12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Mackenzie

[บันทึกการเดินทาง] โค่นแผนลับคืนเดือนดับแดนแสงเหนือ

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-3-27 18:22:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
 
Page X

-24.01.25 / ??:??PM.-


ท่วงทำนองอันไพเราะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อเริ่มสังเกตถึงความเปลี่ยนไปของทิวทัศน์รอบตัว ถึงได้รู้ว่าตอนนี้เขาเข้ามาในเขตป่าสนที่อยู่ติดกับหมู่บ้านเสียแล้ว


ความลังเลเริ่มเกิดขึ้น ใจนึงก็อยากค้นหาที่มาของเสียงแต่อีกใจก็เกรงว่าจะหลงจนไม่อยากเดินลึกเข้าไปกว่านี้ แม้จะอยู่ในช่วงรัตติกาลสาบสูญ แต่ยิ่งเข้าใกล้เยลโลวไนฟ์เท่าไหร่นั่นก็หมายความว่ายิ่งเข้าใกล้ขั้วโลกเหนือเข้าไปทุกที ถึงไม่ต้องมีปรากฎการณ์ผิดธรรมชาติ พื้นที่แถบนี้ก็แทบไม่มีแสงอาทิตย์ส่องในช่วงฤดูหนาวอยู่แล้ว ท้องฟ้ายามนี้จึงค่อนข้างสลัวไม่ต่างจากช่วงเช้ามืด และที่สำคัญคือ…


“หนาวชะมัด…”


แมคเคนซีพึมพำแล้วกอดตัวเองไว้ คิดผิดจริง ๆ ที่ออกจากบ้านมาในสภาพนี้ ลำพังเพียงสเว็ตเตอร์และแจ๊คเก็ตหนังไม่อาจทำให้อบอุ่นได้เท่าที่ควร ไอควันจาง ๆ พ่นออกมาจากริมฝีปากได้รูปทุกครั้งที่พรูลมหายใจออก ครั้นจะหันหลังกลับก็เห็นเพียงหมอกครึ้มไปทั่วบริเวณ มีเพียงทางข้างหน้าเท่านั้นที่ยังพอเห็นเลือนรางราวกับกำลังบอกให้เขาต้องไปต่อ


“เสียงขลุ่ยน่าฟังขนาดนี้ ท่านแพนหรือเปล่า”


“ใช่หรือ เราไม่เห็นท่านแพนมานานมากแล้วนะ”


เสียงซุบซิบของนางไม้ลอยมาให้ได้ยินจนเดมิก็อดหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เขาพยายามขุดค้นความทรงจำที่อยู่ส่วนลึกขึ้นมา จนแล้วจนรอดก็นึกออกเพียงแค่เล็กน้อย หากพูดถึง ‘แพน’ แล้วเขาคุ้นชื่อนี้เพียงแค่สองคนเท่านั้น คนแรกคือ ‘ปีเตอร์แพน’ ตัวการ์ตูนหนุ่มน้อยบินได้จอมซุกซนจากดิสนีย์ขวัญใจเด็กหลาย ๆ คน ส่วนอีก ‘แพน’ ก็คือเทพแห่งป่าจากหนังสือปกรณัมกรีกโบราณที่เขาเพียงแค่เคยอ่านผ่าน ๆ จึงไม่ค่อยมีข้อมูลมากมายเท่าไหร่ ซึ่งหากดูจากสายเลือดของเขาในตอนนี้แล้ว อย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า


ในเมื่อถอยหลังกลับไม่ได้ แมคเคนซีจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อ ยิ่งเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ เหล่าสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ต่างก็ออกมาจากที่ซ่อนจนชวนให้ตื่นตกใจ แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือพวกมันมารุมล้อมเขาไว้แล้วพากันเดินไปตามเสียงดนตรีนั้นเช่นเดียวกัน


‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่’


ความสงสัยเริ่มก่อตัวหนักขึ้นพอ ๆ กับเสียงเพลงที่ใกล้เข้ามามากยิ่งขึ้นเช่นกัน และตอนนี้แมคเคนซีก็เจอต้นตอเสียงที่ว่านั้นแล้ว เจ้าของท่วงทำนองที่สะกดทั้งเหล่านางไม้ ฝูงสัตว์มากมาย รวมถึงตัวเขาด้วย


บทเพลงยังคงบรรเลงต่อไปอีกชั่วครู่ กระทั่งในที่สุดก็หยุดลง พวกนางไม้และสัตว์ต่าง ๆ จึงพากันกลับไปยังที่ ๆ จากมา เหลือเพียงแค่ชายหนุ่มที่นั่งบนโขดหินซึ่งมองมายังแมคเคนซีเพียงเท่านั้น


