12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: God

[มหาสมุทรอินเดีย]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-11-19 13:22:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 17 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ตลอดทั้งวัน ณ มหาสมุทรอินเดีย


คลื่นทะเลยามเย็นค่อย ๆ กลืนแสงสุดท้ายของวันลงไปทีละชั้นจนทั่วทั้งมหาสมุทรอินเดียถูกห่อหุ้มด้วยโทนสีฟ้าเข้มอมเทา เรือเฟอร์รี่ลำหรูที่ถูกล้อมด้วยหมอกหนามานานกว่าแปดวัน ในที่สุดก็ทะลุม่านทึบออกสู่ผืนทะเลเปิดได้อย่างสง่างาม เสียงเครื่องยนต์ดังมั่นคงขึ้น ราวกับตัวเรือเองก็โล่งใจไม่แพ้ผู้โดยสารทั้งสาม


ภายในห้องโดยสาร เดมิก็อดสาวลูกของไดโอนีซุสที่สู้จนแทบหมดสภาพเมื่อช่วงกลางวันนอนหลับปุ๋ยบนเตียงพับที่ซูกิจัดไว้ให้ ข้างกันนั้นซูกิเองก็กึ่งเอนตัวพัก แม้เธอจะเป็นลูกของเทพสงคราม แต่ผ่านศึกแรกที่แท้จริงแบบนั้นใครก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา โชคดีที่แอมโบรเซียช่วยฟื้นทั้งร่างกายและพลังใจได้ดีพอให้พักอย่างสงบ ส่วนโมนีก้า แม้จะรู้สึกเพลียไม่ต่างกัน แต่เธอเป็นคนเดียวที่ยังลุกขึ้นเดินไปยังดาดฟ้าเรือเพื่อยืนรับลมเย็นจัดที่ตีหน้าอย่างแรง ก่อนจะตรงไปหาอาดิตที่กำลังจับพวงมาลัยเรือด้วยสีหน้าเคร่งครัดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา


“คุณอาดิตคะ…ตรงนี้เราอยู่ที่ไหนแล้วคะ?” โมถามทันทีเพราะความกังวลเริ่มจุดพุ่งในหน้าอก เธอจำเวลาเริ่มงานได้แม่นราวกับมีนาฬิกาปฏิทินติดอยู่ในสมอง


อาดิตเหลือบมองมาตามสไตล์คนใจเย็นแต่สีหน้าก็จริงจังขึ้น เขาตอบเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย–อินโดที่ฟังชัดเจนขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาเครียด “Looks like we’re back at the same coordinates from this morning. The fog didn’t move us far… just trapped us in circles. It’s evening now. A few hours until nightfall.”


โมนีก้าชะงักไปสามวินาทีเต็ม ก่อนที่ตาจะเบิกกว้างแล้วปากก็อ้าอย่างลืมตัว ความเงียบหนึ่งอึดใจตามมาด้วยเสียงร้องในใจอันดังที่สุดเท่าที่เธอเคยมี งาน The Grand Brumalia 2025 ที่เธอเป็นผู้จัดงานหลัก จะเริ่มวันที่ 24 พฤศจิกายน และตอนนี้คือ… 17 งั้นหรอ!!  ไม่ว่าจะวันไหน มันชัดเจนอย่างหนึ่ง เธอจะไปไม่ทัน


โมนีก้าที่รู้ก็แทบสิ้นชีพพึมพำเบา ๆ ถึงขั้นเสียงสั่น “ตายแน่…ฉันต้องตายแน่ ๆ ลูคัสคงฆ่าฉันตายแน่เลย…”


อาดิตยักไหล่หนึ่งครั้งอย่างคุ้นเคยก่อนถามกลับอย่างตรงไปตรงมาตามประสาคนเห็นปัญหาแล้วแก้ให้ทันที “You need to be there that urgently? If yes… I can make the trip faster.”


โมนีก้าหันควับ “ได้เหรอคะ?! เร็วสุดคือกี่วันคะ?!”


อาดิตคิดไม่ถึงสามวินาที มือยังคงประคองพวงมาลัยอย่างมั่นคงแล้วพูดแบบสบาย ๆ “Normally it would take longer. But if I push this ship at maximum efficiency… seven to eight days.” โมนีก้าแทบกรี๊ดลั่นจนซูกิกับเดมิก็อดในห้องข้างในคงสะดุ้งได้ ถ้าเธอไม่รีบยกมือปิดปากตัวเองไว้ก่อน เหงื่อเย็นหยดลงสันหลังทันทีเพราะคำนวณในหัวแล้วมันเป๊ะเหลือเกิน หากใช้เวลาเจ็ดถึงแปดวัน… จะถึงเช้าวันที่ 24 พฤศจิกายน พอดีเป๊ะ


โมนีก้าแทบจะยกมือขึ้นไหว้อาดิตตรงนั้น เธอกลืนน้ำลายแล้วพูดอย่างจริงใจที่สุดเท่าที่เคยพูดกับใครบนเรือ “อาดิตคะ…ถ้าคุณทำได้ ฉันจะกราบจริง ๆ นะคะ คุณคือเทพผู้ช่วยชีวิตฉันกับงานทั้งค่ายเลยอ่ะ”


อาดิตหัวเราะเบา ๆ แบบคนภูมิใจในตัวเองนิด ๆ “Then relax. I’ll get you there. On time.” เขาพูดพลางเร่งเครื่องยนต์จนเสียงฮัมของเรือดังขึ้นหนักแน่นกว่าเดิม คลื่นที่ปะทะหัวเรือแตกเป็นฟองสีขาวสวย ภาพทะเลยามเย็นค่อย ๆ ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง โมนีก้ายืนพิงราวเรือ ลมหอบอุ่นพัดสอดผ่านเส้นผมและกลิ่นไลแลคและเบอร์รี่ของเธอลอยปะปนกับไอทะเล เธอเงยหน้า มองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นม่วงครามยามราตรีและปล่อยให้หัวใจที่ผูกปมตึงมาตลอดวันค่อย ๆ คลายลง

เดินทางวันที่ 01


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20002 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-19 13:22
โพสต์ 20,002 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-11-19 13:22
โพสต์ 20,002 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต  โพสต์ 2025-11-19 13:22
โพสต์ 20,002 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-19 13:22
โพสต์ 20,002 ไบต์และได้รับ +15 EXP +15 เกียรติยศ +20 ความศรัทธา จาก น้ำหอมเฮคาที  โพสต์ 2025-11-19 13:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-21 10:59:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 18 - 21 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ตลอดทั้งวัน ณ มหาสมุทรอินเดีย


แสงอาทิตย์ของวันใหม่ค่อย ๆ ละเลงผิวน้ำเป็นประกายเงินระยิบระยับ ยามเช้าที่ควรจะเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายตามแบบฉบับของเรือเฟอร์รี่ลำนี้ ซึ่งตอนนี้มีลูกเรือเพิ่มขึ้นหนึ่งคนที่ทั้งร่าเริง เสียงดัง และกวนประสาทแบบไร้ลิมิตจนซูกิแทบอยากกระโดดลงทะเลไปแช่ให้จมทั้งตัว บนดาดฟ้าเรือ อาดิตยังคงอยู่ในท่าสบาย ๆ มือหนึ่งจับพวงมาลัย อีกมือเคาะจังหวะไปตามเพลงอินเดียที่เขาร้องอย่างเมามันจนคลื่นยังเหมือนจะสั่นไหวไปตามจังหวะ เขาโยกตัวไปมาแบบคนที่มีความสุขกับชีวิตสุด ๆ ราวกับเมื่อวานไม่ได้เข้าไปเสี่ยงตายในเมืองโบราณที่ถูกหมอกลึกลับล้อมไว้แต่อย่างใด


