"เปล่า ไม่มีอะไร.." น้ำเสียงของชายวัยหลางคนที่เป็นคู่สนทนาปริศนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะเล้น
"ผมว่าคุณน่าจะมีล่ะ แต่ถ้าจะเล่นสนุกกับผมตอนนี้ล่ะก็ ผมไม่มีอารมณ์เล่นด้วยหรอกนะ ขอตัว" ก่อนที่จอห์นจะเดินออกห่างจากชายหนุ่มคนนั้นไป แต่ทันได้นั้นเอง..
"นายคงไม่คิดจริงๆสินะว่ามันจะมีจริงๆน่ะ" ชวัยกลางคนตรงนั้นเอ่ยขึ้นมาด้วยประโยคที่ทำให้จอห์นกลับไปเหลียวมองเขาอีกครั้ง
"นี่คุณพูดบ้าอะไร ตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ถามจริงๆไม่อ้อมค้อม มีอะไรจะบอกกับผมงั้นเถอะ" ชายหนุ่มเอ่ยอย่างที่แอบหัวร้อนหน่อยๆ เพราะด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างที่เขานั้นอยากจะรู้ และ..
"นั่งก่อนสิ.." ชายวัยกลางคนตรงนั้นผายมืออีกข้างไปที่เก้าอี้ตรงข้าม ชายหนุ่มที่แอบไม่ไว้ใจ แต่เขาเองก็ไม่มีอะไรจะเสียเท่าไหร่ เวลาในวันนี้เขามีเหมือนๆกับคนอื่นๆ แต่เขาจะไม่กลับบ้านไปมือเปล่าอย่างแน่นอน.. จอห์นเดินไปที่เก้าอี้ก่อนที่จะเลื่อนมันออกมาและนั่งลง
"มีอะไรจะบอกผมก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องมากเรื่อง มันเสียเวลาผม"
"โอ่.. ใจเย็นๆก่อนไอ้หนุ่ม ฉันรู้ว่านายกำลังตามหาอะไร เพราะฉันเองก็เป็นแบบเดียวกับที่นายเป็น เอางี้ เพื่อไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลจนเกินไป.."
ชายวัยกลางคนหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าในสูทพร้อมชูขึ้นตรงหน้าและเปิดออก เผยให้เห็นตราของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของประเทศเลยก็ว่าได้
"เพื่อให้เธอสบายใจและวางใจในตัวฉันว่ามันไม่ใช่การละเมิดสิทธิ์ฯของเธอ ตรานี้คงทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อฉันจะเริ่มถามคำถาม แน่นอน ว่ามันไม่ใช่คำถามที่เหมือนกับถามคนทั่วไปหรอก แต่เป็นคำถาม ที่คนส่วนน้อยอย่างนาย น่าจะตอบฉันได้.."
เป็นคำพูดที่เริ่มจริงจังและแฝงไปด้วยความลึกลับ นั่นยิ่งทำให้เขาคิดว่า ชายคนนี้ต้องมีอะไรสักอย่างอย่างแน่อน ที่สำคัญ ชายหนุ่มจอห์นเริ่มเห็นอะไรแปลกๆที่ด้านข้างของชายคนนั้น มันเป็นเหมือนกับไอสีดำอะไรสักอย่างที่ระเหยขึ้นมารอบข้างตัวของเขา ครอบคุลมไปทั่วบริเวณที่เขากำลังนั่ง กว้างไปจนกระทั่งถึงขอบถนน
"นี่คุณ.. ทำอะไรน่ะ?" ชายหนุ่มจอห์นถามอย่างตื่นตระหนก ในขณะที่อีกฝ่ายนั่งไขว่ห้างจิบเครื่องดื่มของเขาอย่างสบายใจเพื่อเตรียมพร้อมที่จะถาม และอธิบายกับสิ่งที่เกิด
"ไม่ต้องตกใจไปหรอก มันเป็น.. สิ่งที่คนอย่างพวกเราสามารถทำได้ นายเองก็สามารถทำได้ แค่ อาจจะไม่เหมือนกับของฉันเท่านั้น ฉันแค่ทำให้พื้นที่โดยรอบไม่ได้ยินเสียงของพวกเรา ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเราพูดคุยกัน ฉันไม่อยากให้คนที่หูไวมาสอดรู้เรื่องที่พวกเรากำลังคุยกัน เป็นสิ่งที่ฉันมักจะป้องกันเอาไว้ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง เอาล่ะ ฉันจะเริ่มถามล่ะนะ"
"ดูๆไป นายก็ไม่น่าใช่พวกไร้บ้านนี่นะ ฉันขออภัยด้วยแล้วกัน เอาล่ะเริ่มคำถาม ที่ผ่านๆมา นายได้เจอเรื่องอะไรประหลาดกับตัวเองบ้างรึเปล่า? "
"เจอสิ.. ตั้งแต่จำความได้ ฉัน..เอ่ออ ผมก็เจอมาตลอดนั่นล่ะ สัตว์ประหลาดอะไรก้ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด แต่คนรอบข้าง ไม่ได้เห็นเหมือนในสิ่งที่ผมเห็น.."