“เอ่อ…สวัสดี คุณเล่นเพลงเพราะดีนะ”


เดมิก็อดหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้ม ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ยิ้มตอบกลับมาให้เช่นเดียวกัน


“ยินดีที่เจ้าชอบนะแมคเคนซี ข้ายังเล่นได้อีกหลายเพลงเลยล่ะ”


ชายหนุ่มแปลกหน้าลุกขึ้นยืน เป็นโอกาสให้แมคเคนซีได้มองสำรวจโดยละเอียด รู้สึกอึ้งเล็กน้อยที่คนตรงหน้าสวมใส่เพียงแค่อาภรณ์บาง ๆ อย่างเสื้อยืดจนรู้สึกหนาวแทน


“คุณรู้จักผมด้วยเหรอ ไม่สิ…ผมควรถามว่า เราเคยรู้จักกันหรือเปล่า ขอโทษที่เสียมารยาทนะ ผมคิดว่าผมจำคุณไม่ได้เลย”


นอกจากเครื่องแต่งกายแล้วนี่คือสิ่งน่าแปลกใจอีกอย่าง แต่ฟังจากสรรพนามที่ใช้แล้ว แมคเคนซีก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปแน่ ๆ


“อืม…จะว่ายังไงดี เอาเป็นว่าข้าจะเล่าให้เจ้าฟังแล้วกัน เจ้าสะดวกเดินเล่นกับข้าสักครู่ไหม”


ชายหนุ่มตรงหน้าหัวเราะเล็กน้อยราวกับขบขันในปฏิกิริยานั้นก่อนจะเอ่ยชวนอย่างมีมารยาท แต่ก็ชวนให้คนได้ฟังต้องเลิกคิ้วสงสัย 


‘เดินเล่นกลางป่าตอนหน้าหนาวเนี่ยนะ’


หากเป็นคู่รักคงคิดว่าช่างแสนโรแมนติก แต่สำหรับเขาที่สวมเสื้อเพียงสองชั้นกลับนึกเพียงว่า ‘ดีแค่ไหนแล้วที่เดินมาถึงนี่โดยไม่ปากสั่นด้วยความหนาวไปซะก่อน’ ไหนจะคนชวนที่สวมเพียงแค่เสื้อยืดอีก 


'ไม่หนาวบ้างเลยหรือไง'


“……ก็ได้ ถ้าคุณจะไม่พาผมหลงป่านะ”


แม้อยากบอกเหลือเกินว่า ‘ไม่ดีกว่า ผมง่วงนอน’ ก็ดูจะเป็นการปฏิเสธที่ไร้เยื่อใยจนเกินไป กว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ความง่วงงุนของเขาก็เริ่มลดลงไปหลายหน่วย ทั้งยังติดใจสงสัยถึงที่มาที่ไปของคนตรงหน้านี้ไม่น้อย เดินเล่นด้วยกันสักหน่อยคงไม่เป็นไร




สรุปสถานการณ์

-แมคเคนซีเดินเข้าป่าสนจนพบที่มาของเสียง

-ไปเดินเล่นด้วยกันตามคำชวนของชายแปลกหน้า

✿ Elli

แสดงความคิดเห็น

God
ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้ม "ข้าจะให้เจ้า หากเจ้าช่วยบุตรแห่งเราจากกลุ่มคนที่เจ้ากำลังจะไปเผชิญหน้า"  โพสต์ 2025-3-27 20:12
God
ก่อนเฟรย์จะหายไป  โพสต์ 2025-3-27 20:05
God
ทำให้เขาชะตาเขาพบเจอพวกองค์กร ไร้การฝึกฝนยากจะป้องกันตัวเอง เราก็ไม่อาจทำอะไรได้  โพสต์ 2025-3-27 20:05
God
เขาจิ้มนิ้วบนหน้าอกแมค "เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับเขา สิ่งนี้จะออกจากตัวเจ้าและพยายามกดตัวเขาเพื่อเปิดจิตใต้สำนึกให้เจ้าเข้าไปเกลี้ยมกล่อมบุตรแห่งเรา เขาเป็นเด็กน่าสงสาร ไม่ผ่านบททดสอบสู่วัลฮัลล่า  โพสต์ 2025-3-27 20:04
God
ก่อนเขาจะแนะนำตัว เรียกเราว่าเฟรย์ และเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองกลับเป็นรูปลักษณ์ประจำ แต่ใบหน้ายังคงงดงามเหมือนเดิมมีสง่าราศีราวกับเอลฟ์ กางเกงยีนส์ซีด เสื้อเชิ้ตผ้าฟลานเนล และรองเท้าเดินป่า  โพสต์ 2025-3-27 20:01
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2025-4-5 23:51:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
 
