-15.05.25 / 01:00PM-
“บ้านหลังนี้ใช่ไหม…”
แมคเคนซีหันมาถามดีนหลังพวกเขาเดินมาจากจุดที่เพิ่งต่อสู้กับกลุ่มไซคลอปส์ได้ระยะหนึ่ง หน้าบ้านมีป้ายเขียนบอกเลขที่ 657 ชัดเจน จากภายนอกดูไม่ต่างจากบ้านหลังอื่น ๆ เท่าไหร่ แต่กระนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีและพลังเวทย์บางอย่างที่แข็งแกร่งซึ่งแผ่ออกมาจากภายใน
ดีนมองไปที่บ้านสองชั้นทรงอเมริกันโคโลเนียลมุงหลังคาทรงยุ้งฉาง ผนังบ้านไม้สีเทาอมฟ้าตีเกล็ดทับแบบยอดนิยมช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบ สนามหญ้าหน้าบ้านกว้างขวางเหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัวใหญ่และเลี้ยงหมาสักตัว
ทว่าดีนไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นจากบ้านหลังนี้แม้แต่น้อย แม้ตัวบ้านจะสวยงามแต่กลับไม่ได้รับการดูแลมาระยะใหญ่ หญ้าหน้าบ้านขึ้นสูงไม่เป็นระดับ ใบไม้แห้งโปรยเกลื่อนกลาดไปทั่ว พุ่มไม้ดอกไม้ที่ปลูกล้อมบ้านแห้งตาย หากจะบอกว่าบ้านในถนนบูเลอวาร์ดโทรมแล้ว บ้านเลขที่ 657 น่าจะเป็นบ้านหลังที่โทรมมากที่สุด
แล้วยังความรู้สึกขมุกขมัวเหมือนกับตอนที่ไปเฮติอีก…
“ใช่ บ้านหลังนี้แหล่ะที่ฉันฝันเห็น แล้วคุณไครอนก็รับรองด้วยว่าพวกชาร์ล็อตมาแก้ปัญหากันที่บ้านหลังนี้”
ยิ่งมาถึงต้นตอแล้วดีนยิ่งบีบมือของแมคเคนซีแน่นขึ้นไปอีก ถ้าอีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงมือที่ชื้นเหงื่อคงรู้ได้ว่าเขากำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน
“งั้นเรารีบเข้าไปข้างในกัน”
เมื่อดีนยืนยันอย่างนั้นก็ยิ่งร้อนใจ ป่านนี้ชาร์ล็อตจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ไม่ว่าข้างในจะเป็นยังไงวันนี้ก็ต้องช่วยเธอออกมาให้ได้
“รู้ไหม ตอนนี้นายมือเย็นเฉียบเลย อยากตั้งหลักสักหน่อยไหม…”
ถึงจะอยากบุกเข้าไปแค่ไหน แต่แรงบีบที่ฝ่ามือกับสัมผัสเปียกชื้นทำให้แมคเคนซีต้องพยายามใจเย็นไว้ก่อน เขาก้มลงมองมือที่จับกันไว้แล้วมองไล่ขึ้นมายังใบหน้าคมคายของดีนที่ตอนนี้ก็เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาตามไรผมเช่นกัน ริมฝีปากได้รูประบายยิ้มบางหวังให้คนรักคลายความกังวล
“ไม่เป็นไรแมคซี่ ฉันแค่ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ชาร์ล็อตกำลังรอให้พวกเราช่วยเหลือทุกวินาที”
ดีนหลุบสายตามองมือที่กุมกันไว้ แม้ถูกทักแต่ว่าเขาไม่ยอมปล่อย กระนั้นจิตใจของบุตรเจ้าสมุทรก็ไม่ได้กล้าแกร่งขนาดนั้น เขาช้อนตาขึ้นมองคนรักที่สูงกว่าเล็กน้อย เรียวปากสีนู้ดเม้มเข้าหากัน ในขณะที่แววตาสีเปลือกไม้มีแต่ประกายของความอกสั่นขวัญแขวน
“แมคซี่.. คือ… คือฉันยังกลัวอยู่นิดหน่อย จะเป็นไรไหมถ้านายเป็นคนที่นำเข้าไปข้างในนั้น“
คิดไว้ไม่มีผิด…สายตาของดีนไม่เคยโกหกเขาได้แม้แต่น้อย
“ได้แน่นอนที่รัก เราจะเข้าไปในนั้นด้วยกัน นายห้ามอยู่ห่างจากฉันเด็ดขาดเลยรู้ไหม”
แมคเคนซียกมือที่กุมกันไว้ขึ้นมา แล้วประทับริมฝีปากแตะลงไปที่หลังมือของดีนเบา ๆ ก่อนจะมองรอบ ๆ ให้แน่ใจว่าแถวนั้นไม่มีพวกอสุรกายเพ่นพ่านอยู่อีก แล้วจึงจับมือเดินนำดีนไปยังตัวบ้านหมายเลข 657 อย่างระมัดระวัง
ให้ตายสิที่แมคเคนซีทำอยู่ตะกี้กำลังทำให้หัวใจของดีนกระโดดโลดเต้น!
มันก็ดีแหล่ะนะเพราะว่าความมั่นใจที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้ลดความกลัวไปได้มาก
“ฉันไม่มีทางอยู่ห่างนายอยู่แล้ว”
บ้าเอ๊ย! หุบยิ้มไม่ได้ แต่ก็ต้องพยายามปั้นหน้าปรับโหมดเข้าสู่เรื่องจริงจังที่กำลังจะเกิดเมื่อพวกเขาเดินไปถึงบานประตู
ออกจะค่อนข้างผิดปกติไปสักหน่อยที่บ้านหลังนี้ดูเงียบเชียบกว่าที่คิด แต่ก็ไม่แน่ที่ว่าพวกลัทธิอะไรนั่นอาจอยู่ในบ้านก็ได้ แมคเคนซีจับลูกบิดประตูบ้านที่ทำจากโลหะ จากนั้นก็ค่อย ๆ หมุนมันโดยพยายามให้ไร้เสียงที่สุดแล้วค่อย ๆ แง้มบานประตูไม้ให้เปิดออกก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
.
