[บันทึกการเดินทาง] พ่อคะ แม่คะ หนูไม่ได้หนีตามผู้ชาย...แค่ไปเป็น 'ความรับผิดชอบสูงสุด' ของอะพอลโลที่ยุโรปค่ะ!

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-11-6 22:34:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 12 : ขอเป็นแฟนแทนได้ไหม?
วันที่ 02 เดือน พฤจิกายน ปี 2025
ช่วงดึก เวลา 00.59 น. เป็นต้นไป จาก เมืองโตรอนโต รัฐออนแทรีโอ แคนาดา

แสงเวลาพลบค่ำละลายหมอกบางเหนือเส้นขอบฟ้าของเมืองโตรอนโต อาคารสูงสลับแสงทองของรุ่งอรุณเหมือนโลกกำลังหายใจรับเช้าวันใหม่อย่างแผ่วเบาแม้จะเป็นช่วงเวลากลางคืนก็ตามแต่มันก็มีแสงจากพลบค่ำ รถโดยสารคันสุดท้ายที่เลสเตอร์และโมนีก้านั่งมาเทียบท่าที่สถานีกลางในช่วงเกือบตีห้า ทั้งคู่สวมโค้ทกันหนาว ก้าวลงจากรถท่ามกลางลมหนาวจัดที่พัดมาจากฝั่งทะเลสาบออนแทรีโอ “ในที่สุดก็มาถึง…” เสียงของโมนีก้าแผ่วพร่าเพราะทั้งเหนื่อยและง่วง เธอยกมือขึ้นปัดผมที่ปลิวเข้าหน้า แล้วเหลือบมองเลสเตอร์ที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “อย่ามายิ้มแบบนั้นนะ ฉันรู้ว่านายกำลังจะพูดว่า ‘ผมบอกแล้วว่าคุ้มที่เดินทางมา’ ใช่ไหม” “ผมยังไม่ทันพูดเลยครับ แต่ในเมื่อคุณพูดแทนแล้วก็ตามนั้นเลย” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกวน ๆ ที่ทำให้เธออยากเขกหัว ทั้งคู่ใช้เวลานั่งรถแท็กซี่ต่อมายังโรงแรมใจกลางเมือง หลังเช็กอินเสร็จ พวกเขาก็หลับเป็นตายจนถึงสายของอีกวัน ก่อนที่ภารกิจสำคัญกว่าการเดินทางใด ๆ จะเริ่มขึ้น การไปพบกับลูกสาวของเลสเตอร์ เมื่อตื่นขึ้นยามแสงอาทิตย์ลอดผ่านหน้าต่างโรงแรมอาบผมของโมนีก้าเป็นประกาย เธอสวมเสื้อไหมพรมสีขาวกับโค้ทเบจ ดูเรียบแต่สุภาพจนน่าเอ็นดู ทว่าภายในใจกลับตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ ลูกสาวของเขาอายุยี่สิบสี่… แปลว่าฉันเด็กกว่าอีกเหรอเนี่ย? แล้วฉันต้องวางตัวยังไงดีวะเนี่ย เลสเตอร์ในชุดเรียบแต่ดูดีอย่างน่าหมั่นไส้เดินออกมาจากห้องน้ำพลางเสริมหล่อด้วยท่าทีสบาย ๆ “พร้อมหรือยังครับ คุณแฟนที่กำลังจะไปพบลูกสาวของเทพแห่งดวงอาทิตย์?” “พูดแบบนั้นฉันก็ยิ่งเครียดสิ” โมนีก้ามองค้อน “ขอเตือนก่อนนะ ถ้าลูกสาวนายเกลียดฉัน ฉันจะหนีขึ้นรถไฟกลับนิวยอร์กทันทีเลย” “ไม่มีทางครับ เคย์ล่าเป็นเด็กดี แถมคุณก็น่ารัก ใครจะเกลียดคุณลง” เขาตอบอย่างมั่นใจตามสไตล์ตัวเอง ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็เดินทางด้วยรถแท็กซี่ไปถึงบ้านหลังเล็กในเขตชานเมืองโตรอนโต บ้านไม้สีอบอุ่น ล้อมด้วยต้นเมเปิลที่ใบกำลังเปลี่ยนสีตามฤดู มีกลิ่นไม้และดินชื้นในอากาศที่ให้ความรู้สึกสงบอย่างประหลาด เลสเตอร์สูดลมหายใจลึกก่อนจะเคาะประตูไม้สองครั้ง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นก่อนที่บานประตูจะเปิดออก ชายวัยกลางคนในเสื้อกันหนาวสีเทาออกมายืนตรงหน้า เขามีดวงตาสีฟ้าและเส้นผมสีอ่อนที่เริ่มแซมขาว ใบหน้าคมแต่มีรอยยิ้มอบอุ่นที่ดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก “นายคือเลสเตอร์ใช่ไหม?” ชายคนนั้นพูดขึ้น เสียงทุ้มมีสำเนียงแคนาเดียนชัดเจน “ใช่แล้วครับ” เลสเตอร์ตอบพร้อมรอยยิ้มที่แฝงความระลึกถึง “ดาร์เรน… ไม่คิดเลยว่าจะได้เจออีก” ดาร์เรน โนวล์ส อดีตคนรักมนุษย์ของอะพอลโล ครูสอนยิงธนูผู้ใจดี เขามีแววตาแบบเดียวกับลูกสาวที่เลสเตอร์มักพูดถึงเสมอ รอยยิ้มของเขาอบอุ่นจนทำให้บรรยากาศอึดอัดคลี่คลายลงเล็กน้อย “เข้ามาสิ ทั้งคู่เลย เคย์ล่าออกไปซื้อของ เดี๋ยวคงกลับมา” ภายในบ้านมีกลิ่นไม้หอมกรุ่นจากเฟอร์นิเจอร์เก่าผสมกับกลิ่นชากุหลาบ ดาร์เรนเชิญให้ทั้งสองนั่งบนโซฟาหนังสีอ่อน ก่อนจะเดินไปหยิบแก้วน้ำมาเสิร์ฟ “น้ำแร่เย็น ๆ พอดี เหมาะกับนายดีนะ” เขาพูดขณะยื่นให้ เลสเตอร์หัวเราะเบา ๆ “ยังจำได้อีกเหรอว่าผมชอบแบบนี้” “จำได้สิ” เขาตอบเรียบ ๆ แต่สายตานั้นเต็มไปด้วยความระลึกถึงที่ปิดไม่มิด ก่อนจะหันไปยิ้มให้โมนีก้า “แล้วคุณ… เอ่อ เป็นเพื่อนร่วมทางของเลสเตอร์สินะ” ทันทีที่ได้ยินโมนีก้าก็ฝืนยิ้มสุภาพ “ค่ะ… ประมาณนั้นค่ะ” เสียงเธอแผ่วจนแทบไม่พ้นริมฝีปาก เธอนั่งหลังตรงเกินจำเป็น มือประสานไว้บนตักอย่างเรียบร้อยแต่แฝงความประหม่าในทุกการขยับ ดวงตาเทาเงินของเธอกวาดมองรอบบ้านอย่างเกร็ง ๆ เหมือนกำลังหาที่พึ่งทางสายตาเพราะตอนนี้เธอกำลังอึดอัด เลสเตอร์แอบเหลือบมองเธออย่างขำ ๆ ก่อนเอ่ยกับดาร์เรน “เธอชื่อโมนีก้าครับ” “ยินดีที่ได้รู้จักนะ หนูโม…โมนีก้าสินะ” ดาร์เรนยิ้มให้ เธอพยักหน้าตอบรับอย่างนอบน้อม บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนเดินติ๊กต่อกอยู่ในห้องนั่งเล่น ดาร์เรนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความอึดอัดที่ปกคลุมอยู่จึงพูดขึ้นอย่างใจดี “ไม่ต้องเกร็งหรอก ผมรู้ว่ามันคงดูแปลกที่อยู่ ๆ จะมีเทพเจ้ามาเยี่ยมถึงบ้านแบบนี้ แถมยังพาเพื่อนสาวมาด้วยอีก” เขายิ้มบาง ๆ “ผมดีใจที่ได้เจอนายอีกครั้งนะ ถึงจะ… ไม่คิดว่าจะมาในร่างแบบนี้ก็เถอะ” เลสเตอร์หัวเราะแห้ง ๆ พลางเกาศีรษะ “กฎของโอลิมปัสน่ะครับ ต้องลงมาเรียนรู้ความเป็นมนุษย์อะไรทำนองนั้น” “อืม… อย่างน้อยนายก็ดูมีชีวิตชีวากว่าเดิมนะ” ดาร์เรนว่าพร้อมหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ “เดี๋ยวเคย์ล่ากลับมาก็คงตกใจแน่ เธอพูดถึงนายบ่อยเหมือนกัน” ระหว่างทั้งสองคุยกันโมนีก้ากลับเริ่มคิดอะไรบางอย่างในหัวของเธอ โมนีก้าเป็นคนมีเหตุผลและมีความเห็นอกเห็นใจ ที่เลสเตอร์ไม่บอกว่าเธอเป็นแฟนเธอก็เข้าใจ เพราะเธอเองก็รู้จักความเจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งดี และเธอเห็นการเปลี่ยนแปลงของเลสเตอร์ที่ต้องการรับผิดชอบต่ออดีตที่ผ่านมา คำเมื่อวานทำให้โมนีก้าหวนคิดถึงขึ้นมาอีก โมนีก้า... อีกไม่นานเราจะไปรับรถที่บ้านพ่อของเธอ... ดาร์เรน โนวล์ส เขาเป็น... อดีตคู่ชีวิตของผม... และเป็นคนที่เลี้ยงดูเคย์ล่ามาด้วยความรัก ผม... ผมทำผิดพลาดกับเขาไว้เยอะมากในอดีต... ผมไม่อยากทำให้เขารู้สึกไม่ดีอีก... คุณช่วยทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนร่วมงานที่ผมเพิ่งเจอตอนทำภารกิจได้ไหม? ผมอยากปกป้องความรู้สึกของเขาและของคุณด้วย... อย่างน้อยเลสเตอร์ก็ไม่ปล่อยให้เธอต้องเคว้งกับสิ่งที่เธอไม่เข้าใจและมันคือสิ่งที่โมนีก้าเลือกเอง โมนีก้านั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอันอบอุ่น กลิ่นกาแฟผสมกลิ่นไม้ยังอบอวลอยู่ในอากาศ ขณะนั้นเลสเตอร์กำลังนั่งพิงพนักเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พลางยิ้มบาง ๆ อย่างที่เธอรู้ดีว่าข้างในใจของเขาคงทั้งตื่นเต้น ทั้งระแวง และทั้งกลัวปนกันไปหมด เธอมองเขาเงียบ ๆ พลางคิดในใจ ชายคนนี้… จะมีวันไหนที่ไม่ต้องตามเก็บเศษความผิดพลาดในอดีตของตัวเองไหมนะ ไม่ว่าจะในฐานะเทพ หรือในร่างมนุษย์ เขาก็ยังต้องเผชิญกับสิ่งที่ตัวเองเคยสร้างไว้เสมอ เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ในบทบาทไหนกันแน่ คู่หู? เพื่อนร่วมทาง? หรือคนที่ต้องคอยอยู่ข้างหลังเพื่อค้ำจุนเขาไม่ให้ล้ม มันก็แค่ความรู้สึกแหละ ไม่นานนัก เสียงเปิดประตูด้านหน้าก็ดังขึ้น กลิ่นอากาศเย็นจากภายนอกไหลเข้ามาพร้อมเสียงใส ๆ ที่ดังตามมา “พ่อ! ฉันกลับมาแล้วนะ!” เสียงนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความสดใสจนทั้งสองหันไปมองโดยพร้อมเพรียง หญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องพร้อมถุงของในมือ ผมสีขิงสวยสะท้อนแดดเป็นประกายทองส้ม ปลายผมแต้มสีเขียวสดดูโดดเด่นสะดุดตา ใบหน้าเธอมีกระกระจายอยู่บนผิวขาวอมชมพู และดวงตาสีฟ้าเบลที่เปล่งประกายราวกับฟ้าในฤดูร้อน ใช่… เคย์ล่า โนวล์ส เมื่อสายตาของเธอเห็นเลสเตอร์ ดวงตาคู่นั้นก็เบิกกว้างขึ้น “อ้าวพ่อ!? …โอ้ไม่นะ รอบนี้พ่อไม่สลบให้ใครลากมาใช่ไหม แล้วก็ไม่มีห่วงยางรอบพุงด้วย! ปาฏิหาริย์มากเลยนะเนี่ย” เลสเตอร์หัวเราะเสียงดังราวกับลืมความเกร็งในอก “นี่ลูกกำลังแซวพ่อเหรอ เคย์ล่า? พ่อจะให้รู้ไว้ว่าตอนนี้พ่อรู้จักวิธีเสริมความงามแบบมนุษย์แล้วนะ ทั้งครีมบำรุงผิว มาส์กหน้า และโยคะตอนเช้า” “อืม… ดูดีขึ้นจริง ๆ ล่ะ” เคย์ล่าหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเหลือบเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างพ่อของเธอ “แล้วนี่ใครเหรอคะ?” โมนีก้าขยับตัวขึ้นยืนพลางยิ้มบางอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อโมนีก้า มาจากค่ายจูปิเตอร์ค่ะ เป็นเซนจูเรี่ยนอยู่ที่นั่น” “โอ้ ค่ายจูปิเตอร์เหรอ! ฉันเคยไปฝึกที่นั่นตอนอายุสิบแปด” เคย์ล่าตาเป็นประกาย ยื่นมือออกไปจับกับเธออย่างเป็นมิตร “ฉันชื่อเคย์ล่า โนวล์ส ยินดีที่ได้รู้จักนะ” บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยก่อนที่ดาร์เรนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ “งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ คุยกันตามสบายเลย” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม แล้วเดินออกไป ปล่อยให้สามคนอยู่ในห้องด้วยกัน พอเสียงประตูปิดลง ความเงียบก็แผ่ววาบขึ้นมาอีกครั้ง เคย์ล่าหันกลับมามองทั้งสองคน สีหน้าของเธอดูสงสัยแต่ไม่ใช่ในทางร้าย ก่อนที่เลสเตอร์จะเอ่ยขึ้นก่อนใคร “เคย์ล่า… พ่อมีเรื่องอยากบอก” เธอยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ว่ามาเลยพ่อ ฉันไม่ตกใจง่าย ๆ หรอกนะ” เลสเตอร์สูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดตรง ๆ ตามสไตล์ของเขา “พ่อกำลังคบหาดูใจกับโมนีก้าอยู่” เคย์ล่ากะพริบตา มองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมา “อืม… แล้วพ่อบอกเรื่องนี้กับพ่อดาร์เรนหรือยัง?” “ยัง” เขาตอบเสียงแผ่ว “พ่ออยากให้เขาได้ยินจากปากพ่อในเวลาที่เหมาะสม” เคย์ล่าพยักหน้าเบา ๆ ก่อนยกแขนเท้าคางมองเขา “พ่อเปลี่ยนไปมากเลยนะ รู้ตัวไหม?” เลสเตอร์หัวเราะในลำคอ รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนผิดจากเดิม “พ่อได้เรียนรู้แล้วว่า การทอดทิ้งและความไม่รับผิดชอบในอดีตมันสร้างบาดแผลให้กับหลายคน… รวมถึงดาร์เรนด้วย เขาเลี้ยงลูกด้วยความรักโดยไม่มีพ่ออยู่ด้วย นั่นทำให้พ่อเข้าใจคำว่า ‘พ่อ’ ได้จริง ๆ ก็เพราะเขา” ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน โมนีก้ามองเลสเตอร์เงียบ ๆ ดวงตาเทาเงินของเธอสะท้อนประกายแสงอบอุ่นจากแววตาเลสเตอร์ ขณะที่เขายังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย “พ่อรู้ว่าตลอดมาพ่อเป็นคนที่… เอ่อ… มีเสน่ห์ล้นเหลือไปหน่อย” เขาเลิกคิ้วใส่ลูกสาว ทำให้เคย์ล่าหัวเราะพรืดออกมา “แต่กับโมนีก้ามันไม่เหมือนเดิมเลย เธอทำให้พ่อรู้ว่าการจะเป็นคนที่ดีขึ้นมันไม่ต้องใช้เวทมนตร์หรือดวงดาว มันแค่ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกของตัวเอง พ่อให้สัญญาเธอไว้แล้วว่าจะไม่มองใครอีกจนกว่าเราจะเลิกกันหรือวาสนาแยกเราจากกัน” เคย์ล่าจ้องพ่อเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ขอเวลาฉันทำความเข้าใจนิดหน่อยนะพ่อ ไม่ใช่เพราะไม่เห็นด้วย… แค่เพราะมันแปลกดีน่ะ” เธอหันไปมองโมนีก้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้น “แต่เอาจริง ๆ ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก ฉันเห็นสัญญาณบางอย่างแล้วตั้งแต่พ่อเริ่มพูดถึงเธอครั้งแรกในจดหมาย เขาพูดถึงเธอเหมือนพูดถึงใครบางคนที่ทำให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง” เลสเตอร์หน้าแดงอย่างหายาก ส่วนโมนีก้าก็ทำหน้าตายกลบเกลื่อนแต่ก็เหลือบตาไปทางเลสเตอร์เพราะเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้ “จดหมายเหรอ…” เธอแกล้งว่า “อืม น่าสนใจแฮะ” เคย์ล่าหัวเราะเบา ๆ พลางเอนหลังพิงโซฟา “งั้นฉันมีคำถามเดียวค่ะ คุณโมนีก้า คุณทำยังไงให้ผู้ชายที่ทั้งหลงตัวเอง ขี้บ่น และไม่รู้จักคำว่าพักผ่อนกลายเป็นแบบนี้ได้?” โมนีก้าหันไปมองเลสเตอร์ ก่อนจะตอบเรียบ ๆ พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันแค่ไม่ปล่อยให้เขาได้หลงตัวเองมากเกินไปน่ะค่ะ… ใครบางคนต้องทำให้พระอาทิตย์หยุดคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลบ้าง ไม่งั้นโลกคงร้อนตายไปแล้วแน่ ๆ” เคย์ล่าหัวเราะดังลั่นเพราะคำตอบนั้น “โอ้ แบบนี้นี่เอง ไม่แปลกเลยว่าทำไมพ่อถึงดูมีความสุขแบบนี้!” บรรยากาศในห้องนั่งเล่นหลังจากที่เคย์ล่ากับโมนีก้าเริ่มสนิทกันมากขึ้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสบายใจที่คลายความตึงเครียดได้อย่างไม่น่าเชื่อ โมนีก้านั่งไขว่ห้างอยู่ข้างเลสเตอร์ มือถือแก้วน้ำแร่ไว้ในมือ ในขณะที่เคย์ล่ากำลังคุยอย่างออกรส “เอาจริง ๆ นะ ถ้าพ่อไม่จีบคุณโมนีก้าหนูอาจจะจีบเองเลยก็ได้” เสียงนั้นทำให้เลสเตอร์ถึงกับสะดุ้งสำลักน้ำทันที “แค่ก ๆ ๆ เคย์ล่า! นั่นลูกพูดอะไรออกมาเนี่ย!” เคย์ล่าหัวเราะเสียงใส มือยกขึ้นเหมือนจะยอมแพ้ “พูดความจริงไงพ่อ หนูเคยเห็นโปรไฟล์ของคุณโมนีก้าในแอปเดต LoveFind ตอนนั้นทำสีผมด้วยใช่ไหมคะ สีออกชมพู ๆ ม่วง ๆ หรือน้ำเงิน ๆ หน่อย?” โมนีก้าหัวเราะเบา ๆ พลางเสยผม “ใช่ค่ะ ปกติฉันทำประจำ ตอนนี้พักผมอยู่ระหว่างเดินทางน่ะค่ะ ไม่งั้นผมคงหลุดหมดหัวแล้วแน่ ๆ” “เสียดายนะ” เคย์ล่าพูดพลางมองผมของเธออย่างชื่นชม “ฉันว่ามันเข้ากับคุณมากเลย… เหมือนคนที่มีเสน่ห์น่าเข้าหาอย่างประหลาดยังไงไม่รู้” เลสเตอร์หรี่ตานิด ๆ แล้วพูดเสียงขรึม “นี่ลูกชมแฟนพ่อหรือจีบกันแน่?” “ทั้งสองอย่างเลยมั้งคะ?” เคย์ล่าหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างซุกซน โมนีก้าเองก็ยิ้มแก้มแดงขึ้นนิด ๆ บรรยากาศกลายเป็นอบอุ่นและขี้เล่นอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะรู้สึกได้จากครอบครัวของเทพอย่างเลสเตอร์ “โอ้ จริงสิ” เคย์ล่าเปลี่ยนเรื่องก่อนที่พ่อของเธอจะเริ่มบ่น “หนูเก็บรถไว้ให้แล้วนะคะ ขี้บ่นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน” “หา?” โมนีก้าหันมามองงง ๆ “ใครขี้บ่นหรอคะ?” “เดี๋ยวไปเจอก็รู้เองค่ะ” เคย์ล่าตอบหน้าตายจนเลสเตอร์ถึงกับต้องยิ้มแห้งกันไปตาม ๆ กัน เสียงหัวเราะของทั้งสามดังลั่นขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่เคย์ล่าจะพาพวกเขาเดินไปยังโรงรถหลังบ้าน กลิ่นน้ำมันเครื่องจาง ๆ กับแสงแดดที่ลอดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้เห็นเงาของบางสิ่งสะท้อนวาบอยู่ตรงกลางโรงเรือน นั่นคือรถ Maserati GranTurismo สีแดงเชอร์รี่ ตัวถังสะท้อนแสงจนเหมือนเพลิงอาทิตย์ยามตกดิน โมนีก้าอ้าปากนิด ๆ พึมพำกับตัวเอง “หมอนี่ชอบมาเซราติจริง ๆ ด้วย…” “มันไม่ได้แค่ชอบหรอก” เคย์ล่าหันมายิ้ม “มันคือราชรถพระอาทิตย์ของพ่อนั่นแหละ” ยังไม่ทันที่โมนีก้าจะถามต่อ เสียงทักทายที่ไม่เหมือนเสียงมนุษย์ก็ดังขึ้นจากในรถ “สวัสดีท่านอะพอลโล วันนี้ท่านจะขับเอง หรือให้พวกเราคุมพวงมาลัยดีขอรับ?” เสียงนั้นฟังเหมือนทุ้มประสานสี่ชั้น ทั้งสุภาพ ทั้งคึกคะนอง ทั้งมีชีวิตชีวาเสียจนโมนีก้าแทบสะดุ้ง “อะไรกันเนี่ย…” “โอ้โห ดูยังสบายดีนะว่าไหมเพื่อน” เลสเตอร์ยิ้มกว้างเต็มหน้า “คิดถึงเหมือนกันนะ พิโรอิส อิโอส เอโธน แล้วก็เฟลโกน” “คิดถึงท่านเหมือนกันขอรับ! คราวก่อนที่ท่านทิ้งเราไว้ที่โรม พวกเราคิดว่าท่านลืมพวกเราซะแล้ว!” เสียงของเอโธนดังมาอย่างประชดประชัน “ผมไม่ได้ลืมซะหน่อย แค่ลงมาทำภารกิจนิดหน่อยเอง” เลสเตอร์พูดเสียงอารมณ์ดีเหมือนกำลังคุยกับเพื่อนเก่า แต่เปลี่ยนจากการโดนลงโทษมาเป็นคำว่าทำภารกิจแทนเพราะเดี๋ยวอวดไม่ได้ โมนีก้ามองเขาสลับกับรถ ดวงตาเทาเงินเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น “AI ของนายพูดได้ขนาดนี้เลยเหรอ…” เคย์ล่าหัวเราะเบา ๆ พลางกระซิบกับโมนีก้า “ไม่ใช่แค่พูดได้หรอก พวกมันชอบพูดไม่หยุดต่างหาก เตรียมหูไว้เลยนะ” “ใช่แล้ว! ท่านผู้โดยสารคนงาม!” เสียงพิโรอิสดังขึ้นอย่างกระตือรือร้น “เรามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการบินเหนือแอตแลนติกในสมัยที่ท่านอะพอลโลยังไม่รู้จักเบรก จะฟังไหมขอรับ?”

