- 08:37PM. -
“นั่นใคร !?”
น้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดก้องไปทั่วบริเวณสโตนเฮนจ์อันเงียบสงัด ปลายคทาเวทที่ด้ามยาวจนน่าจะเรียกว่า ‘ไม้เท้า’ มากกว่าในมือเรียวบางเปล่งแสงเรืองรองพร้อมโจมตีใครก็ตามที่ไม่ประสงค์ดีต่อเธอ
คำถามคือ…เขาดูเหมือนพวกตัวร้ายในหนังอย่างนั้นเรอะ ?
“โว้ว ใจเย็น ใจเย็นก่อน ฉันมาดีน่า”
ซิลเวอร์รีบยกสองมือขึ้นระดับศีรษะเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แม้ว่าเครื่องประดับที่สวมใส่ข้อมือทั้งสองข้างของเขาพร้อมจะแปรสภาพเป็นอาวุธได้ทุกเมื่อก็ตาม
“……….”
ได้ยินเช่นนั้นดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็มองร่างสูงใหญ่ตรงหน้าไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างจับสังเกตและพิจารณา ดูเหมือนว่าสายตาของเธอจะหยุดลงตรงเสื้อยืดประจำค่ายที่ถูกเสื้อเชิ้ตสวมทับไว้และคทาเวทคบเพลิงข้างลำตัวที่เขาคาดไว้กับเข็มขัด
“ตรานั่น…นายมาจากค่ายฮาล์ฟบลัดงั้นเหรอ”
ดูเหมือนว่าสาวเจ้าคนนี้จะรู้จักค่ายฮาล์ฟบลัดเสียด้วย ซึ่งก็เป็นผลดีกับหนุ่มนักเวทจากค่ายแถบลองไอแลนด์ที่ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้ยืดยาว
“ถูกต้อง ขอโทษทีที่สีเสื้อค่ายฉันมันเจ็บจนแสบตาเธอไปหน่อย ฉันซิลเวอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มพรายพร้อมแนะนำตัว ซิลเวอร์ไม่คิดว่าเสื้อสีแป๊ดจนเป็นจุดเด่นของค่ายจะมีประโยชน์ก็วันนี้ ด้วยความที่คิดว่าภารกิจจะจบแค่ที่ประเทศไทยแดนเมืองร้อน เขาเลยเตรียมมาแต่เสื้อผ้าเนื้อบางเบาใส่สบาย
พอได้จับพลัดจับผลูมาที่ลอนดอนซึ่งอุณหภูมิลดลงจนอากาศเย็นเลยประสบปัญหาเสื้อผ้าไม่พอใส่ ครั้นจะให้มัวแต่ไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าใหม่ก็เสียเวลาเกินไป ด้วยไม่ใช่คนที่หยิบอะไรก็ได้มาเพื่อใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง เลยสวมใส่สิ่งที่มีอยู่ไปก่อน แล้วก็ช่างโชคดี (?) เสียเหลือเกินที่เขาคว้าเจ้าเสื้อยืดตัวนี้ยัดใส่กระเป๋ามาด้วย
“เซดี้ เคน ผู้ใช้เวท…”
หญิงสาวแนะนำตัวกลับเพียงสั้น ๆ อาวุธในมือถูกหันกลับไปยังผลึกไททันอีกครั้งก่อนจะเริ่มบริกรรมคาถาบทที่นักเวทแห่งค่ายฮาล์ฟบลัดไม่คุ้นหู ลำแสงสีขาวสาดออกจากปลายไม้เท้าที่สลักเสลาเป็นรูปนกอินทรีย์พุ่งไปยังก้อนผลึกกลางอากาศเหมือนก่อนหน้านั้น ก่อนที่เธอจะปรายหางตากลับมามองซิลเวอร์ด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่ตำหนิเด็กที่หนีออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านยามวิกาล
“ถ้าจะมายืนหล่อ ๆ แต่ทำตัวไร้ประโยชน์ก็ไปยืนตรงนู้น อย่ามารบกวนการทำงานของฉัน”
“อ้าว แม่คุณ ไหงพูดจาไม่รื่นหูงี้ ถ้าไม่ถูกวานให้มาจัดการเรื่องนี้แทน สาบานเลยป่านนี้ฉันตีรถไฟกลับนิวยอร์กไปนานแล้ว”
จากที่กำลังยิ้มโชว์ฟันขาวอยู่ดี ๆ พอเจอคำพูดนี้ไปหนุ่มนักเวทก็ถึงกับต้องหุบยิ้มแล้วยืนกอดอก ไร้ประโยชน์…เขาเนี่ยนะ ?