Page XI

-24.01.25 / ??:??PM.-


“ที่พวกเจ้าดั้นด้นเดินทางกันมาจนถึงที่นี่คงไม่ใช่เพียงแค่มาเที่ยวเล่นหรอกใช่ไหม”


ชายข้างกายเปิดบทสนทนาขณะที่พวกเขาเริ่มเดินเรียบเรื่อยไปภายในป่า


“ครับ พวกผมมาทำธุระ…อะไรบางอย่าง”


แมคเคนซีจงใจตอบเพียงสั้น ๆ พลางมองเส้นทางรอบ ๆ เพื่อเป็นทางหนีทีไล่ไปด้วย แม้อีกฝ่ายจะดูไม่เหมือนพวกประสงค์ร้ายแต่เขาก็ยังไม่อาจวางใจได้


“ธุระที่ว่าหมายถึงภารกิจการเดินทางของเดมิก็อดล่ะสิ”


เป็นไปตามคาด คนคนนี้รู้เรื่องของพวกเขาจริง ๆ แมคเคนซีหันกลับมามองคู่สนทนาแล้วก็พบว่าบางสิ่งของร่างตรงหน้าดูแปลกตาไปจากเมื่อครู่ เสื้อผ้าบาง ๆ ที่สวมใส่ถูกแทนที่ด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าฟลานเนลเนื้อดี กางเกงยีนส์สีซีดและรองเท้าเดินป่าที่ก็ยังดูเหมือนจะป้องกันความหนาวไม่ได้อยู่ดี หากแต่ใบหน้ารูปโฉมยังคงงดงามตรึงใจเหล่านางไม้ที่ได้พบเห็นเฉกเช่นชนเผ่าเอลฟ์ตามที่เคยเห็นจากในหนัง


“…ถ้าคุณรู้แล้ว ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ถ่วงเวลาพวกผม


 เดมิก็อดหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ มือข้างหนึ่งแตะที่กระบอกซูมเตรียมพร้อมหยิบอาวุธเวทย์ประจำตัว ตั้งแต่เดินทางมาเขาเจอทั้งเทพเจ้าเล่ห์ที่มายื่นข้อเสนออันไม่คุ้มค่า กองทหารขององค์กรลึกลับที่ไล่โจมตีเกือบตลอดทางราวกับพวกเขาเป็นนักโทษหนีคดี แล้วยังมีฝูงมอนสเตอร์ที่จ้องคอยสังหารทั้งยามหลับและยามตื่น แม้จะมีน้ำใจจากผู้คนที่หยิบยื่นมาให้ แต่ก็ยังไม่อาจเชื่อใจใครได้ง่าย ๆ อยู่ดี


เพื่อความสบายใจของเจ้า ข้าคงต้องแนะนำตัวสักหน่อย ข้าคือเฟรย์ เทพแห่งสันติภาพ ความอุดมสมบูรณ์และฤดูร้อน…เจ้าเรียกข้าว่าเฟรย์ก็ย่อมได้ และแน่นอน ข้าไม่คิดจะถ่วงเวลาเจ้าไว้…แม้สักวินาที


ดวงตาวูบไหวกอปรกับรอยยิ้มขื่นเพียงชั่วครู่ที่ปรากฏขึ้นมาบนดวงหน้านั้นทำให้แมคเคนซีค่อย ๆ ลดมือลงมาที่ข้างตัว แต่กระนั้นความสงสัยก็ยังไม่ได้รับการคลี่คลายให้กระจ่างเสียทีเดียว


แล้วทำไมคุณ เอ่อ…ท่านถึงมาปรากฏตัวให้ผมเห็น


เมื่อรู้ว่าผู้ที่สนทนาอยู่ด้วยเป็นถึงเทพก็เริ่มเปลี่ยนสรรพนามวุ่นวายไปหมดจนเฟรย์ต้องยกมือขึ้นปรามแล้วบอกให้ พูดตามปกติ ใบหน้าได้รูปจึงพยักหน้ารับแล้วถามต่อ


หรือว่าคุณมีอะไรอยากบอกผมหรือเปล่า


อย่างว่า…เทพแห่งฤดูร้อนคงไม่ได้มีอารมณ์สุนทรีย์ถึงขนาดตั้งใจเพียงแค่มาเล่นดนตรีให้ฟังท่ามกลางอากาศหนาวจัดแล้วกลับไปเฉย ๆ หรอก แบบนั้นคงดูใจดีเกินไปหน่อย


น่าเสียดายที่ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ เจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าไม่มีเทพหรือเทพีองค์ใดสามารถยื่นมือเข้ามาช่วยภารกิจได้…


