แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-3-12 13:48
300 เมื่อน้องสาวแฟนถูกเรียกพบผู้ปกครอง ผมเลยต้องปลอมตัวไปแทน
03/02/2025
สายลม แสงแดด และเสียงคลื่นทะเลเอื่อย ๆ ที่ซัดสาดคล้ายกับเปลกล่อมนอนชั้นดี ดีนเผลอหลับกลางวันขณะที่เรือยอร์ชจากแอตแลนติสเคลื่อนตัวไปตามทะเลแดง เมื่อเคลื่อนที่ลงล่างตามเส้นลองจิจูดอุณหภูมิก็ยิ่งอบอุ่นยิ่งขึ้นจนไม่จำเป็นต้องสวมใส่แจ๊คเก็ตตัวหนา เพียงแค่เสื้อยืดคอกลมธรรมดาหรือเสื้อฮาวายก็เอาอยู่
. . .
“พี่ดีนคะ”
เสียงหวานใสของสาวน้อยวัยแรกแย้มกระทบเข้าสู่โสตประสาท ปลุกชายหนุ่มที่กำลังคล้อยหลับยามบ่ายให้ลืมตาตื่น น้ำเสียงของหญิงสาวแผ่วเบาคล้ายกับเกรงอกเกรงใจอยู่มากที่ต้องปลุกชายที่หลับบนเตียงนอนให้ตื่นขึ้น สุ้มเสียงนั้นคุ้นเคยทว่าไม่ได้ยินมาแสนนาน ไม่ใช่น้ำเสียงยโสโอหังของเพกาซัสป่าสีนิลคู่หูเดินทางที่คอยแซะเขาทุกเมื่อที่มีโอกาส จะว่าเป็นเสียงของลูกก๊อบลินที่เก็บได้แถว ๆ สุสานโบราณก็ไม่น่าจะใช่ หรือจะเป็นเสียงของหนึ่งในฮิปโปแคมปัส? แต่ก็ไม่น่าจะเรียกเขาด้วยชื่อนี้อีก
“พี่ดีนคะ”
สาวน้อยเรียกเขาอีกครั้ง จนชายหนุ่มเจ้าของชื่อห้ามที่จะข่มตาหลับอย่างหน้าด้านหน้าทนต่อไปไหว ดวงตาสีเปลือกไม้ค่อย ๆ ขยับเปิด ขนตายาวกระพือปริบเพื่อปรับโฟกัส หลังจากดวงตาปรับสภาพการมองเห็น ภาพตรงหน้าคือสาวน้อยผมสองสีถักเปียคู่ใบหน้าจิ้มลิ้มกำลังยิ้มหวานอยู่ข้างเตียงนอนบนเรือสำราญลำย่อม โดยมีภาพฉายของอาทิตย์อัศดงประกอบอยู่เบื้องหลัง
“ชาร์ล็อต?”
ดีนยกท่อนแขนกำยำขึ้นขยี้ตาไล่ความง่วงออกให้หมดจากนั้นจ้องมองคนตรงหน้าอีกที ชาร์ล็อต ลิเลียน น้องสาวต่างบิดาของแมคเคนซี ไม่สิ.. จะบอกแบบนั้นก็ไม่ถูก คนตรงหน้าเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกอุปการะเลี้ยงดู บางทีน้องสาวของแฟนอาจจะเกิดจากมารดาเป็นคู่แม่แม่ก็เป็นได้
มีเรื่องที่น่าสงสัยเต็มไปหมด แต่ด้วยสมองที่ยังเบลอจึงไล่ถามได้เพียงไม่กี่ข้อ
“ชาร์ล็อต เธอ… กลับมาแล้วเหรอ? แล้วไหงถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ใช่ค่ะ หนูกลับมาแล้ว” เสียงใสตอบกลับพร้อมกับที่ใบหน้านวลยิ้มหวาน แต่ไม่ทันไรสาวน้อยผู้สดใสก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวล “คือ.. มันอธิบายค่อนข้างยากค่ะ แบบว่าหนู ‘ปิ๊ง’ แล้วก็ ‘แว้บ’ มาที่นี่”
“เวทมนตร์เหรอ? อ๋อ.. เข้าใจล่ะ” ดีนให้คำตอบตนเองจากคำอธิบาย ไม่ประหลาดใจเลยที่อีกฝ่ายจะทำแบบนั้นได้ เพราะไม่ว่าจอมเวทจากเกมไหน ๆ ก็มักจะมีสกิลแบบนี้เป็นพื้นฐาน “แล้วทำไมเธอถึงมาหาฉันบนเรือล่ะ?”
