[ลองไอส์แลนด์] St. Everest Cemetery

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



St. Everest Cemetery

สุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์ ลองไอส์แลนด์









St. Everest Cemetery




สุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์เป็นสุสานเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ริมป่าของลองไอส์แลนด์ ห่างจากค่ายฮาล์ฟบลัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้เวลาเดินเท้าราวครึ่งชั่วโมง เส้นทางที่นำไปสู่สุสานเป็นถนนลูกรังเก่าแก่สองข้างทางมีต้นโอ๊กและต้นซีดาร์ขึ้นแน่นขนัด ให้บรรยากาศร่มรื่นแต่ก็แฝงไปด้วยความวังเวง


เมื่อก้าวเข้าสู่เขตสุสาน ผู้มาเยือนจะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงัดที่แตกต่างจากป่ารอบนอก สุสานแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตนัก มีเพียงหลุมฝังศพเรียงรายอยู่ไม่กี่สิบหลุม บางหลุมมีแค่ไม้กางเขนเก่า ๆ ที่จารึกชื่อเลือนราง บางหลุมถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์และมอสสีเขียวเหมือนถูกกลืนหายไปตามกาลเวลา


ใกล้กับทางเข้ามีรูปปั้นหินของเทพีแห่งความตายยืนเฝ้าอยู่ แม้ว่ารูปปั้นจะสึกกร่อนจากสายฝนและลมทะเล แต่มันยังคงส่งสายตาดูลึกซึ้งราวกับกำลังเฝ้ามองผู้มาเยือน


ประวัติของสุสาน:


สุสานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เพื่อใช้เป็นที่ฝังศพของชาวบ้านในละแวกนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปและชุมชนรอบ ๆ เริ่มร่อยหรอ ความสำคัญของสุสานก็ลดลงไปด้วย


ว่ากันว่าในอดีตเคยมีทหารจากสงครามกลางเมืองฝังอยู่ที่นี่ รวมถึงลูกเรือที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเรืออับปางนอกชายฝั่งลองไอส์แลนด์









แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 9313 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-2-20 20:46
โพสต์ 2025-2-20 22:34:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Cooper เมื่อ 2025-2-21 00:51

Activity Form

18/02/25 19.30น. -  20.00 น.


บทที่ 48



คูเปอร์รู้สึกว่าชีวิตของเขามันเริ่มออกทะเลไปไกลขึ้นทุกที  


เขาแค่เดินเล่นรอบกองไฟเฮสเทียเฉย ๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายเป็นพิเศษ แค่ใช้เวลาดื่มด่ำกับความเงียบสงบยามเย็น หรือสิ่งที่เขาเคยเรียกว่าเงียบสงบมาตลอด แต่คราวนี้มันกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายของสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน  


เพราะอยู่ดีๆ เขาก็กลายเป็นนกซะอย่างนั้น  


มันเริ่มจากความคิดลอย ๆ แบบไม่จริงจังอะไร จิตนาการถึงนกบนฟ้า อ้าแขนกว้าง พลางคิดว่า ‘อยากเป็นนกจัง ถ้ามีปีกบินได้คงดี’ แล้วทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หายวับไปในพริบตา เหลือแค่ปีก ขน และความรู้สึกโคลงเคลงของร่างกายที่เบาหวิว  


"แกร๊ก!" คูเปอร์กระพือปีกพัลวันก่อนจะลอยตัวขึ้นไปในอากาศด้วยสัญชาตญาณ  


แล้วเขาก็กลับเป็นคนเหมือนเดิมทันทีที่รู้ตัว  


เขาหงายหลังตึงลงกับพื้นด้วยความงุนงง และทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างหลัง  


"เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้พี่—"  


คูเปอร์เงยหน้าขึ้นจากพื้น พร้อมกับพบว่าผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดคือ ลิเลียน่าและคลาร่า ที่ยืนมองเขาด้วยแววตาทั้งตื่นเต้นและสนุกสนาน  


"พี่เพิ่งแปลงร่างเป็นนกไปใช่ไหม?" ลิเลียน่าแทบจะกระโดดเข้ามาหาเขา "นี่มันสุดยอดไปเลย!"  


"ไม่คิดว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ในค่าย" คลาร่ากอดอก มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "แต่ดูจากสภาพของนายตอนนี้ ฉันเดาว่านายไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นใช่ไหม?"  


คูเปอร์เด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง ถอนหายใจแรง ๆ "กะ...ก็ใช่สิ! ฉันคิดว่าแค่จินตนาการเล่นๆ เท่านั้นเอง!"  


"แล้วคิดว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?"  


