[สหราชอาณาจักร, เมืองเอมส์บิวรี] STONEHENGE

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



STONEHENGE

สโตนเฮนจ์, วิลต์เชอร์, ประเทศอังกฤษ




สโตนเฮนจ์
ที่ราบซอลส์บรี มณฑลวิลต์เชอร์ ประเทศอังกฤษ



สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) คือหนึ่งในโบราณสถานที่ลึกลับและน่าทึ่งที่สุดของโลก ตั้งอยู่บนที่ราบซอลส์บรี ในมณฑลวิลต์เชอร์ ทางตอนใต้ของอังกฤษ กลุ่มหินขนาดมหึมาที่ถูกจัดวางอย่างมีระเบียบนี้ เชื่อว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่าง 3,000 ถึง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล แม้ไม่มีเอกสารบันทึกแน่ชัดถึงวัตถุประสงค์ของการก่อสร้าง แต่การใช้แรงงานจำนวนมากเพื่อเคลื่อนย้ายและจัดวางหินเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางวิศวกรรมและความตั้งใจอย่างแรงกล้าของผู้สร้างในยุคก่อนประวัติศาสตร์


สโตนเฮนจ์มีความสำคัญในเชิงโบราณคดีอย่างยิ่ง โดยถือเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับจักรวาล การวางเรียงของหินบางชุดสอดคล้องกับการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะในวันครีษมายัน (21 มิถุนายน) ซึ่งดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงกับเสาหินหลักพอดี หลายฝ่ายจึงสันนิษฐานว่าสถานที่แห่งนี้อาจถูกใช้เป็นปฏิทินสุริยะ โบราณสถานทางดาราศาสตร์ หรือแม้แต่สถานที่ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย การฟื้นคืนชีพ หรือการบูชาดวงอาทิตย์


ในแง่ของความเชื่อและตำนาน สโตนเฮนจ์ถูกเชื่อมโยงกับเวทมนตร์และตำนานต่าง ๆ มากมาย บ้างว่ากันว่าเมอร์ลิน พ่อมดจากตำนานกษัตริย์อาเธอร์เป็นผู้นำหินเหล่านี้มาจากไอร์แลนด์โดยใช้พลังวิเศษ บ้างก็เชื่อว่าเป็นฝีมือของยักษ์ หรือเผ่าพันธุ์โบราณที่สูญหายไปแล้ว ปัจจุบัน สโตนเฮนจ์ยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับกลุ่มผู้บูชาธรรมชาติ เช่น ดรูอิด และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยือนด้วยความสงสัย ชื่นชม และเคารพในความลึกลับของอดีตกาล


รถบัสบริการนักท่องเที่ยว: จุดเชื่อมต่อที่ซ่อนเร้น



ทว่าในโลกที่เต็มไปด้วยตำนานและเวทมนตร์ สโตนเฮนจ์เป็นเพียงฉากหน้าของการอำพรางที่ชาญฉลาดที่สุดแห่งหนึ่ง ความลับที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในวงหิน แต่ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนในจุดที่ผู้คนมองข้ามที่สุด: รถบัสให้บริการห้องน้ำสาธารณะสำหรับนักท่องเที่ยว ที่จอดอยู่ไม่ไกลจากบริเวณอนุสรณ์สถาน


รถบัสคันนี้ภายนอกดูเป็นยานพาหนะบริการธรรมดา ภายในห้องน้ำกลับมี ประตูบานหนึ่งที่เชื่อมต่อกับอุโมงค์ประตูวิเศษแห่งกรุงโรมใหม่ (The New Rome Arcana-Gate Tunnel) ประตูมิติลับนี้จะถูกปิดล็อกอยู่เสมอ พร้อมกับป้ายที่คุ้นตาว่า "กำลังอยู่ระหว่างทำความสะอาด" เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง มีเพียง ผู้ที่มีกุญแจสำคัญ ที่ผ่านการรับรองเท่านั้นจึงจะสามารถไขและก้าวผ่านขีดจำกัดของโลกใบนี้ได้ เบื้องหลังประตูบานนี้คือเส้นทางที่พาคุณหลุดพ้นจากซากอารยธรรมโบราณ ไปสู่ใจกลาง กรุงโรมใหม่ นครที่ความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันได้ถูกรื้อฟื้นด้วยวิทยาการและเวทมนตร์ล้ำยุค สโตนเฮนจ์จึงทำหน้าที่เป็นมากกว่าแค่แหล่งท่องเที่ยว แต่เป็น ป้อมปราการแห่งความลับ และ จุดพักสุดท้าย ก่อนจะเข้าสู่โลกแห่งพันธมิตรของเทพเจ้าและเหล่าบุตรธิดา





เงื่อนไขการพบเจอ

- หลังถูกพิชิต จะใช้เวลาก่อรูปร่างกลับมาจากทาร์ทารัสเดือนถัดไป

ตัวอย่าง ถูกสังหารวันที่ 9/1/2025 มันจะกลับมาในวันที่ 9/2/2025









แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 10371 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-1 13:47
โพสต์ 2025-7-16 21:55:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-9-11 22:45

);">
Silver's Side Story31 may 2025/Amesbury

- 09:42AM. -


‘มุ่งหน้าสู่สโตน——‘


เสียงในหัวดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อซิลเวอร์เหยียบย่างเข้ามาในสถานีลอนดอนคิงส์ครอส เรียวคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อยเมื่ออยู่ ๆ เสียงนั้นก็หายไปราวกับสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาดเสียอย่างนั้น


“นรกสัญญาณไม่ดีรึไง…”


บ่นพึมพำอย่างไม่จริงจังนักแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเซิร์ทหาข้อมูล เพียงแค่คำคำเดียวก็สามารถใช้เป็นเบาะแสได้


“สโตนเฮนจ์…”