.
ภายในบ้านหมายเลข 657 มืดตื๋อ มีเพียงแสงแดดที่สาดเข้ามาตามซอกหลืบของหน้าต่างที่ถูกตีแผ่นไม้ปิดและประตูที่เปิดอ้าออก
ภายในมีสภาพไม่ต่างจากบ้านร้างที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยมานาน แต่กลับมีร่องรอยบางอย่างของผู้บุกรุก ขยะจากร้านสะดวกซื้อกลาดเกลื่อนไปหมด ขวดเครื่องดื่มถูกวางระเกะระกะไปตามพื้น ไหนจะรอยขี้บุหรี่อีก หากเป็นบ้านร้างธรรมดาคงสันนิษฐานได้ว่าถูกคนเร่ร่อนหรือไม่ก็เด็กเกเรเข้ามามั่วสุมกันในนี้ ทว่าเมื่อทราบเบื้องหลังของบ้านแล้ว…
‘ไซคลอปส์พวกนั้นสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?’
อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ เพราะพวกมันดูพยายามใช้ชีวิตกลมกลืนกับมนุษย์กันอยู่
“ถ้าตามความฝันชาร์ล็อตจะถูกจับขังอยู่ใน เอ่อ.. คุกใต้ดิน ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเดินไปทางนั้น”
ดีนชี้ไปทางห้องครัวจะเห็นบันไดทางลงไปห้องใต้ดิน
“แต่นายต้องระวังเส้นเชือกที่ขึงไว้ด้วยนะ เหมือนว่าพวกมันจะเป็นกับดัก แต่ว่าในนี้มืดชะมัด เฟลมมา มาจิก้าของนายใช้แทนไฟฉายได้ไหม”
“บ้านแบบนี้มีคุกใต้ดินด้วยเหรอ โอ้ว !”
แมคเคนซีมองตามที่ดีนชี้ขณะค่อย ๆ ลากเท้าคลำทางมืด ๆ ที่เต็มไปด้วยของวางระเกะระกะเพื่อเดินไปยังบันไดที่ว่านั้น นี่มันบ้านคนหรือรูหนูกันแน่ สถานีรถไฟใต้ดินในเมืองที่ว่ากันว่าสกปรกยังสะอาดกว่านี้ แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเผลอไปเตะขวดใบหนึ่งล้มลงจนส่งเสียง ‘เกร๊งงง !’ ดังก้องไปทั่วบ้าน
“อินคันทาเร ลูเมน”
ดวงไฟลูกเล็กสว่างวาบขึ้นจากปลายคทาเวทย์แล้วลอยค้างในอากาศเมื่อแมคเคนซีร่ายคาถาและสะบัดข้อมือเพียงเล็กน้อย แม้จะเป็นแสงเล็ก ๆ แต่ก็ช่วยให้ทั่วบริเวณนั้นสว่างขึ้นราวกับเปิดไฟฉาย
“ถ้าใช้คาถาเปลวเพลิงฉันกลัวว่าบ้านหลังนี้จะโดนเผาจนวอดซะก่อนที่เราจะเจอชาร์ล็อต นี่สินะ…กับดักที่นายพูดถึง”
หนุ่มอังกฤษพูดติดตลก พลางเพยิดหน้าไปยังทางเดินที่ปรากฏเชือกบาง ๆ หลายเส้นซึ่งถูกขึงอยู่ทั้งตำแหน่งสูงและต่ำเมื่อยามต้องแสงไฟจนกระทั่งถึงหน้าบันไดทางลงห้องใต้ดิน ตอนแรกเขาไม่อยากใช้เวทย์ส่องแสงสว่างเพราะหากมีศัตรูแอบซุ่มอยู่ในบ้านหลังนี้จริง ๆ วิธีนี้จะเป็นการบอกตำแหน่งของทั้งคู่ไปโดยปริยาย แต่เขาอาจระแวงมากเกินไป
“ก็จริง ฉันไม่รู้นี่ว่านายมีลูมอสใช้ด้วย”
บางทีเวทมนตร์ของเหล่าเฮคาทีอาจมีหลายบทที่เหมือนกับในแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ แต่อาจแตกต่างนิดหน่อยตรงคำร่ายก็ได้ ดีเหมือนกันเพราะว่าดีนจินตนาการไม่ออกหากอีกฝ่ายใช้ลูกไฟใหญ่เบิ้มแทนไฟฉาย
“อ่า… เชือกพวกนั้นน่าจะโดนไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่ามันทำลายยังไงด้วยสิ เราอย่าเสี่ยงดีไหม พยายามเดินเลี่ยง ๆ เอา”
เจ็บใจตัวเองชะมัดที่จำไม่ได้ว่าไซคลอปส์ในฝันทำยังไงกับกับดัก
“มีเวทย์อีกเยอะแยะเลยล่ะ ถ้านายได้เข้าไปในห้องสมุดบ้านฉันแล้วจะทึ่ง หนังสือเกี่ยวกับเวทมนต์คาถาเต็มไปหมดอย่างกับหลุดไปอยู่ในโลกแม่มดจริง ๆ ก่อนหน้านั้นฉันไม่ค่อยสนใจฝึกฝนการใช้พลังเวทย์เท่าไหร่ เพิ่งได้มาฝึกจริงจังก็ตอนช่วงที่นายไปทำธุระต่อที่แอตแลนติสนั่นแหละ”
แมคเคนซีเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้พลางเดินเลี่ยงกับดักเชือกตามที่ดีนบอกไปด้วยโดยให้ดวงไฟจากเวทย์ส่องแสงสว่างคอยนำทาง นึกไปถึงหนังแนวสายลับที่ต้องค่อย ๆ เยื้อง ย่อง ยก ย่างพยายามหลบลำแสงเลเซอร์แล้ว พอมาเจอกับตัว…มันก็น่าตื่นเต้นดี
“ไม่เอาล่ะ ขอให้หนังสือที่ฉันอ่านยาว ๆ เป็นอย่างสุดท้ายคืองานวิจัย ‘จุลินทรีย์ใต้ทะเลลึกที่สามารถผลิตเอนไซม์กลุ่มไฮโดรเลสชอบอุณหภูมิสูง และมีความเสถียรในตัวทำละลายอินทรีย์ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้เป็นแหล่งผลิต ตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพชนิดใหม่’ เถอะ”
แค่ชื่อก็รับประกันความหนาของรูปเล่มวิทยานิพนธ์ได้เป็นอย่างดี
ดีนเดินตามหลังของแมคเคนซีไม่ห่างด้วยใจระทึก เขามองไม่ค่อยเห็นเส้นด้ายที่ขึงไว้เป็นกับดัก ถ้าเหยียบไปแล้วจะเป็นยังไงนะ สัญญาณเตือนจะดังแล้วมีเลเซอร์ออกมาตัดครึ่งตัวแบบในหนังเรซิเดนต์อีวิลเหรือเปล่า
“เชื่อเลย นายยังจำชื่องานวิจัยได้อีก เหวอ ! ดีนระวัง !”
