[ลองไอส์แลนด์] St. Everest Cemetery

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



St. Everest Cemetery

สุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์ ลองไอส์แลนด์









St. Everest Cemetery




สุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์เป็นสุสานเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ริมป่าของลองไอส์แลนด์ ห่างจากค่ายฮาล์ฟบลัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้เวลาเดินเท้าราวครึ่งชั่วโมง เส้นทางที่นำไปสู่สุสานเป็นถนนลูกรังเก่าแก่สองข้างทางมีต้นโอ๊กและต้นซีดาร์ขึ้นแน่นขนัด ให้บรรยากาศร่มรื่นแต่ก็แฝงไปด้วยความวังเวง


เมื่อก้าวเข้าสู่เขตสุสาน ผู้มาเยือนจะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงัดที่แตกต่างจากป่ารอบนอก สุสานแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตนัก มีเพียงหลุมฝังศพเรียงรายอยู่ไม่กี่สิบหลุม บางหลุมมีแค่ไม้กางเขนเก่า ๆ ที่จารึกชื่อเลือนราง บางหลุมถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์และมอสสีเขียวเหมือนถูกกลืนหายไปตามกาลเวลา


ใกล้กับทางเข้ามีรูปปั้นหินของเทพีแห่งความตายยืนเฝ้าอยู่ แม้ว่ารูปปั้นจะสึกกร่อนจากสายฝนและลมทะเล แต่มันยังคงส่งสายตาดูลึกซึ้งราวกับกำลังเฝ้ามองผู้มาเยือน


ประวัติของสุสาน:


สุสานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เพื่อใช้เป็นที่ฝังศพของชาวบ้านในละแวกนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปและชุมชนรอบ ๆ เริ่มร่อยหรอ ความสำคัญของสุสานก็ลดลงไปด้วย


ว่ากันว่าในอดีตเคยมีทหารจากสงครามกลางเมืองฝังอยู่ที่นี่ รวมถึงลูกเรือที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเรืออับปางนอกชายฝั่งลองไอส์แลนด์









แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 9313 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-2-20 20:46
โพสต์ 2025-2-20 22:34:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-2-21 00:51

Activity Form

18/02/25 19.30น. -  20.00 น.


บทที่ 48



คูเปอร์รู้สึกว่าชีวิตของเขามันเริ่มออกทะเลไปไกลขึ้นทุกที  


เขาแค่เดินเล่นรอบกองไฟเฮสเทียเฉย ๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายเป็นพิเศษ แค่ใช้เวลาดื่มด่ำกับความเงียบสงบยามเย็น หรือสิ่งที่เขาเคยเรียกว่าเงียบสงบมาตลอด แต่คราวนี้มันกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายของสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน  


เพราะอยู่ดีๆ เขาก็กลายเป็นนกซะอย่างนั้น  


มันเริ่มจากความคิดลอย ๆ แบบไม่จริงจังอะไร จิตนาการถึงนกบนฟ้า อ้าแขนกว้าง พลางคิดว่า ‘อยากเป็นนกจัง ถ้ามีปีกบินได้คงดี’ แล้วทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หายวับไปในพริบตา เหลือแค่ปีก ขน และความรู้สึกโคลงเคลงของร่างกายที่เบาหวิว  


"แกร๊ก!" คูเปอร์กระพือปีกพัลวันก่อนจะลอยตัวขึ้นไปในอากาศด้วยสัญชาตญาณ  


แล้วเขาก็กลับเป็นคนเหมือนเดิมทันทีที่รู้ตัว  


เขาหงายหลังตึงลงกับพื้นด้วยความงุนงง และทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างหลัง  


"เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้พี่—"  


คูเปอร์เงยหน้าขึ้นจากพื้น พร้อมกับพบว่าผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดคือ ลิเลียน่าและคลาร่า ที่ยืนมองเขาด้วยแววตาทั้งตื่นเต้นและสนุกสนาน  


"พี่เพิ่งแปลงร่างเป็นนกไปใช่ไหม?" ลิเลียน่าแทบจะกระโดดเข้ามาหาเขา "นี่มันสุดยอดไปเลย!"  


"ไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ในค่าย" คลาร่ากอดอก มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "แต่ดูจากสภาพของนายตอนนี้ ฉันเดาว่านายไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นใช่ไหม?"  


คูเปอร์เด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง ถอนหายใจแรง ๆ "กะ...ก็ใช่สิ! ฉันคิดว่าแค่จินตนาการเล่นๆ เท่านั้นเอง!"  


