว ขืนมัวเอ้อระเหยมีหวังผมลำบากแน่

      





แสดงความคิดเห็น

God
พิชิตอสุรกายก๊อบลินครั้งแรก  โพสต์ 2024-3-1 08:50
โพสต์ 10109 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-3-1 01:15
โพสต์ 10,109 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก งามเป็นหนึ่ง  โพสต์ 2024-3-1 01:15
โพสต์ 10,109 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-3-1 01:15

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มนต์มหาเสน่ห์
ดาบเธซีอุส
หมวกนีเมียน
ทักษะดาบ
นาฬิกาสปอร์ต
แปลงร่าง
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
กำไลหินนำโชค
หอมเย้ายวน
ตาหลากสี
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
เสน่ห์อันเลิศล้ำ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x10
x1
x2
x1
x11
x2
x8
x1
x2
x1
x3
x2
x1
x18
x1
โพสต์ 2024-3-1 18:38:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ᄂIFΣ ᄂΣƧƧӨПƧ





          เมื่อชัยชนะ ไม่ใช่ทุกสิ่ง และเมื่อทุกความพ่ายแพ้ คือกุญแจที่พาเราไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น มันควรจะเป็นอย่างนั้น และใช่ มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่.. ฉัน..

         สเตตัสที่เขานั้นลงไปในโซเชี่ยล เหล่าคำคมสอนใจที่ก็ไม่รู้ว่าใครจะติดตามอ่านบ้าง เขาไม่ได้สนใจ หากแต่เขาตั้งสเตตัสนั้น เอาไว้บอกกับตนเอง ทั้งวันวานที่ผ่านมา และวันพรุ่งนี้ ที่กำลังจะมาถึง มันทำให้เขาได้เรียนรู้ และได้พัฒนาตนเอง ให้ก้าวข้ามความพ่ายแพ้ ก้าวไปสู้ชัยชนะที่มันสมกับเป็นตัวของเขา แต่ไม่ใช่กับวันนี้ เพราะเขาในตอนนี้ คือการเผชิญความพ่ายแพ้..

        ในตอนนี้ ชายหนุ่มกำลังหลบกลุ่มของก็อปลิน แล้วค่อยๆ ย่องออกมาจากพื้นที่ตรงนั้น หลังจากที่เขาพ่ายแพ้สัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ ที่ก็ไม่หน้าเชื่อว่าพวกมันจะแสนเจ้าเล่ห์อะไรปานนี้ ซึ่ง.. มันเป็นอะไรที่แย่กว่าที่คิด พวกมันยังคงเดินบริเวณนั้น ซึ่งชายหนุ่มเองก็พยายามทำตัวให้เงียบและพยายามออกจากตรงนี้ไปเร็วที่สุด เขาสัญญากับตนเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งสองครานี้ มันจะไม่มีครั้งที่สาม เขาจะไม่ประมาทเช่นนี้อีก ก่อนที่เขาจะค่อยๆคลานออกจากพื้นที่ตรงนั้น รีบวิ่ง และกลับไปยังค่ายที่พักเพื่อรักาาตัวเอง..

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5447 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-3-1 18:38
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ช่ำชองการรบ[II]
กระโดดแห่งชัยชนะ
น้ำหอมบุรุษ
นาฬิกาสปอร์ต
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ความถึก
กำไลหินนำโชค
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x4
x60
x4
โพสต์ 2024-3-2 01:35:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Play it coolFeriaHayes time
ในระหว่างที่รอให้สามารถกลับเข้าไปที่อเมซอนคาเฟ่ได้ เฟเรียก็ตัดสินใจลองเสี่ยงดูด้วยการออกจากค่ายไปจัดการกับเจ้าก็อปลินเจ้าปัญหา ทันทีก้าวออกจากค่ายความรู้สึกน่าหวาดหวั่นที่คุ้นเคยดีก็ออกมาอีกครั้ง เธอหยิบเอาหอกกรีกที่เธอซื้อมาใช้เป็นอาวุธประจำตัวของตัวเองออกมาถือมันแน่นด้วยสองมือด้วยความระแวงระวังตัวว่าอสุรกายอื่นจะโผล่มารึเปล่า  เธอก็ออกตามหาเจ้าก็อบลินเจ้าปัญหาอย่างนี้จนกระทั่งมาถึงที่ลานชิงช้าสวนสนุก ดีจริงเชียวออกมาตัวเดียว
"ตัวเดียวเหรอ แบบนี้ก็สนุกดีสิคะ"
เธอควงหอกในมือมาเปลี่ยนมาตั้งท่าเตรียมโจมตีเจ้าก็อปลินตรงหน้าตน เพื่อไม่ให้ตื่นตะหนกเธอได้สวมเฮคโฟนและเปิดเพลงในหูฟังอย่างสนุกสนาน
"นั่นดูนั่นสิเขาจะทำอะไรกันน่ะ ทำไมยัยเด็กนั้นถือหอกด้วยล่ะ"
ดูท่าคนอื่นจะตกใจน่าดูสินะที่เธอถือหอกเข้ามาแบบนี้ถึงจะยังไม่รู้ว่าคนอื่นเห็นก็อบลินเป็นอะไรก็เถอะ
"เอาล่ะค่ะ มาเต้นกันเถอะ!"
เฟเรียตีลังกาเข้าไปใช้หอกกรีกในมือตนโจมตีพลางหลบหลีกการโจมตีของก็อบลินเรื่อย เธอก็พลางร้องเพลงที่ฟังอยู่ในหูออกมา 
"นี่ ๆ เด็กคนนั้นน่ะ วัยรุ่นภาษาอะไรกันนี่ทำร้ายร่างกายเด็กตัวเล็ก ๆ ซะได้"
เฟเรียฟังเสียงรอบข้างก็พอวิเคราะห์ออกมาได้ว่าตอนนี้เธอกำลังถูกมองว่าเป็นวัยรุ่นทำร้ายเด็กอยู่สินะ พอเข้าใจได้เลย
"คุณนี่เก่งเรื่องทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันเก่งจริง ๆ เลยนะคะ แต่ว่า..."
เธอเปลี่ยนมาถือหอกด้วยมือเดียวก่อนที่จะเข้าไปโจมตีใส่ก็อบลินอย่างรวดเร็วเป็นชุด ก่อนจะปิดฉากลง

"โชคดีก็เป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์เช่นกันนะคะ"
เธอแทงหอกครั้งสุดท้ายจนก็อบลินสลายไป เหลือเพียงสินสงครามที่เธอได้รับจากการเอาชนะมันได้เพียงเท่านั้น เฟเรียควงหอกมาถือข้างตัวก่อนจะโค้งให้คนรอบ ๆ เหมือนนักแสดงที่พึ่งแสดงเสร็จ
"ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมดูโชว์ของเรานะคะ แล้วเจอกันใหม่ ลาล่ะค่ะ"
เธอเก็บหอกไว้ข้างหลังก่อนจะเก็บสินสงครามที่ได้มาจากก็อบลินอย่างเนียน ๆ แล้วมุ่งหน้ากลับค่ายอย่างรวดเร็ว
bettyleg

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8783 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-3-2 01:35
โพสต์ 8,783 ไบต์และได้รับ +2 EXP +3 ความโหด จาก หลับใหล  โพสต์ 2024-3-2 01:35

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เรือแคนูไม้
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
ควบคุมดอกป๊อปปี้
ฝันร้าย
มีดสั้นสัมฤทธิ์
Daedalus's Legacy
จิตวิญญาณนักรบแห่งโอกู
เกราะสายรุ้ง
สะกดจิต
น้ำหอม Unisex
ทักษะหอก
กำไลหินนำโชค
หูฟังบลูทูธ
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
หลับใหล
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x4
x7
x11
x24
x6
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x6
x18
โพสต์ 2024-3-3 18:45:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด







สร้างหนี้แค้น EP 1


              คำที่ว่าเดินเตร่ไปทั่วของนิกซ์ก็สมความหมายตรงตัว.. เธอตั้งใจสำรวจพื้นที่อยุ่อาศัยของเหล่าเดมิกอด อีกนัยหนึ่งก็นึกสนอกสนใจถิ่นที่อยู่ของฮาร์ปี้และเหล่าอสูรกายขึ้นมา สนอกสนใจถึงขั้นตามเด็กๆ บ้านเอรีสมาเที่ยวเล่นยังจุดที่ขึ้นชื่อว่ามักจะมีตัวประหลาดออกก่อความวุ่นวาย


              แน่ล่ะว่ามันคือการหาเรื่องใส่ตัวโดยใช่เหตุ อีกนัยหนึ่งก้ท้าทายยวนใจไม่ใช่เล่นๆ


              บางทีครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพเฮคาทีอย่างนิกซ์อาจแค่รู้สึกอยากหาอะไรทำ ให้ตัวเองได้เข้าใกล้ความอันตรายเพื่อที่จะดูว่า ‘มารดา’ คนนั้นจะสนใจใยดีลูกคนนี้อยู่บ้างไหม หากว่าอีกฝ่ายไม่แคร์ก็ใช่ว่าตนจะใส่ใจอยู่ดี ความรู้สึกของใครก็ต้องให้คนนั้นจัดการกันเอาเอง คลาริสวิญญาณในสร้อยสอนเธอมาแบบนี้


              คำที่ว่าอยากเจอก็ได้เจอนั้นพูดไม่ผิด


              พวกเขามาถึงลานชิงช้าได้ไม่นานก็พบเข้ากับฝูงก๊อบลินออกก่อกวนสถานที่ เด็กบ้านเอรีสยังไม่ทันตื่นรู้รึรับรองสายเลือดพลังเทียบเท่าเจ้าต้าวน้อยวัยสิบสาม อย่าหวังให้พวกเขาคุ้มครองเธอเลย ลำพังจะเอาตัวเองให้รอดยังลำบาก นิกซ์ไม่ใช่คนใจดำขนาดมองเห้นใครตายต่อหน้า ดังนั้นเมื่อเจ้าก๊อบลินจ่าฝูงหรือที่เหล่ามนุษย์เห็นเป็นเจ้าหน้าที่สวนสนุกวิ่งไล่จับผู้เคราะห์ร้าย วูบหนึ่งสมองก็สั่งให้นิกซ์หวดไม้เบสบอลในมือออกไปเต็มรักแล้วลากคอเด็กคนนั้นหนีไปด้วยกัน


              จ่าฝูงก๊อบลินหลังสิ้นความมึนงงก็กระโดดไปบนเสาสัญญาณ มันใช้ความเจ้าเล่ห์ร้องเรียกลุกฝูงกรูกันตามหากลุ่มของนิกซ์ จังหวะที่คอยกลบหลีระคนวิ่งกลับไปยังบาเรียก็พลาดโดนดาบืท่อๆ ของเจ้าตัวหัวโจกถากๆ แขนไปคราวหนึ่ง


              จ่าฝูงก๊อบลินร้องยินดีท่ามกลางสายตาที่เปลี่ยนไปของนิกซ์ เด็กๆ เดมิก้อดที่มาด้วยพันพยายามดึงแขนเธอให้ก้าวเข้าไปในบาเรีย


              “ กล้าทำฉันเจ็บ ฉันจะมอบความทรมานยิ่งกว่าตายให้แกเอง !! ”


              นิ้วกลางถูกชูไปยังไอ้เวรก๊อบลินเขียว วันนี้รอดไปก่อน วันหน้า รอฉันมาคิดบัญชี !

   




รับเควสโรงอาหาร




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 11958 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-3-3 18:45
โพสต์ 11,958 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก เสื้อคลุม AOWOFS  โพสต์ 2024-3-3 18:45
โพสต์ 11,958 ไบต์และได้รับ +5 ความโหด จาก แว่นกันแดด
PHANTOM
  โพสต์ 2024-3-3 18:45
โพสต์ 11,958 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-3-3 18:45
โพสต์ 11,958 ไบต์และได้รับ +2 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย  โพสต์ 2024-3-3 18:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เวทมนต์ [II]
ศาสตร์การปรุงยา
คบเพลิงเวท
ผลิตภัณฑ์กันแดด
แหวนจันทราทมิฬ
หยกหงส์คู่นิรันดร์
โล่อัสพิส
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
ชุดเครื่องเพชร
รองเท้าส้นสูง
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
โรคสมาธิสั้น
แว่นกันแดด
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
มีดสั้นสัมฤทธิ์
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x5
x1
x2
x6
x3
x3
x17
x5
x4
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x9
x1
x1
x20
x1
x1
x2
x3
x3
x11
โพสต์ 2024-3-5 02:48:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ƬΛKΣ FЯӨM ƬΉΣM ΣVΣЯYƬΉIПG!!






"จงอย่าให้มันได้อะไรไป แต่จงเอาจากมัน'ทุกๆอย่าง'" วลีที่ฉันชอบที่สุดในหนังเรื่อง 300 เลยล่ะ สร้างฮึกเหิมให้กับฉันไม่ใช่น้อย ศัตรูตรงหน้าไม่ว่าจะแกร่งแค่ไหน ถ้ามันไม่เกินตัวฉันไป ต่อให้หักแขนหักขามันก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้าฉันจะทำให้มันสำเร็จให้จนได้นั่นล่ะ

   "ย้ากก ตายสะ ไอ้หน้าหนอน" เสียงคำรามลั่นของชายหนุ่ม ที่ใช้กำลังและความสามารถทั้งหมดที่มีจัดการกับก๊อปลินตรงหน้าและก็สามารถจัดการมันลงได้อย่างง่ายดาย โดยเสียเหงื่อกับได้บาดแผลไปไม่กี่แผล แต่กับอีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาขัดขวางการต่อสู้นั้น มันพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและฉุดร่างของเขาและก็อปลินที่โชคร้ายขึ้นไปกลางอากาศ มันคือฮาร์ปี้ป่าที่คอยทำร้ายคนที่เข้าไปยุ่งในถิ่นของมัน ด้วยไหวพริบของชายหนุ่มและความ.. เบียว ของตัวเองที่คิดว่า ตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับศัตรูบนกลางอากาศ ซึ่งมันคือช่วงเวลาที่เขานั้นรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เขาเหวี่ยงหอกยาวของเขากระแทกเข้าที่ชายโครงแล้วชักเข้าหาตัว ก่อนที่จะทิ่มเข้าที่กลางซี่โครงของมันอย่างแรง แสียงร้องคำรามของมันที่เต็มไปด้วยความโกร มันชายหนุ่มที่ตัวใหญ่กว่ามันโยนขึ้นไปให้สูงขึ้นกว่านั้นอีก 

  ตอนนี้ชายหนุ่มร่างกายของเขานั้นลอยอยู่กลางอากาศสูงเหนือชิงช้าขึ้นไปมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งปะทะกับฮาร์ปี้ เจ้าฮาร์ปี้มันก็ยิ่งจับโยนเขาึ้นไปอีก จนกระทั่ง ตัวของมันนั่นหมดแรง และเสียท่าให้กับชายหนุ่ม คมหอกของเขาปักเข้ากลางลำคอของฮาร์ปี้ที่มันนั้นพยายามเขวี้ยงร่างของก็อปลินใส่เขา 

  ทั้งหมดค่อยร่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วง และตัวของเขานั้นก็ร่วงตามไป เขาใช้จังหวะที่เข้าใกล้ชิงช้าก่อนจะคว้าคานเหล็กของชิงช้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว ปล่อยร่างของสัตว์ประหลาดที่เขาจัดการลงให้ร่วงตกไปที่พื้นคาที่ ชายหนุ่มที่โหนอยู่ที่คานเห็นสภาพของทั้งสองตัวนั้น ก็คงอดคิดไม่ได้ว่าหากเขาไม่ทันได้เกาะคานเอาไว้ สภาพของเขาก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก..

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8063 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-3-5 02:48
โพสต์ 8,063 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก เสื้อคลุม AOWOFS  โพสต์ 2024-3-5 02:48
โพสต์ 8,063 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด  โพสต์ 2024-3-5 02:48
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ช่ำชองการรบ[II]
กระโดดแห่งชัยชนะ
น้ำหอมบุรุษ
นาฬิกาสปอร์ต
มีดสั้นสัมฤทธิ์
ความถึก
กำไลหินนำโชค
เกราะหนัง
หมวกเกราะ
รองเท้าเซฟตี้
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(กรีก)
โล่อัสพิส
หอกกรีก
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x4
x60
x4
โพสต์ 2025-2-14 13:32:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-2-14 13:37

Time


14/02/25 



บทพิเศษ Valentine's Day


ตอนที่ 2 




ทันทีที่ก้าวเข้ามาใน สวนสนุกแดร์ ยูนิเวอร์แซล คูเปอร์ก็แทบอยากจะกระโดดดีใจ  


อย่างน้อย...ก็ในใจนะ  


สมาชิกฮาล์ฟบลัดเข้าฟรี!  


เรื่องนี้มันยอดเยี่ยมขนาดไหนน่ะเหรอ? ก็ขนาดที่ว่าเขาไม่ต้องเอาเงินทั้งหมดในกระเป๋าไปเทกับค่าตั๋วเข้าชมที่แพงจนน้ำตาจะไหล  


เจ้าของนัยน์ตาสีเทาหยิบเงินในกระเป๋าออกมานับดูอีกรอบ ทั้งหมดที่มีติดตัวอยู่ตอนนี้คือ 100 ดอลลาร์… ในขณะที่ค่าผู้ใหญ่คนเดียวก็ปาเข้าไปตั้งร้อยดอลลาร์นิด ๆ แล้ว  


“ฮัลโหล มันจะพอได้ยังไง?” 


เขาแทบอยากจะร้องไห้ให้กับตัวเองตอนที่ก้าวผ่านประตูเข้ามาฟรีๆ พร้อมสายลมหนาวที่พัดผ่านราวกับบอกว่า "ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนมหัศจรรย์!"