ถึงจะมีแสงสว่างแต่ด้วยความรก สุดท้ายแมคเคนซีก็พลาดไปเหยียบกระป๋องที่ล้มอยู่บนพื้นจนเท้าลื่นพรืดไปโดนเชือกเส้นนึงที่ขึงไว้เข้าอย่างจัง เขารีบหันกลับมากอดดีนเพื่อเอาตัวบังไว้ เตรียมพร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
“ว้ากกก!! อะไรนะ ไม่จริง พวกเราจะตายกันแล้วเหรอ!?!”
ดีนหลับหูหลับตากอดกับคนรักจนตัวกลม อย่างน้อยหากพวกเขาต้องถูกเลเซอร์ตัดกลางตัวก็ขอให้ร่างกายครึ่งบนได้กอดกันไว้ก็ยังดี
ทั้งคู่กอดกันอยู่นานสองนานแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรจนเริ่มผิดสังเกต แมคเคนซีจึงค่อย ๆ คลายกอดจากคนรักแล้วลองเอานิ้วไปจิ้ม ๆ แตะ ๆ แล้วจบลงด้วยเดินเข้าไปชนทั้งตัว ซึ่งผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม
“ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือนี่จะเป็นกับดักหลอก…”
ให้ตายสิ…พวกเขาโดนไซคลอปส์เล่นซะแล้วงั้นเหรอ
“อะ เอ๋?”
ดีนได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาลองไล่สายของเส้นด้ายนั้นดู มันคือเชือกที่ใช้มัดกล่องไปรษณีย์ที่ปลายอยู่ด้านหนึ่งและใจเชือกอยู่อีกทาง
“เวรเอ๊ย! ตกใจเก้อหมด ถ้าหัวใจวายตายไปจะทำไง”
บุตรโพไซดอนพ่นลมหายใจหนัก ๆ ออกมาพร้อมกับทำหน้ายุ่ง แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ใช่กับดักจริง ทั้งคู่จึงเดินลงไปที่ชั้นใต้ดินต่อโดยไม่ต้องสนใจเชือกที่ขวางทางอยู่อีก
“เอ่อ… แล้วนั่นน่ะใช่กับดักหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?”
ดีนชี้นิ้วไปที่ประตูห้องเก็บของใต้ดิน เบื้องหน้าของเขาคือบานประตูไม้ธรรมดา ๆ ที่เขียนอักขระเวทมนตร์จารึกไว้เต็มบาน แมคเคนซีมีสายเลือดราชินีแห่งแม่มดหมอผีจะเข้าใจสัญลักษณ์ดังกล่าวหรือเปล่านะ
“ขอฉันดูหน่อย”
แมคเคนซียืนจ้องบานประตูไม้ที่มีทั้งตัวหนังสือและสัญลักษณ์แปลก ๆ แม้จะยังจดจำทุกอย่างในตำราได้ไม่หมด แต่ก็พอจะรู้ความหมายอยู่บ้าง
“นี่มันเหมือน…อาคมเวทย์ที่ไว้ใช้กักขังอสุรกายหรือพวกที่มีพลังฤทธิ์เดชสูง แปลกจริง…แค่ขังชาร์ล็อตถึงกับต้องใช้เวทย์นี้เลยเหรอ”
ถึงจะอยากช่วยน้องสาวมากแค่ไหนแต่ก็ยังแคลงใจอยู่ แมคเคนซีจึงยังไม่ลงมือทำอะไรในทันที ท่ามกลางความเงียบนั้น เหมือนจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านในจนต้องหันมาถามคนข้าง ๆ
“นายได้ยินเสียงอะไรไหม…“
ดีนเงี่ยหูฟังเสียงที่เล็ดรอดออกมาจากเบื้องหลังบานประตู คล้ายกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่เกือบคุ้นหู ความสยองขวัญนั้นทำเอาขนแขนลุกซู่จนต้องชูให้แมคเคนซีดู
“คงไม่ใช่ว่าชาร์ล็อตถูกขังจนเสียสติ แล้วเวทระเบิดเหมือนสกาเล็ตวิชท์ในซีรี่ย์วานด้าวิชั่นหรอกนะ ไอ้พวกนั้นเลยต้องจับเธอผนึกไว้ด้วยอาคมเหล่านี้…”
นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจะเป็นอย่างอื่นนอกจากนี้ไปได้ ซึ่งบุตรโพไซดอนระแวงตราเวทอย่างถึงที่สุด เขากลัวว่าจะเผลอไปปลดผนึกอสุรกายบิ๊กบึ้มอะไรสักอย่างเข้าเหมือนกับที่เกิดเมื่อตอนทำภารกิจค้นหาตรีศูลฯ แต่ในฝันของเขานำพามาที่ห้องนี้นี่นา หรือจะเป็นฝันลวงหลอกแบบที่สายเลือดเทพหลอกลวงชอบทำ
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังไตร่ตรอง บานประตูที่ถูกผนึกก็ถูกซัดพะเงิบพะงาบ ผนึกที่ตราไว้ใกล้สลายเต็มแก่
ปึง ! ปึง !