“หนูต้องการความช่วยเหลือน่ะค่ะ แบบว่าพอดีมีปัญหากับทางโรงเรียนนิดหน่อย” ชาร์ล็อตยิ้มแห้ง
“โรงเรียน?” ส่วนดีนกลอกตาคิดตาม บางทีอาจจะเป็นโรงเรียนแอลไอไอเอที่ลองไอแลนด์ที่รีชาเรียนอยู่ก็ได้มั้ง ส่วนใหญ่เดมิก็อดที่อาศัยอยู่ค่ายแทนบ้านหลังทีสองก็มักจะเรียนที่นี่กันอยู่แล้ว “แล้วปัญหาที่ว่าคืออะไรเหรอ? แล้วทำไมเธอถึงให้ฉันช่วยแทนที่จะเป็นแมค–.. อ่า.. เป็นแมคซี่คงไม่ได้ ตอนนี้หมอนั่นกำลังทำภารกิจอยู่…”
คำพูดสะดุดลงตามมาด้วยเสียงทอดถอนหายใจ เพิ่งนึกได้ว่าแมคเคนซีไปทำภารกิจที่แคนาดาคงไม่ว่างมาแก้ปัญหาให้น้องสาวของตัวเอง เขาจึงได้แต่ยิ้มเฝื่อนด้วยความคิดถึงชายคนรักอย่างสุดหัวใจ เหมือนกับที่หญิงสาวที่ยิ้มแห้งไม่แพ้กัน
“แล้วปัญหาที่ว่าคืออะไรเหรอชาร์ล็อต?”
“จะว่าไงดี.. คือหนูเผลอทำพลาดเลยต้องถูกเชิญผู้ปกครองน่ะค่ะ” ธิดาแห่งเฮคาทีแสดงท่าทีอึกอัก คล้ายกับเป็นครั้งแรกที่เพิ่งถูกลงโทษใหญ่โตขนาดนี้
“อ๋า…” ดีนทำตาโตก่อนจะกะพริบปริบ จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนบ่าของชาร์ล็อตปลอบให้เธอไม่ต้องกังวล “ถ้าจะให้ช่วยเรื่องถูกเรียกผู้ปกครองก็ถือว่าเธอมาหาคำแนะนำถูกคนแล้ว ในสมัยเรียนฉันน่ะช่ำชองเรื่องการถูกเรียกผู้ปกครองมาก!”
เอาเข้าจริงก็ไม่คิดว่านั่นคือเรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไรเลยนี่หว่า… แต่พอเห็นสีหน้าของน้องสาวแฟนที่กำลังปลื้มปริ่มเห็นเขาเป็นไอดอล จะกลับตัวก็ไม่ทันจึงต้องไปต่อ
“อะแฮ่ม! ถ้างั้นเราต้องทำยังไง? จะรอให้เรือไปถึงลองไอแลนด์ก่อนหรือว่าเธอจะเสกฉันปิ๊งไป?” ดีนถาม
“โรงเรียนของหนูไม่ได้อยู่ที่ลองไอแลนด์หรอกค่ะ คือว่าตอนนี้หนูเรียนอยู่ที่โรงเรียนเวทมนตร์พ่อมดและแม่มดบูเลอวาร์ด เมืองเวสต์ฟิลด์ รัฐนิวเจอร์ซีย์…”
“อะไรนะ?” เล่นเอาคิ้วถึงกับขมวดเข้าหากัน ตอนแรกเขาก็คิดว่าชาร์ล็อตจะเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติบนเกาะลองไอแลนด์เหมือนกับที่น้อง ๆ คนอื่นในค่ายนิยมเรียนกันเสียอีก แต่กลับเป็น.. “โรงเรียนเวทมนตร์บูเลอวาร์ด… มีสถานที่แบบนั้นในโลกด้วยเหรอ?”
“มีสิคะ เพราะว่าเป็นโรงเรียนเวทมนตร์ก็เลยถูกร่ายมนตร์ปกปิดเป็นความลับแล้วไม่ให้โนแมจได้รู้ อุ๊ย!” พูดถึงตรงนี้หญิงสาวก็ยกมือขึ้นปิดปาก “พี่ดีนก็เป็นโนแมจเหมือนกัน ถ้าอาจารย์ใหญ่รู้ความลับนี้พี่ต้องถูกลบความทรงจำด้วยแน่เลย ยังไง.. พี่ช่วยปลอมตัวเป็นพี่แมคได้ไหมคะ”
“ปลอมตัวเป็นแมคซี่งั้นเหรอ?”