โมนีก้านั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวริมดาดฟ้า ขาตวัดไขว่ห้างอย่างสง่างาม มือถือแท็บเล็ตอิคารัส มิเรอร์ของเดดาลัสกำลังเปิดหน้าสีสันสดใสของแผนผังงาน The Grand Brumalia 2025 เธอจัดการทุกอย่างจากระยะไกล ทั้งลิสต์ของขวัญ ของตกแต่ง รายการเต้นรำ ตารางแสงสีเสียง และรายชื่อคนที่จะพูดเปิดงาน ซึ่งมีชื่อของเธออยู่บนสุด แต่ตอนนี้หน้าจอกำลังเด้งข้อความไม่หยุดจนเธออยากขว้างมันลงทะเลให้รู้แล้วรู้รอด


“โอ๊ย…ฉันไม่ใช่ระบบคลังกลางนะคะทุกคน จะถามอะไรทีถามฉันคนเดียวทำไมเนี่ย” โมนีก้าบ่นพึมพำงึมงำทั้งคิ้วขมวด มือกดตอบข้อความแบบหัวหมุน แน่นอนว่าโดนลูคัสด่ายับ


ซูกิกำลังทำงานครัวบนดาดฟ้าอีกฝั่ง เธอหั่นปลาและผักอย่างคล่องแคล่วแม้สีหน้าเหนื่อยล้าจะยังไม่จางหาย เด็กหญิงวัย 13 ปีแต่มีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนนักรบเต็มตัว ใบหน้าเย็นชาและเข้มแข็งเหมือนเดิม แต่เมื่อหันไปมองโมนีก้ากำลังแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะงาน เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ “นี่แหละเพื่อนเรา…” ซูกิพึมพำ


ส่วนคนที่ทำให้บรรยากาศเสียงดังที่สุดตอนนี้ ลูกเดมิก็อดสายเลือดไดโอนีซุส กำลังยืนวิดพื้นบนพื้นเรือแบบไม่สนโลก “หนึ่ง! สอง! สาม! เฮ้ย นี่มันเรือหรูนะ ทำไมไม่มีดัมเบลล่ะเนี่ย! ฉันจะคลายกล้ามยังไงเนี่ย! พวกเธอมีองุ่นไหม ฉันอยากกินองุ่น! วู้!” เสียงเธอดังจนโมนีก้าเงยหน้ามองช้า ๆ เหมือนแม่ที่เหนื่อยเกินเยียวยา “เธอจะพักสักสิบนาทีไม่ได้เหรอ…”


“ไม่ได้! เด็กไดโอนีซุส ไม่มีคำว่าพัก! ชีวิตคือปาร์ตี้และกล้าม!” เธอประกาศด้วยเสียงสดใสเต็มพลังจนซูกิแทบสำลักปลาที่กำลังหั่น


โมนีก้าเอามือบังหน้า ก่อนจะพูดเสียงแผ่วแบบหมดมาด “ฉันกำลังจัดงานให้คนทั้งค่าย…ไม่ใช่การประกวดเพาะกายที่มีไวน์เสิร์ฟไม่อั้นนะคะ…” ซูกิแอบยิ้มขำ เธอหันมาบอกเพื่อนสาวเสียงทุ้มและเรียบ “โมนีก้า เดี๋ยวฉันดูแลเจ้าคนนี้เอง เธอตั้งใจทำงานไปเถอะ เธอต้องเปิดงานอีกไม่กี่วันแล้วนี่” โมนีก้าถอนหายใจยาวพลางผมสีน้ำตาลเข้มไฮไลต์ฟ้าปลิวไปตามลมทะเล “ขอบคุณซูกิ…เธอเป็นผู้กอบกู้ชีวิตฉันจริง ๆ นะ”


ในขณะที่มีแต่ความวุ่นวาย อาดิตที่ร้องเพลงอยู่หันมาพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย–อินโดทันทีเหมือนจะสื่อสารกับทุกคนในเรือพร้อมกัน “Everyone calm down! We will reach on time! I promised, and when Aditya Vishwakarma promises, he delivers!” แล้วเขาก็กลับไปร้องเพลงอินเดียต่ออย่างลั่นลำเรือราวกับเป็นคอนเสิร์ตกลางมหาสมุทร ลมทะเลอุ่น ๆ พัดผ่านพวกเขา เสียงหัวเราะ เสียงโวยวาย เสียงร้องเพลง และเสียงคลื่นประสานกันเป็นจังหวะของความมีชีวิตชีวา


วันต่อมาแสงสลัวของดวงจันทร์บนผืนน้ำมืดสนิททอดยาวเป็นริ้วสะท้อนเหมือนทางเดินเรืองรองที่นำพาเรือเฟอร์รี่ลำหรูแล่นไปกลางมหาสมุทรอินเดีย ท้องฟ้าไร้ดาวเพราะเมฆหนาทึบบดบังทุกอย่าง เหลือเพียงแสงจันทร์ซีดที่แหว่ง ๆ หยดลงบนผิวน้ำ ทำให้บรรยากาศค่ำคืนนี้น่าขนลุกกว่าปกติเล็กน้อย เสียงคลื่นสาดเบา ๆ กระทบผนังเรือราวกับกำลังเตือนว่ามีบางอย่างปะปนอยู่ในความเงียบนี้ แม้สามสาวจะคิดว่าตรวจตรารอบเรือเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่โมนีก้าก็ยังคงมองไปรอบมหาสมุทรมืดมิดอยู่ดี ก่อนที่เธอจะเบี่ยงสายตากลับมาที่ซูกิกับสาวค่ายฮาล์ฟบลัดสายเลือดไดโอนีซุสที่นั่งกอดถุงข้าวโพดคั่วแน่นรอหนังเปิดอย่างใจจดใจจ่อ


ทั้งสามทิ้งตัวลงบนเบาะนั่งในห้องพักรวมชั้นล่างสุดของเรือทีเดียว เพราะอาดิตหลับลึกไปแล้วหลังจากร้องเพลงอินเดียแบบจัดเต็มทั้งวันจนซูกิกับเดมิก็อดไดโอนีซุสบอกเป็นเสียงเดียวว่า “ถ้าเขาไม่เข้าประกวด The Voice India สักเวอร์ชันนี่คงผิดมาก” จึงเหลือเพียงสามสาวที่ตั้งใจจะพักสมองด้วยหนังอินเดียที่โมนีก้าหยิบมาเปิดและดันเป็นหนังสยองขวัญซะงั้น “ฉันบอกไว้ก่อนนะ ถ้าน่ากลัวมากฉันปิดตาตลอดเรื่องแน่ ๆ” โมนีก้ายื่นคำขาด ขณะซุกผ้าห่มอุ่นไว้บนตัก


ซูกิเหลือบตาแล้วตอบด้วยเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความขำแฝง “เธอเลือกหนังเองนะ โมนีก้า”


