เหมือนได้หลุดพ้นจากนรกแสงสีเสียงมาสู่สรวงสวรรค์ที่แท้จริง ไคผ่อนลมหายใจออกยาวเหยียดทันทีที่เดินพ้นเขตวิหารแบคคัสมาสู่เนินหญ้าเขียวขจีที่ตั้งของ วิหารโพโมน่า กลิ่นฉุนของน้ำตาลสังเคราะห์ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นหอมหวานละมุนของดอกไม้และผลไม้สุกที่ลอยมาตามลม
ที่นี่ไม่มีผนังทึบตัน ไม่มีหลังคาปิดกั้น มีเพียงซุ้มประตูเถาวัลย์และแท่นบูชาหินอ่อนสีขาวนวลที่ตั้งอยู่อย่างสงบงันท่ามกลางธรรมชาติ ไคเงยหน้ามองท้องฟ้าเปิดโล่งเหนือศีรษะ รู้สึกถึงสายลมที่พัดผ่านใบหน้าได้อย่างอิสระ นี่คือความเรียบง่ายที่เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพ
“ค่อยยังชั่ว...” ไคพึมพำ สีหน้าที่เคยบึ้งตึงคลายลงจนเกือบเป็นปกติ “เทพีแห่งผลไม้และสวน... ท่านช่างมีรสนิยมที่ดีกว่าเพื่อนบ้านเยอะเลยนะครับ”
“ถือเป็นจุดพักใจที่ดีใช่ไหมล่ะ” โนอาห์เดินเอามือไพล่หลัง สูดอากาศสดชื่นเข้าปอด “โพโมน่ารักสันโดษ ท่านไม่ชอบความวุ่นวาย วิหารของท่านเลยเป็นแบบเปิดโล่ง ให้ธรรมชาติเป็นคนตกแต่งเอง”
ไคเดินเข้าไปใกล้รูปปั้นเทพีที่รายล้อมด้วยพุ่มไม้ดอก ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ที่กลีบดอกไม้ดอกหนึ่งอย่างทะนุถนอม “ฮึม.. ธรรมชาติที่มีระเบียบ การจัดวางกระถางและการตัดแต่งกิ่งไม้พวกนี้แสดงถึงความเอาใจใส่ ไม่ใช่การปล่อยให้รกชัฏ”
“นายดูผ่อนคลายขึ้นนะ” โนอาห์สังเกต “ดูเหมือนนายจะชอบที่เงียบ ๆ มากกว่าที่อึกทึก”
“ความเงียบทำให้สมองทำงานได้ดีที่สุดครับ” ไคตอบกลับ สายตามองเลยออกไปที่ทิวทัศน์ของนิวโรมจากเนินเขานี้ “และที่สำคัญ... การเกษตรคือรากฐานของเสบียงกองทัพ การบูชาความอุดมสมบูรณ์เป็นเรื่องที่มีเหตุผลและจับต้องได้ทางยุทธปัจจัย ต่างจาก... ปาร์ตี้ไร้สาระเมื่อกี้”
“วกกลับมาเรื่องยุทธปัจจัยจนได้สินะ” โนอาห์หัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าให้กับความจริงจังของรุ่นน้อง “แต่ก็เอาเถอะ ถ้ามันทำให้นายเลิกทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนได้ ฉันก็ดีใจ... สูดอากาศให้เต็มปอด ไค เพราะที่ต่อไปที่เราจะไป... บรรยากาศจะเปลี่ยนไปเป็นคนละขั้วอีกแล้ว”
“พร้อมเสมอครับ” ไคยืดตัวตรง รับพลังจากธรรมชาติเข้าไปจนเต็มเปี่ยม “ตราบใดที่ไม่ใช่ดงขยะหรือสีชมพูแสบตา ผมรับมือได้หมด”
“งั้นก็ไปกัน” โนอาห์พยักหน้า นำทางออกจากสวนสวรรค์แห่งนี้