 รูปและรายละเอียดของสถานที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ซิลเวอร์เพียงแค่เลื่อนดูผ่าน ๆ แล้วหาข้อมูลการเดินทางต่อ


“ประมาณสี่ชั่วโมง…โอเค้


หลังจากนี้เขาต้องเดินทางไปยังเมืองเอมส์บิวรีในมณฑลวิลต์เชอร์ที่อยู่ทางตอนใต้ของอังกฤษ ด้วยเวลาประมาณนี้ไม่ถือว่ายาวนานเท่าไหร่ แต่หากนับจากเวลาไทม์โซนของอเมริกาก็เท่ากับว่าซิลเวอร์ไม่ได้นอนมาหนึ่งวันเต็มแล้ว แม้การอดนอนเพียงคืนเดียวจะไม่มีผลกระทบกับเขาเท่าไหร่ แต่จากการทำพิธีซ่อมมนตร์บังตาที่ประเทศไทยซึ่งใช้พลังเวทเป็นอย่างมาก รวมถึงการเดินทางจนถึงที่หมายอย่างรวดเร็วทั้งสามประเทศแบบข้ามทวีปด้วยเวลาไม่กี่ชั่วโมงทำให้ร่างกายนักเวทหนุ่มปรับตัวกับเวลาและสภาพอากาศแทบไม่ทันแม้ว่าจะเป็นคนแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม


“พักสักหน่อยคงไม่ตามมาสาปถึงลอนดอนหรอกนะคุณแม่”


บุตรคนโตแห่งบ้านหมายเลข 20 หาวหวอด ก่อนจะทำการใหญ่ร่างกายต้องพร้อม การที่เทพีเฮคาทีผู้เป็นมารดามอบหมายงานให้ลูก ๆ จัดการแปลว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตายโลกถล่มดินทลายขนาดนั้น

.


.

- 08:25PM. -


หลังจากเปิดห้องที่โรงแรมใกล้สถานีแบบรายชั่วโมงเพื่อนอนหลับพักผ่อนโดยเฉพาะแล้ว ราวกับได้ชาร์จแบต ตอนนี้พลังงานของซิลเวอร์กลับมาเต็มเปี่ยม เมื่อได้อาบน้ำจนสบายตัวเขาก็เช็คเอาท์จากโรงแรมแล้วเริ่มออกเดินทางต่อทันที


ใช้เวลานั่งรถไฟเพียงสามชั่วโมงครึ่ง และเดินต่อมาอีกหน่อย ตอนนี้ก็เรียกได้ว่ากำลังเข้าใกล้ที่หมายเข้ามาทุกที เขาเลือกช่วงเวลากลางคืนที่สถานที่ปิดให้บริการแม้ว่าท้องฟ้าจะไม่ได้มืดลงไปด้วยตามช่วงเวลาเพื่อความสะดวกต่อการทำงาน


หน้าที่ตรวจตราสถานที่และรักษาความปลอดภัยก็มักจะทำกันช่วงนี้ไม่ใช่หรือไง


ยิ่งเข้าใกล้พื้นที่ของสโตนเฮนจ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงพลังลึกลับที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณมากขึ้นเท่านั้น มันค่อย ๆ หนาแน่นขึ้นจนน่าอึดอัด


และเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเจอต้นตอที่ทำให้ต้องมารับจ๊อบต่อถึงลอนดอนแล้ว


“โอ้ ดีจริง ออกจากค่ายมาไม่กี่วันก็มีคนทำภารกิจทวงคืนรัติกาลเสร็จแล้วงั้นเรอะ”


ใช่ซะที่ไหนกัน…เบื้องหน้าของนักเวทหนุ่มคือปรากฏการณ์ประหลาด ก้อนผลึกสีดำทมิฬเหลือบแดงโลหิตซึ่งลอยอยู่เหนือกลางวงหินซาร์เซนโบราณกำลังเปล่งแสงเรืองรองราวกับจันทราสีเลือด พลังอำนาจของมันนั้นรุนแรงมากพอที่จะเปลี่ยนให้ท้องฟ้าบริเวณนั้นมืดมิดราวกับรัติกาล


“นั่นมันผลึกไททันนี่หว่า ไอ้เวรที่ไหนเอาของพรรค์นั้นมาเล่นในที่แบบนี้”


แม้สถานการณ์ตรงหน้าจะไม่สู้ดีนักแต่คนปากเปราะก็ยังเดินทอดน่องไม่รีบร้อน เพียงแค่มองก็รู้ได้ทันทีว่าวัตถุนั้นคืออะไร ไม่เพียงแค่นั้น ดวงตาสีอ่อนยังมองเห็นแสงจาง ๆ จากสโตนเฮนจ์ที่สาดแสงขึ้นไปรวมกันยังผลึกก้อนนั้นด้วย


“อ้าว…มีคนมาก่อนแล้วนี่”


ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววแปลกใจเล็กน้อยเมื่อมาถึงที่หมายแต่กลับพบว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่ หญิงสาวผมสีบรอนซ์แต่งกายทะมัดทะแมงคนหนึ่งในมือถือคทาเวทด้ามยาวสีขาวบริสุทธิ์กำลังทำพิธีอะไรบางอย่างอยู่


‘ผู้ใช้เวท ?…จากไหน’


ร่างสูงใหญ่กอดอกมองจากตรงประตูทางเข้าเพื่อประเมินสถานการณ์ เธอดูไม่ใช่คนที่ใช้ผลึกไททันทำเรื่องไม่ดี แต่ดูเหมือนกำลังใช้พลังเวทขัดขวางมันอยู่ต่างหาก ซึ่งซิลเวอร์สัมผัสได้ว่าไม่ใช่สายพลังของเทพีผู้เป็นมารดาตนแน่ ๆ


“มีอะไรให้ช่วยไหมคุณผู้หญิง”


เดมิก็อดหนุ่มเดินมาใกล้ด้วยฝีเท้าเงียบเชียบจนอยู่ในระยะห่างที่พอดีและปลอดภัยแล้วเอ่ยถามขึ้นจนคนที่มัวแต่จดจ่ออยู่กับพิธีกรรมถึงกับชะงัก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มตวัดมองแขกผู้ไม่ได้รับเชิญยามวิกาล ปลายอาวุธเวทในมือที่ชี้ไปยังผลึกไททันเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นซิลเวอร์ทันที


“นั่นใคร !?”




