ชั่วโมงระทึกขวัญ พาร์ท 2 (จบ)
การเดินทางไปพักผ่อนที่เมือง warwick ของแม่นอกจากพาลูกไปเที่ยว มันยังเป็นการพาตัวเองไปผ่อนคลายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้ห่างจากตาแก่หัวล้านขี้เมา ระหว่างนั่งบนรถอันแสนสบาย ซึ่งมันสบายกว่ารถของแม่มาก สายตาเห็นตรงกระจกมีกลุ่มรถมอร์เตอร์ไซด์ขับตามหลังมา เขาจำได้ดีแม้ไม่ต้องดูรายละเอียดมาก สงสัยจริงว่าขับรถตามหลับมาทำไม ทำไมแซงขึ้นหน้ากันไปให้หมด แล้วแม่ของเขาเป็นคนขับรถช้า มันจะเร็วขึ้นได้อีกถ้านั่นเป็นชั่วโมงเร่งด่วน เขาเห็นหน้าแต่ละคนไม่ได้ชวนให้อยากสนทนาด้วยสักคนเดียว
รถยนต์คันนี้มันสะดวกสบายก็จริง มันอาจจะเพราะนั่งครั้งแรกไม่ค่อยสบายตัว อีกอย่างมันเป็นในรอบหลายเดือนที่ได้นั่งรถยต์ไปเที่ยวกับแม่ เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปเที่ยวกันคือเซาท์แธมป์ตัน เมืองท่าเรือ นั่นก็เมื่อ 5 ปีที่แล้ว มันเป็นความทรงจำที่ดีมากสำหรับเขากับแม่สองคน
แม่พาขับรถมาได้ 1 ชั่วโมง ลุคคอยมองกระจกด้านข้างคนนั่งเป็นระยะ กลุ่มมอร์เตอร์ไซด์เฮงซวยมันก็ขับตามหลังไม่ยอมแซงขึ้นหน้าเสียที มันชวนหงุดหงิดและอารมณ์เป็นอย่างมาก สมองครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อถึงจะหลุดพ้นจากคนพวกนี้ได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงได้ถึงที่หมายกันแน่
"ผมว่าขับเร็วอีกนิดได้ไหม รถมอร์เตอร์ไซด์ด้านหลังจะได้ขับแซงเราไปได้"
ลุคหันมาบอกแม่ที่ขับรถช้าไม่เคยทันใจลูกชายคนนี้เลยสักครั้ง
"รถข้างหน้าก็ไม่ติด ทำไมพวกนั่นไม่ขับแซงขึ้นไปเองล่ะ เราไม่ได้รีบซักหน่อย"
อลิซาเบธถอนหายใจเหลือบตามองดูกลุ่มมอร์เตอร์ไซด์ด้านหลัง กระพริบไฟท้ายรถยนต์เป็นสัญญาณว่าแซงขึ้นไปได้ จนแล้วจนรอดพวกมันก็ไม่ทำอย่างที่คาดหวังไว้ เธอเร่งความเร็วขึ้นเป็น 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวกมันก็เร่งความเร็วตามแต่ไม่ยอมแซงขึ้นหน้า
ลุคเพ่งสมาธิมองได้เห็นว่าเป็นพวกผี วิญญาณเร่ร่อนแฝงกายตามเขามา ช่างเป็นวาสนาโดยแท้คนไม่ตาม ชีวิตมีแต่วิญญาณตามข้างกาย "บรื้น....บรื้น..." เสียงเร่งความเร็วของรถยนต์ที่แม่เร่งความเร็วไต่ระดับขึ้นไป แซงรถบนท้องถนน คิดว่าอยากหลุดพ้นเสียที เพราะเบื้องหลังพวงมาลัย เธอมีสีหน้ามุ่งมั่น เคร่งเครียด จริงจัง จนลุคไม่กล้าเอ่ยปากพูดสิ่งใดออกมารบกวนการขับรถของแม่ แล้วสิ่งที่เขาเห็นคือ บรรดาวิญญาณมันเกิดสามัคคีกันขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างขี่มอร์เตอร์ไซด์เร่งความเร็ว