แมคเคนซียกแขนขึ้นกันดีนไว้ด้านหลังเมื่อรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย พลางคิดไปด้วยว่าควรจะชิงพังประตูบานนี้หรือปล่อยให้สิ่งที่อยู่ด้านในพังประตูออกมาเองดี
‘แต่ถ้าชาร์ล็อตอยู่ข้างในล่ะ’
เรียวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาทันที ครั้นจะใช้คาถาสลายมนต์สะกดก็ใช้ไม่ได้เนื่องจากไม่มีสื่อนำเวทย์ คิดแล้วก็ชวนให้หงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
ปึง ! ปึง !
เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้อาคมที่ลงไว้ด้านหน้าประตูเริ่มอ่อนจางลงไปทุกที กลอนประตูเองก็ทำท่าจะพังแหล่มิพังแหล่อยู่แล้ว มัวแต่รอก็คงเสียเวลาเปล่า ๆ
‘ก็เปิดมันเข้าไปเลยสิ !’
ปัง !
แมคเคนซีถีบประตูอย่างแรง ประตูใกล้พังกับอาคมที่ใกล้เสื่อมหรือจะสู้ความใจร้อนของเขาในยามนี้ได้ เมื่อบานประตูเปิดออกก็เผยให้เห็นร่างร่างหนึ่งที่อยู่ภายในนั้น เรือนผมและชุดคลุมสีดำนั่น…
ไม่ใช่เพียงคล้าย…แต่แมคเคนซีคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“คุณ……”
ดวงตาสีฮาเซลเบิกกว้างด้วยไม่นึกมาก่อนว่าจะเจอผู้เป็นมารดาของตนที่นี่
“เทพีเฮคาที…?”
“โอ๊ะโอ…”
ดีนที่หลบอยู่ด้านหลังของแมคเคนซีตลอดเวลาหลุดอุทานเสียงเบาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาไม่ใช่ไซคลอปส์ ไม่ใช่อสุรกาย และไม่ใช่ชาร์ล็อต ไม่มีอะไรที่เหมือนกับนิมิตในฝันที่เขาเห็น ถึงจะเป็นกลลวงแล้วทำไมคนที่อยู่หลังประตูถึงเป็นเทพีเฮคาทีไปได้ล่ะ
แถมยังมาสคาร่าเยิ้มอีกต่างหาก…
“แมคซี่… ไม่ใช่ว่านี่คือชาร์ล็อตที่โตแล้วเลยหน้าเหมือนแม่นายใช่ไหม?” เขาแอบกระซิบ
แมคเคนซีหันมามองดีนด้วยสีหน้าเหมือนจะถามว่า “นายคิดงั้นจริงดิ…?”
“ชาร์ล็อตเพิ่งหายจากค่ายไปเกือบปีเอง น้องคงไม่ดูมีอายุขึ้นมาขนาดนี้หรอกมั้ง”
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอารมณ์ซุบซิบนินทาระยะเผาขนอยู่ แม้มาสคาร่านั่นจะเปรอะเปื้อนใบหน้าไปบ้าง แต่แมคเคนซีมั่นใจมากว่านี่คือแม่ของเขาไม่ผิดแน่ ถึงจะเคยพบกันเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม
“ชาร์ล็อต..ช่วย…ต้องช่วยชาร์ล็อต…”
เมื่อได้ยินสองเดมิก็อดหนุ่มพูดชื่อชาร์ล็อต เทพีเฮคาทีก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอพึมพำคำเดิมวนซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนเสียสติ จนพวกเขาต้องหยุดเม้าท์มอยกันไว้เท่านี้ก่อน
“เมื่อกี้คุณบอกว่าอะไรนะครับ มาช่วยชาร์ล็อตเหรอ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
แมคเคนซีถามขึ้นมา เมื่อมองไปด้านในห้องนั้นแล้วไม่เจอใครนอกจากเทพีแห่งมนตราผู้นี้
“ชาร์ล็อต..ชาร์ล็อต…ชาร์ล็อตไม่ได้อยู่ที่นี่ ! พวกมันเอาตัวชาร์ล็อตไปแล้ว ! ช่วย…ต้องช่วยชาร์ล็อต !”
เหมือนจะตอบคำถามแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เมื่อเทพีเฮคาทีกลับไปพูดประโยคเดิมแบบวนลูปอีกครั้งราวกับถูกสะกดจิต
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ พวกเรามาช่วย— อุ๊บ !”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค แมคเคนซีก็ถูกแรงมหาศาลผลักไปกระแทกเข้ากับกำแพงแล้วล้มลงไปกับพื้น
‘แรงเยอะชะมัด แต่เหมือนมีอะไรแปลก ๆ’
แมคเคนซีเงยหน้ามองร่างผู้เป็นแม่ที่มีบางอย่างต่างไปจากเดิม ความสงบเยือกเย็นที่สัมผัสไม่ได้ดังเช่นทุกครั้งที่พบกัน เหมือนกับคนคลุ้มคลั่งครองสติไม่อยู่ไปแล้ว
“ดีน ระวัง !”
เขารีบตะโกนบอกคนรักเมื่อเทพีเฮคาทีชี้คทาเวทย์ไปทางอีกฝ่ายแล้วร่ายคาถาบางอย่าง
“แมคซี่!!”