เลสเตอร์ทำหน้าเบ้ “อย่านะ! ไม่ต้องเล่าเรื่องนั้นอีก!” โมนีก้าเริ่มหัวเราะจนต้องจับแขนเขาไว้ “โอ้ย นายขับราชรถพระอาทิตย์แบบไม่มีเบรกเหรอ?!” “มันเป็นอุบัติเหตุนิดหน่อยน่า! เทพใครเขามีเบรกกัน” เขารีบเถียงแต่หน้าแดงจัดจนเคย์ล่าหัวเราะเสียงดังลั่น “นั่นแหละค่ะ พ่อฉันคนเดิมเลย!” เคย์ล่าพูดพลางลูบรถเบา ๆ “เครื่องนี้น่ะ มันไม่ใช่ดวงอาทิตย์จริง ๆ หรอกนะ แต่เป็นภาพแทนของความฝันของมนุษย์เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ความอบอุ่น ความหวัง ความเร่าร้อน และบางครั้ง… ก็ความบ้าคลั่งที่เกินจะควบคุม” โมนีก้ามองรถคันนั้นด้วยสายตาแปลกประหลาด “เหมือนเจ้าของมันเป๊ะเลย…” เธอพึมพำเบา ๆ เลสเตอร์ยกคิ้วขึ้น “คุณว่าผมอบอุ่นหรือบ้าคลั่งกันแน่?” “ทั้งสองอย่างค่ะ” เธอตอบพลางเดินอ้อมไปเปิดประตูรถ เสียงม้าทั้งสี่ในระบบ AI หัวเราะคึกคักราวกับเด็ก ๆ ที่ได้เจอของเล่นใหม่ เมื่อเธอขึ้นไปนั่ง เสียงพิโรอิสดังขึ้นอีก “ระวังนะท่านสาวงาม ถ้าท่านนั่งข้างท่านอะพอลโลนานเกินไป ดวงอาทิตย์อาจเผาท่านจนใจละลายนะขอรับ” โมนีก้าหันขวับมาทางเลสเตอร์ทันทีตาเขียวปั๊ด ส่วนเขาได้แต่หัวเราะเขิน ๆ พลางยกมือขึ้นปิดหน้า “ผมสาบานเลยว่าผมไม่ได้ตั้งโปรแกรมให้พวกมันพูดแบบนี้!” หลังจากนั้นเคย์ล่าพาเลสเตอร์และโมนีก้ามาส่งถึงหน้าบ้านก่อนที่ทั้งสองจะออกเดินทางต่อ ราชรถพระอาทิตย์สีแดงเชอร์รี่จอดอยู่กลางทางรถเข้า ส่งแสงสะท้อนระยับราวกับเปลวเพลิงมีชีวิต ก่อนจะขึ้นรถ โมนีก้ากลับหมุนตัวกลับไปหาเคย์ล่า แล้วควักของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าโค้ทใบเล็ก เธอยื่นสิ่งนั้นให้หญิงสาวผมขิงตรงหน้า กล่องเล็กสีดำหรูหราที่ด้านในคือ Chanel Rouge Coco Baume สองแท่งเรียงคู่กันงามราวอัญมณี “นี่…” เคย์ล่าขมวดคิ้วก่อนจะค่อย ๆ เปิดกล่องออก แล้วทันใดนั้นเอง เสียงกรี๊ดเบา ๆ ก็หลุดออกมาจากริมฝีปากของเธอ “โอ้ไม่นะ นี่มัน Rouge Coco Baume ของชาแนลจริง ๆ เหรอ! สีนี้หายากสุด ๆ เลยนะคะ!” โมนีก้ายิ้มบาง แต่ดวงตาเปล่งประกายอบอุ่น “ฉันตั้งใจซื้อให้ระหว่างทางมาน่ะค่ะ ตอนนั้นเห็นแล้วคิดถึงคุณ ไม่แน่ใจว่าคุณชอบอะไร แต่พอเดาได้จากการที่คุณเป็นลูกของอะพอลโล...ก็น่าจะชอบของที่มันเปล่งประกายหน่อย” เธอยื่นมือให้เบา ๆ “ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ฉันอยากให้จริง ๆ ทาแล้วสวยด้วยนะคะ เอาไว้พบกันรอบหน้า หวังว่าเราจะได้คุยกันมากกว่านี้” เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่ออย่างจริงใจ “ถ้าคุณไปที่ค่ายจูปิเตอร์ แล้วฉันอยู่ที่นั่น...หวังว่าคุณจะให้เกียรติไปกินอาหารกับฉันสักมื้อนะคะ” เคย์ล่ามองลิปสติกในมือแล้วหัวเราะออกมาน้อย ๆ “คุณนี่น่ารักเกินไปแล้วนะคะ” เธอทำตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดหยอกขึ้น “งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหมคะ?” เสียงหัวเราะของเธอดังใสขณะหันไปมองเลสเตอร์ที่ยืนพิงรถอยู่ข้างหลัง “พ่อคะ หนูขอแฟนคนนี้ของพ่อได้ไหม?” “แค่ก—!” เลสเตอร์แทบสำลักอากาศ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าราวกับอยากให้โอลิมปัสเปิดประตูลงมาช่วยในตอนนี้ โมนีก้าหัวเราะออกมาเสียงใส ดวงหน้าแดงระเรื่อ ส่วนเคย์ล่าก็ยกมือปิดปากหัวเราะพรืด “ล้อเล่นค่ะพ่อ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะลงโทษลูกสาวเลย!” เธอหันกลับไปหาโมนีก้าอีกครั้งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นเล็กน้อย “แต่เรื่องกินข้าวนั่นน่ะ ฉันจะไปแน่ ๆ ค่ะ แล้วไว้เราจะได้คุยกันยาวกว่านี้นะ คุณโมนีก้า” “ตกลงค่ะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตาสีเทาเงินจับแสงอาทิตย์ยามบ่ายเป็นประกายราวกระจกสะท้อนแสง เคย์ล่าก้าวเข้าไปกอดเธอสั้น ๆ กลิ่นหอมของไลแลคและเบอร์รี่ติดอยู่ในอากาศ ก่อนที่เธอจะผละออกแล้วยกมือโบก “ขับรถดี ๆ นะคะคุณโมนีก้า...แล้วก็พ่อด้วย อย่าขับเร็วเหมือนตอนยังขี่ราชรถอยู่นะ!” “ถึงขับเร็วแต่ผมไม่เคยชนใครหรอกน่า!” เลสเตอร์โวยขึ้นมาทันที แต่แน่นอนว่านั่นเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งสองหญิงได้อีกระลอก โมนีก้าเปิดประตูขึ้นรถ ขณะที่เลสเตอร์ขึ้นตามแล้วนั่งประจำที่คนขับ เสียงม้าทั้งสี่ในระบบ AI ดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ปลายทางต่อไปคือขอบฟ้าแห่งอรุณหรือไม่ ท่านอะพอลโล?” พวกเขาถามระหว่างที่โมนีก้าเปิดประตูขึ้นรถ ขณะที่เลสเตอร์ขึ้นตามแล้วนั่งประจำที่คนขับ เสียงม้าทั้งสี่ในระบบ AI ดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ไม่ใช่ วันนี้เราจะออกนอกเมืองโตรอนโต กลับอเมริกา” เขาตอบพลางสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์ครางต่ำราวกับเสียงหายใจของดวงอาทิตย์ที่กำลังตื่นจากหลับใหล ในขณะนั้นโมนีก้าหันกลับไปมองทางบ้าน เคย์ล่ายังคงยืนอยู่ตรงประตู มือถือกล่องชาแนลในมือยิ้มให้ด้วยสายตาอบอุ่นราวกับแสงแดดที่อ่อนโยนที่สุดของฤดู ไม่นานราชรถพระอาทิตย์สีแดงเชอร์รี่เคลื่อนตัวออกจากทางลาดอย่างนุ่มนวล เสียงเครื่องยนต์ค่อย ๆ แผ่วลงกลายเป็นเพียงเสียงลมที่พัดผ่านราวกับท่วงทำนอง


[NPC-84] เคย์ล่า โนวล์ส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
มอบ เครื่องสำอางค์ สิ่งที่ชอบที่สุดของ NPC - เพิ่มความสัมพันธ์ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)



[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +17.5

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-84] เคย์ล่า โนวล์ส เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-11-7 17:34
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 17 โพสต์ 2025-11-7 17:33
โพสต์ 88459 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-6 22:34
โพสต์ 88,459 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-6 22:34
โพสต์ 88,459 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-6 22:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-7 00:36:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 13 : ทำได้ดีแล้วนะ
วันที่ 02 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ช่วงบ่าย เวลา 13.00 - 21.00 น. เป็นต้นไป เมืองโตรอนโต ไปยัง เมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา

เสียงเครื่องยนต์ของ Maserati สีแดงเชอร์รี่ดังต่ำก้องอย่างนุ่มนวลในอุโมงค์ทางด่วนที่ทอดยาวข้ามพรมแดนจากโตรอนโตเข้าสู่เส้นทางสู่เมืองชิคาโก้ แสงอาทิตย์ยามบ่ายสะท้อนผ่านกระจกหน้าเป็นประกายทองแดงราวกับเปลวเพลิงของราชรถพระอาทิตย์เองที่กำลังค่อย ๆ เคลื่อนลงสู่เส้นขอบฟ้า เลสเตอร์นั่งขับในโหมดปกติ เปิดแอร์เย็นอ่อน ๆ ให้บรรยากาศในรถเงียบสงบและสบายพอจะพูดคุยได้ยาวนาน เสียงอัตโนมัติของระบบขับขี่ดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ยินดีต้อนรับนะ ท่านผู้โดยสารคนงาม ข้าพเจ้าคือพิโรอิส ผู้ร้อนแรงแห่งเปลวสุริยัน!” เสียงชายหนุ่มในระบบเปล่งออกมาอย่างมั่นใจจนโมนีก้าหลุดหัวเราะ ขณะเสียงต่อไปก็ดังแทรก “และข้าคืออิโอส ผู้เปลี่ยนท้องฟ้าในยามรุ่งสาง ส่วนพวกเราที่เหลือ—” “เอโธน ผู้ลุกโชนแห่งแสง!” “เฟลโกน ผู้มอดไหม้แห่งเพลิงอาทิตย์!” เสียงของ AI ทั้งสี่ประสานกันอย่างพร้อมเพรียง โมนีก้ายกยิ้มเล็ก ๆ เธอหันมองไปที่คอนโซลหน้ารถที่ไฟแสดงผลกระพริบเหมือนดวงตา “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อโมนีก้า เอ็ม. บลอสซัม ธิดาแห่งเซเรสค่ะ” ทันใดนั้น เสียงพิโรอิสก็หัวเราะลั่น “โอ้! เซเรส! นี่เรากลับมาอยู่กับสายเลือดแห่งผืนดินและความอุดมสมบูรณ์อีกแล้วสินะ! จำได้ไหมพวกเจ้า เจ้านายของเราไม่เคยพลาดเลยกับลูกหลานของดีมิเทอร์หรือเซเรส!” “จริงด้วย ๆ!” เอโธนเสริมด้วยเสียงแซว “ตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว เจ้านายเรานี่จีบพวกนางไม้ทุ่งข้าวกันเป็นว่าเล่น” โมนีก้าหันมองเลสเตอร์ ดวงตาสีเทาเงินของเธอแววขึ้นน้อย ๆ “งั้นเหรอ… ฟังดูคุ้นมากเลยนะ” เลสเตอร์ที่ยังคงจับพวงมาลัยแน่นเหมือนกำลังต่อสู้กับศัตรูในใจแทนถนนเบื้องหน้า รีบพูดกลบเสียง “พวกนั้นพูดเกินไป! มันคนละยุคแล้วนะ ตอนนั้นผมยัง… ยังไม่เข้าใจความรักดีพอ!” เสียงเฟลโกนพูดขึ้นราวกับตอกย้ำ “อ้อ เข้าใจแล้วสิ ตอนนี้ท่านกำลังศึกษาเชิงลึกอยู่ละสิท่านอะพอลโล!” “พวกนายอยากโดนรีเซ็ตระบบไหม?!” เลสเตอร์เสียงสูงจนโมนีก้าหัวเราะเบา ๆ มือเรียวยกขึ้นแตะปากกลั้นยิ้ม แต่ความขบขันค่อย ๆ จางลงเมื่อเธอพูดเสียงแผ่ว “เลสเตอร์ นายรู้ไหม?... ตอนแรกฉันก็รู้สึกแปลก ๆ นะ...” เธอมองออกไปนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์ของถนนไฮเวย์และท้องฟ้ากว้างที่กำลังกลืนแสงอาทิตย์ลงไปในขอบฟ้า “...กับเหตุการณ์ที่อยู่กับนาย กับคนรักเก่าของนาย ถึงแม้ฉันจะเข้าใจ แต่การต้องซ่อนสถานะของตัวเอง แล้วเห็นนายมีอดีตกับใครบางคนจนมีลูกด้วยกัน มัน...ไม่ง่ายเลยนะ เลสเตอร์” น้ำเสียงของโมนีก้านุ่มนวลแต่เจือเศร้านิดหน่อย “มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สบายใจสำหรับคนรักทุกคน นายรู้ไหมว่าฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ตัวสำรอง หรือความลับในช่วงหนึ่งของชีวิตนาย ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความจริงก็ตาม” บรรยากาศในรถเงียบลงในทันที เหล่า AI ที่เมื่อครู่ยังพูดจ้อกลับเงียบกริบเหมือนมีใครกดปุ่มหยุดเวลาเพราะมันรู้ดีว่าพูดตอนนี้โดนดีแน่ ๆ เสียงเครื่องยนต์เบาลง เหลือเพียงเสียงลมหวิวผ่านกระจกหน้ารถ เลสเตอร์หายใจเข้าเงียบ ๆ สายตาเขามองตรงไปข้างหน้าแต่ไม่มีโฟกัส ดวงตาสีฟ้าที่เคยเปล่งประกายความมั่นใจของเทพผู้หลงตัวเองกลับมืดลง ราวกับแสงในใจถูกบดบังด้วยเงาหนักของคำพูดนั้น “โมนีก้า…” เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอช้า ๆ เสียงแผ่วจนแทบจะเป็นเพียงลมหายใจ “ผมพยายามแล้วนะ ที่จะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด ในแบบที่ผมคิดว่ามันจะไม่ทำร้ายใคร ผมคิดว่าผมเปลี่ยนไปแล้ว... แต่ดูเหมือนผมยังไม่ดีพอ” มือข้างหนึ่งของเขายังคงจับพวงมาลัยแน่น อีกข้างกลับเผลอกำเข้าหากันจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว “ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้อยากให้คุณต้องรู้สึกแบบนั้นเลย ไม่แม้แต่วินาทีเดียว” โมนีก้าหันกลับมามองเขา เธอเห็นสีหน้าเศร้าของเลสเตอร์แล้วใจเธอก็อ่อนลง แต่เธอก็พูดต่อด้วยความตรงไปตรงมา “ฉันรู้ว่าเรื่องของนายกับคุณดาร์เรนมันซับซ้อน... ฉันเข้าใจดี และฉันก็ไม่ได้อยากให้มันยากกว่าเดิม ฉันแค่...อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับเขา” เธอยิ้มบาง ๆ แม้ในน้ำเสียงจะสั่นเล็กน้อย “ฉันเคารพในสิ่งที่นายกำลังพยายามทำอยู่ และรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่เคยเป็นอย่างนายมาก่อน ฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้ ไม่อยากทำให้ระหว่างนายกับดาร์เรนแย่ลงกว่านี้” เลสเตอร์ที่ได้ยินแบบนั้นเหมือนเขากำลังใช้ช่วงเวลาที่มีในการคิด เขามองถนนข้างหน้า ดวงตาสีฟ้าของเขาไม่ได้เปล่งประกายอย่างเคย หากแต่ดูครุ่นคิด เหมือนกำลังต่อสู้กับตัวเองเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาช้า ๆ “ผมขอโทษนะ...โมนีก้า” เสียงของเขาต่ำและจริงจัง “ผมคิดว่าการอธิบายเหตุผลของผมมันเพียงพอแล้ว แต่ผมลืมไปว่าการเป็นมนุษย์หรือการเป็นคนรัก มันไม่ได้ขึ้นอยู่แค่เหตุผล แต่มันคือความรู้สึกด้วย” เขาพูดพร้อมกับปล่อยคันเร่งเบา ๆ ให้รถแล่นช้าลง เหมือนตั้งใจจะไม่ให้เสียงเครื่องยนต์กลบคำสารภาพ “ผมยังต้องเรียนรู้อีกมากจริง ๆ ผมพยายามจะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ แต่ผมก็ยังมีข้อบกพร่อง ผมยังคาดเดาความรู้สึกของคุณไม่ได้ทั้งหมด... ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี” โมนีก้าเหลือบตามองเขา ดวงตาสีเทาเงินสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย เธอไม่ได้ตอบทันที ปล่อยให้เสียงลมหวิวพัดผ่าน ก่อนที่เลสเตอร์จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิม “แต่คุณต้องรู้ไว้นะ...โมนีก้า ว่าสำหรับผมตอนนี้แล้วคุณคือที่หนึ่ง คุณไม่เคยเป็นตัวสำรองเลย ผมแค่พยายามแก้ไขความผิดพลาดในอดีตของผม แต่กลับทำให้คุณต้องรู้สึกไม่ดีอีก ผมมันเทพเจ้าที่ไม่เคยสมบูรณ์แบบสักทีสินะ” คำพูดนั้นหลุดออกมาอย่างปวดร้าว จนโมนีก้าหัวเราะเบา ๆ เธอส่ายหน้า พลางพิงเบาะแล้วหันมามองหน้าเขา “ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก เลสเตอร์... กระทั่งลูกชายคนโปรดของเทพซุสอย่างนายยังเป็นไม่ได้เลย” เธอยกคิ้วขึ้นนิด ๆ “เพราะงั้นไง เทพถึงมีความเป็นมนุษย์มากกว่าที่ตัวเองคิด” เลสเตอร์หัวเราะในลำคอ เสียงนั้นอ่อนโยนแปลกตา “พูดแบบนี้ ผมเริ่มคิดว่าคุณเป็นพวกไพเธียแล้วนะ พวกเธอเป็นแบบนี้เสมอเลย” “ฉันแค่พูดในสิ่งที่เห็น” โมนีก้าตอบเรียบ ๆ แต่แววตานุ่มจนทำให้ชายผู้เคยเย่อหยิ่งที่สุดในโอลิมปัสรู้สึกเหมือนถูกปลอบโยนโดยไม่ต้องมีคำพูดสวยหรูใด ๆ “แล้ว…” เลสเตอร์เอ่ยขึ้นหลังจากครู่หนึ่ง เขาหันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนกลับไปจับพวงมาลัย “ในอนาคต ผมควรจัดการสถานการณ์แบบนี้ยังไงดี? เพื่อไม่ให้คุณต้องรู้สึกแบบนั้นอีก” โมนีก้าอมยิ้ม ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่มั่นคง “วันนี้นายทำได้ดีแล้วล่ะ ความรู้สึกตอนนั้นที่ฉันรู้สึกเหมือนตัวสำรอง มันเป็นเรื่องจริง แต่ตอนที่นายบอกลูกสาวนายว่าเราคบกัน...” เธอหยุดนิดหนึ่งเพื่อให้คำพูดนั้นหนักแน่น “มันทำให้ฉันรู้ว่านายแคร์คนรักเก่าในฐานะพ่อของลูกสาว และแคร์ฉันในฐานะคนที่นายกำลังจะใช้ชีวิตด้วยจริง ๆ นายไม่พยายามปิดบังหรือทำให้ใครเจ็บเพิ่ม นั่นแหละที่สำคัญ” เธอยิ้มบาง “นายทำได้ดีมากนะเลสเตอร์ นายเก่งมาก” คำพูดนั้นเรียบง่ายแต่ตรงใจจนเลสเตอร์เผลอหลุดยิ้มกว้างขึ้นทันที สีหน้าเศร้าที่มีอยู่ก่อนหน้าหายวับไปแทบจะในพริบตา “แน่นอนสิ ผมเก่งอยู่แล้ว! ผมนี้แหละเจ๋งที่สุดในทั้งเก้าโอลิมปัส ใครมันจะดีเท่าผมได้อีก ไม่มีแล้ว!” โมนีก้าถอนหายใจยาวตอนที่ได้ยินอะไรแบบนั้นอย่าบอกนะว่า… “เริ่มอีกแล้ว...” “ไม่ เริ่มที่จบลงอย่างสวยงามต่างหาก!” เขาพูดพลางยืดตัวเต็มที่ในเบาะ “เทพเจ้าอะพอลโล ยอดชายผู้ขับราชรถแห่งอาทิตย์! ผู้ชนะใจทุกคน!” พูดจบ AI ทั้งสี่ในรถก็พากันสรรเสริญทันทีราวกับมีการซ้อมไว้ “โอ้ ใช่แล้ว! ท่านคือผู้ลุกโชนแห่งแสงสว่าง! ท่านคือเทพแห่งกวี ผู้ไม่เคยพลาดเป้าแห่งหัวใจหญิงสาว!” “ผู้เปลี่ยนท้องฟ้าให้สดใสด้วยรอยยิ้มแห่งตนเอง!” “ผู้ร้อนแรงยิ่งกว่าเพลิงสุริยัน!” “และแน่นอน...ผู้มอดไหม้ความหม่นเศร้าของหญิงสาวแห่งเซเรส!” โมนีก้าทำหน้าเหม็นเบื่อสุดชีวิตจนแทบจะกลืนหัวเราะ “โอ้ พระแม่เซเรสช่วยด้วย...” นี้เธอต้องมาติดอยู่กับพวกนี้อีกกี่วันวะเนี้ย “ขอบคุณครับท่านผู้โดยสาร” เสียงเอโธนแกล้งพูด “แต่เราได้รับการโปรแกรมให้ชมท่านอะพอลโลวันละสิบครั้งอยู่แล้วขอรับ” “วันละสิบครั้ง?” โมนีก้าหันขวับมามองเลสเตอร์ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “นายเป็นคนตั้งไว้เองใช่ไหม” “ผมแค่... เอ่อ… เสริมแรงบวกให้ทีมงานเฉย ๆ โอทีก็มีเห็นไหม?!” เขาพูดพลางยิ้มกะล่อนจนหญิงสาวต้องกลอกตา เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจางลง ราชรถพระอาทิตย์แล่นผ่านพรมแดนเข้าสู่รัฐอิลลินอยส์อย่างสง่างาม ล้อรถสะท้อนแสงอาทิตย์สุดท้ายของวันเป็นประกายเหมือนเปลวเพลิงแห่งชีวิตที่ยังคงลุกโชน


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +17.5

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 17 โพสต์ 2025-11-7 00:37
โพสต์ 44,130 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความกล้า จาก เสื้อค่ายจูปิเตอร์  โพสต์ 2025-11-7 00:36
โพสต์ 44,130 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 เกียรติยศ จาก เกมคอนโซลพกพา  โพสต์ 2025-11-7 00:36
โพสต์ 44,130 ไบต์และได้รับ +7 EXP +7 เกียรติยศ +10 ความศรัทธา จาก กล่องดนตรี  โพสต์ 2025-11-7 00:36
โพสต์ 44,130 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก กระซิบแห่งพงไพร  โพสต์ 2025-11-7 00:36
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-7 02:36:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 14 : หรือจะเป็นลูกเทพมาร์ส?
วันที่ 03 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ช่วงเช้า เวลา 07.00 - 14.00 น. เป็นต้นไป เมืองชิคาโก้ ไปยัง เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริก

ท้องฟ้าเหนือเขตเมืองชิคาโก้ค่อย ๆ กลืนสีฟ้าใสกลายเป็นม่วงอมน้ำเงิน เมื่อราชรถพระอาทิตย์ในคราบ Maserati สีแดงเชอร์รี่แล่นเข้าสู่ถนนสายตะวันตกมุ่งหน้าไปยังเมืองโอมาฮา เสียงเครื่องยนต์ต่ำลึกก้องกังวานในความเงียบของถนนยามบ่าย โมนีก้านั่งไขว้ขาในเบาะหน้า มือเรียวถือแก้วกาแฟร้อนจากร้านริมทาง ดวงตาสีเทาเงินของเธอมองผ่านกระจกที่สะท้อนเงาแสงอาทิตย์ลู่ลงบนผิวโลกอย่างอ่อนแรง ข้าง ๆ กันนั้น เลสเตอร์ เทพเจ้าอะพอลโลในร่างมนุษย์วัยรุ่นยังคงขับรถด้วยท่าทีสบาย ๆ ผมหยิกสีเข้มของเขาปลิวเล็กน้อยตามแรงลมจากช่องแอร์ เสียง AI ทั้งสี่ที่จำแลงจากม้าแห่งราชรถยังคงคุยกันเจื้อยแจ้วในระบบวิทยุของรถ “อากาศวันนี้ดีนะ ขับลื่นดี ไม่มีปีศาจให้ต้องสู้ตั้งแต่เช้า” เอโธนเอ่ยเสียงสดใส “อย่าเพิ่งพูด!” พิโรอิสแทรก “ทุกครั้งที่นายพูดแบบนี้ต้องมีเรื่อง!” โมนีก้าหันไปหัวเราะเบา ๆ เธอพิงศีรษะกับเบาะหนังหรู “ฉันหวังว่าจะไม่มีเรื่องนะ อยากถึงโอมาฮาแบบสงบ ๆ สักวันก็ยังดี” แต่ยังไม่ถึงสิบห้านาทีหลังจากนั้น ท้องฟ้าที่เคยแจ่มกลับเริ่มมืดลงอย่างประหลาด เมฆเทาหนักปกคลุมเหนือถนน กลิ่นเหล็กไหม้และคาวเลือดจาง ๆ ลอยมากับลม เสียงกรีดร้องต่ำ ๆ ดังขึ้นจากเบื้องบน เมื่อร่างมหึมาสองร่างแหวกเมฆลงมา มันคือ แวนมีเทอร์ ปีศาจครึ่งมนุษย์ครึ่งค้างคาว ปีกใหญ่ดำทะมึนจนบดแสงอาทิตย์ให้มืดสนิท ผิวของมันหยาบราวหนังเหล็ก ผงะจากแรงลมของปีกมันยังกับมีพายุขนาดย่อม โมนีก้าเบิกตากว้าง เธอมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่...ของจริงเหรอเนี่ย ฉันไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนเลย” เลสเตอร์เหลือบมองขึ้นจากหลังพวงมาลัย ใบหน้าเขายังนิ่ง แต่ดวงตาสีฟ้าสะท้อนแสงจากแสงวาบของปีศาจ “มีทั่วอเมริกานั่นแหละ ยกเว้นลองไอส์แลนด์ของพวกฮาล์ฟบลัด เพราะที่นั่นมีเกราะเวทของค่ายป้องกันไว้” “อืม...” โมนีก้าพึมพำ ก่อนจะปลดเข็มขัดแล้วเปิดประตูรถ “งั้นฉันจะจัดการเอง” “เดี๋ยวสิ! คุณไม่ต้อ—” แต่ยังไม่ทันพูดจบ ร่างบางของเธอก็ก้าวออกจากรถด้วยท่วงท่ามั่นคง กลิ่นไลแลคและเบอร์รี่หอมอ่อน ๆ ลอยคลุ้งในอากาศ เธอเงยหน้าขึ้นมองปีศาจทั้งสองที่กำลังโฉบลงมา ปีกมันกางกว้างบดบังแสงตะวันราวกับเงาความตาย โมนีก้ายกข้อมือซ้ายขึ้น กำไลเงินรอบข้อมือเปล่งแสงทองอบอุ่นก่อนจะยืดออกกลายเป็นดาบยาว สุริยคติ ที่สะท้อนประกายเหมือนพระอาทิตย์ยามรุ่ง ร่างของเธอเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ ไม่ต้องใช้เวทมนตร์ใด ๆ มีเพียงการเคลื่อนไหวที่ประสานกับสัญชาตญาณของลูกเทพ ความเร็วของเธอแทบจะมองไม่ทัน เธอพุ่งเข้าใส่แวนมีเทอร์ตัวแรกที่โฉบต่ำลงมา เสียงโลหะกระทบดัง “คลัง!” เมื่อกรงเล็บของมันปะทะคมดาบ แต่ในพริบตาโมนีก้าก็พลิกข้อมือ กรีดเป็นแนวเฉียงจนเลือดสีดำกระเซ็นทั่วพื้น เธอใช้แรงเหวี่ยงตัวหลบกรงเล็บอีกข้าง แล้วแทงสวนเข้าที่หน้าอกของมัน แสงจากดาบเธอเผาไหม้ร่างปีศาจจนมันกรีดร้อง ก่อนจะสลายเป็นฝุ่นทองละเอียดปลิวหายไปในอากาศ แวนมีเทอร์อีกตัวคำรามด้วยความโกรธ ปีกขนาดมหึมาของมันแผ่ออกปล่อยลำแสงจากหน้าผากราวสายฟ้า พุ่งตรงเข้าใส่เธอ แต่โมนีก้าเพียงยกดาบขึ้นรับ แสงทองจากดาบของธิดาเซเรสสะท้อนกลับ ทำให้สายฟ้านั้นแตกกระจายเป็นประกายคล้ายเกล็ดดอกไม้ เธอหมุนตัวฟันสวนอีกครั้ง เสียง “ฉัวะ” ดังสะท้อนกลางอากาศ ก่อนที่ปีศาจตัวที่สองจะทรุดร่างลงและแตกสลาย ภายในราชรถ พระอาทิตย์จำแลงกำลังอ้าปากค้าง “...เดี๋ยว มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะ!” “เอ็งหมายถึงไม่ง่ายสำหรับเจ้า ไม่ใช่สำหรับนางต่างหาก!” พิโรอิสหัวเราะ “ดูสิ เจ้านาย! ธิดาแห่งเซเรสกำลังฟาดมันเหมือนกวาดหญ้า!” “โอ้ ท่านพ่อ…นี้ฉัน...” เลสเตอร์เอามือกุมหน้า “นี่ฉันคบกับลูกสาวของมาร์สหรือเปล่าวะเนี่ย” “นั่นสิ เจ้านาย!” เอโธนตะโกนแซว “ดูสิ แค่แปดนาที พวกมันก็กลายเป็นละอองทองแล้ว!” เสียงโห่ร้องของ AI ดังขึ้นพร้อมกัน เมื่อโมนีก้าปัดดาบอีกครั้ง ร่างแวนมีเทอร์ตัวสุดท้ายแตกกระจายเป็นฝุ่นเรืองแสงที่ลอยสลายไปกับสายลม เหลือเพียงกลิ่นควันจาง ๆ และเศษเยื่อปีกสีเทาเงินตกลงมา โมนีก้าก้าวกลับมาที่รถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดาบในมือกลับกลายเป็นกำไลอีกครั้ง เธอเปิดประตูขึ้นนั่งแล้วปิดอย่างเรียบง่าย “เรียบร้อย” เธอพูดสั้น ๆ พร้อมยกผมที่หล่นลงข้างแก้มขึ้นอย่างสง่างาม เลสเตอร์เหล่มองเธอครู่หนึ่ง ก่อนยกมือขึ้นพาดพวงมาลัย “ผมว่า...ผมเริ่มกลัวแฟนตัวเองแล้วนะ” “กลัวไปเถอะ” เธอตอบขำ ๆ “ฉันอยากได้แวนมีเทอร์พอดี จะเอาเยื่อปีกมันไปทำรองเท้า” เสียง AI ทั้งสี่ระเบิดหัวเราะลั่นในระบบ “ได้ยินไหมเจ้านาย! ธิดาแห่งเซเรสของท่านจะเอาซากปีศาจไปทำแฟชั่น!” เลสเตอร์หันขวับมามอง “คุณจะทำรองเท้าจากปีศาจที่เพิ่งฆ่าเหรอ!?” “แน่นอนสิ” เธอตอบหน้าตาเฉย “มันต้องมีประโยชน์บ้างสิ ไม่ใช่แค่ให้พวกเราขับรถหนีทุกครั้งที่เห็นปีศาจนะ” เลสเตอร์ยกมือกุมขมับ “นี่มันไม่ใช่การเดินทางธรรมดาแน่ ๆ...” เขาพึมพำ แต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “อืม...เอาเถอะ อย่างน้อยเธอก็มีรสนิยมดีนะ” เลสเตอร์พูดกลั้วหัวเราะ แล้วหันมายักคิ้วให้เธอ “รองเท้าคู่ใหม่นั่น ถ้าจะให้เข้ากับผม ควรมีชื่อว่า ‘Sunlight Slayer’ ว่าไหม?” โมนีก้ามองหน้าเขานิ่ง ๆ ก่อนจะกลอกตา “หรือไม่ก็ควรตั้งว่ารองเท้ากระทืบอีโก้ของอะพอลโล จะสมเหตุสมผลกว่านะ” สิ้นคำเสียงหัวเราะจากทั้งระบบดังระงมในห้องโดยสาร เลสเตอร์ทำท่าจะโต้เถียงแต่ก็ยอมแพ้ ยิ้มเอียงศีรษะอย่างยอมจำนน ราชรถพระอาทิตย์แล่นต่อไปบนทางหลวงเข้าสู่เนเบรสกา ท้องฟ้าเบื้องบนกลับมาสว่างอีกครั้งราวกับไม่มีปีศาจใดเคยผ่าน แสงแดดยามบ่ายคล้อยลอดผ่านกระจกหน้ารถเข้ามาอาบแก้มของโมนีก้าเป็นประกายสีทองจาง ๆ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอสะท้อนแสงแดดราวไหมสีน้ำผึ้ง เสียงเครื่องยนต์ของ Maserati สีแดงเชอร์รี่ดังเบา ๆ ล้อหมุนเรียบไปบนถนนสายยาวที่ทอดผ่านทุ่งหญ้ากว้างไม่มีที่สิ้นสุด ขณะราชรถพระอาทิตย์ยังคงมุ่งหน้าไปยังตะวันตก จุดหมายคือโอมาฮา โมนีก้านั่งไขว่ห้างข้างคนขับ มือหนึ่งถือถุงขนม อีกมือถือขวดน้ำแร่เย็นฉ่ำ เธอมองเลสเตอร์ที่กำลังขับรถอยู่ด้วยสีหน้าสงบแต่มีรอยยิ้มซน ๆ ตรงมุมปาก “เลสเตอร์ นายไม่กินพวกขนมขบเคี้ยวเลยเหรอ?” “ไม่ครับ” เขาตอบสั้น ๆ ทั้งที่สายตายังคงมองถนนข้างหน้า “มันทำให้สิวขึ้น” “อ้อ... เทพเจ้าแห่งความงามกลัวสิวสินะ” เธอแกล้งพูดพลางเท้าคาง

“มันไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ โม ผมเคยเป็นเทพแห่งแสง สิวหนึ่งเม็ดคือการหมิ่นพระเกียรติ! ผมจะไม่กลับไปมีมันไม่ว่าจะร่างไหนก็ตาม!” เขาเถียงกลับทันควัน น้ำเสียงจริงจังเสียจนหญิงสาวหัวเราะออกมา “งั้นเอานี่” เธอยื่นขวดน้ำแร่ให้เขา “ดื่มหน่อยสิ แทนขนมขบเคี้ยวก็ยังดีนะ”

เลสเตอร์รับขวดจากมือเธอ ดื่มอย่างว่าง่ายแต่ไม่วายพูดแทรก “น้ำแร่จากเทือกเขาแอลป์หรือเปล่า?” “จากร้านสะดวกซื้อข้างทางค่ะ เทพเจ้าผู้สูงส่ง” เธอประชดพลางกลั้นหัวเราะ ขณะมือเรียวอีกข้างหยิบกัมมี่หมีออกมาทีละชิ้นแล้วยื่นให้เขา “กินสิ จะได้ไม่ง่วง” เขาเหลือบมองเธอด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะขัดใจแต่ก็ยอมอ้าปากรับกัมมี่ไปอย่างจำนน “นี่คุณรู้ไหมว่าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัสไม่เคยต้องถูกป้อนกัมมี่มาก่อน...” “ดีสิ งั้นนายก็ได้เพิ่มประสบการณ์ใหม่ไง” เธอตอบหน้าตาเฉย เสียงหัวเราะคิกของ AI ดังขึ้นทันที พิโรอิสพูดขึ้นเป็นคนแรก “โอ้ ท่านอะพอลโลถูกป้อนแล้ว! พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงถูกแทนที่ด้วยกัมมี่รูปหมี!” “หมีรสสตรอว์เบอร์รี่น่าจะเข้ากับบุคลิกของท่านดีนะครับ!” เอโธนเสริมเสียงขี้เล่น “หรือไม่ก็รสมะนาว รสองุ่นหรือบลูเบอร์รี่ เปรี้ยวอมหวาน เหมือนนิสัยของคุณโมนีก้า!” เฟลโกนตะโกนแซว เสียงหัวเราะของพวกเขาก้องอยู่ทั่วห้องโดยสารราวกับคณะนักร้องประสานเสียงในนรกส่วนตัวของเลสเตอร์

“พอ!” เลสเตอร์เอามือเคาะพวงมาลัย “พวกนายพูดเยอะกว่าเทพแห่งบทกวีเสียอีก!” “เราก็เป็นม้าผู้ขับเคลื่อนราชรถของท่านนี่ครับ” อิโอสตอบ “ถ้าไม่พูด ท่านจะไม่เหงาเหรอ?” “เหงาไม่เท่าหูแทบดับหรอก!” เขาสวนกลับทันที

โมนีก้าที่ฟังอยู่หัวเราะจนต้องหันหน้าออกนอกหน้าต่าง เธอวางขวดน้ำแร่ลงแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “ฉันว่าให้พวกเขาเปิดเพลงสิ อย่างน้อยจะได้พูดน้อยลงบ้าง” เลสเตอร์หรี่ตา “แน่ใจเหรอว่าจะไม่แย่กว่าเดิม?” แต่สุดท้ายเลสเตอร์ก็ยอมเขาจึงถอนหายใจยอมแพ้ “ก็ได้ เอ้า เปิดเพลงสิ พิโรอิส ขอเพลงที่เหมาะกับการเดินทางแบบมีแฟนขี้ประชดหน่อย” ทันทีที่คำสั่งหลุดจากปาก เสียงดนตรีคลอขึ้นอย่างนุ่มนวลจากลำโพง มันเป็นท่วงทำนองกีตาร์อะคูสติกเบา ๆ คล้ายเสียงสายลมในยามเย็นผสมเสียงหัวใจเต้นในห้องโดยสาร โมนีก้าหันมามองเลสเตอร์ แสงอาทิตย์ยามบ่ายสะท้อนในดวงตาสีฟ้าของเขา เธอหัวเราะแผ่ว ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแกล้งแต่จริงใจ “ไม่เลวเลยนะ”

+2 ตื่นรู้ จากการกำจัด แวน มีเทอร์ ครั้งแรก


มีค่า LUK 69+ หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ เขาแวนมีเทอร์ จำนวน 4 ชิ้น 4 x 2 = 8 ชิ้น

ได้รับ เยื่อบุปีกแวนมีเทอร์ 3 ชิ้น 3 x 2 = 6 ชิ้น


สรุป ได้รับ เขาแวนมีเทอร์ 4 ชิ้น, เยื่อบุปีกแวนมีเทอร์ 3 ชิ้น


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +3
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +14

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 14 โพสต์ 2025-11-7 17:36
โพสต์ 52218 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-7 02:36
โพสต์ 52,218 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-7 02:36
โพสต์ 52,218 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-7 02:36
โพสต์ 52,218 ไบต์และได้รับ +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-11-7 02:36

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-7 04:48:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-7 04:53

sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 15 : อิรัชชัยมาเซ่
วันที่ 03 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ช่วงบ่าย เวลา 15.00 - 23.00 น. เป็นต้นไป เมืองโอมาฮา ไปยัง เมืองแคสเปอร์ รัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา

ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ ลมบ่ายพัดเอื่อยพาเศษใบไม้ปลิวกระจายเหนือเส้นทางสายเล็กที่ทอดผ่านเมืองโอมาฮา ก่อนจะเข้าสู่ถนนเปลี่ยวไปยังรัฐไวโอมิง เสียงเครื่องยนต์ของราชรถพระอาทิตย์ในร่างมาเซราติสีแดงเชอร์รี่ดับลงตรงลานจอดข้างร้านอาหารไม้เก่า ๆ กลิ่นเฟรนช์ฟรายกับโค้กยังติดปลายลมหายใจของทั้งคู่หลังมื้อกลางวันที่แสนเรียบง่าย โมนีก้าก้าวออกจากร้านพร้อมแก้วโค้กในมือ ดวงตาสีเทาเงินมองไปยังถนนรกร้างเบื้องหน้า “อืม... อากาศดีนะ” เธอพูดเสียงเบาเหมือนชวนใครสักคนเดินเล่นมากกว่าพูดกับตัวเอง เลสเตอร์ที่เดินตามหลังมาหยุดข้าง ๆ แล้วตอบ “ดีเกินไป จนผมไม่ไว้ใจเลยต่างหาก” น้ำเสียงเขามีทั้งหยอกและระแวดระวัง และเหมือนคำของเขาจะกลายเป็นคำทำนาย ฝุ่นที่เกาะอยู่กับพื้นเริ่มขยับ เงาดำเล็ก ๆ ผุดขึ้นจากมุมกำแพงเก่า ก่อนจะกลายเป็นเสียงฝีเท้าดังกระทบพื้นหิน ฝูงก๊อบลินกว่า 30 ตัวโผล่ออกมาพร้อมเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ดวงตาเหลืองจัดเป็นแถวยาวในเงามืด ท่าทางของพวกมันกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกำลังเจอคนที่น่ากลัวมาก ๆ เกินว่าที่พวกมันจะรับมือได้ด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าโมนีก้าและเลสเตอร์ก็ไม่ได้กลัวมันด้วยซ้ำ ในเมื่อโมนีก้าแทบจะฆ่าพวกมันไม่ถึงนาที กับเลสเตอร์นี้ยิ่งกว่านั้นอีกแค่เดินผ่านไม่ต้องชายตามองพวกมันก็คงจะตายกันไปหมดแล้วมั้ง “สามสิบ... สอง” เลสเตอร์นับอย่างเซ็ง ๆ พลางถอนหายใจ “นี่มันขบวนพาเหรดทาทารัสหรือไงกันเนี่ย” โมนีก้าเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายเย็นชาแต่เหมือนคนที่คิดอะไรบางอย่างออก “ฉันไม่ชอบก๊อบลินนะ แต่ถ้ามีของน่าสนใจให้ย่อยสลายอย่างดาบพวกมันล่ะก็... ถือว่าโชคดีที่ได้ของเล่นใหม่แล้วกัน” เธอส่งแก้วโค้กในมือให้เลสเตอร์อย่างไม่ต้องพูด เขารับไว้โดยดี เหมือนรู้งานในบทบาทแฟนหนุ่มผู้มีหน้าที่เฝ้าดูนักฆ่าสาวที่เขาหลงรักลงมือสังหารหมู่ก๊อบลิน 32 ตัวพร้อม ๆ กัน ไม่นานปลายนิ้วของโมนีก้าก็วาดผ่านอากาศ ดาบสุริยคติแผ่แสงสีทองจากข้อมือขึ้นรูปอย่างสมบูรณ์ในพริบตา ลมสะบัดผมเธอให้ปลิวตามแรง เสียงก๊อบลินแผดร้องราวกับกองสัตว์ป่าในนรกที่เพิ่งถูกปลุกขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้เธอ ดาบในมือก็เคลื่อนไหวรวดเร็ว สะอาด และเฉียบคม แสงสะท้อนจากคมดาบไล่ผ่านร่างของพวกมันทีละตัว เหมือนจังหวะการเต้นรำของนักดาบบนเวทีสีทอง เศษเงาของปีศาจระเบิดเป็นละอองสีอำพันร่วงลงกับพื้น ร่างของก๊อบลินทยอยกลายเป็นฝุ่นแห่งทาทารัสกลับคืนสู่ความว่างเปล่า ทุกอย่างจบลงในเวลาไม่ถึงสองนาที... หรือเกือบจะเป็นเช่นนั้น ถ้าโมนีก้าไม่สะดุดขาของศัตรูที่เพิ่งล้มลงแล้วเสียจังหวะ พลัดเซไปข้างหน้าอย่างสวยงามจนเลสเตอร์ต้องอ้าปากค้าง ดาบของก๊อบลินที่ถูกเตะกระเด็นปักพื้นเสียงดัง ฉึก! ส่วนโมนีก้านั้น ในขณะที่เธอก้มต่ำไปเล็กน้อยพร้อมเสียง “โอ๊ย!” เบา ๆ ที่มาพร้อมภาพผมปลิวกระจายกับกางเกงที่ร่นขึ้นจนขอบลูกไม้สีจางโผล่พ้นออกมา ภาพนั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น แต่เลสเตอร์ที่กำลังถือและดูดน้ำโค้กที่ได้มาเมื่อกี้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองตาค้างชนิดที่ตาไม่กระพริบ ภาพที่เขาเห็นแม่งเป็นภาพสโลโมชั่นที่มักจะเห็นในอนิเมะญี่ปุ่นด้วยซ้ำ .... พะเจ้าช่วย “พรู๊ดดด!!!” เลสเตอร์เกือบพ่นโค้กที่ถืออยู่ เขายกมือปิดหน้าบ่งบอกความเป็นสุภาพบุรุษแม้ว่าเขายังคงจำภาพขอบกางเกงในนั้นได้ก็ตาม “นี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี้ย” ในขณะนั้นโมนีก้าลุกขึ้นปัดฝุ่น เสื้อผ้าแทบไม่ยับแต่สีหน้าของเธอเรียบนิ่งอย่างคนพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียกว่าหน้าไหวใจกรี๊ดร้องออกมาเป็นคำที่ไม่สามารถพูดออกมาได้เลยด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เธอเขินมาก พยายามทำหน้าให้มันเข้มและนิ่งที่สุดเหมือนว่าตัวเองสามารถวางฟอร์มแล้วคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้ไม่ชี้ไม่เกี่ยวไม่สนอยู่ตอนนี้ “อย่าพูดซ้ำเชียวนะ ไม่งั้นฉันจะฟันนายก่อนก๊อบลินตัวต่อไปแน่” เลสเตอร์ยกมือยอมแพ้แต่หัวเราะในลำคอ “ครับ ๆ แม่สาวไลแลค ผมไม่พูด... แค่จำไว้ก็พอ” เมื่อฝุ่นทองสุดท้ายจางหาย โมนีก้าก็ก้มลงหยิบเศษดาบก๊อบลินที่ยังไม่ละลายดีใส่แหวนดาราจรัส เธอยืดตัวตรง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเริ่มนับจำนวนว่าได้ครบ 64 ชิ้นหรือเปล่า เมื่อครบแล้วเธอก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ “เอาล่ะ ถือว่าเป็นค่าลำบากระหว่างทาง” เลสเตอร์เดินเข้าไปใกล้ ยื่นแก้วโค้คคืนให้เธอ “คุณน่าจะได้เหรียญรางวัลเรื่อง ‘ความอลังการในความซุ่มซ่าม’ นะ” “นายเริ่มพูดมากเหมือน AI ในรถเลยนะเลสเตอร์” เธอว่าเสียงเรียบแต่ในแววตาฉายประกายกลั้นขำ “ต่างกันนิดหน่อย พวกนั้นพูดไม่หยุด ส่วนผมพูดเพราะผมหลงคุณ” เขายักคิ้ว โมนีก้าหลุดหัวเราะในที่สุด “ถ้านายยังมีแรงพูดขนาดนี้ คืนนี้ฉันจะให้ขับรถจนถึงแคสเปอร์เองเลย ดีไหม” “โธ่… คุณจะโหดร้ายกับผมเกินไปแล้วนะครับ จะไม่ให้ผมพักหน่อยเลยหรอ” ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นรถเหมือนเดิมท่ามกลางเสียงหัวเราะของทั้งคู่กลืนไปกับสายลมบ่าย ราชรถสีแดงเชอร์รี่เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ล้อบดผ่านทางหลวงทอดยาวท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่อ่อนลง เหลือเพียงฝุ่นทองระยิบระยับลอยอยู่ด้านหลัง ลมบ่ายบนทางหลวงทอดยาวพัดปลิวผ่านเส้นผมของโมนีก้า เส้นทางจากรัฐไวโอมิงสู่เนวาดาเปิดโล่งออกเป็นเส้นสีทองอาบด้วยแสงแดดจากทิศตะวันตก ราชรถพระอาทิตย์ในรูปลักษณ์มาเซราติสีแดงเชอร์รี่แล่นไปอย่างราบเรียบ แสงบนฝากระโปรงสะท้อนระยับราวกับไฟจากขอบฟ้า ทว่าภายในรถกลับไม่เงียบเท่าไรนัก เพราะเหล่า AI ม้าทั้งสี่กำลังจ้อกันไม่หยุด ทั้งเรื่องการแข่งขันระหว่างพวกมันว่าใครหล่อที่สุดในทีม ใครวิ่งเร็วกว่าอีกตัว และใครมีเสียงท่อไอเสียที่ไพเราะกว่าเสียงพิณของอะพอลโล เสียงของพิโรอิสดังขึ้นอย่างโอหัง “บอกเลยนะ พวกนายยังไม่รู้หรอกว่าเวลาผมเร่งเครื่อง เสียงผมเหมือนแสงแรกของรุ่งอรุณ!” เอโธนหัวเราะ “แสงแรกงั้นเหรอ? อันนั้นมันเสียงของลำโพงตอนท่านอะพอลโลกดสตาร์ทรถผิดโหมดมากกว่า!” อิโอสเสริมด้วยเสียงอ่อนโยนแต่กวนไม่แพ้ “ผมว่าต้องให้คุณโมนีก้าตัดสินนะ ว่าระหว่างพวกเรากับท่านอะพอลโล ใครเสียงเพราะกว่ากัน” เฟลโกนหัวเราะยาว “อืม... ถ้าตัดเรื่องหลงตัวเองออกไป ท่านอะพอลโลก็ยังเสียงดังสุดอยู่ดีแหละ เขาเป็นแฟนกันก็ต้องเลือกแฟนสิ!” “พอได้แล้ว!” เลสเตอร์โพล่งเสียงดัง พวงมาลัยในมือกระชับแน่น ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายทั้งหงุดหงิดทั้งขบขันเอาตรง ๆ ปกติเขาต้องผสมโรงกับเจ้าพวกนี้แหละ แต่ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าแฟนนะเฟ้ย ต้องเก๊กหน่อยสิ “ฉันขับรถ ไม่ได้ขับคณะตลกนะเฟ้ย!” โมนีก้านั่งข้าง ๆ หัวเราะจนต้องยกมือขึ้นแตะริมฝีปากกลั้นเสียง “นายควรดีใจนะที่มีคนพูดถึงตลอดทาง ไม่งั้นจะเงียบกว่านี้มากเลยล่ะ” “เงียบแต่มีคุณพูดก็ดีกว่าพวกมันสักพันเท่า” เขาตอบกลับทันทีโดยไม่มองหน้า น้ำเสียงเรียบแต่แฝงความจริงใจที่ทำให้เธอเงียบไปครู่หนึ่ง “อืม...” เธอทำเสียงในลำคอ หันหน้าออกหน้าต่าง ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ๆ “อยากได้ยินเสียงฉันมากกว่าพวกเขาเหรอ?” “แน่นอนสิ” เขาเอ่ยอย่างไม่ลังเล “คุณมีเสียงที่ทำให้ผมอยากจำบทกวีได้มากกว่าเสียง AI พวกนั้นเยอะ” เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหาเขาเล็กน้อย “งั้นฉันถามอะไรหน่อยสิ นายอยากรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากทำรองเท้าจากพวกอสุรกายที่เราฆ่าไปน่ะ?” “แน่นอน ผมกำลังจะถามอยู่พอดี” เขาเลิกคิ้ว ดวงตาเปล่งประกายความอยากรู้อย่างเด็กที่รอของขวัญพลางขยับมือไปหยิบขวดน้ำแร่จากคอนโซลหน้ารถมาดื่มไปพลางฟังโมนีก้า “เพราะฉันต้องใช้พลังในการยืดหดร่างกายไงเลสเตอร์” เธอตอบเสียงเรียบแต่ชัด ดวงตาเทาเงินหันกลับมาสบกับเขา “ถ้าฉันเผลอใช้พลังมากเกินไป เสื้อผ้าก็ฉีก... ถ้าใช้พลังน้อยเกินไป เสื้อผ้าก็หลวมโคร่ง หรือหลุดไปเลยน่ะสิ” เลสเตอร์ที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลัก เขาเกือบเหยียบเบรกกลางทาง “เดี๋ยว... อะไรนะ?” “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เธอพูดต่อเหมือนไม่ได้ใส่ใจ “ฉันไม่อยากต้องทำภารกิจแบบโป้ ๆ หรอกนะ เพราะงั้นรองเท้ากับเสื้อผ้าที่สร้างจากเยื่อปีกแวนมีเทอร์มันยืดหดได้ตามร่างกาย ฉันจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกไง” เมื่อโมนีก้าพูดจบทั้งรถก็คือเงียบ… ใช่ เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งสอง และเสียงหัวเราะเบา ๆ จาก AI ที่พยายามจะไม่หัวเราะแต่ก็อดไม่ได้ เลสเตอร์หันมามองเธอ ดวงหน้าเขาแดงขึ้นนิด ๆ ก่อนแสร้งกระแอม “อืม... ก็จริง... ผมไม่อยากให้คุณโป้ตอนทำภารกิจเหมือนกัน” เขาพูดพลางเบือนหน้าออกนอกกระจก เหมือนจะมองวิวแต่จริง ๆ คือหลบสายตา โมนีก้ายักคิ้ว “เขินเหรอ?” “ผม? ผมคืออะพอลโลนะ คุณลืมหรือไง ผมเคยเป็นแรงบันดาลใจของศิลปินเปลือยกายมากกว่าร้อยคน! พวกเขาก็พยายามปั้นผมกันทั้งนั้น แน่นอน หล่อขนาดนี้ ผมมันประติมากรรมที่พระเจ้าตั้งใจสรรสร้าง” เลสเตอร์พยายามพูดถึงตัวเอง ความจริงเขาก็มีความพราวในตัวเองเหมือนกันและมากด้วยและไม่เคยหมดไป แค่ตอนนี้เขาก็อยากจะกรีดกร้องแล้วกัดลิ้นตัวเองให้มันพูดไม่ได้จริง ๆ