คิดตามแล้วก็กลอกตา ปลอมตัวเป็นแฟนต้องทำยังไงนะ? สงสัยต้องเริ่มจาการพูดด้วยสำเนียงบริติชก่อนเป็นอันดับแรก
“เราวาร์ปกันไปเลยดีกว่าค่ะจะได้ไม่เสียเวลา หนูได้กุญแจนำทางมาแล้ว” กล่าวจบชาร์ล็อตก็ยกรองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลสภาพยับเยินราวกับผ่านศึกสงครามข้างหนึ่งขึ้นมา
“นี่มัน… อย่างกับในหนังแฮร์รี่ พ็อตเตอร์.. ฉันพอจะรู้ว่าต้องทำไงกับมัน” ชายหนุ่มยื่นมือไปจับรองเท้าบูทเน่า ๆ นั้นก่อนจะหลับตาลง เพราะว่าเขาไม่อยากคายของเก่าออกมาระหว่างการวาร์ป
“พี่ดีนเก่งจัง เป็นโนแมจแต่รู้วิธีการวาร์ปแบบผู้วิเศษด้วย” น้ำเสียงหวานดังขึ้นก่อนจะเป็นเสียงนับเลข “ถ้างั้นจะออกเดินทางกันแล้วนะคะ ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง”
ทันทีที่เสียงนับเลขจบลง ดีนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหงายหลังจนเผลอร้องเหวอ เขาตกลงจากที่สูงที่บอกไม่ได้ว่าสูงเท่าไร แต่มันนานเพียงพอที่คนไม่นับถือศาสนาจะภาวนาอ้อนวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้าได้สามครั้งก่อนจะสัมผัสลงสู่พื้น แต่มันถูกหยุดไว้เสียก่อนราวกับร่างถูกแขวนไว้กลางอากาศ ดีนค่อย ๆ เปิดเปลือกตาที่หลับปี๋ขึ้นมอง เขาลอยตัวอยู่เหนือพื้นดินเพียงเล็กน้อย เบื้องหน้าชาร์ล็อตชี้คทาเวทมนตร์มาทางเขา ร่ายเวทมนตร์บางอย่างก่อนที่ปล่อยให้ร่างเขาลงสู่พื้นดินอย่างนุ่มนวล
“ถึงแล้วค่ะพี่ดีน โรงเรียนเวทมนตร์พ่อมดและแม่มดบูเลอวาร์ด”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเต็ม ๆ ตา ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเขาคือรั้วเหล็กสีดำขนาดใหญ่ที่ล้อมปราสาทหินขนาดมหึมาเอาไว้ ต้นไม้ที่ปลูกไว้ตลอดแนวไม่แน่ใจจะเรียกว่าปลูกได้หรือไม่ เพราะว่ามันแห้งตายเหลือแต่กิ่งก้านแห้ง ๆ ไร้ใบบนต้น ราวกับเป็นพร็อพประกอบฉากบ้านผีสิงวันฮาโลวีน ท้องฟ้าขมุกขมัวมืดครึ้มไปด้วยก้อนเมฆสีดำ ไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วนั่นคือขอบเขตเวทมนตร์หรือไม่ มิหนำซ้ำบนพื้นยังปกคลุมไปด้วยไอหมอกสีขาวชวนน่าขนลุกอีกด้วย
“เธอแน่ใจนะว่านี่คือโรงเรียนเวทมนตร์ไม่ใช่บ้านผีสิง…”
“ในสายตาโนแมจก็มักจะเห็นเป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่แค่เดินตามหนูมาก็พอ”
เมื่อดีนหันไปที่ชาร์ล็อตอีกที ตอนนี้ชุดเดรสสั้นแบบที่เด็กสาวเคยชอบใส่ กลับกลายเป็นยูนิฟอร์มของสาวน้อยเวทมนตร์แบบที่เคยเห็นในอนิเมะ คลุมทับด้วยผ้าคลุมสีดำ และหมวกทรงสูง เล่นเอาชายหนุ่มแทบอ้าปากค้าง แต่ว่าเขาก็จำเป็นต้องเออออตามเพราะชาร์ล็อตออกเดินนำหน้าไปก่อน กลัวจะตามไปไม่ทัน
เส้นทางที่ดูเหมือนจะทอดยาวเข้าสู่ปราสาทหิน แต่เอาเข้าจริงเพียงแค่เดินสามก้าวทั้งสองก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูปราสาทได้อย่างน่าพิศวง
“เมื่อกี้ใครกรอเทปหรือเปล่า?” ดีนถาม
“เทป… คืออะไรเหรอคะ?” ชาร์ล็อตหันกลับมาทำหน้างง ๆ
“อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร ลืมไปว่าเธอคงเกิดไม่ทันยุคเทปคาสเซ็ท..”
พอเขาตอบแบบนั้นชาร์ล็อตก็เลือกที่จะไม่สนใจอะไรเขาอีก เธอหันกลับมาจ้องมองประตูตรงหน้าก่อนจะยื่นมือออกไป “อะบราคาดาบรา!” หลังกล่าวคำร่ายประตูไม้บานหนาสูงท่วมหัวก็ค่อย ๆ เปิดออกด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าด เผยให้เห็นห้องโถงด้านในปราสาทประดับเชิงเทียนลอยได้คอยให้แสงสว่างที่ภายใน
“ว้าว… สมกับที่เป็นโรงเรียนเวทมนตร์จริง ๆ แฮะ!”
“ชู่ว! ตอนนี้พี่ดีนคือพี่แมค อย่าลืมสิคะ” ชาร์ล็อตยกนิ้วขึ้นจุ๊ปาก ใจเธอคงตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่น้อย หากถูกจับได้ว่าพาโนแมจเข้ามารู้ความลับของโลกเวทมนตร์คงไม่พ้นถูกจับขังเข้าคุกมืดของกระทรงเวทมนตร์เป็นแน่
“เอ้อ ใช่ ๆ โทษที ฉันคือแมคซี่นี่นา เป็นพ่อมดจากอังกฤษด้วย” ดีนย้ำคำสะกดจิตตัวเอง ส่วนชาร์ล็อตพยักหน้าหงึก ๆ คล้ายจะพูดว่า ‘แบบนั้นแหล่ะค่ะ’
พรึบ!