ไลแซนเดอร์ที่เดินอยู่ข้างๆ เหลือบมองสีหน้าของเขาแล้วยิ้มขัน “ดูเหมือนคุณจะโล่งใจมากเลยนะ”  


“โอ้ คุณไม่รู้หรอกว่าผมดีใจขนาดไหน” เจ้าของเรือนผมสีเข้มกุมอกตัวเองราวกับกำลังซาบซึ้งบุญคุณของใครสักคน “ถ้าต้องจ่ายค่าตั๋วเอง ผมคงได้แต่มองสวนสนุกจากข้างนอกแล้วร้องเพลง ‘Let me in’”  


รุ่นพี่ที่ดูอายุมากกว่าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ สวนสนุกที่มีแสงสีสดใสและเสียงหัวเราะของผู้คนดังระงม  


“แล้ว...เราจะไปทำอะไรกันก่อนดี?” ไลแซนเดอร์ถามพลางกวาดตามองไปรอบๆ  


“เราต้องมีแผนสิครับ!” คูเปอร์ว่า พลางคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินไปทางหนึ่ง “มานี่ครับ เราไปดูแผนที่กันก่อน”  


พวกเขาหยุดยืนที่หน้าป้ายขนาดใหญ่ที่มีแผนที่ของสวนสนุกติดอยู่ จุดที่พวกเขาอยู่ถูกระบุด้วยจุดแดงเล็กๆ ส่วนรอบๆ เป็นเครื่องหมายบอกตำแหน่งของโซนต่างๆ ที่น่าสนใจ  


“ดูเหมือนจะมีหลายอย่างให้เลือกเลยนะ” ไลแซนเดอร์เอ่ย ขณะที่สายตากวาดไปตามชื่อสถานที่ที่อยู่บนแผ่นป้าย “เครื่องเล่น... บ้านผีสิง... มีเวทีการแสดงนิทานเทพกรีกด้วย?”  


คูเปอร์กอดอกพิจารณาทางเลือกที่อยู่ตรงหน้า “อืมม... พี่สนใจอะไรเป็นพิเศษไหม?”  


“ผมให้คุณเลือกก่อนดีกว่า”  


“แบบนี้กดดันเลยนะ” คูเปอร์หัวเราะ ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาเมื่อเห็นบางอย่างบนแผนที่  


“โอ้ ดูนี่สิ! มี สวนดอกไม้เขาวงกต ด้วย!”  


ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณอยากไปที่นั่นเหรอ?”  


แน่นอนสิ! มันดูท้าทายออก” เจ้าตัวว่าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่อย่าบอกนะว่าไม่เคยลองเข้าเขาวงกตมาก่อน”  


“อืม... ไม่เคยเลยแฮะ”  


“งั้นก็ดีเลย! คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ไปพร้อมกับผม”  


ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ คูเปอร์ก็คว้ามือของคนข้างๆ แล้วเดินนำไปทันที ไลแซนเดอร์ชะงักเล็กน้อยกับการสัมผัสกะทันหัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงมือออก  


“คุณดูตื่นเต้นจังเลยนะ”  


“แน่นอน! ใครล่ะจะไม่อยากลองท้าทายตัวเองในเขาวงกต?”  


ไลแซนเดอร์ส่ายหน้าขำๆ ก่อนจะเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรอีก  



พวกเขามาหยุดอยู่หน้าทางเข้าของสวนดอกไม้เขาวงกต ซึ่งมีป้ายเล็กๆ แขวนอยู่ด้านหน้า  


"ยินดีต้อนรับสู่เขาวงกตแห่งกลีบดอกไม้! โปรดใช้สัญชาตญาณและสติปัญญาในการหาทางออก!"  


“โห นี่มันฟังดูเหมือนกำลังจะพาเราไปล่าขุมทรัพย์เลย” คูเปอร์ว่า พลางกวาดตามองแนวกำแพงต้นไม้ที่สูงท่วมหัว  


ไลแซนเดอร์อ่านป้ายก่อนจะเหลือบมองเขา “แล้วคุณคิดว่าเราจะออกมาได้ไหม?”  


“พี่ครับ ฟังแล้วเหมือนพี่ไม่เชื่อในตัวเองเลยนะ”  


“เปล่าหรอก ผมแค่สงสัยว่าเราจะต้องติดอยู่ข้างในกี่ชั่วโมง”  


“โอ้ คุณคิดมากไปเอง” เจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กล่าว ก่อนจะโบกมือให้เดินตาม “ไปกันเถอะครับ!”  


เมื่อทั้งสองก้าวเข้ามาข้างใน ความเงียบก็เข้าปกคลุมรอบตัวอย่างน่าประหลาด ใบไม้ไหวตามสายลม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้โชยมาแตะจมูก ทุกอย่างดูสงบ...จนน่าขนลุก  


“แยกกันเดินแล้วแข่งกันไหม?” คูเปอร์เสนอขึ้นอย่างติดตลก  


ไลแซนเดอร์เหลือบมองเขานิ่งๆ “คุณอยากทิ้งผมกลางเขาวงกตจริงหรอ?”  


“ล้อเล่นน่า” คูเปอร์หัวเราะ ก่อนจะเดินต่อไปด้านหน้าอย่างมั่นใจ “ยังไงก็ออกได้อยู่แล้ว”  


ไม่ถึงสามนาทีถัดมา...  


“เราหลงทางแล้วหรือเปล่า?”  


คูเปอร์หยุดเดิน สายตากวาดไปรอบๆ อย่างครุ่นคิด ขณะที่ไลแซนเดอร์มองเขาด้วยสีหน้าที่ดูจะคาดการณ์ผลลัพธ์นี้เอาไว้อยู่แล้ว  


“อืมม... อาจจะนิดหน่อย”  


“อืมม... นิดหน่อย?”  


“โอเค ยอมรับเลยว่าผมหลง” คูเปอร์ถอนหายใจ ก่อนจะหันมาทางอีกคน “แล้วคุณมีไอเดียไหม?”  


ไลแซนเดอร์ไม่ได้ตอบอะไรทันที แต่กลับยกมือขึ้นแตะดอกไม้สีขาวที่อยู่บนกำแพงต้นไม้ใกล้ตัว  


“กลิ่นของดอกไม้ที่นี่แตกต่างกันไปในแต่ละเส้นทาง” เขาพูดเสียงเรียบ “บางทีถ้าเราลองเดินตามทิศที่มีกลิ่นดอกไม้เข้มขึ้น อาจจะเป็นทางออก”  


คูเปอร์มองคนข้างๆ อย่างทึ่งๆ “คุณเป็นนักสังเกตที่ดีมาก”  


“ก็อาจจะเป็นนิสัยติดตัว” ไลแซนเดอร์ไหวไหล่เบาๆ “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”  


ระหว่างที่พวกเขาเดินตามกลิ่นดอกไม้ ดวงตาสีเทาของคูเปอร์ก็เหลือบมองคนข้างๆ โดยไม่รู้ตัว บางทีอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่เงียบลง หรืออาจจะเป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาสังเกตเห็น...  


ริมฝีปากที่ยกยิ้มเพียงน้อย และประกายในดวงตาสีดำที่สะท้อนแสงแดดอ่อนๆ  

 


เขาต้องไม่เผลอจ้องอีกฝ่ายนานเกินไปสินะ?




...โอเค นี่อาจจะเป็นปัญหาแล้วล่ะ


คูเปอร์ไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่า การเลือกเขาวงกตเป็นสถานที่เดตแรกมันอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก  


แน่นอนว่าแผนเดิมของเขาคือ ‘พากันเดินเล่นท่ามกลางดอกไม้ แอบแหย่กันไปมา และสร้างบรรยากาศแบบพระเอกหนังรักที่ดูมั่นใจในตัวเองสุดๆ’ แต่ในความเป็นจริง... มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น  


หนึ่ง พวกเขาหลงทางแบบสมบูรณ์แล้ว  


สอง ไลแซนเดอร์กำลังมองเขาด้วยสายตาที่บอกว่า "เห็นไหมล่ะ ผมกะแล้วว่าคุณต้องหลง" 


และสาม หัวใจของเขากำลังเต้นแรงกว่าปกติ… และมันคงเพราะตื่นเต้นกับการหาทางออกว่าวันนี้พวกเขาจะได้ออกไปไหมหรือสวนสนุกจะปิดก่อน 


“คุณโอเคไหม?”


น้ำเสียงนุ่มลึกดังขึ้นไม่ห่างจากตัว คูเปอร์เงยหน้าขึ้นสบตาคู่เดตของตัวเองที่กำลังโน้มตัวลงมาเล็กน้อยเพื่อดูใบหน้าของเขาใกล้ขึ้น... ใกล้เกินไปหน่อยแล้วมั้ง!  


“โอเคสิ! ผมแข็งแรงสุดๆ เลย!” เขารีบผละตัวออกพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ เพื่อปกปิดความร้อนที่กำลังไล่ขึ้นมาตามต้นคอ  


ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยืดตัวกลับไปยืนเต็มความสูง “ถ้าคุณว่าอย่างนั้น”  


คูเปอร์รีบหันไปสนใจเส้นทางแทน เขาวงกตดูเหมือนจะเล่นสนุกกับพวกเขา เพราะไม่ว่าเดินไปทางไหนก็เหมือนจะวกกลับมาที่เดิม  


“ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่นี่มันเป็นสวนดอกไม้หรือคุกขังคน” 


“ใจเย็นสิ” ไลแซนเดอร์หัวเราะเล็กน้อย “คุณดูรีบร้อนจัง”  


“ก็ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าเราจะได้ออกไปจากที่นี่จริงๆ หรือเปล่าไง”  


“เราจะออกไปได้”  


“พี่แน่ใจได้ยังไง?”  


“เพราะผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า”  


“...?”  


“แล้วผมก็ไม่คิดจะอดตายอยู่ในเขาวงกตนี้”  


คูเปอร์นิ่งไป ก่อนจะหลุดหัวเราะ “โอเค ผมยอม พี่เป็นคนที่เหตุผลแปลกจริงๆ”  


เขาพยายามโฟกัสไปที่ทางเดินข้างหน้า แต่ก็ดันเผลอเหลือบตามองไลแซนเดอร์อีกแล้ว  


บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ กลิ่นดอกไม้หอมจางๆ ลอยตามสายลม ใบหน้าของคู่เดตที่เดินข้างๆ ดูผ่อนคลาย รอยยิ้มบนมุมปากของอีกฝ่ายทำให้บางอย่างในใจของเขาเต้นผิดจังหวะ  


คูเปอร์สะบัดหัวนิดๆ แล้วพยายามเลิกคิดมาก  


เขาสูดหายใจเข้าลึก ตั้งสมาธิกับเส้นทางตรงหน้าแทนที่จะปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้  


"พี่ไลแซนเดอร์คิดว่าเราจะต้องติดอยู่ในนี้อีกนานแค่ไหน?" คูเปอร์เปลี่ยนเรื่อง พลางกวาดตามองกำแพงต้นไม้สูงท่วมหัวรอบตัวพวกเขา "หวังว่าคงไม่ใช่ถึงพรุ่งนี้เช้านะ"  


"ถ้าคุณยังนำทางแบบนี้ก็อาจจะเป็นไปได้" ไลแซนเดอร์ว่าเสียงเรียบ แต่แววตาสะท้อนแววขบขัน  


คูเปอร์หรี่ตามองเขา "นี่นายกำลังดูถูกความสามารถของผมอยู่หรือเปล่า?"  


"เปล่าหรอก ผมแค่พูดตามข้อเท็จจริง"  


"โห โดนคู่เดตเหน็บแนมแบบนี้ นี่ผมต้องน้อยใจไหมเนี่ย"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะในลำคอ "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก คุณดูเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองดี"  


"ผมก็ต้องมั่นใจสิ" คูเปอร์ว่า พลางกระแทกส้นเท้าลงบนพื้นเบาๆ "ถ้าไม่มั่นใจ แล้วเราจะเดินไปข้างหน้ากันได้ยังไง"  


"ก็จริง" ไลแซนเดอร์พยักหน้า เหมือนจะครุ่นคิดตาม  


พวกเขายังคงเดินเคียงกันต่อไป เส้นทางในเขาวงกตเริ่มดูคล้ายกันไปหมด คูเปอร์พยายามจับสังเกตสิ่งรอบตัว ทั้งกลิ่นดอกไม้ สีของใบไม้ หรือแม้กระทั่งทิศทางของแสงแดดที่ลอดผ่านแนวพุ่มไม้  


"พี่ว่าถ้าเราติดอยู่ที่นี่จริงๆ เราควรตั้งแคมป์ตรงไหนดี?"  


"ผมว่าตรงนั้น" ไลแซนเดอร์ชี้ไปยังม้านั่งหินอ่อนเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับน้ำพุขนาดเล็กกลางสวน  


"อืม ดูเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การตั้งหลัก" คูเปอร์พยักหน้าอย่างจริงจัง "แล้วเราจะหาอาหารจากไหน?"  


"คุณไม่พกของว่างมาด้วยเหรอ?"  


"โอ้ ผมมีขนมอยู่ในกระเป๋า แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะพอสำหรับสองคน"  


ไลแซนเดอร์ยิ้มบาง "งั้นก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องกินข้าวโพดคั่วหกจากตอนเด็กๆ ของตัวเอง"  


คูเปอร์หัวเราะ "โอ้โห พี่ยังจำเรื่องนั้นได้อยู่อีกเหรอ?"  


"ก็เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง"  


พวกเขาหยุดเดินชั่วครู่ข้างน้ำพุ เสียงน้ำหยดเบาๆ กับสายลมที่พัดผ่านทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสงบผิดกับสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่  


คูเปอร์เหลือบมองไลแซนเดอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ แสงแดดยามบ่ายตกกระทบเส้นผมน้ำตาลเข้มของอีกฝ่าย ทำให้มันดูเหมือนกำลังสะท้อนแสงสีอ่อนจาง  


เขาหลุดปากพูดไปโดยไม่ทันคิด "คุณดูเป็นคนใจเย็นดีนะ"  


ไลแซนเดอร์หันมามองเขา "หมายถึง?"  


"หมายถึงคุณดูไม่ตื่นเต้นหรือกระวนกระวายเลย"  


"อาจจะเพราะผมไม่ได้กังวลมากมั้ง"  


"โห นี่ถึงขั้นไม่กลัวจะติดอยู่ในเขาวงกตเลย?"  


"ผมไม่คิดว่าเราจะติดอยู่ในนี้ไปตลอดหรอก" ไลแซนเดอร์ยกมือแตะพุ่มไม้ข้างๆ "ยังไงมันก็ต้องมีทางออก"  


คูเปอร์พยักหน้าอย่างยอมรับ "พี่นี่มองโลกในแง่ดีใช้ได้เลยนะ"  


"ผมแค่ชอบคิดว่าทุกอย่างมีหนทางของมัน"  


"พูดแบบนี้เหมือนคุณเป็นพวกนักปรัชญาเลยนะ"  


ไลแซนเดอร์เอ่ยตอบ "ถ้าผมเป็นนักปรัชญาจริงๆ ก็คงพูดอะไรให้ดูเป็นแนวคิดลึกซึ้งกว่านี้หน่อย"  


คูเปอร์หัวเราะให้กับคำตอบของรุ่นพี่ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ อีกครั้ง "เอาล่ะ! งั้นเรามาลองกันใหม่!"  


เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ไลแซนเดอร์เดินตามมาเงียบๆ ราวกับปล่อยให้คนข้างตัวลองนำทางไปก่อน  


การเดินสำรวจเขาวงกตดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เส้นทางคดเคี้ยวเปลี่ยนไปทุกครั้งที่พวกเขาเลี้ยวตรงหัวมุม ต้นไม้สูงท่วมหัวทำให้ยากจะบอกได้ว่าพวกเขาอยู่ส่วนไหนของเขาวงกตแล้วกันแน่  




ไม่นานนัก...  


"อืม... ผมว่าผมเคยเห็นซอกกำแพงต้นไม้อันนี้มาก่อนนะ" คูเปอร์หันไปมองคู่เดตของตัวเองช้าๆ "อย่าบอกนะว่าเราเดินเป็นวงกลม?"  


ไลแซนเดอร์ไม่ได้ตอบ แต่สายตาที่อีกฝ่ายใช้มองเขานั้นแทนคำพูดได้ดีมาก  


"...โอเค ผมขอโทษ ผมไม่ใช่เข็มทิศที่ดี"  


"ผมไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ"  


"แต่สายตาคุณมันพูดแทนหมดแล้ว!"  



แม้ว่าคูเปอร์จะยังคงใช้สัญชาตญาณในการนำทาง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับว่า "โอเค บางทีให้ไลแซนเดอร์นำก็ได้"


ไลแซนเดอร์เองก็ดูจะไม่ได้มีปัญหากับการเดินต่อไปเงียบๆ ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองรอบตัวอย่างตั้งใจ ทุกครั้งที่ถึงทางแยก เขาจะหยุดเพื่อพิจารณาเส้นทางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลือกเดินต่อ คูเปอร์เริ่มสังเกตว่าอีกฝ่ายอาศัยการเปลี่ยนแปลงของลมและกลิ่นของดอกไม้ในการตัดสินใจ  


และแล้ว 


เมื่อพวกเขาเดินเลี้ยวผ่านแนวพุ่มไม้หนาทึบ ก็ต้องหยุดชะงักกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า  


ทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ทอดตัวอยู่ตรงนั้น ราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของเขาวงกตแห่งนี้  


ดอกไม้หลากสีสันบานสะพรั่งเต็มพื้นที่ กลีบดอกไม้พริ้วไหวไปตามแรงลม กลิ่นหอมหวานเจือความเย็นของอากาศลอยอ้อยอิ่ง เสียงใบไม้เสียดสีเบาๆ คล้ายเป็นท่วงทำนองของธรรมชาติที่กำลังต้อนรับพวกเขาเข้าสู่สถานที่แห่งนี้  


คูเปอร์กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเปรยขึ้นเสียงดัง  


"โอ้โห... ผมว่าเราเจอที่ที่ดีที่สุดของเขาวงกตแล้วล่ะ"


ไลแซนเดอร์พยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ราวกับกำลังจดจำรายละเอียดของสถานที่นี้ไว้ในใจ  


"คุณว่าเราพักตรงนี้สักหน่อยดีไหม?"  


