ต่อจาก Dean [Link]
- 13.12.2025 / 06:00PM -
วันนี้ถือเป็นวันแรกของช่วงสุดท้ายใน ‘เทศกาลบรูมาเลีย’ หลังจากที่เทศกาลนี้เริ่มจัดมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นับว่าเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และกินเวลานานสำหรับชาวนิวโรมเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ไม่ใช่พลเมืองชาวนิวโรม แมคเคนซีจึงไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเทศกาลนี้ว่าเกิดขึ้นอย่างไร เขาเพียงแค่รู้มาจากซันซ์ น้องชายร่วมบิดาของดีนที่บอกว่า ‘เป็นเทศกาลขอบคุณเทพีเซเรส และเฉลิมฉลองงานรื่นเริงกับเทพแบคคัส’ เพียงเท่านั้น
สองเดมิก็อดหนุ่มจากค่ายฮาล์ฟบลัดมาถึงงานในช่วงที่ยังเริ่มไปได้ไม่นานนัก โถง ‘บอลรูมแบคคัส แห่งมหาวิทยาลัยนิวโรม’ ถูกเนรมิตรให้กลายเป็นบรรยากาศแห่งงานเลี้ยงสุดหรูหรา โคมไฟแชนเดอเรียคริสตัลส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาว ตามเสาหินอ่อนประดับด้วยพวงมาลัยเถาองุ่นและมีพุ่มดอกไม้สีแดงจัดไว้ตามจุดต่าง ๆ อย่างงดงาม
ผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาร่วมงานต่างสวมชุดทางการ ทั้งชุดสูท ทักซิโด้และชุดราตรีร่วมสมัย แมคเคนซีสังเกตเห็นว่ามีชาวนิวโรมจำนวนหนึ่งยังสวมชุดพื้นเมืองที่เรียกว่า ‘โทก้า’ เหมือนชาวโรมันสมัยก่อน แต่ก็ดูเหมาะสมและกลมกลืนเข้ากับบรรยากาศงานได้เป็นอย่างดี สำหรับดีนและแมคเคนซีที่ถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงาน วันนี้พวกเขาเลือกใส่ชุดทักซิโด้สุภาพสีดำทรงเรียบง่ายที่เช่ามาจากร้านในเมืองเพื่อไม่ให้ขัดกับธีมงาน

เสียงดนตรีบรรเลงคลอเคล้าไปกับเสียงสนทนาของผู้คน นอกจากการพบปะสังสรรค์และเต้นรำแล้ว งานนี้ก็ยังมี ‘อาหารเพียบ’ รวมถึง ‘เหล้าไม่อั้น’ ตามที่ซันซ์บอกไว้ไม่มีผิด เพราะเพียงแค่พวกเขาเดินเข้ามาในงานได้ไม่กี่ก้าวบริกรชาวลาร์ก็ต้อนรับพวกเขาด้วยการเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มถึงที่ แชมเปญรสนุ่มละมุนลิ้นถูกกลืนผ่านลงลำคอ รสสัมผัสดีเยี่ยมไม่เสียชื่องานเฉลิมฉลองของเทพแห่งไวน์
แต่ทั้งที่มีเครื่องดื่มที่ทั้งรสชาติดีและชื่นชอบที่สุดมาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ ดีนกลับดูยั้งใจไว้เหมือนไม่ค่อยอยากดื่มมันเท่าไหร่จนน่าแปลกใจ เพราะมันช่างผิดปกติวิสัยของเจ้าตัวเหลือเกิน
“แมคซี่ นายรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวมา”
หลังจากรับประทานอาหารรสเลิศภายในงานซึ่งถือเป็นมื้อเย็นของทั้งคู่ไปได้สักพัก กิจกรรมประกาศผลจับสลากของขวัญก็เริ่มขึ้น ดีนที่ส่งของขวัญเข้าร่วมด้วยจึงขอตัวไปแลกของขวัญกับคนอื่น ๆ ก่อน
“ตามสบายเลยที่รัก”
แมคเคนซีพยักหน้ารับแล้วหันมาสนใจบรรยากาศภายในงานต่อ เขาสังเกตเห็นดีนสนทนากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้า อีกฝ่ายยื่นกล่องของขวัญให้คนรักของเขา จึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าคนคนนั้นจับได้ชื่อของดีน
“สวัสดีครับท่านวุฒิสมาชิกสภาคอร์เนลิอุส ไม่นึกว่าคุณจะให้เกียรติมาร่วมงานด้วย”