“แต่ตอนนี้นายหน้าแดงเหมือนมะเขือเทศเลยนะ” เขารีบยกมือข้างหนึ่งปิดแก้ม “ผมไม่ได้เขิน! ผมแค่... อืม... ผมกำลังอบอุ่นด้วยพลังแห่งแสงอาทิตย์!” “อ๋อ แสงอาทิตย์ที่ส่องจากข้างในเหรอ?” เธอหัวเราะเสียงใส ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับจากแสงแดดที่ลอดเข้ามา ลสเตอร์ทำทีไอแล้วปรับกระจกหลัง “พิโรอิส เปิดเพลงเร็ว ๆ ก่อนที่ผมจะถูกฆ่าด้วยคำของตุ๊กตาหน้ารถ” “รับทราบครับท่าน แต่ขออนุญาตแจ้งว่าดวงอาทิตย์ของเรากำลังหน้าแดงกว่าปกติ 3.2 องศาเซลเซียส” “พิโรอิส!” เสียงหัวเราะของโมนีก้าดังก้องในรถ ทำให้บรรยากาศที่อบอ้าวกลับกลายเป็นอบอุ่น เธอเอนตัวพิงเบาะ มองเขาที่พยายามทำหน้านิ่งแต่หูยังแดงไม่เลิก แล้วเอ่ยเบา ๆ “นายเนี่ยนะ เทพแห่งแสง... แต่โดนแค่คำว่าโป้ก็ลนไปหมดแล้วหรือไงหืม?” เลสเตอร์เหลือบตามามองโมนีก้า ก่อนที่เขานั้นจะยิ้มมุมปาก “ก็ตอนนี้ผมไม่ได้กลัวคำว่าโป้... แต่กลัวคุณจะทำให้ผมหลงจนลืมแสงอาทิตย์ต่างหาก” โมนีก้าชะงักตอนที่ได้ยิน แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “พูดกันขนาดนี้... ยังจะบอกว่าไม่ได้เขินอีกเหรอ” “ก็... บางทีผมอาจจะแค่กำลังฝึกบทกวีใหม่เกี่ยวกับคุณอยู่ก็ได้” เขาพูดพลางหันไปข้างหน้าพยายามที่จะไม่สนใจอะไรมากมายนักแล้วปล่อยให้บทสนทนาสุดอันตรายนั้นหายไปตามสายลมแทบ เลสเตอร์แทบไม่อยากจะบอกว่าเขาเองก็เป็นคนโชคโชนเรื่องนี้เหมือนกัน แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของเขาคือเด็กอายุ 16 แต่ก็เป็นเด็กชายอายุ 16 ที่ร่างกายแข็งแรง แถมจิตใจของเขาความจริงมันอายุมากกว่าพันปี ขืนเขาทำอะไรขึ้นมา... คุกเท่านั้นที่รออยู่…. อาจจะไม่ใช่คุกทาทารัส แต่คุกข้อหาพรากผู้เยาว์ก็ไม่แน่

มีค่า LUK 50 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ ดาบก๊อบลิน จำนวน 32 ชิ้น 32 x 2 = 64 ชิ้น

สรุป ได้รับ ดาบก๊อบลิน 32 ชิ้น


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +17.5

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 55247 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-7 04:48
โพสต์ 55,247 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-7 04:48
โพสต์ 55,247 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-7 04:48
โพสต์ 55,247 ไบต์และได้รับ +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-11-7 04:48
โพสต์ 55,247 ไบต์และได้รับ +9 EXP +12 เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก เข็มทิศ  โพสต์ 2025-11-7 04:48
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-7 12:32:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 16 : แรงบันดาลใจ
วันที่ 03 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ช่วงเช้า เวลา 07.00 - 14.00 น. เป็นต้นไป เมืองแคสเปอร์ ไปยัง Yellowstone National Park สหรัฐอเมริกา

ท้องฟ้าเหนือไวโอมิงเปิดกว้างดั่งผืนผ้าใบสีฟ้าที่เทพเจ้าตั้งใจระบายสีไว้เอง ลมเช้าที่พัดผ่านหน้าต่างรถพาเอากลิ่นสนและไอแดดอุ่นอ่อนมาปะทะผิว ขับเคลื่อนราชรถพระอาทิตย์ในรูปร่างมาเซราติสีแดงเชอร์รี่ให้แล่นไปตามทางหลวงที่ทอดยาวจากเมืองแคสเปอร์สู่เยลโลว์สโตน เลสเตอร์ถือพวงมาลัยไว้ด้วยมือเดียว แววตาสีฟ้าเข้มจับจ้องไปยังถนนข้างหน้าอย่างผ่อนคลาย เสียงเครื่องยนต์พึมพำต่ำ ๆ คล้ายจังหวะหัวใจ ส่วนคนข้าง ๆ อย่างโมนีก้าก็นั่งเอนศีรษะพิงกระจกหน้าต่าง สวมโค้ตสีเบจที่ขับให้ผิวซีดขาวยิ่งดูโดดเด่น ดวงตาเทาเงินกวาดมองภูเขาและทะเลหมอกด้วยความตื่นเต้นของคนที่ยังไม่เคยเบื่อการเดินทาง เธอหันไปยิ้มให้เขาอย่างสดใส “อีกไม่ถึงสองชั่วโมงเราก็จะถึงเยลโลว์สโตนแล้วนะ นายคงไม่เบื่อใช่ไหม?” “ผม?... เบื่อเหรอ?” เขายกมุมปากยิ้ม “ผมกำลังขับรถไปพร้อมกับมิวส์ของตัวเองท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ผมสร้างขึ้นกับมือ จะให้เบื่อได้ยังไงล่ะ” “อืม… โอเค คุณเทพอวดตัว” เธอหัวเราะ “แต่ถ้านายพูดต่ออีกสักประโยค ฉันจะขอให้ม้าสี่ตัวขับรถแทนแน่” เลสเตอร์หัวเราะพลางยักไหล่เหมือนไม่สะทกสะท้าน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดต่อ เสียง AI ของพิโรอิสดังขึ้นมาจากแผงหน้าปัดอย่างตื่นเต้น “ท่านครับ! มีสิ่งมีชีวิตบินอยู่เหนือความเร็วลมปกติ สองตัว กำลังเข้ามาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือครับ!” โมนีก้าหันขวับออกไปนอกหน้าต่าง และในชั่ววินาทีนั้นเอง เงาดำขนาดใหญ่สองเงาโฉบลงมาทางถนน ปีกยาวเหยียดสะท้อนแสงราวกระจกแตก “แวนมีเทอร์!” เธอร้องชื่อออกมาอย่างตื่นเต้นจนน่าประหลาด เลสเตอร์ยังไม่ทันพูดอะไร โม่นีก้าก็ปลดเข็มขัดนิรภัย กระโดดออกจากรถด้วยรอยยิ้ม “นายนี้มันตัวเรียกอสุรกายวัตถุดิบทำรองเท้าฉันจริง ๆ เลย!” เขานั่งมองอยู่หลังพวงมาลัยด้วยสีหน้าผสมระหว่างตกใจและเอ็นดู “เธอนี่นะ โมนี่...” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเอนพิงเบาะ ถอนหายใจยาว “ผมเป็นเทพเจ้า ใครมันจะกล้าโจมตีผม แต่เธอสิ ดึงดูดมอนสเตอร์ได้เหมือนแม่เหล็กดูดปัญหา” เสียงโลหะกระทบกับเสียงกรีดร้องของสัตว์อสูรดังขึ้นด้านนอก โมนีก้าเคลื่อนไหวอย่างสง่างามราวกับนักเต้นที่วาดท่วงท่าในลานแสง เธอสลับฟาดดาบสุริยคติในมือเป็นเส้นโค้งยาว ปลายคมเฉือนผ่านอากาศจนเกิดประกายทองระยับ ทุกครั้งที่ดาบขยับคือแสงตัดผ่านความมืด แปดนาทีถัดมา ร่างของแวนมีเทอร์ทั้งสองก็ละลายเป็นผงทองตกกระจายเต็มพื้น เมื่อเสียงสงบลง เธอสะบัดปลายผม เดินกลับเข้ารถพร้อมรอยยิ้มพอใจ “เรียบร้อยแล้ว” เลสเตอร์เหลือบตามองเธอ มือยังจับพวงมาลัยแต่หัวใจเหมือนละลายอยู่ในอก “คุณนี่มัน... ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังเดทกับธิดาแห่งมาร์สมากกว่าเซเรสซะอีก” เขายังขอยืนยันคำเดิมอาจจะไม่ใช่มาร์ส อาจจะเป็นมิเนอร์ว่าก็ได้ แต่เหมือนมาร์สมากกว่า หรือโมนีก้าจะอยู่กับลูคัสบ่อยไปกันนะ? “ฉันแค่รักการได้วัตถุดิบดี ๆ สำหรับงานฝีมือเท่านั้นแหละ” เธอพูดพลางยกกล่องเล็ก ๆ ที่ใส่เยื่อปีกแวนมีเทอร์ขึ้นมา “เยื่อพวกนี้แข็งแรงและยืดหยุ่นมาก พอดีกับรองเท้าของฉันเลย” “ผมเริ่มสงสารอสุรกายพวกนั้นแทนแล้ว” เขาพูดขำ ๆ ก่อนจะสตาร์ทรถต่อ ไม่นานเสียงเครื่องยนต์ก็กลบเสียงลม เส้นทางทอดยาวผ่านทุ่งหญ้าและบ่อน้ำพุร้อนที่พ่นไอขึ้นเป็นม่านบาง ๆ โมนีก้าพิงเบาะ เปิดเพลง Moonlit Floor ของ Lisa คลอเบา ๆ ท่อน Green-eyed French boy got me tripping ดังขึ้น แต่เธอกลับเปลี่ยนเนื้อร้องเป็น “Blue-eyed God boy got me tripping” แล้วหัวเราะเบา ๆ เลสเตอร์เหลือบมองเธอจากหางตา แล้วทำหน้ามั่นสุดชีวิต “รู้ไหม เพลงนี้ได้แรงดลใจจากผมนะ” “อ๋อเหรอคะ คุณเทพพระอาทิตย์ที่คลั่งรักมาเซราติ?” เธอหันมาหัวเราะ “แน่นอนสิ คุณคิดว่าใครจะมีออร่าขนาดนั้นกัน นอกจากผม” “อืม...” เธอยิ้มมุมปาก ดวงตาเทาเงินสะท้อนแสงแดดยามสาย “บางที... ออร่ามันก็ไม่ได้มาจากตัวนายหรอก แต่อาจมาจากคนที่นายนั่งอยู่ด้วยก็ได้นะว่าไหม?” คำพูดนั้นทำเอาเลสเตอร์ถึงกับนิ่ง เขามองหน้าเธอชั่วครู่ ดวงตาสีฟ้าที่มักเปล่งประกายความมั่นใจกลับดูอ่อนลงอย่างอธิบายไม่ได้ “คุณนี่... อันตรายกว่าดาบซะอีกนะ” “อันตรายยังไงคะ?” เธอถามยิ้ม ๆ “เพราะผมมั่นใจว่าถ้าปล่อยให้มองนานกว่านี้ ผมคงขับหลงทางแน่ ๆ” โมนีก้าหัวเราะเสียงใส แสงแดดสะท้อนใบหน้าเธอในกระจกจนดูราวกับเทพีที่หล่นจากสวรรค์ ม้าทั้งสี่ในระบบ AI ยังถึงกับพูดขึ้นเบา ๆ ผ่านลำโพง “ท่านอะพอลโลครับ ขออนุญาตบันทึกคำพูดเมื่อครู่ไว้เป็นบทกวีไหมครับ?” เลสเตอร์ยกมือกุมหน้าผาก “อย่าบันทึกเลย ผมอายแทนตัวเองแล้วตอนนี้” โมนีก้าหัวเราะอีกรอบแล้วแซวเลสเตอร์ “แหม ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ฉันชอบฟังเวลาเทพผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นคนธรรมดาที่พูดจากใจบ้าง มันน่ารักดี” พูดจบรถก็แล่นไปเรื่อย ๆ ผ่านผืนป่าที่เริ่มเขียวขึ้นตามทางเข้าสู่เยลโลว์สโตน เสียงเพลงยังลอยคลออยู่ในอากาศ พร้อมเสียงหัวเราะของทั้งคู่ที่คละเคล้ากับเสียงลม ระหว่างการเดินทางที่ถนนเส้นเล็กคดเคี้ยวผ่านแนวป่าสนหนาทึบ กลิ่นไอร้อนแผ่วเบาจากผืนดินแถบเยลโลว์สโตนเริ่มแรงขึ้นทุกที ราชรถพระอาทิตย์ในรูปร่างของมาเซราติสีแดงเชอร์รี่แล่นไปอย่างนุ่มนวล เสียงเครื่องยนต์ต่ำ ๆ คล้ายจะผสานกับเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ แต่แล้วแสงระยิบที่วูบวาบเหนือขอบทางก็สะดุดสายตาของโมนีก้าเข้าอย่างจัง “เลสเตอร์ ขับเข้าไปตรงนั้นหน่อยสิ” เธอชี้นิ้วไปยังเส้นขอบฟ้าที่สั่นไหวเหมือนอากาศกำลังเดือด มันคือคลื่นความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากจุดใดจุดหนึ่งในป่า เลสเตอร์เหลือบตามองก่อนจะยิ้มมุมปาก “คลื่นความร้อนเหรอ? ไม่มีอะไรจะร้อนแรงไปกว่าผมหรอกนะ มิวส์ของผม” โมนีก้าหันขวับมาทางเลสเตอร์ทันทีที่พูดจบ ส่งสายตาค้อนวงใหญ่จนเขาแทบหัวเราะออกมาไม่ทัน “นี่นายยังจะเล่นมุกเสี่ยวได้อีกหรอ ขับเข้าไปเร็ว ๆ ก่อนที่คลื่นจะจาง” AI ทั้งสี่ในระบบขับเคลื่อนถึงกับส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน เสียงหัวเราะอิเล็กทรอนิกส์ดังระงม “โอ้ ท่านอะพอลโล! วาจาท่านช่างเปี่ยมไฟเสน่ห์จริง ๆ” “ขออนุญาตบันทึกคำพูดนี้เป็น ‘ประโยคเทพอวด’ หมายเลข 1789 พันเก้าล้าน นะครับ!” เลสเตอร์กลอกตา “ปิดโหมดบันทึกเลยเถอะ ก่อนที่ผมจะโยนพวกนายเข้าทาทารัส” โมนีก้าหัวเราะเบา ๆ พลางกอดอกเอนตัวพิงเบาะ แสงแดดสะท้อนกับกรอบหน้าเธอพอดี สวยจนเทพเจ้าที่หลงตัวเองอย่างเขายังต้องเผลอมอง แต่สุดท้ายมันก็ถึงจุดสักที