คนที่น่าจะอายุมากกว่าหันกลับมามอง ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย "คุณจะนั่งพักกลางเขาวงกตแบบนี้เลยเหรอ?"  


"ทำไมล่ะ? ดูนั่นสิ ดอกไม้เต็มไปหมด อากาศก็ดีขนาดนี้ ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องเดินต่อไปทันทีเลย" คูเปอร์พูดพลางกวาดมือไปรอบๆ "อีกอย่าง ไหนๆ เราก็ติดอยู่ในนี้แล้ว ผมว่าหาอะไรทำระหว่างทางไปด้วยก็น่าจะดีกว่า"  


ไลแซนเดอร์ยิ้มราวจะบอกว่าเป็นความคิดที่ไม่แย่ ก่อนจะเดินไปหาที่เหมาะๆ นั่งลง คูเปอร์เองก็ตามไปนั่งลงข้างๆ  


พื้นดินด้านล่างปกคลุมด้วยใบหญ้านุ่ม ให้ความรู้สึกเย็นสบาย กลิ่นดอกไม้ที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายจนน่าแปลกใจ  


คูเปอร์เอนตัวลงไปนอนกับพื้นหญ้า กอดอกมองท้องฟ้าสีครามที่มีเมฆขาวลอยเอื่อย ก่อนจะเปรยขึ้น "ผมว่าผมจะจำวันนี้ได้นานเลยแหละ"  


"เพราะหลงทางในเขาวงกต?"  


"ก็ส่วนหนึ่ง..." คูเปอร์เอียงศีรษะไปมองคู่เดตของตัวเองที่นั่งเอนหลังพิงมือกับพื้น พลางหลุบตาลงนิดๆ คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง  


"อีกส่วนก็เพราะมันเป็นวันที่ผมได้เจออะไรที่สวยแบบนี้"  


ไลแซนเดอร์เหลือบตามองเขานิดๆ ก่อนจะเบนสายตากลับไปที่ทุ่งดอกไม้ "ที่นี่ดูเหมือนเป็นสถานที่ที่คนไม่ค่อยได้เข้ามาถึง"  


"ก็แหงล่ะ มันต้องผ่านทางซับซ้อนขนาดนั้น" คูเปอร์หัวเราะ "แต่ผมว่ามันก็คุ้มอยู่นะ"  


ไลแซนเดอร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่รอยยิ้มอ่อน ที่มุมปากก็ยังไม่หายไป  


บรรยากาศเงียบลงชั่วครู่ คูเปอร์เองก็ไม่ได้เร่งรัดบทสนทนาใดๆ แค่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติของมัน  


ลมเย็นๆ พัดผ่าน เสียงดอกไม้กระทบกันเบาๆ คูเปอร์หลับตาชั่วครู่แล้วผ่อนลมหายใจออกอย่างสบายใจ  


คูเปอร์เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง ก่อนจะค้นหาบางอย่างข้างใน พลางเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆ  


“พี่บอกว่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม?”  


ไลแซนเดอร์ละสายตาจากดอกไม้ตรงหน้า หันกลับมามองเขาพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อย “อืม”  


“งั้นเอานี่ไปกินรองท้องก่อน”  


มือข้างหนึ่งยื่นขนมแพ็กเล็กๆ ให้ คูเปอร์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นอะไร เพราะเขาหยิบมาแบบไม่ดูระหว่างเตรียมของตอนเช้า แต่ก็คิดว่ามันน่าจะช่วยให้พี่ชายข้างตัวไม่ต้องเดินไปพร้อมกับท้องว่างเปล่าได้  


ไลแซนเดอร์รับไปแต่โดยดี ก่อนจะเหลือบตามองห่อขนมแล้วอมยิ้ม “คุณพกของแบบนี้ติดตัวตลอดเลยเหรอ?”  


“แน่นอนสิ! การเตรียมตัวคือกุญแจสู่ความอยู่รอดนะ” คูเปอร์ยืดอกเล็กน้อย “บางทีเราอาจจะไม่รู้เลยว่าต้องใช้มันเมื่อไหร่ แต่ถ้ามีติดไว้ก็ช่วยชีวิตได้เสมอ”  


ไลแซนเดอร์ส่งรอยยิ้ม ก่อนจะเปิดซองขนม คูเปอร์สังเกตว่ามืออีกฝ่ายเรียวยาว ดูสะอาดสะอ้านมากเกินกว่าจะเป็นมือของคนที่ผ่านการฝึกฝนการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป  


รุ่นพี่หยิบขนมเข้าปาก คูเปอร์มองตามพลางยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ  


“หลังจากเราหาทางออกจากเขาวงกตนี้ได้ เดี๋ยวเราไปหาของอร่อยกินกันเถอะ”  


“อืม ฟังดูดี” ไลแซนเดอร์พยักหน้า “มีร้านไหนที่คุณอยากไปเป็นพิเศษไหม?”  


“ยังไม่ได้คิดเลยแฮะ” คูเปอร์หัวเราะ “เดี๋ยวพอออกไปแล้วค่อยเดินหาเอาก็แล้วกัน”  


ลมเย็นพัดผ่านอีกครั้ง ขณะที่คูเปอร์มองดูไลแซนเดอร์เคี้ยวขนมไปเงียบๆ สีหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ดูเหมือนว่าจะพอใจกับสิ่งที่ได้รับ  


"อร่อยไหมครับ?" เขาถามขำๆ  


"ก็ดีกว่าท้องว่างล่ะนะ" คนข้างตัวตอบเสียงเรียบ แต่ท้ายประโยคมีรอยยิ้ม แฝงอยู่  


คูเปอร์ยกมือขึ้นลูบคางตัวเอง "อืม... งั้นถ้าออกจากที่นี่ไปแล้ว ผมจะเป็นคนเลือกของกินให้คุณเอง"  


ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วนิดๆ "คิดจะรับผิดชอบมื้ออาหารให้ผมเลยเหรอ?"  


"แน่นอนสิครับ ก็เดตทั้งที ผมต้องดูแลคู่เดตให้ดี" คูเปอร์พูดหน้าตาย ก่อนจะหัวเราะอีกครั้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหัวอย่างอ่อนใจ  


"งั้นก็หวังว่ารสนิยมด้านอาหารของคุณจะไม่แย่นะ"  


"เฮ้ ผมน่ะเลือกของกินเก่งจะตาย"  


"เดี๋ยวออกจากที่นี่ไปแล้วจะตัดสินเอง"  


คูเปอร์อมยิ้ม พลางเอนตัวพิงแขนตัวเองบนพื้นหญ้า เสียงดอกไม้เสียดสีกันดังแผ่วเบาในสายลม บรรยากาศรอบตัวสงบลงชั่วขณะ...  


"ชีวิตในค่ายเป็นยังไงบ้าง?"  


เสียงทุ้มของไลแซนเดอร์ดังขึ้นหลังจากพวกเขานั่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง เจ้าของดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองคู่เดตที่นอนเอนอยู่กับพื้นหญ้า ก่อนจะเอ่ยถามต่อ "ตอนที่รู้ว่าตัวเองเป็นครึ่งเทพ รู้สึกยังไงเหรอ?"  


คูเปอร์ไม่ได้ตอบในทันที ดวงตาสีเทาของเขาหลุบลงนิดๆ ราวกับกำลังจมลงไปในห้วงความคิด ก่อนจะหลับตานิ่งไปพักหนึ่ง  


เขากำลังนึกย้อนกลับไปถึงชีวิตในค่ายฮาล์ฟบลัด สถานที่ที่กลายเป็น 'บ้าน' แห่งที่สองของเขามาเนิ่นนาน  


มีทั้งความทรงจำดีๆ และเสียงหัวเราะ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมแม่ที่น่ารักอย่าง ลิเลียน่า และ คลาร่า เหล่าน้องสาวที่ฉลาดและเก่งกาจในแบบของตัวเอง หรือแม้แต่เพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งออกไปผจญภัยร่วมกันมา อย่าง คาเลบ บุตรแห่งอะพอลโล และ เมเรซ บุตรแห่งอะโฟรไดท์ แม้ว่าภารกิจพยากรณ์ที่เขาร่วมมือกับพวกนั้นจะเป็นแค่ภารกิจสั้นๆ เพียงวันเดียว แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่มีวันลืม  


คูเปอร์ลืมตาขึ้น มองท้องฟ้าเหนือศีรษะ ก่อนจะหันไปสบตากับไลแซนเดอร์ที่นั่งรอฟังคำตอบของเขา  


"ชีวิตในค่ายก็...เรื่อยๆ ครับ" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ "มีเรื่องสนุกให้ทำทุกวัน ถ้าไม่นับพวกปีศาจที่โผล่มากวนบ้างเป็นครั้งคราว ก็ถือว่าค่อนข้างสงบนะ"  


"ฟังดูเหมือนคุณเข้ากับชีวิตที่นั่นได้ดี"  


"ผมอยู่ที่นั่นมานานมากแล้ว คงเรียกได้ว่าเป็นบ้านของผมไปแล้วล่ะ" คูเปอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ "แต่จะว่าไปแล้ว ถึงจะอยู่มานานขนาดนี้ ผมก็ยังไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเดมิก็อดเท่าไหร่เลยนะ"  


ไลแซนเดอร์เอียงศีรษะเล็กน้อย "หมายความว่าไง?"  


"หมายถึง..." คูเปอร์เว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ 


"จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังรู้สึกเหมือนเป็นแค่คนธรรมดาอยู่ดี ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือแตกต่างจากเมื่อก่อนเลย"  


"คุณคิดว่าการเป็นเดมิก็อดควรจะรู้สึกต่างจากคนทั่วไปมากกว่านี้เหรอ?"  


"ไม่รู้สิ" เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ "บางทีผมอาจจะเคยคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ อลังการ หรืออะไรแบบนั้น แต่พอใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก"  


ไลแซนเดอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังไตร่ตรองคำพูดของเขา ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น  


"แต่ผมว่าการเป็นเดมิก็อดที่ใช้ชีวิตได้ปกติ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วนะ"  


คูเปอร์หันไปมองคนข้างๆ เห็นอีกฝ่ายกำลังจ้องมองทุ่งดอกไม้เบื้องหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก  


"...คุณว่าจริงเหรอ?"  


"อืม" ไลแซนเดอร์พยักหน้า "มันหมายความว่าคุณสามารถอยู่กับมันได้โดยไม่ต้องให้มันมากำหนดตัวคุณ"  


คูเปอร์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา "ถ้ามองแบบนั้นก็น่าสนใจดีแฮะ"  


เสียงลมพัดผ่านเบา กลีบดอกไม้ลอยละล่องอยู่ในอากาศ บรรยากาศรอบตัวเงียบลงอีกครั้ง แต่เป็นความเงียบที่ไม่ได้อึดอัด แค่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะให้พวกเขาได้คิดทบทวนอะไรบางอย่างตามจังหวะของตัวเอง




ในชั่วขณะหนึ่ง คูเปอร์คิดว่า การติดอยู่ในเขาวงกตกับไลแซนเดอร์อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ขนาดนั้น…



มอบ ทาร์ตไข่ ให้ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์


@Dean 



แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์ เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-2-14 14:36
ส่งข้อมูลพาร์ตต่อไปทาง DM แล้ว  โพสต์ 2025-2-14 13:47
โพสต์ 138946 ไบต์และได้รับ 80 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-2-14 13:32
โพสต์ 138,946 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก กลยุทธ์การรบ  โพสต์ 2025-2-14 13:32
โพสต์ 138,946 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก ยาดม  โพสต์ 2025-2-14 13:32
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 2025-2-14 17:08:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด

Time


14/02/25 



บทพิเศษ Valentine's Day


ตอนที่ 3





เสียงคำรามต่ำดังขึ้นในความเงียบสงบของทุ่งดอกไม้


คูเปอร์ชะงัก หันขวับไปตามเสียง ร่างสูงของไลแซนเดอร์ที่อยู่ไม่ไกลกันเองก็ตวัดสายตามองไปทางเดียวกัน ดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายเบิกโพลงอย่างระแวดระวัง



“ในที่สุด... ก็เจอแกเสียที!”  


เสียงแหบพร่าก้องกังวานไปทั่วเขาวงกต ก่อนที่ร่างมหึมาจะกระโจนออกมาจากแนวพุ่มไม้ คูเปอร์แทบไม่มีเวลาตั้งตัวเมื่อกรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วเหนือคาด  


สฟิงซ์ สัตว์อสูรครึ่งสิงโตครึ่งมนุษย์ ดวงตาสีอำพันของมันจ้องเขม็งราวกับจ้องเหยื่อที่หมายจะขย้ำ  


คูเปอร์หันขวับไปมองไลแซนเดอร์ ดวงตาของคนข้างๆ เบิกกว้างเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะสั่นไหวเมื่อกรงเล็บของอสูรกระแทกเข้าที่ตัวเขาโดยตรง  


สัมผัสแรกที่รู้สึกได้คือแรงปะทะมหาศาล ตามมาด้วยเสียงลมที่หวีดหวิวผ่านหู  


แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ


ก่อนที่สติจะหลุดลอยไปโดยสมบูรณ์ คูเปอร์รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว… เย็นจัดเหมือนสายลมฤดูเหมันต์ที่พัดกระหน่ำเข้ามาโดยไร้ที่มา


หลักฐานความพ่ายแพ้


https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=822  



เขาลืมตาขึ้นอย่างงุนงง ภายในปากมีรสขมประหลาดที่ขมยิ่งกว่ายาอยู่ติดลิ้น


แสงสีของสวนสนุกส่องสว่างอยู่รอบตัว เสียงผู้คนคุยกันจอแจแว่วมาเข้าหู คูเปอร์กะพริบตา พยายามรวบรวมสติ หัวของเขาโคลงเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่อิงแนบอยู่ใกล้ตัว  


เมื่อหันไปมองไหล่ที่ศีรษะตัวเองซบอยู่ เขาก็สะดุ้งสุดตัวจนเกือบหล่นจากม้านั่ง  


"โอ๊ย!"  


มือของเขาคว้าอะไรสักอย่างไว้ทันก่อนจะร่วงกระแทกพื้น และนั่นก็ทำให้เขาได้เห็นชัดๆ ว่าไหล่ที่เพิ่งซบไปเมื่อกี้คือของ ไลแซนเดอร์


ชายหนุ่มเจ้าของผมสีน้ำตาลกะพริบตามองเขา พลางเอนศีรษะไปพิงพนักเก้าอี้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  


“ตื่นแล้วเหรอ?”  


คูเปอร์ตั้งสติได้เล็กน้อยก่อนจะมองตัวเอง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพบว่า เสื้อผ้าของเขาเปลี่ยนไป 


“...ผมใส่ชุดอะไรเนี่ย?”  


จากชุดสีขาวล้วนที่เขาใส่ตั้งแต่แรก ตอนนี้มันกลายเป็นชุดที่มีลวดลายสีสันสดใส ดูเหมือนเป็นเสื้อผ้าสไตล์ร้านของที่ระลึกของสวนสนุก และที่ทำให้ประหลาดใจกว่าเดิมก็คือ ไลแซนเดอร์เองก็สวมเสื้อแบบเดียวกัน  


คู่เดตของเขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ชุดพวกนั้นโดนย้อมเป็นสีแดงไปหมดแล้ว ผมเลยไปซื้อชุดมาเปลี่ยนให้”  


คูเปอร์กะพริบตา ก่อนจะเริ่มประมวลผล สีแดง...? 


"หมายถึงเลือด?"  


“คุณเดาไม่ผิด” ไลแซนเดอร์ตอบสั้นๆ แล้วเสริมต่ออย่างใจเย็น “แต่ไม่ต้องห่วง ผมใส่เป็นเพื่อนคุณด้วย”  


คูเปอร์อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ ภาพเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะหมดสติไปก็ย้อนกลับมา  


สฟิงซ์ มันพุ่งเข้ามาหาเขาโดยตรง


เขาหันไปมองคนข้างๆ ดวงตาสีดำทอแววครุ่นคิด “...มันค่อนข้างแปลกนะ” 


“อะไรแปลก?”  


“ปกติแล้วสฟิงซ์ไม่โจมตีแบบนี้” ไลแซนเดอร์พูดขึ้นก่อน “มันมักจะถามคำถามก่อนเสมอ”  


คูเปอร์พยักหน้าเห็นด้วย “ก็ใช่ แล้วอีกอย่าง มันพุ่งเป้ามาที่ผมโดยเฉพาะ”  


“คุณไปทำอะไรมันไว้หรือเปล่า?”  


"อืม..." คูเปอร์ขมวดคิ้ว นั่งนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสะดุ้งเมื่อความทรงจำผุดขึ้นมา  


"อ๋อ ถ้าเป็นตัวนั้นก็สมเหตุสมผลนะ"  


"ยังไง?"  