สรุป

- มาถึงสโตนเฮนจ์ มณฑลวิลต์เชอร์ ประเทศอังกฤษ

- เห็นเหตุการณ์ผนึกไททันกำลังดูดซับพลังงานจากสโตนเฮนจ์

- พบหญิงสาวผู้ใช้เวทคนหนึ่งในที่เกิดเหตุ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 45116 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2025-7-16 21:55
โพสต์ 45,116 ไบต์และได้รับ +25 EXP +15 เกียรติยศ +15 ความศรัทธา จาก กุหลาบสีน้ำเงินทอง  โพสต์ 2025-7-16 21:55
โพสต์ 45,116 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความกล้า จาก เกราะนักรบสีทองแดง  โพสต์ 2025-7-16 21:55
โพสต์ 45,116 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก เขตแดนเฮคาที  โพสต์ 2025-7-16 21:55
โพสต์ 45,116 ไบต์และได้รับ +15 EXP +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก มาลาแห่งอัสสัมชัญ  โพสต์ 2025-7-16 21:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เหรียญนกฮูก
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x2
x2
x1
x1
x2
x5
x1
x10
x2
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
โพสต์ 2025-10-9 19:53:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-10-9 20:10

);">
Silver's Side Story31 may 2025/amesbury

- 08:37PM. -


นั่นใคร !?


น้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดก้องไปทั่วบริเวณสโตนเฮนจ์อันเงียบสงัด ปลายคทาเวทที่ด้ามยาวจนน่าจะเรียกว่า ‘ไม้เท้า’ มากกว่าในมือเรียวบางเปล่งแสงเรืองรองพร้อมโจมตีใครก็ตามที่ไม่ประสงค์ดีต่อเธอ


คำถามคือ…เขาดูเหมือนพวกตัวร้ายในหนังอย่างนั้นเรอะ ?


โว้ว ใจเย็น ใจเย็นก่อน ฉันมาดีน่า


ซิลเวอร์รีบยกสองมือขึ้นระดับศีรษะเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แม้ว่าเครื่องประดับที่สวมใส่ข้อมือทั้งสองข้างของเขาพร้อมจะแปรสภาพเป็นอาวุธได้ทุกเมื่อก็ตาม


……….


ได้ยินเช่นนั้นดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็มองร่างสูงใหญ่ตรงหน้าไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างจับสังเกตและพิจารณา ดูเหมือนว่าสายตาของเธอจะหยุดลงตรงเสื้อยืดประจำค่ายที่ถูกเสื้อเชิ้ตสวมทับไว้และคทาเวทคบเพลิงข้างลำตัวที่เขาคาดไว้กับเข็มขัด


“ตรานั่น…นายมาจากค่ายฮาล์ฟบลัดงั้นเหรอ”


ดูเหมือนว่าสาวเจ้าคนนี้จะรู้จักค่ายฮาล์ฟบลัดเสียด้วย ซึ่งก็เป็นผลดีกับหนุ่มนักเวทจากค่ายแถบลองไอแลนด์ที่ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้ยืดยาว


“ถูกต้อง ขอโทษทีที่สีเสื้อค่ายฉันมันเจ็บจนแสบตาเธอไปหน่อย ฉันซิลเวอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”


ใบหน้าหล่อเหลายิ้มพรายพร้อมแนะนำตัว ซิลเวอร์ไม่คิดว่าเสื้อสีแป๊ดจนเป็นจุดเด่นของค่ายจะมีประโยชน์ก็วันนี้ ด้วยความที่คิดว่าภารกิจจะจบแค่ที่ประเทศไทยแดนเมืองร้อน เขาเลยเตรียมมาแต่เสื้อผ้าเนื้อบางเบาใส่สบาย 


พอได้จับพลัดจับผลูมาที่ลอนดอนซึ่งอุณหภูมิลดลงจนอากาศเย็นเลยประสบปัญหาเสื้อผ้าไม่พอใส่ ครั้นจะให้มัวแต่ไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าใหม่ก็เสียเวลาเกินไป ด้วยไม่ใช่คนที่หยิบอะไรก็ได้มาเพื่อใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง เลยสวมใส่สิ่งที่มีอยู่ไปก่อน แล้วก็ช่างโชคดี (?) เสียเหลือเกินที่เขาคว้าเจ้าเสื้อยืดตัวนี้ยัดใส่กระเป๋ามาด้วย


“เซดี้ เคน ผู้ใช้เวท…


หญิงสาวแนะนำตัวกลับเพียงสั้น ๆ อาวุธในมือถูกหันกลับไปยังผลึกไททันอีกครั้งก่อนจะเริ่มบริกรรมคาถาบทที่นักเวทแห่งค่ายฮาล์ฟบลัดไม่คุ้นหู ลำแสงสีขาวสาดออกจากปลายไม้เท้าที่สลักเสลาเป็นรูปนกอินทรีย์พุ่งไปยังก้อนผลึกกลางอากาศเหมือนก่อนหน้านั้น ก่อนที่เธอจะปรายหางตากลับมามองซิลเวอร์ด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่ตำหนิเด็กที่หนีออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านยามวิกาล


ถ้าจะมายืนหล่อ ๆ แต่ทำตัวไร้ประโยชน์ก็ไปยืนตรงนู้น อย่ามารบกวนการทำงานของฉัน


อ้าว แม่คุณ ไหงพูดจาไม่รื่นหูงี้ ถ้าไม่ถูกวานให้มาจัดการเรื่องนี้แทน สาบานเลยป่านนี้ฉันตีรถไฟกลับนิวยอร์กไปนานแล้ว


จากที่กำลังยิ้มโชว์ฟันขาวอยู่ดี ๆ พอเจอคำพูดนี้ไปหนุ่มนักเวทก็ถึงกับต้องหุบยิ้มแล้วยืนกอดอก ไร้ประโยชน์…เขาเนี่ยนะ ? 