คูเปอร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาของเขาจะสว่างวาบขึ้นมา "อย่าบอกนะว่า... เป็นเพราะพรที่ขอจากแม่?"  


ทั้งสองสาวหันมามองกันเองก่อนจะหัวเราะออกมา  


"โอ้โห คูเปอร์ พี่ขอพรเทพีอะธีน่าให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ท่านกลับให้พลังแปลงร่างเป็นสัตว์มาแทนเนี่ยนะ?" ลิเลียน่าหัวเราะจนต้องกุมท้อง  


"แม่ฉันตีความคำขอแปลกๆ เสมอแหละ" คูเปอร์บ่นอุบ  


"แต่ยังไงมันก็คือพรอันล้ำค่านะ" คลาร่ากล่าวก่อนจะตบไหล่เขาแรง ๆ "และในเมื่อมันเป็นพร ก็แปลว่านายต้องฝึกมันให้ชำนาญ"  


คูเปอร์หรี่ตามองทั้งสองคนอย่างระแวดระวัง 


"เดี๋ยวนะ หมายความว่า—"  


"หมายความว่าต่อจากนี้ พี่/นายต้องฝึก!"  


คูเปอร์ไม่ทันได้ประท้วง ทั้งสองคนก็ลากเขาขึ้นฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว  


คูเปอร์ส่งเสียงโอดครวญขณะพยายามรักษาสมดุลของปีกตัวเอง ระหว่างที่บินขนาบไปกับลิเลียน่าและคลาร่า "ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?"  


"แน่นอน!" คลาร่าตะโกนกลับมาพลางเร่งความเร็ว "นายต้องฝึกควบคุมการบินให้ดี! ถ้าเกิดว่าต้องใช้พลังนี้ตอนต่อสู้ นายจะได้ไม่ร่วงลงไปกลางฝูงอสุรกายโดยไม่ได้ตั้งใจ!"  


"พูดเหมือนฉันจะไปใช้มันในการต่อสู้งั้นแหละ!"  


"ก็อาจจะ!"  


"โว้ย! ฉันไม่ได้อยากเป็นฮีโร่บนเวหานะ!"  


"แต่ตอนนี้นายเป็นแล้วไง!"  


คูเปอร์ถอนหายใจยาว ปีกของเขาเริ่มเมื่อยขึ้นมาจากการบินวนรอบค่ายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  


"โอเคๆ ฉันขอพักหน่อยได้ไหม?"  


ลิเลียน่ากับคลาร่ามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้ "ได้ งั้นลงตรงนั้นกัน"  


คูเปอร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อยๆ ร่อนตัวลงสู่พื้น  


เขาคลายร่างจำแลงกลับเป็นมนุษย์ในพริบตา ขาทั้งสองข้างแตะลงบนพื้นหญ้า แล้วร่างของเขาก็ทรุดลงไปทันทีอย่างหมดสภาพ  


"ให้ตายเถอะ นกมันบินได้นานขนาดนี้เลยเหรอ?" เขาคราง ขณะนอนแผ่หลาบนพื้น  


เขาหลับตาพักสายตาสักครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าลิเลียน่ากับคลาร่า ที่ยังคงอยู่ในร่างนก ลอยตัวอยู่เหนือเขาโดยไม่ยอมลงมา  


"เดี๋ยวนะ... ทำไมเธอสองคนไม่ลงมา?"  


แทนที่จะตอบ ทั้งสองกลับจ้องมองไปยังอะไรบางอย่างข้างหลังเขา คูเปอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่หูของเขาจะได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากข้างล่าง  


เสียงข่วน...  


เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ลากไปตามพื้น...  


เขาค่อย ๆ หันไปมอง และสิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น  


กูล...  


ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง แต่เป็นฝูง มีประมาณสิบตัว ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ ซ่อนตัวจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องไม่หยุด  


และท่ามกลางพวกมันมีตัวหนึ่งที่สูงใหญ่กว่าตัวอื่น ดวงตาสีแดงก่ำจ้องเขาอย่างมุ่งร้าย  


อัลกูล...  


โอ้ ให้ตายเถอะ  


แต่ก่อนที่เขาจะได้ถอยหลัง พวกมันก็พุ่งเข้าหาเขาทันที!  


คูเปอร์กระโดดหลบเล็บอันแหลมคมที่พุ่งเข้ามาเฉียดใบหน้าของเขา เสียงคำรามต่ำดังระงมจากเหล่ากูลที่รุมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง  


เขาสบถ ก่อนจะคว้าหอกออกมา ปัดป้องกรงเล็บที่หวังจะฉีกกระชากเขาเป็นชิ้นๆ  


แต่พวกมันเร็ว และจำนวนเยอะ  


เขาต้องคิดอะไรบางอย่างแล้ว


ทันใดนั้น ภาพของเหยี่ยวที่กำลังบินพุ่งลงมาจู่โจมเหยื่อก็ผุดขึ้นมาในหัว  


แน่สิ!  


คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะระลึกถึงพลังใหม่ของตัวเอง  


ร่างของเขาเปลี่ยนแปลงไปทันที ขาทั้งสองกลายเป็นกรงเล็บที่ทรงพลัง ปีกกางออกอย่างสมบูรณ์ และในพริบตาเดียว เขาก็พุ่งขึ้นฟ้าได้สูงลิ่ว  


ฝูงกูลมองตามด้วยความงุนงง และนั่นคือโอกาสของเขา  


คูเปอร์โฉบลงมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าหาพวกมันจากด้านบน เขาใช้กรงเล็บจิกเข้าที่หน้าของกูลตัวหนึ่งอย่างแม่นยำ ก่อนจะดีดตัวออกมา และโจมตีอีกตัวอย่างฉับไว  


เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นเมื่อเขาใช้ความเร็วและแรงจากอากาศในการซัดกูลให้กระเด็นไปทีละตัว


แต่แล้วอัลกูลก็คำรามเสียงต่ำ ก่อนจะกระโจนขึ้นมาหมายจะคว้าตัวเขาไว้…



คูเปอร์พุ่งขึ้นสูงสุดกำลังเมื่อเห็นเงาดำมหึมาของอัลกูลกระโจนขึ้นมาตรงหน้า กรงเล็บของมันเฉียดปลายขาของเขาไปเพียงเสี้ยววินาที ถ้าช้าไปกว่านี้อีกนิดเดียว คงโดนกระชากลงไปกองกับพื้นแล้วเรียบร้อย  


"โอ้โห! ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกกูลกระโดดได้ไกลขนาดนี้!"  


เขากู่ร้องออกมาขณะที่หมุนตัวกลางอากาศ ปีกของเขาตีแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะพยายามใช้ความเร็วให้เป็นประโยชน์  


อัลกูลร่วงกลับลงไปกระแทกพื้นเสียงดังตุบ ฝูงกูลที่เหลือส่งเสียงขู่ต่ำขณะมองตามเหยื่อที่บินออกไปเหนือหัว มันเริ่มกระจายตัวกันออก ล้อมรอบพื้นที่ไว้ราวกับรู้ว่าคูเปอร์ต้องลงมาไม่ช้าก็เร็ว  


ให้ตายสิ พวกมันฉลาดเกินไปแล้ว!


คูเปอร์กระพือปีกบินวนเป็นวงกลม รวบรวมความคิดว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี จะหนีตอนนี้ก็คงยาก พวกมันไม่ยอมปล่อยให้เขาออกไปจากพื้นที่แน่ ๆ ทางเดียวคือต้องหาทางจัดการมันก่อน  


ขณะนั้นเอง เสียงนกร้องก็ดังขึ้นเหนือศีรษะ เขาเหลือบขึ้นไปเห็นร่างของลิเลียน่าและคลาร่าที่ยังคงอยู่ในร่างนก กำลังบินวนอยู่สูงขึ้นไป  


"เฮ้! พวกเธอไม่คิดจะช่วยหน่อยเหรอ!?"  


ลิเลียน่ากรีดร้องเป็นเสียงเหยี่ยว ก่อนที่เสียงของเธอจะดังขึ้นผ่านลม "เราจะช่วยเอง! แต่เราต้องดูว่าพี่ทำอะไรได้บ้างก่อน!"  


"โอ้โห ขอบคุณมาก!"  


คูเปอร์กลอกตา ก่อนจะเบนสายตากลับลงไปยังฝูงกูลเบื้องล่าง อัลกูลยังคงจ้องเขาตาไม่กระพริบ มันเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังเฝ้ารอให้เหยื่อทำพลาด  


งั้นถ้าฉันใช้จุดอ่อนของมันล่ะ?


เขานึกขึ้นได้ว่ากูลกลัวแสงสว่าง แม้ว่ามันจะไม่ถูกทำลายโดยตรง แต่ก็ทำให้มันมองเห็นไม่ถนัด และการเคลื่อนไหวของมันจะช้าลง  


ถ้าฉันพามันออกมาจากเงาต้นไม้ได้ก็จะง่ายขึ้นเยอะ 


คูเปอร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพุ่งดิ่งลงไปอีกครั้ง เขาใช้เท้าตะปบลงไปที่หัวของกูลตัวหนึ่งที่อยู่ริมขอบของฝูง ทำให้มันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ตัวอื่นๆ เริ่มกรูกันเข้ามาหมายจะช่วย  


"ใช่เลย พวกแกต้องเข้ามาใกล้กว่านี้!"  


