แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-31 04:44
268 เดินสายซ่อมบ้าน 27/12/2024 เวลา 14.06 น. - 17.50 น.
รายงานความคืบหน้าการทำห้องสัตว์เลี้ยงของบ้านโพไซดอน…
เมื่อวานเหล่าบุตรแห่งเจ้าสมุทรได้ทำการทาสีรองพื้นของห้องสัตว์เลี้ยงทั้งด้านในและด้านนอกไปแล้ว ที่เหลือรอให้สีแห้งจึงค่อยทาสีจริงทับ หากพูดถึงขั้นตอนแล้วก็ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากมากมาย เริ่มจากการทำความสะอาดพื้นผิวของปูน อุดรอยแตกด้วยอะคริลิก จากนั้นเก็บรายละเอียดรอยโป๊วที่ผนังให้เรียบทั่วกัน จากนั้นใช้เทปกาวในการแปะตามขอบต่าง ๆ เช่นขอบหน้าต่างไม่ให้สีเลอะไปโดน
งานละเอียดเป็นของนายช่างใหญ่ไทสัน ส่วนดีนและน้องชายคนอื่น ๆ มีหน้าที่ในการทาสีอย่างเดียว ห้องสัตว์เลี้ยงไม่ได้กว้างขวางก็เลยเสร็จงานไวและได้พักผ่อน แล้วค่อยมาทาสีจริงในวันรุ่งขึ้นซึ่งก็คือวันนี้… การทำงานเสร็จสิ้นรวดเร็วไม่แพ้เมื่อวานเพราะมีตั้งสี่แรงมือ ทั้งที่ความจริงมีช่างทาสีเพียงแค่คนเดียวก็เหลือแหล่ แต่อย่างว่า… ทุกคนน่าจะติดลมความสนุกจากการทาสีผนังกันตั้งแต่เมื่อวาน
หลังจากจัดการงานทาสีของห้องเสร็จเรียบร้อยสิ่งต่อไปที่ทำได้ก็คือการรอสีให้แห้ง เหล่าสายเลือดเทพสมุทรจึงสลายโต๋แยกย้ายกันไปทำงานอย่างอื่น บางคนก็ไปช่วยซ่อมแซมสถานที่อื่น ๆ ในค่ายฮาล์ฟบลัด บางคนก็ไปพักผ่อน หรือบางคนปลีกวิเวกไปที่ทะเลสาบ
ขอจบการโม้เรื่องบ้านตัวเองลงเพียงเท่านี้
. . .
ในเวลาว่างของวัน ชายหนุ่มชาวเท็กซัสหนึ่งเดียวในบ้านโพไซดอน ติดใจกับการซ่อมแซมบ้านจึงเดินไปตามกระท่อมหลังอื่น ดูว่าที่ไหนขอความช่วยเหลือและได้รับความเสียหายมาบ้าง ดูเหมือนว่ากระท่อมที่โชคร้ายจะมีกระท่อมโพไซดอน อะธีน่า อะพอลโล่ อะโฟร์ไดท์ ฮิปนอส และเฮคาที นอกนั้นปลอดภัยดีอาจจะมีแค่สนามหญ้าหน้าบ้านแหว่งไปนิดหน่อย ในระหว่างนี้ชายหนุ่มก็ทำการสำรวจประชากรของกระท่อมแต่ละหลังตามคำสั่งของคุณดีไปด้วยเลย
บ้านที่ซ่อมเสร็จแล้วเห็นจะมีเพียงโพไซดอนกับเฮคาทีที่มีกำลังพลเยอะ และมีพ่อมดที่เสกเครื่องเรือนทำงานเองได้จึงไม่ลำบากลำบนในการซ่อมแซมมากเท่าไร ส่วนบ้านที่เหลือทั้งกำลังคนน้อย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กที่เรี่ยวแรงน้อยกันทั้งนั้น อย่างเช่นกระท่อมที่ดีนตัดสินใจช่วยเหลือในวันนี้ คือกระท่อมหมายเลขเจ็ด อะพอลโล่ ที่มีผู้อยู่อาศัยเพียงสองคนนั่นก็คือ ทิปตา ปินตัง และเคธี่ เฟย์ อาศัยอยู่ นอกจากนี้เหตุผลอีกอย่างคือ ดีนได้ไปลงชื่อกิจกรรมของกระท่อมอะโฟร์ไดท์เอาไว้แล้วได้ดูโอเมทเป็นหญิงสาวรุ่นพี่ของบ้านนี้เลยอยากไปทำความรู้จักกันสักหน่อย
ดีนหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหมายเลขเจ็ด สายตาสำรวจร่องรอยต่าง ๆ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเสียหายมากมาย ไม่แน่ว่าสองศรีพี่น้องบ้านเทพสุริยันจะจัดการทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แหงมแหล่ะ.. นี่ก็ผ่านมาตั้งห้าวันแล้วนี่นา ใครจะปล่อยให้ตัวเองอยู่กับบ้านพัง ๆ ได้ไหว แต่ก็นั่นแหล่ะ นอกจากการซ่อมบ้านดีนยังมีวัตถุประสงค์อื่นอีก
ก๊อก.. ก๊อก..