“ฉันเลือกเพราะนึกว่ามันเป็นหนังเทพ ๆ แบบ action fantasy ไงล่ะ ไม่คิดว่าจะเป็นสยองขวัญระดับประเทศแบบนี้นี่นา!” โมนีก้าบ่นหอบ ๆ ก่อนจะรีบหันหน้าหนีทันทีที่อินโทรสั้น ๆ ของ Tumbbad ปรากฏบนหน้าจอพร้อมดนตรีภารตะที่ฟังแล้วเหมือนลมพัดต้นไม้สั่นในยามมืด


สาวค่ายฮาล์ฟบลัดสายเลือดไดโอนีซุส ผู้มีกล้ามลอน ๆ แถมยังเสือกไม่ใส่เสื้อเต็มตัว ใส่แค่บราดำตัวเดียวเอนตัวเข้ามาข้างซูกิพลางพูดเสียงดังมากว่า “โอ้โห ไอ้ตัวฮัสตาร์นี่โคตรเท่อ่ะ!” โมนีก้าสะดุ้งดังปั้ง “ตรงไหนของมันที่บอกว่าเท่วะ! มันเละจะแย่แล้วเนี้ย กรี๊ดดด หน้าแดงเหมือนปูต้มแล้วเดินออกจากเกอเฮนน่ามาแบบนั้น!” ภาพในหนังที่ปรากฏบนหน้าจอพาให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศชวนสยอง ร่างของฮัสตาร์ ปรากฏช้า ๆ กล้ามเนื้อเป็นปื้นเลือดเหมือนเนื้อดิบที่ถูกฉีกออกจากกระดูก ใบหน้าเหมือนซากศพแต่มีดวงตาสีดำลึกตัดกับฟันคมหยักและรอยยิ้มพิกลที่ทำให้หัวใจบีบแน่น ซูกิเหลือบดูแค่เสี้ยววินาทีแล้วบ่นว่า “อืม ก็โอเค…น่ากลัวอยู่นิดหน่อย” 


แต่คนที่ไม่ใช่นิดหน่อยเลยคือโมนีก้าเธอกรีดร้องในลำคอ กอดผ้าห่มแน่นแล้วปิดหน้าแทบทั้งสองมือ “โอ้ยยยย ไม่เอาแล้ว! ไม่ดูแล้ว! ให้ตายสิ ทำไมอินเดียต้องสร้างหนังโหดแบบนี้ด้วยคะ!” สาวไดโอนีซุสหัวเราะลั่น “ไม่กลัวสุนัขทอง-เงินเฮเฟตัส แต่กลัวเจ้านี่เนี่ยนะ?”


“แน่นอน! อย่างน้อยสุนัขเฮเฟตัสมันเป็นโลหะ ไม่ใช่ก้อนเนื้อเลือดสด ๆ แบบนั้น!” โมนีก้าโวยขึ้น เสียงสั่นจนซูกิต้องลูบไหล่เธอเบา ๆ เพื่อให้เธอหายใจปกติหน่อย


หนังดำเนินไปจนถึงฉากครรภ์ของพระแม่ที่มีรอยแยกสีแดงเลือดรูปร่างเหมือนโพรงปีศาจ ฮัสตาร์โผล่หัวออกมาราวกับกำลังคลานออกจากนรกชั้นที่ลึกที่สุด ทั้งสามสาวผงะพร้อมกัน ยกเว้นซูกิที่หรี่ตาและยกน้ำขึ้นจิบอย่างเดียวไม่สะท้าน แต่โมนีก้าไม่ไหวแล้ว เธอปิดตารัว ๆ หายใจแรงเหมือนจะเป็นลม ก่อนจะคว้าหมอนมากอด “ไม่ไหวแล้ว! ฉันไม่โอเคกับซอมบี้ นรก ความเละเลือดสาดอะไรทั้งนั้น!”


สาวไดโอนีซุสพูดขึ้นเสียงดังจนเรือแทบสั่น “ไม่กลัวเทพ ไม่กลัวอสุรกาย แต่กลัวผีหนังอินเดีย! นี่มันตลกสุด ๆ เลยนะโมนีก้า!”

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันกลัวผี! กลัวแบบกลัวมากที่สุด! กลัวกว่าคณิตศาสตร์ฟิสิกส์สิบเท่าเลย!”

ซูกิพ่นลมหายใจยาว เสียงเรียบแต่มีแววเอ็นดู “งั้นคืนนี้เธอจะนอนกับฉันใช่ไหม?”

โมนีก้าพยักหน้าหงึก ๆ ราวลูกแมวกลัวฟ้าร้อง “ใช่…ฉันไม่ยอมนอนคนเดียวแน่นอน ถ้าฉันเห็นอะไรเดินสี่ขาออกมาจากมุมมืดฉันสาบานว่าฉันจะตายคาที่เลย…”
สาวไดโอนีซุสหัวเราะจนตัวงอ “เออ ๆ เอาล่ะ ๆ เดี๋ยวฉันนอนด้วยแล้วกัน ห้องนี้คงต้องรับคนกลัวผีเพิ่มอีกหนึ่ง”
โมนีก้าชี้หน้าเธอทันทีทั้งที่ยังตัวสั่น “แต่เธอห้ามเล่าเรื่องผีก่อนนอนนะ! ถ้าคิดจะแกล้งฉัน ฉันจะโยนเธอลงทะเลจริง ๆ นะ!”
“โอเค ๆ ไม่แกล้งก็ได้” แต่สีหน้าของเดมิก็อดสาวเชื้อสายไดโอนีซุสของบอกชัดว่ากำลังคิดแผนแกล้งอยู่เต็มร้อยจนซูกิต้องถีบขาเบา ๆ หนึ่งทีกดเตือนว่าอย่าแม้แต่จะคิด

หนังจบลงในที่สุด แต่โมนีก้ายังตัวสั่นพร่าเหมือนคนที่เพิ่งกลับมาจากนรก ตาจับจ้องทุกซอกมุมของห้องอย่างระแวงว่าไอ้ตัวแดง ฮัสตาร์ จะโผล่มาในเรือเมื่อไหร่ เธอไม่ยอมเดินไปไหนคนเดียวทั้งคืน แม้จะไปเข้าห้องน้ำยังต้องลากซูกิไปด้วย ค่ำคืนที่ควรเป็นค่ำคืนพักผ่อนจึงกลายเป็นค่ำคืนที่มีเสียงกรี๊ด เสียงสะดุ้ง และเสียงบ่นไม่หยุดของโมนีก้า ส่วนซูกิและสาวไดโอนีซุสก็ได้แต่นั่งหัวเราะจนท้องแข็ง เพราะใครบอกว่าโมนีก้าเก่งทุกเรื่อง ไม่จริงเลย เพราะเรื่องผีคือจุดอ่อนขนาดใหญ่ที่สุดแบบที่ไม่มีพลังเทพหรือพลังพืชไหนช่วยได้จริง ๆ

[TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ

พูดคุยกับ TGC ความสนิทสนม +7

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ TGC +5

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10

(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ เพิ่มขึ้น 22 โพสต์ 2025-11-21 11:15
God
คุณเจอดราเคนโผล่มาเหนือน้ำด้วยความกราดเกรี้ยว จู่โจม  โพสต์ 2025-11-21 11:15
โพสต์ 40427 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-21 10:59
โพสต์ 40,427 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-11-21 10:59
โพสต์ 40,427 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต  โพสต์ 2025-11-21 10:59
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-22 18:04:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 22 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ตลอดทั้งวัน ณ มหาสมุทรอินเดีย