“นายถูกวานมา ? ใครกันล่ะ…คงเป็นเทพสักองค์ในโอลิมปัสงั้นสิ ถ้าให้ฉันเดา งานที่ต้องใช้พลังเวทแบบนี้คงหนีไม่พ้นเทพีเฮคาทีหรอก”
เซดี้ดูไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่มีผู้ใช้เวทโผล่มาอีกคนในสถานการณ์เช่นนี้ จะว่าไปก็ถือว่าฉลาดใช่เล่น เพียงแค่เห็นสิ่งของไม่กี่อย่างเธอก็สามารถเชื่อมโยงปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันได้
“เดาถูกหมดขนาดนี้ไม่ลองซื้อล็อตเตอรี่ดูล่ะ ฉันจะไม่แปลกใจถ้าคนถูกรางวัลที่หนึ่งเป็นชื่อเธอ”
แกล้งพูดเย้าหยอกกวนเบื้องล่างไปตามนิสัย ร่างสูงใหญ่ยักไหล่เล็กน้อย ฝ่ามือหนาหยิบคทาประจำตัวที่คาดไว้ตรงเอวออกมาถือด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ว่ามาเลย ฉันต้องทำไงมั่ง”
“นายเห็นผลึกไททันนั่นใช่ไหม เหมือนมีใครสักคนกำลังใช้มันดูดกลืนพลังจากสโตนเฮนจ์เพื่อนำไปทำอะไรบางอย่าง หน้าที่ของนายก็คือช่วยฉันทำให้ผลึกนั่นหมดฤทธิ์”
“แค่นั้น ? ฟังดูไม่ยากเท่าไหร่ เริ่มเลยแล้วกัน จะได้จบ ๆ ไป”
ซิลเวอร์ฟังข้อสันนิษฐานของเซดี้พลางมองไปยังผลึกสีดำเหลือบแดงโลหิตที่ยังคงเปล่งแสงเรืองรองกลางอากาศตัดกับลำแสงสีขาวซึ่งเป็นพลังของเซดี้อย่างพินิจพิเคราะห์
แม้จะสงสัยว่าใครคือผู้ครอบครองผลึกไททันก้อนนี้ และทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไร แต่สิ่งที่เขาควรทำมากที่สุดเวลานี้คือจบเรื่องนี้ให้ไว แล้วค่อยไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเทพีผู้เป็นมารดาทีหลัง ชายหนุ่มมั่นใจมากว่าการที่นางส่งเขามาที่นี่ แปลว่าต้องรู้อะไรบางอย่าง
“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ นายคงรู้ว่าคนที่สามารถครอบครองแถมยังใช้งานผนึกไททันได้ไม่น่าใช่คนธรรมดา ลำพังพลังเวทของฉันคนเดียวยังไม่สามารถหยุดการทำงานของมันได้ แต่ถ้าฉันกลับไปตามคนที่โนมให้มาช่วยคงไม่ทันการ แล้วนายก็โผล่มาพอดี”
“ก็งี้แหละ ฮีโร่ต้องโผล่มาตอนจุดไคลแมกซ์ของเรื่องอยู่แล้ว”
พอเห็นหญิงสาวถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ซิลเวอร์เลยกลอกตามองบนเซ็ง ๆ คนอะไรไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย ร่างสูงใหญ่โคลงศีรษะไปมา
แน่นอนเขารู้ดี สิ่งที่เรียกว่า ‘ผลึกไททัน’ ไม่ใช่หินธรรมดา ว่ากันว่าผลึกนี้เกิดขึ้นมาจากเศษเสี้ยววิญญาณของเหล่าไททันที่พ่ายแพ้ในสงคราม จึงอาจเป็นไปได้ว่าผลึกเหล่านี้กำลังรอเวลาที่จะถูกปลดปล่อยพลังงานแห่งความเคียดแค้นอันล้นหลามที่อัดแน่นอยู่ภายในออกมาในสักวันหนึ่ง