“มีใครอยู่ไหม?”
ดีนป้องปากตะโกนเข้าไปด้านในกระท่อมอะพอลโล่ ตอนนี้เขาเริ่มคิดเรื่องกระดิ่งหน้าประตูบ้านจับจิต จากการที่เขาต้องมาเคาะประตูหน้าบ้านคนอื่นแล้วตะโกนเรียกแบบนี้ตั้งหลายครั้ง (สำหรับบ้านเฮคาทีไม่นับ เพราะว่าดีนเข้าออกจนพรุนราวกับว่าเป็นกระท่อมของตนเอง) หรือจะซื้อกระดิ่งอัตโนมัติมาติดไว้ที่หน้าบ้านโพไซดอนดี? จะว่าไปก็เป็นความคิดที่เข้าท่าใช่เล่น
“ครับ มาแล้วครับ” เสียงแตกหนุ่มของบุรุษที่ยังไม่โตเต็มวัยดีตะโกนออกมาจากด้านในบ้าน จากนั้นประตูไม้ก็เปิดออก เป็นทิปตาที่มาเปิดประตูให้ “สวัสดีครับพี่ดีน มี.. เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ดูท่าทางหนุ่มน้อยชาวซีจะตกใจใช่เล่นเมื่อจู่ ๆ มีคนมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน บางทีแล้วทิปตาอาจยังคงหลอน ๆ จากเหตุการณ์เมื่อวันนั้นอยู่ เพียงแต่คราวนี้ไม่มีแซเทอร์เป่าแตรวิ่งรอบค่าย
“ฮายอาจารย์ คือว่าฉันมาทำแบบสำรวจประชากรในบ้านน่ะ แล้วก็อยากถามด้วยว่าที่บ้านนายมีอะไรเสียหายบ้างไหม จะมาช่วยซ่อมน่ะ”
“ครับ ถ้างั้นเชิญเข้ามาก่อน” ทิปตาเปิดประตูบ้านให้ดีนเข้ามาอย่างว่าง่าย
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมดีนถึงเรียกหนุ่มน้อยว่า ‘อาจารย์’ คืองี้… เรื่องมันมีอยู่ว่าช่วงเดือนมีนาคมที่ดีนได้เข้ามาอยู่ที่ค่ายฮาล์ฟบลัดใหม่ ๆ คุณดีได้จัดปาร์ตี้รอบกองไฟเฮสเทียขึ้น ไม่ต้องบอกก็คงเดาภาพออกว่าปาร์ตี้ที่จัดโดยเทพแห่งงานรื่นเริงจะสนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหน แต่ก็นั่นแหล่ะ พอมีปาร์ตี้ติดต่อกันทุกสัปดาห์ร่างกายก็เริ่มล้าจนลุกไม่ขึ้น วันหลัง ๆ ดีนจึงอยากไปงานแบบชิล ๆ สบาย ๆ ไม่ปล่อยให้ดื่มหนักจนร่างกายพัง
วันนั้นเขาเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งล้อมวงเล็ก ๆ กันอยู่ที่ข้างกองไฟ ร้องเพลงเล่นกีต้าร์กันเองจึงไปร่วมแจม คนอย่างดีนสนิทกับคนอื่นได้ไม่ยากอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงตีซี้ขอให้เด็กที่ร้องเพลงเล่นกีต้าร์เก่งที่สุด ซึ่งก็คือทิปตา สอนการเล่นกีต้าร์ให้ ทว่าหลังจากนั้นเขาก็แทบจะไม่ได้จับเครื่องสายนี้อีก จนมอบอุคุเลเล่ที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทให้แมคเคนซีไปเพราะรายนั้นเล่นดนตรีได้เก่งชวนเคลิ้มเลยทีเดียวเชียวล่ะ…
จบการระลึกความไว้ก่อน… ดีนเดินเข้าไปในห้องโถงของกระท่อมหมายเลขเจ็ด ที่นี่ตกแต่งสไตล์มินิมอลแต่ยังคงความอบอุ่นเหมือนนั่งอยู่หน้าเตาผิงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้าน แม้คนจะน้อยแต่กลับดูไม่เงียบเหงา เฟอร์นิเจอร์บางอย่างให้กลิ่นอายของตะวันออก แสดงถึงรสนิยมความชื่นชอบของเทพผู้ขับขี่ราชรถสุริยันได้เป็นอย่างดี