"แล้วคิดว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?"  


คูเปอร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาของเขาจะสว่างวาบขึ้นมา "อย่าบอกนะว่า... เป็นเพราะพรที่ขอจากแม่?"  


ทั้งสองสาวหันมามองกันเองก่อนจะหัวเราะออกมา  


"โอ้โห คูเปอร์ พี่ขอพรเทพีอะธีน่าให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ท่านกลับให้พลังแปลงร่างเป็นสัตว์มาแทนเนี่ยนะ?" ลิเลียน่าหัวเราะจนต้องกุมท้อง  


"แม่ฉันตีความคำขอแปลกๆ เสมอแหละ" คูเปอร์บ่นอุบ  


"แต่ยังไงมันก็คือพรอันล้ำค่านะ" คลาร่ากล่าวก่อนจะตบไหล่เขาแรง ๆ "และในเมื่อมันเป็นพร ก็แปลว่านายต้องฝึกมันให้ชำนาญ"  


คูเปอร์หรี่ตามองทั้งสองคนอย่างระแวดระวัง 


"เดี๋ยวนะ หมายความว่า—"  


"หมายความว่าต่อจากนี้ พี่/นายต้องฝึก!"  


คูเปอร์ไม่ทันได้ประท้วง ทั้งสองคนก็ลากเขาขึ้นฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว  


คูเปอร์ส่งเสียงโอดครวญขณะพยายามรักษาสมดุลของปีกตัวเอง ระหว่างที่บินขนาบไปกับลิเลียน่าและคลาร่า "ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?"  


"แน่นอน!" คลาร่าตะโกนกลับมาพลางเร่งความเร็ว "นายต้องฝึกควบคุมการบินให้ดี! ถ้าเกิดว่าต้องใช้พลังนี้ตอนต่อสู้ นายจะได้ไม่ร่วงลงไปกลางฝูงอสุรกายโดยไม่ได้ตั้งใจ!"  


"พูดเหมือนฉันจะไปใช้มันในการต่อสู้งั้นแหละ!"  


"ก็อาจจะ!"  


"โว้ย! ฉันไม่ได้อยากเป็นฮีโร่บนเวหานะ!"  


"แต่ตอนนี้นายเป็นแล้วไง!"  


คูเปอร์ถอนหายใจยาว ปีกของเขาเริ่มเมื่อยขึ้นมาจากการบินวนรอบค่ายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  


"โอเคๆ ฉันขอพักหน่อยได้ไหม?"  


ลิเลียน่ากับคลาร่ามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้ "ได้ งั้นลงตรงนั้นกัน"  


คูเปอร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อยๆ ร่อนตัวลงสู่พื้น  


เขาคลายร่างจำแลงกลับเป็นมนุษย์ในพริบตา ขาทั้งสองข้างแตะลงบนพื้นหญ้า แล้วร่างของเขาก็ทรุดลงไปทันทีอย่างหมดสภาพ  


"ให้ตายเถอะ นกมันบินได้นานขนาดนี้เลยเหรอ?" เขาคราง ขณะนอนแผ่หลาบนพื้น  


เขาหลับตาพักสายตาสักครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าลิเลียน่ากับคลาร่า ที่ยังคงอยู่ในร่างนก ลอยตัวอยู่เหนือเขาโดยไม่ยอมลงมา  


"เดี๋ยวนะ... ทำไมเธอสองคนไม่ลงมา?"  


แทนที่จะตอบ ทั้งสองกลับจ้องมองไปยังอะไรบางอย่างข้างหลังเขา คูเปอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่หูของเขาจะได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากข้างล่าง  


เสียงข่วน...  


เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ลากไปตามพื้น...  


เขาค่อย ๆ หันไปมอง และสิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น  


กูล...  


ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง แต่เป็นฝูง มีประมาณสิบตัว ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ ซ่อนตัวจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องไม่หยุด  


และท่ามกลางพวกมันมีตัวหนึ่งที่สูงใหญ่กว่าตัวอื่น ดวงตาสีแดงก่ำจ้องเขาอย่างมุ่งร้าย  


อัลกูล...  


โอ้ ให้ตายเถอะ  


แต่ก่อนที่เขาจะได้ถอยหลัง พวกมันก็พุ่งเข้าหาเขาทันที!  


