- 09:42AM. -
‘มุ่งหน้าสู่สโตน——‘
เสียงในหัวดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อซิลเวอร์เหยียบย่างเข้ามาในสถานีลอนดอนคิงส์ครอส เรียวคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อยเมื่ออยู่ ๆ เสียงนั้นก็หายไปราวกับสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาดเสียอย่างนั้น
“นรกสัญญาณไม่ดีรึไง…”
บ่นพึมพำอย่างไม่จริงจังนักแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเซิร์ทหาข้อมูล เพียงแค่คำคำเดียวก็สามารถใช้เป็นเบาะแสได้
“สโตนเฮนจ์…”
รูปและรายละเอียดของสถานที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ซิลเวอร์เพียงแค่เลื่อนดูผ่าน ๆ แล้วหาข้อมูลการเดินทางต่อ
“ประมาณสี่ชั่วโมง…โอเค้”
หลังจากนี้เขาต้องเดินทางไปยังเมืองเอมส์บิวรีในมณฑลวิลต์เชอร์ที่อยู่ทางตอนใต้ของอังกฤษ ด้วยเวลาประมาณนี้ไม่ถือว่ายาวนานเท่าไหร่ แต่หากนับจากเวลาไทม์โซนของอเมริกาก็เท่ากับว่าซิลเวอร์ไม่ได้นอนมาหนึ่งวันเต็มแล้ว แม้การอดนอนเพียงคืนเดียวจะไม่มีผลกระทบกับเขาเท่าไหร่ แต่จากการทำพิธีซ่อมมนตร์บังตาที่ประเทศไทยซึ่งใช้พลังเวทเป็นอย่างมาก รวมถึงการเดินทางจนถึงที่หมายอย่างรวดเร็วทั้งสามประเทศแบบข้ามทวีปด้วยเวลาไม่กี่ชั่วโมงทำให้ร่างกายนักเวทหนุ่มปรับตัวกับเวลาและสภาพอากาศแทบไม่ทันแม้ว่าจะเป็นคนแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม
“พักสักหน่อยคงไม่ตามมาสาปถึงลอนดอนหรอกนะคุณแม่”
บุตรคนโตแห่งบ้านหมายเลข 20 หาวหวอด ก่อนจะทำการใหญ่ร่างกายต้องพร้อม การที่เทพีเฮคาทีผู้เป็นมารดามอบหมายงานให้ลูก ๆ จัดการแปลว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตายโลกถล่มดินทลายขนาดนั้น
.
.
- 08:25PM. -
หลังจากเปิดห้องที่โรงแรมใกล้สถานีแบบรายชั่วโมงเพื่อนอนหลับพักผ่อนโดยเฉพาะแล้ว ราวกับได้ชาร์จแบต ตอนนี้พลังงานของซิลเวอร์กลับมาเต็มเปี่ยม เมื่อได้อาบน้ำจนสบายตัวเขาก็เช็คเอาท์จากโรงแรมแล้วเริ่มออกเดินทางต่อทันที
ใช้เวลานั่งรถไฟเพียงสามชั่วโมงครึ่ง และเดินต่อมาอีกหน่อย ตอนนี้ก็เรียกได้ว่ากำลังเข้าใกล้ที่หมายเข้ามาทุกที เขาเลือกช่วงเวลากลางคืนที่สถานที่ปิดให้บริการแม้ว่าท้องฟ้าจะไม่ได้มืดลงไปด้วยตามช่วงเวลาเพื่อความสะดวกต่อการทำงาน
หน้าที่ตรวจตราสถานที่และรักษาความปลอดภัยก็มักจะทำกันช่วงนี้ไม่ใช่หรือไง
ยิ่งเข้าใกล้พื้นที่ของสโตนเฮนจ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงพลังลึกลับที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณมากขึ้นเท่านั้น มันค่อย ๆ หนาแน่นขึ้นจนน่าอึดอัด
และเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเจอต้นตอที่ทำให้ต้องมารับจ๊อบต่อถึงลอนดอนแล้ว
“โอ้ ดีจริง ออกจากค่ายมาไม่กี่วันก็มีคนทำภารกิจทวงคืนรัติกาลเสร็จแล้วงั้นเรอะ”
ใช่ซะที่ไหนกัน…เบื้องหน้าของนักเวทหนุ่มคือปรากฏการณ์ประหลาด ก้อนผลึกสีดำทมิฬเหลือบแดงโลหิตซึ่งลอยอยู่เหนือกลางวงหินซาร์เซนโบราณกำลังเปล่งแสงเรืองรองราวกับจันทราสีเลือด พลังอำนาจของมันนั้นรุนแรงมากพอที่จะเปลี่ยนให้ท้องฟ้าบริเวณนั้นมืดมิดราวกับรัติกาล
“นั่นมันผลึกไททันนี่หว่า ไอ้เวรที่ไหนเอาของพรรค์นั้นมาเล่นในที่แบบนี้”
แม้สถานการณ์ตรงหน้าจะไม่สู้ดีนักแต่คนปากเปราะก็ยังเดินทอดน่องไม่รีบร้อน เพียงแค่มองก็รู้ได้ทันทีว่าวัตถุนั้นคืออะไร ไม่เพียงแค่นั้น ดวงตาสีอ่อนยังมองเห็นแสงจาง ๆ จากสโตนเฮนจ์ที่สาดแสงขึ้นไปรวมกันยังผลึกก้อนนั้นด้วย
“อ้าว…มีคนมาก่อนแล้วนี่”
ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววแปลกใจเล็กน้อยเมื่อมาถึงที่หมายแต่กลับพบว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่ หญิงสาวผมสีบรอนซ์แต่งกายทะมัดทะแมงคนหนึ่งในมือถือคทาเวทด้ามยาวสีขาวบริสุทธิ์กำลังทำพิธีอะไรบางอย่างอยู่
‘ผู้ใช้เวท ?…จากไหน’
ร่างสูงใหญ่กอดอกมองจากตรงประตูทางเข้าเพื่อประเมินสถานการณ์ เธอดูไม่ใช่คนที่ใช้ผลึกไททันทำเรื่องไม่ดี แต่ดูเหมือนกำลังใช้พลังเวทขัดขวางมันอยู่ต่างหาก ซึ่งซิลเวอร์สัมผัสได้ว่าไม่ใช่สายพลังของเทพีผู้เป็นมารดาตนแน่ ๆ
“มีอะไรให้ช่วยไหมคุณผู้หญิง”
เดมิก็อดหนุ่มเดินมาใกล้ด้วยฝีเท้าเงียบเชียบจนอยู่ในระยะห่างที่พอดีและปลอดภัยแล้วเอ่ยถามขึ้นจนคนที่มัวแต่จดจ่ออยู่กับพิธีกรรมถึงกับชะงัก ดวงตาสีฟ้าสว่างตวัดมองแขกผู้ไม่ได้รับเชิญยามวิกาล ปลายอาวุธเวทในมือที่ชี้ไปยังผลึกไททันเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นซิลเวอร์ทันที
“นั่นใคร !?”

สรุป
- มาถึงสโตนเฮนจ์ มณฑลวิลต์เชอร์ ประเทศอังกฤษ
- เห็นเหตุการณ์ผนึกไททันกำลังดูดซับพลังงานจากสโตนเฮนจ์
- พบหญิงสาวผู้ใช้เวทคนหนึ่งในที่เกิดเหตุ