“บ้านนายดูไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยนะ”
“เสียหายอยู่บ้างนิดหน่อยครับ มีโคมไฟแตกกับกระถางต้นไม้หัก แต่เมื่อหลายวันก่อนคุณลอร์ร่าจากกระท่อมคุณดีมาช่วยเก็บกวาดให้ สภาพเลยออกมาดูดีแบบนี้ล่ะครับ ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงอันเบาอย่างคนสนทนาไม่เก่ง หากให้ร้องเพลงเล่นกีต้าร์คงจะดีกว่านี้ ซึ่งดีนรู้ถึงลักษณะนิสัยนั้นเขาจึงพยายามเป็นผู้ชวนคุย
“ดีจังแฮะ ถือว่าเสียหายน้อยกว่ากระท่อมฉันเยอะเลย แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ซ่อมแซมทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว แถมเรายังต่อเติมห้องใหม่เพิ่มอีกด้วย...”
“ทิฟฟี่ มีใครมาเหรอ?” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังลงมาจากชั้นสอง ขัดการโม้เรื่องบ้านของดีนไว้ตรงนี้ จากนั้นเธอก็พาร่างเล็กแต่ดูสมส่วนลงมาจากบันได ดูแล้วสาวคนนี้อายุอานามน่าจะไม่ห่างจากดีนเท่าไร ที่ว่าไม่ห่างหมายถึงเธอน่าจะอายุน้อยกว่า..
“สวัสดีครับ ผมดีน นีล จากกระท่อมหมายเลขสาม ยินดีที่ได้รู้จัก ผมมาเพื่อสอบถามเรื่องจำนวนสมาชิกภายในบ้านแล้วก็ตรวจสอบความเสียหายของกระท่อมด้วย เผื่อมีอะไรให้ผมช่วยซ่อม ตอนนี้ก็ว่างงานพอดีน่ะครับ”
“อ๋า ดีน นีล.. นายคือดีน นีลที่ชื่อยาว ๆ คนนั้นใช่ไหม? ฉันเคธี่ เฟย์นะ ยินดีที่ได้รู้จัก แค่ว่าเรียกสั้น ๆ ว่าแคทก็ได้” จากที่กำลังเดินลงมาคราวนี้เคธี่วิ่งดุ๊ก ๆ ลงมาจากบันไดเหมือนกับคนไฮเปอร์ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าของสองหนุ่ม
“ครับ ใช่.. ผมคือดีน นีล คนที่ชื่อยาวคนนั้น”
ดีนขำ จะบอกว่า ‘ดีน นีล’ คือชื่อที่ยาวก็กะไรอยู่ แต่ช่องว่างระหว่าง ‘ดีน’ และ ‘นีล’ ได้ยัดชื่อกลางพ่วงนามสกุลแม่ลงไป จากนั้นกดคลิกขวาซ่อนเอาไว้จนแทบลืมสนิท จะว่าไป… หากว่าแม่ไม่หนีจากพ่อไปแล้วอยู่เป็นคุณนายเจ้าของโรงแรมจะเป็นยังไงนะ? ป่านนี้ชื่อของเขาคงไม่ใช่ดีน นีลคนชื่อยาว แต่เป็น ‘เอลวิน สตอร์ม’ คนชื่อสั้นแทน
“แต่เฮ้.. คุณคือรุ่นพี่เคธี่คนนั้นเหรอ? ให้ตายสิ ผมคิดว่าคุณอายุน้อยกว่าผมซะอีก!” อดตะลึงไม่ได้จริง ๆ เป็นคำชมที่กล่าวออกมาจากใจไร้สารปรุงแต่งเลยทีเดียว
“ขอบใจที่ชมนะ แต่เห็นแบบนี้ฉันอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้วล่ะ” รุ่นพี่สาวหัวเราะคิกคัก สำหรับผู้หญิงเมื่อถูกชมว่าอายุน้อยย่อมดีใจเป็นธรรมดา
“ว่าแต่คุณรู้จักผม?”