เขาโฉบไปโฉบมาหลายรอบ จิกตีพวกมันให้แตกกลุ่ม สร้างความสับสนให้ฝูงกูล และบังคับให้มันถอยออกมาจากร่มเงาของต้นไม้ทีละนิด ทีละนิด  


แต่แล้วอัลกูลก็เริ่มฉลาดขึ้น มันกู่ร้องเสียงต่ำ และฝูงกูลที่กระจัดกระจายก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พวกมันไม่พุ่งเข้ามาอย่างไร้ทิศทางแล้ว แต่เริ่มเคลื่อนที่เป็นกลุ่ม ให้อัลกูลเป็นตัวนำ  


"อืม... ดูท่าฉันจะไปยั่วโมโหมันเกินไปหน่อยนะ"  


คูเปอร์สบถกับตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนแผนทันที เขาโผบินขึ้นสูงสุดกำลัง แล้วใช้ความเร็วพุ่งลงมาอย่างรุนแรง เปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์กลางอากาศ และกระแทกลงกลางฝูงกูลพร้อมกับหอกในมือที่ฟาดลงไปสุดแรง!  


แรงกระแทกทำให้ฝูงกูลกระเด็นออกไปหลายตัว กูลที่อยู่ใกล้สุดแทบจะแตกกระจายเป็นฝุ่นไปทันที ส่วนอัลกูลที่โดนแรงกระแทกจากคลื่นพลังยังคงลุกขึ้นมาอย่างโกรธจัด  


"เอาล่ะ ถ้าแกอยากเล่นหนัก ๆ ก็ได้!"  


คูเปอร์ตะโกน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่นก แต่เป็นหมาป่า  


ร่างของเขากลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเทาของเขาส่องประกายดุจสัตว์นักล่า กรงเล็บยาวขึ้น และกล้ามเนื้อของเขากระชับพร้อมกระโจน  


เขาคำรามต่ำๆ และพุ่งเข้าใส่อัลกูลโดยไม่ลังเล  


อัลกูลก็ไม่ถอย มันพุ่งเข้ามาเช่นกัน การปะทะกันของพวกเขารุนแรง ร่างกายของคูเปอร์ไวกว่า ใช้เขี้ยวและเล็บในการฉีกกัด แต่ว่าพละกำลังของอัลกูลแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด  


แต่แล้วลิเลียน่าก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้า พร้อมกับเปล่งเสียงร้องกึกก้อง เธอพุ่งเข้าไปจิกดวงตาของอัลกูล ทำให้มันร้องลั่น และคลาร่าก็พุ่งเข้ามาต่อเนื่อง ใช้กรงเล็บจิกที่คอของมัน  


"โอเค! ฉันชอบแบบนี้!"  


คูเปอร์ฉวยโอกาสในจังหวะที่มันเสียสมดุล เขากระโดดขึ้นไปกัดเข้าที่ลำคอของมันเต็มแรง!  


เสียงขาดวิ่นดังขึ้น อัลกูลคำรามครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของมันจะเริ่มสลายเป็นฝุ่นทอง และเหล่ากูลที่เหลือก็ร้องลั่นและกลายเป็นฝุ่นไม่ต่างกัน


คูเปอร์กลายร่างกลับเป็นมนุษย์อย่างเหนื่อยหอบ ก่อนจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น  


"โอเค... ฉันคิดว่าฉันไม่อยากเป็นนก หรือหมา หรืออะไรทั้งนั้นอีกแล้ว..."  


แต่ก่อนที่เขาจะได้พักนานกว่านั้น เสียงของคลาร่าก็ดังขึ้นเหนือหัว  


"โอเค นายบินต่อได้แล้ว"  


คูเปอร์เงยหน้าขึ้นไปมองสองสาวที่บินรออยู่และอดครวญไม่ได้  


"เดี๋ยวๆ ขอพักอีกแป๊บ!"  


"ไม่ได้!" คลาร่ากล่าวพร้อมกับใช้ปีกตีหัวเขาเบาๆ "นายยังต้องฝึกอีกเยอะ!"  


"ให้ตายสิ นี่มันการฝึก หรือทรมานกันแน่!?"  


