คาร์ล็อตต้าผล็อยหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบได้ เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกุกกักจากด้านนอก พวกเขากำลังจะเปิดชั้นเก็บของ และมีหนึ่งชีวิตตรงนี้ที่กำลังสะลึมสะลือได้ที่ เมื่อแลหาหมาป่า ตัวตนขาวเขื่องที่นั่งเงียบเป็นเพื่อนมาตั้งแต่ออกเดินทางก็หายไปเสียแล้ว
สารภาพด้วยความสัตย์จริง ในทีแรกคาร์ล็อตต้าใจตกอยู่ที่ตาตุ่ม เธอเผลอคิดว่ามันอาจจะเป็นเพียงภาพหลอนและการคิดไปเองที่ทำให้ต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่จริง ๆ แต่อาจเพราะหลังแสงสว่างจากภายนอกเข้ามากระทบ สีขาวนวลทอประกายรำไรที่ลับสายตาไปเพียงชั่วครู่ก็ช่วยยืนยันได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
ใช่, การต้องหาทางหลบซ่อนและพยายามออกมาโดยไม่ให้ถูกพนักงานจับได้นี่ก็เรื่องจริง
"เอ๋..?"
บุรุษที่เพิ่งย่างกรายเข้ามาสอดส่องสายตาไปทั่ว
"เมื่อกี้เหมือนเห็นมีคนอยู่เลยแฮะ?"
ฝ่ายอรอนงค์ผู้ทำตัวไม่ต่างจากผู้ร้ายลักลอบข้ามประเทศ ขณะนี้สลับขาก้าวเดินไวว่องจนแทบเปลี่ยนเป็นการวิ่ง เนตรดำขลับตวัดสำรวจโดยรอบถ้วนทั่ว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหนกระทั่งเหลือบเห็นชื่อ 'ท่าอากาศยานนานาชาติแคลิฟอร์เนีย' ...ป้ายเด่นหราตรงนั้นทำหนึ่งคนพูดไม่ออก ปรากฏว่าฉันกลายเป็นต่างด้าวในลอสแอนเจลิส และพ่วงสถานะโฮมเลสมาด้วย
สิงคาลขาวตัวโตนั่งรออยู่ที่หน้าทางออกของท่าอากาศยาน เมื่อคาร์ล็อตต้าสาวเท้าเข้าหามันกลับวิ่งหนี
จะว่าหลีกหนีก็ไม่ถูก อันที่จริงมันกำลังนำทางเธอไปมากกว่า
"นี่- รอหน่อยสิคะ"
สาวนางบ่นกระปอดประแปดตามหลัง ต่อให้รู้สึกว่าเข้าใกล้ไม่ได้และมันมักจะหายวับไปมาเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือหมาป่าตัวนี้ไม่ได้ทิ้งขว้างคาร์ล็อตต้าเสียทีเดียว อย่างน้อย ๆ ก็ยังนำทางให้ แม้จะมีหลายครั้งที่สายตาเธอหลุดโฟกัสแล้วเกือบตามไม่ทันหรือหลงทางก็ตาม
ตลอดทางนี้คาร์ล็อตต้ายิงคำถามมากมาย แต่ไร้ซึ่งคำตอบใดเอ่ยเอื้อนจากปาก จะว่าดีก็...ดี เธอไม่แน่ใจนักว่าหากมันอ้าปากตอบขึ้นมาได้จริง ๆ จะเป็นตัวเธอเองหรือเปล่าที่เสียสติไปก่อน แค่นี้ก็นับเป็นเรื่องน่าตระหนกจนเอาไปหลับฝันเป็นตุเป็นตะได้สักตื่นสองตื่นแล้วเชียว
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดสาวนางก็ยังเลือกเดินทางไปพร้อมกับหมาป่า ท่ามกลางความทุลักทุเลในช่วงหลัง แลสะบักสะบอมไปตลอดทางกระทั่งถึงโอ๊คแลนด์