“โอ้ แน่สิ! ก็นายเป็นคู่หูเล่นเกมของฉันนี่นา เกมวาสนา โชคชะตา พรหมลิขิตน่ะใช่ไหม? แล้วนายน่าจะรู้ชื่อของฉันตั้งแต่จับสลากแล้วด้วย”
“เออ.. ก็จริงแฮะ เกือบลืมไปเลยว่าเรารู้ชื่อกันแล้วแค่ไม่เคยเห็นหน้า” ดีนยิ้มเก้อ ๆ เขายกมือเกาหัวตัวเองปอย ๆ “ความจริงผมก็มาเพราะเรื่องนี้ด้วย กับชื่อกิจกรรม เอ่อ.. วาสนา โชคชะตา พรหมลิขิต.. ให้ตายสิ ชื่อชวนจั๊กจี้เป็นบ้า! อย่างกับกิจกรรมนัดบอร์ดอะไรทำนองนั้นเลย…”
“นายก็คิดเหมือนกันเหรอ!” เคธี่หัวเราะร่าเริง สดใสเหมือนกับพระอาทิตย์ “แต่ทำไงได้ล่ะ คนคิดเกมคือบ้านอะโฟร์ไดท์นี่นา มันก็ต้องออกมาในแนว ๆ นั้นอยู่แล้ว”
“จริงด้วยแฮะ” พอคิดตามก็จริงอย่างที่หญิงสาวพูดเหมือนกัน
“เอ่อ.. คือว่า พวกพี่คุยกันไปก่อนนะครับ ผมขอตัว” ทิปตาที่พูดไม่เก่งไม่รู้จะคุยอะไรกับทั้งสองคนดีจึงขอตัวอย่างสุภาพ เพราะดูแล้วบทของเขาน่าจะหมดลงเพียงแค่ตรงนี้
“อื้อ เดี๋ยวฉันอยู่รับแขกต่อเอง นายก็แต่งเพลงต่อดี ๆ ล่ะ” พี่สาวโบกมือลาน้องชาย ส่วนดีนได้แต่ค้อมหัว จากนั้นทิปตาก็ขึ้นบันไดไปยังห้องของตัวเอง เคธี่ก็หันกลับมาสนทนากับดีนต่อ “งี้ต้องเริ่มยังไงนะ? ฉันต้องบอกความต้องการกับนายใช่หรือเปล่า อืม… จริงอยู่ที่พ่อเราเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ แต่ตอนนี้แสงสว่างกำลังทำร้ายฉัน ฉันนอนไม่ได้เลยในห้องก็ร้อนไปหมด บางทีการเอาหน้าต่างออกอาจจะช่วยได้ แต่ฉันว่าฉันต้องการผู้ช่วยสักคน.. คงประมาณนี้ แต่ก็ เอ่อ.. ถึงไม่เกี่ยวกัน แต่ตอนนี้หน้าต่างที่ห้องก็มีปัญหาอยู่จริง ๆ แหล่ะ”
“คุณเล่นบอกความต้องการมาโต้ง ๆ แบบนี้เลยเหรอครับ ผมนึกว่ากติกาเขาให้ไปเล่นที่กระโจมต้องประสงค์ที่บ้านอะโฟร์ไดท์ซะอีก”
“อูย.. ฉันนี่ก็ใจร้อนจริง ๆ” เคธี่ทำท่าเขกหัวตัวเอง “งั้นเอาไว้เรานัดวันกันไปเล่นกิจกรรมนี้กันดีไหม? ฉันว่างวันอาทิตย์ล่ะ แต่อาทิตย์นี้คงไม่ได้ ต้องรอให้ผ่านงานศพของเอลลิสไปเสียก่อน…” ประโยคหลังเธอพูดเสียงแผ่ว “ถ้างั้นเอาเป็น วันที่ห้า มกราคมเป็นไง?”