"กึ่งๆ ล่ะมั้ง!" ลิเลียน่าหัวเราะ ก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง  


คูเปอร์ถอนหายใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาเปลี่ยนร่างเป็นเหยี่ยวอีกครั้ง และทะยานขึ้นฟ้าตามพวกเธอไปอย่างไม่เต็มใจนัก  


สงสัยชีวิตเขาคงไม่มีวันสงบสุขจริงๆ สักที…



หลักฐานการพิชิต



(กูล)


https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=726



(อัลกูล)


https://percyjackson.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=539



+  2 ตื่นรู้ จากการพิชิต กูล ครั้งแรก



+  2 ตื่นรู้ จากการพิชิต อัลกูล ครั้งแรก


สินสงคราม // ไม่ทราบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +1 Point +88 ความกล้า +88 ความศรัทธา จาก มาลาแห่งอัสสัมชัญ  โพสต์ 2025-2-20 22:34
โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 เกียรติยศ +10 ความกล้า +10 ความศรัทธา จาก กลยุทธ์การรบ  โพสต์ 2025-2-20 22:34
โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +10 EXP +8 เกียรติยศ +8 ความศรัทธา จาก ยาดม  โพสต์ 2025-2-20 22:34
โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 ความกล้า +12 ความศรัทธา จาก สายตาแห่งนกฮูก  โพสต์ 2025-2-20 22:34
โพสต์ 90,707 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ 2025-2-20 22:34

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +4 ย่อ เหตุผล
God + 4

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
แหวนดาราจรัส(D)
ชุดบำรุงอาวุธ
เรือมินิบานาน่า
Daedalus's Legacy
มีดสั้นสัมฤทธิ์
บทเพลง
การควบคุมอาวุธ (จำกัด)
ปัญญาแห่งการรบ
ร่างจำแลง
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กลยุทธ์การรบ
การสื่อสารและควบคุมนกฮูก
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
แว่นกันแดด
กำไลหินนำโชค
หมวกเกราะ
เกราะหนัง
โล่อัสพิส
หอกกรีก
อัจฉริยะ
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
รองเท้าเซฟตี้
ต่างหูเงิน
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x2
x10
x2
x1
x1
x1
x2
x5
x26
x5
x5
x5
x5
x5
x6
x34
x2
x2
x20
x2
x3
x1
x1
x20
x1
x1
x1
x1
x1
x3
x11
x1
x10
x20
x1
x1
x1
x2
x1
x2
x1
x5
x5
x31
โพสต์ 2025-6-18 09:26:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-6-30 10:30

);">
Silver's Side Story29 may 2025/long island 

- 05:45PM. -


รถยนต์คลาสสิคมัสแตงมัค 1 ปี 1969 สีแบล็คเจดจอดตรงริมถนนอันร้างไร้ผู้คน เรียวขายาวของบุตรเทพีแห่งมนตราและม่านหมอกก้าวลงมาจากฝั่งที่นั่งคนขับ ดวงตาสีอ่อนมองไปยังถนนลูกรังเบื้องหน้าที่ทอดยาวไปภายในป่าซึ่งมีต้นโอ๊คและต้นซีดาร์ขึ้นเรียงรายอยู่สองข้างทาง


‘ซิกมอนด์’


เพียงแค่ส่งกระแสจิต แบล็คแพนเตอร์รูปร่างสง่าขนสีดำเป็นเงาก็ปรากฏกายมาอยู่เคียงข้างเจ้าของของมันในฐานะสัตว์วิญญาณ


‘ทางไปสุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่’


ซิกมอนด์เงยหน้ามองผู้อัญเชิญแล้วเอ่ยถาม แน่นอนว่ามีเพียงซิลเวอร์เท่านั้นที่ได้ยิน


‘พวกพ่อมดหมอผีมาทำอะไรที่สุสานล่ะ ฉันก็มาทำแบบนั้น ระวังหลังให้ด้วย’


มุมปากข้างหนึ่งยกยิ้มก่อนเดินนำเข้าไปยังทางลูกรัง แม้จะมั่นใจในฝีมือการต่อสู้ของตนเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ไว้ใจพวกอสุรกายชั้นต่ำที่ชอบลอบกัดจนเป็นนิสัย


เป็นที่รู้กันของชาวค่ายว่าจากหน้าประตูค่ายฮาล์ฟบลัดมาถึงสุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์ใช้เวลาเดินเท้าประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ทำไมเขาต้องลำบากลำบนเดินมาเองในเมื่อมีรถขับ และจากการซื้อเวลาด้วยยานพาหนะก็ทำให้ซิลเวอร์มาถึงที่นี่ด้วยเวลาสิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน


และตอนนี้เขาก็มาอยู่หน้าประตูทางเข้าสุสานแล้ว


‘นี่มันยังเย็นย่ำ ข้าไม่คิดว่าจะมีอสุรกายที่เจ้าต้องการปรากฏตัวเวลานี้’