คูเปอร์กระโดดหลบเล็บอันแหลมคมที่พุ่งเข้ามาเฉียดใบหน้าของเขา เสียงคำรามต่ำดังระงมจากเหล่ากูลที่รุมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง  


เขาสบถ ก่อนจะคว้าหอกออกมา ปัดป้องกรงเล็บที่หวังจะฉีกกระชากเขาเป็นชิ้นๆ  


แต่พวกมันเร็ว และจำนวนเยอะ  


เขาต้องคิดอะไรบางอย่างแล้ว


ทันใดนั้น ภาพของเหยี่ยวที่กำลังบินพุ่งลงมาจู่โจมเหยื่อก็ผุดขึ้นมาในหัว  


แน่สิ!  


คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะระลึกถึงพลังใหม่ของตัวเอง  


ร่างของเขาเปลี่ยนแปลงไปทันที ขาทั้งสองกลายเป็นกรงเล็บที่ทรงพลัง ปีกกางออกอย่างสมบูรณ์ และในพริบตาเดียว เขาก็พุ่งขึ้นฟ้าได้สูงลิ่ว  


ฝูงกูลมองตามด้วยความงุนงง และนั่นคือโอกาสของเขา  


คูเปอร์โฉบลงมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าหาพวกมันจากด้านบน เขาใช้กรงเล็บจิกเข้าที่หน้าของกูลตัวหนึ่งอย่างแม่นยำ ก่อนจะดีดตัวออกมา และโจมตีอีกตัวอย่างฉับไว  


เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นเมื่อเขาใช้ความเร็วและแรงจากอากาศในการซัดกูลให้กระเด็นไปทีละตัว


แต่แล้วอัลกูลก็คำรามเสียงต่ำ ก่อนจะกระโจนขึ้นมาหมายจะคว้าตัวเขาไว้…



คูเปอร์พุ่งขึ้นสูงสุดกำลังเมื่อเห็นเงาดำมหึมาของอัลกูลกระโจนขึ้นมาตรงหน้า กรงเล็บของมันเฉียดปลายขาของเขาไปเพียงเสี้ยววินาที ถ้าช้าไปกว่านี้อีกนิดเดียว คงโดนกระชากลงไปกองกับพื้นแล้วเรียบร้อย  


"โอ้โห! ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกกูลกระโดดได้ไกลขนาดนี้!"  


เขากู่ร้องออกมาขณะที่หมุนตัวกลางอากาศ ปีกของเขาตีแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะพยายามใช้ความเร็วให้เป็นประโยชน์  


อัลกูลร่วงกลับลงไปกระแทกพื้นเสียงดังตุบ ฝูงกูลที่เหลือส่งเสียงขู่ต่ำขณะมองตามเหยื่อที่บินออกไปเหนือหัว มันเริ่มกระจายตัวกันออก ล้อมรอบพื้นที่ไว้ราวกับรู้ว่าคูเปอร์ต้องลงมาไม่ช้าก็เร็ว  


ให้ตายสิ พวกมันฉลาดเกินไปแล้ว!


คูเปอร์กระพือปีกบินวนเป็นวงกลม รวบรวมความคิดว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี จะหนีตอนนี้ก็คงยาก พวกมันไม่ยอมปล่อยให้เขาออกไปจากพื้นที่แน่ ๆ ทางเดียวคือต้องหาทางจัดการมันก่อน  


ขณะนั้นเอง เสียงนกร้องก็ดังขึ้นเหนือศีรษะ เขาเหลือบขึ้นไปเห็นร่างของลิเลียน่าและคลาร่าที่ยังคงอยู่ในร่างนก กำลังบินวนอยู่สูงขึ้นไป  


"เฮ้! พวกเธอไม่คิดจะช่วยหน่อยเหรอ!?"  


ลิเลียน่ากรีดร้องเป็นเสียงเหยี่ยว ก่อนที่เสียงของเธอจะดังขึ้นผ่านลม "เราจะช่วยเอง! แต่เราต้องดูว่าพี่ทำอะไรได้บ้างก่อน!"  


"โอ้โห ขอบคุณมาก!"  


คูเปอร์กลอกตา ก่อนจะเบนสายตากลับลงไปยังฝูงกูลเบื้องล่าง อัลกูลยังคงจ้องเขาตาไม่กระพริบ มันเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังเฝ้ารอให้เหยื่อทำพลาด  


งั้นถ้าฉันใช้จุดอ่อนของมันล่ะ?