กระจายตามท้องถนนเกาะติดกันตามรถยนต์ของแม่ ทว่ารถยนต์คันนี้ตาแก่หัวล้านเจ้าของรถเพิ่งไปแต่งรถมาใหม่ ความเร็วของรถย่อมเร็วกว่าความเร็วปรกติ และที่ทุกคนไม่รู้คืออลิซาเบธเธอเป็นขาซิ่งชั่วโมงเร่งด่วน หากไม่เป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย เธอสามารถลาออกไปเป็นนักแข่งรถได้สบาย ลุคนั่งหลังติดเบาะคอยระวังหลังให้กับแม่ เขารู้สึกว่าไม่ได้สัมผัมความเร็วแบบนี้มานานมากแล้ว มันไม่ได้รู้สึกแย่ มันรู้สึกดีมากเลย และยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น สายตามองเห็นรถมอร์เตอร์ไซด์ Triump เร่งเครื่องยนต์ขับตามรถยนต์ เขาเพิ่งสังเกตุว่าแม่ไม่ได้ วอร์วิก แต่แม่กำลังขับไป เซาท์แธมป์ตัน แทน "แม่จะไปเซาท์แธมป์ตันเหรอครับ" เขาหันมาถามแม่เพื่อความแน่ใจ เพราะความเร็วของแม่ไม่ได้ผ่อนลงเลย กลัวตำรวจท้องถิ่นขับรถตามประชิดให้ลงไปเสียค่าปรับ "ใช่ แม่เปลี่ยนใจแล้วลูก เส้นทางนั้นมันสะดวกกว่าด้วย" เธอเบี่ยงเส้นทางการจราจรแน่นขนัดออกเส้นทางสู่เมืองท่าเรือ พักผ่อนหย่อนใจกับบรรยากาศของท่าเรือเก่าแก่ กว่าจะถึงตอนนั้นต้องสลัดทิ้งพวกกลุ่มแก๊งค์นี้ให้หลุดเสียก่อน สายตาเหลือบมองท้องฟ้า มันใกล้จะมืดแล้วด้วย พลังงานของวิญญาณจะทบเท่าพูลทวี ยามราตรีมาเยือนปกคลุมทุกพื้นที่ เขาหันไปมองอีกครั้งพวกมันลับหายจากสายตาไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปอย่างไร แม่กลับมาขับรถเชื่องช้าตามปรกติ ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. คงอยากให้ถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุดและไม่อยากเจอตำรวจ แต่คิดว่าใบสั่งน่าจะตามมาในอีกไม่ช้า พวกเขาไม่เคยมีเจ้าหนี้หรือกู้เงินใครจนต้องส่งคนพวกนี้มาตามประชิด หนี้บัตรเครดิตจนเจ้าหน้าที่ธนาคารส่งคนมาทวงถามยิ่งไม่ใช่ สงสัยจังว่าพวกมันตามติดขนาดนี้เพราะสาเหตุอะไร
คล้อยหลังเที่ยงคืนวพกเขาสองคนแม่ลูกพักกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง เซาท์แธมป์ตัน แยกกันนอนคนละห้อง เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันแสนโหดร้าย และไม่มีพลังงานเหลือพอจะลากสังขารตัวเองไปอาบน้ำได้ จึงล้มนอนลงบนเตียง ค่อยออกไปหาอะไรทานตอนเช้า " ครืด...