ดังนั้น ผู้ที่สามารถครอบครองและควบคุมพลังของผลึกไททันได้จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจอันแข็งแกร่งและเข้าใจในพลังอันแท้จริงของมันอย่างลึกซึ้ง มิเช่นนั้นก็จะถูกพลังของมันกัดกร่อนจนแม้แต่วิญญาณก็แทบสูญสิ้น
และจากการสนทนากับเซดี้รวมถึงความรู้ที่มีอยู่เดิม เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ซิลเวอร์รู้ว่าต้องใช้คาถาอะไรจัดการกับเจ้าหินนี่ดี
“จะไอ้เวรที่ไหนฉันไม่สน มาลองกันสักตั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าหินกิ๊กก๊อกนี่มันจะทนไม้ทนมือฉันแค่ไหน”
ฝ่ามือใหญ่หยิบเอาบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าหนังใบเล็กที่คาดกับเข็มขัดซึ่งอยู่ข้างลำตัวอีกด้าน ปรากฏเป็นขวดแก้วใบเล็กที่บรรจุแก่นวิญญาณเอ็มพูซาอยู่ภายใน
“อินคันตาเร่ เอาเฟโร ซาร์ซินา !”
ทันทีที่บริกรรมคาถาขจัดภาระเพื่อลบมนตร์ของใครก็ตามที่ร่ายใส่ผลึกหินจบ ลำแสงสีม่วงจากปลายคทาเวทก็เปล่งแสงหลอมรวมกับแก่นวิญญาณเอ็มพูซาจนกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงโชติช่วงพุ่งตรงไปยังผลึกไททันก้อนนั้นราวกับจะเผามันให้มอดไหม้เป็นจุณ
.
.
.
-25.06.01 / 01:28AM.-
ใช้เวลากว่าห้าชั่วโมง ในที่สุดความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล ผนึกไททันค่อย ๆ อ่อนแสงร่วงลงสู่พื้นแล้วแน่นิ่งไปไม่ต่างจากก้อนหินธรรมดา
“ฟู่ว…จบสักที”
นักเวทหนุ่มจากค่ายฮาล์ฟบลัดลดคทาเวทในมือลงแล้วปาดเหงื่อที่ไหลซึมลงมาตามขมับ เจ้าหินผลึกนี่ร้ายกาจใช่ย่อย จากตอนแรกที่คิดว่าใช้เวลาไม่นาน ไม่นึกว่าจะล่วงเลยมาจนป่านนี้ และเขาค่อนข้างใช้พลังเวทไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“ดูท่าจะยังนะ”
เสียงเรียบ ๆ ดังมาจากคนข้างตัว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเซดี้ยังจับจ้องอยู่ตรงจุดเดิมจนซิลเวอร์ต้องหันไปมองตาม
“ชิบหาย…ตัวอะไรโผล่มาอีกวะเนี่ย”
แม้จะจัดการกับผลึกไททันได้แล้ว แต่ท้องฟ้าบริเวณนั้นยังไม่มีทีท่าจะกลับมาสว่างไสวตามปรากฏการณ์รัตติกาลสูญหาย ซ้ำความมืดนั้นกลับบีบตัวกลายเป็นรอยแยกขนาดกว้างกลางอากาศ จากนั้นก็ปรากฏร่างของยักษ์น้ำแข็งสองตนพุ่งตัวออกมาจากจุดนั้น พวกมันคำรามโห่ร้องด้วยความไม่พอใจ
“ใครบังอาจทำลายแผนนายท่าน !”
“ยืนหัวโด่อยู่นี่ตั้งสองคนยังไม่เห็นอีกเรอะ !?”
