28/05/25 9.30 น. - 10.00 น.
บทที่ 59
หลังจากอุดอู้อยู่ในค่ายฮาล์ฟบลัดมานาน ในที่สุดเจ้าหนุ่มผู้มีผมสีน้ำตาลหยักศกนิด ๆ กับนัยน์ตาสีเทาเยือกเย็นที่มองทีไรก็เหมือนถูกจับจ้องด้วยกล้องวิเคราะห์บุคลิก ก็ได้ฤกษ์มาเปลี่ยนบรรยากาศนอกค่ายบ้างเสียที คูเปอร์คิดว่าการอยู่ในค่ายนานเกินไปทำให้เขาเริ่มฝันถึงกลิ่นควันจากแคมป์ไฟทุกครั้งที่นอน และความฝันแบบนั้นก็คงคล้ายฝันเห็นเพื่อนร่วมเตียงเป็นไซคลอปส์ น่ากลัวพอกัน
เขาวางแผนการเดินทางอย่างประณีตพอ ๆ กับเชฟระดับมิชลินวางเมนูในงานเลี้ยงใหญ่ หลังใช้เวลาค้นหาสถานที่จากแผนที่ที่วาดด้วยลายมือสวยกว่าฟอนต์ในหนังสือเทพนิยาย แถมมีการเช็กพยากรณ์อากาศล่วงหน้าอีกสามวัน (ไม่ใช่เพราะกลัวฝนตก แต่เพราะกลัวผมหยิกจะกลับมาเล่นตัวอีก) ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเลือกจุดหมายที่ไม่ค่อยจะติดเรดาร์ของพวกฮาล์ฟบลัดรุ่นใหม่ ฟิลาเดลเฟีย เมืองแห่งชีสสเต็ก เสรีภาพ และประวัติศาสตร์ที่ถูกละเลยแบบเดียวกับกระเป๋าเดินทางที่ถูกลืมไว้ในรถไฟใต้ดิน
คูเปอร์ออกจากค่ายด้วยท่วงท่าที่ดูเหมือนนักเดินทางผู้มีภารกิจลับ แต่ถ้าให้พูดตามตรง เขาแค่ต้องการหนีจากการซ้อมอาวุธประจำสัปดาห์และเสียงกรนของใครบางคนที่ดังพอจะทำลายม่านป้องกันค่ายได้ การเดินทางผ่านนครนิวยอร์กไปยังฟิลาเดลเฟียราบรื่นเกินคาด ไม่มีอสูรกายตามกลิ่น ไม่มีมิโนทอร์โผล่กลางสถานีรถไฟ และไม่มีคำทำนายลึกลับใด ๆ ปรากฏบนผนังห้องน้ำ โอลิมปัสดูเหมือนจะเมตตาเขาในวันนี้
ฟิลาเดลเฟียในยามเช้าอากาศดีพอจะทำให้คนที่ไม่ค่อยตื่นก่อนแปดโมงรู้สึกคุ้มค่ากับการลืมตา คูเปอร์เดินทอดขาไปตามถนนที่มีอิฐแดงเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นกาแฟหอมจากร้านเล็ก ๆ ริมทางทำให้เขาหยุดเดินหลายครั้งกว่าที่ตั้งใจไว้ แม้ว่าเขาจะสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แต่คำว่าคาเฟ่ลับกับคำว่ากาแฟออร์แกนิกก็ทำลายเจตนาดีงามของเขาได้เหมือนน้ำร้อนลวกนิ้ว
เขาใช้เวลาส่วนมากในการสำรวจเมืองอย่างละเมียดละไม ได้ยินภาษาต่าง ๆ ปะปนกันราวกับยำรวมมิตรทางวัฒนธรรม แวะเข้าร้านหนังสือเก่าที่แผ่นไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดคล้ายจะขอโทษที่ต้องแบกความฝันของนักเขียนรุ่นแล้วรุ่นเล่าไว้มากมาย พบโน้ตบุ๊คปกหนังที่คนขายอ้างว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นของลูกพี่ลูกน้องของเบนจามิน แฟรงคลิน แม้จะดูเป็นไปได้พอ ๆ กับการพบมังกรในตลาดสด แต่เขาก็ซื้อไว้เพราะอยากรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องเบนจามินจะเขียนบันทึกเรื่องอะไรบ้าง บางทีอาจเป็นสูตรเค้กกล้วยหอมก็ได้ ใครจะรู้
ชีวิตดูเหมือนจะนิ่งสงบเกินไปสำหรับใครบางคนที่เป็นเดมิก็อด แต่ก็เหมือนธรรมชาติของเรื่องเล่าทุกเรื่อง ที่ช่วงเวลาสงบสุขมักเป็นแค่การเว้นวรรคก่อนพายุจะมาเยือน
ตอนที่ทุกอย่างเริ่มไม่ปกติเกิดขึ้นระหว่างเขากำลังจะกัดชีสสเต็กคำแรก มือที่กำลังถือแซนด์วิชอยู่นั้นสั่นเบา ๆ ไม่ใช่เพราะกลัวร้อนหรือเพราะมือเย็น แต่เพราะกลิ่น กลิ่นเฉพาะที่คนอย่างเขาไม่เคยลืม แม้มันจะหายไปนานแค่ไหน กลิ่นคาวผสมกลิ่นเหงื่อหมักมาหลายวัน ราวกับซาวน่ารวมกับห้องล็อกเกอร์หลังแมตช์รักบี้
เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และ...ใช่เลย ถ้าพระเจ้ามีอารมณ์ขัน เขาคงกำลังหัวเราะกลิ้งอยู่บนโอลิมปัสในขณะนี้ เพราะตรงหน้าของชายหนุ่มคือไซคลอปส์สี่ตัว ขนาดพอจะทำให้ตึกแถวรู้สึกกดดันยามเดินผ่าน กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ตาบานใหญ่ตรงกลางเหมือนช่องค้นหาของกูเกิ้ล และท่าทางที่บ่งบอกชัดเจนว่ามีเป้าหมายเดียวกันคือ กัด กิน และกรรโชก
“เอาจริงดิ” เจ้าของชีสสเต็กพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเหลือบตามองรอบข้าง ผู้คนเริ่มหันมามองแปลก ๆ บางคนเริ่มยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายคลิป ราวจะถ่ายลงโซเชียลพร้อมแคปชั่นว่า “มาดูคนตีกันฟิลาเดเฟีย” ใครบางคนตะโกนว่า “นี่มันฉากจากหนังเหรอ?” ซึ่งถ้าหมายถึงหนังสยองขวัญระดับทุนต่ำ เขาก็ขอเป็นผู้กำกับเอง
ไม่ต้องการให้ต่อสู้กลางเมืองกลายเป็นไวรัลจนได้ลงข่าวหน้าหนึ่งในเช้าวันถัดไปว่า “ชายผมน้ำตาลจากแอลเอสู้ลุยเดี่ยวกับไบค์เกอร์ 4 คน กลางเมืองประวัติศาสตร์” คูเปอร์ตัดสินใจแบบมีศิลป์ เขาทำทีเดินถอยหลังอย่างสุภาพ ก่อนหันหลังวิ่งด้วยความเร็วระดับลูกเฮอร์มีส(?)