มีค่า LUK 69+ หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ เขาแวนมีเทอร์ จำนวน 1 ชิ้น 1 x 2 = 2 ชิ้น

ได้รับ เยื่อบุปีกแวนมีเทอร์ 2 ชิ้น 2 x 2 = 4 ชิ้น


สรุป ได้รับ เขาแวนมีเทอร์ 1 ชิ้น, เยื่อบุปีกแวนมีเทอร์ 2 ชิ้น


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +17.5

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 17 โพสต์ 2025-11-7 17:37
โพสต์ 39390 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-7 12:32
โพสต์ 39,390 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-7 12:32
โพสต์ 39,390 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-7 12:32
โพสต์ 39,390 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-7 12:32
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-7 14:34:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 17 : หลงตัวเองเสมอต้นเสมอปลาย
วันที่ 03 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ช่วงบ่าย 15.00 - 21.00 น. เป็นต้นไป Yellowstone National Park ไปยัง เมืองซอลต์เลกซิตี้ รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา

แสงอาทิตย์ยามเย็นทอดผ่านขอบภูเขาเคลือบถนนยาวที่ทอดเข้าสู่เมืองซอลต์เลกซิตี้เป็นสีทองอมส้ม เหมือนแผ่นทองคำบางที่ปูทางต้อนรับผู้มาเยือนจากแดนเทพ หลังจากวันเที่ยวหรือพูดให้ตรงก็คือ วันล่ามอนสเตอร์อันแสนสนุก โมนีก้ากับเลสเตอร์ก็ตัดสินใจขับต่ออีกหน่อยก่อนหาที่พักในเมืองใหญ่เพื่อชาร์จพลังสำหรับวันถัดไป ราชรถพระอาทิตย์ในร่างมาเซราติสีแดงเชอร์รี่แล่นฝ่าถนนแคบที่ลัดผ่านช่องเขา ลมเย็นเริ่มกรุ่นกลิ่นฝุ่นและหญ้าแห้ง เสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ภายในรถ “อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็ถึงโรงแรมแล้วนะ ผมต้องบอกเลยนะโมนนี่ แสงอาทิตย์ตอนหกโมงเย็นนี่มันส่องถูกมุมพอดีเลย ผมดูดีจนเงาตัวเองยังอาย” เลสเตอร์เอ่ยขึ้นพลางเหลือบมองแฟนสาวที่นั่งข้าง ๆ เธอเอาศอกเท้าวางกับกระจกรถ ดวงตาเทาเงินจับจ้องวิวข้างนอกด้วยแววสบายใจ “อือ ค่ะคุณเทพ แสงอาทิตย์ที่นายสร้างเองนี่คงตั้งใจส่องตัวเองล่ะสิ ... หวังว่าเราจะได้กินอะไรดี ๆ ก่อนนอนนะ” โมนีก้าตอบเรียบ ๆ น้ำเสียงอ่อนลงอย่างที่มักจะเป็นเมื่อเหนื่อยจากการต่อสู้หลายครั้งในวันเดียว แต่ก็เหนื่อยใจกับแฟนหนุ่มตัวเองด้วย “ก็ใช่สิ ผมจะให้มันส่องใครอีกล่ะ?” เขาหัวเราะหึ ๆ แล้วสะบัดผมเล็กน้อยเหมือนมีลมบังเกิดขึ้นเองในรถ “ผมว่าผมมีบุญคุณกับโลกมากนะ แค่ยิ้มของผมก็ช่วยเพิ่มวิตามินดีให้ผู้คนได้แล้ว” ทว่า... ยังไม่ทันที่บทสนทนาจะอบอุ่นไปกว่านั้น เสียง “อึก!” แปลก ๆ จากข้างทางก็ดังขึ้นพร้อมกลุ่มควันบาง ๆ พวยพุ่งจากป่าพุ่มไม้ด้านหน้า โมนีก้าขมวดคิ้ว “...นั่นเสียงอะไรอะ?” เลสเตอร์เพ่งตามอง ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะทำให้ทั้งคู่ถึงกับนิ่งค้าง บนถนนเบื้องหน้า มีกลุ่ม ก็อบลินกว่า 30 ตัว รวมกลุ่มกันอย่างครึกครื้น... แต่ไม่ใช่เพื่อจะปล้น ไม่ใช่เพื่อจะสู้ พวกมันกำลังพี๊ยากันอยู่ แบบที่ทั้งคู่ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายยังไง โมนีก้าอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง “...เดี๋ยวนะ พวกมัน... พี๊ยากันอยู่เหรอ?” เลสเตอร์ที่ยังจับพวงมาลัยแน่นนิ่งไปสองวินาที ก่อนถอนหายใจยาวพร้อมพูดเสียงแหบติดขำ ก่อนหัวเราะพรืด “โอ้ สวรรค์บนโอลิมปัส โลกนี้พัฒนาไปไกลจริง ๆ ขนาดก๊อบลินยังจัดปาร์ตี้ได้ ผมล่ะภูมิใจแทนพวกมันจริง ๆ แต่ถ้ามันกล้าขวางถนนของ ผม นี่ถือว่าท้าทายศักดิ์ศรีพระอาทิตย์เลยนะ” “โอ้พระแม่เซเรส... ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงเลย” โมนีก้าเอามือปิดหน้าอย่างเหนื่อยใจ แต่แล้วก็ยกศีรษะขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว “โอเค ฉันไม่สนแล้ว ขืนปล่อยไว้พวกนี้ได้วิ่งเข้ามารุมแน่” เลสเตอร์มองเธอที่เริ่มปลดเข็มขัดนิรภัย ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความระอาผสมความเอ็นดู “จะลงไปอีกแล้วเหรอ มิวส์ของผม?” “นายจะลงไปจัดการเองหรือไง?” เธอถามประชด ๆ พลางยกคิ้ว เลสเตอร์กลับยกมือแตะอกตัวเอง “โอ้ที่รัก... ผมไม่อยากทำให้พวกมันตาบอดจากรัศมีผมไง ปล่อยหน้าที่นี้ให้คนที่รังสีอำมหิตพอ ๆ กับความสวยของเธอดีกว่า” “แน่นอนสิคะคุณเทพพระอาทิตย์” เธอพูดขณะปลดกำไลข้อมือซ้ายให้คลายออก เผยให้เห็นดาบสุริยคติเปล่งแสงสีทองอ่อน “เพราะดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่จัดการ นายคงได้เห็นเทศกาลสุดพิสดารของก็อบลินทั้งฝูงแน่ ๆ” เลสเตอร์กลั้นหัวเราะ “งั้นผมจะนั่งรออย่างสงบ พร้อม... เอ่อ... ภาวนาให้พวกมันได้ไปเกิดใหม่ที่ทาทารัสและเป็นคนมีมารยาทกว่านี้” “ดีค่ะ งั้นรออยู่ในรถนะคุณแฟน เดี๋ยวฉันจัดการให้เรียบร้อยเลย” ประตูรถเปิดออกพร้อมเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นกรวดเบา ๆ เธอก้าวออกไปท่ามกลางแสงเย็นย่ำ ร่างบางสะท้อนประกายจากเปลวไฟของราชรถ แสงจากดาบในมือเธอแตะโดนผิวก็อบลินพวกนั้นและแทบจะทำให้พวกมันหยุดเคลื่อนไหวในทันที ก่อนที่เสียงคำรามปนเสียงโลหะกระทบจะดังขึ้น ในรถ เลสเตอร์เอนหลังพิงเบาะ ยกน้ำแร่ขึ้นจิบพลางมองภาพนั้นจากกระจกหน้าด้วยรอยยิ้มพอใจ “ดูสิ... แฟนผมกำลังฆ่าก๊อบลินราวกับร่ายระบำ แม่สาวไลแลคของผมงดงามจนผมยังอยากเขียนโคลงไฮกุสรรเสริญให้เลย” เขาสมองแฟนสาวที่จัดการมอนสเตอร์สามสิบกว่าตัวอย่างคล่องแคล่ว ไม่ถึงห้านาที เสียงเงียบลง เหลือเพียงกลุ่มละอองทองลอยฟุ้งในอากาศ เหมือนฝุ่นแสงแห่งพระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ในขณะที่โมนีก้าเดินกลับมาที่รถ ปัดมือไปมาเบา ๆ พร้อมเสียงถอนหายใจสั้น ๆ “เรียบร้อย ทางสะดวก ขับต่อได้เลยค่ะ คุณแฟน” เลสเตอร์ยกคิ้วขึ้น ยิ้มอย่างภูมิใจ “คุณนี่มัน... ทั้งสวย ทั้งโหด ทั้งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ของตกแต่งในราชรถจริง ๆ แต่ผมเข้าใจผมมันดูดีเกินกว่าจะเป็นของตกแต่งเพราะผมเป็นคนขับรถของคุณใช่ไหมล่ะ” “ของตกแต่งที่ขับรถได้น่ะก็ยังดีนะ” เธอตอบขำ ๆ ก่อนจะปิดประตูแล้วเอนตัวพิงเบาะ "โอ้ย โมนี่ คุณจะพูดแบบนั้นกับเทพผู้เคยชนะศึกกับยักษ์ไททันไม่ได้นะ” เขาแกล้งโวยพร้อมสตาร์ทรถอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำเหมือนเสียงหัวเราะ “ยักษ์ไททันอาจจะยอมแพ้นาย แต่ก็อบลินไม่รอดมือฉันแน่ค่ะ” คำพูดนั้นทำให้เลสเตอร์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างจริงใจ หลังจากนั้นเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอีกครั้ง รถสีแดงเคลื่อนตัวออกจากช่องเขา ทิ้งละอองทองของก็อบลินไว้เบื้องหลัง แสงสุดท้ายของวันทอดผ่านกระจกหน้าเป็นประกายแวววา

มีค่า LUK 50 หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ ดาบก๊อบลิน จำนวน 32 ชิ้น 32 x 2 = 64 ชิ้น


สรุป ได้รับ ดาบก๊อบลิน 32 ชิ้น


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +3
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +14

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 14 โพสต์ 2025-11-7 17:46
โพสต์ 32698 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-7 14:34
โพสต์ 32,698 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-7 14:34
โพสต์ 32,698 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-7 14:34
โพสต์ 32,698 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-7 14:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-7 16:40:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-7 16:45

sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 18 : ขี้โม้เอ่ยยย
วันที่ 04 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ช่วงเช้า เวลา 07.00 - 17.00 น. เป็นต้นไป เมืองซอลต์เลกซิตี้ ไปยัง Lassen Volcanic National Park แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

เช้าวันใหม่มาพร้อมสายหมอกบางที่เกาะอยู่เหนือเส้นทางยาวเหยียดซึ่งทอดออกจากซอลต์เลกซิตี้ ราชรถพระอาทิตย์ในรูปร่างมาเซราติสีแดงเชอร์รี่แล่นฝ่าความเย็นแห่งรุ่งอรุณไปอย่างสง่างาม เสียงเครื่องยนต์ต่ำกังวานก้องในหุบเขา ขณะที่เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เทพเจ้าแห่งแสงอาทิตย์ในร่างมนุษย์วัยรุ่นผู้หลงตัวเองราวกับเป็นศิลปะชั้นสูง กำลังขับรถไปพลางมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกมองหลังไปพลาง “ผมว่านะโมนี่ แสงยามเช้าแบบนี้มันเกิดมาเพื่อส่องผมโดยเฉพาะเลย” เขาพูดเสียงเนิบแต่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ เหมือนกำลังกล่าวสุนทรพจน์บนโอลิมปัส โมนีก้ากอดอก พ่นลมหายใจพลางหันไปมองวิวข้างทาง “หรือเพราะนายมันขับรถย้อนแสงล่ะ” “ไม่ ๆ ผมว่ามันเป็นเพราะโลกหมุนตามจังหวะของผมมากกว่า แสงถึงได้มุมพอดีแบบนี้” เขาว่าพร้อมยิ้มพอใจในเงาของตัวเองอย่างจริงจัง “นายพูดเหมือนพระอาทิตย์มีชีวิตขึ้นมาเพราะนายเป็นคนตั้งเวลาเลยนะ” เลสเตอร์หัวเราะในลำคอเบา ๆ “แน่นอนสิครับที่รัก ก็ผมนี่แหละพระอาทิตย์” โมนีก้าเงียบกรอกตา ไม่พูดอะไรนอกจากทำหน้ากลอกตาใส่ก่อนเอียงหัวพิงกระจก หน้าตาเหมือนคนพยายามอดทนฟังเสียงโม้ของแฟนที่ไม่มีวันหมดพลังงานได้ทั้งวัน พอขับมาได้สักพัก ถนนเริ่มคดเคี้ยวมากขึ้น ต้นไม้สองข้างทางหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ลมเย็นพัดกลิ่นกำมะถันบาง ๆ จากเทือกเขาไฟใกล้ ๆ แคลิฟอร์เนีย “ว่าแต่ที่นี่คือ Lassen Volcanic National Park ใช่ไหม?” โมนีก้าถามขึ้น “ใช่ครับ มิวส์ของผม สถานที่แห่งเปลวไฟและหินร้อน… เหมาะกับเทพแห่งแสงผู้ร้อนแรงที่สุดในปฐพีแบบผมมาก” “อืม แต่เรามาพักผ่อนนะ ไม่ได้มาเปิดคอนเสิร์ตโชว์ออร่า” เธอพูดขำ ๆ เขาทำตาโต “พักผ่อน? โมนี่ คุณยังไม่เข้าใจเหรอ การได้ชมผมในแสงอาทิตย์กลางภูเขาไฟนี่แหละคือการพักผ่อนที่สุดของชีวิตแล้ว” “ฉันควรพกหูฟังกันเสียงตัวเองของนายมาด้วย...” เธอพึมพำเบา ๆ ทว่าคำพูดยังไม่ทันจบดี เสียง กรีดอากาศ แหลมสูงก็ดังขึ้นจากฟากฟ้า เสียงกระพือปีกแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่เบื้องหน้า รถหยุดกะทันหันก่อนที่ร่างของ แวนมีเทอร์สองตัว จะร่วงลงกลางถนน ค้างคาวปีศาจผิวเทาเข้ม ขนาดเท่ารถม้า ลำแสงจากหน้าผากของมันสว่างวาบจนต้นไม้ใกล้ ๆ แทบไหม้ เลสเตอร์ถอนหายใจเฮือก “โอ้ พิโรอิส... ผมรู้เลย ว่าการพักผ่อนของเราคือการต่อสู้แบบไม่มีวันหยุดแน่นอน” โมนีก้าหัวเราะแผ่ว ๆ “ฉันก็ว่างั้น แต่ดีนะ ฉันเริ่มชอบมันแล้ว” เธอเปิดประตูรถ ชักกำไลข้อมือซ้ายออกจนเปล่งแสงกลายเป็น ดาบสุริยคติ สีทอง แล้วเดินลงไปอย่างมั่นใจ “เดี๋ยว ๆ รอผมก่อนสิครับ ผมยังไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายคลิปตอนคุณโชว์ฝีมือเลย เดี๋ยวผมเขียนไฮกุให้!” เขารีบควักสมุดโน้ตขนาดพกพาออกมา “หญิงสาวในแสง ปีกปีศาจสลาย พระอาทิตย์ยิ้ม...” “เลสเตอร์ ขืนพูดอีกประโยค ฉันจะเอาดาบนี้หั่นสมุดนายก่อนนะ” เขายกมือยอมแพ้ทันที “โอเค ๆ ไปเลยที่รัก ผมจะนั่งชมอย่างสุภาพเหมือนเคย... อย่างเทพผู้มีมารยาท” เพียงไม่กี่นาทีต่อมา เสียงโลหะกระทบ เสียงปีกกระพือ และแสงทองพวยพุ่งเต็มอากาศ ดาบในมือโมนีก้าเฉือนผ่านผิวปีศาจราวกับสายฟ้า แสงจากหน้าผากของแวนมีเทอร์ทั้งสองดับลงพร้อมเสียงระเบิดเบา ๆ ของละอองทองที่ฟุ้งกระจายเต็มอากาศ แต่คราวนี้... โมนีก้ากลับเดินกลับมาพร้อมสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างชัดเจน หน้าบูดเหมือนโดนใครเอาสีแดงป้ายไว้กลางหน้าผาก เลสเตอร์รีบยื่นทิชชูให้โมนีก้าทันที “เฮ้ โมนี่เป็นอะไรไป ผมชมอยู่นะว่าคุณสู้ได้เหมือนบทกวีที่กำลังเคลื่อนไหวเลย” “บทกวีอะไรล่ะ” เธอบ่นพลางชูของในมือให้ดู เขาแวนมีเทอร์ที่บิ่น ๆ “เยื่อปีกมันห่วยมาก มีแต่รอยขีดข่วน ฉันเอาไปทำรองเท้าไม่ได้เลย เหลือได้แค่นี่แหละเขาแวนมีเทอร์อ่ะ” เลสเตอร์ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจโลกทั้งใบในชั่วพริบตา ก่อนพูดเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยออร่าความหลงตัวเอง “ไม่เป็นไรนะครับ คุณได้เขามันมาก็พอแล้ว อย่างน้อยเราจะเอาไว้ตั้งโชว์ข้างรูปผมได้ จะได้เข้าชุดกันเขาอสูรกับเทพผู้หล่อร้าย” โมนีก้าหันมาช้า ๆ “นายนี้มัน... หลงตัวเอง” AI ในรถรีบพูดแทรก “อย่าเรียกว่าหลงตัวเองเลยขอรับท่านโมนีก้า ท่านอะพอลโลมีดีให้โม้เยอะ” เลสเตอร์ยิ้มภูมิใจ “แน่นอนสิ มันคือพลังเสียงของพระอาทิตย์ยังไงล่ะ” โมนีก้าเท้าเอว หันกลับมานั่งที่เบาะฝั่งข้างคนขับ “โอเค... ขับต่อเถอะคุณเทพ ก่อนที่ฉันจะใช้ดาบสุริยคติเป็นไมค์ให้คุณร้องแร็ป” เลสเตอร์หัวเราะเสียงดัง “ถ้าเป็นผมร้อง แสงอาทิตย์ยังต้องสั่นไหวตามจังหวะเลยนะมิวส์ของผม” โมนีก้าพูดพลางกลั้นหัวเราะ “เอาเถอะ ฉันหวังว่าเสียงนายจะไม่ทำภูเขาไฟระเบิดก่อนถึงสวนสาธารณะนะ” เขาหันมายักคิ้ว “ไม่แน่หรอกที่รัก... เพราะบางที แค่รอยยิ้มผมก็อาจจุดปะทุได้แล้ว” และเสียงถอนหายใจของโมนีก้าก็ดังขึ้นทันที ก่อนราชรถสีแดงจะแล่นต่อไปบนถนนท่ามกลางแสงแดดส่องสะท้อนกระจกหน้ารถ ราวกับทั้งภูเขาไฟและพระอาทิตย์บนฟ้า... ต่างพร้อมใจกันยอมแพ้ให้กับความขี้โม้ระดับตำนานของเทพหนุ่มคนนี้