วันต่อมาช่วงกลางวันเหมือนจะปกติทุกคนในเรือต่างใช้ชีวิตตามปกติจริง ๆ อาดิตขับเรือและร้องเพลงอินเดียไปด้วย ส่วนซูกิและเดมิก็อดเชื้อสายไดโอนีซุสก็พักผ่อนตามประสาของตัวเอง โมนีก้าก็ทำงานและพักผ่อนเหมือนกัน ช่วงกลางคืนทั้งโมนีก้า ซูกิและเดมิก็อดไดโอนีซุสก็แบ่งเวรยามกันเฝ้าเรือระหว่างที่อาดิตหลับสบายกับหมอนข้างลายดาราสาวของเขา แต่ดูเหมือนว่าโมนีก้าและซูกิจะเจอแจ็คพอตเสียแล้วในคืนนี้ 


แสงจากฟ้าค่ำที่ซีดสลัวเหนือผืนน้ำเปิดเผยสัญลักษณ์แรกของความวิบัติในค่ำคืน—ผิวน้ำที่ควรนิ่งกลับสั่นสะท้านขึ้นราวกับมีบางสิ่งกำลังโผล่พ้นขอบมหาสมุทรอินเดียอย่างเชื่องช้าแต่ทรงพลัง สายลมเย็นจัดพัดเข้าปะทะเรือเฟอร์รี่จนผ้าโค้ทของโมนีก้าปลิวสะบัด เธอกำแท็บเล็ตไว้ในมือแน่น แล้วค่อย ๆ เงยหน้ามองท้องทะเลตรงหัวเรือด้วยลางสังหรณ์บางอย่างที่เริ่มบีบรัดหัวใจ ก่อนที่มันจะปรากฏขึ้นมาเต็มสองตาเหมือนคำสาปที่ไม่มีใครต้องการพบเจอในยามค่ำคืนเช่นนี้


เงาสีดำมะเมื่อมค่อย ๆ โผล่พ้นผืนน้ำ แล้วสาดหยดน้ำทะเลขึ้นสูงราวกับฝนถูกสาดจากพื้นท้องทะเลเอง หนวดขนาดมหึมาเส้นหนึ่ง เขียวทะมึนและเต็มไปด้วยเม็ดดูดจำนวนมหาศาล ดีดฟาดขึ้นมาจากน้ำด้วยเสียงดังแข็งกร้าวเหมือนต้นไม้ยักษ์ถูกโค่น ซูกิที่ยืนคุมเวรยามอยู่ฝั่งขวาของดาดฟ้าเรือชักหน้าเงยขึ้นทันที ดวงตาสีน้ำตาลตีแผ่ด้วยสัญชาตญาณของนักรบ เธอหรี่ตาแล้วสบถสั้น ๆ “เชี่ย…คราเคนนี่หว่า”


และมันไม่ใช่ตัวเล็ก ๆ แน่ แต่เป็นสัตว์ประหลาดระดับตำนานที่เขียนชื่อไว้ในบทสวดของนักเดินเรือทั่วโลก หนวดของมันยาวเท่าเสากระโดงเรือ บางเส้นใหญ่เท่าเสาซุง หนึ่งในนั้นฟาดผิวน้ำจนสาดกระเซ็นขึ้นมาถึงดาดฟ้า อีกเส้นยกสูงราวกับกำลังทดสอบว่าเรือลำนี้จะเหมาะกับการถูกบดหรือฉีกมากกว่า


โมนีก้าแทบอยากจะกรี๊ดออกมา เธอถอยหลังไปสองก้าวพลางรวบผมสีน้ำตาลเข้มไฮไลท์ฟ้าให้พ้นหน้า มือข้างซ้ายเหยียดไปแตะที่ข้อมือของตัวเอง ก่อนที่กำไลดาบสุริยคติจะแปรสภาพเป็นดาบสีทองขาวสว่างจ้าในอึดใจเดียว ลมหายใจของเธอสั่นระรัว แต่ความกลัวกลับกลายเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ทำให้เธอตั้งหลักอย่างรวดเร็ว


“ซูกิ! ปกป้องเรือ ฉันจะจัดการมันเอง!” โมนีก้าตะโกน

ซูกิหันขวับมาอย่างไม่เห็นด้วยทันที “คราเคนไม่ใช่พวกลูซก้านะโว้ย มันใหญ่กว่านั้นสิบเท่า!”

“ฉันรู้!” โมนีก้าตอบกลับทันทีโดยไม่คิดช้า “แต่มันจะดีกว่านี้ไหม ถ้าเรือเราไม่โดนฟาดเป็นแพนเค้กก่อน!? เอาเรือไว้ ฉันจะล่อมันออกไป!”


ยังไม่ทันที่ซูกิจะเถียงต่อ สาวเดมิก็อดลูกไดโอนีซุสที่เพิ่งฟื้นจากบาดแผลข้างในห้องพักก็โผล่หน้าออกมาอย่างงง ๆ ผมสีเข้มยุ่งเป็นกระเซิง เธอยกมือขึ้นบังแสงจันทร์มองคำรามของสัตว์ใต้ผืนน้ำแล้วทำตาโตด้วยความประหลาดใจที่เกือบจะเป็นความเมา “โอ้ พระบิดา…นั่นมันหมึกหรือเกาะวะ?” ไม่ทันมีใครตอบ หนวดอีกเส้นก็พุ่งขึ้นมาสูงเหนือเรือจนเงาของมันบดบังแสงจันทร์เกือบทั้งหมด ราวกับผืนฟ้าถูกฉีกออกครึ่งหนึ่ง แล้วฟาดลงน้ำดังสนั่นจนเรือลำหรูสั่นสะเทือน โมนีก้ากัดฟันแน่น พลังสีทองเริ่มลุกวาบขึ้นในดวงตาของเธอ เนตรแห่งฟีบี้ เริ่มทำงานตามสัญชาตญาณปกป้องเธอทันที


หัวใจโมนีก้าเต้นแรง แต่คำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวมีเพียงหนึ่งคำเท่านั้น เลสเตอร์… ฉันไม่เคยสู้คราเคนนะโว้ย

แต่แน่นอน…ตอนนี้เธออยู่ไกลเกินกว่าที่จะมีเทพพระอาทิตย์โผล่ลงมาช่วยได้ โมนีก้าถอนหายใจสั้น ๆ อย่างหงุดหงิดปนตื่นกลัว แล้ววิ่งพุ่งตรงไปยังหัวเรือโดยไม่ลังเล

สายลมกลางคืนตีหน้าเธอแรงจนแสบแก้ม คลื่นกระแทกทงเรือสะท้านไปถึงพื้นรองเท้าของเธอ ดาบสุริยคติส่องประกายสีทองขาวตัดกับท้องฟ้ามืดสนิทเหมือนแสงดาวถูกควักลงมาถือไว้ในมือมนุษย์ เธอยกดาบขึ้นเหนือศีรษะ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วร้องสั่งซูกิอีกครั้งด้วยเสียงชัดเจนมั่นคง “ดูแลเรือ ฉันจัดการเอง!”