“นายถูกวานมา ? ใครกันล่ะ…คงเป็นเทพสักองค์ในโอลิมปัสงั้นสิ ถ้าให้ฉันเดา งานที่ต้องใช้พลังเวทแบบนี้คงหนีไม่พ้นเทพีเฮคาทีหรอก”


เซดี้ดูไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่มีผู้ใช้เวทโผล่มาอีกคนในสถานการณ์เช่นนี้ จะว่าไปก็ถือว่าฉลาดใช่เล่น เพียงแค่เห็นสิ่งของไม่กี่อย่างเธอก็สามารถเชื่อมโยงปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันได้


“เดาถูกหมดขนาดนี้ไม่ลองซื้อล็อตเตอรี่ดูล่ะ ฉันจะไม่แปลกใจถ้าคนถูกรางวัลที่หนึ่งเป็นชื่อเธอ


แกล้งพูดเย้าหยอกกวนเบื้องล่างไปตามนิสัย ร่างสูงใหญ่ยักไหล่เล็กน้อย ฝ่ามือหนาหยิบคทาประจำตัวที่คาดไว้ตรงเอวออกมาถือด้วยท่าทางสบาย ๆ


ว่ามาเลย ฉันต้องทำไงมั่ง


นายเห็นผลึกไททันนั่นใช่ไหม เหมือนมีใครสักคนกำลังใช้มันดูดกลืนพลังจากสโตนเฮนจ์เพื่อนำไปทำอะไรบางอย่าง หน้าที่ของนายก็คือช่วยฉันทำให้ผลึกนั่นหมดฤทธิ์


“แค่นั้น ? ฟังดูไม่ยากเท่าไหร่ เริ่มเลยแล้วกัน จะได้จบ ๆ ไป”


ซิลเวอร์ฟังข้อสันนิษฐานของเซดี้พลางมองไปยังผลึกสีดำเหลือบแดงโลหิตที่ยังคงเปล่งแสงเรืองรองกลางอากาศตัดกับลำแสงสีขาวซึ่งเป็นพลังของเซดี้อย่างพินิจพิเคราะห์ 


แม้จะสงสัยว่าใครคือผู้ครอบครองผลึกไททันก้อนนี้ และทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไร แต่สิ่งที่เขาควรทำมากที่สุดเวลานี้คือจบเรื่องนี้ให้ไว แล้วค่อยไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเทพีผู้เป็นมารดาทีหลัง ชายหนุ่มมั่นใจมากว่าการที่นางส่งเขามาที่นี่ แปลว่าต้องรู้อะไรบางอย่าง


ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ นายคงรู้ว่าคนที่สามารถครอบครองแถมยังใช้งานผนึกไททันได้ไม่น่าใช่คนธรรมดา ลำพังพลังเวทของฉันคนเดียวยังไม่สามารถหยุดการทำงานของมันได้ แต่ถ้าฉันกลับไปตามคนที่โนมให้มาช่วยคงไม่ทันการ แล้วนายก็โผล่มาพอดี


“ก็งี้แหละ ฮีโร่ต้องโผล่มาตอนจุดไคลแมกซ์ของเรื่องอยู่แล้ว”


พอเห็นหญิงสาวถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ซิลเวอร์เลยกลอกตามองบนเซ็ง ๆ คนอะไรไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย ร่างสูงใหญ่โคลงศีรษะไปมา 


แน่นอนเขารู้ดี สิ่งที่เรียกว่า ‘ผลึกไททัน’ ไม่ใช่หินธรรมดา ว่ากันว่าผลึกนี้เกิดขึ้นมาจากเศษเสี้ยววิญญาณของเหล่าไททันที่พ่ายแพ้ในสงคราม จึงอาจเป็นไปได้ว่าผลึกเหล่านี้กำลังรอเวลาที่จะถูกปลดปล่อยพลังงานแห่งความเคียดแค้นอันล้นหลามที่อัดแน่นอยู่ภายในออกมาในสักวันหนึ่ง 


ดังนั้น ผู้ที่สามารถครอบครองและควบคุมพลังของผลึกไททันได้จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจอันแข็งแกร่งและเข้าใจในพลังอันแท้จริงของมันอย่างลึกซึ้ง มิเช่นนั้นก็จะถูกพลังของมันกัดกร่อนจนแม้แต่วิญญาณก็แทบสูญสิ้น


และจากการสนทนากับเซดี้รวมถึงความรู้ที่มีอยู่เดิม เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ซิลเวอร์รู้ว่าต้องใช้คาถาอะไรจัดการกับเจ้าหินนี่ดี


จะไอ้เวรที่ไหนฉันไม่สน มาลองกันสักตั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าหินกิ๊กก๊อกนี่มันจะทนไม้ทนมือฉันแค่ไหน


ฝ่ามือใหญ่หยิบเอาบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าหนังใบเล็กที่คาดกับเข็มขัดซึ่งอยู่ข้างลำตัวอีกด้าน ปรากฏเป็นขวดแก้วใบเล็กที่บรรจุแก่นวิญญาณเอ็มพูซาอยู่ภายใน


“อินคันตาเร่ เอาเฟโร ซาร์ซินา ​!”