เขานึกขึ้นได้ว่ากูลกลัวแสงสว่าง แม้ว่ามันจะไม่ถูกทำลายโดยตรง แต่ก็ทำให้มันมองเห็นไม่ถนัด และการเคลื่อนไหวของมันจะช้าลง  


ถ้าฉันพามันออกมาจากเงาต้นไม้ได้ก็จะง่ายขึ้นเยอะ 


คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพุ่งดิ่งลงไปอีกครั้ง เขาใช้เท้าตะปบลงไปที่หัวของกูลตัวหนึ่งที่อยู่ริมขอบของฝูง ทำให้มันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ตัวอื่นๆ เริ่มกรูกันเข้ามาหมายจะช่วย  


"ใช่เลย พวกแกต้องเข้ามาใกล้กว่านี้!"  


เขาโฉบไปโฉบมาหลายรอบ จิกตีพวกมันให้แตกกลุ่ม สร้างความสับสนให้ฝูงกูล และบังคับให้มันถอยออกมาจากร่มเงาของต้นไม้ทีละนิด ทีละนิด  


แต่แล้วอัลกูลก็เริ่มฉลาดขึ้น มันกู่ร้องเสียงต่ำ และฝูงกูลที่กระจัดกระจายก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พวกมันไม่พุ่งเข้ามาอย่างไร้ทิศทางแล้ว แต่เริ่มเคลื่อนที่เป็นกลุ่ม ให้อัลกูลเป็นตัวนำ  


"อืม... ดูท่าฉันจะไปยั่วโมโหมันเกินไปหน่อยนะ"  


คูเปอร์สบถกับตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนแผนทันที เขาโผบินขึ้นสูงสุดกำลัง แล้วใช้ความเร็วพุ่งลงมาอย่างรุนแรง เปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์กลางอากาศ และกระแทกลงกลางฝูงกูลพร้อมกับหอกในมือที่ฟาดลงไปสุดแรง!  


แรงกระแทกทำให้ฝูงกูลกระเด็นออกไปหลายตัว กูลที่อยู่ใกล้สุดแทบจะแตกกระจายเป็นฝุ่นไปทันที ส่วนอัลกูลที่โดนแรงกระแทกจากคลื่นพลังยังคงลุกขึ้นมาอย่างโกรธจัด  


"เอาล่ะ ถ้าแกอยากเล่นหนัก ๆ ก็ได้!"  


คูเปอร์ตะโกน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่นก แต่เป็นหมาป่า  


ร่างของเขากลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเทาของเขาส่องประกายดุจสัตว์นักล่า กรงเล็บยาวขึ้น และกล้ามเนื้อของเขากระชับพร้อมกระโจน  


เขาคำรามต่ำๆ และพุ่งเข้าใส่อัลกูลโดยไม่ลังเล  


อัลกูลก็ไม่ถอย มันพุ่งเข้ามาเช่นกัน การปะทะกันของพวกเขารุนแรง ร่างกายของคูเปอร์ไวกว่า ใช้เขี้ยวและเล็บในการฉีกกัด แต่ว่าพละกำลังของอัลกูลแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด  


แต่แล้วลิเลียน่าก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้า พร้อมกับเปล่งเสียงร้องกึกก้อง เธอพุ่งเข้าไปจิกดวงตาของอัลกูล ทำให้มันร้องลั่น และคลาร่าก็พุ่งเข้ามาต่อเนื่อง ใช้กรงเล็บจิกที่คอของมัน  


"โอเค! ฉันชอบแบบนี้!"  


คูเปอร์ฉวยโอกาสในจังหวะที่มันเสียสมดุล เขากระโดดขึ้นไปกัดเข้าที่ลำคอของมันเต็มแรง!  


เสียงขาดวิ่นดังขึ้น อัลกูลคำรามครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของมันจะเริ่มสลายเป็นฝุ่นทอง และเหล่ากูลที่เหลือก็ร้องลั่นและกลายเป็นฝุ่นไม่ต่างกัน


คูเปอร์กลายร่างกลับเป็นมนุษย์อย่างเหนื่อยหอบ ก่อนจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น  


"โอเค... ฉันคิดว่าฉันไม่อยากเป็นนก หรือหมา หรืออะไรทั้งนั้นอีกแล้ว..."  