คราเคนคำรามเสียงทุ้มต่ำจนพื้นเรือสั่นสะท้าน แล้วเหวี่ยงหนวดตรงมาที่โมนีก้าเต็มแรง โมนีก้าสูดลมหายใจ แล้วพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวตาย ดาบของเธอเฉือนผ่านอากาศ ก่อนฟาดเข้ากับหนวดเส้นหนึ่งจนประกายแสงสีทองกระจายกลางผืนน้ำ เธอเกือบล้ม แต่กัดฟันตั้งหลักใหม่ ท่ามกลางเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนทั้งเรือ คราเคนเงื้อหนวดอีกเส้นหวังจะกวาดเรือทั้งลำให้จม โมนีก้าตะโกนลั่นทั้งที่หัวใจเต้นรัวอย่างโคตรกลัวแต่จำเป็นต้องเผชิญหน้า “อย่าแตะต้องเรือฉันนะเว้ย ไอ้ตัวเท่าตึก! ฉันยังต้องกลับไปทำกิจกรรมที่ค่ายนะยะ!”


ลมกลางคืนพัดซัดผืนทะเลอย่างรุนแรงราวกับเสียงโกรธแค้นของมหาสมุทรเอง กำแพงเถาวัลย์ของซูกิขยับตัวเป็นระยะด้วยแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากหนวดมหึมาของคราเคนซัดกระแทกเรือไม่หยุด ดาดฟ้าเรือสั่นสะท้านเหมือนจะถูกฉีกเป็นสองซีก แต่ซูกิยืนนิ่งดั่งเสาหิน แขนทั้งสองเหยียดออกประคองโล่ที่แข็งแรงดุจเหล็กค้ำยันด้านข้างไว้ทุกด้าน เธอสบถสั้น ๆ ผ่านไรฟันอย่างหงุดหงิด “ถ้าแกทำเรือพังนะ จะปาแกงกะหรี่ร้อน ๆ ใส่ตาเลย…” 


ส่วนเดมิก็อดสาวสายเลือดไดโอนีซุสก็ไม่แพ้กัน เธอชูกระบองไม้เถาวัลย์ของตัวเองขึ้นแล้วตะโกนใส่สัตว์ประหลาดใต้น้ำราวกับท้าทาย “เฮ้ย ไอ้หมึกยักษ์! นี่มันเรือเฟอร์รี่ ไม่ใช่สลัดบาร์ อย่าเอาหัวมาโผล่มั่วซั่วสิยะ!” หนวดเส้นหนึ่งฟาดเข้าใส่กำแพงป้องกัน แต่พลังของเธอทำให้เถาวัลย์ยิ่งพุ่งขึ้นแบบระเบิดตัวเองเป็นเครือไม้ใหม่สิบเส้นรัดมันไว้แน่นจนเสียงมันคำรามต่ำ ๆ ดังสั่นไปทั่วทะเล


โมนีก้ายืนกลางดาดฟ้าพร้อมดาบสุริยคติในมือ แสงสีทองขาวจากคมดาบสะท้อนผิวน้ำเหมือนแสงอาทิตย์หั่นทะเลออกเป็นริ้ว เธอหอบหนัก ริมฝีปากซีดเล็กน้อยจากการใช้พลังติดต่อกัน แต่ความโมโหกลับค่อย ๆ คุกรุ่นขึ้นแทนที่ความกลัว เธอเช็ดคราบน้ำทะเลออกจากแก้มแล้วชี้ดาบไปที่คราเคนอย่างหัวเสียสุดขีด “ถ้าฉันจัดการแกได้ ฉันจะไปถวายของให้เทพเนปจูนจนเต็มวิหารเลยนะเว้ย!! เอาให้พอใจจนไม่อยากฟาดใครอีกสักร้อยปี!”


เหมือนท้องทะเลได้ยินคำพูดนั้นจริง ๆ คลื่นที่เมื่อครู่ปั่นป่วนกลับค่อย ๆ เปลี่ยนทิศ ลมแรงด้านข้างจู่ ๆ ก็เหวี่ยงไปสนับสนุนทุกการเคลื่อนไหวของโมนีก้า เหมือนมหาสมุทรดันเรือไว้ไม่ให้พลิกคว่ำหรือถูกดึงลงใต้ผิวน้ำ และเหมือนพลังบางอย่างกำลังเปิดทางให้เธอหรือความบังเอิญก็ไม่ทราบได้


ซูกิที่เห็นเข้ายังต้องอุทานเบา ๆ “อย่าบอกนะ…ว่าเทพได้ยินจริง ๆหรือบังเอิญกันนะ?”


โมนีก้าไม่มีเวลาตอบ เธอกระโดดขึ้นขอบเรือก่อนพุ่งตัวลงกลางความวุ่นวายบนผืนน้ำราวกับสายฟ้า ความร้อนจากดาบสุริยคติฟาดลงกลางหนวดที่กำลังจะบดหัวเรือ เสียงแตกผ่ากระจายคล้ายเปลือกโลกถูกเฉือน เปิดทางให้เธอแทงคมดาบลงจุดสำคัญอีกครั้ง คราเคนคำรามก้องจนคลื่นสะท้อนเป็นวงกว้าง แล้วหนวดทั้งหมดก็กระตุกเหมือนถูกยึดร่างไว้ด้วยโซ่มากมาย


โมนีก้าออกแรงสุดท้าย ฟันเฉือนกลางลำตัวมันอย่างแรงจนประกายทองสาดกระจายไปทั่วผืนน้ำ เสี้ยวนาทีต่อมา ร่างสัตว์ประหลาดก็แตกออกเป็นละอองแสงสีทองลอยสลายหายไปบนคลื่นเหมือนฝุ่นแห่งตำนานที่ถูกปลดปล่อยจากคำสาป


ซูกิถอนหายใจพรืด “จบสักทีสินะ…”

เดมิก็อดสาวไดโอนีซุสยืนมือสั่น ๆ พลางหัวเราะอย่างโล่งอก “โอ้ย ฉันนึกว่าจะได้ไปถวายไวน์ให้พ่อที่ยมโลกแล้วนะ”

โมนีก้าที่สู้แบบหมดแรงจนหัวใจเต้นเหมือนจะหลุดออกจากอก กะพริบตาช้า ๆ ก่อนทิ้งตัวลงนอนหงายกลางดาดฟ้าเรืออย่างไม่สนโลก กลิ่นน้ำทะเลและไลแลคผสมกันจาง ๆ บนผิวกายเธอ เธอหอบหนักจนหน้าอกขึ้นลงแบบรวดเร็ว แต่ดวงตาเปล่งประกายแห่งความโล่งใจชัดเจน “โอ๊ย…ฉันเหนื่อย…จะตาย…” เธอบ่นเบา ๆ แบบคนหมดพลัง “เหนื่อยไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ว่าเยอะแล้วนะ…เนี่ย…บาดเจ็บจริงด้วย…”


ซูกิเดินมานั่งข้าง ๆ เธอแล้วพูดน้ำเสียงนิ่งแต่แฝงความห่วงใยเต็มที่ “แต่เรือรอด ทุกคนรอด เธอสุดยอดแล้วล่ะ”

โมนีก้าหรี่ตามองเพดานฟ้าที่มีแสงดาวเลือน ๆ ส่งผ่านหมอกกลางคืน เธอยิ้มบาง ๆ อย่างเหนื่อยล้าแล้วกลอกตาพูดเบา ๆ “ดี…จบแล้วใช่ไหม วันนี้…ไม่เอาอีกนะ ขอพักสักทีเถอะ…”
เดินทางวันที่ 6 แล้วโว้ยยยย