ทันทีที่บริกรรมคาถาขจัดภาระเพื่อลบมนตร์ของใครก็ตามที่ร่ายใส่ผลึกหินจบ ลำแสงสีม่วงจากปลายคทาเวทก็เปล่งแสงหลอมรวมกับแก่นวิญญาณเอ็มพูซาจนกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงโชติช่วงพุ่งตรงไปยังผลึกไททันก้อนนั้นราวกับจะเผามันให้มอดไหม้เป็นจุณ

.


.


.

-25.06.01 / 01:28AM.-


ใช้เวลากว่าห้าชั่วโมง ในที่สุดความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล ผนึกไททันค่อย ๆ อ่อนแสงร่วงลงสู่พื้นแล้วแน่นิ่งไปไม่ต่างจากก้อนหินธรรมดา


“ฟู่ว…จบสักที”


นักเวทหนุ่มจากค่ายฮาล์ฟบลัดลดคทาเวทในมือลงแล้วปาดเหงื่อที่ไหลซึมลงมาตามขมับ เจ้าหินผลึกนี่ร้ายกาจใช่ย่อย จากตอนแรกที่คิดว่าใช้เวลาไม่นาน ไม่นึกว่าจะล่วงเลยมาจนป่านนี้ และเขาค่อนข้างใช้พลังเวทไปไม่น้อยเลยทีเดียว


“ดูท่าจะยังนะ”


เสียงเรียบ ๆ ดังมาจากคนข้างตัว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเซดี้ยังจับจ้องอยู่ตรงจุดเดิมจนซิลเวอร์ต้องหันไปมองตาม


“ชิบหาย…ตัวอะไรโผล่มาอีกวะเนี่ย”


แม้จะจัดการกับผลึกไททันได้แล้ว แต่ท้องฟ้าบริเวณนั้นยังไม่มีทีท่าจะกลับมาสว่างไสวตามปรากฏการณ์รัตติกาลสูญหาย ซ้ำความมืดนั้นกลับบีบตัวกลายเป็นรอยแยกขนาดกว้างกลางอากาศ จากนั้นก็ปรากฏร่างของยักษ์น้ำแข็งสองตนพุ่งตัวออกมาจากจุดนั้น พวกมันคำรามโห่ร้องด้วยความไม่พอใจ 


“ใครบังอาจทำลายแผนนายท่าน !”


“ยืนหัวโด่อยู่นี่ตั้งสองคนยังไม่เห็นอีกเรอะ !?”


แล้วก็เป็นซิลเวอร์เองที่สวนตอบไปทันควันด้วยความปากไว (และปากมอม) และจากการแสดงตัวเป็นศัตรูแบบสง่าผ่าเผย ทำให้เจ้ายักษ์ร่างฟ้าถลึงตามองผู้ใช้เวททั้งคู่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ


“ยีเมียร์…? คงไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกนอร์สด้วยหรอกนะ”


เซดี้เลิกคิ้วด้วยความสงสัย ดูเหมือนเธอจะมีคลังความรู้เกี่ยวกับโลกแห่งทวยเทพในหัวมากมาย หลังจากจบเรื่องนี้ไปหญิงสาวคนนี้คงมีเบาะแสต่าง ๆ ให้สืบสาวราวเรื่องจนไปถึงคนบงการได้ไม่ยาก


แต่ช่างหัวคนชักใยข้างหลังไปก่อน ตอนนี้ควรจัดการเจ้ายักษ์ฟ้าตัวเขื่องสองตนนี่เป็นอันดับแรก ส่วนเขาซึ่งรับหน้าที่มาเพียงเท่านี้ พอจบงานนี้แล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปทางใครทางมันล่ะนะ


ซิกมอนด์ !”


ทันทีที่เอ่ยนาม ร่างของแบล็คแพนเตอร์ก็ปรากฏกายขึ้นมาขวางหน้าระหว่างพวกเขากับยีเมียร์สองตนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้


“นายซัมม่อนสัตว์วิญญาณได้ด้วย ?”


เซดี้มองร่างเสือดำขนเงาเป็นมันตรงหน้าที่ตอนนี้พร้อมกระโจนใส่ยักษ์น้ำแข็งซึ่งถือกระบองขนาดใหญ่ไว้ในมือ


“Ja ! (ใช่ !) เจ๋งปะล่ะ”


นักเวทหนุ่มขานรับ น้ำเสียงเต็มไปด้ยความภาคภูมิใจในคู่หูสี่ขาของตนสุด ๆ แหงล่ะสิ เขาทำพิธีอัญเชิญด้วยตัวเองกับมือถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็มเชียวนะ


ยังไม่ทันได้อวดขิงอวดข่าอะไรมากกว่านั้น อยู่ ๆ บริเวณพื้นที่พวกเขายืนอยู่ก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย แต่ดูทรงแล้วไม่น่าจะใช่แผ่นดินไหวแน่ ๆ


กึง ! กึง ! กึง !


เสียงโลหะหนัก ๆ ราวกับเครื่องจักรกำลังทำงานดังขึ้นจากจุดที่ไม่ห่างไกลนัก พอหันไปมองตามเสียงก็เห็นร่างอันใหญ่โตราวรูปปั้นเฝ้าหน้าเทวสถานสีทองอร่ามอาวุธครบมือกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้


“เฮ้ออออ ไอ้นี่มันหุ่นยนต์เฝ้าโบราณสถานใช่ไหม ถามจริง…ตอนผลึกเวรนั่นมันทำงานมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนฮึ”


ฟิ้วววว !


คมหอกขนาดใหญ่พุ่งเฉียดหน้าซิลเวอร์ที่เบี่ยงตัวหลบทันในเสี้ยววิ หากช้ากว่านี้ไปอีกสักนิดเดียว เขาคงศพไม่สวยไปแล้ว แม้เจ้าหุ่นนี่จะเคลื่อนไหวช้าเหมือนลืมหยอดจารบี แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวของมันก็รุนแรงและทรงพลังมากพอถึงขนาดสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้


“เฮ้ย ! ผิดตัวแล้วโว้ย คนบุกรุกมันคือไอ้พวกนั้นต่างหาก !”