ดีนตะโกนร้องด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าคนรักของเขาถูกเวทมนตร์บางอย่างผลักกระเด็นไปต่อหน้าต่อตา ยังไม่ทันตั้งตัวเขาก็เห็นว่าเทพีเฮคาทีชี้ปลายคทาเวทมนตร์มาทางนี้แล้ว
“อินคันทาเร่… เฟลมมา… มาจิกา…”
แม้แต่เทพีแห่งมนตราก็ยังต้องร่ายคาถาอย่างนั้นเหรอ!? แต่นาทีนี้ไม่มีเวลามาสนใจ ดีนรีบหลบก่อนที่ลูกไฟร้อนราวกับลาวาจะมาปะทะถึงตัว ความรุนแรงของบอลเพลิงทำให้เพลิงร้อนเริ่มลุกลามไปตามผนังบ้านที่ทำจากไม้
“แย่ล่ะ! น้ำ! ขอน้ำหน่อย!!!”
เมื่อเรียกหาน้ำ ๆ ก็มา มวลน้ำใต้ดินลำเลียงตัวกันดันหัวก๊อกห้องครัวออกจนก๊อกแตก น้ำจำนวนมากลอยละล่องลงมายังชั้นใต้ดินราวกับว่ามีใครฉีดสายยางลงมาใส่ ไฟที่ลุกลามมอดดับไปหลายส่วน
“แมคซี่ พวกเราถอยกันก่อน ตรงนี้แคบเกินไป!”
‘แปลก…นี่มันแปลกเกินไป’
ท่าทางไร้เหตุผลนั้นทำให้แมคเคนซียิ่งสงสัย แต่ก็ไม่มีเวลาให้มัวไตร่ตรองมากไปกว่านั้น เขารีบพยุงตัวเองลุกขึ้นทันทีที่ดีนบอกแล้วคว้ามืออีกฝ่ายวิ่งกลับขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยมีร่างของเทพีเฮคาทีตามมาติด ๆ
“ฉันว่านี่มันไม่ปกติ แม่ที่ฉันเคยเจอไม่ใช่แบบนี้ แต่ร่างของเธอก็ไม่ได้ถูกมนต์บังตาบังเอาไว้ แปลว่านี่ไม่ใช่อสุรกาย”
แมคเคนซีบอกสิ่งที่ประมวลผลออกมาได้ให้ดีนฟัง อีกฝ่ายอาจมีความเห็นอะไรบ้าง
“นายกำลังจะบอกว่า…”
จะว่าไปเทพีเฮคาทีที่ดีนพบในครั้งแรกไม่ใช่แบบนี้จริง ๆ ด้วย ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินพวกแซเทอร์เม้ามอยภารกิจเดินทางของธิดาฮิปนอสที่คอกเพกาซัสตอนที่เขาไปหาควีน
“หรือว่าจะเป็นร่างแยกของแม่นาย ฉันเคยได้ยินมาว่าเด็กที่ชื่อเฟเรียเคยสู้กับร่างเงาของเฮคาทีด้วย”
แต่แล้วในสถานการณ์นี้มันคืออะไรกันแน่ล่ะ ไม่ใช่เทพีที่มุ่งร้ายอยากจัดการกับศัตรู แต่เหมือนมารดาที่เป็นบ้าตอนหาลูกไม่เจอ
“หรือแม่นายจะ—..”
พูดไม่ทันจบเทพีเฮคาทีหลอน ๆ ก็ตามมาทัน จากนั้นก็ยิงลูกไฟใส่รัว ๆ จนดีนต้องเรียกมวลน้ำมาเป็นม่านขวางกั้นจนพอจะลดทอนความรุนแรงไปได้บ้าง แต่จากที่สังเกต เธอไม่โจมตีใส่แมคเคนซีเลยนอกจากที่ผลักอีกฝ่ายออกในตอนแรก เพราะว่าเธอยังมีความเป็นแม่อยู่ สมมติฐานจึงค่อนข้างลงล็อค
“แม่นายจะมาช่วยชาร์ล็อตแต่หาเธอไม่เจอก็เลยคลั่งแบบนี้อ่ะ! อั่ก!”
ร่างกายของดีนถูกเวทมนตร์ยกตัวขึ้นไปชนกับเพดานบ้าน จากนั้นร่างของเขาก็ร่วงลงมากระแทกพื้นจนจุกไปพร้อมกับฝุ่นที่ร่วงกราว
จากที่ดีนพูดก็ดูมีความเป็นไปได้ เป็นถึงเทพีแห่งเวทมนต์ทั้งทีคงไม่ถึงกับต้องมาลงไม้ลงมือจัดการเอง แต่ก็น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย มารดาที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ให้เห็น เวลาพบกันก็พูดจาแข็งทื่อราวกับแม่ผู้เข้มงวดจนแทบสัมผัสความรักความโอบอ้อมอารีไม่ได้จะมีความห่วงใยต่อบุตรสาวที่ถูกจับตัวไปจนถึงขนาดต้องส่งร่างเงามาช่วยเลยหรือ
ดูท่าเขาคงต้องมองผู้เป็นแม่ใหม่ซะแล้ว
‘แต่การที่ร่างเงาของเธอถูกขังไว้ที่นี่จนเกิดอาการคุ้มคลั่งขึ้นมาขนาดนี้…มันผิดพลาดตรงไหนกันนะ’
“ร่างเงางั้นเหรอ…อะ ดีน !”
แมคเคนซีรีบหันกลับไปมองเมื่อมือของพวกเขาที่จับกันอยู่หลุดออกจากกัน ก่อนจะรีบวิ่งกลับมาช่วยพยุงดีนให้ลุกขึ้น
ปัง !
เสียงประตูบ้านถูกเปิดออกอย่างแรง ปรากฏร่างของไซคลอปส์ยักษ์สี่ตนที่ขนาดของมันเพียงตนเดียวก็สามารถยืนบังกรอบประตูได้มิดแล้ว
“ไม่จบไม่สิ้นสักทีแฮะ นายโอเคไหมดีน”
แมคเคนซีเริ่มมีสีหน้าตึงเครียด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห่วงดีนมากกว่า
“ฉัน..ได้”
ดีนกัดฟันพูดก่อนจะค่อยยันตัวเองขึ้นมา ตอนนี้จะมามัวสำออยไม่ได้แล้ว ข้างหน้าก็เป็นเงาของเทพีเฮคาที หลังก็เป็นไซคลอปส์อีกตั้งสี่ตน
“ฉันรับมือกับเงาแม่นายเองแมคซี่ นายไม่อยากทำร้ายเธอ แล้วเธอก็ไม่อยากทำร้ายนาย แต่นาย.. สู้พวกมันสี่ตัวไหวไหม?”