เงาหนึ่งวูบไหวตัดผ่านหน้าทำเอาดีนสะดุ้งโหยง กระโดดหลบหลังชาร์ล็อตโดยสิ้นมาดผู้ปกครอง
“มะ.. เมื่อกี้อะไรน่ะ!?”
“อ๋า.. คิดว่าน่าจะเป็น.. คุณวิลเลี่ยมน่ะค่ะ” ชาร์ล็อตกล่าวออกมาราวกับเป็นเรื่องธรรมดา เธอชะเง้อมองไปตามจุดที่เงาหายไปแล้วจึงพบกับสิ่งมีชีวิตหนึ่ง รอยยิ้มสดใสจึงคลี่ออกมา “คุณวิลเลี่ยมจริง ๆ ด้วย สวัสดีนะคะ”
“ฮึ!” คุณวิลเลี่ยม หรือสิ่งที่ดีนเห็นก็คือ ‘พัควัตจิ’ ตนหนึ่งในมือถือถังน้ำและไม้ม๊อบ ส่งเสียง ‘ฮึ!’ แบบคูล ๆ ตอบโดยไม่ได้สนทนาใด ๆ กลับ
“คุณวิลเลี่ยมเป็นภารโรงของโรงเรียนน่ะค่ะ เขาไม่ค่อยชอบมนุษย์เท่าไร” ชาร์ล็อตกระซิบบอกดีนที่กำลังทำหน้าเหวอเมื่อพบกับอสุรกายที่กำลังทำหน้าที่ภารโรงต่ออย่างขะมักเขม่น
“อะ.. เหรอ… เอาจริงก็ไม่น่าแปลกใจที่โรงเรียนเวทมนตร์มีพัควัตจิเป็นภารโรงแฮะ”
ได้ยินแบบนั้นชาร์ล็อตก็หัวเราะออกมาเบา ๆ คล้ายกับจะบอกว่า ‘เดี๋ยวได้มีเรื่องที่น่าแปลกใจมากกว่านี้อีก’
“อื้อ ก็ประมาณนั้นล่ะค่ะ ปล่อยให้คุณวิลเลี่ยมทำงานต่อไป ส่วนพวกเราก็ไปที่ห้องครูใหญ่กันดีกว่าเนอะ”
หลังจากที่ดีนพยักหน้า ชาร์ล็อตก็เดินนำไปยังห้องครูใหญ่ที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อน เริ่มจากการต้องเดินขึ้นบันไดวนที่มันสามารถโยกย้ายตัวเองไปตามระเบียงชั้นต่าง ๆ อย่างน่าอัศจรรย์คล้ายกับบันไดเวทมนตร์ในเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ แล้วเมื่อมาถึงหน้าห้องของผู้อำนวยการสถานบันก็ต้องบอกรหัสลับกับรูปปั้นหุ่นทองคำผู้พิทักษ์อีกต่างหาก แต่น่าแปลกที่โรงเรียนออกใหญ่โต แต่พวกเขากลับไม่พบเจอใครเลยระหว่างทางนอกจากภารโรงพัควัตจิตนนั้น
ดีนปล่อยให้ชาร์ล็อตนำไปทุกกระบวนการโดยตัวเองอยู่เงียบ ๆ เขามีเรื่องอยากถามนั่นนี่เต็มไปหมดแต่จำเป็นต้องรูดซิบปากปิดสนิท มิฉะนั้นความเรื่องที่เขาเป็น ‘โนแมจ’ อาจจะแตกขึ้นมาก็ได้
“หนูชาร์ล็อต ลิเลี่ยน ขออนุญาตนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อรูปปั้นหุ่นทองคำเปิดทางให้ทั้งสองได้เข้ามาข้างใน จากนั้นเสียงตอบรับก็ดังขึ้นจากโต๊ะของผู้อำนวยการ
“เชิญ”
ดวงตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างเมื่อเขาเห็นร่างของครูใหญ่ที่กำลังนั่งประสานมืออยู่ที่โต๊ะไม้มะฮอกกานีสีเข้ม เบื้องหลังที่น่าจะเป็นรูปผู้ก่อตั้งกลับเป็นภาพของไซคลอปส์ตาเดียวในชุดพ่อมดยศใหญ่ลายคราม และแน่นอนว่าครูใหญ่คนนั้นก็เป็นไซคลอปส์ด้วยเช่นกัน
‘นี่มันโลกอะไรกันวะเนี่ย!’
เกือบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว ดีที่นึกขึ้นได้ว่าที่ค่ายฮาล์ฟบลัดก็มีไซคลอปส์เป็นอาจารย์สอนวิชาสัตว์วิเศษ ดังนั้นคงไม่แปลกหากจะมีโรงเรียนเวทมนตร์ใดสักแห่งในโลกที่มีไซคลอปส์เป็นผู้อำนวยการ
“สวัสดี.. และนั่นคงเป็นผู้ปกครองของคุณลิเลี่ยนสินะ เชิญนั่งก่อน” ครูใหญ่ไซคลอปส์กล่าวด้วยท่าทางสุขุมจากนั้นเขาก็ผายมือให้ดีนได้นั่งโซฟารับรองแขก
“สวัสดีครับ ผมดี… แมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น พี่ชายต่างพ่อของชาร์ล็อตครับ” ดีนปั้นหน้ายิ้มทักทายครูใหญ่ด้วยสำเนียงอังกฤษจ๋าที่พยายามมากเกินไปจนดูเฟคแล้วไปนั่งที่โซฟา เขาเกือบจะหลุดแนะนำตัวด้วยชื่อของตัวเองมาแล้วแต่ถูกศอกแหลมของสาวน้อยข้าง ๆ สะกิดเอาไว้ก่อน “ไม่ทราบว่าที่เชิญผมมาในวันนี้คือ…”
“โอ้ คุณลิเลี่ยนเธอยังไม่ได้บอกคุณสินะ เรื่องของเรื่องก็คือ ▓▓▓▓ ▓▓ ▓▓▓▓▓ ▓▓▓ ▓▓▓▓▓▓▓ ▓▓ ▓”
ราวกับกาลเวลาได้ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดีนพยายามตั้งใจฟังทว่าสารที่ได้รับกลับกลายเป็นคำพูดที่ถูกเร่งความเร็วด้วยสปีดคูณยี่สิบสี่จนคล้ายกับได้ยินเป็นคำว่า ‘อุอิอิอุอิอา’ แบบเพลงประกอบคลิปยอดนิยมในติ๊กต๊อก
“เดี๋ยว.. เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะครับ?” ดีนขอให้ครูใหญ่เล่าให้ฟังอีกที
“อย่างที่ผมแจ้งให้คุณทราบนั่นแหล่ะครับ ด้วยความผิดของคุณลิเลี่ยน เธอจึงต้องถูกจำคุกไว้จนกว่าจะได้รับการพิพากษาและลงโทษประหารชีวิตในวันครีษมายัน” น้ำเสียงของครูใหญ่ไซคลอปส์ราบเรียบและเย็นชา แตกต่างจากผู้ฟังที่ตัวแข็งทื่อ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมอาบแก้ม
‘อะไรนะ ประหารชีวิต? เมื่อกี้คุยกันเรื่องนี้เหรอ?’
“ได้โปรดเถอะค่ะครูใหญ่ หนูยังไม่– อุ๊บ!”
ชาร์ล็อตส่งเสียงอ้อนวอน ทันทีที่ดีนหันกลับไปมองเธอก็เห็นว่าสาวน้อยถูกโซ่นับสิบล่ามตัวเธอเอาไว้ ทั้งแขน ขา และลำตัว บางส่วนพันทับยังช่วงปากทำให้ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้
“เฮ้ย! ชาร์ล็อต!!”
ดีนรีบพุ่งตัวลุกออกจากโซฟาทันที และเมื่อเขาเอื้อมมือคว้าพยายามจะแกะโซ่ออก ร่างของชาร์ล็อตก็ถูกดึงหายเข้าไปจองจำในมิติมืด แม้หน้าจะซีดเผือดทว่าฝ่ามือกำเข้าหากันแน่น
“เฮ้ย! ครูใหญ่แกทำอะไรกับชาร์ล็อต ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ!!”
“นั่นคือโทษทัณฑ์ที่เธอควรได้รับ ส่วนคุณ… โนแมจไม่สมควรมาอยู่ที่นี่ และคุณจะถูกลบความทรงจำ”
ครูใหญ่ไซคลอปส์ยกปากกาไฟฉายขึ้นมาส่องหน้า ดีนไม่เห็นอะไรนอกจากแสงขาวโพลนจนทำให้เขาติดสตั๊น จากนั้นพื้นที่กำลังยืนอยู่ก็แตกละเอียดราวกับกระจก เขาร่วงลงไปด้านล่างยังหุบเหวมืดที่ไร้จุดจบ มือไขว่คว้าหาหลักยึด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีมือของใครคนหนึ่งกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา..
“ดีนตื่น!”
เสียงนั้นเป็นเสียงของแมคเคนซี… ไม่สิ ไม่หรอก แมคซี่ไม่น่าร้องว่า ‘กี้’ นะ…
. . .
“กี้!”
“หือ?”
ดีนตื่นสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่เขาถูกเขย่าตัวอย่างรุนแรง ภาพแรกที่เห็นคือลูกก๊อบลินตัวเขียวกำลังเขย่าปลุกเขาที่ฝันร้ายอยู่ เมื่อมันเห็นว่าเขาลืมตาแล้วจึงดึงมือให้ไปดูอะไรบางอย่างที่กาบเรือ เขาเดินตามมันไปอย่างสะโหลสะเหลในหัวพลางคิด
‘เมื่อกี้ฝันอะไรหว่า… จำไม่ได้เลยแฮะ รู้แต่มันบ้าบอมากเลย’
“ฮรี้!” oO(ฮึ! ตื่นแล้วรึเดมิก็อดขี้เซา) ควีนส่งเสียงขึ้นจมูก เพกาซัสสาวยืนจังก้าอยู่บนดาดฟ้าท้ายเรือยอร์ช สายตามองตรงไปยังอะไรสักอย่างที่อยู่ในทะเล
“ควีน เธอเรียกฉันเหรอ มีอะไร?” ดีนยกแขนขึ้นขยี้ตา ก่อนจะพยายามหยีตามองภาพเบลอ ๆ เบื้องหน้า “โอ้ เชี่ย.. ไม่ใส่แว่นแล้วมองอะไรไม่เห็นเลย”
สิ้นเสียงสบถพึมพำวูล์ฟเฟียก็วิ่งจรู๊ดกลับเข้าไปในห้องนอนจากนั้นก็ถือแว่นตากรอบหนายื่นให้ดีน
“แกเอามาให้ฉันเหรอไข่ผำ ขอบคุณนะ” เขารับแว่นตามาสวมใส่ ภาพยังคงไม่ชัดเพราะเลอะลายนิ้วมือก๊อบลิน แต่ก็ยังพอมองเห็นภาพออกว่ามีเรือสปีดโบ๊ทลำหนึ่งไล่ตามมาอยู่ “อะไรน่ะ สปีดโบ๊ท? ตามเรามาเหรอ? ทำไมล่ะ?”