“ผมไม่แน่ใจเลยว่าวันที่ห้าจะยังอยู่ค่ายไหม แบบว่ากะจะไปรับภารกิจที่เมืองนีออมน่ะครับ ผมจะออกจากค่ายไปพร้อมกับแฟนก็เลย…”
“นายยังไม่ว่างสินะ งั้นไม่เป็นไร ๆ เอาไว้ตอนที่นายกลับมาจากภารกิจก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน ฉันน่ะยังไงก็ได้ขอแค่เป็นวันอาทิตย์ที่ไม่มีสอน”
“โอเคครับ งั้นคุณต้องรอผมนานหน่อยแล้วล่ะ” ดีนหัวเราะเบา ๆ เพราะการเที่ยวแต่ละครั้งจนชอบติดลมยาวจนไม่รู้ว่าจะได้กลับมาจริง ๆ เมื่อไร “แต่ก่อนหน้านี้คุณบอกว่ายังไงนะ? หน้าต่างเป็นปัญหาจริง ๆ คงไม่ใช่แค่รำคาญแดดใช่ไหมครับ?”
“ไม่ใช่หรอก คือว่าวันที่มีการต่อสู้กันน่ะ แบบว่าหน้าต่างห้องฉันมัน… เฟี้ยววว ตู้มมม เพล้ง!!” รุ่นพี่สาวทำไม้ทำมือประกอบท่าทางไปด้วย “มันก็ประมาณนั้นแหล่ะ นายพอจะเข้าใจใช่ไหม?”
“เรียกง่าย ๆ ก็คือหน้าต่างแตก? งั้นผมขอขึ้นไปดูที่ห้องคุณหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ได้สิ ฉันไม่มีปัญหา ถ้างั้นก็ตามมาเลย!” เคธี่เดินนำหน้า พาขึ้นบันไดชั้นสองของบ้านอะพอลโล่ไปยังห้องนอนของตัวเอง แต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป.. “เดี๋ยวแป๊บนึงนะ ขอดูก่อนว่ามีอะไรที่ต้องเอาไปซ่อนหรือเปล่า” หญิงสาวกล่าว จากนั้นก็เข้าไปในห้องคนเดียวประมาณสามนาที ประตูห้องนอนก็เปิดต้อนรับอีกครั้งหนึ่ง “เรียบร้อย เชิญจ้า”
“รบกวนด้วยนะครับ” ดีนยิ้ม การได้เข้าห้องผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรกก็ออกจะตื่นเต้นเหมือนกันแฮะ ทั้งที่เมื่อก่อนก็ทำแบบนี้ออกจะบ่อย แม้ว่าเป็นคนละจุดประสงค์กันก็ตาม..