แต่ก่อนที่เขาจะได้พักนานกว่านั้น เสียงของคลาร่าก็ดังขึ้นเหนือหัว  


"โอเค นายบินต่อได้แล้ว"  


คูเปอร์เงยหน้าขึ้นไปมองสองสาวที่บินรออยู่และอดครวญไม่ได้  


"เดี๋ยวๆ ขอพักอีกแป๊บ!"  


"ไม่ได้!" คลาร่ากล่าวพร้อมกับใช้ปีกตีหัวเขาเบาๆ "นายยังต้องฝึกอีกเยอะ!"  


"ให้ตายสิ นี่มันการฝึก หรือทรมานกันแน่!?"  


"กึ่งๆ ล่ะมั้ง!" ลิเลียน่าหัวเราะ ก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง  


คูเปอร์ถอนหายใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาเปลี่ยนร่างเป็นเหยี่ยวอีกครั้ง และทะยานขึ้นฟ้าตามพวกเธอไปอย่างไม่เต็มใจนัก  


สงสัยชีวิตเขาคงไม่มีวันสงบสุขจริงๆ สักที…



หลักฐานการพิชิต



(กูล)


https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=726



(อัลกูล)


https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=539



+  2 ตื่นรู้ จากการพิชิต กูล ครั้งแรก



+  2 ตื่นรู้ จากการพิชิต อัลกูล ครั้งแรก


สินสงคราม // ไม่ทราบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +1 Point +88 ความกล้า +88 ความศรัทธา จาก มาลาแห่งอัสสัมชัญ  โพสต์ 2025-2-20 22:34
โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก กลยุทธ์การรบ  โพสต์ 2025-2-20 22:34
โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก ยาดม  โพสต์ 2025-2-20 22:34
โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก สายตาแห่งนกฮูก  โพสต์ 2025-2-20 22:34
โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2025-2-20 22:34

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นสัมฤทธิ์
บทเพลง
พริบตาแห่งวีรชน
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
กลยุทธ์การรบ
สายตาแห่งนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
น้ำหอมบุรุษ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x10
x5
x3
x1
x1
x1
x10
x20
x4
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x3
x1
x1
x5
x5
x2
โพสต์ 2025-6-18 09:26:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-6-24 00:27

);">
Silver's Side Story29 may 2025/long island 

- 05:45PM. -


รถยนต์คลาสสิคมัสแตงมัค 1 ปี 1969 สีแบล็คเจดจอดตรงริมถนนอันร้างไร้ผู้คน เรียวขายาวของบุตรเทพีแห่งมนตราและม่านหมอกก้าวลงมาจากฝั่งที่นั่งคนขับ ดวงตาสีอ่อนมองไปยังถนนลูกรังเบื้องหน้าที่ทอดยาวไปภายในป่าซึ่งมีต้นโอ๊คและต้นซีดาร์ขึ้นเรียงรายอยู่สองข้างทาง


‘ซิกมอนด์’


เพียงแค่ส่งกระแสจิต แบล็คแพนเตอร์รูปร่างสง่าขนสีดำเป็นเงาก็ปรากฏกายมาอยู่เคียงข้างเจ้าของของมันในฐานะสัตว์วิญญาณ


‘ทางไปสุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่’


ซิกมอนด์เงยหน้ามองผู้อัญเชิญแล้วเอ่ยถาม แน่นอนว่ามีเพียงซิลเวอร์เท่านั้นที่ได้ยิน


‘พวกพ่อมดหมอผีมาทำอะไรที่สุสานล่ะ ฉันก็มาทำแบบนั้น ระวังหลังให้ด้วย’


มุมปากข้างหนึ่งยกยิ้มก่อนเดินนำเข้าไปยังทางลูกรัง แม้จะมั่นใจในฝีมือการต่อสู้ของตนเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ไว้ใจพวกอสุรกายชั้นต่ำที่ชอบลอบกัดจนเป็นนิสัย


เป็นที่รู้กันของชาวค่ายว่าจากหน้าประตูค่ายฮาล์ฟบลัดมาถึงสุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์ใช้เวลาเดินเท้าประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ทำไมเขาต้องลำบากลำบนเดินมาเองในเมื่อมีรถขับ และจากการซื้อเวลาด้วยยานพาหนะก็ทำให้ซิลเวอร์มาถึงที่นี่ด้วยเวลาสิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน


และตอนนี้เขาก็มาอยู่หน้าประตูทางเข้าสุสานแล้ว


‘นี่มันยังเย็นย่ำ ข้าไม่คิดว่าจะมีอสุรกายที่เจ้าต้องการปรากฏตัวเวลานี้’