ระหว่างกำลังงงวยเสียงปืนหลายนัดก็ดังขึ้น
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
“แว้ก!!! อะไรฟะ!?!!!”
จากกำลังเมาขี้ตาอยู่ก็ต้องตื่นเต็มตา แล้วรีบก้มหลบ เมื่อสปีดโบ๊ทที่ขับไล่หลังด้วยความเร็วเต็มพิกัดเกิดยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่
“ฮรี้!” oO(เกรงว่าพวกเราจะปะทะกับโจรสลัดโซมาเลียเสียแล้วล่ะขอรับท่านชายเอลวิน) ฮิปโปแคมปัสตนหนึ่งส่งเสียงร้องบอกจากหัวเรือ
“อะไรนะ! โจรสลัด!?”
ดีนแทบจะกรี๊ดออกมา สถานการณ์คับขันระดับแย่เกินเยียวยา สปีดโบ๊ทของโจรสลัดเลื่องชื่อขับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ดูท่าว่ามันน่าจะเข้ามาเทียบตีคู่กับพลังเรือยอร์ชหกฮิปโปแคมปัสได้ในเวลาอีกไม่นาน จะบอกให้เร่งความเร็วเรือขึ้นอีก สารถีคงเดินหน้าเต็มกำลังจนไม่อาจเร่งเครื่องยนต์ม้าไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
“ฮรี้!” oO(งั้นข้าจะไปก่อกวนมันเอง) ควีนกล่าวอย่างกล้าหาญ เตรียมสยายปีกขึ้นบินจู่โจม
ซูมมมม!!
ทว่าทันใดนั้นได้เกิดพายุงวงช้างขึ้นกลางทะเลเข้าจู่โจมเรือสปีดโบ๊ทของโจรสลัดเข้าเต็มลำจนเรือล่ม เหล่าโจรสลัดได้แต่ว่ายน้ำลอยคอหนีตายกันจ้าละหวั่น
“อะไรน่ะ?” เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ที่แน่ ๆ คือตอนนี้ดีนอ้าปากหวอจนน้ำทะเลเค็ม ๆ กระเซ็นเข้าปาก ชายหนุ่มพยายามรวบรวมความคิดว่าจู่ ๆ เกิดพายุขึ้นกลางทะเลขึ้นได้อย่างไร ก็ดูเหมือนว่าคำตอบจะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น “พ่อมาช่วยเหรอ?”
เกิดความปลื้มปริ่มในใจจนรู้สึกอบอุ่นวาบที่กลางอก ดีนยิ้มมองง้วนพายุงวงช้างหลังจากที่มันถล่มเรือของโจรสลัดจนล่มแล้วพัดเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกได้ถึงแรงลมกรรโชกแรง ทว่าแรงลากเรือของฮิปโปแคมปัสกับเร่งว่ายหนีเร็วขึ้นประหนึ่งหนีตายทำให้รู้สึกแปลก ๆ ฮิปโปแคมปัสเป็นลูกน้องของโพไซดอนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพ่อถึงไม่ลดพายุลงเสียที…
ใจกลางของพายุงวงช้างเกิดสายฟ้าสีม่วงแปลบปลาบอย่างกับภัยพิบัติในหนังแฟนตาซี แม้จะเรียนวิทยาศาสตร์มาแต่ดีนก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาจนสามารถบอกได้ว่าปรากฏการณ์ตรงหน้าคือเรื่องปกติของการเกิดพายุ
“ฮรี้!” oO(มีอะไรอยู่ในใจกลางพายุด้วย!) ควีนร้องบอก ดีนจึงพยายามเพ่งสายตามองดี ๆ
「ฮ่า ๆๆๆๆ บดขยี้ให้แหลกคึ!!!”」
เสียงหัวเราะแบบดาวร้ายดังขึ้นในใจกลางพายุ ดีนไม่คุ้นหูเสียงนั้น และพนันได้เลยว่านั่นไม่ใช่เสียงของโพไซดอนแน่ ๆ ยิ่งวงพายุเข้าใกล้ยิ่งเห็นชัดว่าภายในวงนั้นคือยักษ์สีม่วงที่ดูชั่วร้ายกำลังควบคุมพายุโหมกระหน่ำมาทางเรือของพวกเขา
“เวรล่ะ!”