"ก่อนหน้านี้ ตอนที่ผมเดินทางไปค่ายครั้งแรก ผมเคยเจอสฟิงซ์ตัวหนึ่ง" คูเปอร์อธิบาย "มันพยายามจะฆ่าผม แต่ผมใช้เล่ห์กลเอาตัวรอดมาได้ ดูเหมือนมันจะไม่พอใจและตามกลิ่นมาจนถึงที่นี่"  


ไลแซนเดอร์พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่คูเปอร์จะถามต่อ “แล้วมันล่ะ?”  


คูเปอร์หันไปมองเขาด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย "ตอนนี้อยู่ที่ไหน?"  


"จัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ"  


คำตอบเรียบนิ่งของไลแซนเดอร์ทำให้เขาเผลอจ้องอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง “...คุณหมายถึง?”  


“หมายถึงมันไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป” น้ำเสียงของคู่เดตยังคงสุขุมไม่เปลี่ยน “คุณไม่ต้องห่วง”  


คูเปอร์คล้ายจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่พอขยับ ข้อเท้าก็ปวดจี๊ดขึ้นมาทันที  


เขาขมวดคิ้ว “โอ๊ย... เดี๋ยวนะ”  


“เป็นอะไร?”  


"เหมือนข้อเท้าจะพลิก..." คูเปอร์พึมพำ พลางลองขยับอีกครั้ง ก่อนจะนิ่วหน้า "แย่จริง"  


ไลแซนเดอร์มองสภาพของเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย “งั้นผมจะพาคุณไปเอง”  


“เดี๋ยว ไม่ต้องหรอกครับ ผมเดินเองไ—”  


ไม่ทันจบประโยค เขาก็รู้สึกถึงแรงยกที่ใต้ตัว  


"วะ— เฮ้!"  


ร่างของเขาถูกอุ้มขึ้นอย่างง่ายดาย ราวกับตัวเองไม่มีน้ำหนักอะไรเลย คูเปอร์เบิกตากว้างก่อนจะรีบคว้าเสื้อของคนอุ้มไว้โดยอัตโนมัติ  


"คุณทำอะไรเนี่ย!?"  


“ช่วยคุณไง” ไลแซนเดอร์ตอบหน้าตาย พลางปรับท่าให้อุ้มได้ถนัดขึ้น  


“แต่คุณไม่ต้องอุ้มผมก็ได้นี่!"  


“ข้อเท้าคุณเจ็บ ถ้าฝืนเดินเดี๋ยวจะยิ่งแย่"  


"แต่มันดูแปลกๆ!"  


"งั้นคิดซะว่าคุณโชคดีแล้วกัน" ไลแซนเดอร์ว่าพลางเหลือบมองเขาด้วยรอยยิ้มสุขุม "อย่างน้อยก็ได้การดูแลแบบพิเศษ"  


คูเปอร์อ้าปากจะเถียงอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่พ่นลมหายใจออกมา “...เฮ้อ ผมเถียงคุณไม่ชนะจริงๆ"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะพาเขาออกจากบริเวณนั้น  


"แล้วก็..." คนที่อุ้มเขาอยู่พูดขึ้นมาในจังหวะที่คูเปอร์ยังพยายามทำใจรับสถานการณ์  


"ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย หวังว่าคุณจะช่วยผมเลือกของกินให้ดี"  


คูเปอร์หรี่ตา มองรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วอดคิดไม่ได้ว่า บางทีเขานี่แหละที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของใครบางคนในเดตครั้งนี้... ไม่ใช่จากสฟิงซ์





เสียงพูดคุยจอแจของผู้คนรอบตัวดังชัดขึ้นทันทีที่คูเปอร์เริ่มตระหนักถึงสถานการณ์ของตัวเอง


เขาถูกอุ้ม… อุ้ม ข้ามถนนสวนสนุกมาโดยไลแซนเดอร์! และตอนนี้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมามองพวกเขา บ้างกระซิบกระซาบ บ้างอมยิ้ม บ้างก็ดูเหมือนจะพยายามไม่จ้องตรงๆ แต่ก็อดหันกลับมามองอีกรอบไม่ได้  


อยากจะมุดดินหนีเหลือเกิน


คูเปอร์ขยับมือขึ้นปิดหน้า ก่อนจะมุดเข้ากับอกของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่เพราะอยากซุกหรอกนะ! แค่ไม่อยากเห็นสายตาของคนพวกนั้นเท่านั้นเอง! 


ไลแซนเดอร์หัวเราะเบาๆ ไม่สิ มันคือการหัวเราะที่ชัดเจนมากกว่าแค่ ‘เบาๆ’ ด้วยซ้ำ  


“ไหนว่าคุณจะดูแลคู่เดตไงครับ?” เขาเอ่ยกลั้วขำ “แต่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะเป็นฝ่ายดูแลคุณอยู่เลยนะ”  


คูเปอร์เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยังคงอุ้มเขาอยู่ สายตาสีเทาของเขาฉายแววคาดโทษ แต่ดูเหมือนไลแซนเดอร์จะไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด  


“ก่อนอื่นก็เลือกร้านได้แล้วครับ”  


คนที่อยู่ในอ้อมแขนรีบหันซ้ายหันขวา แล้วชี้ไปที่ร้านที่ใกล้ที่สุดแบบไม่สนใจเลยว่ามันคือร้านอะไร  


“ร้านนี้!”  


“...” ไลแซนเดอร์เหลือบตามองป้ายร้านแล้วเลิกคิ้วนิดๆ “คุณจะพาผมเข้ามากินเค้ก?”  


คูเปอร์มองตาสีดำคู่นั้นเขม็ง ราวกับกำลังส่งกระแสจิตว่า ‘เถอะน่า! รีบๆ เข้าไปได้แล้ว!’ 


ไลแซนเดอร์ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเดินเข้าไปในร้านเค้กทั้งที่ยังอุ้มคูเปอร์อยู่ จนกระทั่งถึงที่นั่งถึงได้วางเจ้าตัวลงบนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง  


เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังกรุ๊งกริ๊ง กลิ่นหอมของขนมอบลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ


ร้านตกแต่งด้วยสีโทนอุ่น ให้บรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย มีชั้นวางเค้กเรียงรายไปด้วยของหวานหลากสีสัน คูเปอร์ที่ยังคงหลบสายตาผู้คนอยู่รีบหยิบเมนูขึ้นมาบังหน้า ก่อนจะพยายามทำเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่เคยมีอยู่จริง  


"คุณดูจริงจังกับเมนูมากเลยนะครับ" ไลแซนเดอร์เอ่ยล้อๆ  


"ก็แน่นอนสิ" คูเปอร์ลดเมนูลงเล็กน้อย พยายามกลับมาเป็นตัวเองให้เร็วที่สุด "เรามาที่นี่แล้วก็ต้องเลือกของที่ดีที่สุดสิครับ"  


"แต่คุณเลือกที่นี่โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นร้านอะไร"  


"..."  


"..."  


"...ข้ามเรื่องนั้นไปครับ"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะเบาๆ อีกรอบ ก่อนจะหันไปสั่งเค้กและเครื่องดื่มให้ ทั้งคู่เลือกเค้กมาแบ่งกันคนละชิ้น พร้อมกับชาร้อนอีกสองแก้ว  


“จริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดจะกินเยอะหรอก” ไลแซนเดอร์พูดขึ้นหลังจากหยิบส้อมขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้แตะเค้กของตัวเองเลย “คุณน่าจะกินมากกว่าผมนะ”  


คูเปอร์เลิกคิ้ว “ทำไมล่ะครับ?”  


“ผมเริ่มอิ่มแล้ว” อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มือข้างหนึ่งตักเค้กขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าคูเปอร์ “ช่วยกินหน่อยสิครับ”  


“...”  


คูเปอร์ชะงักไปครู่หนึ่ง มองส้อมที่จ่ออยู่ตรงหน้า แล้วหันไปมองใบหน้าของไลแซนเดอร์ที่ยังคงนิ่งสงบ  


“ผมเท้าพลิก ไม่ได้เป็นอะไรที่มือสักหน่อยนะครับ”  


“อืม แต่ผมอุตส่าห์เสนอให้แล้ว”  


"...?"  


“ไม่รับหน่อยเหรอครับ?”  


โอเค อันนี้ไม่ใช่แค่ความสุภาพแล้วแน่ๆ  


คูเปอร์จ้องอีกฝ่ายอย่างจับผิด แต่ไลแซนเดอร์ยังคงมองมาด้วยท่าทางใจเย็นไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้สุดท้ายเขาต้องถอนหายใจอย่างยอมแพ้  


“ก็ได้ครับ ก็ได้”  


เขาอ้าปากรับเค้กไปคำหนึ่ง ก่อนจะเคี้ยวช้าๆ รสชาติหวานละมุนของสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กกระจายอยู่ทั่วปาก แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นแรงนิดๆ คงเพราะรสชาติของขนมแหละมั้ง บางทีอาจจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์


เขารีบละสายตาจากมือข้างนั้นก่อนที่ตัวเองจะคิดอะไรไปไกลกว่านี้  


“อร่อยไหมครับ?”  


“...ก็ดีครับ” คูเปอร์ตอบพึมพำ ก้มหน้าก้มตากินเค้กตัวเองต่อไป  


เสียงพูดคุยของคนในร้านดังขึ้นเบาๆ บรรยากาศอบอุ่นของร้านทำให้พวกเขาผ่อนคลายลง ความวุ่นวายเมื่อครู่เริ่มจางหาย คูเปอร์เริ่มรู้สึกว่าการเลือกเข้ามาที่นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดพลาดเท่าไหร่  


แต่แล้ว เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง 


คูเปอร์ไม่ได้สนใจนักจนกระทั่ง…


เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าโต๊ะของพวกเขา


มีใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้น... และมองตรงมาที่พวกเขา




"คูเปอร์?"


เสียงเรียกชื่อของเขาทำให้คูเปอร์เงยหน้าขึ้นจากจานเค้ก พลางกะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดพนักงานของร้านยืนอยู่ตรงหน้า  


เขาจ้องพินิจใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สมองจะประมวลผลได้ว่า "เฮ้ย เดี๋ยว นี่มัน...!?"


ความรู้สึกคุ้นๆ ทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ทุกอย่างจะประติดประต่อกันได้ในหัว  


แดฟนี่! เพื่อนร่วมคลาสของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย!


เธอเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมภาควิชาการแสดงที่เรียนคลาสเดียวกันมาตลอด แม้จะไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นเป็นเพื่อนซี้ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่คุ้นเคยกันดี  


"โอ้โห นี่เราไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วเนี่ย!"


แดฟนี่ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะทิ้งน้ำเสียงแซว "ก็นานอยู่แหละ ฉันเกือบจำไม่ได้เลยนะ"  


"แหม ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเธอในร้านเค้กเหมือนกัน"  


"ฉันทำงานพาร์ตไทม์ที่นี่ช่วงเทศกาลน่ะ" เธอยักไหล่ก่อนจะเหลือบมองไลแซนเดอร์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม "ว่าแต่... นี่คือ?"  


คูเปอร์อ้าปากจะตอบ แต่แดฟนี่กลับชิงหันไปมองพวกเขาทั้งคู่สลับกันแล้วหัวเราะเบาๆ  


"รู้ใช่ไหมว่าวันนี้วันอะไร?"  


โอ้โห นี่มันจังหวะอะไรเนี่ย...


แดฟนี่ยิ้มกลิ้งให้พวกเขา ก่อนจะเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อให้บรรยากาศดูเป็นทางการขึ้น แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงสดใส  


"วันนี้ร้านของเรามีกิจกรรมพิเศษสำหรับคู่เดตหรือแฟนที่มาใช้บริการนะคะ!"  


คูเปอร์ยิ้มเห่ยทันที ทำไมเขารู้สึกว่ามันจะไม่ใช่เรื่องสนุกกันนะ...? 


"แล้ว... กิจกรรมที่ว่าคืออะไรเหรอครับ?" เขาถามอย่างระแวดระวัง  


แดฟนี่ยิ้มก่อนจะชี้ไปที่ป้ายกิจกรรมพิเศษของร้าน "The Sweetest Challenge"  


"กฎของเกมคือ ทั้งสองคนต้องช่วยกันป้อนเค้กให้กันและกัน โดยมีข้อแม้ว่า... ห้ามใช้มือจับจานหรือส้อมเอง!" 


"...อะไรนะครับ?" คูเปอร์กะพริบตา ดวงตาสีเทาหันไปสบตากับไลแซนเดอร์ที่ดูสงบเกินไปจนน่ากลัว  


"เป็นเกมที่ให้ทั้งสองคนช่วยเหลือกันค่ะ เพื่อกระชับความสัมพันธ์!" แดฟนี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ "อ้อ แล้วก็มีของรางวัลให้ด้วยนะ ถ้าทำสำเร็จ"  


"...อะไรนะครับ?" คูเปอร์พูดซ้ำประโยคเดิมแบบมึนๆ  


"เริ่มเลยไหมคะ?"  


ก่อนที่เขาจะได้ปฏิเสธ ไลแซนเดอร์ก็หยิบส้อมขึ้นมาอย่างใจเย็น “ดูเหมือนคุณจะไม่มีทางเลือกแล้วนะ”  


"...คุณดูสนุกกับมันไปหรือเปล่าครับ?"  


"เปล่าหรอก" อีกฝ่ายตอบพลางจ่อส้อมเค้กมาที่เขา "อ้าปากสิครับ"  


คูเปอร์นิ่งไปสามวินาที ก่อนจะถอนหายใจยาว ทำไมวันนี้ต้องมีแต่เรื่องให้เขาอายทั้งวันด้วย!?  


"ก็ได้ครับ"  


เขาอ้าปากรับเค้กคำหนึ่งโดยดี อดไม่ได้ที่จะหลุบตามองโต๊ะเพราะรู้สึกได้ว่ามีสายตาของแดฟนี่จับจ้องอยู่ไม่ห่าง  


ให้ตายเถอะ นี่มันเทศกาลแกล้งคูเปอร์ใช่ไหม!? 


พอถึงตาเขาเอาคืนบ้าง คูเปอร์ก็ทำตามเงื่อนไขของเกมบ้าง เขาหยิบส้อมขึ้นด้วยปากของตัวเอง แล้วยื่นไปทางไลแซนเดอร์  


"...อ้าปากครับ"  


อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็รับคำท้าด้วยท่าทีสงบเกินไป  


อะไรของเขาเนี่ย ทำไมไลแซนเดอร์ดูไม่สะทกสะท้านเลย!?  


พวกเขาทำกิจกรรมจนสำเร็จในที่สุด แดฟนี่ที่ยืนมองอยู่ตลอดพยักหน้าพอใจ ก่อนจะยื่นของรางวัลให้  


“นี่คือรางวัลของพวกคุณค่ะ”  


กุหลาบสีน้ำเงินและ... แผ่นเสียงปริศนา  


นี่มันอะไรเหรอครับ?” คูเปอร์รับแผ่นเสียงขึ้นมาพิจารณา มันดูธรรมดา ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าเป็นเพลงแบบไหน  


"เราก็ไม่บอกค่ะ ต้องให้ผู้ได้รับไปเปิดเองถึงจะรู้" แดฟนี่ยิ้มกว้าง  


คูเปอร์หันไปมองไลแซนเดอร์ ก่อนจะยื่นของรางวัลให้ "สำหรับคุณครับ"  


ไลแซนเดอร์ขมวดคิ้วนิดๆ “ให้ผม?”  


“ก็ถือว่าเป็นคำขอบคุณไงครับ” คูเปอร์ยิ้ม “สำหรับที่ช่วยผมจากสฟิงซ์ และ... อีกหลายๆ อย่าง”  


ไลแซนเดอร์รับไปโดยไม่พูดอะไร แต่คูเปอร์สังเกตเห็นว่าปลายนิ้วของอีกฝ่ายลูบผ่านขอบแผ่นเสียงเล็กน้อย  


"ขอบคุณครับ"  


เขามองไลแซนเดอร์ที่ยังคงพิจารณาของขวัญอยู่ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าข้อเท้าของตัวเองเริ่มเจ็บขึ้นมาอีก  


"อืม... ผมว่าผมน่าจะต้องไปหาที่นั่งพักดีๆ แล้วล่ะครับ ข้อเท้าเริ่มปวดขึ้นมาแล้ว"  


ไลแซนเดอร์เงยหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยเรียบๆ “งั้นผมพาไปเอง”  


คูเปอร์กำลังจะค้าน แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ร่างของเขาก็ถูกช้อนขึ้นอีกครั้ง!  


"เฮ้ เดี๋ยวครับ! ผมเดินเองได้นะ!"  


"ข้อเท้าคุณเจ็บอยู่"  


"ก็เจ็บนิดเดียวเอง..."  


"อย่าดื้อสิครับ" ไลแซนเดอร์เอ่ยเสียงเรียบ พลางอุ้มเขาไว้แน่นเหมือนจะไม่ปล่อยให้ดิ้นหลุด  


"..."  


"ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย หวังว่าคุณจะช่วยผมเลือกอาหารให้ดีนะครับ"  


ไลแซนเดอร์กล่าวเสริมก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสุขุม แล้วพาเขาออกจากร้านไปโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของเจ้าตัวเลยสักนิด  


...โอเค เขายอมแพ้แล้ว! วันนี้มันวันอะไรของเขากันแน่!?