มีค่า LUK 120 หน่วย จะได้รับของดรอป x2

ได้รับ เนื้อคราเคน จำนวน 6 ชิ้น = 6 x 2 = 12 ชิ้น


สรุป ได้รับ เนื้อคราเคน 6 ชิ้น


+2 ตื่นรู้ จากการจำกัด คราเคน ครั้งแรก


[TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ

พูดคุยกับ TGC ความสนิทสนม +7

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ TGC +5

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10

(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)


แสดงความคิดเห็น

God
เธอรู้สึกคุณจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเขา หญิงสาวแนะนำตัวใหม่ เขาเป็นลูกหลานมรดกอีเดอเซีย  โพสต์ 2025-11-22 23:20
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ เพิ่มขึ้น 22 โพสต์ 2025-11-22 20:57
โพสต์ 45325 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-22 18:04
โพสต์ 45,325 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-11-22 18:04
โพสต์ 45,325 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต  โพสต์ 2025-11-22 18:04

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-23 03:41:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Moneka เมื่อ 2025-11-23 03:42

วันที่ 23 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ตลอดทั้งวัน ณ มหาสมุทรอินเดีย


รุ่งสางของวันที่ 23 ยามทะเลยังคลุมด้วยม่านฟ้าสีเทาเงินคล้ายคราบหมอกจาง ๆ โมนีก้านอนขดอยู่บนเตียงนุ่มในห้องโดยสาร เสียงคลื่นกระทบตัวเรือเบา ๆ เหมือนกล่อมให้เธอจมลึกลงในนิทรา หลังกายที่เพิ่งผ่านศึกกับคราเคนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังเจ็บ ๆ ล้า ๆ อยู่บ้าง แต่ความอ่อนแรงทำให้เธอผลอยหลับง่ายกว่าปกติ จนกระทั่งเสียง ติง! ติง! ติง! ติง! ติง! รัวระรัวเหมือนจะพังประสาทดังขึ้นกลางความเงียบสงัดของตีสี่


โมนีก้าสะดุ้งพลิกตัว มือควานหาแท็บเล็ตอย่างมึนงง รอยขมวดคิ้วบนใบหน้าที่เพิ่งตื่นยังไม่ทันคลาย พอเห็นชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอ เธอแทบจะกดรับสายด้วยสัญชาตญาณก่อนจะยัดหูฟังเข้าไป แต่ทันทีที่เสียงเชื่อมต่อสำเร็จ เสียงโวยวายดังลั่นใส่หูราวกับมีใครเอาเครื่องขยายเสียงมายัดเข้าหูเธอแรง ๆ


“โมนีก้า!!! ทำไมผมติดต่อคุณไม่ได้ตั้งเจ็ดวันเต็ม!!! เจ็ด! วัน! เลยนะ!!!”


เสียงเลสเตอร์ในโทนอะพอลโลเต็มที่ ดังจนเธอกรอกตาอัตโนมัติ ความง่วงปลิวหายเหมือนโดนสาดน้ำเย็นจัด ทั้งน้ำเสียง ทั้งอารมณ์ ทั้งการโวยวายไม่มีอะไรเบาลงเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเอามือป้องหูฟังแล้วพึมพำงัวเงีย “เลสเตอร์…เบาหน่อย…ฉันพึ่งตื่นนะเนี่ย…” แต่เขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เสียงยังพุ่งเป็นหอกอารมณ์ใส่เธอรัว ๆ


“คุณเข้าไปในเขตของพวกเทพฮินดูใช่ไหม!? คุณรู้ไหมว่าผมพยายามจะตามเข้าไปหา!? แต่กฎอาณาเขตเทพมันโคตรซับซ้อน! ผมข้ามไปไม่ได้! ไม่มีทางเลยนะ! คุณหายไปทั้งเจ็ดวัน! ผมเกือบคิดว่าคุณถูกอะสุระกลืนไปแล้ว!!!” โมนีก้านั่งตัวตรงช้า ๆ ระหว่างที่ฟังแฟนหนุ่มตัวเองโวยวาย ผมสีน้ำตาลเข้มไฮไลท์ฟ้าปล่อยหล่นลงบนบ่า หัวตายังหนักด้วยความง่วง แต่หน้าเธอกลายเป็นสี หน้าอึน+เหวอ ผสมกันไปหมด


“โอเค ๆ ใจเย็นก่อนนะเลสเตอร์…ฉันแค่…หลุดเข้าไปในม่านหมอกของนครทวารกาน่ะ…”


ปลายสายเงียบสนิทในหนึ่งวินาที เลสเตอร์ทำเสียงหายใจรวดเร็วหนึ่งทีคล้ายพยายามตั้งสติ แล้วตอบมาเบาลงนิดเดียว แต่ยังฟังออกว่ากำลังตีความความปลอดภัยของแฟนตัวเองแบบหน้าซีด “…ผมรู้แล้วน่า”


โมนีก้าเลยจิ้มหมอนข้างแล้วบ่นเสียงงง ๆ “ฉันนึกว่านายไม่เป็นห่วงฉันซะอีก…”

“โมนีก้า…ผมจะไม่เป็นห่วงคุณได้ยังไง คุณเป็น—”

“หยุดก่อน เดี๋ยวพูดอะไรเลี่ยน ๆ ใช่ไหม” เธอแทรกทันทีแบบไม่ต้องคิด

ปลายสายเงียบไปหนึ่งจังหวะ…เหมือนโดนจับได้ลาง ๆ “…ผมไม่ได้จะพูดแบบนั้นซะหน่อย!”

“อือ ๆ แน่นอนล่ะค่ะ คุณเทพพระอาทิตย์ผู้แสนหลงตัวเอง”

“คุณกำลังแซวผมอีกแล้วใช่ไหม โมนี่…คุณมันเป็นมิวส์ที่กวนใจที่สุดเท่าที่ผมเคยมีเลยนะ ผมจะปวดหัวตายเพราะคุณนี่แหละ…”


โมนีก้าหัวเราะหายง่วงไปครึ่ง “ไม่ต้องพูดให้ดูโรแมนติกหรอกน่า เอาล่ะฟังก่อนนะ เกิดอะไรขึ้นบ้างฉันเล่าให้ฟังทีเดียวเลย” โมนีก้าขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง เอาผ้าห่มคลุมขาไว้แล้วเริ่มเล่า ตั้งแต่หลงเข้าไปในม่านหมอกนครทวารกา พบอดิีตเมิก็อดโรมันคณะสำรวจคนอื่น ต่อสู้ฆ่าสุนักทองคำเงินเป็นกลไกลึกลับ รอดกลับเรือ รับทองคำจักรพรรดิ์สองพันก้อน ช่วยผู้รอดชีวิตจนถึงต่อสู้กับคราเคนเมื่อคืน ระหว่างฟัง เลสเตอร์นิ่งจนผิดปกติ เธอแทบจะได้ยินลมหายใจของเขาชัดเจน แถมบางตอนเขาเหมือนจะกลืนน้ำลายลงคอแบบคนหัวร้อนแต่กลัวไปพร้อมกัน


“…คุณบาดเจ็บกี่เปอร์เซ็นต์นะ?” น้ำเสียงเขาตึงเครียดจนเหมือนเส้นเอ็นจะขาด

“แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เองน่า เดี๋ยวก็หายแล้ว ก็ฉันเก่งไง~”