ดวงตาสีอำพันเขม้นมองภายในสุสาน ความเงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจทำให้สัตว์วิญญาณส่ายหน้าช้า ๆ


‘จะเวลาไหนก็พระอาทิตย์ส่องหัวเหมือนกันน่า ถ้ามันไม่ออกมาดี ๆ ก็ล่อมันมา คืนนี้ฉันต้องไปทำธุระที่อื่นต่อ เราคงต้องรีบจัดการกันหน่อย’


พูดถึงตรงนี้ก็ช่วยไม่ได้ที่จะหัวเสีย ธุระที่ว่าคือ ‘การไปพบมารดา’ ที่ไม่ยอมส่งสิ่งจำเป็นสำหรับใช้ในการซ่อมมนต์บังตาให้ตามที่ร้องขอ ทั้งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนแท้ ๆ แต่เธอกลับบอกให้ไปหา ไม่อยากเชื่อว่าการเจรจาไม่เป็นผล ลำพังชุดเดรสแบรนด์เนมราคาแพงนั่นไม่ใช่สิ่งที่ซิลเวอร์เสียดาย แต่เขาไม่เข้าใจมากกว่าว่ากะอีแค่น้ำมันคบเพลิงขวดเดียวทำไมถึงต้องทำให้เป็นเรื่องยาก แล้วจะมาอยากเจออะไรกันตอนนี้


แถมสถานที่นัดพบยังเป็นที่ที่เขาไม่อยากไปเป็นอันดับต้น ๆ เสียด้วย


“เอาล่ะ…ได้เวลาล้างสุสานแล้ว ช่วยทนหนวกหูสักพักนะคุณเทพี”


ซิลเวอร์หันไปขยิบตาให้รูปปั้นที่ตั้งตรงหน้าสุสานก่อนจะเดินผ่านประตูเหล็กขึ้นสนิมที่เปิดอ้าค้างไว้ราวกับเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน


เบื้องหน้าของซิลเวอร์คือหลุมศพที่มีป้ายชื่อเก่า ๆ พื้นที่ส่วนมากถูกวัชพืขขึ้นปกคลุมจนดูรกร้าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่นี่ถูกทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการทำนุบำรุงมานานแค่ไหน แต่จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ไม่ใช่จะมาพัฒนาสถานที่เสียหน่อย


อย่างที่บอกไว้ บางอย่างสมควรแก่การ ‘เจรจา’ และบางอย่างสมควรแก่การ ‘ล่า’


สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดยี่ห้อดังของมนุษย์ถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เรียวนิ้วสไลด์หน้าจอปิดการทำงานโหมดเครื่องบินแล้วปล่อยให้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์ทำงานก่อนจะเก็บมันลงที่เดิม


ดูเหมือนว่าระบบคลื่นสัญญาณโทรศัพท์มนุษย์กับความเป็นเดมิก็อดของเขาจะทำงานร่วมกันได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย เพียงแค่ไม่นาน อัลกูลและกูลฝูงหนึ่งก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากมุมต่าง ๆ ของสุสาน


“สาม…เจ็ด…สิบสาม…สิบแปด…ยี่สิบสอง วู้ว ! เยี่ยม ยกขโยงกันมาให้หมด”


ริมฝีปากพึมพำนับจำนวนอสุรกายกลิ่นน่าสะอิดสะเอียน ในขณะเดียวกันกับกำไลเงินที่ข้อมือด้านซ้ายแปรสภาพเป็นปืนสั้น ส่วนมือขวาก็กุมคทาคบเพลิงซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเหล่าบุตรแห่งเทพีเฮคาทีไว้มั่น


ปัง !


สิ้นเสียงลั่นไก กระสุนสัมฤทธิ์นัดแรกก็พุ่งออกจากปลายกระบอกปืนเจาะทะลุกลางหน้าผากของอัลกูลตนหนึ่งที่กระโจนเข้ามา 


ราวกับเป็นสัญญาณประกาศศึก ซิกมอนด์พุ่งเข้าโจมตีกูลอีกตนทันที คมเขี้ยวแข็งแรงขย้ำเข้าที่ลำคอของอสุรกายตนนั้นแล้วสะบัดจนหัวของมันขาดกระเด็นออกจากร่าง โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งจากซิลเวอร์ แบล็คแพนเตอร์รูปร่างปราดเปรียวก็ไปจัดการกับกูลอีกฝูงที่อยู่ไม่ไกลออกไปอย่างรู้หน้าที่


ปัง ! ปัง ! ปัง !