เสียงใครบางคนเรียกความสนใจของแมคเคนซีให้หันไปมอง จากจุดที่ยืนอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา หรือไม่ก็อาจจะเด็กกว่านิดหน่อยกำลังทักทายบุรุษอีกคนซึ่งมีท่าทีสุขุม เขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแลคสีดำขลับแบบสุภาพเหมือนนักธุรกิจที่เพิ่งเลิกงานแล้วผ่านมามากกว่าตั้งใจจะมาร่วมงาน เส้นผมดกหนาสีเดียวกันกับชุดถูกหวีเสยขึ้นราวกับเคยจัดแต่งทรงมาอย่างดี ที่ใช้คำว่า ‘เคย’ เพราะตอนนี้มันค่อนข้างยุ่งไม่เป็นทรงเล็กน้อยจากช่วงเวลาที่ผ่านมาแทบทั้งวัน
“ผมแค่มาดูความเรียบร้อยของงาน เดี๋ยวต้องกลับไปทำงานต่อ”
ชายคนนั้นยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงปฏิเสธเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อีกฝ่ายหยิบจากบริกรมาให้อย่างต้องการเอาอกเอาใจ แมคเคนซีสังเกตว่าเขาดูหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นดื่มเองจนหมดจากนั้นจึงขอตัวไปทางอื่น ปล่อยให้คนคนนั้นยืนมองบรรยากาศในงานด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์
“ถ้าไม่ดื่มแชมเปญ สนใจดื่มชาสักแก้วไหมครับ”
ชาเอิร์ลเกรย์ร้อนควันฉุยแก้วหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า เรียกความสนใจให้ดวงตาคมเข้มละจากงานเลี้ยงอันแสนน่าเบื่อในความรู้สึกของเขามามองคู่สนทนาคนใหม่ เขามั่นใจว่าไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในกองร้อย ค่ายจูปิเตอร์ หรือแม้แต่ในสภาเซเนท แต่ความปรารถนาดีและแววตาที่ไม่ได้ส่อเจตนาร้ายทำให้เขาไม่คิดจะปฏิเสธน้ำใจของชายหนุ่ม
“ขอบคุณ ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อน เป็นนักศึกษามหาวิทยานิวโรมอย่างนั้นเหรอ”
ชายคนนั้นเริ่มเปิดบทสนทนาแล้วยกแก้วชาขึ้นมาสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ก่อนจะจิบเล็กน้อย ด้วยความช่างสังเกตตามอาชีพของคนที่เคยทำงานหลังเคาน์เตอร์บาร์ ทำให้แมคเคนซีจับสีหน้าได้ว่าอีกฝ่ายดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ไม่ใช่ครับ ผมแมคเคนซี คลอดด์ ลินคอล์น มาจากค่ายฮาล์ฟบลัด ผมแค่มาเที่ยวงานเทศกาลเฉย ๆ”
อาจเป็นเพราะบุคลิกจริงจังของคนตรงหน้า ทำให้แมคเคนซีคิดว่าการแนะนำตัวแบบเต็มยศเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่า แต่ปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายให้กลับมาคือการเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับมีความสงสัยอยู่ในนั้น
“ฮาล์ฟบลัด…? ค่ายกรีกจากลองไอแลนด์? เดินทางไกลมาถึงนิวโรมเลยงั้นเหรอ ผมลูซิอุส คอร์เนลิอุส ฟูสกัส วุฒิสมาชิกสภาเซเนท ลูกหลานโรมัน ต้นตระกูลบุตรแห่งไทรเวีย ในนามเจ้าบ้าน ขอบคุณที่คุณให้เกียรติมาเที่ยวชมงานเทศกาลของชาวนิวโรม”
ผิดจากที่คิดเสียที่ไหน อีกฝ่ายแนะนำตัวเต็มยศยิ่งกว่าเขาเสียอีก แม้จะเป็นการต้อนรับตามมารยาทที่ดี แต่แมคเคนซีกลับรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเพียงแค่พูดไปตามหน้าที่เท่านั้น
ซึ่งก็แน่อยู่แล้ว…อีกฝ่ายดูมีตำแหน่งเป็นคนใหญ่คนโตในนิวโรม วุฒิสภาชิกสภาเซเนทอะไรสักอย่าง คงไม่ทำให้ตัวเองเสียหน้า แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่ มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่แมคเคนซีดูจะสนใจมากกว่าสิ่งอื่น
“คุณเป็นลูกหลานของเทพีไทรเวียเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ใช้เวทได้ด้วยเหมือนกันหรือเปล่า”