ดวงตาสีอำพันเขม้นมองภายในสุสาน ความเงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจทำให้สัตว์วิญญาณส่ายหน้าช้า ๆ


‘จะเวลาไหนก็พระอาทิตย์ส่องหัวเหมือนกันน่า ถ้ามันไม่ออกมาดี ๆ ก็ล่อมันมา คืนนี้ฉันต้องไปทำธุระที่อื่นต่อ เราคงต้องรีบจัดการกันหน่อย’


พูดถึงตรงนี้ก็ช่วยไม่ได้ที่จะหัวเสีย ธุระที่ว่าคือ ‘การไปพบมารดา’ ที่ไม่ยอมส่งสิ่งจำเป็นสำหรับใช้ในการซ่อมมนต์บังตาให้ตามที่ร้องขอ ทั้งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนแท้ ๆ แต่เธอกลับบอกให้ไปหา ไม่อยากเชื่อว่าการเจรจาไม่เป็นผล ลำพังชุดเดรสแบรนด์เนมราคาแพงนั่นไม่ใช่สิ่งที่ซิลเวอร์เสียดาย แต่เขาไม่เข้าใจมากกว่าว่ากะอีแค่น้ำมันคบเพลิงขวดเดียวทำไมถึงต้องทำให้เป็นเรื่องยาก แล้วจะมาอยากเจออะไรกันตอนนี้


แถมสถานที่นัดพบยังเป็นที่ที่เขาไม่อยากไปเป็นอันดับต้น ๆ เสียด้วย


“เอาล่ะ…ได้เวลาล้างสุสานแล้ว ช่วยทนหนวกหูสักพักนะคุณเทพี”


ซิลเวอร์หันไปขยิบตาให้รูปปั้นที่ตั้งตรงหน้าสุสานก่อนจะเดินผ่านประตูเหล็กขึ้นสนิมที่เปิดอ้าค้างไว้ราวกับเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน


เบื้องหน้าของซิลเวอร์คือหลุมศพที่มีป้ายชื่อเก่า ๆ พื้นที่ส่วนมากถูกวัชพืขขึ้นปกคลุมจนดูรกร้าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่นี่ถูกทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการทำนุบำรุงมานานแค่ไหน แต่จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ไม่ใช่จะมาพัฒนาสถานที่เสียหน่อย


อย่างที่บอกไว้ บางอย่างสมควรแก่การ ‘เจรจา’ และบางอย่างสมควรแก่การ ‘ล่า’


สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดยี่ห้อดังของมนุษย์ถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เรียวนิ้วสไลด์หน้าจอปิดการทำงานโหมดเครื่องบินแล้วปล่อยให้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์ทำงานก่อนจะเก็บมันลงที่เดิม


ดูเหมือนว่าระบบคลื่นสัญญาณโทรศัพท์มนุษย์กับความเป็นเดมิก็อดของเขาจะทำงานร่วมกันได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย เพียงแค่ไม่นาน อัลกูลและกูลฝูงหนึ่งก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากมุมต่าง ๆ ของสุสาน


“สาม…เจ็ด…สิบสาม…สิบแปด…ยี่สิบสอง วู้ว ! เยี่ยม ยกขโยงกันมาให้หมด”


ริมฝีปากพึมพำนับจำนวนอสุรกายกลิ่นน่าสะอิดสะเอียน ในขณะเดียวกันกับกำไลเงินที่ข้อมือด้านซ้ายแปรสภาพเป็นปืนสั้น ส่วนมือขวาก็กุมคทาคบเพลิงซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเหล่าบุตรแห่งเทพีเฮคาทีไว้มั่น


ปัง !


สิ้นเสียงลั่นไก กระสุนสัมฤทธิ์นัดแรกก็พุ่งออกจากปลายกระบอกปืนเจาะทะลุกลางหน้าผากของอัลกูลตนหนึ่งที่กระโจนเข้ามา 


ราวกับเป็นสัญญาณประกาศศึก ซิกมอนด์พุ่งเข้าโจมตีกูลอีกตนทันที คมเขี้ยวแข็งแรงขย้ำเข้าที่ลำคอของอสุรกายตนนั้นแล้วสะบัดจนหัวของมันขาดกระเด็นออกจากร่าง โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งจากซิลเวอร์ แบล็คแพนเตอร์รูปร่างปราดเปรียวก็ไปจัดการกับกูลอีกฝูงที่อยู่ไม่ไกลออกไปอย่างรู้หน้าที่


ปัง ! ปัง ! ปัง !