ดวงตาคู่เรียวหันมาสบมองดวงตาสีฮาเซล มือข้างที่ไม่ได้ถือเครื่องดนตรียกขึ้นมาก่อนจะปรากฏอัญมณีเปล่งแสงเรืองรองอยู่เหนือฝ่ามือนั้น


เจ้าว่ามันสวยไหม…


เฟรย์ถามขณะเลื่อนสายตามอง ‘มูนสโตน’ ที่เปล่งประกายพร้อมรอยยิ้มบาง


ข้าจะให้เจ้า หากเจ้าช่วยบุตรแห่งข้าจากกลุ่มคนที่เจ้ากำลังจะไปเผชิญหน้า


เรียวคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย ภายในหัวประมวลผลคำพูดเหล่านั้นจนได้ข้อสรุปว่า


‘งานงอกนี่หว่า’


คุณจะบอกว่าลูกคุณก็ถูกองค์กรนั่นจับตัวไปทดลองเหมือนกันงั้นเหรอ


เฟรย์พยักหน้าน้อย ๆ แทนคำตอบก่อนจะกล่าวต่อ


บุตรข้าผู้นี้เป็นเด็กน่าสงสาร ไม่ผ่านการทดสอบสู่วัลฮัลล่า แล้วยังโชคร้ายต้องพบเจอกับองค์กรลึกลับอีก เมื่อไร้การฝึกฝนก็ยากจะป้องกันตนเอง ข้าเองก็ไม่อาจช่วยอะไรได้


แมคเคนซีได้เพียงแต่กระพริบตาปริบ ๆ ฟังเรื่องที่เทพแห่งสันติภาพเล่า ยอมรับว่าตนเองไม่เข้าใจในบางจุด อย่างเช่นการทดสอบสู่วัลฮูล่าฮัลล่าอะไรนั่น หากให้เดาจากบริบทก็คงคล้าย ๆ กับการฝึกฝนตนในค่ายแบบพวกเขาก่อนที่จะออกมาเผชิญโลกภายนอกล่ะมั้ง


อืม…ผมพอเข้าใจนะ เทพคงเข้าไปแทรกแซงเรื่องของพวกมนุษย์ไม่ได้ ถึงคนที่อยู่ในอันตรายจะเป็นลูกของคุณก็ตาม…ตกลง ผมจะช่วยลูกคุณ แต่เป็นเพราะผมอยากช่วยจริง ๆ ไม่ได้เห็นแก่มูนสโตนหรอก แล้วผมจะช่วยลูกคุณได้ยังไง


มูนสโตนถือเป็นอัญมณีลึกลับล้ำค่า หากถามถึงความงดงามแล้วเขาเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อสงสัย เพียงแต่ตอนนี้แมคเคนซีเองก็มีมูนสโตนอยู่กับตัวแล้วจำนวนหนึ่ง นอกจากใช้จับกริมาลคินแล้วเขาก็ยังไม่เห็นประโยชน์อื่นใดอีก หากเทียบกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่มีชะตากรรมเดียวกันกับน้องร่วมมารดาของเขาแล้ว มูนสโตนชิ้นนี้จึงถือเป็นผลพลอยได้เล็กน้อยเท่านั้น


“เมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับเขา จงพยายามเข้าใกล้เพื่อเปิดจิตใต้สำนึกของบุตรแห่งข้า ให้สิ่งนี้ที่ออกจากตัวเจ้าได้เข้าไปเกลี้ยกล่อมและนำพาเขากลับมาซะแมคเคนซี


…………!?


ดวงตาสีฮาเซลเบิกขึ้นเมื่อเรียวนิ้วของเฟรย์แตะเข้าที่กลางอก ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบขึ้นพร้อมกับความรู้สึกราวกับมีกระแสพลังอะไรบางอย่างแล่นผ่านปลายนิ้วเข้าไปอยู่ในร่างกายเหมือนกับตอนที่เขาแตะรูปปั้นผู้เป็นมารดาเพียงแต่ครั้งนี้เบาบางกว่า จนกระทั่งแสงนั้นหายไปร่างของเฟรย์ก็หายไปด้วย


อ้าว…ไปซะแล้ว ให้ตายสิ ไม่คิดจะอธิบายให้เข้าใจง่ายกว่านี้หรือไงนะ แล้วนี่จะออกจากป่ายังไง


แมคเคนซีพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาควรชินได้แล้วใช่ไหมกับข้อความที่ชวนให้ต้องไปขบคิดต่อของเหล่าเทพ เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องหาทางออกจากป่าสนนี่เสียก่อน