“……โอเค ถ้างั้นฉันฝากด้วยนะ ส่วนไซคลอปส์พวกนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมากวนใจนายสักตัว”
แมคเคนซีพยักหน้ารับ ถึงจะไม่พูดแต่ดีนก็คงเข้าใจดีว่าเขาไม่อยากปะทะและต่อสู้กับผู้เป็นแม่ แม้จะเป็นเพียงร่างเงาก็ตาม
“ระวังตัวด้วยนะ”
ฝ่ามือใหญ่ของแมคเคนซีตบไหล่คนรักเบา ๆ แล้วเดินแยกไปยังกลุ่มไซคลอปส์ที่พยายามเบียดเสียดกันเพื่อเข้าประตู
“ส่วนพวกแก…มาเจอฉันนี่”
“นายก็ระวังตัวด้วยแมคซี่”
เป็นอีกครั้งที่ต้องแยกกันต่อสู้ แถมคราวนี้ยังต้องเผชิญหน้ากับเทพีแห่งมนตราที่เป็นแม่ของแฟนอีกซะนี่ ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจเมื่อดีนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เฮติ มือที่ถือดาบตรีศูลสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ จนต้องใช้มืออีกข้างช่วยประคองด้ามดาบ
‘ไม่สิ จะมาสั่นตอนนี้ไม่ได้!’
ดีนสูดหายใจเข้าลึก อย่างไรนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นรีบสู้ให้มันจบ ๆ ไปเลยดีกว่า
“ชาร์ล็อต…ลูก… ลูกสาวฉัน… แก.. คืนเธอมา…”
น้ำตาสีดำไหลออกมาจากดวงตาของร่างเงา เธอดูทรมานมากจนเขาอยากเบือนหน้าหนี หรือบางทีควรเจรจาดีไหม…
“ไอ้พวกที่จับลูกคุณแม่ไปกำลังสู้กับแมคซี่อยู่ข้างหลัง เอาเป็นว่าพวกเราร่วมมือกัน—.. อั่ก!”
พูดไม่ทันจบดีนก็ถูกพลังลึกลับจับยกเขย่าไปมา ลำตัวลอยฟาดตัวบ้าน 657 อย่างมั่วซั่ว แรงสะเทือนทำเอาดาบตรีศูลกระเด็นหลุดออกจากมือ
“อะ.. โอ๊ยยย คุณแม่ใจเย๊นนนน”
ชายหนุ่มพยายามยกแขนขึ้นมากันหัว ไม่ให้ส่วนที่สำคัญที่สุดได้รับความเสียหาย แต่ไม่ว่าจะร้องขอแค่ไหนเงาเฮคาทีก็ไม่ยอมปล่อยเขาลงสักที
“โธ่เว้ย! ผมไม่อยากทำแบบนี้เลยจริง ๆ นะ!”
มวลน้ำที่ท่วมขังในชั้นใต้ดินถูกพลังลูกเจ้าสมุทรยกลอยขึ้นมา ดีนเปลี่ยนมันเป็นหนามแหลมแล้วซัดเข้าหาเงาร่างของเทพี
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
ถึงจะเป็นเพียงเงาแต่ดูเหมือนว่าเธอจะสะท้านจากการโจมตีเมื่อครูอยู่ไม่น้อย ร่างของดีนถึงได้ถูกปล่อยร่วงลงพื้น ชายหนุ่มใช้วิชาพละศึกษาที่เรียนมาตอนเกรดหนึ่ง ม้วนหน้าลงพื้นไม่หล่นตุ้บเสียฟอร์มอย่างครั้งแรก เขารีบพุ่งไปหยิบดาบประจำตัวก่อนเปลี่ยนรูปร่างเป็นตรีศูลแล้วพุ่งแหลนใส่กลางอกของเงาเทพี
“ผมขอโทษนะคุณแม่!”
จากนั้นก็ตามเข้าไปผลักเธอจนหลังติดข้างฝา ฝังหอกตรีศูลไปสุดคม จนปลายหอกเสียบแน่นกับผนังไม้
“ฮึก!! อาห์!!” เงาเทพีเฮคาทีครวญครางอย่างอ่อนแรง เธอเอ่ยคำพูดสุดท้ายก่อนที่พลังจะสลายไป “ช่วย…ชาร์…ล็อต”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ ผมกับแมคซี่ต้องช่วยเธอออกมาให้ได้เลย”
ส่วนทางด้านแมคเคนซีก็เสียเวลาอยู่ครู่นึงเพื่อยืนรอให้พวกไซครอปส์เข้ามาภายในบ้านจนครบ เจ้าอสุรกายร่างยักษ์พวกนี้ดูท่าว่าจะไม่เฉลียวฉลาดเท่าไทสันที่เป็นพี่น้องของดีน เมื่อเข้ามาในบ้านได้ตนหนึ่งแล้ว มันก็ยังอุตส่าห์ช่วยกันดึงเพื่อนที่เหลือให้เข้ามาภายในบ้านอย่างทุลักทุเล แน่นอนว่าบุตรแห่งเฮคาทีไม่คิดจะขัดจังหวะนั้น เพราะเขาเองก็รอที่จะจัดการพวกมันทีเดียวพร้อมกันเพื่อไม่ให้หลุดรอดสายตาแล้วไปป่วนการต่อสู้ของคนรักกับร่างเงาของแม่ตนเอง
“ฮ่าาาา !!”