“พวกเราเข้ามาในยามวิกาลก็ไม่ต่างกันหรอกน่า”


เสียงนักเวทสาวขัดขึ้นมาจนซิลเวอร์ต้องหันขวับไปมองแล้วเบ้ปาก


“ให้มันได้อย่างนี้ อย่างน้อยก็หัดแยกแยะว่าใครมาดีหรือร้ายหน่อยสิวะ ช่วยไม่ได้ จัดการมันให้หมดนี่แหละ


หนุ่มเยอรมันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ อย่าว่าแต่อสุรกายที่ไม่แยกแยะเลย ถ้าใครเปิดมาก่อนตนก็พร้อมตอบโต้ทั้งนั้นไม่ว่าจะฝ่ายไหน ทันทีที่เก็บคทาเวทลง กำไรข้อมือข้างขวาก็แปรสภาพเป็นปืนลูกโม่ผสานพลังเวทสั่งทำพิเศษ เรียวแขนเหยียดออกตรงจนสุด ปลายกระบอกเล็งไปยังเป้าหมายใหญ่โตตรงหน้าที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีทางพลาดเป้า


เพียงแต่ยิงให้โดนตรงไหนก็ได้มันง่ายเกินไป ยิงให้โดนจุดตายนี่สิท้าทายกว่า


“นิ่งไว้ นิ่งไว้ไอ้หนู”


ซิลเวอร์พึมพำบอกทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคู่ต่อสู้ไม่อาจได้ยินพลางหลับตาลงข้างหนึ่ง ดวงตาสีอ่อนอีกข้างมองไปยังร่างทองอร่ามไม่วางตาราวกับสัตว์ป่าจ้องตะครุบเหยื่อ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วอาศัยช่วงที่ร่างกายอยู่ในสภาวะนิ่งที่สุดจากจังหวะการหายใจออกลั่นไกปืนอย่างใจเย็นแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ


ปัง !


กลไกปืนในมือทำงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพียงแค่ปากกระบอกปืนชี้ไปทางไหนก็สามารถระบุประเภทเป้าหมายได้ทันที ลูกกระสุนชนิดเจาะเกราะพุ่งออกมาด้วยความเร็วแสงยิงทะลุส่วนข้อต่อแขนของหุ่นทองคำที่กำลังชักดาบซึ่งสะพายอยู่ด้านหลังจนชิ้นส่วนแขนท่อนนั้นร่วงลงพื้น


“วู้ว ! โคตรเจ๋ง !”


เสียงตะโกนดังขึ้นท่ามกลางผืนดินบริเวณนั้นที่สะเทือนเลื่อนลั่น เรื่องชมตัวเองเป็นงานถนัดของเขาอยู่แล้ว


ปัง ! ปัง ! ปัง !


เสียงปืนดังต่อเนื่องอีกสามนัด จนตอนนี้ทั้งแขนและขาของหุ่นยนต์ทองคำหยุดทำงาน ข้อต่อช่วงขาที่ถูกทำลายส่งผลให้มันอยู่ในท่าคุกเข่าอย่างไม่อาจควบคุมได้ กลายเป็นหุ่นกระป๋องหมดสภาพโดยสมบูรณ์


วิ้งงงง———


ซะเมื่อไหร่….


 "ระบุพิกัด เตรียมยิง"


ดวงตาทั้งสองข้างของเครื่องจักรยักษ์เรืองแสงสีแดงวับ มันยังคงไม่สิ้นฤทธิ์เพียงแค่นี้ ข้างนึงเล็งมาที่กลางอกซิลเวอร์ ส่วนอีกข้างเล็งไปที่ศีรษะของผู้ใช้เวทสาว


“รีบจัดการเข้าสิ ! เดี๋ยวก็โดนยิงเลเซอร์ใส่กันไปหมดหรอก !”


เสียงเซดี้ตะโกนมาจากด้านหลัง เธอกำลังวุ่นอยู่กับการต่อสู้กับยักษ์น้ำแข็งอีกตัว


“ใจเย็นซี่แม่คุณ ฉันกำลังจะทำอยู่นี่ไง”


ชายหนุ่มยังคงทำทีเป็นใจเย็น เวลานี้หุ่นยนต์ตรงหน้าไม่ต่างอะไรจากเป้านิ่ง นี่คือการดวลปืนระหว่างเดมิก็อดกับสิ่งประดิษฐ์ของเทพนักสรรค์สร้างอย่างเฮเฟตัส แม้ทั้งเขาและเซดี้จะถูกเล็งตรงจุดอันตราย แต่กับคนที่เคยเฉียดความตายมานักต่อนักอย่างซิลเวอร์ ควินน์ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว


พนันกันได้เลย ไม่ใช่เขาและเธอที่ต้องตาย


ปัง !


วี้——— !


บึ้มมม !!


เสียงระเบิดดังขึ้นจากตรงจุดที่เซดี้อยู่ ซิลเวอร์ที่ลั่นไกปืนแล้วหมอบกลิ้งตัวหลบไปด้านข้างได้ทันเวลากับที่หุ่นยนต์ทองคำยิงเลเซอร์พลังงานพอดี 


“ฮะฮ่า ! แม่นกว่านี้ก็สไนเปอร์แล้วเว้ย”


เขาคุกเข่าในท่าชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อดูผลงานตัวเอง แน่นอนว่าระดับนี้แล้วไม่มีพลาด กระสุนชนิดพิเศษเจาะเกราะทองคำเข้าทำลายแกนพลังงานของหุ่นร่างมหึมาจนมันแน่นิ่งไป ร่างทั้งร่างสลายเป็นประกายฝุ่นผงสีทองเหลือไว้เพียงสินสงครามเพื่อรอวันประกอบร่างขึ้นมาใหม่ในอีกหนึ่งเดือนถัดไปนับจากนี้


“หนอย นายจะฆ่าฉันหรือไงฮะ !”