----------------


มอบ แผ่นเสียง และ กุหลาบสีน้ำเงิน ให้ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์  



ใช้ อาหารเทพ 





แสดงความคิดเห็น

ไลแซนเดอร์แบ่ง หินตีบวก ให้คุณ 2 ก้อน  โพสต์ 2025-2-14 18:44
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์ เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-2-14 17:30
โพสต์ 118546 ไบต์และได้รับ 80 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-2-14 17:08
โพสต์ 118,546 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก กลยุทธ์การรบ  โพสต์ 2025-2-14 17:08
โพสต์ 118,546 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก ยาดม  โพสต์ 2025-2-14 17:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 2025-2-14 20:49:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-2-14 21:14

Time


14/02/25 



บทพิเศษ Valentine's Day


ตอนที่ 4





"นี่มันอะไรกันครับเนี่ย..." 


คูเปอร์นั่งกอดอกในอ้อมแขนของไลแซนเดอร์ ทำหน้าบึ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้บอกให้ปล่อย อีกฝ่ายก็คงไม่สนใจคำขอของเขาอยู่ดี  


ชายหน้ามึนคนนี้น่ะหรือจะฟังเขา? ไม่มีทาง! 


เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพยายามเมินสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา ไม่สนใจแม้แต่เสียงกระซิบกระซาบที่ฟังดูเหมือนกำลังเดากันไปต่างๆ นานาว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกัน  


...ก็แค่คู่เดตจากกิจกรรม blind date ครับพี่น้อง ไม่ต้องคิดไปไกลขนาดนั้น!  


คูเปอร์ข่มใจไม่คิดมาก พยายามหา ข้อดีของการปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนี้


อย่างน้อยมันก็สบายกว่าเดินเองแหละน่า


ขณะที่เขากำลังจมอยู่ในความคิด เสียงทุ้มข้างตัวก็ดึงเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง  


"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"  


คูเปอร์เหลือบมองเจ้าของคำถามก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงฟังดูเป็นห่วงจริงๆ นะ... แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยแฮะ  


"...ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ"  


"แน่ใจเหรอ?"  


"แน่ใจครับ"  


ไลแซนเดอร์มองเขานิ่งๆ คล้ายกำลังประเมินว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า คูเปอร์ทำหน้าขรึมเข้าไว้ พยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูสงบที่สุด...  


แม้ว่าในใจจะรู้สึกอับอายอยู่ลึกๆ ก็เถอะ!  


แต่ดูเหมือนไลแซนเดอร์จะไม่ได้ติดใจอะไร เพราะอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว  


"สรุปแล้วคุณอยากกินร้านไหนดีครับ?"  


คูเปอร์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถามกลับ "แล้วคุณล่ะครับ อยากกินอะไร?"  


"วันนี้ผมให้คุณจัดการมื้ออาหารได้เต็มที่เลย" ไลแซนเดอร์กล่าวเสียงเรียบ "อยากให้ผมกินอะไร เดี๋ยวผมจะอุ้มคุณเข้าไปด้วย"  


"..."  


คูเปอร์กัดฟันแน่น ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายพูดเล่นหรือพูดจริง แต่ดูจากบุคลิกของเจ้าตัวแล้ว... เขาว่าอีกฝ่ายพูดจริงแน่ๆ!  


โอเค เขาควรเลือกร้านให้เร็วที่สุดก่อนที่จะถูกหิ้วเข้าไปทั้งแบบนี้  


สายตาสีเทากวาดมองรอบตัว พวกเขากำลังเข้าสู่ โอลิมเปียน พลาซ่า ศูนย์กลางของร้านอาหารและซุ้มเกมในแดร์ ยูนิเวอร์แซล อาคารรอบจัตุรัสตกแต่งด้วยสีสันสดใสในสไตล์กรีกแฟนตาซี ประดับไปด้วยเสาโรมันแกะสลักลวดลายเทพเจ้าแห่งโอลิมปัส  


คูเปอร์เหลือบไปเห็นร้านหนึ่งที่มีป้ายเมนูใหญ่ติดอยู่หน้าร้าน "Ares' BBQ Feast"


...อาหารปิ้งย่าง?  


ดูเข้าท่าดีแฮะ  


"ร้านนั้นครับ!" เขาชี้ไปทันที  


ไลแซนเดอร์พยักหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในร้านโดยยังไม่ยอมปล่อยเขาลงสักนิด จนกระทั่งพนักงานที่รอรับลูกค้าเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย คูเปอร์ถึงได้กระซิบเบาๆ ผ่านซี่ฟัน  


"วางผมลงได้แล้วครับ!"  


"อ้อ จริงสิ" อีกฝ่ายทำเหมือนเพิ่งนึกได้ ก่อนจะวางเขาลงบนเก้าอี้อย่างใจเย็น  


คูเปอร์ถอนหายใจแล้วรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันไปสั่งอาหารทันทีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาหมาดๆ  

 


หลังจากนั้นไม่นาน อาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ  


ควันหอมฉุยของเนื้อย่างลอยอวลเต็มร้าน ทำให้คูเปอร์รู้สึกหิวขึ้นมาทันที พวกเขาสั่งเนื้อวัว เนื้อแกะ และไส้กรอกรมควันมาลอง ส่วนข้างเคียงก็มีขนมปังอบชีสและซอสสูตรพิเศษของร้าน  


คูเปอร์ยิ้มออกมาเล็กน้อย พอเป็นอาหารประเภทนี้ก็รู้สึกคุ้นเคยและสบายใจกว่าการกินเค้กเมื่อกี้เยอะ  


"ดูคุณจะชอบนะครับ"  


คูเปอร์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าไลแซนเดอร์กำลังมองเขาอยู่  


"...ก็อาหารดูดีมากเลยนี่ครับ"  


"อืม ดีแล้ว"  


พวกเขาเริ่มลงมือย่างเนื้อบนเตากลางโต๊ะ คูเปอร์ใช้ตะเกียบคีบเนื้อพลิกไปมาอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเหลือบมองคนที่นั่งตรงข้ามกัน  


"ปกติคุณกินอะไรบ่อยที่สุดครับ?"  


"ขนมปังกับกาแฟ" ไลแซนเดอร์ตอบเรียบๆ  


"...นั่นมันอาหารเช้านี่ครับ"  


"แล้วก็อาหารเที่ยงและอาหารเย็นด้วย"  


คูเปอร์หยุดมือทันที "เดี๋ยว... นี่คุณหมายความว่ากินแต่ขนมปังกับกาแฟจริงๆ น่ะเหรอครับ?"  


"อืม"  


"...คุณใช้ชีวิตยังไงกันครับ!?"  


"ก็ใช้ชีวิตปกติ"  


"นี่มันไม่ปกติเลยสักนิด!" คูเปอร์ส่ายหัว "แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด วันนี้คุณต้องกินให้อิ่มเลยนะครับ!"  


ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ "คุณนี่ใจดีจังนะครับ”


“...ผมเรียกว่าหวังดีมากกว่านะครับ"  


พวกเขาย่างเนื้อกันไปสักพัก บรรยากาศรอบตัวเริ่มผ่อนคลายลง คูเปอร์ค่อยๆ ลืมความอายไปบ้างแล้ว และเริ่มรู้สึกว่าเขากับไลแซนเดอร์เข้าขากันได้ดีจนน่าแปลกใจ  


"คุณนี่เก่งนะครับ"  


คูเปอร์กระพริบตา "อะไรครับ?"  


"เรื่องการดูแลคนอื่น"  


"...?"  


"คุณดูแลผมตั้งแต่เลือกอาหารให้ คอยดูว่าผมกินครบไหม หรือแม้แต่ตอนที่พยายามบังคับให้ผมกินเยอะๆ"  


"..."  


"แต่ไหนบอกว่าผมต้องเป็นฝ่ายดูแลคุณไงครับ?"  


คูเปอร์นิ่งไป ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วตักเนื้อย่างชิ้นหนึ่งใส่จานของไลแซนเดอร์  


"ถ้าจะเถียงก็ช่วยกินนี่ก่อนนะครับ"  


"รับคำสั่ง" ไลแซนเดอร์ยิ้มมุมปาก ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อเข้าปาก  


คูเปอร์เบือนหน้าออกไปนิดๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า... แต่บรรยากาศระหว่างพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไปจากตอนแรกแล้วจริงๆ อย่างน้อยก็รู้สึกว่าพวกเขาเป็นกันเองขึ้น




หลังจากที่ไลแซนเดอร์ยอมรับเนื้อย่างจากเขาแล้ว คูเปอร์ก็รีบก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอะไรบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ  


มันเป็นความรู้สึกประหลาดที่เขาไม่อยากจะยอมรับง่ายๆ  


แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีอยู่จริง 


บรรยากาศระหว่างพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไป อาจจะเพราะไฟอ่อนๆ จากเตาย่างที่ให้ความอบอุ่น  


"คุณดูตั้งใจทำอาหารจังนะครับ" ไลแซนเดอร์พูดขึ้นพร้อมกับเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มองดูคูเปอร์ที่กำลังพลิกเนื้ออย่างจริงจัง  


"ก็แน่นอนสิครับ" คูเปอร์ตอบโดยไม่ละสายตาจากเตา "เวลาจะกินอะไร ผมก็อยากให้มันออกมาดีที่สุด"  


"งั้นคุณช่วยดูแลเตาของผมด้วยสิ"  


คูเปอร์เหลือบมองไปที่จานของอีกฝ่าย พบว่าเนื้อของไลแซนเดอร์ยังแทบไม่ได้แตะเลย มีเพียงชิ้นเล็กๆ สองสามชิ้นที่ถูกหยิบไปกินเท่านั้น  


"เฮ้ คุณนี่มันแย่จริงๆ นะครับ" เขาส่ายหัว "ยังไม่ได้กินอะไรจริงจังเลยไม่ใช่เหรอครับ?"  


"ผมกินอยู่ครับ"  


"กินนิดเดียวแบบนั้นไม่นับครับ!"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงคอ "งั้นคุณช่วยป้อนให้ผมหน่อยสิครับ"  


"...อะไรนะครับ?"  


"คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผมต้องกินให้เยอะกว่านี้?"  


คูเปอร์กะพริบตาปริบๆ มองคนที่นั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ  


"ผมแค่บอกให้คุณกินเยอะๆ ไม่ได้บอกว่าผมจะป้อนให้ซะหน่อย!"  


"แต่นั่นเป็นวิธีที่เร็วที่สุดไม่ใช่เหรอครับ?"  


"...คุณตั้งใจจะแกล้งผมหรือเปล่าครับเนี่ย?"  


"ผมก็กำลังหิวจริงๆ นะ"  


"..."  


คูเปอร์เม้มริมฝีปาก ก่อนจะถอนหายใจยาว  


โอเค ถ้าจะเล่นแบบนี้ก็ได้!


เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาตักเนื้อย่างที่ดูดีที่สุดบนเตา ก่อนจะยื่นไปให้ไลแซนเดอร์ สีหน้าเรียบเฉยพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกข้างในให้แนบเนียนที่สุด  


"ถ้างั้น... กินซะครับ"  


ไลแซนเดอร์มองเขาเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวมาข้างหน้า อ้าปากรับเนื้อที่เขายื่นไปให้โดยไม่ขัดขืน  


โอเค... ใกล้เกินไปแล้ว!


คูเปอร์รีบดึงมือกลับแทบไม่ทัน หัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง ขณะที่คนตรงข้ามยังคงเคี้ยวอาหารด้วยสีหน้าสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  


"...อืม อร่อยดีนะครับ"  


"ก็แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมเป็นคนทำเองทั้งที"  


"งั้นต่อไปช่วยดูแลมื้ออาหารของผมด้วยนะครับ"  


"เดี๋ยว... ผมไม่ได้เซ็นสัญญาอะไรแบบนั้นเลยนะครับ!"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะ ก่อนจะยื่นตะเกียบของตัวเองมาตักเนื้อใส่จานของคูเปอร์บ้าง  


"งั้นผมก็จะดูแลคุณเหมือนกันครับ"  


"...คุณกำลังจะแข่งกันอยู่เหรอครับ?"  


"ผมคิดว่าคุณอยากให้เป็นแบบนั้นนะ"  


"..."  


โอเค เขาเริ่มจะตามเกมของอีกฝ่ายไม่ทันแล้ว!  


หลังจากมื้ออาหารผ่านไปโดยมีการหยอกล้อไปมาเป็นระยะๆ พวกเขาก็นั่งพักกันอยู่ครู่หนึ่ง คูเปอร์ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ พยายามทำใจให้สงบหลังจากที่รู้สึกว่าโดนอีกฝ่ายเล่นงานไปหลายรอบ  


"เอาล่ะครับ ตอนนี้คุณอิ่มแล้วใช่ไหม?"  


"อืม คงต้องขอบคุณคุณสำหรับมื้อนี้"  


"ดีมากครับ เพราะต่อจากนี้ผมต้องไปหาของที่ระลึกติดไม้ติดมือหน่อยแล้ว"  


"ของที่ระลึก?"  


"ก็ไหนๆ มาแดร์ ยูนิเวอร์แซลแล้ว ผมคงไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่ๆ"  


ไลแซนเดอร์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง "ถ้างั้นไปกันเลยไหมครับ?"  


"อ่า เดี๋ยวสิครับ..."  


คูเปอร์กำลังจะยันตัวขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก็ชะงักไปทันทีเมื่อรู้สึกถึงอาการเจ็บที่ข้อเท้า เขากัดฟันเล็กน้อย พยายามไม่แสดงออกมากนัก  


แต่ไม่ทันพ้นสายตาของไลแซนเดอร์  


"คุณยังเดินไม่ไหวใช่ไหม?"  


"เอ่อ... ก็..."  


ไม่ทันได้ปฏิเสธ มือใหญ่ของอีกฝ่ายก็จับแขนเขาไว้ ก่อนจะพยุงให้ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง  


"ผมอุ้มคุณอีกครั้งก็ได้นะครับ"  


"เฮ้! ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ!"  


"แล้วคุณจะเดินไหวเหรอ?"  


"..."  


โอเค เขาพูดอะไรไม่ได้เลยจริงๆ  


คูเปอร์พยายามเดินเองช้าๆ แต่ก็ต้องกัดฟันกับอาการเจ็บอยู่ดี ไลแซนเดอร์ถอนหายใจ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย  


"ขึ้นหลังสิครับ"  


"...คุณพูดจริง?"  


"ผมไม่ปล่อยให้คุณเดินกระเผลกไปทั้งโอลิมเปียน พลาซ่าหรอกนะครับ"  


คูเปอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจยอมขึ้นหลังของอีกฝ่าย  


"...คุณนี่มัน—"  


"ผมรู้ครับ ผมใจดี"  


คูเปอร์กลอกตา "ผมไม่ได้จะพูดแบบนั้นนะครับ!"  


ไลแซนเดอร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพาคูเปอร์เดินตรงไปยังร้านขายของที่ระลึก ท่ามกลางแสงไฟสลัวของพลาซ่า และเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินผ่านไปมา  


และคูเปอร์ก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมาตอนไหน




เสียงพูดคุยจอแจของฝูงชน ผสานกับเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ ของโอลิมเปียน พลาซ่า ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ทั้งคึกคักและผ่อนคลาย  


ร่างของพวกเขาเคลื่อนไปตามถนนสายหลักของพลาซ่า ฝ่าผู้คนที่เดินขวักไขว่ คูเปอร์ยังคงอยู่บนหลังของไลแซนเดอร์ แม้จะเริ่มคุ้นชินกับความอับอายแล้ว แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะพยายามซุกหน้ากับไหล่ของอีกฝ่ายเป็นพักๆ เมื่อมีคนมองมา  


"คุณอยากได้ของที่ระลึกเป็นอะไรล่ะครับ?"  


คูเปอร์ที่เงียบไปพักหนึ่ง หรี่ตามองคนถามอย่างจับผิด ก่อนจะถอนหายใจ  


"...คงเป็นอะไรทำนองว่า... ตุ๊กตาล่ะมั้งครับ"  


ไลแซนเดอร์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่มีแววบางอย่างแฝงอยู่ "อืม... ผมเห็นซุ้มกิจกรรมอยู่ตรงนั้นนะครับ บางทีที่นั่นอาจจะมีตุ๊กตาให้คุณ"  


คูเปอร์ขมวดคิ้ว "กิจกรรมอะไรครับ? อย่าบอกนะว่าเป็นกิจกรรมวันวาเลนไทน์น่ะ"  


"ก็อาจจะใช่"  


"แบบนั้นมันชักเยอะไปหน่อยไหมครับ?"  


"เยอะไปเหรอ?"  


"เราผ่านอะไรมาทั้งวันแล้วนะครับ! ยังไม่พออีกเหรอ?"  


ไลแซนเดอร์ไม่ได้ตอบอะไร แต่ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย คูเปอร์เห็นแล้วก็ยิ่งสงสัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากบ่นอุบอิบกับตัวเอง  


"ของที่ระลึกแค่ซื้อเอาก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องเหนื่อยไปเล่นกิจกรรมอะไรนั่นเลย"  


แต่สุดท้ายเขาก็ไม่มีทางเลือก... ไลแซนเดอร์อุ้มเขาไปยังซุ้มกิจกรรมโดยไม่ฟังเสียงค้านของเขาเลยแม้แต่น้อย!  


  


ยินดีต้อนรับสู่เกมคู่แท้! พวกคุณทั้งสองคนจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อคว้ารางวัลสุดพิเศษไปให้ได้!"


คูเปอร์กะพริบตาปริบๆ ขณะมองดูซุ้มกิจกรรมขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยริบบิ้นสีแดงและชมพู มีผู้เข้าร่วมหลายคู่ที่กำลังเล่นเกมอยู่ และรางวัลที่แขวนอยู่ตรงมุมหนึ่งก็คือ...  