เมื่อจัดระเบียบกันเรียบร้อยแล้ว ไซคลอปส์ตนนึงก็หันมาเห็นแมคเคนซี มันเงื้อค้อนขนาดใหญ่ในมือขึ้นแล้ววิ่งนำฝูงของมันซึ่งแต่ละตนต่างก็มีอาวุธครบมือมาทางนี้ ซึ่งก็เข้าทางเขาพอดี
ความมืดประดุจราตรีกาลโอบคลุมห้อมล้อมแมคเคนซีกับฝูงไซคลอปส์ไว้ จากที่ภายในบ้านมืดอยู่แล้ว เวลานี้กลับยิ่งมืดมิดทบทวี และปฏิกิริยาของอสุรกายกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างกับกลุ่มแรกที่เจอด้านนอก พวกมันต่างยืนงุนงงเมื่อทัศนวิสัยรอบตัวเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน รวมถึงเหยื่อที่หมายตาไว้ก็หายไปด้วย
ฉึก !
เสียงกริชเงินปักเข้าที่ข้างลำคอของไซคลอปส์ตนนึงจนมิดด้าม หากเปรียบเทียบกับมนุษย์แล้วตรงนั้นก็คือจุดเส้นเลือดใหญ่ข้างลำคอซึ่งถือเป็นจุดสำคัญจุดนึงของร่างกาย ทันทีที่ชักมีดออกร่างใหญ่โตก็ล้มตึงลงกับพื้นทันที ขณะเดียวกันกับที่ร่างเงาอีกสองร่างซึ่งแมคเคนซีสร้างขึ้นในเขตแดนนี้ก็ลงมือสังหารไซคลอปส์อีกสองตนจนสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้วเช่นกัน
“จะไปไหน !?”
“โฮรกกกก !!”
ดวงตาสีฮาเซลตวัดมองไซคลอปส์ที่เหลืออีกตนซึ่งกำลังจะวิ่งหนีแล้วกระโดดสกายคิกเข้าใส่กลางหลังของมันเต็มเปาจนล้มหน้าคะมำไปกับพื้น จากนั้นก็รีบจับร่างนั้นให้พลิกนอนหงายแล้วขึ้นคร่อมนั่งทับไว้ แมคเคนซีจำได้ขึ้นใจว่าการใช้มือเปล่าต่อยอสุรกายไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ นอกจากมันจะไม่ระคายผิวแล้วก็เป็นเขาเองที่เจ็บมือไปหมด แต่เวลานี้เขามีเครื่องทุ่นแรงแล้ว
เขตแดนมืดมิดรอบ ๆ หายไป กลับกลายเป็นหมอกควันบีบอัดตัวห่อหุ้มมือทั้งสองข้างของแมคเคนซีไว้ราวกับสวมนวมสีเทา เขามองเห็นดีนจากตรงที่ไม่ไกลออกไปนัก ดูจากสถานการณ์อีกฝ่ายคงจัดการร่างเงามารดาของตนเรียบร้อยแล้ว
“บอกมา พวกแกเอาตัวชาร์ล็อตไปไว้ที่ไหน”
คำถามมาพร้อมกับหมัดหนัก ๆ ที่ชกเข้าหน้าของไซคลอปส์ซึ่งตกเป็นสนามอารมณ์ไม่ยั้ง มือที่ถูกหุ้มด้วยหมอกทำให้แมคเคนซีไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย ช่างเป็นทักษะสานฝันคนที่อยากต่อยอสุรกายด้วยมือเปล่าอย่างเขาจริง ๆ
“ขะข้า.. ไม่บอกเจ้าหรอก แอ่ฟ!”
ในเมื่อไม่ยอมเปิดปากพูดมันจึงโดนหมัดหลุน ๆ ซัดเข้าไปอีกที ดีนเพิ่งจัดการกับเงาของเทพีเฮคาทีเสร็จรีบมาหาแมคเคนซี เขาชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นคนรักเข้าโหมดโหดราวกับเอาอย่าง ซิลเวอร์ ควินน์ พี่ชายของบ้านมา
ใจนึงก็อยากจะบอกว่า ‘รีบ ๆ จัดการมันดีไหม ดูน่าสงสาร’ แต่อีกใจก็คิดว่า ‘ไซคลอปส์พวกนี้เจ้าเล่ห์ไว้ใจไม่ได้ ถ้าไม่ได้ที่ซ่อนของชาร์ล็อตก็ไม่ควรมอบความตายให้มันไปสบาย’
เออ.. สงสัยว่าดีนจะแอบติดความคิดแบบซิลเวอร์มาอีกคน
ฉะนั้นเรื่องรีดความจริงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแฟนดีกว่า เขาเพียงแค่เข้าไปอยู่ข้าง ๆ ให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองปลอดภัยแล้ว
เจ้าไซคลอปส์ตนนี้ปากแข็งใช่ย่อย ขนาดโดนแมคเคนซีซ้อมจนอ่วมแล้วก็ยังไม่ปริปากบอกแม้แต่น้อย หรือไม่ก็คงเจ็บระบมไปหมดเสียจนพูดไม่ไหว ในเมื่อไม้แข็งไม่ได้ผลก็คงต้องใช้ไม้ซุง
“แย่ชะมัด ซ้อมไปก็เสียเวลาเปล่า บ้านแค่ไม่กี่หลังพวกฉันหาเองก็ได้ ได้เวลาส่งแกไปทาร์ทารัสแล้ว”
หมอกที่ปกคลุมมืออยู่หายไป แมคเคนซีหยิบกริชจันทราสีเลือดออกมา คมมีดส่องประกายในความมืดราวกับบอกว่าพร้อมที่จะทำหน้าที่แล้ว
“บอกแล้ว ! ข้ายอมบอกแล้ว ! ธิดาเฮคาทีคนนั้น…อยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ไปอีกเก้าหลัง”