เหมือนว่าเขาจะเจอคนที่เป็นญาติห่าง ๆ เข้าแล้ว เรียกว่าแบบนี้ได้ไหมนะ…อย่างน้อยก็เป็นมารดาอีกภาคหนึ่งของตนเอง
“ลูกหลานโรมันคือกลุ่มคนที่สืบเชื้อสายมาจากเทพ บางคนก็ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงแต่บรรพบุรุษเป็นลูกหลานของเทพมาก่อน ถ้าเป็นคนกลุ่มแรกก็สามารถใช้พลังวิเศษได้ แต่กลุ่มหลังคนที่ใช้พลังได้ก็มี บางคนพลังก็ยังไม่ตื่น และคนที่ไม่สามารถใช้พลังได้ก็มีเช่นกัน”
ฟังดูก็รู้ว่าลูซิอุสเลี่ยงที่จะบอกข้อมูลของตนเองโดยใช้การอธิบายแบบรวม ๆ ซึ่งแมคเคนซีเองก็ไม่ได้ต้องการละลาบละล้วงเรื่องที่อีกฝ่ายไม่ต้องการให้รู้ขนาดนั้น เขาจึงรับฟังเรื่องที่ว่านี้อย่างตั้งใจไว้ประดับเป็นความรู้ติดตัวแทน
แต่ประโยคถัดไปของวุฒิสมาชิกสภาเซเนทกลับทำให้แมคเคนซีพูดไม่ออก
“แต่การที่คุณถามผมแบบนั้น นั่นแปลว่าคุณสามารถใช้เวทได้ และคุณที่มาจากค่ายฮาล์ฟบลัดก็คือสายเลือดเทพีเฮคาที ซึ่งผมเพิ่งได้ยินกลุ่มคนใช้เวทรวมถึงพวกแม่มดและพวกในตลาดมืดลือกันหนาหูว่าไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ของจอมเวทเมอร์ลินถูกเดมิก็อดจากค่ายฮาล์ฟบลัดได้ไปไว้ในครอบครอง“
”…………“
ดวงตาสีฮาเซลสบมองคนตรงหน้านิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะข่าวมันแพร่สะพัดไปเร็วหรือหน้าที่การงานของอีกฝ่ายหรือเปล่าจึงสามารถประมวลผลและสรุปข้อมูลของตัวเขาออกมาได้จากสิ่งที่เขาพูดเพียงไม่กี่ประโยค ที่สำคัญคือสิ่งที่ลูซิอุสพูดนั้น…ไม่มีผิดเลยแม้แต่น้อย
หากบอกว่าลูซิอุสคนนี้ทำงานหน่วยข่าวกรองของนิวโรม แมคเคนซีก็เชื่อ
”ที่คุณพูดมาก็…ใช่ครับ“
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ จากตรงมุมปากที่เริ่มมีหนวดเคราขึ้นตามโครงหน้าคมเข้มของลูซิอุส ราวกับพอใจที่คู่สนทนายอมรับง่าย ๆ อย่างตรงไปตรงมาในสมมุติฐานที่ถูกต้องของตนเอง
”เก็บคทานั่นไว้ให้ดี มันมีค่ามหาศาลกว่าที่คุณคิดไว้ เผลอ ๆ อาจประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ“
ชาเอิร์ลเกรย์ส่วนสุดท้ายไหลผ่านลงคอลูซิอุสไป เขาวางแก้วเปล่าลงในถาดบริกรที่เดินผ่านมาแล้วดูนาฬิกาข้อมือ
”หมดเวลาน้ำชาของผมแล้ว ผมต้องกลับไปทำงานที่สภาต่อ หากมีโอกาสเราคงได้พบกันอีก ขอให้เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวในนิวโรม ยินดีที่ได้รู้จักคุณลินคอล์น“
”ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณลูซิอุส“
น่าเสียดายที่บทสนทนาระหว่างพวกเขาทำให้แมคเคนซีลืมเลือนนามสกุลของอีกฝ่ายไป แต่แม้จะเรียกด้วยชื่ออีกฝ่ายก็ดูไม่ได้ถือสาอะไร ลูซิอุสหันหลังให้แล้วเดินออกจากงานเลี้ยงที่กำลังครึกครื้นไปอย่างเงียบ ๆ ชุดสีดำที่สวมใส่ทำให้เขากลืนหายไปกับความมืดยามพลบค่ำราวกับหายตัวได้
แม้เป็นการสนทนาเพียงสั้น ๆ แต่แมคเคนซีก็แอบชื่นชมในความสุขุมและมีไหวพริบของอีกฝ่าย
“หายไปไหน”
พอหันกลับไปมองยังจุดเดิม คนรักของเขาก็ไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว เหลือเพียงแค่ชายหนุ่มที่ให้ของขวัญดีนก่อนหน้านั้นกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ อีกฝ่ายคงกำลังเอาของขวัญของตนเองไปให้ใครสักคนในมุมหนึ่งของงาน คิดได้ดังนั้น แมคเคนซีจึงไปหาอะไรใส่ท้องรอต่อ
.