มีค่า LUK 69+ หน่วย จะได้รับวัตถุดิบ x2

ได้รับ เขาแวนมีเทอร์ จำนวน 6 ชิ้น 6 x 2 = 12 ชิ้น


สรุป ได้รับ เขาแวนมีเทอร์ 6 ชิ้น


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +3
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +14

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 14 โพสต์ 2025-11-7 17:49
โพสต์ 32004 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-7 16:40
โพสต์ 32,004 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-7 16:40
โพสต์ 32,004 ไบต์และได้รับ +15 EXP +30 ความกล้า +20 ความศรัทธา จาก เกราะไทเทเนียม  โพสต์ 2025-11-7 16:40
โพสต์ 32,004 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-7 16:40
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-7 20:02:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 19 : ตื่นเต้น
วันที่ 04 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ช่วงเย็น เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ณ Lassen Volcanic National Park แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

สายลมหนาวจากยอดแลสเซนยังพัดแผ่วไม่หยุดเมื่อทุกอย่างจบลง ซากละอองทองของไนท์แมร์และซาลาแมนเดอร์ที่สลายไปแล้วลอยฟุ้งในอากาศเหมือนหมอกไฟ เงียบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของภูเขา โมนีก้ากำลังจะเก็บดาบเข้าที่ แต่พลันหูของเธอกลับได้ยินบางสิ่งบางอย่าง เสียงนั้นแผ่วราวกับเสียงฮัมของหญิงสาว เสียงสูงโปร่งล่องอยู่กลางลม เหมือนบทเพลงเก่าแก่ที่ไม่มีคำร้อง มีแต่ทำนองที่สั่นสะเทือนอยู่ใต้ผิวหัวใจ โมนีก้าชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาสีเทาเงินเหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่ามันก็ไม่มีใคร ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีใครอยู่ใกล้พอให้เสียงนั้นดังขึ้นมาได้ มันไม่ใช่ลม ไม่ใช่เสียงนก และแน่นอน ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะได้ยินบนยอดเขาไฟที่หลับใหลมานานหลายร้อยปีแบบนี้ “เลสเตอร์…” เธอเรียกเสียงเบา เท้าก้าวถอยหนึ่งก้าวพลางมองรอบ “นายได้ยินไหม” เลสเตอร์ที่เพิ่งลงจากรถมองรอบ ๆ เช่นกัน ดวงตาสีฟ้ากะพริบวาวในแสงสะท้อนของหิมะ “ได้ยิน” เขาพูดเบาแต่มั่นคง “ขึ้นรถเถอะ โมนี่” “แต่เสียงนั่นมันเหมือนเสียงคนร้องเพลงเลยนะ” “ใช่ แต่ไม่ใช่เพลงของมนุษย์” น้ำเสียงเขานิ่งจนน่าขนลุกไปทั้งสันหลัง เขาเหลือบมองไปยังปล่องภูเขาไฟเบื้องบนที่ควันสีเทาอ่อนยังลอยคลุ้งอยู่ “บางที… มันอาจจะเป็นเสียงสะท้อนของอดีต ที่ภูเขานี้เคยกลืนไว้ตอนมันปะทุครั้งสุดท้าย” โมนีก้าชะงักอีกครั้ง สบตาเขาอยู่ครู่ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันกลับมามองยอดแลสเซนอีกครั้ง เสียงนั้นยังคงดังอยู่ แผ่วลงทีละนิด จนแทบกลืนไปกับสายลม เธอสูดลมหายใจลึก แล้วบังคับให้หัวใจที่เต้นแรงกลับมาเป็นปกติ “อาจจะใช่… คงเป็นเสียงเพลงของนักท่องเที่ยวละมั้ง ที่ลอยมาตามลม แค่ไม่รู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยวตอนไหนน่ะนะ” เลสเตอร์ไม่ตอบ แต่สายตาเขายังคงจับอยู่ที่ยอดปล่องไฟนั้นอีกครู่ ก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งผู้โดยสารแล้วเปิดประตูให้ “ขึ้นเถอะ มิวส์ของผม วันนี้ภูเขาไฟดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเสียแล้วสิ” “พูดแบบนั้นมันยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่นะเลสเตอร์” เธอหัวเราะแผ่ว ๆ แล้วขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย ดึงเสื้อโค้ทมาคลุมตัวพลางหันมองออกไปนอกกระจก ขณะที่ราชรถพระอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากทางขึ้นยอดเขา แสงอาทิตย์เย็นยามบ่ายคล้อยลอดผ่านเมฆหนา สาดลงบนเส้นทางที่คดเคี้ยวลงไปตามไหล่เขา ใช้เวลาไม่นานนัก ทั้งคู่ก็มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขา เงียบสงบและอบอุ่นจนต่างจากภูเขาไฟเบื้องหลังราวฟ้ากับดิน บ้านพักที่โมนีก้าจองไว้เป็นโฮมสเตย์ไม้สนหลังหนึ่ง มีป้ายไม้เล็ก ๆ เขียนว่า Lassen Hearth Inn ตั้งอยู่ตรงริมลำธารที่ละลายจากหิมะหลังฤดูหนาว เสียงน้ำไหลกระทบก้อนหินเบา ๆ ฟังแล้วสบายหู ดอกไม้ป่าที่ปลูกริมรั้วกำลังบานไหวตามลมเย็น “ที่นี่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิทานเลย” โมนีก้าเอ่ยขณะลงจากรถ กลิ่นไม้หอมลอยคลุ้ง เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเมื่อสัมผัสถึงไอเย็นบาง ๆ ที่ยังตามลงมาจากยอดเขา “แต่ก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดี เหมือนเสียงเมื่อกี้มันยังตามมา…” เลสเตอร์วางมือบนหลังเธอเบา ๆ “คืนนี้พักก่อนเถอะ ที่นี่ปลอดภัยแล้วแหละ ยกเว้นจะมีคนเป็นซาแซงแฟนคลับของผมกับคุณน่ะนะ” เขาเปิดประตูบ้านไม้ให้ เผยให้เห็นห้องพักเล็ก ๆ ที่อบอุ่น มีเตาผิงที่ยังอุ่นอยู่จากการใช้งานครั้งก่อน ผ้าห่มขนแกะสีครีมพับอยู่ปลายเตียง กลิ่นลาเวนเดอร์เจืออยู่ในอากาศ โมนีก้าวางกระเป๋าสะพานแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม “งั้นคืนนี้ขอไม่พูดเรื่องเสียงเพลงประหลาดแล้วกัน ฉันอยากนอนหลับโดยไม่คิดว่าจะมีอะไรโผล่มาเต้นระบำในฝัน” “ดีแล้ว” เลสเตอร์พูดพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู “ถ้ามี ผมก็จะเล่นพิณให้มันหลับก่อนคุณ” เมื่อถึงช่วงเวลากลางคืนที่มีแสงของพลบค่ำในแลสเซนคลี่คลายลงอย่างช้า ๆ เสียงลมบนยอดไม้ภายนอกแผ่วลง จนเหลือเพียงเสียงไฟแตกดังเปรี๊ยะ ๆ จากเตาผิงในมุมห้อง กลิ่นไม้สนอบอวลไปทั่วบรรยากาศอุ่นนุ่มของห้องพักเล็ก ๆ นั้น เตียงไม้ขนาดควีนที่ปูด้วยผ้าปูสีครีมดูนุ่มน่านอนจนเกินต้าน ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือมันมีอยู่เพียงเตียงเดียว โมนีก้านั่งคิดอยู่ตรงปลายเตียง ขณะที่เลสเตอร์ยืนพิงกรอบประตู มองฉากตรงหน้าด้วยรอยยิ้มแบบที่เขาเองก็พยายามกลั้นไว้สุดชีวิต “อืม... ดูเหมือนที่นี่เขาจะเน้นให้ความอบอุ่นนะ” น้ำเสียงเขาพูดช้า แต่แววตานั่นขี้เล่นชัดเจนจนคนฟังแทบอยากปาเบาะใส่ “อบอุ่นบ้าอะไรของนายกันล่ะ...” เธอบ่นแผ่ว ๆ แต่แก้มร้อนผ่าว เธอขยับเข้าไปใกล้เตียง ลองแตะผ้าปูด้วยปลายนิ้วแล้วกลืนน้ำลายเบา ๆ “เดี๋ยวฉันนอนฝั่งนี้ละกัน” “ครับ ๆ เข้าใจแล้วผมอยู่ฝั่งนี้ก็ได้” เขาพูดขณะก้าวเข้ามาในห้อง ปิดประตูเบา ๆ แล้วเดินไปอีกฝั่งของเตียง หย่อนตัวลงข้างเธออย่างระมัดระวังจนเตียงยวบไปเล็กน้อย โมนีก้าดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหน้าอก กลิ่นไลแลคของเธออวลตลบอยู่รอบ ๆ พาให้หัวใจของเทพอพอลโลที่เคยเชื่อว่าควบคุมทุกสรรพสิ่งกลับเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เธอนอนหันหลังให้เขา พยายามมองไปยังแสงไฟส้มอ่อน ๆ ที่เต้นระยิบอยู่บนผนังไม้ แต่รับรู้ได้ชัดว่าอีกคนยังไม่หลับ ลมหายใจของเขาอยู่ใกล้แค่หลังคอ “โมนี่” เสียงทุ้มเอ่ยเบาแทบกระซิบ “ผมจะนอนตรงนี้เฉย ๆ สัญญา” “ก็ดีแล้ว...” เธอตอบกลับสั้น ๆ แต่เสียงเบาราวจะละลายไปกับเสียงไฟ เธอหลับตาแน่นกว่าเดิมราวกับตั้งใจจะหลับให้ได้ ทั้งที่หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิดออกมา ในหัวของเลสเตอร์เองก็ไม่ต่าง เขาพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพึมพำในใจเหมือนภาวนา ยุบหนอ พองหนอ... ฉันคือเทพผู้ควบคุมแสง ไม่ใช่เพลิงราคะ... ยุบหนอ พองหนอ...โอ้ย พยายามไม่คิดสิ่งที่เคยทำแต่ทำไม่ได้ ไม่เอา เดี๋ยวโดนขังในสังคมทำไง ถึงร่างกายที่ผมฟิตหุ่นมาอย่างดีมันจะอายุสมองแค่ 16 ก็ตาม เลสเตอร์บ่นยาวในใจและทุกครั้งที่เขาขยับตัวเพียงนิดเดียว แขนก็เฉียดโดนผมของเธอที่สยายอยู่บนหมอน กลิ่นหอมจาง ๆ นั้นทำให้สมาธิทั้งหมดพังครืน “โอ้พระบิดาแห่งโอลิมปัส...” เขาพึมพำเบา ๆ จนโมนีก้าได้ยิน “อะไรของนายอีก นอนไม่หลับหรอ?...” เธอถามเสียงขุ่นแต่แผ่ว นึกว่าชายหนุ่มจะบ่นเรื่องเตียงหรือผ้าห่มอีก “เปล่า ผมแค่ภาวนาให้เตียงนี้ไม่ลุกเป็นไฟตอนเช้า” คำตอบนั้นทำเอาโมนีก้าต้องกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น เธอยกมือปิดปากแล้วตอบเบา ๆ “ถ้ามันลุกเป็นไฟ ฉันจะเอาน้ำราดนายก่อน” “โหดเกินไปไหมนั่นสำหรับมิวส์ของผม” “งั้นนายก็อย่าคิดอะไรแปลก ๆ สิ” โมนีก้าเอ่ยแล้วยักคิ้วแม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม ทั้งคู่หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะนั้นกลืนกับเสียงไฟในเตาผิง กลายเป็นความอบอุ่นแปลกประหลาดที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง ก่อนจะค่อย ๆ เงียบลงเมื่อความง่วงเริ่มเข้าครอบงำ เวลาผ่านไปนานจนเปลวไฟในเตาผิงเหลือเพียงแสงอุ่นสีส้มที่ไหวระริก เธอขยับตัวเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ขอบผ้าห่มลื่นลงจนหัวไหล่ชนกับแขนของเขา เลสเตอร์เกร็งไปทั้งตัว แต่ไม่ขยับหนี เพียงปล่อยให้สัมผัสอุ่นนั้นคงอยู่ เงียบ ๆ ราวกับกลัวว่าหากขยับแม้แต่นิด ความฝันดีนี้จะสลายไป… และในคืนนี้ทำให้เลสเตอร์ได้รับรู้กับตัวเองว่าการควบคุมอารมณ์เป็นเรื่องยากยิ่งของเทพที่สุดแสนจะฮอตปรอตแตกแบบเขา


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10
(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +17.5

แสดงความคิดเห็น

God
เขียนฉากความฝันที่ส่งไปใน PM   โพสต์ 2025-11-7 20:21
โพสต์ 37,247 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2025-11-7 20:02
โพสต์ 37247 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-7 20:02
โพสต์ 37,247 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-7 20:02
โพสต์ 37,247 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-7 20:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-7 22:05:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 20 : ???
วันที่ ?? เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ห้วงความฝัน

ในห้วงมืดของนิทรานั้นโมนีก้าไม่รู้ว่าตนหลับไปตั้งแต่เมื่อไร รู้เพียงว่าโลกทั้งใบพลันกลายเป็นหมอกสีเทาอ่อนที่ลอยหมุนอยู่รอบตัว ราวกับผืนผ้าที่ทอขึ้นจากฝุ่นแห่งความทรงจำ เสียงบางอย่างดังลอดเข้ามาในหู มันไม่ใช่เสียงลม ไม่ใช่เสียงไฟในเตาผิง แต่เป็นเสียงหัวเราะแหบพร่า... ของใครบางคนที่ไม่ปรากฏใบหน้า “นาน ๆ ทีเจ้าจะนอนหลับลึกเคียงกายสตรีเช่นนี้” เสียงนั้นเอ่ยแผ่วช้า แต่เต็มไปด้วยความขบขันที่เย็นยะเยือก “การได้กลั่นแกล้งเทพด้วยกันมันก็สนุกดีว่าไหม อะพอลโล” โมนีก้าเผลอหันมองรอบตัว เธอไม่เห็นอะไรนอกจากหมอกและเงา เสียงของผู้พูดนั้นเหมือนดังมาจากทุกทิศทุกทางพร้อมกัน รอยยิ้มของเขาไม่ได้อยู่บนใบหน้า แต่อยู่ในอากาศ อยู่ในความรู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่ในห้วงฝัน เธออยากจะถามว่าใคร แต่ก่อนเสียงจากลำคอจะหลุดออกมา ภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไปในทันที เบื้องหน้าพวกเขา คือชายในชุดเกราะทองประดับอัญมณีระยิบระยับ ท่าทางโอหัง นัยน์ตาคลั่งไคล้ และในมือของเขาถือหอกทองคำที่แผ่รัศมีร้อนจัดจนพื้นทรายแทบละลาย ผู้คนต่างเรียกชื่อเขา... คาลิกูลา ภาพนั้นเหมือนบทโศกนาฏกรรมที่เธอไม่อาจห้าม มันช้า... แล้วก็เร็ว... เธอเห็นชายผมทอง—ร่างสูงใหญ่สง่างามราวกับเป็นทหารของจูปิเตอร์เอง เขาก้าวออกไปข้างหน้า ใบหน้าสงบนิ่งแต่ดวงตาเต็มไปด้วยแรงศรัทธา เขาใช้พลังของตัวเองตรึงคาลิกูลาไว้ กองทัพของศัตรูชะงักในแสงสีฟ้าอ่อนที่พวยพุ่งจากแขนของเขา ขณะที่เสียงของเขาก้องดังก้องทั่วลาน “Go!” เสียงนั้นดังชัดเจนราวคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ “Go! Piper! Meg! Lester Go!” เด็กหญิงกับหญิงสาวหันกลับ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา ส่วนเลสเตอร์ในร่างวัยรุ่นนั้นทำหน้าเจ็บปวด เหมือนจะพูดบางอย่างแต่ไม่ทันแล้ว เพราะเสียงต่อมาดังขึ้นอีกครั้ง หนักแน่นกว่าเดิม “Remember!” โมนีก้าสะดุ้งสุดตัว แต่ไม่สามารถขยับได้ ภาพตรงหน้าซ้ำไปซ้ำมา เหมือนมีมือของใครจับศีรษะเธอบังคับให้จดจำทุกสิ่ง ทุกเศษวินาที ทุกหยาดเลือด ทุกถ้อยคำสุดท้ายที่ดังขึ้นในใจ "ให้จำไว้ว่าการเป็นมนุษย์เป็นอย่างไร และให้จดจำและสานต่อภารกิจของผม... ในการสร้างศาลบูชาสำหรับเทพชั้นรอง ที่นิวโรม..." คำพูดนั้นก้องอยู่ในหัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงของเขากลายเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจและความอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ราวกับสวรรค์และโลกปะทะกันในถ้อยคำเดียว หมอกในห้วงฝันค่อย ๆ คลายตัวลงจากปลายนิ้วของเธอ ราวกับผ้าคลุมบางที่ถูกสายลมพัดให้แยกออก โมนีก้าเดินฝ่าความมืดนั้นอย่างระมัดระวัง เสียงเท้าของเธอสะท้อนเบา ๆ บนพื้นแข็งที่เธอมองไม่เห็น ทางข้างหน้ามีเพียงแสงสว่างสีทองสลัวเหมือนปลายอุโมงค์ที่ไกลเกินเอื้อม แต่เมื่อเธอก้าวต่อไปเรื่อย ๆ ความหนักอึ้งในอากาศก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเสียง... เสียงคลื่นกระแทกเรือ เสียงสายลมพัดผ่านเชือกเสากระโดง และเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องทั่วท้องฟ้า เมื่อแสงสว่างกลืนความมืดไปหมด เธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือขนาดใหญ่ เรือเหล็กที่มีสีของสนิมและเลือดผสมกัน กลิ่นคาวทะเลและกลิ่นไหม้ของโลหะร้อนอบอวลไปทั่ว ความมืดบนฟ้าถูกฉีกขาดด้วยแสงฟ้าผ่าที่พาดผ่านเป็นเส้น ๆ เหมือนแผลของสวรรค์ และกลางโถงเรือท่ามกลางสายฝน เธอเห็นเขา เลสเตอร์... หรือบางทีควรจะเรียกอีกชื่อหนึ่งคืออะพอลโล เขานั่งนิ่งอยู่กลางพื้นดาดฟ้า เสื้อของเขาเปียกชุ่ม ดวงตาสีฟ้าที่เธอคุ้นเคยหม่นลงจนคล้ายกระจกที่แตกละเอียด ในอ้อมแขนของเขามีร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์นอนนิ่ง ใบหน้าสงบ รอยเลือดที่แห้งแล้วบนเกราะเป็นสีแดงคล้ำที่ตัดกับผิวซีดเย็นนั้น มันคือร่างของเจสัน ชายผู้เสียสละในฝันก่อนหน้านี้ไม่ผิดแน่ เสียงฟ้าคำรามหนักหน่วงจนตัวเรือสั่นสะเทือน ท้องฟ้าเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่เลสเตอร์กลับไม่ขยับ เขาเพียงก้มหน้ามองร่างในอ้อมแขน ริมฝีปากขยับเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างกับผู้ที่ไม่ได้ยินอีกแล้ว เสียงนั้นเบามากจนโมนีก้าแทบจับไม่ได้ มีเพียงลมหายใจแผ่วสั่นของเขาและเสียงหัวใจของเธอที่เต้นแรง “เลสเตอร์...” เธอเรียกชื่อเขาในลมหายใจ แต่ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากริมฝีปาก ราวกับกฎของความฝันห้ามเธอเข้าไปแทรก เธอก้าวเดินเข้าไปข้างหน้าเท่านั้น ทุกย่างก้าวหนักหน่วงเหมือนเดินในน้ำ เธอไม่รู้ว่านี่คืออดีตหรือภาพใหม่ แต่ความเศร้าที่แผ่ซ่านจากร่างของเขาทำให้เธอรับรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นของจริง ความเจ็บที่เกินกว่าคำพูดใดจะปลอบได้ เมื่อถึงข้างหลังโมนีก้าก็ยื่นมือออกไปช้า ๆ แล้วสวมกอดเขาจากด้านหลัง แขนของเธอคล้องรอบไหล่ของเขา หัวของเธอแนบลงกับหลังเปียกชื้นของเขาโดยไม่สนว่าความฝันนี้จะเย็นหรือร้อนเพียงใด เธอไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะไม่รู้จะพูดอะไรได้บ้างกับความสูญเสียแบบนี้ เสียงฟ้าร้องยังดังไม่หยุด แต่ในวงแขนของเธอกลับมีเพียงความเงียบ ความเงียบที่แน่นหนาจนเหมือนสามารถกลืนเสียงทุกอย่างในโลกได้ เลสเตอร์ไม่หันกลับมา เขาเพียงยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะมือของเธอเบา ๆ ปลายนิ้วของเขาสั่นน้อย ๆ ก่อนจะกำมือเธอแน่นไว้ เธอรู้ว่าเขารับรู้แล้วว่าเธออยู่ตรงนี้ น้ำตาไหลรินจากข้างแก้มของเธอไม่รู้ตัว มันร่วงลงบนไหล่ของเขา ผสมกับฝนและเกลือทะเล กลายเป็นหยดน้ำที่ไม่มีใครแยกได้ว่าอันไหนคือความเจ็บของเทพ อันไหนคือความสงสารของมนุษย์ ในห้วงฝันที่แหลกสลายกลางพายุ เธอกอดเขาไว้แน่น เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ เพื่อให้เขารู้ว่าแม้ในความฝันที่มืดมิดที่สุดของเขา... เขาก็ยังไม่ต้องอยู่เพียงลำพัง