"อืมม.. เอาล่ะ ต่อไป นายคิดว่าสถานที่ที่นายกำลังตามหาอยู่น่ะ นายคิดว่ามันมีจริงมั้ย? หรือนายมีความคิดยังไงเกี่ยวกับสถานที่ส่ง รวมถึงของพวกนั้นด้วย?"
"สถานที่งั้นเหรอ?..! เดี๋ยวนะ คุณรู้ได้ยังไงกันว่า มีของมาส่ง แถมยังรู้เรื่องสถานที่นั้นอีก"
"ชั้นที่ 600 ของตึกเอ็มไพร์สเตทน่ะเหรอ? รู้จักสิ เคยขึ้นไปบ่อยด้วย?"
"บนนั้นคืออะไร? มีอะไรอยู่ที่นั่น? ทำไมเขาถึงส่งของอะไรแบบนี้มาให้ผม? ผมเป็นใครแน่? เกิดอะไรขึ้นกับผม?"
"โวว ๆ ๆ ๆ ๆ เย็นไว้ไอ้หนุ่ม นายนี่ พอได้ทีก็เริ่มถามไม่หยุดเลยนะ เอางี้ก็แล้วกัน ฉันจะเริ่มตอบคำถามของนายบ้างล่ะนะ.. เริ่มจากคำถามแรก บนชั้นที่ 600 ที่ดูไม่มีจริงบนนั้นมีอะไร.. ก่อนอื่นฉันขอถามอะไรนายอีกสักคำถามได้มั้ย?"
"ได้.."
"นายเชื่อเรื่อง.. เทพเจ้าอะไรพวกนี้มั้ย?"
"ทำไมจู่ๆก็ถามอะไรที่มันเป็นเทวนิยมแบบเนี่ย?"
"... เฮ้อ.. เอาเถอะ เอาเป็นว่านายรู้จักมั้ย? ไม่ต้องเชื่อก็ได้"
"ก็.. เคยอยู่ พ่อผมเขาเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องของเทพปกรณัมต่างๆ ที่ผมเคยได้ยินก็เทพโอลิมปัส ตำนานสงครามไททันโนมาคี แล้วก็เทพปกรณันของฝั่งบ้านเกิด เทพนอร์ส โอดิน เฟย์ย่า ธอร์ วัลคีรี่ แร็คนาร็อคฯ บลาๆๆ เคยได้ยินได้ฟัง แล้วก็ได้เห็นได้ดูมาส่วนนึง.. จากหนังของมาเวลาอ่ะนะ"
"ก็ถือว่านายรู้จัก แต่ก็ไม่ได้นับถือหรือศรัทธาในตัวเทพเหล่านั้นใช่มั้ย?"
"ใช่.. ผมเป็นพุทธศาสนิก ไม่เชื่อในเรื่องเทพเจ้าอะไรพวกนั้นหรอก มีแต่ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แล้วก็ตัวเรา"
"แล้วถ้าเกิดว่ามันมีคนชั่วที่ทำชั่วแล้วได้ดีขึ้นมาล่ะ? นายมีความคิดในเรื่องนี้ว่ายังไง?"
"อืมม มีคนถามผมหลายคนเหมือนกันกับเรื่องนี้ ผมเองพอให้คำตอบได้อยู่ แต่ไม่ชัดเจนนัก เพราะวิบากฯหรือผลของกรรมหรือการกระทำที่เขาทำเอาไว้ในชาตินี้ ยังไม่ส่งผล คนเหล่านั้นจึงคิดว่ากฎแห่งกรรมมันเพ้อเจ้อ จนกระทั่งเมื่อวิบากของความชั่นนั้นย้อนกลับมาส่งผลให้กับผู็ที่กระทำ ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่มีทางจำได้หรอก ว่าทำไมเขาถึงต้องมาลำบากหรือทรมานแบบนั้น ก้ประมาณนี้"
"อื่ม ใช้ได้.. ฉันว่านายฉลาดกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ ท่าทางท่านมิเนอว่าคงปิติใจน่าดู"
"มิเนอว่า? คุณหมายถึงใครงั้นเหรอ?"