แล้วก็เป็นซิลเวอร์เองที่สวนตอบไปทันควันด้วยความปากไว (และปากมอม) และจากการแสดงตัวเป็นศัตรูแบบสง่าผ่าเผย ทำให้เจ้ายักษ์ร่างฟ้าถลึงตามองผู้ใช้เวททั้งคู่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ยีเมียร์…? คงไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกนอร์สด้วยหรอกนะ”
เซดี้เลิกคิ้วด้วยความสงสัย ดูเหมือนเธอจะมีคลังความรู้เกี่ยวกับโลกแห่งทวยเทพในหัวมากมาย หลังจากจบเรื่องนี้ไปหญิงสาวคนนี้คงมีเบาะแสต่าง ๆ ให้สืบสาวราวเรื่องจนไปถึงคนบงการได้ไม่ยาก
แต่ช่างหัวคนชักใยข้างหลังไปก่อน ตอนนี้ควรจัดการเจ้ายักษ์ฟ้าตัวเขื่องสองตนนี่เป็นอันดับแรก ส่วนเขาซึ่งรับหน้าที่มาเพียงเท่านี้ พอจบงานนี้แล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปทางใครทางมันล่ะนะ
“ซิกมอนด์ !”
ทันทีที่เอ่ยนาม ร่างของแบล็คแพนเตอร์ก็ปรากฏกายขึ้นมาขวางหน้าระหว่างพวกเขากับยีเมียร์สองตนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“นายซัมม่อนสัตว์วิญญาณได้ด้วย ?”
เซดี้มองร่างเสือดำขนเงาเป็นมันตรงหน้าที่ตอนนี้พร้อมกระโจนใส่ยักษ์น้ำแข็งซึ่งถือกระบองขนาดใหญ่ไว้ในมือ
“Ja ! (ใช่ !) เจ๋งปะล่ะ”
นักเวทหนุ่มขานรับ น้ำเสียงเต็มไปด้ยความภาคภูมิใจในคู่หูสี่ขาของตนสุด ๆ แหงล่ะสิ เขาทำพิธีอัญเชิญด้วยตัวเองกับมือถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็มเชียวนะ
ยังไม่ทันได้อวดขิงอวดข่าอะไรมากกว่านั้น อยู่ ๆ บริเวณพื้นที่พวกเขายืนอยู่ก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย แต่ดูทรงแล้วไม่น่าจะใช่แผ่นดินไหวแน่ ๆ
กึง ! กึง ! กึง !
เสียงโลหะหนัก ๆ ราวกับเครื่องจักรกำลังทำงานดังขึ้นจากจุดที่ไม่ห่างไกลนัก พอหันไปมองตามเสียงก็เห็นร่างอันใหญ่โตราวรูปปั้นเฝ้าหน้าเทวสถานสีทองอร่ามอาวุธครบมือกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“เฮ้ออออ ไอ้นี่มันหุ่นยนต์เฝ้าโบราณสถานใช่ไหม ถามจริง…ตอนผลึกเวรนั่นมันทำงานมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนฮึ”
ฟิ้วววว !
คมหอกขนาดใหญ่พุ่งเฉียดหน้าซิลเวอร์ที่เบี่ยงตัวหลบทันในเสี้ยววิ หากช้ากว่านี้ไปอีกสักนิดเดียว เขาคงศพไม่สวยไปแล้ว แม้เจ้าหุ่นนี่จะเคลื่อนไหวช้าเหมือนลืมหยอดจารบี แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวของมันก็รุนแรงและทรงพลังมากพอถึงขนาดสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้
“เฮ้ย ! ผิดตัวแล้วโว้ย คนบุกรุกมันคือไอ้พวกนั้นต่างหาก !”