เสียงลั่นไกปืนดังต่อเนื่องราวกับเปลี่ยนสุสานให้เป็นลานประหารชั่วคราว กระสุนทุกนัดถูกยิงเข้าจุดตายโดยไม่มีลูกไหนถูกใช้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ หนึ่งคนกับหนึ่งสัตว์วิญญาณทำงานเข้าขากันได้เป็นอย่างดีราวกับรู้ใจ ทุกการเคลื่อนไหวสอดประสานเป็นจังหวะที่ลงตัวราวกับเต้นรำท่ามกลางสมรภูมิรบ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวฝูงอสุรกายก็ถูกกำจัดไปกว่าครึ่ง


“วิ้ววว~ ดูสิฉันเจออะไร พี่ใหญ่มาเอง”


ซิลเวอร์ผิวปากเมื่ออสุรกายร่างใหญ่กว่าเจ้าพวกปลายแถวที่เพิ่งโดนเป่ากะโหลกไปโดดออกมาจากพุ่มไม้หนา ที่ปากของพวกมันยังมีเศษซากอะไรบางอย่างคาอยู่ ดูท่าว่าเขากับซิกมอนด์คงมาขัดจังหวะดินเนอร์ของจ่าฝูงอัลกูลกับกูลเข้า


แต่แล้วยังไง…เดี๋ยวก็ต้องตายอยู่ดี


อาหารมื้อนี้ถือว่าเป็นลาสซัปเปอร์ก็แล้วกัน


ปัง !


กระสุนสัมฤทธิ์อีกนัดถูกยิงออกไป แต่จ่าฝูงอัลกูลซึ่งมีความว่องไวสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย มันรีบรุดหน้าเข้ามาด้วยทนต่อกลิ่นอันเย้ายวนของเดมิก็อดไม่ไหว แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังจะถูกล่าเสียเอง


“ไม่เลว ๆ ฮึ้ย ! เหม็นชิบxาย อย่ามาโดนตัวฉันเจ้าอสุรกายโสโครก”


ซิลเวอร์เบี่ยงตัวหลบเมื่อกรงเล็บแหลมของจ่าฝูงอัลกูลตนนั้นฟาดลงมา กลิ่นฟอนเฟะของมันทำให้เขาถึงกับเบ้หน้า ส่วนจ่าฝูงกูลก็อาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้ามาอีกทาง นับว่าหาได้ยากยิ่งที่พวกมันจะร่วมมือกัน


“ยังไม่ถึงตาแกไอ้เวร เข้ามาทีละตัว !”


สิ้นเสียงประกาศกร้าว ไอหมอกที่ควบแน่นจนเป็นเหมือนเชือกก็รัดเข้าที่คอและแขนของจ่าฝูงกูลตนนั้นแล้วเหวี่ยงร่างมันไปกระแทกกับพื้นอีกทาง


“ฮ่าาาา !”


จ่าฝูงอัลกูลที่เห็นสภาพอันน่าอดสูของเพื่อน (?) มันวิ่งห้อมายังซิลเวอร์อีกครั้ง ปากที่อ้ากว้างจนเห็นเขี้ยวฟันเต็มไปด้วยคราบโสมมทำให้ซิลเวอร์ถึงกับร้อง “อี๋ !” ออกมา


“อินคันทาเร ลามีนา !”


คมดาบเวทมนต์ที่ยื่นออกมาจากปลายคทาทันทีที่บริกรรมคาถาเสร็จสิ้นฟาดฟันเข้าที่ร่างของอัลกูลตนนั้นจนมันสิ้นชีพทั้งที่ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวบุตรเทพีแห่งมนตราแม้แต่ปลายเล็บ เรือนร่างสูงใหญ่หันไปยังจ่าฝูงกูลอีกตนที่ตอนนี้ถูกพลังแห่งหมอกมัดตรึงร่างไว้จนขยับไม่ได้ ซิลเวอร์ยืดแขนไปจนสุด ปลายกระบอกปืนสัมฤทธิ์ในมือเล็งที่กลางหน้าผากของกูลไร้ทางสู้ตนนั้นก่อนจะขยิบตาให้


“Tschüss Arschlöch.


ปัง !

.


.

“อินคันทาเร เฟลมมา มาจิกา !”


“กร๊าซซซซ !!”