ไซคลอปส์สี่ตัววิ่งตามราวกับเป็นแฟนคลับที่เพิ่งได้เจอเซเลบคนโปรด พวกมันครางฮือ ๆ อย่างไม่สบอารมณ์กับการถูกล่อให้วิ่งเข้าซอยเล็กซอยน้อย คูเปอร์พาตัวเองและศัตรูเข้าไปในเขตโกดังเก่าแถวริมแม่น้ำ ตึกที่น่าจะเคยใช้เก็บเสบียงสงครามในสมัยก่อน บัดนี้กลายเป็นสนามประลองส่วนตัว
เขาไม่เสียเวลาแนะนำตัว ไม่กล่าวคำอำลา และไม่รอให้พวกนั้นเปิดฉาก เขาพลิกมือขวาดึงหอกกรีกออกมา เสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นท่ามกลางแสงไฟสลัวของโกดัง ดวงตาสีเทากวาดมองไปรอบ ๆ จับระยะห่างอย่างรวดเร็ว
“โอเค เด็ก ๆ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มราวสายลมแต่แฝงไว้ด้วยเหล็กกล้า “มากันครบดีนี่ คงไม่ต้องเรียก Uber แล้วใช่มั้ย”
พวกนั้นคำรามตอบแทนด้วยแรงกำปั้น พื้นไม้เก่า ๆ สั่นสะเทือนเหมือนจะล้มทั้งโกดัง แต่ชายหนุ่มหลบหลีกได้อย่างพลิ้วไหวราวกับนักเต้นบัลเลต์ที่ติดอาวุธ เขาเคลื่อนไหวอย่างแนบเนียน ผสมระหว่างกลยุทธ์กับสัญชาตญาณ ทุกครั้งที่เขาฟาดหอกในมือ ดูเหมือนมันไม่ได้แค่เฉือนผิวศัตรู แต่ยังหั่นความมั่นใจของพวกมันไปทีละเส้น
“ไอ้ตาเดียว นายควรไปหาหมอตาอย่างน้อยเดือนละครั้งนะ แบบนี้อาจมองไม่เห็นว่ากำลังแพ้อยู่” เสียงเขาเจือแววขำขัน ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ยังมีพลังพอจะแซวได้ทุกจังหวะ
หลังจากเหงื่อเปียกหลัง เสื้อคลุมเปรอะไปด้วยฝุ่น และมีรอยขีดข่วนอยู่ทั่วแขนขา ในที่สุดไซคลอปส์สี่ตัวก็ล้มลงไปเหมือนกลุ่มเด็กยักษ์ที่โดนตัดไฟกลางงานเลี้ยง
คูเปอร์ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจเหมือนคนที่เพิ่งเอาชีวิตรอดจากเซลล์ขายประกัน แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ถ้าพรุ่งนี้ใครในค่ายถามว่าไปเที่ยวสนุกมั้ย ฉันจะบอกว่า ได้ออกกำลังกายกลางแจ้งแล้วกัน”
ชายหนุ่มเก็บหอกเข้าที่ พลางเดินออกจากโกดังไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งไว้เพียงละอองสีทองที่จางหายไปในแสงไฟสีส้มจาง ๆ ของเมืองที่ยังไม่หลับ เสียงน้ำย่อยในกระเพาะครวญครางเบา ๆ เป็นเครื่องเตือนใจว่าเขายังไม่ได้กินคำแรกเลยด้วยซ้ำ... ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ได้โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกหนังบู๊ฉบับฟิลาเดลเฟียโดยไม่ต้องใช้สลิงหรือสตันท์ตัวแทน
กิจกรรมห้าวหาญเยี่ยงเฮอร์คิวลีส
พิชิตยักษ์ไซคลอปส์ แบบกลุ่ม 4 ตัว ลงได้ จะได้รับ ผนึกไททัน 10 ชิ้นจากซุส
หลักฐานการพิชิต
https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=890
รางวัลโปรโมชั่นเดือนพฤษภาคม หินตีบวกตามจำนวนไบต์