“พวกเราเข้ามาในยามวิกาลก็ไม่ต่างกันหรอกน่า”
เสียงนักเวทสาวขัดขึ้นมาจนซิลเวอร์ต้องหันขวับไปมองแล้วเบ้ปาก
“ให้มันได้อย่างนี้ อย่างน้อยก็หัดแยกแยะว่าใครมาดีหรือร้ายหน่อยสิวะ ช่วยไม่ได้ จัดการมันให้หมดนี่แหละ”
หนุ่มเยอรมันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ อย่าว่าแต่อสุรกายที่ไม่แยกแยะเลย ถ้าใครเปิดมาก่อนตนก็พร้อมตอบโต้ทั้งนั้นไม่ว่าจะฝ่ายไหน ทันทีที่เก็บคทาเวทลง กำไรข้อมือข้างขวาก็แปรสภาพเป็นปืนลูกโม่ผสานพลังเวทสั่งทำพิเศษ เรียวแขนเหยียดออกตรงจนสุด ปลายกระบอกเล็งไปยังเป้าหมายใหญ่โตตรงหน้าที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีทางพลาดเป้า
เพียงแต่ยิงให้โดนตรงไหนก็ได้มันง่ายเกินไป ยิงให้โดนจุดตายนี่สิท้าทายกว่า
“นิ่งไว้ นิ่งไว้ไอ้หนู”
ซิลเวอร์พึมพำบอกทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคู่ต่อสู้ไม่อาจได้ยินพลางหลับตาลงข้างหนึ่ง ดวงตาสีอ่อนอีกข้างมองไปยังร่างทองอร่ามไม่วางตาราวกับสัตว์ป่าจ้องตะครุบเหยื่อ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วอาศัยช่วงที่ร่างกายอยู่ในสภาวะนิ่งที่สุดจากจังหวะการหายใจออกลั่นไกปืนอย่างใจเย็นแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ปัง !
กลไกปืนในมือทำงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพียงแค่ปากกระบอกปืนชี้ไปทางไหนก็สามารถระบุประเภทเป้าหมายได้ทันที ลูกกระสุนชนิดเจาะเกราะพุ่งออกมาด้วยความเร็วแสงยิงทะลุส่วนข้อต่อแขนของหุ่นทองคำที่กำลังชักดาบซึ่งสะพายอยู่ด้านหลังจนชิ้นส่วนแขนท่อนนั้นร่วงลงพื้น
“วู้ว ! โคตรเจ๋ง !”
เสียงตะโกนดังขึ้นท่ามกลางผืนดินบริเวณนั้นที่สะเทือนเลื่อนลั่น เรื่องชมตัวเองเป็นงานถนัดของเขาอยู่แล้ว
ปัง ! ปัง ! ปัง !
เสียงปืนดังต่อเนื่องอีกสามนัด จนตอนนี้ทั้งแขนและขาของหุ่นยนต์ทองคำหยุดทำงาน ข้อต่อช่วงขาที่ถูกทำลายส่งผลให้มันอยู่ในท่าคุกเข่าอย่างไม่อาจควบคุมได้ กลายเป็นหุ่นกระป๋องหมดสภาพโดยสมบูรณ์
วิ้งงงง———
ซะเมื่อไหร่….
"ระบุพิกัด เตรียมยิง"
ดวงตาทั้งสองข้างของเครื่องจักรยักษ์เรืองแสงสีแดงวับ มันยังคงไม่สิ้นฤทธิ์เพียงแค่นี้ ข้างนึงเล็งมาที่กลางอกซิลเวอร์ ส่วนอีกข้างเล็งไปที่ศีรษะของผู้ใช้เวทสาว
“รีบจัดการเข้าสิ ! เดี๋ยวก็โดนยิงเลเซอร์ใส่กันไปหมดหรอก !”
เสียงเซดี้ตะโกนมาจากด้านหลัง เธอกำลังวุ่นอยู่กับการต่อสู้กับยักษ์น้ำแข็งอีกตัว
“ใจเย็นซี่แม่คุณ ฉันกำลังจะทำอยู่นี่ไง”
ชายหนุ่มยังคงทำทีเป็นใจเย็น เวลานี้หุ่นยนต์ตรงหน้าไม่ต่างอะไรจากเป้านิ่ง นี่คือการดวลปืนระหว่างเดมิก็อดกับสิ่งประดิษฐ์ของเทพนักสรรค์สร้างอย่างเฮเฟตัส แม้ทั้งเขาและเซดี้จะถูกเล็งตรงจุดอันตราย แต่กับคนที่เคยเฉียดความตายมานักต่อนักอย่างซิลเวอร์ ควินน์ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว
พนันกันได้เลย ไม่ใช่เขาและเธอที่ต้องตาย
ปัง !