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 29617 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-7 22:05
โพสต์ 29,617 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-7 22:05
โพสต์ 29,617 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-7 22:05
โพสต์ 29,617 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +9 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-7 22:05
โพสต์ 29,617 ไบต์และได้รับ +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-11-7 22:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-8 14:11:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
sigil
บันทึกการเดินทาง Hushsong of the Gods (ภาคพิเศษ)
(คำเตือน โพสหลังจากนี้เหม็นความรัก 3000%)
ตอนพิเศษที่ 21 : ???
วันที่ ?? เดือน พฤศจิกายน ปี 2025
ห้วงความฝัน

ในขณะที่โมนีก้ากำลังโอบกอดร่างของเลสเตอร์อยู่ พื้นโลกใต้ฝ่าเท้าพลันสลายหายไปในพริบตา โมนีก้ารู้สึกเหมือนร่างของตนถูกแรงบางอย่างดึงตกจากท้องฟ้า ทุกอย่างหมุนวนเป็นเกลียว เธอพยายามคว้าไว้สิ่งใดก็จับไม่ได้ มีเพียงความว่างเปล่าที่แผดร้องอยู่รอบกาย ก่อนที่ร่างของเธอจะกระแทกลงบนพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียง ตุ้บ! ดินชื้นกระเด็นขึ้นมาเลอะหน้า ทว่าความเจ็บที่คาดว่าจะมา... กลับไม่มี มีเพียงความมึนงง ร่างของเธอกลิ้งลงจากเนินหญ้า คลุกฝุ่น กลิ่นเปลือกไม้และดินเปียกเข้าปาก ก่อนจะหยุดเมื่อหลังชนกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เสียง ปึก! ดังสะเทือนสติให้กลับคืน เธอสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง ค่อย ๆ ยันตัวขึ้น มือข้างหนึ่งแตะหน้าผากที่เริ่มปวดตุบ ๆ “เจ็บชะมัด...” เสียงตัวเองเบาราวกับลอยออกจากปากคนอื่น ใบหน้าชื้นเหงื่อและฝุ่นเกาะรอบข้าง แต่ทันทีที่เธอเงยหน้ามองขึ้น ภาพตรงหน้ากลับทำให้หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เบื้องหน้าไม่ใช่ป่าธรรมดา แต่เป็นป่าที่งดงามราวเทพนิยาย แสงสีทองพาดผ่านเรือนยอดไม้สูงใหญ่ เงาเงียบและลมหายใจของโลกสั่นไหวเบา ๆ ดอกไม้เรืองแสงตามพื้น ปลิวตามแรงลมเหมือนผงดาว แต่สิ่งที่อยู่ตรงกลางฉากนั้นทำให้เธอแทบลืมหายใจ

อะพอลโล… ไม่ใช่เลสเตอร์ ไม่ใช่มนุษย์วัยรุ่นผมฟู แต่เป็นเทพเจ้าตัวจริง สูงสง่า สวมเสื้อคลุมกรีกโรมันสีขาวทอง ผิวของเขาส่องแสงจาง ๆ เหมือนสว่างจากภายใน ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลและโทสะ มือข้างหนึ่งจับแขนของหญิงสาวคนหนึ่งไว้แน่น หญิงสาวคนนั้น... ดวงตาสีเขียวมรกต ผมสีน้ำตาลยาวสยาย และร่างของเธอกำลังค่อย ๆ กลายเป็นต้นไม้ “ท่านอะพอลโล... อย่า!” เสียงของหญิงสาวร้องอย่างทรมาน เนื้อไม้ค่อย ๆ กลืนเรือนร่างของเธอจากปลายนิ้วขึ้นมา ใบไม้แตกผลิแทนเส้นผม รากไม้แทงลงพื้นแทนปลายเท้า โมนีก้าอ้าปากค้าง เธอจำตำนานนี้ได้ดี ดาฟเน่ หญิงสาวผู้หนีจากรักของเทพดวงอาทิตย์ แต่ตอนนี้เธอกลับเห็นมันเกิดขึ้นต่อหน้า ดวงตาของดาฟเน่หันมามองตรงมา เหมือนมองทะลุเส้นกั้นของห้วงฝันเข้าสู่ดวงตาของโมนีก้าโดยตรง แววตานั้นทั้งเศร้า โกรธ และขอร้องในเวลาเดียวกัน จนเธอไม่รู้ว่าควรทำอะไรนอกจากยืนนิ่ง แต่ก่อนที่เธอจะก้าวไป ภาพนั้นก็สั่นสะเทือนเหมือนเศษกระจกที่ถูกปาใส่พื้น แสงหมุนวนรอบตัว เสียงกระซิบของผู้คนดังขึ้นรอบด้าน เสียงของใครบางคนที่เธอจำได้ทันที มันคือเสียงของชายผมทองคนนั้น… "Promise me one thing. Whatever happens, when you get back to Olympus, when you're a god again... remember. Remember what it’s like to be human." เสียงนั้นดังก้องซ้ำไปมา และเมื่อแสงจางลงอีกครั้ง เธอเห็นอะพอลโลนั่งกลางป่าที่เงียบงัน ดวงหน้าเขาซีดสลัวเหมือนคนไร้ชีวิต เขาก้มหน้าลง มีเสียงของเจสันดังวนเวียนรอบตัวเขา เหมือนคำสาปที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่สิ่งที่ทำให้โมนีก้าชะงักจนหายใจไม่ออกคือสิ่งที่เริ่มปรากฏรอบตัวเทพดวงอาทิตย์ เงาร่างมากมายที่ค่อย ๆ โผล่มาจากความมืด แสงเรืองสีทองฉาบให้เห็นชัดว่ามันคือ... เธอ… ไม่ใช่เธอคนเดียว แต่หลายสิบ หลายร้อยโมนีก้าในสภาพที่แตกต่างกันไปอย่างสยดสยอง พวกเธอถูกจัดวางรอบตัวอะพอลโลราวกับเป็นผลงานศิลปะแห่งความผิดบาปที่เขากลัวจะสร้างขึ้นมา ร่างหนึ่งสวมเครื่องแบบของค่ายจูปิเตอร์ถูกแทงกลางลำตัวจนเลือดสีคล้ำไหลทะลัก เลือดนั้นไม่ได้หยดแต่ไหลเยิ้มช้า ๆ ไปตามชุดของเธอ ร่างนั้นยืนนิ่ง ดวงตาว่างเปล่าจ้องมองอะพอลโลด้วย ความว่างเปล่าที่บาดลึกยิ่งกว่าความเกลียดชัง มันคือความตายที่เปื้อนโคลนที่ย้ำความโหดร้าย อีกร่างถูกมัดตรึงกับเสาไม้ที่ไหม้เกรียม เปลวเพลิงสีส้มแดงกำลังกลืนกินร่างของเธอเสียงกรีดร้องไม่ใช่เสียงมนุษย์ แต่เป็นเสียงร้องที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการถูกทรมานให้ตายอย่างช้า ๆ ซึ่งทำให้โมนีก้าแทบจะกรีดร้องตาม มีร่างที่ใบหน้าชุ่มเลือดจากการถูกทุบตีจนเสียรูป ส่วนอีกร่างมีแผลเน่าเปื่อยจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นผิวหนังใด ๆ ร่างที่เจ็บปวดที่สุดคือร่างที่นั่งคุดคู้อยู่มุมหนึ่ง ร้องไห้พร่ำเพ้อไม่หยุด น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวที่หนาวเหน็บจนเจ็บปวดถึงกระดูก “ทำไมถึงไม่รักฉัน...” “ทำไมต้องโกหกฉัน...” “ฉันทำผิดอะไร...” เสียงเหล่านั้นสะท้อนวนรอบป่า ดังก้องเหมือนเสียงของหัวใจที่แตกเป็นเศษแก้ว อะพอลโลนั่งนิ่งอยู่ตรงกลางท่ามกลางภาพนรกนั้น ดวงตาสีฟ้าเจือแสงทองของเขาไม่มองใครเลย ไม่แม้แต่หนึ่งในร่างของโมนีก้าเหล่านั้น แต่ความเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจากเขาหนักหนาจนเธอแทบยืนไม่ไหว มันคือโทษทัณฑ์ของเทพผู้เคยทำลายหัวใจผู้อื่น และต้องอยู่ท่ามกลางเสียงโศกของผู้ที่เคยหลั่งน้ำตาเพื่อเขา โมนีก้าตัวจริงที่ยืนอยู่ด้านหลังมองเห็นทุกอย่าง เห็นความสับสน ความสำนึก ความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยพูดออกมา เธอยกมือขึ้นแนบปาก น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว เธออยากกรีดร้อง อยากวิ่งเข้าไปปลุกเขา อยากบอกให้เขาหลุดพ้นจากฝันร้ายนี้แต่เท้ากลับเหมือนถูกตรึงไว้ ร่างของโมนีก้านั้นสั่นไหว ความฝันเริ่มบิดเบี้ยวราวกับโลกกำลังจะกลืนเธอกลับลงไปอีกครั้ง ทว่า… ต่อมาที่ลมหายใจของป่าหยุดนิ่งชั่วเสี้ยววินาทีเมื่อเขาหันมา ดวงตาสีฟ้าเจือทองของอะพอลโลแสงที่เคยเชิดตัวเองจนท้องฟ้าเอือมระอา พลันสั่นวูบอย่างไม่คุ้นชินเมื่อเจอเงาของเธอยืนอยู่เบื้องหลัง โมฆะแห่งฝันสั่นไหวรอบขอบภาพราวไอน้ำเหนือหินร้อน เขาเหมือนกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างความจริงกับเล่ห์ลวงของนิทรา แววลังเลนั้นสะท้อนอยู่ในนัยน์ตา ลึกและเจ็บ เหมือนคนที่เพิ่งตระหนักว่าตนเองจำเป็นต้องเชื่ออะไรสักอย่างเพื่อมีชีวิตต่อไป แต่ไม่รู้จะเริ่มเชื่อจากตรงไหน โมนีก้าก้าวเข้าไปหาเขา เธอเดินช้าและระวังเหมือนกำลังก้าวบนผิวน้ำ แขนเสื้อของเธอถูกลมสีเงินพัดกระเพื่อม กลิ่นไลแลคอุ่นหวานซึ่งเป็นของเธอเสมอ ค่อย ๆ แทรกผ่านหมอกฝัน เธอเงยหน้า มองใบหน้าที่หล่อเกินเหตุจนใจเธอเต้นผิดจังหวะ ไม่ใช่เลสเตอร์ที่ผมฟูและโวยวายเรื่องสิว แต่คือดวงอาทิตย์ในฉลองพระองค์ขาวทอง ผู้ดูราวกับฤดูกาลผลิบานทั้งสี่เดินเข้ามาซ้อนทับกันบนบ่ากว้างคู่นั้น เธอไม่เคยชินหรอก แต่ก็ไม่ถอยไปไหน ปลายนิ้วของเธอแตะที่แนวกรามอันคมชัด ค่อย ๆ ลูบขึ้นข้างแก้มเหมือนเกลี่ยคลื่นเล็ก ๆ บนผืนน้ำ เธอเกลี่ยบางสิ่งที่ไม่มีอยู่หยาดน้ำตาที่ฝันยังไม่ยอมให้ร่วง แต่หัวใจรู้ดีว่ามันค้างอยู่ตรงนั้น ความหนักของมันสั่นปลายมือเธอจนรับรู้ได้ในเนื้อหนัง เงาไม้เหนือศีรษะไหววูบ และกับความเงียบที่เกิดขึ้นนั้น เธอได้ยินหัวใจของอีกฝ่ายแกว่งเหมือนลูกตุ้มที่เพิ่งถูกหยุดด้วยฝ่ามืออุ่น ๆ ดวงตาของอะพอลโลเบิกกว้างน้อย ๆ ไม่ใช่เพราะแสงสาดจากตัวเขาเอง แต่เพราะในเงาวาวของสีทองนั้นสะท้อนดวงตาเทาเงินของเธอกลับไป ดวงตาที่เคยแซวเขาจนเสียอาการ ดวงตาที่เคยหรี่ลงแล้วหัวเราะเบา ๆ เวลาคว้ามีดขึ้นไปฟาดก๊อบลินสามสิบตัวให้เป็นละอองทอง “ฉันอยู่ตรงนี้นะเห็นฉันไหม?” เธอพูดเสียงเรียบเบาหวานแต่ชัดเจน คล้ายสายธารที่ไหลทับหินจนหินยอมกลม “ฉันยังไม่ตายนะ ฉันยืนอยู่ตรงนี้” ลมหายใจของป่าเบาอย่างยอมจำนน “ฉันยังยืนอยู่ข้าง ๆ นายใช่ไหม?” คำว่า ข้าง ๆ นั้นวางลงเหมือนเสาล่อฟ้า ปักกลางพายุคำสาปและเสียงสั่งเสียของคนตาย ดวงไฟสีทองในดวงตาเขากะพริบวาบ เหมือนพระอาทิตย์ที่เพิ่งยอมให้เมฆฝนแตะริมขอบ เธอขยับเข้าใกล้อีกครึ่งก้าว ฝ่ามืออีกข้างวางบนอกเสื้อคลุมที่ไร้น้ำหนักของเทพ แผ่วพอให้สัมผัสแรงเต้นที่ไม่ยอมเรียกตัวเองว่า หวาดกลัว แต่สั่นแบบนั้นแหละ สั่นอย่างคนที่กลัวการสูญเสียจนไม่เรียนรู้วิธีอยู่กับมัน “ต่อให้คุณเป็นมนุษย์หรือเป็นเทพ ฉันก็อยู่ตรงนี้” โมนีก้าเอ่ยเธอเงยหน้าขึ้นนิดเดียว รอยยิ้มเสี้ยวเล็กจงใจให้คล้ายตอนเธอหยอก แต่แผ่วกว่า อ่อนกว่า จนคำสุดท้ายจึงหลุดออกมาในโทนที่มีทั้งเล่นและปลอบ “ถ้าคุณไม่นอกใจฉันน่ะนะ ใช่ไหมคะ? พ่อหนุ่มพระอาทิตย์”

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 37670 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-8 14:11
โพสต์ 37,670 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-8 14:11
โพสต์ 37,670 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-8 14:11
โพสต์ 37,670 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก การควบคุมพืชขั้นสูง  โพสต์ 2025-11-8 14:11
โพสต์ 37,670 ไบต์และได้รับ +12 ความกล้า +9 ความศรัทธา จาก การควบคุมธรนี  โพสต์ 2025-11-8 14:11
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้