หืม…? อะไรกันเนี่ย


เมื่อหันกลับไปยังทางเดิมที่เดินมาหมอกควันก็ค่อย ๆ จางลง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือหมู่บ้านที่เขาและเพื่อนร่วมทีมพักอาศัยชั่วคราว ทั้งที่มั่นใจเหลือเกินว่าเมื่อขามานั้นเดินเข้าไปลึกกว่านี้แท้ ๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาโผล่ตรงชายป่าได้…ราวกับว่าเขาไม่ได้เดินเข้าไปเลยแม้แต่น้อย


‘ข้าไม่คิดจะถ่วงเวลาเจ้าไว้…แม้สักวินาที’


คำพูดของเทพแห่งคิมหันต์ฤดูแวบเข้ามาในความคิด บางทีนี่อาจแสดงถึงความจริงใจในประโยคนั้นก็เป็นได้


“ขอบคุณครับเฟรย์”


แมคเคนซียิ้มเล็กน้อยแล้วเดินกลับบ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว ก่อนที่เช้ารุ่งขึ้นจะมาถึง เขาคงต้องนอนหลับเอาแรงเสียหน่อย 

.


.


.

-25.01.25 / 09:10AM.-


เมื่อได้พักผ่อนกันเต็มอิ่มแล้ว เช้าวันนี้ทีมทำภารกิจจากค่ายฮาร์ฟบลัดทั้งสามคนจึงได้เวลาออกเดินทางสู่ ‘เยลโลวไนฟ์’ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของภารกิจนี้เสียที


ในตอนแรกทั้งรูบี้และแมคเคนซีต่างก็ยังเป็นห่วงอาการคีธอยู่ แต่ธิดาฮีบี้ยืนยันว่าสภาพร่างกายของเธอกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้ว แล้วคนที่ไม่ได้เรียนจบแพทย์อย่างพวกเขาจะไปเถียงคุณหมอสาวได้อย่างไร


หลังจากทานอาหารเช้าพลางสอบถามเส้นทางและกล่าวขอบคุณพร้อมกับร่ำลาเจ้าของบ้านผู้ใจดีอย่างทราวิสแล้ว รถออฟโร้ดก็ได้เวลาล้อหมุนออกเดินทางไปตามถนนที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนมุ่งหน้าสู่เยลโลวไนฟ์ โดยระหว่างทางแมคเคนซีก็ไม่ลืมที่เล่าเรื่องที่เขาได้พบกับเทพเฟรย์เมื่อคืนไปด้วย

.


.

-12:40AM.-


กว่าสามชั่วโมงกับการขับรถท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัด ในที่สุดทีมทำภารกิจก็เริ่มเข้าสู่ตัวเมืองเยลโลวไนฟ์ จากที่อ่านบทความในเว็บไซต์ต่าง ๆ ก่อนออกเดินทางว่าสภาพอากาศช่วงฤดูหนาวของที่นี่ต่ำมากจนติดลบนั้นไม่เกินจริง


“ฉันว่าเราควรเปลี่ยนวิธีเดินทาง


รูบี้เสนอขณะพวกเขาทานมื้อเที่ยงกันในร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในตัวเมือง


“ฉันเห็นด้วยนะ ถ้าเราใช้รถขององค์กรเดินทางไปต่อจนถึงฐานลับน่าจะเป็นจุดเด่นเกินไป


คีธเสริมพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แมคเคนซีพยักหน้ารับกับความเห็นของเพื่อนร่วมทีมทั้งสองพลางนึกไปถึงรถออฟโร้ดที่เขาจอดไว้ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แม้จะค่อนข้างเสียดายยานพาหนะที่สามารถวิ่งลุยพื้นหิมะได้ก็ตาม แต่เมื่อเข้าพื้นที่เมืองเยลโลไนฟ์แล้วก็ไม่แน่ว่าอาจมีพวกคนในองค์กรคอยจับตาดูพวกเขามากกว่าเดิม การระแวดระวังภัยจึงต้องเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว


อืม…ในแผนที่นั่นเขียนไว้ว่าหมู่บ้านออโรร่าใช่ไหม ตรงนั้นเป็นจุดที่เห็นแสงเหนือชัด ฉันเคยอ่านรีวิวว่ามีทัวร์พาไปดูแสงเหนือที่นั่น ถ้าเราไปในฐานะนักท่องเที่ยวล่ะ