ลูกไฟเวทย์ความร้อนระดับไฟนรกโลกันต์ยิงเข้าใส่กูลตัวสุดท้ายที่กำลังกระโจนใส่ซิกมอนด์จากด้านหลังซึ่งกำลังขย้ำร่างของกูลอีกตน มันกระเด็นออกไปพร้อมกับกลิ้งไปมาด้วยความทรมานจากเปลวเพลิงที่แผดเผาร่างก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นผง


‘ช้านะเนี่ย นึกว่าจัดการเรียบร้อยแล้วซะอีก’


หนุ่มชาวเยอรมันที่เดินกลับมาหาภายหลังจากเสร็จศึกอีกทางพร้อมสินสงครามจำนวนหนึ่งแกล้งแซวผ่านกระแสจิตแล้วยักคิ้วให้ แต่ดูเหมือนว่าสัตว์วิญญาณของเขาจะไม่มีอารมณ์เล่นด้วย


‘ใครใช้ให้เจ้าเปิดสัญญาณโทรศัพท์มนุษย์เล่า ปิดเสีย ก่อนที่พวกมันจะแห่กันมาอีก คราวนี้อย่าหวังว่าข้าจะช่วย’


‘ฮ่า ๆๆ พามายืดเส้นยืดสายไม่ดีหรือไง ปิดแล้ว โอเค้ ?’


ซิลเวอร์หัวเราะร่าพลางชูสมาร์ทโฟนที่เปิดโหมดเครื่องบิน ตัดสัญญาณเชื่อมต่อใด ๆ ให้ดูแล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนจะไล่เก็บสินสงครามที่เหลือ


ให้ตายสิ มีแต่พวกกูลเป็นส่วนใหญ่ ขาดทุนชะมัด


‘อย่ามัวชักช้า เจ้าต้องไปนิวออร์ลีนส์ต่อ’


……เฮ้ออออ ให้ไปเจอป้าเฒ่าเฮ็กซาเรียยังจรรโลงใจซะกว่า


พอนึกถึงสถานที่ที่ต้องไปต่อก็ถึงกับโอดครวญ คืนนี้เขามีกำหนดการต้องบินไปเมืองนิวออร์ลีนส์ต่ออย่างที่ซิกมอนด์ว่า เมื่อออกจากสุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์ รถมัสแตงคันหรูก็มุ่งหน้าไปยังสนามบินต่อ  




สรุป

- ล่าอสุรกายหาสินสงครามไปใช้ซ่อมมนต์บังตา

- เดินทางไปพบคุณแม่ (เทพีเฮคาที) ต่อที่นิวออร์ลันส์


หลักฐานการล่า

ฝูงกูล 20 ตัว : Link

จ่าฝูงกูล 1 ตัว : Link

อัลกูล 2 ตัว : Link  Link

จ่าฝูงอัลกูล 1 ตัว : Link


สินสงคราม

คำนวณจากระบบจุดประกายสัญญาณเรียกอสุรกาย

- ฝูงกูล 20 ตัว [LUK70+]  (8) : เลือดกูล 9x20 =180

- จ่าฝูงกูล [LUK70+]  (8) : เลือดกูล 9

- อัลกูล [LUK80+]  (0) : ไขกระดูกอัลกูล 10

- อัลกูล [LUK80+]  (2) : ไขกระดูกอัลกูล 2 เขี้ยวอัลกูล 2

- จ่าฝูงอัลกูล [LUK80+]  (9) : ไขกระดูกอัลกูล 2 เขี้ยวอัลกูล 2

รวม เลือดกูล 189  /  ไขกระดูกอัลกูล 14  /  เขี้ยวอัลกูล 4 

แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
  โพสต์ 2025-6-18 13:42
โพสต์ 88029 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2025-6-18 09:26
โพสต์ 88,029 ไบต์และได้รับ +20 EXP +1 Point +20 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก เขตแดนเฮคาที  โพสต์ 2025-6-18 09:26
โพสต์ 88,029 ไบต์และได้รับ +20 EXP +55 ความกล้า +55 ความศรัทธา จาก มาลาแห่งอัสสัมชัญ  โพสต์ 2025-6-18 09:26
โพสต์ 88,029 ไบต์และได้รับ +18 EXP +30 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-6-18 09:26
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เขตแดนเฮคาที
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
Hydro X
เวทมนต์ [II]
คบเพลิงเวท
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x3
x6
x3
x3
x3
x2
x3
x1
x1
x5
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x3
x2
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้