ห้องนอนของเคธี่ก็เหมือนกับห้องของผู้หญิงทั่วไป ข้าวของวางอย่างเป็นระเบียบ (อาจเพราะเพิ่งเก็บตะกี้นี้) ตกแต่งอย่างอบอุ่นตามธีมบ้าน แต่ไม่ลืมจะมีของตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ประดับประดาไว้ตามมุมต่าง ๆ นอกจากนั้นยังมีตุ๊กตาตัวใหญ่นอนเป็นเพื่อนอยู่บนเตียง หญิงสาวเจ้าของห้องเดินไปที่หน้าต่างเจ้าปัญหาก่อนจะรูดม่านออก ตอนนี้สิ่งที่ดีนเห็นคือกระดาษหนังสือพิมพ์แปะไว้ที่บ้านหน้าต่างแทนที่กระจกใส ลมจากนอกอาคารที่พัดผ่านไปมาทำให้เสียงของหนังสือพิมพ์ตีกันกระพือ
อย่างกับหน้าต่างบ้านในโฆษณาเกมการ์เดนสแคปส์ในโทรศัพท์มือถือ… เกมที่ชอบโฆษณาระบบที่ตัวเกมไม่มี สร้างสตอรี่ดราม่าให้ตัวละคร (ที่ไม่มีในเกมจริง) เช่น หญิงสาวถูกสามีทิ้งเลยต้องหอบลูกเล็ก ๆ กับหมาน้อยตัวหนึ่งไปพักอาศัยอยู่ในบ้านร้าง จากนั้นเราต้องช่วยเหลือโดยการรวมไอเท็มเพื่อซ่อมบ้านก่อนที่สามชีวิตจะหนาวตาย… มันตรงเสียยิ่งกว่าอะไรดี
“ให้ตายสิคุณแคท! คุณทนนอนแบบนี้มาตั้งห้าวันเนี่ยนะ!”
“ให้ทำไงได้เล่า ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้จักงานช่างนี่นา ทิปตาเองก็น่าจะทำไม่เป็นเหมือนกันฉันก็เลยไม่ได้รบกวนใคร…” เคธี่ยิ้มแหยก่อนจะพูดต่อ “แต่ก็ไม่แย่ซะทีเดียวหรอก อย่างน้อยลมก็ไม่ได้เข้ามามากเท่าไร แถมยังลดแสงอาทิตย์อีกด้วย…” คล้ายกับเธอพยายามหาข้อดีในความโชคร้ายที่ต้องใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แทนกระจกหน้าต่าง
“โอเค ผมพอจะเข้าใจเหตุผล.. งี้เอาไงดีล่ะครับ คุณบอกว่าอยากเอาหน้าต่างออกใช่ไหม? ผมเรียนฉาบปูนมาแล้ว แต่มันจะโอเคจริงหรือเปล่า?”
“ความจริงก็ไม่โอเคเท่าไรถ้าไม่มีหน้าต่างเลย” เคธี่พูดเสียงอุบอิบด้วยท่าทางการยืนประสานมือกันไว้ข้างหน้าพร้อมทั้งหมุนนิ้วชี้ของทั้งสองมือวนกันไปมา
“เอางี้ไหมครับ เดี๋ยวเราเปลี่ยนบานหน้าต่างกัน แล้วเลือกหน้าต่างที่ทึบแสงหน่อย ผมว่าถ้าทำเป็นโมเสกก็น่าจะสวยดี..” ชายหนุ่มกุมคางพลางมองไปที่กรอบหน้าต่าง แม้จะกันแสงไม่ได้ทั้งหมด แต่กระจกสีต่าง ๆ ที่นอกจากจะสวยงามแล้วก็น่าจะช่วยกรองแสงได้ในระดับหนึ่ง
“เป็นความคิดที่ดีเลย! แต่เราจะไปเอาหน้าต่างมาจากไหนกันดีล่ะ?”
“เรื่องนั้นไม่ยาก เมื่อวานผมไปขอเบิกวัสดุจากบ้านใหญ่มา เห็นว่าคุณไครอนเองก็ต้องเปลี่ยนหน้าต่างกระจกสีเหมือนกัน เราไปขอเขามาสักบ้านนึงคุณไครอนน่าจะไม่ว่าอะไร…” คิดเองเออเองแล้วหนึ่ง แต่ผู้อำนวยการก็คงจะไม่ว่าอะไรจริง ๆ นั่นแหล่ะ “แต่ก่อนอื่นเราต้องวัดขนาดช่องหน้าต่างเก่าก่อนครับถ้าเล็กกว่าไม่มีปัญหา ฉาบปูนปิดทับได้ แต่ถ้าหน้าต่างใหม่ใหญ่กว่าช่อง… อื่ม สงสัยผมคงต้องเรียกไทสันมาดูอาการ”
“หงูย งั้นก็ขอให้มีขนาดที่ตรงเป๊ะทีเถอะ” เคธี่กุมมือภาวนา และเพื่อไม่ให้เสียเวลาทั้งสองจึงออกเดินทางไปบ้านใหญ่ด้วยกัน
ไม่ว่าจะด้วยโชคเข้าข้างหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ หรือยิ่งกว่านั้นคือเทพอะพอลโล่ได้ยินสิ่งที่บุตรสาวภาวนา ทั้งสองที่มาขอเบิกอุปกรณ์จากบ้านใหญ่จึงพบกับหน้าต่างกระจกสีที่มีขนาดเท่ากับช่องหน้าต่างห้องของเคธี่เป๊ะชนิดจับวาง และหน้าต่างปริศนาบานนี้คุณไครอนยังบอกอีกว่าเอาไปเลยไม่ได้ใช้ หรือว่า โชคชะตา วาสนา พรหมลิขิตกับหน้าต่างห้องจะมีจริง!