ตุ๊กตายัดนุ่นน่ารักๆ มากมาย


"...โอเคครับ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงอยากให้ผมมา"  


"คุณอยากได้ตุ๊กตาไม่ใช่เหรอครับ?" ไลแซนเดอร์เอียงคอ "ผมแค่ช่วยให้คุณได้มันมา"  


"...แต่ต้องแลกกับการเล่นเกมสินะครับ"  


"ถือเป็นความท้าทายที่น่าสนุกไม่ใช่เหรอครับ?"  


สนุกบ้าอะไรล่ะครับ!  


แต่สุดท้ายเขาก็ถูกลากเข้าร่วมเกมอยู่ดี  

 


ภารกิจของพวกเขาคือ การประคองลูกแก้วเวทมนตร์ไปยังเส้นชัย โดยต้องใช้แผ่นไม้เล็กๆ ร่วมกันถือ


"โอเคครับ ผมว่าเราแค่เดินไปช้าๆ อย่างระวังแล้วเราจะผ่านมันไปได้" คูเปอร์พูดขึ้นอย่างจริงจัง  


"อืม... ฟังดูเป็นแผนที่ดี" ไลแซนเดอร์ตอบรับ  


..สิบวินาทีต่อมา ลูกแก้วก็กลิ้งตกพื้น


"...โอเคครับ อันนี้แค่ลองเชิง" คูเปอร์รีบแก้ตัว "เอาใหม่!"  


พวกเขาพยายามอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง... จนสุดท้ายก็มาถึงเส้นชัยจนได้  


รางวัลที่พวกเขาได้มา คือ... ตุ๊กตายัดนุ่น 6 ตัว!


คูเปอร์มองของที่ได้รับมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ "หกตัวเลยเหรอครับ?"  


"ถือว่าเป็นของขวัญใหญ่เลยนะครับ"  


"ผมแค่อยากได้แค่ตัวเดียวเอง..."  


แต่ก่อนที่เขาจะคิดมากกว่านี้ อยู่ๆ ดอกกุหลาบสีทองและกุหลาบสีน้ำเงินก็ค่อยๆ ร่วงลงมาตรงหน้าพวกเขา  


คูเปอร์หยิบกุหลาบสีน้ำเงินขึ้นมา ไลแซนเดอร์จับกุหลาบสีทอง ดวงตาสีเทาของชายหนุ่มเหลือบขึ้นไปมองด้านบน พลางขมวดคิ้ว  


"มันมาจากไหนกันครับ?"  


ก่อนที่เขาจะได้คำตอบ คนหนึ่งที่เป็นสตาฟของซุ้มก็เดินเข้ามายื่นดอกไม้สีทองให้อีกคน  


คูเปอร์กระพริบตาก่อนจะยิ้มเล็กน้อย "งั้นคุณเอาสีน้ำเงินไปแล้วกันครับ"  


"ทำไมล่ะครับ?"  


"มันเหมาะกับคุณมากกว่า"  


ไลแซนเดอร์มองเขาครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มรับ "ถ้างั้น... ผมก็จะถือว่าเป็นของขวัญจากคุณนะครับ ส่วนกุหลาบสีทองนี่ผมก็ขอให้คุณด้วยเหมือนกัน"  


คูเปอร์รีบเบือนหน้าหนี "อย่าพูดอะไรแปลกๆ สิครับ!"  



จากนั้นก็ถึงเวลาจัดการกับตุ๊กตา


คูเปอร์มองตุ๊กตาทั้งหกตัวที่เรียงกันตรงหน้า เริ่มรู้สึกว่ามันมากเกินไปสำหรับเขา  


"แค่ตัวเดียวก็เกินพอแล้ว"


เขาเลื่อนสายตามองตัวเลือกทั้งหมดอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปหยิบ ตุ๊กตาเทพีอะธีน่า ตามสัญชาตญาณ  


แต่ก่อนที่เขาจะได้แตะมัน มือนึงก็ยื่นตุ๊กตาตัวอื่นมาให้เสียก่อน  


ตุ๊กตาเทพีคิโอเน่




คูเปอร์ชะงักไป ก่อนจะหันไปมองเจ้าของมือที่ยื่นมาให้ แน่นอนว่าเป็นไลแซนเดอร์  


"คุณอยากให้ผมรับไว้เหรอครับ?"  


"อืม"  


"ทำไมล่ะครับ?"  


"สำหรับผม... ตัวไหนก็ได้ทั้งนั้น" ไลแซนเดอร์กล่าวเรียบๆ "แต่ผมอยากให้คุณได้ตัวนี้"  


คูเปอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรับมาอย่างไม่ขัดขืน  


"แล้วตัวอื่นล่ะครับ?"  


"ส่วนที่เหลือ... ผมจะเอาไปเอง"  


"เอาไปทำอะไรครับ?"  


"พอดีผมมีคนรู้จักที่อาจจะอยากได้"  


คูเปอร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย ก่อนจะไหวไหล่ "เข้าใจแล้วครับ งั้นผมจะรับตัวนี้ไว้ก็แล้วกัน"  


เขาก้มมองตุ๊กตาเทพีคิโอเน่ในมือ พลางคิดว่ามันให้ความรู้สึกเย็นๆ นิดหน่อย... คล้ายกับเจ้าตัวที่ยื่นมันให้เลยแฮะ


"งั้น... ของที่ระลึกผมได้ครบแล้วนะครับ"  


"ครับ"  


"เราจะไปไหนต่อดีครับ?"  


ไลแซนเดอร์ไม่ตอบทันที แต่ส่งยิ้มบางๆ มาให้  


"คุณเป็นคนเลือกมาทั้งวันแล้ว... งั้นต่อไป ให้ผมเลือกบ้างดีไหมครับ?"



มอบ ตุ๊กตายัดนุ่น 5 ตัว และ กุหลาบสีน้ำเงิน ให้ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์  


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
โพสต์ 2025-2-15 12:24:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-2-15 15:30

Time

14/02/25


บทพิเศษ Valentine's Day

ตอนที่ 5


แสงไฟสีทองส่องประกายระยิบระยับเหนือโอลิมเปียน พลาซ่า

แม้นาฬิกาจะส่งเสียงบอกโมงยามว่าบัดนี้ใกล้ถึงบ่ายสี่แล้ว แต่บรรยากาศของสวนสนุกยังคงคึกคักไม่จางหาย เสียงหัวเราะของผู้คน เสียงเครื่องเล่นดังระงม และเสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ไกลๆ ทุกอย่างผสมกลมกลืนเป็นความทรงจำของวันหนึ่งที่ไม่มีทางเหมือนเดิมอีกเป็นครั้งที่สอง  

คูเปอร์ยังคงถือ ตุ๊กตาเทพีคิโอเน่ ไว้แนบอก ขณะที่สายตาเหลือบไปมองไลแซนเดอร์ที่เดินอยู่ข้างๆ  




เสียงบรรเลงดนตรีจากขบวนพาเหรดดังก้องทั่วโอลิมเปียน พลาซ่า  

ฝูงชนเริ่มมารวมตัวกันตลอดแนวถนนหลัก บ้างนั่ง บ้างยืนอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อเฝ้ารอการแสดงสุดยิ่งใหญ่ของสวนสนุก คูเปอร์เหลือบมองไลแซนเดอร์อย่างสงสัยเมื่ออีกฝ่ายพาเขาเดินมายังจุดนี้ ทั้งที่พวกเขาเพิ่งได้รับของที่ระลึกมาไม่นาน  

"เรามารอดูอะไรเหรอครับ?"  

ไลแซนเดอร์พยักพเยิดไปทางด้านหน้าซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับขบวนพาเหรด "เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง"  

"หรือว่า..." คูเปอร์เพ่งมองป้ายกำหนดการของสวนสนุก Heroes' March ขบวนพาเหรดของนักรบและวีรบุรุษกรีกโบราณ ที่มีกำหนดแสดงตอนบ่ายสอง  

"คุณจำที่ผมเคยบอกได้ไหมครับ?"  

"เรื่องไหนล่ะครับ?"  

"ตอนที่เราคุยกันช่วงแรก..." ไลแซนเดอร์หันมามองเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง แต่มีบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน "ผมเคยมาที่นี่ตอนเด็กๆ"  

คูเปอร์กระพริบตาไปสองสามครั้งก่อนจะพยักหน้า "อ้อ ใช่ครับ คุณบอกว่าเคยมา แล้วไงครับ?"  

"ถึงแม้ว่าจะลืมอะไรไปหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจำได้ขึ้นใจ ก็คือขบวนพาเหรดนี้"  

เสียงกลองดังกึกก้องขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มต้น ขบวนพาเหรดเคลื่อนตัวผ่านถนนกว้างของพลาซ่า ผู้ชมรอบข้างส่งเสียงเชียร์ ขณะที่เหล่านักรบในชุดเกราะส่องประกายเดินเป็นแถวอย่างแข็งแกร่ง  

คูเปอร์จ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยความทึ่ง เฮอร์คิวลิสตัวยักษ์กำลังโชว์พลังยกเสาหินขนาดใหญ่เหนือหัว เพอร์ซิอุส ชูหัวเมดูซ่าจำลองพลางแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ เหล่านักรบจาก อโครโพลิสการ์เดียน ก้าวเดินเป็นจังหวะอย่างพร้อมเพรียง เกราะโลหะวาววับจับแสงอาทิตย์  

"ว้าว... ไม่แปลกใจเลยที่คุณจำมันได้" คูเปอร์พึมพำ มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเปล่งประกาย  

"ตอนเด็ก ผมตื่นเต้นมากทุกครั้งที่เห็นพวกเขาเดินผ่าน" ไลแซนเดอร์พูดเสียงเรียบ "โดยเฉพาะตอนที่เห็นพวกเงือกจากแอตแลนติส"  

ทันทีที่เขาพูดจบ ขบวนของเหล่าสัตว์วิเศษและเผ่าพันธุ์มหัศจรรย์ก็เคลื่อนผ่านมาต่อจากขบวนวีรบุรุษ นางไม้ ในชุดบางเบาสีเขียวมรกตหมุนตัวร่ายรำ เงือกจากแอตแลนติส โผล่พ้นจากอ่างน้ำเคลื่อนที่ขนาดยักษ์ โบกมือทักทายฝูงชน เสียงพิณของเหล่า เทพีมิวส์ดังแว่วสร้างบรรยากาศที่ชวนให้เคลิ้มตาม  

"คุณเคยอยากเป็นอะไรในขบวนนี้ไหมครับ?" คูเปอร์ถามขึ้นอย่างสนใจ  

ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น "ตอนเด็กๆ ผมเคยอยากเป็นส่วนหนึ่งของขบวน"  

"จริงเหรอครับ"  

"อืม"

"เป็นนักรบ นักดนตรี หรือเงือก?"

"อันสุดท้ายคุณแค่แกล้งพูดใช่ไหมครับ"  

"ฮะๆๆ" คูเปอร์หัวเราะ ก่อนจะหรี่ตา "แต่ถ้าเป็นนักดนตรี ก็ดูเข้ากับคุณอยู่นะครับ"  

ไลแซนเดอร์ไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยัน แค่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น "แล้วคุณล่ะครับ"  

"หืม?"  

"ถ้าคุณเป็นส่วนหนึ่งของขบวนพาเหรด คุณอยากเป็นอะไร"  

คูเปอร์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง สายตากวาดมองขบวนที่กำลังเคลื่อนผ่านหน้าเขา  

"...คงเป็นพวกนักเล่าเรื่องล่ะมั้งครับ"

"นักเล่าเรื่อง?"  

"ก็พวกคนที่เดินไปตามขบวน แล้วคอยเล่าเรื่องวีรบุรุษให้คนฟัง" เขายิ้มบางๆ "ผมชอบเรื่องราว ชอบการแสดง และชอบสื่อสารกับผู้คน"  

ไลแซนเดอร์พยักหน้ารับ ฟังอย่างตั้งใจ คูเปอร์มองเขาแล้วก็หลุดขำออกมาเบาๆ  

"แต่ถ้าพูดกันตามตรง ผมคงจะเล่นเป็นตัวร้ายที่ออกมาส่งท้ายขบวนมากกว่ามั้งครับ"  

"คุณดูเหมาะกับบทตัวเอกมากกว่านะ"  

"โอ้โห คุณดูออกอีกแล้วแต่จากอะไรครับ?"

"จากวิธีที่คุณพูดและสื่อสารกับคนอื่น"

คูเปอร์กระแอมเล็กน้อย หัวใจเต้นแปลกๆ กับคำพูดนั้น  

เสียงกลองชุดสุดท้ายดังขึ้น ปิดฉากขบวนพาเหรดอันยิ่งใหญ่ ฝูงชนเริ่มแยกย้ายกันไปตามโซนต่างๆ ของพลาซ่า คูเปอร์ยังคงมองตามขบวนที่เคลื่อนผ่านไปด้วยสายตาครุ่นคิด  

"รู้ไหมครับ" ไลแซนเดอร์เอ่ยขึ้น ทำให้เขาหันกลับมา  

"อะไรเหรอครับ"  

"การเดตวันนี้ของเรา ก็คงคล้ายขบวนพาเหรดนี่แหละครับ"  

"..."  

"เต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดคิด แต่สุดท้ายก็น่าจดจำ"  

คูเปอร์กระพริบตา มองหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงมีรอยยิ้มบางๆ ติดอยู่บนใบหน้า  

"คุณพูดอะไรแบบนี้ทำไมครับ?"  

"แค่พูดตามความจริง"

โอเค... นี่มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ

ระหว่างที่พวกเขาเดินออกจากโอลิมเปียน พลาซ่า เสียงของฝูงชนเริ่มจางหายไปทีละน้อย ลมเย็นในช่วงบ่ายพัดผ่านอย่างสบายตัว คูเปอร์พยายามเดินให้เป็นปกติที่สุด แต่ทุกครั้งที่น้ำหนักลงไปที่ข้อเท้าข้างที่พลิก ก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันแน่น  

ไลแซนเดอร์ที่เดินเคียงข้างเหลือบมองเขาอยู่เงียบๆ สักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ  

“คุณยังเจ็บอยู่ใช่ไหมครับ”  

คูเปอร์รีบส่ายหัว “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เดินไหวอยู่”  

“แน่ใจ?”

"แน่ใจครับ"  

แม้จะพูดแบบนั้น แต่พอเดินมาได้แค่สองสามก้าว ความเจ็บก็เริ่มเล่นงานเขาอีกครั้ง คูเปอร์พยายามไม่ให้ตัวเองเสียจังหวะเดิน แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไลแซนเดอร์อยู่ดี  

ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น “คุณอยากให้ผมช่วยไหมครับ?”  

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมบอกแล้วไงว่าเดินไหว— เฮ้!”  

คูเปอร์ยังพูดไม่ทันจบ ไลแซนเดอร์ก็โน้มตัวลงมา ก่อนจะช้อนแขนใต้ขาของเขาแล้ว อุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาวอีกครั้ง!  

“เฮ้! เดี๋ยวครับ”

คุณโกหกเก่งขึ้นนะครับ” ไลแซนเดอร์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ดวงตาสีดำสนิทกลับฉายแววเจ้าเล่ห์จางๆ "ถ้าเดินไหวจริง ทำไมถึงเผลอกัดฟันตอนลงเท้าล่ะครับ"  

ให้ตายเถอะ... หมอนี่สังเกตเก่งเกินไปแล้ว!

คูเปอร์กอดอกแน่น ขณะที่ถูกอุ้มพาเดินไปอย่างมั่นคง ฝ่าผู้คนในสวนสนุกที่ยังเดินไปมาอยู่ เสียงกระซิบกระซาบรอบข้างทำให้เขารู้สึกอับอายจนอยากจะมุดดินหนี  

คุณตั้งใจจะแกล้งผมใช่ไหมครับ”  

เปล่าครับ”  

"ไม่จริง คุณต้องตั้งใจแน่ๆ!"  

"แล้วคุณมีหลักฐานอะไร"  

คูเปอร์อ้าปากค้าง เถียงไม่ออกเพราะอีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าสงบนิ่งมากจนเขาจับไม่ได้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดเล่น  

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ โอเค... เขายอมแพ้ก็ได้!

เมื่อพวกเขาเดินออกจากสวนสนุกและเข้าสู่เส้นทางที่เงียบสงบกว่าเดิม เสียงพูดคุยของผู้คนค่อยๆ ลดลง เหลือเพียงเสียงใบไม้กระทบกันเบาๆ คูเปอร์ที่พยายามไม่สนใจความจริงที่ว่าตัวเองกำลังถูกอุ้มเป็นรอบที่สาม (!) ก็พยายามหาเรื่องพูดกลบเกลื่อน  

ว่าแต่...” เขาเอ่ยขึ้น “ทำไมคุณถึงเลือกพาผมไปที่ริมทะเลสาบล่ะครับ”  

ไลแซนเดอร์เหลือบมองเขาแวบหนึ่งก่อนตอบ “ผมว่ามันเป็นสถานที่ที่คุณอาจจะชอบ”  

“หืม? ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ”  

“คุณดูเป็นคนที่ชอบอะไรที่สงบๆ”  

"...ผมดูเป็นคนชอบความสงบเหรอครับ"  

ไลแซนเดอร์พยักหน้า “อย่างน้อยก็มากกว่าที่คุณคิดนะครับ”  

คูเปอร์กระพริบตาอย่างงุนงง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตนิสัยของเขาได้ขนาดนี้  

“ผมว่าเราเพิ่งเจอกันไม่นานเองนะครับ”  

“แค่นั้นก็พอจะดูออกแล้ว”  

ให้ตายเถอะ... พูดอะไรแบบนี้มันน่าขนลุกนะครับ!