เลสเตอร์ถอนหายใจแรงเหมือนตั้งใจให้ได้ยิน “คุณอย่าพูดแบบนั้นสิ โม โทษที…ผมแค่…ผมเกือบเสียสติที่ติดต่อคุณไม่ได้ ผมไม่ชอบให้คุณหายไปแบบนี้เลย…”

“รู้แล้วค่ะคุณเทพจอมขี้หวง”

“ผมไม่ได้ขี้หวง ผมแค่—”

“หวงค่ะ นายหวงฉันมากด้วย” ปลายสายเงียบไปอีก แล้วเขาก็พึมพำแบบเบามากแทบไม่ได้ตั้งใจให้เธอได้ยิน “…ก็หวงจริงนั่นแหละ”


โมนีก้ายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าขาวซีดใต้ผมยุ่งยาวสะท้อนแสงหน้าจอเป็นประกายเล็ก ๆ กลิ่นไลแลคหวานบาง ๆ รอบตัวเหมือนยิ่งนุ่มขึ้นในอากาศยามฟ้าสาง “ตอนนี้ฉันปลอดภัยแล้วนะ เลิกทำหน้าเครียดได้แล้ว”


เลสเตอร์รีบเถียง “ผมไม่ได้ทำหน้าเครียด!”

“นายทำแน่นอน ฉันเห็นออกจากเสียงเลย”

“โมนีก้า…” น้ำเสียงเขาอ่อนลงจนแทบเป็นเสียงกระซิบ “ผมคิดถึงคุณมากนะ และผมรู้ด้วยว่าคุณจะต้องคิดถึงผมเป็นคนแรกตอนที่คุณเข้านครทวารกานั้นผมเลยต้องรีบโทรมาไง (ยาวอีกประมาณ 20 บรรทัดว่าทำไมโมนีก้าคิดถึงเขาและเขาก็อุสส่าโทรหาเธอ แน่นอนว่าเราจะไม่เขียนเพราะยากชิบหาย)”


โมนีก้าที่ได้ยินแบบนั้นก็กะพริบตาช้า ๆ หัวใจวูบหนึ่งทีเหมือนโดนดึงเชือกเส้นเล็ก ๆ ด้านใน แต่เธอพยายามทำหน้าตายเล่นตัวเล็กน้อยตามสไตล์ “เดี๋ยวกลับค่ายก่อนค่อยเจอกันนะคะ คุณพ่อหนุ่มพระอาทิตย์ของฉัน”


“ผมไม่ใช่พ่อหนุ่มพระอาทิตย์ของคุณนะผมเป็นเทพ…แล้วผมก็เป็นแค่เลสเตอร์ของคุณเท่านั้นแหละ”

“อืม ก็ของฉันนั่นแหละ” โมนีก้ายังคงบอกแบบนั้นจนเขาเงียบไปหนึ่งจังหวะ ก่อนหลุดหัวเราะเบา ๆ แบบหมดแรง “คุณจะฆ่าผมด้วยความน่ารักของคุณจริง ๆ ใช่ไหมโมนีก้า…”


“ก็อาจจะเป็นงั้นมั้ง?” หลังจากนั้นโมนีก้าก็ใช้หลังมือเช็ดขอบตาที่ง่วงงุนเล็กน้อยก่อนเอนหลังพิงหัวเตียง เสียงทะเลอ่อนโยนเหมือนจะค่อย ๆ ละลายความเหนื่อยล้าออกไปทีละชั้น เธอสูดลมหายใจเบา ๆ แล้วพูดกับเลสเตอร์ในสายด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าปกติเพราะเพิ่งตื่น แต่แฝงความอบอุ่นของคนที่คิดถึงอีกฝ่ายจริง ๆ “ตอนนี้ใกล้ถึงฝั่งแล้วนะ เลสเตอร์…อาดิตบอกว่าจะเร่งให้ พรุ่งนี้เช้าเราน่าจะถึงค่ายแล้วล่ะ” เธอพูดพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมไหล่เพราะลมทะเลยามเช้าทำให้เธอหนาวนิด ๆ “ยังไงเจอกันที่ค่ายนะ อย่าหายไปไหนล่ะ” ปลายสายเหมือนเงียบลงคล้ายเขากำลังตั้งใจฟังทุกคำของเธอ โมนีก้าใจเต้นหน่อย ๆ ก่อนตัดสินใจถามสิ่งที่คิดมาตลอดการเดินทาง


“แล้ว…เทศกาล The Grand Brumalia ที่จะมีวันที่ 24 นี้น่ะ ฉันอยากให้นายไปด้วยกัน” เสียงของเธออ่อนลงจนเกือบเป็นกระซิบ “กิจกรรมเยอะมากเลย ทั้งงานเต้นรำ งานไฟ งานศิลป์ แล้วก็…” เธอหยุดนิดหนึ่งเหมือนกำลังรวบรวมความกล้า


“…งานเลี้ยงใหญ่ The Feast of Immortals วันที่ 13 กับ 14 ด้วยนะ เป็นงานเลี้ยงที่ฉันตั้งใจจัดสุด ๆ ถ้านายมาได้…ฉันอยากชวนไปด้วยกันจริง ๆ นะ เลสเตอร์” หัวใจของเธอเหมือนโดนยกขึ้นไปอยู่ในลำคอ รอเสียงตอบกลับของเขาอย่างลุ้นจนแทบกลั้นหายใจ โมนีก้าก้มหน้ามองปลายผมที่หยักเล็กน้อยของตัวเองพลางบีบผ้าห่มเบา ๆ เธอไม่รู้หรอกว่าเลสเตอร์จะตอบยังไง แต่เธอหวังอยู่นะเนี้ย หวังมากกว่าปกติจนหน้าเริ่มร้อนนิด ๆ โดยไม่รู้ตัว


“…ไปด้วยกันไหม? ถ้านายว่าง (ขยายตัวใหญ่ ๆ)”


เดินทางวันที่ 7


ชวนเลสเตอร์ (อะพอลโล) ไปงานทำกิจกรรม The Grand Brumalia กับไปงานเลี้ยง (ตอบด้วยว่าตกลงไหม)


[NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ NPC +20
สรุปรวมค่าความสัมพันธ์ หาร 2 = โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ 12.5

(ไม่รู้แหละว่าได้ไหม แต่ลองใส่ดู มันคุยกันอ่ะ มันต้องได้สิวะ แต่ไม่ได้กลิ่นหอมก็เลยไม่มีค่าความหอม)

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-82] เลสเตอร์ ปาปาโดปูลอส เพิ่มขึ้น 12 โพสต์ 2025-11-23 11:20
God
ตกลง  โพสต์ 2025-11-23 11:17
โพสต์ 40712 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-23 03:41
โพสต์ 40,712 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 ความกล้า +5 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-11-23 03:41
โพสต์ 40,712 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต  โพสต์ 2025-11-23 03:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
โพสต์ 2025-11-24 08:22:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 24 เดือน พฤศจิกายน ปี 2025

ช่วงเช้ามืด เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป ณ มหาสมุทรอินเดีย