เมื่อได้อุปกรณ์สำหรับการซ่อมบานหน้าต่างแล้ว ก็ได้ขอแรงแซเทอร์อีกสองคนมาช่วยยกหน้าต่างกระจกสีไปยังบ้านพักอะพอลโล่ จากนั้นลงมือซ่อมแซม เริ่มด้วยการหาผ้าใบมาคลุมเฟอร์นิเจอร์และพื้นพรม จากนั้นสกัดปูนเอาหน้าต่างเก่าออก ทำความสะอาดเป่าฝุ่นให้สะอาด ก่อนจะติดตั้งหน้าต่างบานใหม่ที่เป็นกระจกสีลงไปแทน ยึดติดด้วยกาวซิลิโคน รอให้แห้งจากนั้นก็เก็บรายละเอียดให้เรียบร้อย แล้วก็เสร็จ! อะไรมันจะง่ายปานนั้นราวกับเทพบันดาลใจ
“โอ๊ยยย สวยมากเลย ลายหน้าต่างก็สวย”
หญิงสาวเจ้าของห้องดูจะปลื้มกับกระจกสีบานนี้มากถึงกับลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่หลายรอบ แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนกลายเป็นสีสันหลายเฉด ไม่ทำให้ห้องร้อนเกินไปตามเป้าประสงค์ เห็นแบบนี้คนมาซ่อมห้องให้ก็ดีใจ
“ขอบคุณมากเลยนะดีน ถ้าไม่ได้นายช่วยไว้มีหวังฉันได้ใช้หนังสือพิมพ์แทนบานหน้าต่างไปตลอดกาลแน่ ๆ”
“ไม่เป็นไรเลยครับคุณแคท เหมือนว่าคุณมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับด้วยสินะ ถ้างั้นลองเอาลูกอมคาโมมายด์ไปกินดู ผมได้มาตอนออกไปซื้อของข้างนอก น่าจะทำให้หลับสบายขึ้นอีกต่อนึง”
“ขอบคุณนะคู่หู นายให้ของฉันมาอีกแล้ว ไม่รู้จะเอาอะไรมาตอบแทนดีเลย”
“ไม่เป็นไรครับ” ดีนหัวเราะ “งั้นเอางี้ไหม ตอนถ้าผมไปขอเรียนยิงธนูคุณก็ช่วยอย่าเคี่ยวกับผมมาก แล้วก็ให้การบ้านง่าย ๆ หน่อย”
“ได้สิ ตกลงตาม–.. เอ้ย! ไม่ได้!! ถ้าฉันลำเอียงเดี๋ยวคุณไครอนได้หักเงินเดือนกันพอดี นายต้องขออย่างอื่นแทนแล้วล่ะดีน!” เคธี่เกือบจะคล้อยตาม แต่เธอโชคดีแล้วเพราะว่าดีนไม่ได้สนใจการใช้ธนูเท่าไร
“งั้นเปลี่ยนเป็นช่วยบอกเทพอะพอลโล่ทีได้ไหมครับว่าช่วยลดแสงลงนิดนึงได้ไหม ผมไม่รู้ว่าระหว่างเป็นมะเร็วผิวหนังกับถูกอสุรกายงาบไปกินอย่างไหนมีโอกาสเกิดง่ายกว่ากันแล้ว”
“ได้สิ ได้! ถ้าข้อนี้ล่ะก็รับปากเลย แต่ว่านายยังต้องกลัวอีกเหรอ ได้ข่าวว่านายเป็นหัวหน้าทีมทวงคืนตรีศูลที่หายไปนี่นา ฝีมือระดับนี้ฉันคิดว่าคงไม่เป็นอย่างข้อหลังง่าย ๆ หรอก”