วี้——— !
บึ้มมม !!
เสียงระเบิดดังขึ้นจากตรงจุดที่เซดี้อยู่ ซิลเวอร์ที่ลั่นไกปืนแล้วหมอบกลิ้งตัวหลบไปด้านข้างได้ทันเวลากับที่หุ่นยนต์ทองคำยิงเลเซอร์พลังงานพอดี
“ฮะฮ่า ! แม่นกว่านี้ก็สไนเปอร์แล้วเว้ย”
เขาคุกเข่าในท่าชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อดูผลงานตัวเอง แน่นอนว่าระดับนี้แล้วไม่มีพลาด กระสุนชนิดพิเศษเจาะเกราะทองคำเข้าทำลายแกนพลังงานของหุ่นร่างมหึมาจนมันแน่นิ่งไป ร่างทั้งร่างสลายเป็นประกายฝุ่นผงสีทองเหลือไว้เพียงสินสงครามเพื่อรอวันประกอบร่างขึ้นมาใหม่ในอีกหนึ่งเดือนถัดไปนับจากนี้
“หนอย นายจะฆ่าฉันหรือไงฮะ !”
“โอ๊ย !”
อยู่ ๆ ก็มีลูกถีบฟ้าประทานลอยมาจากด้านข้าง เซดี้กระโดดถีบเข้าที่ไหล่ของซิลเวอร์เต็มแรงจนล้มไปกับพื้น
“อะไรวะ ! พวกผู้ใช้เวทอียิปต์ตอบแทนคนที่ช่วยไว้แบบนี้งั้นเรอะ”
คนล้มลงไปโวยวายใส่ เด้งตัวขึ้นมานั่งปัดฝุ่นตรงที่เพิ่งถูกประเคนเท้าใส่พร้อมถามอีกฝ่ายที่เดือดดาลไม่แพ้กัน
“อย่ามาเหมารวม ฉันทำแบบนี้เฉพาะกับพวกคนแย่ ๆ เท่านั้น ถ้าสัตว์อัญเชิญของนายไม่คาบฉันหลบออกมาป่านนี้หัวฉันเละไปแล้วไหม”
เซดี้ชี้ไปยังแบล็คแพนเตอร์ที่นั่งส่ายหางช้า ๆ มองมาทางซิลเวอร์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนผู้เป็นเจ้าของก็ได้แต่กลอกตามองบนหนึ่งรอบถ้วนแล้วยกสองมือขึ้นระดับศีรษะตนเองเป็นเชิงบอกให้เธอใจเย็นลงแล้วเริ่มอธิบาย
“โอเค้ ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้า โอเคไหม งั้นขอโอกาสให้ฉันได้อธิบายหน่อย ฉันกับซิกมอนด์ ใช่ เจ้าเสือดำตัวนั้นนั่นล่ะ เราทำงานทีมเดียวกัน ฉันทำ ฉันคิดอะไร เขารู้เท่าทันฉัน เพราะงั้นฉันยิง ไอ้หุ่นนั่นยิง ซิกมอนด์พาเธอหลบ ไอ้ยักษ์ฟ้านั่นโดนระเบิดหัวแทน เข้าใจไหมครับ คุณผู้หญิง”
เสียงทุ้มเน้นคำสุดท้ายอย่างจงใจ ดวงตาสีอ่อนที่มองสบดวงตาสีน้ำเงินเข้มเจือแววกวนเบื้องล่างตามนิสัยอย่างปิดไม่มิด เซดี้จะโกรธก็ไม่แปลก ด้วยความที่เธอไม่สามารถสื่อสารผ่านทางจิตและอ่านความคิดของเขาได้อย่างที่ซิกมอนด์ทำ
แน่นอนว่าก่อนจะลงมือ ทุกอย่างล้วนถูกวางแผนตามขั้นตอนเป็นอย่างดีในหัวซิลเวอร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการยิงตามข้อต่อของหุ่นยนต์ทองคำเพื่อถ่วงเวลารอให้ซิกมอนด์จัดการยีเมียร์เสร็จตนหนึ่ง รวมไปถึงจังหวะในการยิงแกนพลังงาน และให้ซิกมอนด์คาบคอเสื้อด้านหลังพาตัวเซดี้ที่กำลังต่อสู้กับยีเมียร์อีกตนออกมายังจุดปลอดภัยในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ยักษ์น้ำแข็งเคราะห์ร้ายตนนั้นโดนลำแสงเลเซอร์ที่ไว้ใช้จัดการกับผู้บุกรุกโจมตีแทน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ
และจบลงตรงที่เขาโดนเซดี้เตะลงไปคลุกฝุ่น…ซึ่งนี่คือสิ่งเดียวที่ไม่ได้อยู่ในแผนแม้แต่น้อย
เมื่อฟังจบผู้ใช้เวทสาวก็เงียบไปเล็กน้อย เธอกำไม้เท้าสีขาวในมือแน่นแล้วสูดหายใจเข้าลึกจนซิลเวอร์เริ่มระแวงว่าเขาจะถูกแพ่นหัวซ้ำอีกทีหรือเปล่า ถึงคทาเวทของสายเลือดเฮคาทีจะใช้โจมตีทางกายภาพโดยตรงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคทาเวทของนักเวทสายอื่นจะทำไม่ได้นี่นะ
แต่สิ่งที่หญิงสาวทำกลับตรงกันข้าม เธอเดินไปหาที่นั่งตรงมุมหนึ่ง วางอาวุธประจำตัวลงแล้วหยิบขวดเครื่องดื่มอะไรสักอย่างจากกระเป๋าเป้ออกมาเปิดดื่ม ภายหลังจากที่ร่างของซิกมอนด์หายไปแล้ว ซิลเวอร์จึงลุกขึ้นมานั่งด้านข้างเธอในระยะห่างที่เหมาะสม
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นผู้ใช้เวทจากอียิปต์”
เมื่อได้พักผ่อนจนใจเย็นลง เซดี้ก็เริ่มเปิดบทสนทนาใหม่ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังสโตนเฮนจ์ที่ตอนนี้กลับเข้าสู่สภาพปกติ
“ไม่ยาก ก่อนหน้านี้เธอพูดถึงโนม แล้วก็…” ซิลเวอร์เงียบไปเล็กน้อยแล้วชี้ตรงช่วงใต้ระหว่างกลางไหปลาร้าทั้งสองข้างของตนเอง “สร้อยคอจี้รูปขนมปังขิงนั่น”
“เขาเรียกว่า ‘อังค์’ ”
เซดี้รีบสวนกลับหน้าง้ำงอจนซิลเวอร์หลุดขำ แม้เขาจะไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเวทสายอียิปต์อย่างลึกซึ้ง แต่ก็พอรู้ความหมายเชิงสัญลักษณ์มาบ้าง
“อังค์ที่ว่านี่คือสัญลักษณ์ของชีวิตและความเป็นอมตะใช่ไหม ฉันเคยได้ยินมาว่าผู้ใช้เวทอียิปต์ไม่ใช่คนที่สืบสายเลือดมาจากเทพเหมือนกรีกกับโรมันใช่หรือเปล่า”
“ใช่ พวกเราไม่ได้สืบสายเลือดมาจากเทพโดยตรง แต่เป็นร่างประทับ อย่างฉันเป็นร่างประทับให้ไอซิส ส่วนพี่ชายฉันก็เป็นร่างประทับให้ฮอรัส”
เซดี้บอกพลางดื่มน้ำจากขวดในมืออีกครั้ง จากนั้นก็หันมามองคนข้าง ๆ
“แล้วนายล่ะ ก่อนหน้านี้บอกว่าจะกลับนิวยอร์กใช่ไหม ฉันกำลังจะไปที่นั่นพอดี สนใจไปด้วยกันไหม”
“หืมมมมม จะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้งั้นเรอะ ไม่เอาน่า ฉันมาที่นี่ก็เพราะมาทำงานเหมือนกัน ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก”