หลังจากได้แผนที่แสดงที่ตั้งฐานลับขององค์กรนั้นมา แมคเคนซีก็ลองเซิร์ทหาข้อมูลเกี่ยวกับ ‘หมู่บ้านออโรร่า’ เพิ่มเติม สิ่งที่เขาได้รับจากการหาข้อมูลครั้งนี้คือ หมู่บ้านออโรร่าเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวพื้นเมืองที่ต้องนั่งรถออกจากตัวเมืองไปอีกหน่อย ที่นั่นถือได้ว่าเป็นที่ที่สามารถเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนมากจึงมาเยือนเพียงช่วงเวลากลางคืนเพื่อชื่นชมความงดงามของแสงเหนือเท่านั้น และจากนั้นก็จะนอนค้างในเต๊นท์หนังกวางซึ่งทางหมู่บ้านจัดเตรียมไว้ให้เช่าแล้วค่อยกลับมาในตัวเมืองหลังจากทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างการนั่งรถสุนัขลากเลื่อน การตกปลา และซื้อของที่ระลึกเสร็จ ซึ่งนั่นทำให้เขานึกแปลกใจว่าฐานลับที่ใช้ทำการทดลองรวมไปถึงทำพีธีกรรมจะไปอยู่ในย่านชุมชนได้อย่างไร บางทีพวกเขาคงต้องไปค้นหาอาคารที่ตั้งขององค์กรในพื้นที่กันต่อ


“ก็ดี เดินทางไปในฐานะนักท่องเที่ยวคงไม่ตกเป็นที่สงสัย”


ธิดาแอรีสพยักหน้ารับ หลังจากทานมื้อเที่ยงกันเรียบร้อย ทั้งสามคนก็ไปเอาสัมภาระทั้งหมดออกมาจากรถแล้วเริ่มทำตามแผนการที่วางไว้

.


.

“โอ้ยยยย ช่วงนี้มันโลวซีซั่น ดูสภาพอากาศตอนนี้สิ ฟ้าสว่างทั้งวันแบบนี้จะไปเห็นแสงเหนือได้ยังไงกัน ไม่มีทัวร์ไปที่นั่นหรอก สนใจไปรูทอื่นแทนไหมล่ะ”


ยังไม่ทันไรก็ประสบปัญหาเข้าเสียแล้ว นี่น่าจะเป็นทัวร์ที่สี่แล้วที่ปฏิเสธพวกเขา หากจะโทษอะไรสักอย่างก็คงต้องโทษปรากฏการณ์รัติกาลสาบสูญล่ะมั้ง ที่พอไม่มีกลางคืนก็พลอยไม่เห็นแสงเหนือไปด้วย ยามนี้จึงหาทัวร์ที่จะไปยังหมู่บ้านออโรร่าซึ่งมีจุดขายด้านการดูแสงเหนือได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นทุกทัวร์ก็ยังพยายามขายทัวร์เพื่อไปยังสถานที่อื่นในเมืองเยลโลวไนฟ์ให้ และแน่นอนว่าพวกเขาเองก็ปฏิเสธไปทั้งหมดเช่นกัน


“ทำอย่างไรดี เรากลับไปใช้รถองค์กรนั่นดีหรือไม่ ขืนอยู่แบบนี้ไม่ได้ไปไหนกันพอดี


รูบี้ตีหน้ายุ่งเมื่อรู้สึกว่าแผนนี้เริ่มจะไม่เวิร์ค


“ลองดูอีกสักหน่อยเถอะ อาจเจอทัวร์ที่ยังไปอยู่ก็ได้”


คีธบอกอย่างใจเย็นแล้วมองหาบริษัททัวร์แถวนั้นต่อ ซึ่งแมคเคนซีเองก็เพียงแค่ถอนหายใจที่ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าพลางช่วยหาไปด้วย เดิมทีเขาไม่ใช่คนใจร้อน แต่ภายในใจก็แอบคิดว่าหากไปถึงได้เร็วเท่าไหร่คงยิ่งดี 


“………?”


“ขอโทษทีนะ…ผมได้ยินว่าพวกคุณจะไปหมู่บ้านออโรร่า ใช่ไหม”


ใครคนหนึ่งสะกิดไหล่แมคเคนซีจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองดวยคววามสงสัยก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มน้อย ๆ ให้


“ใช่ พวกเรากำลังจะไปที่นั่นแต่ยังหารถไม่ได้เลย คุณพอจะช่วยแนะนำทัวร์ให้เราได้หรือเปล่า”


 “ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมขับไปส่งพวกคุณได้นะ เอ่อ…ขอโทษที่เสียมารยาท ผมลืมแนะนำตัว ผมริกกี้”


ชายหนุ่มที่ดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเขาแนะนำตัวแล้วยกมือลูบท้ายทอยอย่างประหม่า


“เดี๋ยวนะ คุณบอกว่าคุณจะไปส่งพวกเราที่หมู่บ้านออโรร่าอย่างนั้นเหรอ”