“โอ๊ย !”


อยู่ ๆ ก็มีลูกถีบฟ้าประทานลอยมาจากด้านข้าง เซดี้กระโดดถีบเข้าที่ไหล่ของซิลเวอร์เต็มแรงจนล้มไปกับพื้น


“อะไรวะ ! พวกผู้ใช้เวทอียิปต์ตอบแทนคนที่ช่วยไว้แบบนี้งั้นเรอะ”


คนล้มลงไปโวยวายใส่ เด้งตัวขึ้นมานั่งปัดฝุ่นตรงที่เพิ่งถูกประเคนเท้าใส่พร้อมถามอีกฝ่ายที่เดือดดาลไม่แพ้กัน


“อย่ามาเหมารวม ฉันทำแบบนี้เฉพาะกับพวกคนแย่ ๆ เท่านั้น ถ้าสัตว์อัญเชิญของนายไม่คาบฉันหลบออกมาป่านนี้หัวฉันเละไปแล้วไหม”


เซดี้ชี้ไปยังแบล็คแพนเตอร์ที่นั่งส่ายหางช้า ๆ มองมาทางซิลเวอร์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนผู้เป็นเจ้าของก็ได้แต่กลอกตามองบนหนึ่งรอบถ้วนแล้วยกสองมือขึ้นระดับศีรษะตนเองเป็นเชิงบอกให้เธอใจเย็นลงแล้วเริ่มอธิบาย


“โอเค้ ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้า โอเคไหม งั้นขอโอกาสให้ฉันได้อธิบายหน่อย ฉันกับซิกมอนด์ ใช่ เจ้าเสือดำตัวนั้นนั่นล่ะ เราทำงานทีมเดียวกัน ฉันทำ ฉันคิดอะไร เขารู้เท่าทันฉัน เพราะงั้นฉันยิง ไอ้หุ่นนั่นยิง ซิกมอนด์พาเธอหลบ ไอ้ยักษ์ฟ้านั่นโดนระเบิดหัวแทน เข้าใจไหมครับ คุณผู้หญิง”


เสียงทุ้มเน้นคำสุดท้ายอย่างจงใจ ดวงตาสีอ่อนที่มองสบดวงตาสีน้ำเงินเข้มเจือแววกวนเบื้องล่างตามนิสัยอย่างปิดไม่มิด เซดี้จะโกรธก็ไม่แปลก ด้วยความที่เธอไม่สามารถสื่อสารผ่านทางจิตและอ่านความคิดของเขาได้อย่างที่ซิกมอนด์ทำ 


แน่นอนว่าก่อนจะลงมือ ทุกอย่างล้วนถูกวางแผนตามขั้นตอนเป็นอย่างดีในหัวซิลเวอร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการยิงตามข้อต่อของหุ่นยนต์ทองคำเพื่อถ่วงเวลารอให้ซิกมอนด์จัดการยีเมียร์เสร็จตนหนึ่ง รวมไปถึงจังหวะในการยิงแกนพลังงาน และให้ซิกมอนด์คาบคอเสื้อด้านหลังพาตัวเซดี้ที่กำลังต่อสู้กับยีเมียร์อีกตนออกมายังจุดปลอดภัยในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ยักษ์น้ำแข็งเคราะห์ร้ายตนนั้นโดนลำแสงเลเซอร์ที่ไว้ใช้จัดการกับผู้บุกรุกโจมตีแทน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ


และจบลงตรงที่เขาโดนเซดี้เตะลงไปคลุกฝุ่น…ซึ่งนี่คือสิ่งเดียวที่ไม่ได้อยู่ในแผนแม้แต่น้อย


เมื่อฟังจบผู้ใช้เวทสาวก็เงียบไปเล็กน้อย เธอกำไม้เท้าสีขาวในมือแน่นแล้วสูดหายใจเข้าลึกจนซิลเวอร์เริ่มระแวงว่าเขาจะถูกแพ่นหัวซ้ำอีกทีหรือเปล่า ถึงคทาเวทของสายเลือดเฮคาทีจะใช้โจมตีทางกายภาพโดยตรงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคทาเวทของนักเวทสายอื่นจะทำไม่ได้นี่นะ


แต่สิ่งที่หญิงสาวทำกลับตรงกันข้าม เธอเดินไปหาที่นั่งตรงมุมหนึ่ง วางอาวุธประจำตัวลงแล้วหยิบขวดเครื่องดื่มอะไรสักอย่างจากกระเป๋าเป้ออกมาเปิดดื่ม ภายหลังจากที่ร่างของซิกมอนด์หายไปแล้ว ซิลเวอร์จึงลุกขึ้นมานั่งด้านข้างเธอในระยะห่างที่เหมาะสม


“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นผู้ใช้เวทจากอียิปต์”


เมื่อได้พักผ่อนจนใจเย็นลง เซดี้ก็เริ่มเปิดบทสนทนาใหม่ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังสโตนเฮนจ์ที่ตอนนี้กลับเข้าสู่สภาพปกติ


“ไม่ยาก ก่อนหน้านี้เธอพูดถึงโนม แล้วก็…” ซิลเวอร์เงียบไปเล็กน้อยแล้วชี้ตรงช่วงใต้ระหว่างกลางไหปลาร้าทั้งสองข้างของตนเอง “สร้อยคอจี้รูปขนมปังขิงนั่น”


“เขาเรียกว่า ‘อังค์’ 


เซดี้รีบสวนกลับหน้าง้ำงอจนซิลเวอร์หลุดขำ แม้เขาจะไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเวทสายอียิปต์อย่างลึกซึ้ง แต่ก็พอรู้ความหมายเชิงสัญลักษณ์มาบ้าง