คูเปอร์รีบเบือนหน้าหนี ไม่อยากสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ เพราะรู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นเขาคงได้หน้าแดงขึ้นมาแน่ๆ  

...แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของไลแซนเดอร์ที่ลอยมาตามสายลมนี่มัน...  


โอเค! เขาต้องห้ามคิดอะไรไปไกลเด็ดขาด!  

คูเปอร์พยายามเบนความสนใจไปทางอื่น กวาดตามองรอบตัวขณะที่ไลแซนเดอร์ยังคงอุ้มเขาเดินไปตามถนนที่ทอดออกจากสวนสนุก เสียงผู้คนจางหายไปเรื่อยๆ เมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่เงียบสงบกว่า แสงแดดอ่อนๆ สะท้อนจากผิวน้ำของทะเลสาบมอนทอคอยู่ลิบๆ  

"คุณโอเคไหมครับ?" เสียงทุ้มของไลแซนเดอร์ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้คูเปอร์เผลอสะดุ้งเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายก่อนจะรีบพยักหน้ารัวๆ  

"โอเคครับ โอเคมาก"  

"แต่คุณตัวเกร็งขึ้นนะครับ"  

"ก็—!" คูเปอร์รีบกลืนคำพูดตัวเองลงไปก่อนจะสูดหายใจลึกๆ พยายามทำตัวให้เป็นปกติ "แค่รู้สึกแปลกๆ ครับ ปกติผมไม่ค่อยถูกอุ้มแบบนี้"  

"งั้นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่แล้วกัน"  

คูเปอร์กะพริบตา เฮ้ เดี๋ยว นั่นมันควรเป็นคำพูดของเขาไม่ใช่เหรอ!?

เขารีบเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนสีหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นมาเล็กๆ และทำเป็นมองทิวทัศน์ข้างทางแทน มองจากตรงนี้เขาเริ่มเห็นโรงแรมเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ บรรยากาศโดยรอบดูเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนหลังจากวันอันวุ่นวาย  

"ร้านที่คุณพูดถึงอยู่แถวนี้เหรอครับ?"  

"อืม ที่นี่แหละ" ไลแซนเดอร์พยักพเยิดไปทางอาคารไม้ที่ตั้งอยู่ใกล้ริมทะเลสาบ ป้ายหน้าร้านเขียนไว้ว่า The Crow’s Nest

ลมหายใจของคูเปอร์ติดขัดไปชั่วขณะ วิวที่นี่ดีเกินคาด ทะเลสาบกว้างใหญ่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ โต๊ะริมระเบียงถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาให้ความรู้สึกอบอุ่น  

เขาเผลอลืมตัวไปชั่วครู่ จนกระทั่งรู้สึกถึงไอร้อนที่แก้มตัวเองเมื่อมีสายตาของคนรอบข้างจับจ้อง  

"ผมเดินเองได้แล้วครับ"  

ไลแซนเดอร์ชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็วางเขาลงตามคำขอ คูเปอร์รีบทรงตัวให้มั่นก่อนจะไอแห้งๆ แล้วเดินนำเข้าไปในร้านโดยเร็ว  

"สั่งอาหารได้เลยครับ มื้อนี้ผมเลี้ยง"  

คูเปอร์ชะงัก "แน่ใจเหรอครับ?"  

"อืม ถือว่าเป็นคำขอบคุณสำหรับวันนี้"  

"แต่วันนี้ผมเป็นคนเลือกให้คุณตั้งหลายอย่างแล้วนะครับ"  

"งั้นครั้งนี้ให้ผมเป็นฝ่ายดูแลคุณบ้าง"  

คูเปอร์เม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เขาเปิดเมนู ดูเหมือนที่นี่จะเน้นอาหารทะเลและอาหารสไตล์เวสเทิร์น เขาลองเลือกปลาย่างกับสลัด ส่วนไลแซนเดอร์เลือกเมนูสเต็กและซุปข้น  

ระหว่างรออาหาร พวกเขาก็คุยกันเรื่องต่างๆ ไลแซนเดอร์เป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่คูเปอร์เล่า เจ้าตัวก็ยังรับฟังด้วยความสนใจ  

“ว่าแต่คุณทำอะไรนอกจากเล่นดนตรีเหรอครับ”  

“ผมอ่านหนังสือบ้าง”  

“แนวไหนครับ”  

“แล้วแต่ช่วง บางครั้งก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนาน บางทีก็เป็นบทกวี”  

"ฟังดูเหมือนคนที่มีโลกส่วนตัวสูงนะครับ"  

"ก็อาจจะใช่"  

"แล้วถ้าให้เลือกหนังสือเล่มหนึ่งที่คุณชอบที่สุดล่ะครับ?"  

"อืม..." ไลแซนเดอร์คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น "The Odyssey"  

"โอดิสซีย์? เรื่องราวของโอดิสเซียสน่ะเหรอครับ?"  

"อืม"  

คูเปอร์กะพริบตา เขาไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายเลือกเล่มนี้ แต่ก็นึกไม่ออกว่าทำไม  

"เพราะอะไรเหรอครับ"  

"เพราะมันเป็นเรื่องของการเดินทาง"

"แค่นั้นเอง"  

"แล้วคุณคิดว่ามันควรมีเหตุผลมากกว่านั้นไหม?"  

"...ก็ไม่ครับ แค่อยากรู้"  

ไลแซนเดอร์ยิ้มบางๆ ก่อนที่อาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟ พวกเขากินไปคุยไป บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายขึ้น  

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็มานั่งที่ริมหาดเพื่อย่อยอาหาร ลมเย็นๆ พัดผ่าน เสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ  

"ที่นี่สงบกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะครับ" คูเปอร์พึมพำ มองแสงสะท้อนของพระอาทิตย์ที่อยู่บนผิวน้ำ  

"คุณชอบไหม?"  

"อืม ชอบครับ"  

"ดีแล้ว"  

พวกเขานั่งเงียบไปพักหนึ่ง คูเปอร์เหลือบมองไลแซนเดอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายดูสงบและไม่พูดมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศอึดอัดเลยแม้แต่น้อย  

"ขอบคุณนะครับ"

ไลแซนเดอร์หันมามองเขา "เรื่องอะไรครับ?"  

"เรื่องวันนี้" คูเปอร์ยิ้มบางๆ "มันสนุกกว่าที่คิดไว้เยอะเลย"  

"งั้นก็ดีแล้วครับ"  

บรรยากาศเงียบลงอีกครั้ง คูเปอร์ปล่อยให้สายลมพัดผ่าน พยายามทำใจให้สงบ  

แต่ทำไมกันนะ...  

ทำไมถึงรู้สึกว่า วันนี้เป็นวันที่พิเศษกว่าทุกๆ วัน


เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ลมยามเย็นพัดเอื่อยๆ นำกลิ่นน้ำและไอเย็นจากทะเลสาบเข้ามา คูเปอร์นั่งเอนหลังพิงแขนตัวเอง รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าตลอดทั้งวัน แม้จะยังมีความเจ็บตึงจากข้อเท้าอยู่บ้าง แต่เขาก็พอจะลืมมันไปได้ชั่วขณะ  

ไลแซนเดอร์นั่งอยู่ข้างๆ ร่างสูงของอีกฝ่ายทอดสายตามองไปยังผืนน้ำเงียบๆ คล้ายกับกำลังใช้เวลาซึมซับบรรยากาศรอบตัว คูเปอร์เหลือบมองเขา ก่อนจะเผลอยิ้มออกมา  

"คุณดูเป็นคนที่ชอบความเงียบสงบนะครับ"  

ไลแซนเดอร์หันมามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ "บางทีผมก็ชอบอะไรที่ไม่วุ่นวายเกินไป"  

"งั้นพาผมมาที่นี่เพราะแบบนั้นเหรอครับ?"  

"อาจจะ"

คูเปอร์หัวเราะเบาๆ เขาหยิบก้อนหินเล็กๆ ขึ้นมาแล้วโยนลงไปในน้ำ มันกระเด็นสองสามครั้งก่อนจะจมหายไป  

"คุณเคยมีความฝันอะไรไหมครับ?"  

ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายกำลังไตร่ตรองคำถาม  

"ทุกคนก็ต้องมีความฝันกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ?"  

"แล้วความฝันของคุณคืออะไรล่ะครับ"  

ไลแซนเดอร์ไม่ได้ตอบในทันที ดวงตาสีดำของเขายังคงจับจ้องไปที่ผืนน้ำ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบๆ  

"ความฝันของผมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามช่วงเวลา"  

"ฟังดูเป็นคำตอบที่กำกวมนะครับ"  

"อืม" ไลแซนเดอร์ยิ้มเล็กน้อย "แต่ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่ผมอยากทำจริงๆ ก็คงเป็น... การได้สร้างอะไรบางอย่างที่อยู่กับผู้คนไปนานๆ"  

"เช่นดนตรี?"  

"นั่นก็เป็นหนึ่งในนั้น"  

คูเปอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเองก็เคยมีความฝันที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

"ผมเองก็มีความฝันนะครับ"

ไลแซนเดอร์เหลือบตามามองเขาอย่างสนใจ "อะไรเหรอครับ?"  

คูเปอร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ ดวงตาสีเทาของเขาฉายแววอ่อนโยนลง "ผมอยากเป็นนักแสดง"  

"นักแสดง?"  

"อืม"  

คูเปอร์เหม่อมองท้องฟ้า เมฆที่ลอยกระจายอยู่เต็มฟ้าสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา "ผมเติบโตมากับเรื่องเล่า โตมากับโลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ผมรักการเล่าเรื่องมาตั้งแต่เด็กๆ และผมก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน"

ไลแซนเดอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาตั้งใจฟังในสิ่งที่คูเปอร์กำลังถ่ายทอดออกมา  

"ตอนเด็กๆ พ่อบุญธรรมของผมเป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ส่วนแม่ก็เป็นนักโบราณคดี บ้านของเรามีหนังสือเต็มไปหมด ผมโตมากับเสียงเล่านิทานก่อนนอน โตมากับเรื่องราวของวีรบุรุษและบุคคลในอดีต"

ไลแซนเดอร์มองคูเปอร์ที่กำลังเล่าด้วยแววตาสงบ ดวงตาสีเทาของอีกฝ่ายเป็นประกายราวกับกำลังย้อนนึกถึงอดีตของตัวเอง  

"แล้วตอนที่ผมเริ่มโตขึ้น... ผมก็เริ่มเห็นอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่เห็น" คูเปอร์หัวเราะเบาๆ "ผมรู้ว่ามันฟังดูแปลก แต่ผมคิดเสมอว่าตัวเองเหมือนอยู่ระหว่างโลกสองใบ โลกของคนธรรมดา และโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเหนือธรรมชาติ"  

"คุณไม่เคยกลัวเหรอครับ"  

"ไม่ครับ" คูเปอร์ส่ายหน้า "ถ้าผมต้องกลัวสิ่งที่ผมเห็น... งั้นผมก็คงต้องกลัวไปตลอดชีวิต"  

ไลแซนเดอร์มองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ "คุณเข้มแข็งกว่าที่คิดนะครับ"  

คูเปอร์หัวเราะ "ไม่รู้ว่าควรรู้สึกดีไหมที่ได้ยินคุณพูดแบบนั้น"  

ไลแซนเดอร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเงียบลงเมื่อคูเปอร์เอ่ยขึ้น  

"ว่าแต่... คุณชอบดนตรีใช่ไหมครับ?"  

"อืม"  

"ความจริงวันนี้ผมเตรียมเพลงมาร้องให้คู่เดตฟังด้วยล่ะ"

ไลแซนเดอร์เลิกคิ้วน้อยๆ ขณะที่คูเปอร์ยิ้ม ก่อนจะสูดหายใจลึกๆ และเริ่มเอื้อนเอ่ยบทเพลงออกมา  



(เพลงประกอบเสริมจิตนาการ---)


เสียงร้องของคูเปอร์ล่องลอยไปพร้อมกับสายลมเย็นของยามเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งเป็นจังหวะเบาๆ กลายเป็นแบ็กกราวด์ที่ช่วยขับเน้นท่วงทำนองให้ไพเราะยิ่งขึ้น ดวงตาสีเทาของเขาหลุบลงเล็กน้อย ปล่อยให้ตัวเองจมไปกับบทเพลงที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย  

"แค่เราหลับตา จะได้มาเห็น  
ในโลกที่ฉันมีสุขร่มเย็น  
ที่ที่เป็นของเรา  
ผ่านมืดมิด ผ่านประตู  
ที่ใดไม่รู้แต่คุ้นตา ดั่งกลับมาบ้านเก่า"

คูเปอร์ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเลือกเพลงนี้ขึ้นมาร้อง อาจเป็นเพราะเนื้อหาของมันสะท้อนถึงสิ่งที่เขายึดมั่นมาตลอด ความฝันของเขา โลกที่เขาวาดไว้ในใจ และเส้นทางที่เขากำลังก้าวเดินไป  

ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มบางๆ ขณะที่เสียงร้องของเขาก้องกังวานไปทั่วริมฝั่งทะเลสาบ  

"ใครจะมองว่าเรานั้นฟั่นเฟือนไปมากมาย  
ใครจะมองเรื่องทั้งหลายว่ามันไม่จริง  
จะไม่แคร์ จะไม่สน เขาเรียกเราอย่างไร  
ขอสร้างโลกที่สดใสให้ใจพึ่งพิง"

เสียงของเขาเอื้อนเอ่ยไปตามท่วงทำนองอย่างลื่นไหล บางจังหวะก็แผ่วลงคล้ายเสียงกระซิบ บางช่วงก็ทุ้มต่ำและหนักแน่น สายตาของคูเปอร์เหม่อมองผืนน้ำเบื้องหน้าขณะที่ปล่อยให้ความรู้สึกของตนถ่ายทอดผ่านบทเพลง  

และเมื่อเขาเว้นจังหวะเพื่อหายใจ—  

เสียงร้องอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขับร้องท่อนต่อไป

เสียงทุ้มลึก นุ่มนวล และเปี่ยมเสน่ห์ของไลแซนเดอร์

"ก่อนเอนกายในคืนยาวนาน  
ดั่งเกิดประกายดวงไฟบันดาล  
มีฝันนับล้านเวียนวนจนเราต้องตื่น  
ก็อยากให้แดนที่เฝ้าฝันหา  
ปรากฏเป็นจริงไม่ใช่ลวงตา  
และฝันนับล้านนำพาเรามาทุกคืน  
โลกที่สวยดังปองรอให้สองเราได้มายืน"

คูเปอร์เบิกตากว้างเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าไลแซนเดอร์จะร้องเพลงตาม ท่วงทำนองที่เปล่งออกมาจากอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ ความนุ่มนวลของน้ำเสียงขับเน้นให้เพลงยิ่งไพเราะขึ้น  

แวบหนึ่ง คูเปอร์รู้สึกเหมือนลืมวิธีหายใจไปชั่วขณะ  

แต่แทนที่จะหยุดร้อง เขากลับยิ้มบางๆ และปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามจังหวะของเสียงดนตรีที่ไม่มีเครื่องดนตรีใดๆ นอกจากเสียงของพวกเขาเอง  

"จะเล็กหรือใหญ่ ฝ่าไปทุกวัน  
แบ่งปันความฝันจะร้ายดี  
แค่มีกันและกัน  
จะถูกหรือผิด ไม่เคยคิดหวั่น  
ถ้าหากเธอพาฉันเดินก้าวไป  
สู่ดินแดนของเธอ  
โลกที่เจอยามหลับตาเห็นไม่ไกล  
เมื่อหลับตาเห็นในใจ"

คูเปอร์ร้องนำ ไลแซนเดอร์รับส่งเสียงคอรัสประสานเป็นช่วงๆ ราวกับพวกเขาซ้อมร้องเพลงนี้มาด้วยกันหลายเดือน แม้จะเป็นการร้องสดๆ โดยไม่ได้เตรียมตัว แต่ทุกอย่างกลับไหลลื่นเป็นธรรมชาติ  

เมื่อถึงท่อนสุดท้าย พวกเขาประสานเสียงกันในจังหวะเดียวกัน  

"ก็อยากให้แดนที่เฝ้าฝันหา  
ปรากฏเป็นจริงไม่ใช่ลวงตา  
และฝันนับล้านนำพาเรามาทุกคืน  
โลกสวยดังปองรอให้สองเราได้มายืน  
โลกที่สองเราสร้างขึ้นมา"

เมื่อเสียงสุดท้ายจางลง คูเปอร์ลืมตาขึ้นแล้วหันไปสบตากับไลแซนเดอร์  

"คุณร้องเพลงเพราะนะครับ"

คูเปอร์กระพริบตา รู้สึกเหมือนเพิ่งถูกดึงกลับมาสู่โลกความจริง เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเอง  

"ขอบคุณครับ..."

ลมเย็นๆ พัดผ่าน พาเอาความอบอุ่นประหลาดแทรกซึมเข้ามาในบรรยากาศโดยที่พวกเขาเองก็ไม่ทันสังเกต…


เสียงคลื่นยังคงซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะ ลมยามเย็นพัดเบาๆ พาไอเย็นจากทะเลสาบมาโอบล้อม คูเปอร์ทอดสายตามองออกไปยังผืนน้ำกว้าง สายลมทำให้ผิวของเขาเย็นวูบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวแต่อย่างใด บรรยากาศคืนนี้เงียบสงบ และดูเหมือนว่าเวลาจะไหลไปช้ากว่าปกติ  

เขาหลับตาลง ปล่อยให้ลมพัดผ่านใบหน้าอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างสะกิดสายตา  

กุหลาบสีน้ำเงิน  

คูเปอร์เอียงคอเล็กน้อย จ้องมองดอกไม้ที่ดูจะปรากฏตัวขึ้นหลายครั้งในวันนี้ ตั้งแต่ซุ้มกิจกรรมในสวนสนุก ตอนรับรางวัลที่ร้านเค้ก และตอนที่เขายื่นให้ไลแซนเดอร์  

"...แปลกจัง"

เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะคลานไปหยิบมันขึ้นมา สีของมันยังคงเป็นเฉดน้ำเงินลึก หัวใจของเขากระตุกแวบหนึ่งเมื่อนึกถึง

หวังว่านี่จะเป็นดอกสุดท้ายนะ...  