เสียงลั่นไกปืนดังต่อเนื่องราวกับเปลี่ยนสุสานให้เป็นลานประหารชั่วคราว กระสุนทุกนัดถูกยิงเข้าจุดตายโดยไม่มีลูกไหนถูกใช้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ หนึ่งคนกับหนึ่งสัตว์วิญญาณทำงานเข้าขากันได้เป็นอย่างดีราวกับรู้ใจ ทุกการเคลื่อนไหวสอดประสานเป็นจังหวะที่ลงตัวราวกับเต้นรำท่ามกลางสมรภูมิรบ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวฝูงอสุรกายก็ถูกกำจัดไปกว่าครึ่ง


“วิ้ววว~ ดูสิฉันเจออะไร พี่ใหญ่มาเอง”


ซิลเวอร์ผิวปากเมื่ออสุรกายร่างใหญ่กว่าเจ้าพวกปลายแถวที่เพิ่งโดนเป่ากะโหลกไปโดดออกมาจากพุ่มไม้หนา ที่ปากของพวกมันยังมีเศษซากอะไรบางอย่างคาอยู่ ดูท่าว่าเขากับซิกมอนด์คงมาขัดจังหวะดินเนอร์ของจ่าฝูงอัลกูลกับกูลเข้า


แต่แล้วยังไง…เดี๋ยวก็ต้องตายอยู่ดี


อาหารมื้อนี้ถือว่าเป็นลาสซัปเปอร์ก็แล้วกัน


ปัง !


กระสุนสัมฤทธิ์อีกนัดถูกยิงออกไป แต่จ่าฝูงอัลกูลซึ่งมีความว่องไวสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย มันรีบรุดหน้าเข้ามาด้วยทนต่อกลิ่นอันเย้ายวนของเดมิก็อดไม่ไหว แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังจะถูกล่าเสียเอง


“ไม่เลว ๆ ฮึ้ย ! เหม็นชิบxาย อย่ามาโดนตัวฉันเจ้าอสุรกายโสโครก”


ซิลเวอร์เบี่ยงตัวหลบเมื่อกรงเล็บแหลมของจ่าฝูงอัลกูลตนนั้นฟาดลงมา กลิ่นฟอนเฟะของมันทำให้เขาถึงกับเบ้หน้า ส่วนจ่าฝูงกูลก็อาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้ามาอีกทาง นับว่าหาได้ยากยิ่งที่พวกมันจะร่วมมือกัน


“ยังไม่ถึงตาแกไอ้เวร เข้ามาทีละตัว !”


สิ้นเสียงประกาศกร้าว ไอหมอกที่ควบแน่นจนเป็นเหมือนเชือกก็รัดเข้าที่คอและแขนของจ่าฝูงกูลตนนั้นแล้วเหวี่ยงร่างมันไปกระแทกกับพื้นอีกทาง


“ฮ่าาาา !”


จ่าฝูงอัลกูลที่เห็นสภาพอันน่าอดสูของเพื่อน (?) มันวิ่งห้อมายังซิลเวอร์อีกครั้ง ปากที่อ้ากว้างจนเห็นเขี้ยวฟันเต็มไปด้วยคราบโสมมทำให้ซิลเวอร์ถึงกับร้อง “อี๋ !” ออกมา


“อินคันทาเร ลามีนา !”


คมดาบเวทมนต์ที่ยื่นออกมาจากปลายคทาทันทีที่บริกรรมคาถาเสร็จสิ้นฟาดฟันเข้าที่ร่างของอัลกูลตนนั้นจนมันสิ้นชีพทั้งที่ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวบุตรเทพีแห่งมนตราแม้แต่ปลายเล็บ เรือนร่างสูงใหญ่หันไปยังจ่าฝูงกูลอีกตนที่ตอนนี้ถูกพลังแห่งหมอกมัดตรึงร่างไว้จนขยับไม่ได้ ซิลเวอร์ยืดแขนไปจนสุด ปลายกระบอกปืนสัมฤทธิ์ในมือเล็งที่กลางหน้าผากของกูลไร้ทางสู้ตนนั้นก่อนจะขยิบตาให้


“Tschüss Arschlöch.


ปัง !

.


.

“อินคันทาเร เฟลมมา มาจิกา !”


“กร๊าซซซซ !!”