แมคเคนซีถึงกับตาโตที่อยู่ ๆ ก็มีผู้มาเสนอตัวให้ถึงที่ราวกับฟ้ามาโปรดจนแทบอยากจะตีแขนตนเองสักทีเพื่อเช็คว่าฝันไปหรือเปล่า


“ใช่ อย่างที่คุณเพิ่งรู้ ช่วงนี้ไม่มีใครไปที่นั่นเพราะไม่เห็นแสงเหนือ บริษัททัวร์เลยพากันเปลี่ยนสถานที่หมด อย่าว่าแต่หมู่บ้านออโรร่าเลย ขนาดเยลโลวไนฟ์ยังธุรกิจซบเซาจนผมต้องมารับจ้างขับรถเป็นอาชีพเสริม เอาเป็นว่าถ้าคุณสนใจผมคิดราคาแค่ครึ่งนึงของทัวร์ก็ได้นะ เพราะผมคงได้แค่ไปส่ง แต่คงแนะนำหรือพาพวกคุณเที่ยวแบบทัวร์ไม่ได้หรอก”


“ตกลง ! เรารับข้อเสนอ พวกเราแค่อยากไปสัมผัสบรรยากาศของชาวบ้านพื้นเมืองเพียงเท่านั้น แม้ไม่ได้ดูแสงเหนือก็ไม่เป็นไร เรารีบเดินทางกันเถอะ”


รูบี้รีบตอบตกลง ซึ่งอีกสองคนก็ไม่ได้คิดจะขัดอะไร ข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ใครจะปฏิเสธกันล่ะ


“โอ้ ขอบคุณพวกคุณมาก ! เชิญทางนี้เลย”


ริกกี้ยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วเดินนำทั้งสามคนไปที่รถ




สรุปสถานการณ์

- แมคเคนซีตอบตกลงช่วยเหลือบุตรแห่งเทพเฟรย์

- ทีมทำภารกิจเดินทางมาถึงเมืองเยลโลวไนฟ์และเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านออโรร่าตามแผนที่

(ที่คาดว่าเป็นที่ตั้งฐานลับขององค์กรลึกลับ)

✿ Elli

แสดงความคิดเห็น

God
ระหว่างทาง เทพโมมุสขับไบค์เกอร์มาข้างรถพวกคุณก่อนล้อเลียนคณะเดมิกอตทั้งสามและชิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วพร้อมเสียงหัวเราะเยาะทั้งสาม  โพสต์ 2025-4-6 02:02
โพสต์ 109081 ไบต์และได้รับ 60 EXP!  โพสต์ 2025-4-5 23:51
โพสต์ 109,081 ไบต์และได้รับ +18 EXP +30 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-4-5 23:51
โพสต์ 109,081 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-4-5 23:51
โพสต์ 109,081 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก เวทมนต์[I]  โพสต์ 2025-4-5 23:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2025-4-8 01:18:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-4-10 11:00

 
Page XII

-25.01.25 / 02:18PM.-


“คุณริกกี้เคยได้ยินข่าวเรื่องเด็กหายบ้างไหม”


คีธที่นั่งตรงตำแหน่งด้านหลังคนขับเปิดบทสนทนาขึ้นมาระหว่างที่รถกำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านออโรร่า


เด็กหายน่ะเหรอ เมืองนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก……กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้


จากประโยคหลังทำเอาเดมิก็อดที่ร่วมเดินทางอีกสองคนหันมามองริกกี้เป็นตาเดียว


เมื่อช่วงต้นปีมีข่าวว่าเด็กในหมู่บ้านแถวนี้หายตัวไป มันเป็นข่าวที่รู้กันแค่ในเมืองและลงในเว็บไซต์ประจำเมือง ไม่ได้ออกทีวีจนเป็นข่าวใหญ่หรอก


เรียวนิ้วของริกกี้เคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะพลางนึกถึงเนื้อหาข่าวไปด้วย


แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง มีความคืบหน้าอะไรไหม


แมคเคนซีรีบถาม สีหน้าจริงจังขึ้นมาเสียจนแม้แต่คนในพื้นที่ยังแปลกใจ


“ยังไม่มีเลย นี่ก็เกือบเดือนนึงแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อแม่เด็กถอดใจไปหรือยัง รายละเอียดในข่าวบอกแค่ว่ามีคนเห็นเด็กคนนั้นครั้งสุดท้ายตอนกลับจากเรียนพิเศษ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอายุประมาณสิบสองปีได้ น่าเสียดาย กำลังจะได้เข้าไฮสคูลแล้วแท้ ๆ ว่าแต่พวกคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”


ริกกี้เหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งด้านข้างสลับกับมองผู้โดยสารสาวสองคนผ่านกระจกมองหลังด้วยแววตาสงสัยที่ปิดไม่มิด