.
“เฮ้ ตรงนั้นน่ะ นาย..ใช่แมคเคนซีหรือเปล่า”
เหมือนได้ยินใครเรียกชื่อตนเองแว่ว ๆ จนหนุ่มอังกฤษที่เพิ่งไปตักอาหารมาอีกจานต้องมองซ้ายมองขวาเพื่อหาต้นเสียงนั้น แต่แล้วก็ต้องชะงักค้างเมื่อรู้ว่าคนคนนั้นคือใคร
นั่นมัน ‘แลร์รี่’ เดมิก็อดบุตรแห่งเมอร์คิวรี่ นักแข่ง F1 ดาวรุ่งพุ่งแรงคนนั้นนี่นา!
“ค..ครับ ใช่ ผมเอง แมคเคนซี”
ให้ตาย เขาเกร็งเสียยิ่งกว่าตอนสนทนากับลูซิอุสผู้เข้มงวดของสภาเซเนทซะอีก ใครมันจะไปนึกว่านักแข่งรถชื่อดังระดับโลกจะมาทักเขาก่อน ว่าแต่…อีกฝ่ายรู้จักเขาได้ยังไงกันนะ
“โอ้ เยี่ยมเลย นายมาร่วมงานเทศกาลที่นิวโรมด้วย ตอนนั้นขอบใจมากนะที่ช่วยเม้นต์ให้กำลังใจ ไฟในใจพี่ลุกโชนจนได้รางวัลชนะเลิศเลยล่ะ”
แลร์รี่ยิ้มอารมณ์ดีแล้วตบไหล่เขาป้าบหนึ่งราวกับคนที่สนิทสนมกันมานานตามนิสัยคนอัธยาศัยดี วันนี้ชายหนุ่มมาในชุดสูทไม่เป็นทางการแบรนด์ดังสีแดงเฉดเดียวกับชุดเรซซิ่งสูท (ซึ่งแมคเคนซีเข้าใจว่าน่าจะเป็นสีนำโชคของเจ้าตัว) เสื้อเชิ้ตสีไวน์แดงปลดกระดุมช่วงอกสองเม็ดส่งให้ชายหนุ่มดูมีลุคขี้เล่นสไตล์หนุ่มเจ้าสำราญแต่ก็คงไว้ซึ่งความเรียบหรูในคราวเดียวกัน
ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะยังจำได้ นั่นแปลว่าแลร์รี่ค่อนข้างใส่ใจรายละเอียดและเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนรอบตัวได้ดีทีเดียว
“ยินดีด้วยครับ ได้ข่าวว่าคุณเพิ่งลงแข่งขันที่สนามอาบูดาบีด้วยใช่ไหม“
สำหรับคนที่ชอบเรื่องรถแต่ไม่ถึงกับเป็นแฟนพันธุ์แท้กีฬาแข่งรถอย่างแมคเคนซีก็พอติดตามข่าวสารมาบ้าง ซึ่งสนามอาบูดาบี กรังปรีซ์ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็ถือเป็นสนามสุดท้ายของปีนี้
”ใช่แล้ว แต่ก็ยังต้องซ้อมทุกวันไม่ให้ฝีมือตกอยู่ นี่พี่ก็เพิ่งกลับมาจากสนามซ้อมเลย หิวสุด ๆ“
พูดจบแลร์รี่ก็ฉก ‘ไก่ทอดเกาหลี’ จากจานในมือแมคเคนซีเข้าปากทันทีโดยไม่สนว่ามือไม้จะเลอะเทอะ ส่วนอีกมือก็หยิบไวน์ขาวจากบริกรที่เดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มไว้ด้วยแก้วนึง
“อร่อยมาก ได้กินของชอบตอนเหนื่อย ๆ นี่มันดีชะมัด!”
“ถ้าไม่รังเกียจ เอาไปทั้งจานเลยก็ได้ครับ ผมเพิ่งไปตักมา ยังไม่ได้ทาน”
เห็นคนหิวซ่กแล้วก็เอ็นดู แม้ว่าอีกฝ่ายจะอายุมากกว่าตนเองก็ตาม แมคเคนซีจึงยื่นจานอาหารให้
“โอ้ แต๊งค์กิ้วน้อง งั้นพี่ไม่เกรงใจล่ะนะ”
แลร์รี่กระดกไวน์จนหมดแก้วแล้ววางไว้แถวนั้นก่อนจะรับจานไก่ทอดจากหนุ่มอังกฤษมา เขารับประทานไปด้วยพูดคุยถึงการแข่งขันล่าสุดของตนเองที่เพิ่งผ่านมาไปด้วยอย่างออกรส
“ฮาย แมคซี่ ฉันกลับมาแล้ว”
“อุ๊บ!”