ซิลเวอร์ถึงกับเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่นึกว่าหญิงสาวคนนี้จะใจป๋าขนาดนั้น ถึงเธอเต็มใจจ่ายให้แต่เขาก็จะปฏิเสธอยู่ดี เพราะตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะขึ้นรถไฟเฮเฟตัสกลับ
“ไม่ใช่ ฉันมีวิธีอื่นที่เร็วกว่าเครื่องบิน แค่กะพริบตาพวกเราก็ถึงนิวยอร์กแล้ว”
พูดจบเซดี้ก็เก็บขวดเครื่องดื่มใส่เป้ เธอหยิบคทาเวทอีกอันที่มีรูปสัญลักษณ์ ‘อังค์’ เหมือนกับจี้สร้อยคอมาถือไว้แล้วยืนขึ้น ผู้ใช้เวทสาวดูท่าทางสงบเงียบกว่าที่เคยราวกลับกำลังรวบรวมสมาธิอย่างสูงซึ่งซิลเวอร์ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรเพื่อเป็นการทำลายพิธีกรรมนั้น
“ไอดีโอแกรม”
ทันทีที่หญิงสาวเปล่งข้อความไม่คุ้นหูและวาดเครื่องหมายอะไรบางอย่าง สิ่งที่มีรูปร่างเหมือน ‘ประตูเรืองแสง’ ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอจากอากาศที่ว่างเปล่า ณ ตอนนี้เหมือนทุกสิ่งรอบตัวถูกหยุดเวลาไว้ ที่อีกด้านของประตูเป็นสถานที่อันเลือนลางที่ซิลเวอร์ไม่เคยเห็นมาก่อน
“จะมาไหม ฉันเปิดพอร์ทัลได้ไม่นานหรอกนะ ถ้าจะมาก็รีบมา”
เซดี้หันมาเอ่ยเร่งอีกครั้ง นักเวทจากค่ายฮาล์ฟบลัดมองสบดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น
แน่นอนว่าเขาไม่นึกกลัว ถ้าไม่ได้ไปโผล่ที่นิวยอร์ก ก็แค่ไปโผล่ที่ไหนสักที่ก็เท่านั้น
ไปถึงนิวยอร์กเพียงแค่กะพริบตา…ลองเสี่ยงดูสักครั้งจะเป็นไรไป
“เป็นเกียรติสุด ๆ ที่ได้ทดลองใช้พอร์ทัลของผู้ใช้เวทอียิปต์ แลนดิ้งสวย ๆ นะคุณผู้หญิง”
ร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มอย่างนึกสนุก ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะหายไปในประตูเรืองแสงบานนั้น และเหลือทิ้งไว้เพียงสโตนเฮนจ์ที่เงียบเหงาท่ามกลางท้องฟ้าสว่างจ้าในยามกลางดึกซึ่งถือว่าเป็นเรื่อง ‘ปกติ’ ของโลกในขณะนี้

สรุป
- ซิลเวอร์ช่วยเซดี้ เคน ผู้ใช้เวทอียิปต์ใช้พลังเวทยับยั้งการทำงานของผลึกไททัน
- ทั้งสองสามารถหยุดการดูดซับพลังงานจากสโตนเฮนจ์ของผลึกไททันได้สำเร็จ
- ต่อสู้กับยีเมียร์ และ หุ่นยนต์ทองคำ
- ซิลเวอร์ตามเซดี้ เคนกลับนิวยอร์กด้วยการใช้พอร์ทัลตามคำชวนของเธอ
สินสงคราม
- ฟันเฟือง 10 หน่วย (ดรอปทุกกรณีไม่สุ่ม)
- ผนึกน้ำแข็ง [LUK 100+] : 5 หน่วย
หลักฐานการต่อสู้
ยักษ์น้ำแข็ง (ยีเมียร์) 1 ตัว : Link
หุ่นยนต์ทองคำ 1 ตัว : Link
(พิชิตหุ่นยนต์ทองคำวันที่ 31 พ.ค. 2025)
@God