อาจเป็นเพราะความตายที่มาจ่อตรงหน้าและชื่อ ‘ทาร์ทารัส’ จึงทำให้สุดท้ายแล้วไซคลอปส์ตนนี้ยอมคายความลับออกมา แมคเคนซีหันไปมองดีนเล็กน้อยก่อนจะเก็บมีดสั้นลงแล้วค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นยืนโดยปล่อยให้อสุรกายร่างยักษ์นอนพะงาบอยู่อย่างนั้น
“นายเจ็บตรงไหนไหมดีน แม่ฉันรุนแรงกับนายหรือเปล่า”
เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของคนรักหันไปมาเพื่อตรวจสอบร่องรอยบาดแผล ราวกับปีศาจที่สิงสู่ก่อนหน้านั้นออกจากร่างไป กลับมาเป็นแมคเคนซีที่อบอุ่นปานไมโครเวฟเหมือนเคย
“ฉันไม่เป็นไร แค่จุก ๆ นิดหน่อยแต่แค่นี้ยังไหว”
ดีนหัวเราะเสียงแห้ง บอกยังไหวก็จริงแต่ใจก็คือ ‘พอแล้วได้ไหม!’ ยังหาชาร์ล็อตไม่เจอก็ยังรับประกันไม่ได้ว่าต้องบู๊แหลกอีกกี่รอบ ร่างกายร้าวพอ ๆ กับตอนที่โลกิบุกค่าย… มีหวังคืนนี้ได้สลบเหมือดจนถึงเช้าแน่ ๆ
เนตรสีเปลือกไม้เสมองไปทางไซคลอปส์ที่นอนพังพาบอย่างหมดสภาพอยู่บนพื้น
“เจ้านี่ไว้ใจได้ไหม จะอยู่ในบ้านอีกเก้าหลังถัดไปจริงหรือเปล่า หรือเราควรลากคอมันไปด้วยถ้าโกหกค่อยเชือดทิ้ง”
แกล้งพูดขู่ไปงั้น ๆ แต่คนที่มาด้วยอาจจะทำจริงก็ได้ มันจึงได้แต่สั่นสะท้านด้วยความกลัวตาย
แมคเคนซีเพียงแค่ยิ้มบาง ดูจากสีหน้าดีนแล้วเหมือนมีคำว่า ‘ไม่ไหวบอกไหว’ เขียนอยู่บนหน้าผากชัด ๆ มาจนถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่าคิดถูกแล้วจริง ๆ ที่เดินทางมาทำภารกิจด้วยกัน อย่างน้อยก็ยังพอช่วยแบ่งเบาภาระดีนได้
“สภาพแบบนี้พาไปด้วยน่าจะไม่สะดวกพวกเรา ทิ้งไว้ที่นี่เถอะ อีกแค่เก้าหลังเอง…”
เขาปรายตามองไซคลอปส์ตนนั้น หากนับบ้านเลขที่ถัดไปอีกเก้าหลังก็มีความเป็นไปได้สูง ‘บ้านเลขที่ 666’ เลขสวยเสียด้วย
‘ผิดคาดนิดหน่อยแฮะ’
ก่อนหน้านี้แมคเคนซีดูโหดสลัดกลอสเตอร์แท้ ๆ แต่กลับยอมปล่อยไซคลอปส์ไปง่าย ๆ ส่วนดีนไม่ได้มีปัญหาอะไร เขามองเข้าไปในดวงตาอันใหญ่โตเพียงหนึ่งเดียวกลางใบหน้าของสาวกลัทธิบูชายัญ แค่นี้ก็รู้ว่ามันกลัวจนไม่กล้าลุกขึ้นมาซ่าอีก
“โอเคที่รัก ถ้านายว่าแบบนั้นฉันก็เห็นว่าดี”
ส่วนหนึ่งเพราะว่าไซคลอปส์บางตัวอาจมีสายเลือดโพไซดอนด้วยเนี่ยแหล่ะเลยรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมา ถึงแม้ที่ผ่านมาจะสังหารไปหลายตัวแล้วก็ตาม… ไม่รู้สิ ช่างเป็นอะไรที่ย้อนแย้งในใจบุตรเจ้าสมุทรเหลือเกิน
“ไปกันต่อเถอะ อย่าเสียเวลาตรงนี้เลย”
เรียวแขนพาดกอดคอคนรักไว้แล้วพากันออกจากบ้านหมายเลข 657 หากแต่สมาธิของแมคเคนซียังคงจดจ่ออยู่กับไซคลอปส์ตนนั้น เมื่อบานประตูไม้ปิดลง หมอกควันหนาทึบก็โอบล้อมอสุรกายเพียงหนึ่งเดียวในบ้าน ก่อนที่ร่างใหญ่ยักษ์จะหายไปในนาทีต่อมา

ความคิดเห็นผู้บันทึก
ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย ไม่สิ…ต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายไปมากที่เจอร่างเงาของเทพีเฮคาทีที่นี่ ถึงขนาดส่งร่างเงามาช่วยชาร์ล็อต นั่นก็แปลว่า…ไม่ใช่แม่ที่ไม่สนใจไยดีลูกไปซะทีเดียวหรอก ใช่ไหม แต่ใด ๆ ก็คือ…ดีนเห็นด้านที่น่ากลัวของผมเข้าแล้วนี่สิ ไม่นะ ดีนจะกลัวหรือเปล่า คราวหน้าผมต้องควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้แล้ว
สรุปสถานการณ์
- มาถึงบ้านเลขที่ 657 แต่ไม่พบชาร์ล็อต
- พบร่างเงาของเทพีเฮคาทีแทน ดีนต่อสู้กับร่างเงา
- แมคเคนซีต่อสู้กับฝูงไซครอปส์
- ได้รับเบาะแสเพิ่มเติมว่า ชาร์ล็อตถูกนำไปไว้ที่บ้านเลขที่ 666
- รัสเซลรออีกนิดนะ ใกล้ถึงบทของนายแล้ว
สรุปผลการต่อสู้
DEAN ร่างเงาเทพีเฮคาที Lv.51 [1]
|
MACKENZIE สาวกลัทธิ The Watcher Lv.65 [1] [2] [3] [4]
สินสงคราม ตาไซคลอปส์ จำนวน 4
**หินตีบวกตามเลขไบต์หลังสุด**
|