ดีนที่กลับมาจากการแลกของขวัญส่งเสียงทักทาย ไม่ใช่เพียงแค่เสียงเท่านั้น แต่มือซน ๆ ของอีกฝ่ายยังบีบบั้นท้ายเสียจนเขาหลุดเสียงร้องออกมา แต่ก็ทำได้เพียงแค่คาดโทษคนที่ยืนยิ้มเผล่ในใจ

“สวัสดีครับ คุณ…รุ่นพี่แลร์รี่ใช่ไหมถ้าผมจำไม่ผิด”
“ใช่แล้วครับ สวัสดี นายคงเป็นดีนสินะ คนที่โพสต์เน็คทาร์บ่อย ๆ แล้วก็ชอบอวดแฟนน่ะ“
คำทักทายแรกของแลร์รี่สำหรับดีนทำเอาแมคเคนซีหลุดขำ ดูท่าว่าพวกเขาคงถูกพูดถึงและเป็นที่รู้จักในเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็คงห้ามคู่รักเดมิก็อดคู่นี้ให้หยุดคลั่งรักและอวดแฟนในโลกออนไลน์ไม่ได้
พอมีดีนเข้ามาร่วมวงแล้วหัวข้อสนทนาก็เริ่มมีสีสันมากขึ้น ทั้งสามคนคุยกันถูกคอจนถึงขนาดว่าแลร์รี่ชวนพวกเขาไปดูการฝึกซ้อมที่สนามแข่งรถ ซึ่งทั้งดีนและแมคเคนซีก็สัญญาว่าจะไปอย่างแน่นอน จากนั้นแลร์ลี่ก็ขอตัวไปคุยกับเพื่อนกลุ่มอื่นต่อ ซึ่งพอดีกับที่ดนตรีในบอลรูมเริ่มบรรเลงเพลงช้าเปลี่ยนบรรยากาศให้ผู้คนในที่นั้นพากันจับคู่เต้นรำไปตามท่วงทำนองหวานซึ้งท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกของงานเลี้ยงยามค่ำ
“เรามาเต้นรำกันสักเพลงไหมที่รัก”
แมคเคนซียื่นมือไปตรงหน้าบุตรโพไซดอนผู้เป็นคนรัก จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเต้นรำกันคือตรงกองไฟเฮสเทียในค่ายฮาล์ฟบลัด และนั่นคือวันแรกที่พวกเขาตกลงคบกัน
“แปลกแฮะ คราวนี้นายเป็นคนเอ่ยปากชวนฉันงั้นเหรอ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ใบหน้างดงามตามสไตล์หนุ่มละตินส่งยิ้มให้ ฝ่ามือใหญ่วางลงบนมือบุตรเทพีแห่งม่านหมอกหลังตอบตกตลง ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อย ๆ เคลื่อนกายไปตามจังหวะเพลง

รางวัลกิจกรรม
Lv Max รับ หินตีบวก 1 ก้อน / +50 พลังน้ำใจ / +50 ศรัทธา / 50 เกียรติยศ
และ ไดเอทเป๊บซี 1 กระป๋อง
คะแนนความสนิทสนม
[NPC-41] ลูซิอุส คอร์เนลิอุส ฟูสกัส
ความสนิทสนมจากการพูดคุย : เพิ่มความสนิทสนม +5
ให้เครื่องดื่ม (ชาเอิร์ลเกรย์) : เพิ่มความสนิทสนม +10
เอฟเฟกต์กุหลาบสีน้ำเงินทอง : เพิ่มความสนิทสนม +5
เอฟเฟกต์มาลาแห่งอัสสัมชัญ : เพิ่มความสนิทสนม +10
รวมคะแนนความสนิทสนม : +30
[NPC-54] แลร์รี่
ความสนิทสนมจากการพูดคุย : เพิ่มความสนิทสนม +5
ให้ของที่ชอบที่สุด (ไก่ทอดเกาหลี) : เพิ่มความสนิทสนม +20
เอฟเฟกต์กุหลาบสีน้ำเงินทอง : เพิ่มความสนิทสนม +5
เอฟเฟกต์มาลาแห่งอัสสัมชัญ : เพิ่มความสนิทสนม +10
รวมคะแนนความสนิทสนม : +40