ฟ้ายังไม่ทันเปลี่ยนสีจากหมึกเข้มเป็นเทาเงินแห่งอรุณแรก เสียงระฆังเรือเบา ๆ ก็ปลุกชาวเรือทั้งสามให้ตื่นขึ้นพร้อมกลิ่นทะเลสดและลมเย็นที่พัดผ่านระเบียงด้านข้าง โมนีก้าขยับตัวขึ้นจากเตียงพร้อมหาวหวอดหนึ่ง มือข้างหนึ่งยังขยี้ตาปรือ ส่วนซูกิที่ลุกเร็วเหมือนทหารผ่านศึกก็ยืนผูกผมหางม้าอย่างกระฉับกระเฉงระหว่างที่ไอเย็นยามเช้าคลุมผิวเธอเป็นชั้นบาง ๆ เหมือนหมอก ท้องฟ้าเวลาเช้ามือที่นาฬิกาปรากฎช่วงเวลาเป็น 04.00 น. เงียบสงบจนน่าแปลกใจ แต่ชัดเจนว่ามันไม่ใช่ความเงียบของกลางทะเลลึกลับอีกต่อไป เพราะเส้นของขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มเผยริ้วสีเทาอ่อนที่ละลายเข้ากับเขียวหม่นของขุนเขาริมฝั่งบันยูวังงี นั่นคือสัญญาณว่าพวกเธอใกล้ถึงจุดหมายเต็มที และการเดินทางยาวนานกว่าแปดวันกำลังจะสิ้นสุดลงเสียที


ลูกสาวสายเลือดไดโอนีซุสหรืออย่างที่เธอประกาศตัวเองอย่างภาคภูมิว่าเป็นลูกหลานมรดกอีเดอเซีย ผู้แข็งแรงแต่สวมบรากับกางเกงวอร์มเท่านั้น เดินออกมาจากห้องพักด้วยใบหน้าสดใสแบบคนที่พลังชีวิตพุ่งขึ้นมาใหม่ทันทีที่รู้ว่ากำลังจะได้กลับฝั่ง เธอสูดลมหายใจแรงเหมือนจะดื่มกลิ่นทะเลให้หมดทั้งท้อง แล้วพูดเสียงดังชัดเต็มอารมณ์ว่า “ฉันอยากพักผ่อนจะแย่แล้วเว้ย จะลงดินสักที!”


โมนีก้าเลยหัวเราะเบา ๆ เพราะความกวนประสาทของเด็กบ้านนั้นยังคงไม่ลดลงแม้จะผ่านการเกือบตายมาหลายรอบแล้วก็ตาม ส่วนซูกิก็ยักไหล่พร้อมยิ้มมุมปากตามสไตล์คนเท่ที่ไม่ยอมรับว่าแอบดีใจเหมือนกันที่ได้เจอแผ่นดินอีกครั้ง


อาดิตที่นั่งหลังพวงมาลัยเรือในห้องควบคุม หันมาโบกมือให้พวกเธอแบบคึกคักเหมือนเพิ่งดื่มกาแฟสิบแก้ว เขาพูดด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย–อินโดที่ฟังแล้วอบอุ่นเหมือนแสงตะวันแรกของเช้า “Good morning, ladies! We are almost there. Just a little more and you’ll see Ketapang’s sweet coast, alright? Your trip with Captain Adit the Great… is coming to a glorious end!”


น้ำเสียงของเขาช่างเปี่ยมไปด้วยความคะนอง ความภูมิใจ และความเป็นกันเองที่ทำให้โมนีก้ากับซูกิหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้ อาดิตอาจจะขี้โม้ไปหน่อย ชอบออกรายการร้องเพลงแบบมโนอยู่เรื่อย แต่เมื่อถึงเรื่องขับเรือ โดยเฉพาะขับเรือหนีอสุรกายขั้นเทพ เขาเก่งจริงแบบไม่ต้องสงสัย มีแค่กัปตันเฮฮาบ้าพลังอย่างเขาเท่านั้นที่พาพวกเธอฝ่าม่านหมอกของทวารกาออกมาแบบไม่บุบสลาย แถมยังขับรวดเดียวให้ถึงก่อนกำหนดด้วย


“เขาเก่งจริง ๆ นั่นแหละ” ซูกิพึมพำพลางเดินไปล้างหน้า

“แต่โม้จริงด้วย เอาซะฉันเริ่มฟังสำเนียงอินเดียได้ละเนี้ย” โมนีก้าเติมด้วยเสียงล้อเลียนเบา ๆ

“ฉันว่าเขาหล่อดีนะ” ลูกสาวมรดกอีเดอเซียพูดจนโมนีก้ากับซูกิหันขวับ! ฮ่ะ?! 

“โม้คือพลังชีวิตของผมเลยนะ!” อาดิตหันมาตะโกนตอบหน้าตาเฉยด้วยเสียงอังกฤษเต็มขั้น อ้าว!! ไอ้หมอนี้มันกวนตีนมาตลอดเราะ


ทั้งสามสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมกัน เมื่อเรือเริ่มแล่นเข้าใกล้เงาของภูเขาและกลิ่นดินแผ่นดินใหญ่ก็เริ่มรุนแรงขึ้นทีละน้อย และท้องฟ้าเหนือพวกเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเทาเข้มมาเป็นสีทองอ่อนแห่งรุ่งสาง การเดินทางที่ผ่านทั้งความกลัว ความเหนื่อย ความตื่นเต้น และความหวังกำลังจะสิ้นสุดลง เพื่อเริ่มต้นวันใหม่ที่เต็มไปด้วยงานมหาโหดซึ่งชื่อว่า The Grand Brumalia 2025


ถึง สัก กะ ที โว้ยกหยฟง่นเอมำหงวเดส่าอำงกเ


[TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ

พูดคุยกับ TGC ความสนิทสนม +7

โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ TGC +5

กลิ่นหอมจาก น้ำหอมเฮคาที - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +10

(ทุกครั้งที่โรลเพลย์ลงท้ายด้วยเลขไบต์ 0 5 7 9 ทำให้ได้รับความโปรดปรานจาก NPC TGC SP Lares Satyr ได้รับความโปรดปราน+10)


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [TGC-10] อัสทริก เดวอน ซูกิ เพิ่มขึ้น 22 โพสต์ 2025-11-24 09:52
โพสต์ 20475 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-11-24 08:22
โพสต์ 20,475 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก แหวนเคลื่อนย้าย  โพสต์ 2025-11-24 08:22
โพสต์ 20,475 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต  โพสต์ 2025-11-24 08:22
โพสต์ 20,475 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก เนตรแห่งฟีบี้  โพสต์ 2025-11-24 08:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Vulcan's Ember
ควบคุมมด
การฟืิ้นฟูแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผืนป่าลวงตา
ใบขับขี่สากล
บอดี้สูทแบล็คชิฟเทอร์ส
ดาบสุริยคติ
Icarus Mirror
แหวนเคลื่อนย้าย
จำแลงร่าง
สร้อยข้อมือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต
เนตรแห่งฟีบี้
น้ำหอมเฮคาที
การควบคุมพืชขั้นสูง
การควบคุมธรนี
เข็มทิศ
รากพันธนาการ
หมวกเซนจูเรี่ยนกองร้อยที่ 2
สัมผัสแห่งชีวิต
พลังบงการความยาวของร่างกาย
โล่สคูทุม
รองเท้าเดินทัพ
เสื้อค่ายจูปิเตอร์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
กระซิบแห่งพงไพร
แหวนดาราจรัส(D)
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x6
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x23
x2
x5
x8
x3
x4
x6
x15
x7
x2
x1
x4
x4
x8
x2
x2
x2
x4
x6
x8
x7
x2
x1
x4
x1
x1
x4
x5
x10
x27
x2
x2
x9
x27
x3
x4
x3
x2
x25
x1
x1
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้