“โธ่ คุณเคธี่ คุณไม่รู้อะไรซะแล้วครับ..” ดีนยิ้มฝืด ๆ ไม่อยากจะคิดว่าระหว่างทางตัวเองโดนอะไรมาบ้าง เกือบตายจากรถทัวร์คว่ำ เกือบตายเพราะถูกปล้น เกือบตายเพราะปลดปล่อยคธูลฮู เกือบตายเพราะราชสีห์นีเมียนตะปบจนหน้าแหก และอย่างสุดท้าย เกือบตายเพราะถูกไคมีร่าแทงเข็มพิษใส่ถึงสองครั้ง ถ้าไม่ได้พ่อช่วยเอาไว้ ป่านนี้คงไม่มี ‘ดีน นีล ที่ชื่อยาว ๆ คนนั้น’ อยู่มาซ่อมหน้าต่างให้เธอหรอก “เอาเป็นว่าผมขอสิ่งตอบแทนแค่นั้นแหล่ะ ส่วนหน้าต่างถ้ามีปัญหาอะไรก็แจ้งมาทางกระท่อมโพไซดอนได้ ที่นั่นมีน่าช่างใหญ่คอยช่วยเหลือครับ”
“ได้เลยดีน ถ้างั้นเราแลกคอนแทกต์กันดีไหม? เวลาติดต่ออะไรจะได้ไม่ต้องมาเคาะประตูหน้าบ้านเสี่ยงดวง” รุ่นพี่สาวหยิบเอาสมาร์ทโฟนเดดาลัสรุ่นเลกาซีออกมา เห็นแล้วช้ำใจทุกทีเพราะนั่นคือสิ่งที่เขาไม่มียังไงล่ะ!
“ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ ผมยังไม่ได้ซื้อโทรศัพท์มาเลย แต่เร็ว ๆ นี้ได้ซื้อแน่ ๆ เอาเป็นว่าถ้าซื้อมาแล้วผมจะขอคุณแลกคอนแทกต์ก่อนใครเลย”
“ว้า น่าเสียดาย แต่เอาแบบนั้นก็ได้ คุยกับนายถูกคอดี ถ้ามีโทรศัพท์เมื่อไรฉันจะส่งข้อความไปป่วนนายแน่ ๆ” หญิงสาวหัวเราะคิกคักเหมือนเด็กซน
“ผมจะรอดูเลยว่าใครจะได้ป่วนใครกันแน่” ดีนหัวเราะพร้อมท้ากลับ ขณะนั้นเสียงตั้งปลุกก็ดังขึ้นมาจนดีนต้องยกไอโฟนธรรมดาขึ้นมากดปิดแจ้งเตือน “โอ้ จะหกโมงแล้ว.. ถ้าไงวันนี้ผมขอตัวก่อนดีกว่า ใกล้ได้เวลานัดกินมื้อเย็นแล้ว คุณทำความสะอาดห้องต่อเองได้ไหม?”
“ได้สิ ฉันทำเอง แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว รบกวนตั้งหลายอย่าง นายไปกินมื้อเย็นเธอ เดี๋ยวแฟนจะรอนาน” เคธี่เดินนำออกจากห้องนอนเพื่อไปส่งแขก
“งั้นขอตัวก่อนนะครับคุณเคธี่ ไว้นัดเจอกันที่บ้านอะโฟร์ไดท์”
ทั้งสองร่ำลาโบกมือบ๊ายบายให้แก่กัน จากนั้นก็แยกย้ายไปทำธุระของตนเอง
โรลเพลย์ซ่อมแซมบ้าน +1 Point
 มอบ [อมยิ้ม] ให้ [เคธี่ เฟย์]
|