"อ่า ฮะๆ ขอโทษที จำสิ่งที่ฉันถามไปก่อนหน้านี้ได้มั้ย เรื่องเทพปกรณัมฯ กรีกหรือโรมันอะไรทำนองนั้นน่ะ.."
"อึม ทำไมเหรอ? จะบอกว่าพวกเขาอยู่บนชั้นที่ 600 ของเอ็มไพร์สเตทงั้นสิ.. ใช่ได้นะ ผมชอบมุกของคุณจัง คุณตำรวจ.."
ชายวัยกลางคนนั่งเงียบพร้อมกระดกคิ้วข้างนึงสูง อีกข้างหรี่คิ้วต่ำ ทำท่าทางมีเลศนัย จอห์นที่แอบหัวเราะชอบใจก็ค่อยแผ่วเสียงหัวเราะของตนเองลง ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นตะลึงงัน..
"ก็กำลังจะบอกอยู่เหมือนกันนั่นล่ะ ว่าสิ่งที่ฉันถามไปนั่นน่ะ พอได้ยินนายตอบว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับนายฉันเองก็ฟันธงได้ทันที แต่ก็ไม่คิดว่า นายจะไม่ได้มีความเชื่อเรื่องเหล่านี้ แล้วก็ มิเนอว่าที่ฉันพูดถึงน่ะเขาก็คือเทพีแห่งสติปัญญา ถ้าเป็นทางกรีก ก็คงเป็นอาธีน่า ฉันคิดว่านายน่าจะเป็นลูกของเขา หรือไม่ใช่..?"
"ก็ไม่รู้สิ ผมเองก้ยังไม่รู้จักเลย แต่เดี๋ยวนะ ถ้างั้น เรื่องที่คุณพูดนี้ หมายความว่าไงกัน?"
"นายยังต้องถามอีกเหรอ ฉันกับนาย คือ'เดมิก็อด' ลุกหลานผู้มีสายเลือดของเทพเจ้าอยู่ในร่างยังไงล่ะ"
".. บ้าแล้ว.. เป็นไปได้ไง ผมเกิดที่ โอลาฟ นอร์เวย์ เทพโอลิมปัสเขาจะมาให้กำเนิดผมที่แดนเหนือได้ยังไงกัน?"
"อึมม นั่นสิ.. โอลาฟเลยเหรอ แทบจะเหนือสุดของนอร์เวย์เลยนะ"
"ก็นั่นสิ ถ้าผมเกิดจากยักษ์น้ำแข็งแบบโลกิก็พอเมคเซนส์หน่อย.. เดี๋ยว อย่าเปลี่ยนเรื่องคุยสิ"
"ใครเปลี่ยนเรื่อง ฉันแค่บอกว่านายเกิดที่แดนเหนือของนอร์เวย์ ยังไม่ได้บอกอะไรต่อจากนั้นเลย หลอนแล้วแก ไอ้หนู"
"โอ้ย เอาสักเรื่องเถอะ มึนไปหมดแล้ว.. " ชายหนุ่มจอห์นเริ่มหัวร้อนขึ้นเล็กน้อย"
"ก็อย่าที่ฉันบอก นายคือเดมิก็อด หรือในตัวนายมีสายเลือดของเทพหรือเทพีในตัวนาย จะเกิดมาจากครึ่งอะไรก็ช่างมันเรื่องของนาย แต่ถ้านายเห็นอย่างที่ฉันกำลังเห็นล่ะก็ เราคือพวกเดียวกัน"
เมื่อพูดจบชายกลางคนชื่อมือของเขาไปที่ด้านข้าง ซึ่งตรงจุดที่ชายกลางคนชี้ไปนั้น คือร่างของมิโนทอร์ ที่กำลังเดินไปอย่างเชื่องช้า ตามแรงสั่นสะเทือนของเครื่องจักรที่กำลังซ่อมถนนอยู่ สิ่งนั้นทำเอาจอห์นนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดคำถาม ซึ่งมันเป็นเหมือนการทักทายหลังจากนั่งคุยกันในฐานะคนแปลกหน้ามาพักใหญ่..
"เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ผมโจนาทาน" ชายหนุ่มยื่นมือไปจับ
"เทเรซ่า เคลย์มอร์ เอฟบีไอ เดมิก็อดสายเลือดพลูโต หรือ เฮดีสตามที่เข้าใจน่ะนะ"
"ยินดีที่ได้รู้จัก คุณเทเรซ่า ทำไมชื่อเหมือนผู้หญิงเลย" ชายหนุ่มทำหน้าฉงน
"ก็ไม่รู้สิ ฉันก็ใช้มันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่อยู่ที่ค่ายฯแล้ว แต่ส่วนใหญ่คนรู้จักมักเรียกฉันว่า'เทรส'มันฟังลื่นหูกว่า ว่าแต่ ของที่อยู่ในกล่องที่ได้มาเนี่ย นายได้อะไรมาบ้างล่ะ ถ้าให้ฉันเดานะ เสื้อยืดตัวนึง กับของที่แสดงถึงผู้ที่เป็นผู้ปกครองของนาย"
"อ๋อ.." เมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มก็หยิบมันออกมาจากในกระเป๋า ซึ่งมันก็คือหอกที่มีด้ามจับสั้น เหมือนเป็นกริซมากกว่าที่จะเป็นหอก แล้วก็เสื้อยืดหนึ่งตัวที่อยูทในกระเป๋าสะพายข้างของเขา
"อืมม.. มันก็เดาได้ยากเหมือนกันแฮะ แต่ที่แน่ๆ เราคงจะไม่ได้อยู่ค่ายเดียวกันหรอก"
"หมายความว่าไง?"
"..ยังมีอะไรอีกหลายอย่างสำหรับเดมิก็อดรุ่นใหม่ๆอย่างนาย ที่ต้องรู้อย่างแรกเลยคือ ค่ายที่ฉันจากมานั้น เป็นค่ายของเดมิก็อดในฝั่งของโรมัน และก็จะมีค่ายของเดมิก็อดซึ่งเป็นฝ่ายกรีก ทั้งสองค่ายนี้มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร แต่ก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนๆกัน แล้วก็ที่แน่ๆ ทั้งสองค่ายนี้ ไม่ได้เป็นศัตรูซึ่งกันและกัน เพราะพวกเราทั้งสองค่าย ไม่เคยมีเรื่องอะไรบาดหมางกัน อีกทั้งพ่อหรือแม่ของพวกเราก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนเดียวกัน แต่ก็ไม่เหมือนกัน นี่ก็เป็นสิ่งที่นายควรรู้เอาไว้ ก่อนที่จะไปที่นั่น หอกนั่น คงเป็นสัญลักษณ์ของเทพหรือเทพีองค์ใดองค์หนึ่งในฝั่งกรีก ฉันไม่แน่ใจ ในตอนแรก ฉันเห็นว่านายดูฉลาด มีไหวพริบ ก็เลยคิดไปว่าคงเป็นบุตรแห่งมิเนอว่าหรืออาธีน่าทางฝั่งของนาย แต่ดูจากมรดกที่ได้มา คิดว่าไม่น่าใช่แล้ว แต่เอาเถอะ นายจะได้รู้ความจริงว่าใครเป็นพ่อหรือแม่นายก็เมื่อนายไปถึงค่ายแล้ว.. ฉันบอกได้ประมาณนี้"
ชายหนุ่มอธิบายในเรื่องที่เขานั้นควรจะรู้ ก่อนที่จะมีสัญญาณดังขึ้นมาจากสมาร์ทวอชของเขา เทรสหงายแขนขึ้นมองนาฬิกา ก่อนที่จะกระดกเครื่องดื่มในแก้วจนหมด แล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
"ฉันหวังว่านายคงจะได้เจอกับพ่อไม่ก็แม่ของนายเมื่อไปถึงที่นั่น ยังไงก็ขอให้นายโชคดีกับที่ค่ายนั้นก็แล้วกันนะ ขอตัวก่อน ฉันมีเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนที่ฉันจะเข้างานสาย ไปล่ะ"
เทรสโบกมือลาก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายจากกันไป จอห์นรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เข้าใจตัวเองมากขึ้น และหลังจากนี้ เป้าหมายของเขานั้น ก็คือการตามหาค่ายนั้นให้เจอ ซึ่งนั่นคือเป้าหมายต่อไปของเขา.. เมื่อตั้งเป้าหมายเสร็จ เขาตัดสินใจเดินกลับแมนชั่นของเขาแล้วเตรียมตัว สำหรับเรื่องใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น..