ครืด.." เสียงเดินลากเท้าบนทางเดินในโรงแรมบนชั้น 3 ที่ลุคกำลังพักผ่อนและมันกำลังตรงมาที่ห้องของลุคเพียงห้องเดียว นอนหลับได้ไม่ถึงชั่วโมงต้องเจอการระทึกขวัญอีกหนึ่งรอบ สงสัยว่าแก๊งค์มอร์เตอร์ไซด์แค่โหมโรง รอบนี้คือของจริง มันคือชายที่มีลำตัวหน้า กล้ามแขนใหญ่ สวมชุดกีฬา มันกำลังเดินลากเท้าหนักอึ้งมาหาลูคัสที่กำลังนอนหลับไหล ครั้นถึงประตูหน้าห้องมันไม่เคาะประตูเป็นมารยาท ใช้แรงไม่มากสามารถดันเปิดประตูเข้ามาได้ไม่ยากเย็น ลูคัสสะดุ้งจากที่นอนเห็นแจ่มชัดจากไฟหน้าห้องน้ำว่าเป็นวิญญาณเฮี้ยน อาฆาต มันไม่รอช้าเดินเข้ามาหาเขาทันที แต่เขาไม่รอจนมาถึงเตียง รีบลุกขึ้นหยิบหมอนกระแทกใส่เข้าไปทั้งตัว แต่มันขยับถอยหลังนิดเดียว ขนาดทุ่มสุดแรงและเล่นกีฬา ถัดจากนี้ได้แค่หลบหลีกเท่านั้น เพราะสู้พละกำลังมันไม่ไหว ทั้งตัวมันเองก็เชื่องช้าเป็นทุมเดิม ทำให้หลบหนีออกมานอกได้ง่ายดาย เขาวิ่งออกมาเคาะประตูที่ห้องของแม่ตะโกนเรียก จนแม่ลุกขึ้นมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า "ผมไม่มีเวลาอธิบาย บอกได้แค่ว่าต้องหนีแล้ว" เขาจูงมือแม่วิ่งหนีลงทางบันไดหนีไฟลงมาชั้นล่าง จนมาถึงด้านหน้าประชาสัมพันธ์ พากันออกมาด้านนอกโรงแรม ต่างคนต่างเหนื่อยหอบด้วยกันทั้งคู่ ไม่คิดว่าการมาเที่ยวพักผ่อนจะเป็นการวิ่งหนีผีพวกนี้ แม่ตัดสินใจขับรถออกมานั่งกันรบริเวณท่าเรือของเมือง เซาท์แธมป์ตัน "แม่คิดว่าลูกคงเจออะไรบางอย่างที่แม่คงจะหาคำอธิบายจากลูกไม่ได้ แม่คิดว่าลูกต้องออกเดินทางอีกครั้ง" อลิซาเบธมานั่งคิดทบทวนตลอดระยะเวลาที่ออกจากบ้านมาจนถึงท่าเรือ มันจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ เพียงแค่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้นเอง เธอเปิดกระเป๋าเป้หยิบม้วนกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง ยื่นให้กับลูคัส "อันนี้คืออะไรครับ ผมไม่เข้าใจ" เขาทำสีหน้างุนงงปนสงสัย รับม้วนกระดาษมาไว้ในมือ "มันคือแผนที่ที่พ่อของลูกทิ้งมันไว้ให้แม่ หากว่าวันหนึ่งลูกเจอเรื่องประหลาดอย่างวันนี้ ให้ส่งให้กับลูก มันจะนำพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมันปลอดภัยสำหรับลูกมากกว่าที่นี่" เธอดึงกลับมาแล้วใส่ลงในกระเป๋าเป้เสื้อผ้าและหยิบล็อกเก็ตออกมาสวมใส่ให้กับลูคัส "แล้วมันคือที่ไหนเหรอครับ ผมไม่เข้าใจเลย" "ถึงเวลาลูกจะเข้าใจทั้งหมดเอง เราคงไม่ได้เที่ยวพักผ่อนด้วยกันอีกแล้ว ลูกไปตรงท่าเรือสินค้า แล้วมันจะบอกเองว่าควรไปที่ไหนต่อ " อลิซาเบธยกมือลูบแก้มลูคัสด้วยความอ่อนโยน เธอคงจะไม่ได้เจอหน้าลูกชายอีก หนนี้ได้แค่นำทางเข้าเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่เอ่ยคำอำลาใดๆออกมา ให้ลูกชายได้ไปตามวิถีทางของเขาเอง เธอขับรถออกจากท่าเรือปล่อยให้ลูกชายไปตามเส้นทางที่ได้บอกทิ้งไว้
|