คลื่นลมในอ่าวเอเดนปั่นป่วน เรือที่คณะเดินทางโดยสารอยู่โคลงเคลงจนแทบจะยืนไม่อยู่ ลูกก๊อบลินตัวเบาอย่างวูล์ฟเฟียแทบจะปลิวไปตามแรงลมจนมันต้องเกาะเชือกใบเรือเอาไว้แน่น ส่วนดีน… ตอนนี้แว่นตาที่สวมใส่แทบจะปลิวออกจากใบหน้า
“เวร เวร เวร! ทำไงล่ะเนี่ย!!”
“ฮรี้!” oO(ก็ต้องกำจัดมันน่ะสิ! แต่ลำพังกำลังของข้าตนเดียวไม่ไหวแน่)
“จริงด้วย!”
มัวแต่ตกใจอยู่จนลืมไปว่าถ้าเจออสุรกายคุกคามก็ต้องกำจัด แต่แค่ตอนนี้จะยืนก็ยังยืนไม่อยู่เลย แถมแว่นจะปลิวอีก จะไปมีปัญญาจัดการกับยักษ์ที่บงการพายุได้อย่างไรกันล่ะ แต่ยังไงคงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจถอดแว่นตาออกแล้วยัดใส่มือเล็ก ๆ ของวูล์ฟเฟีย
“เก็บให้หน่อย อย่าทำพังนะ”
“กี้!” ก๊อบลินน้อยขานรับ มันจะเก็บรักษาแว่นตาของผู้มีพระคุณอย่างสุดชีวิต
“ควีน เธอมากับฉัน พร้อมลุยนะ?”
“ฮรี้!” oO(ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมล่ะงานนี้ อย่ามัวแต่พูดมาก รีบขึ้นมาซะดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล!)
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเกือบหลุดขำ เพกาซัสสาวบอกว่าอย่ามัวแต่พูดมากแต่เรียกชื่อเขายาวกว่าที่พูดมาทั้งประโยคอีก แต่ไม่มีเวลาให้ล้อเล่นในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เขารีบขึ้นขี่เพกาซัสด้วยวิสัยทัศน์อันพร่ามัว กำไลอัจฉริยะที่ใส่ตลอดเวลาทั้งยามหลับและยามตื่นส่องแสงเรืองรองจากนั้นตรีศูลวิเศษก็ปรากฏขึ้นในมือของชายหนุ่มสายเลือดเจ้าสมุทร
“จะเป็นจีนี่จ๋าหรืออะไรก็ช่าง ฉันไม่ยอมให้แกมาจมเรือฉันหรอกเฟ้ย! ควีน ลุยเลย!”
“ฮรี้!”
ควีนส่งเสียงร้องอย่างฮึกเหิม มันกระพือปีกบินขึ้นฟ้าต้านแรงลมมหาศาลที่พัดวนเข้าสู่จุดศูนย์กลาง บอกตามตรง.. ดีนไม่มั่นใจเลยว่าจะจัดการกับศึกนี้อย่างไร ยักษ์ที่ควรอยู่ในตะเกียงวิเศษหลุดออกมาก่อความเดือดร้อนได้อย่างไร จะต้องผนึกมันไว้ในอะไรสักอย่างหรือว่าสังหารได้แบบอสุรกายทั่วไป แต่ตอนนี้เขามองอะไรแทบไม่เห็นนอกจากภาพขมุกขมัวของลมฟ้าอากาศที่ไม่เป็นใจ บางทีการจู่โจมด้วยพลังแห่งสายเลือดอาจดีกว่าใช้กายภาพจู่โจมซึ่ง ๆ หน้า
ในเมื่อคล้ายกับคนตาบอดอยู่แล้วการใช้ตามองจึงไม่จำเป็น ดีนหลับตาลงปิดประสาทสัมผัสหนึ่งเพื่อเปิดประสาทสัมผัสอื่น และรวบรวมมวลน้ำกลางมหาสมุทรเป็นอาวุธต่อกรกับจีนี่ แม้ไม่ใช่พลังจากตรีศูลน้อยแต่คล้ายกับว่าอาวุธในมือคือไม้บาตองของวาทยากรผู้ควบคุมวงดนตรี เมื่อเขาโบกมันไปทางไหนกระแสน้ำก็เคลื่อนที่ตาม เขาวาดมันเข้าจู่โจมตามทิศทางเสียงของพายุ จากเสียงกรีดร้องที่ลอยเข้าหูแปลว่าทิศทางนั้นถูกต้อง ดีนจึงควบคุมกระสุนน้ำยิงใส่ยักษ์ม่วงไม่ยั้ง
「หนอยแน่!」
ญิณเจ้าถิ่นเกรี้ยวกราดหลังถูกกระสุนน้ำความเร็วสูงยิงใส่จนเนื้อตัวได้รับบาดเจ็บ มันแตกพายุออกเป็นสามสายโจมตีใส่เพกาซัสที่ลอยตัวอยู่เหนืออากาศ ควีนบินหลบวงพายุฉวัดเฉวียน ม้าสาวส่งเสียงเดาะลิ้นออกมาเป็นระยะเมื่อรู้สึกถึงแรงลมมหาศาลพัดผ่านเข้าใกล้ มันพยายามบินพุ่งเข้าหาอสุรกายญิณที่สร้างพายุกำบังกายแต่ก็ถูกเวทมนตร์อาหรับจนต้องถอยออกมา
“ฮรี้!” oO(จะทำอะไรมันได้บ้างไหมเนี่ย!) ควีนร้อง นางกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ อีกนิดจะประชิดตัวญิณวายร้ายได้แล้วแต่ก็ต้องล่าถอยออกมา
“ฮึม.. ดูท่าจะตึงมือมากกว่าที่คิดแฮะ…” ดีนเม้มปากพยายามครุ่นคิด “แล้วถ้าใช้น้ำมากกว่านี้ล่ะ?”