คูเปอร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเหลือบไปมองคู่เดตที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มยังคงมีสีหน้าเรียบสงบ ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนแสงไฟจากริมฝั่ง  

คูเปอร์มองกุหลาบในมือ ก่อนจะชูดอกไม้นั้นแล้วยื่นไปให้ไลแซนเดอร์  

"ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ รุ่นพี่ไลแซนเดอร์"

ไลแซนเดอร์มองกุหลาบในมือของเขานิ่งๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปรับ ดวงตาของอีกฝ่ายทอดมองเขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนที่ริมฝีปากจะขยับเปล่งเสียงนุ่มลึก  

"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ... คูเปอร์"

ร่างของคูเปอร์สะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาสีเทาเบิกขึ้นอย่างตกใจ อีกฝ่ายเอ่ยชื่อเขา—!?

ตั้งแต่เดตกันมา ไลแซนเดอร์ไม่เคยเรียกชื่อเขาตรงๆ เลยสักครั้ง คำที่ใช้แทนกันมีแค่ ‘คุณ’  แต่ครั้งนี้กลับเป็น...  

"..."  

ปากของเขากำลังจะขยับถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อความทรงจำผุดขึ้นมาในหัว  

ตั่งแต่ที่ร้านเค้ก

"จำไม่ได้เหรอ?"  

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากคนตรงข้าม ไลแซนเดอร์เอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย พลางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่มีร่องรอยหยอกเย้า  

"คุณเป็นคนพูดเองนะครับ ว่าไม่ต้องใช้ภาษาสุภาพมากก็ได้"

คูเปอร์กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะนึกออกว่า ใช่ เขาพูดแบบนั้นจริงๆ ตั่งแต่ตอนแรกที่เจอกันเลย

…แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆ กับการที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขากันนะ!?

"หรือว่า... คุณไม่อยากให้ผมเรียกชื่อคุณครับ?" ไลแซนเดอร์เอ่ยขึ้น น้ำเสียงติดขบขัน  

"เอ่อ..." คูเปอร์หลบสายตาเล็กน้อยก่อนจะกระแอมเบาๆ "ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกครับ แค่... ไม่คุ้นเท่านั้นเอง"

"งั้นเดี๋ยวคุณก็คุ้นเองครับ"  

คำพูดนั้นทำให้คูเปอร์หันกลับมาสบตากับไลแซนเดอร์โดยอัตโนมัติ ราวกับสมองของเขากำลังพยายามประมวลผลความหมายแฝงของมัน  




แต่ก่อนที่เขาจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ ไลแซนเดอร์ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  

"ดวงตาของคุณ... เป็นสีเทาที่สวยดีนะครับ"  

คูเปอร์กระพริบตาปริบๆ ห๊ะ?

"เอ่อ... ขอบคุณครับ?"  

"มันเหมือนหมอกตอนเช้าตรู่" ไลแซนเดอร์พึมพำเบาๆ "เยือกเย็น แต่ก็แฝงความอบอุ่นอยู่ในที"  

"...คุณกำลังเปรียบเทียบตาผมกับบรรยากาศเหรอครับ?"  

"ก็อาจจะนะ"  

"..."

...นี่มันไม่แฟร์เลยจริงๆ  

หมอนี่ตั้งใจแกล้งเขาแน่ๆ!

คูเปอร์เม้มริมฝีปาก พยายามไม่หลบสายตาของอีกฝ่าย แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ กันนะ...  

บ้าจริง ให้ตายเถอะ ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์!  



คูเปอร์นั่งนิ่งสงบอารมณ์ มองคลื่นที่กระทบชายฝั่งเป็นระลอกๆ ดวงตาสีเทาของเขาหลุบลงมองผืนน้ำ ทิ้งตัวเองให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศอันเงียบสงบ รู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดผ่านแก้มและเสียงกระซิบแผ่วของธรรมชาติ  

แต่แล้วจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว  

"อ้อ จริงสิ..."  

คูเปอร์เบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต นิ้วเรียวสัมผัสกับพื้นผิวเย็นๆ ของบางสิ่งที่เขาเก็บเอาไว้ตั้งแต่เช้านี้ แต่กลับลืมไปเสียสนิท  

หินมูนสโตน

เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋า แสงอ่อนๆ ของดวงจันทร์ถูกสะท้อนออกมาผ่านพื้นผิวของอัญมณีสีขาวขุ่นที่เปล่งประกายเรืองรองราวกับกักเก็บแสงจันทร์เอาไว้ในตัวมันเอง  
  

เขาพลิกหินในมือเบาๆ ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวเรียบลื่นและเย็นสบายของมัน หินก้อนนี้เขาตั้งใจจะให้คู่เดตเป็นของที่ระลึกในวันนี้ แต่ดันลืมไปเสียสนิทเพราะเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น  

เขาเหลือบตามองไลแซนเดอร์ที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างๆ คนตัวสูงยังคงทอดสายตามองออกไปไกล ราวกับกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง  

คูเปอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไป  

"นี่ครับ"  

ไลแซนเดอร์กะพริบตาเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองสิ่งที่คูเปอร์ยื่นให้ "หืม?"  

"หินมูนสโตน ผมตั้งใจจะให้คุณตั้งแต่ตอนกลางวัน แต่ดันลืมไปซะสนิทเลย"  

ไลแซนเดอร์จ้องมองอัญมณีที่เปล่งประกายแสงจางๆ ในมือของคูเปอร์ ก่อนจะยื่นมือมารับมันไป นิ้วเรียวสัมผัสกับผิวเย็นของหิน ดวงตาสีดำลึกลับทอประกายบางอย่าง  

"ทำไมถึงเลือกหินนี้ให้ผมล่ะครับ?"  

คูเปอร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ "ก็เพราะมันเป็นของที่ให้ความรู้สึกสงบดีนะครับ"  

"สงบ?"  

"ใช่ครับ... ผมไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อเรื่องแบบนี้ไหม แต่เขาว่ากันว่ามูนสโตนเป็นหินแห่งพลังของดวงจันทร์ มันช่วยให้จิตใจสงบ และช่วยทำให้ความคิดแจ่มชัดขึ้น"  

ไลแซนเดอร์พลิกหินในมือเบาๆ สัมผัสมันด้วยปลายนิ้วราวกับกำลังพิจารณา  

"คุณเชื่อในพลังของมันไหมครับ?"  

คูเปอร์หัวเราะเบาๆ "ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมว่ามันเป็นของที่ดีนะ อย่างน้อยก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้แหละน่า"  

ไลแซนเดอร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกหินขึ้นเล็กน้อย แสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนลงบนพื้นผิวของมันเป็นประกายเรืองรอง  

"ถ้างั้น... ผมก็จะรับมันไว้ครับ"  

คูเปอร์ยิ้ม "ดีใจที่คุณชอบนะครับ"  

ไลแซนเดอร์ไม่ได้ตอบอะไร แต่คูเปอร์ก็สังเกตเห็นว่ามุมปากของอีกฝ่ายมีรอยยิ้ม แฝงอยู่  




เสียงคลื่นยังคงซัดกระทบฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน ทำให้เส้นผมของคูเปอร์ปลิวไหว เขายกมือขึ้นลูบต้นแขนตัวเองเบาๆ ไม่ใช่เพราะหนาว แต่เพราะรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก

คืนนี้เงียบสงบ ทะเลสาบมอนทอคสะท้อนเงาดวงจันทร์เต็มดวงเป็นประกายระยิบระยับ ทว่าความรู้สึกที่ลอยอยู่ในอากาศตอนนี้ไม่ใช่เพียงความเงียบสงบ แต่มันเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่คูเปอร์อธิบายไม่ถูก

เขาหันไปมองไลแซนเดอร์ที่ยังคงนั่งอยู่ข้างๆ คนตัวสูงทอดสายตาออกไปยังเส้นขอบน้ำด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับว่าการอยู่ในความเงียบเช่นนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเขา

และแล้ว อยู่ๆ ไลแซนเดอร์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อนดวงตาสีดำของเขาจับจ้องไปที่คนข้างๆ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก

“วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์นะครับ”

"แล้วคุณคิดว่าวันนี้เป็นวันแบบไหนเหรอครับ?"

"วันแห่งความรัก?"

"อืม..." ไลแซนเดอร์ครุ่นคิด ก่อนจะเอียงคอมองเขาด้วยสายตาพินิจ "งั้นวันนี้คุณได้รับความรักไปบ้างหรือยังครับ?"

คำถามนั้นทำให้คูเปอร์ชะงักไปครู่หนึ่ง

"เอ่อ..."

นี่หมอนี่พูดอะไรขึ้นมากันนะ!?

เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยายามหาคำตอบที่ฟังดูเป็นกลางที่สุด "ก็น่าจะมีอยู่บ้างครับ..."

"อย่างนั้นเหรอครับ?"

"แล้วคุณล่ะครับ?


ไลแซนเดอร์หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก "อืม... ก็คงได้รับมาเยอะเหมือนกันครับ"

คูเปอร์รู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้หาคำตอบให้ตัวเองเกี่ยวกับความรู้สึกนี้ บางอย่างก็ดึงความสนใจของเขาไปเสียก่อน


{สายลมพัดผ่านสะท้านหล้า  

คลื่นครืนถั่งมาพาระลอกขาน  

ฟองขาวกลั่นก่อรัศมีพาน  

จรัสวาบเบิกบานกลางวารี  



กลางเกลียวธาราแสงเรืองรอง  

ล้ำละอองผุดพลั่งดังรัศมี  

โอบเอื้อก่อร่างเป็นนารี  

งามประหนึ่งเทพีสวรรค์ไกล  



เนตรดั่งมณีวาววามสรวง  

เรือนผมรินร่วงเป็นเงาไหม  

ผิวพรรณผ่องพริ้มวิมลใจ  

ราวแสงทองไล้ละอองฟอง}





ฟองคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเริ่มดูแปลกไป คลื่นดูสูงขึ้นและแตกตัวเป็นฟองขาวละเอียดผิดปกติ มันรวมตัวกันเป็นละอองบางเบาที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายามเย็น

และในพริบตา

ร่างอันสง่างามของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา

คูเปอร์เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มฟองคลื่น เส้นผมสีทองของนางพลิ้วไหวราวกับต้องแสงตะวัน ผิวกายขาวผ่องราวกับงาช้าง นางสวมอาภรณ์ที่ดูราวกับทอจากไอหมอกแห่งท้องทะเล ระยิบระยับดุจต้องแสงจันทร์

เทพีอะโฟรไดท์

แม้จะไม่เคยพบกันโดยตรง แต่คูเปอร์ก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร เขารีบตั้งสติ พยายามขยับตัวลุกขึ้นเพื่อทำความเคารพ แต่ก็ถูกห้ามไว้ด้วยสายตาอ่อนโยนของนาง

เทพีแห่งความรักเผยรอยยิ้มขบขัน "ข้าไม่ได้รบกวนเวลาอันแสนพิเศษของพวกเจ้าหรอกนะ?"

คูเปอร์สะดุ้ง รีบโบกมือปฏิเสธทันที "พวกผมไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับ!”

อะโฟรไดท์หัวเราะเสียงใส "ข้าก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย" นางหรี่ตาลงมองพวกเขา รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยแววล้อเลียน "แต่ว่ากันตามตรง พวกเจ้าน่าสนใจไม่น้อยเลยนะ"

คูเปอร์เม้มริมฝีปาก พยายามไม่ตอบโต้ใดๆ และปล่อยให้เทพีเป็นฝ่ายพูดต่อ

"เนื่องในวันแห่งความรัก ข้าได้ทักทอผ้าคลุมให้แก่เหล่าเดมิก็อด"

เมื่อสิ้นคำกล่าว ผืนผ้าคลุมสีชมพูอ่อนก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากอากาศเบื้องหน้าพวกเขา มันนุ่มละมุนราวกับหมอกยามเช้า ประดับประดาด้วยขนนกพิราบอันบริสุทธิ์ และกลีบกุหลาบสีแดงสด


เมื่อสิ้นคำกล่าว ผืนผ้าคลุมสีชมพูอ่อนก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากอากาศเบื้องหน้าพวกเขา มันนุ่มละมุนราวกับหมอกยามเช้า ประดับประดาด้วยขนนกพิราบอันบริสุทธิ์ และกลีบกุหลาบสีแดงสด

คูเปอร์มองมันด้วยสายตาปริบๆ

สีชมพูขนาดนี้... ชาตินี้จะได้ใส่ไหมนะ!?

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ปฏิเสธอะไร เทพีอะโฟรไดท์ก็เอียงคอมองเขาอย่างรู้ทัน

"เหตุใดเจ้าไม่ลองใส่ดูก่อนเล่า?”

คูเปอร์เผลอสะดุ้งเล็กๆ โอ้โห นี่เทพีอ่านใจเขาได้หรือไง!?

แม้จะอิดออดอยู่ในใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าปฏิเสธเทพีแห่งความรักที่อยู่ต่อหน้านั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เขาจึงค่อยๆ รับผ้าคลุมมาและสวมมันอย่างไม่เต็มใจเท่าไร

"นั่นไง ใส่แล้วก็ดูดีออก" อะโฟรไดท์กล่าวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

คูเปอร์ทำหน้าเหมือนจะเถียง แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา

ไลแซนเดอร์กำลังมองมาที่เขา


คูเปอร์กระพริบตา มองกลับไปอย่างสงสัย ดวงตาสีดำของอีกฝ่ายดูราวกับกำลังพินิจบางอย่าง ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาเบาๆ

"คุณใส่แล้วดูน่ารักมากเลยนะครับ"

โอเค! พอแค่นี้!

คูเปอร์รีบถอดผ้าคลุมออกแทบจะทันที หน้าเห่อร้อนขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ หมอนี่ตั้งใจแกล้งกันชัดๆ!

อะโฟรไดท์หัวเราะเบาๆกับปฏิกิริยาของคูเปอร์ นางดูพึงพอใจอย่างมาก


แต่ยังไม่ทันที่เทพีจะจากไป ผืนอากาศเบื้องหน้าก็เกิดแสงวูบไหว และกล่องสีทองสองกล่องก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา

คูเปอร์รับกล่องมาอย่างงุนงง และเมื่อมันเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ เขาก็พบว่าภายในมีกุหลาบสีทองห้าดอก วางเรียงกันอย่างงดงาม

เขาเหลือบมองไลแซนเดอร์ พบว่าอีกฝ่ายก็ได้รับกุหลาบแบบเดียวกัน

เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น อะโฟรไดท์ก็กอดอกยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของนางเป็นประกายบางอย่าง

"ข้าขอมอบสิ่งนี้สำหรับคู่เดตที่น่าสนใจประจำวาเลนไทน์นี้”


คูเปอร์สำลักอากาศ "เดี๋ยว—"

"และข้าหวังว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้อีกจากพวกเจ้าเยอะๆ นะ"

เสียงขำของเทพีแว่วไปกับสายลม ร่างของนางค่อยๆ เลือนหายกลับเข้าสู่ฟองคลื่น ปล่อยให้คูเปอร์ยังคงอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร สิ่งที่ร่วงลงมาจากฟ้าก็ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

กุหลาบสีทอง ร่วงลงมาจากท้องฟ้า... แบบเดียวกับที่อยู่ในกล่องเป๊ะ

คูเปอร์กลับมานั่งจุ้มปุ๊กกับพื้นทราย มองดอกไม้พวกนั้นด้วยสีหน้าหมดคำพูด

พวกเขานั่งอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วรึเปล่านะ...

"กลับค่ายได้แล้วมั้งครับ"

เขาพยายามลุกขึ้น แต่แรงที่กดไปที่ข้อเท้าทำให้รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

ไลแซนเดอร์มองเขา ก่อนจะพึมพำเบาๆ "ทำไมถึงดื้อจังนะ..."

ก่อนที่คูเปอร์จะทันตอบอะไร ร่างของเขาก็ถูกอุ้มขึ้นอีกครั้ง

"พอแล้วมั้งครับ! คุณไม่หนักบ้างเหรอ!?"

ไลแซนเดอร์ยิ้มขำ "ก็ไม่รู้สิครับ"

"คุณจะอุ้มผมกลับไปจนถึงค่ายเลยหรือไง!?"

ไลแซนเดอร์ยังคงยิ้มหน้าแป้น ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย

หนอยแน่! ถ้ามีคราวหน้าล่ะก็ผมจะเอาคืนบ้าง!


------------------
------------------
มอบ หินมูนสโตน และ กุหลาบสีน้ำเงิน ให้ [NPC-34] ไลแซนเดอร์ วิสเปอร์  
รับ มาลาแห่งอัสสัมชัญ + ดอกกุหลาบสีทอง 5 ดอก จากกล่องสุ่ม
รับ กุหลาบสีทอง กิจกรรม Blind Date จาก อะโฟรไดท์
BELIEVER โบนัสความโปรดปราน +15
ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ โบนัสความโปรดปราน +15
เป้าหมาย เทพีอะโฟรไดท์


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
ยาดม
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x3
x1
x1
x4
x5
x1
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้