ลูกไฟเวทย์ความร้อนระดับไฟนรกโลกันต์ยิงเข้าใส่กูลตัวสุดท้ายที่กำลังกระโจนใส่ซิกมอนด์จากด้านหลังซึ่งกำลังขย้ำร่างของกูลอีกตน มันกระเด็นออกไปพร้อมกับกลิ้งไปมาด้วยความทรมานจากเปลวเพลิงที่แผดเผาร่างก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นผง


‘ช้านะเนี่ย นึกว่าจัดการเรียบร้อยแล้วซะอีก’


หนุ่มชาวเยอรมันที่เดินกลับมาหาภายหลังจากเสร็จศึกอีกทางพร้อมสินสงครามจำนวนหนึ่งแกล้งแซวผ่านกระแสจิตแล้วยักคิ้วให้ แต่ดูเหมือนว่าสัตว์วิญญาณของเขาจะไม่มีอารมณ์เล่นด้วย


‘ใครใช้ให้เจ้าเปิดสัญญาณโทรศัพท์มนุษย์เล่า ปิดเสีย ก่อนที่พวกมันจะแห่กันมาอีก คราวนี้อย่าหวังว่าข้าจะช่วย’


‘ฮ่า ๆๆ พามายืดเส้นยืดสายไม่ดีหรือไง ปิดแล้ว โอเค้ ?’


ซิลเวอร์หัวเราะร่าพลางชูสมาร์ทโฟนที่เปิดโหมดเครื่องบิน ตัดสัญญาณเชื่อมต่อใด ๆ ให้ดูแล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนจะไล่เก็บสินสงครามที่เหลือ


ให้ตายสิ มีแต่พวกกูลเป็นส่วนใหญ่ ขาดทุนชะมัด


‘อย่ามัวชักช้า เจ้าต้องไปนิวออร์ลีนส์ต่อ’


……เฮ้ออออ ให้ไปเจอป้าเฒ่าเฮ็กซาเรียยังจรรโลงใจซะกว่า


พอนึกถึงสถานที่ที่ต้องไปต่อก็ถึงกับโอดครวญ คืนนี้เขามีกำหนดการต้องบินไปเมืองนิวออร์ลีนส์ต่ออย่างที่ซิกมอนด์ว่า เมื่อออกจากสุสานเซนต์เอเวอร์เรสต์ รถมัสแตงคันหรูก็มุ่งหน้าไปยังสนามบินต่อ  




สรุป

(ภารกิจเทพเจ้า : สนามบินสุวรรณภูมิในไทยแลนด์โดนปิด)

- ล่าอสุรกายหาสินสงครามไปใช้ซ่อมมนต์บังตา

- เดินทางไปพบคุณแม่ (เทพีเฮคาที) ต่อที่นิวออร์ลันส์


หลักฐานการล่า

ฝูงกูล 20 ตัว : Link

จ่าฝูงกูล 1 ตัว : Link

อัลกูล 2 ตัว : Link  Link

จ่าฝูงอัลกูล 1 ตัว : Link


สินสงคราม

คำนวณจากระบบจุดประกายสัญญาณเรียกอสุรกาย

- ฝูงกูล 20 ตัว [LUK70+]  (8) : เลือดกูล 9x20 =180

- จ่าฝูงกูล [LUK70+]  (8) : เลือดกูล 9

- อัลกูล [LUK80+]  (0) : ไขกระดูกอัลกูล 10

- อัลกูล [LUK80+]  (2) : ไขกระดูกอัลกูล 2 เขี้ยวอัลกูล 2

- จ่าฝูงอัลกูล [LUK80+]  (9) : ไขกระดูกอัลกูล 2 เขี้ยวอัลกูล 2

รวม เลือดกูล 189  /  ไขกระดูกอัลกูล 14  /  เขี้ยวอัลกูล 4 

แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
God
ดี: 5
  โพสต์ 2025-6-18 13:42
โพสต์ 88029 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2025-6-18 09:26
โพสต์ 88,029 ไบต์และได้รับ +20 EXP +1 Point +20 ความกล้า +40 ความศรัทธา จาก เขตแดนเฮคาที  โพสต์ 2025-6-18 09:26
โพสต์ 88,029 ไบต์และได้รับ +20 EXP +55 ความกล้า +55 ความศรัทธา จาก มาลาแห่งอัสสัมชัญ  โพสต์ 2025-6-18 09:26
โพสต์ 88,029 ไบต์และได้รับ +18 EXP +30 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-6-18 09:26
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เหรียญนกฮูก
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
สร้อยคอดีไซน์เท่
กางเกงเดินป่า
ตำราเวทมนต์เฮคาที
เข็มกลัดเฮคาที
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
เกราะนักรบสีทองแดง
การควบคุมหมอกขั้นสูง
กริชจันทราสีเลือด
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
เรียกอาวุธจากหมอก
Hydro X
ขวานแร็กนาร์จำลอง
การปลุกผี
คบเพลิงเวท
การร่ายคาถา
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
หมวกแก๊ป
แจ็คเก็ต YANKEES
แว่นกันแดด
นาฬิกาสปอร์ต
รองเท้าเซฟตี้
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้