ไม่รู้จะได้ผลไหมแต่ต้องลองดูก่อน ดีนควบคุมมวลน้ำจำนวนมากที่อยู่เบื้องล่างใต้ฝ่าเท้ายกขึ้นมาเป็นกำแพงสูง จากนั้นดันไปด้านหน้าเป็นคลื่นซึนามิลูกใหญ่พัดเข้าใส่ญิณตนนั้น ด้วยความสามารถของอสุรกายมันสามารถบินหลบได้ไม่ยาก แต่นั่นทำให้มันจำเป็นต้องออกจากวงพายุที่ใช้กำบังกายอยู่
“ฮรี้!” oO(ขอเสี่ยงสักหน่อยล่ะ!)เมื่อเห็นโอกาส ควีนรีบบินตามมันไป เธอขยับปีกฝ่าสายลมด้วยความเร็วที่มากที่สุด “ฮรี้!” oO(เจอตัวแล้วมันอยู่ข้างหน้า!)
“แต่ฉันมองไม่เห็น!” ดีนประกาศ
“ฮรี้!” oO(ถ้ามองไม่เห็นงั้นก็ตั้งหอกเอาไว้ ข้าจะดับเครื่องชนมัน!)
ฟังเป็นการกระทำที่บ้าระห่ำแต่ก็ต้องลองดู ดีนตั้งหอกสามง่ามไว้ด้านหน้า สายลมที่ปะทะใบหน้าทำเอาหนาวจนใบหน้าชาไปหมด ดีนมองเห็นวิสัยทัศน์เป็นขีด ๆ ราวกับเส้นสปีดในมังงะ จุดสีม่วงตรงหน้าคงเป็นอสุรกายตนนั้น ทว่าเล็งยากเหลือเกิน เขาหลับตาลงอีกครั้ง ฟังเสียงที่แหวกอากาศ เพื่อจับตำแหน่งของยักษ์จอมวายร้ายก่อนจะพุ่งหอกออกไป
ฉึก!
เสียงชำแรกผ่านและแรงกระทบที่ส่งมาถึงด้ามหอกทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ว่าการโจมตีนี้ไม่มีพลาดเป้า เขารู้สึกได้ถึงแรงดิ้นที่ปลายสามง่ามก่อนจะแน่นิ่งไป เสียงจากควีนทำให้ได้รู้ว่าพวกเขาทำสำเร็จ
“ฮรี้!” oO(เฮอะ! ในที่สุดก็จัดการมันได้สักที)
“ว้า เสียดายจัง ฉันมองอะไรไม่เห็นเลย อดดูฉากเท่ของตัวเองซะงั้น” ดีนทำเป็นพูด ถ้าจะให้มองเห็นฉากเท่ของตัวเองคงต้องให้วูล์ฟเฟียถือกล้องถ่ายคลิปเก็บไว้ให้ แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะแค่ดูแลแว่นตาของดีนไม่ให้ขาแว่นหักก็คงเต็มความสามารถของเจ้าตัวเขียวแล้ว “โอ้ จริงสิ มีสินสงครามร่วงลงมาไหม?”
“ฮรี้!” oO(ให้ตายสิ! เจ้านี่มันขี้งกจริง ๆ เล้ย!!)
แม้ปากจะบ่น แต่เพกาซัสสาวก็ยอมบินร่อนลงผิวน้ำ แต่ยังไม่ทันปล่อยให้เดมิก็อดขี้งกของนางลงไปเก็บของฮิปโปแคมปัสตนหนึ่งก็ว่ายน้ำมาใกล้ ๆ
“ฮรี้” oO(ไม่ต้องห่วงเรื่องสินสงครามขอรับ ข้าเก็บไว้ให้แล้ว)
“โอ้ ขอบคุณนะ ถ้างั้นเรากลับไปที่เรือกันดีกว่า”
. . .
หลังสู้ศึกที่กลางทะเลจบ ทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อ
ท้องฟ้าของอ่าวเอเดนวันนี้สดใสกว่าที่เคยหลังจากที่เพิ่งผ่านเมฆหมอกของพายุมาหมาด ๆ ช่องข่าวพยากรณ์อากาศของโซมาเลียต้องออกข่าวแบบนี้แน่ ๆ …
ตื่นรู้ +2 จากการพิชิต [ญิณ] ครั้งแรกสินสงคราม: หินตีบวก 20 ก้อน |