“อังค์ที่ว่านี่คือสัญลักษณ์ของชีวิตและความเป็นอมตะใช่ไหม ฉันเคยได้ยินมาว่าผู้ใช้เวทอียิปต์ไม่ใช่คนที่สืบสายเลือดมาจากเทพเหมือนกรีกกับโรมันใช่หรือเปล่า”


“ใช่ พวกเราไม่ได้สืบสายเลือดมาจากเทพโดยตรง แต่เป็นร่างประทับ อย่างฉันเป็นร่างประทับให้ไอซิส ส่วนพี่ชายฉันก็เป็นร่างประทับให้ฮอรัส”


เซดี้บอกพลางดื่มน้ำจากขวดในมืออีกครั้ง จากนั้นก็หันมามองคนข้าง ๆ


“แล้วนายล่ะ ก่อนหน้านี้บอกว่าจะกลับนิวยอร์กใช่ไหม ฉันกำลังจะไปที่นั่นพอดี สนใจไปด้วยกันไหม”


“หืมมมมม จะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้งั้นเรอะ ไม่เอาน่า ฉันมาที่นี่ก็เพราะมาทำงานเหมือนกัน ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก”


ซิลเวอร์ถึงกับเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่นึกว่าหญิงสาวคนนี้จะใจป๋าขนาดนั้น ถึงเธอเต็มใจจ่ายให้แต่เขาก็จะปฏิเสธอยู่ดี เพราะตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะขึ้นรถไฟเฮเฟตัสกลับ


“ไม่ใช่ ฉันมีวิธีอื่นที่เร็วกว่าเครื่องบิน แค่กะพริบตาพวกเราก็ถึงนิวยอร์กแล้ว”


พูดจบเซดี้ก็เก็บขวดเครื่องดื่มใส่เป้ เธอหยิบคทาเวทอีกอันที่มีรูปสัญลักษณ์ ‘อังค์’ เหมือนกับจี้สร้อยคอมาถือไว้แล้วยืนขึ้น ผู้ใช้เวทสาวดูท่าทางสงบเงียบกว่าที่เคยราวกลับกำลังรวบรวมสมาธิอย่างสูงซึ่งซิลเวอร์ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรเพื่อเป็นการทำลายพิธีกรรมนั้น 


“ไอดีโอแกรม”


ทันทีที่หญิงสาวเปล่งข้อความไม่คุ้นหูและวาดเครื่องหมายอะไรบางอย่าง สิ่งที่มีรูปร่างเหมือน ‘ประตูเรืองแสง’ ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอจากอากาศที่ว่างเปล่า ณ ตอนนี้เหมือนทุกสิ่งรอบตัวถูกหยุดเวลาไว้ ที่อีกด้านของประตูเป็นสถานที่อันเลือนลางที่ซิลเวอร์ไม่เคยเห็นมาก่อน


“จะมาไหม ฉันเปิดพอร์ทัลได้ไม่นานหรอกนะ ถ้าจะมาก็รีบมา”


เซดี้หันมาเอ่ยเร่งอีกครั้ง นักเวทจากค่ายฮาล์ฟบลัดมองสบดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น


แน่นอนว่าเขาไม่นึกกลัว ถ้าไม่ได้ไปโผล่ที่นิวยอร์ก ก็แค่ไปโผล่ที่ไหนสักที่ก็เท่านั้น


ไปถึงนิวยอร์กเพียงแค่กะพริบตา…ลองเสี่ยงดูสักครั้งจะเป็นไรไป


“เป็นเกียรติสุด ๆ ที่ได้ทดลองใช้พอร์ทัลของผู้ใช้เวทอียิปต์ แลนดิ้งสวย ๆ นะคุณผู้หญิง”


ร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มอย่างนึกสนุก ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะหายไปในประตูเรืองแสงบานนั้น และเหลือทิ้งไว้เพียงสโตนเฮนจ์ที่เงียบเหงาท่ามกลางท้องฟ้าสว่างจ้าในยามกลางดึกซึ่งถือว่าเป็นเรื่อง ‘ปกติ’ ของโลกในขณะนี้ 




สรุป

- ซิลเวอร์ช่วยเซดี้ เคน ผู้ใช้เวทอียิปต์ใช้พลังเวทยับยั้งการทำงานของผลึกไททัน

- ทั้งสองสามารถหยุดการดูดซับพลังงานจากสโตนเฮนจ์ของผลึกไททันได้สำเร็จ

- ต่อสู้กับยีเมียร์ และ หุ่นยนต์ทองคำ

- ซิลเวอร์ตามเซดี้ เคนกลับนิวยอร์กด้วยการใช้พอร์ทัลตามคำชวนของเธอ


สินสงคราม

- ฟันเฟือง 10 หน่วย (ดรอปทุกกรณีไม่สุ่ม)

- ผนึกน้ำแข็ง [LUK 100+] : 5 หน่วย


หลักฐานการต่อสู้

ยักษ์น้ำแข็ง (ยีเมียร์) 1 ตัว : Link

หุ่นยนต์ทองคำ 1 ตัว : Link

(พิชิตหุ่นยนต์ทองคำวันที่ 31 พ.ค. 2025)


@God 

แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
  โพสต์ 2025-10-9 20:26
โพสต์ 188855 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2025-10-9 19:53
โพสต์ 188,855 ไบต์และได้รับ +1 Point จาก เหรียญนกฮูก  โพสต์ 2025-10-9 19:53
โพสต์ 188,855 ไบต์และได้รับ +25 EXP +35 เกียรติยศ +55 ความศรัทธา จาก น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ  โพสต์ 2025-10-9 19:53
โพสต์ 188,855 ไบต์และได้รับ +4 เกียรติยศ +4 ความกล้า จาก สร้อยคอดีไซน์เท่  โพสต์ 2025-10-9 19:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เหรียญนกฮูก
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x2
x2
x1
x1
x2
x5
x1
x10
x2
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
โหมดขั้นสูง
B Color Image Link Quote Code Smilies

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้