“ก่อนจะเดินทางมาที่นี่พวกเราอ่านข่าวในเว็บไซต์มาก่อน มาเที่ยวต่างเมืองแต่ไม่มีความรู้ก็เหมือนคนตาบอดคลำทาง”


และก็เป็นรูบี้ที่รับหน้าที่คลายข้อสงสัยให้ ดูเหมือนว่าเธอจะรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้ได้ค่อนข้างดีด้วยคำอุปมาอุปมัยและรูปประโยคที่คล้ายกับถอดแบบออกมาจากหนังจอมยุทธ์จนชวนให้ผู้ฟังต้องใช้เวลาขบคิดจนลืมไปว่าก่อนหน้านี้คุยเรื่องอะไรค้างไว้


แง้นนนนน ๆๆ !!!


เสียงเร่งเครื่องยนต์แสบแก้วหูดังทะลุกระจกรถเข้ามาจนทุกคนในที่นั้นนิ่วหน้า


“นั่น…โมมุส !”


รูบี้ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซต์คันนั้นที่วิ่งมาเทียบกับรถที่พวกเขาโดยสารอยู่ เป็นใบหน้าของคนคุ้นเคย…ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง โมมุสมองมายังพวกเขาก่อนจะทำหน้าล้อเลียนและเร่งความเร็วแซงขึ้นหน้าไปทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะปั่นประสาทชวนให้หงุดหงิดสมกับเป็นเทพแห่งการเย้ยหยัน


“คนรู้จักพวกคุณเหรอ หมอนั่นเป็นอะไร ขี่รถแบบนั้นเดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุหรอก”


ริกกี้ถามแล้วบ่นพึมพำ ในสายตามนุษย์ธรรมดาก็คงเห็นเทพเป็นคนธรรมดาไม่ต่างกัน


“ไม่รู้จัก มีเพียงคนเสียสติเท่านั้นที่ขับรถเร็วในสภาพอากาศเช่นนี้ จะรีบไปไหนก็ไม่รู้”


ธิดาแอรีสกอดอกแล้วตอบด้วยความฉุนเฉียว ดูท่าเสียงหัวเราะของโมมุสคงไปกระตุ้นต่อมหงุดหงิดของเธอเข้าอย่างจัง แมคเคนซีมองตามท้ายรถคันนั้นที่ยังพอเห็นอยู่ลิบ ๆ ก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้


“ริกกี้ คุณช่วยตามรถคันนั้นไปที”


“หา ? ตามไปเหรอ มันอันตรายนะ จะให้ผมขับรถเร็วตอนถนนลื่นแบบนี้——”


“ผมจะจ่ายให้คุณเท่าบริษัททัวร์เลย ถ้าคุณช่วยตามรถคันนั้นไป”


“คุณพูดจริงอะ !?……ให้ตายสิ โอเค ผมจะพยายาม”


ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ ผู้โดยสารถึงต้องการเช่นนั้น แต่ด้วยค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวช่างล่อตาล่อใจ โชเฟอร์รับจ้างเฉพาะกิจจึงเพิ่มน้ำหนักเท้าเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วไล่ตามมอเตอร์ไซต์จอมซิ่งคันนั้นไป


“ศิษย์น้องคิดจะทำอะไร ไล่ตามเทพ…เจ้านั่นไปทำไม”


รูบี้ถามด้วยความสงสัย ซึ่งคีธเองก็คงมีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าไม่ต่างกัน


“ขอฉันเสี่ยงสักหน่อย ถ้ามันเป็นอย่างที่ฉันคิด เราจะไปถึงที่นั่นไวขึ้น”


แมคเคนซีหันมาบอกเพื่อนร่วมทีมทั้งคู่แล้วหันกลับมามองจีพีเอสในหน้าจอมือถือที่มีจุดหมายปลายทางคือหมู่บ้านออโรร่า


และตอนนี้โมมุสก็กำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน

.


.


.

การไล่ตามยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครรู้ว่าจะสิ้นสุดที่ตรงไหน แม้ตอนนี้รถจะวิ่งเข้าเขตหมู่บ้านออโรร่าแล้วก็ตาม ต้องขอบคุณฝีมือการขับรถของริกกี้ที่แม้เจ้าตัวจะไม่ต้องการขับรถเร็วท่ามกลางทัศนวิสัยอันไม่ค่อยดีนักและถนนที่ลื่นจากหิมะก็ตาม แต่ด้วยความเป็นคนท้องถิ่นที่ชำนาญเส้นทางจึงยังพอไล่กวดโมมุสมาได้แบบไม่ทิ้งห่างมากนัก


“จะไปถึงไหนกันเนี่ย นี่ก็ใกล้จะออกจากหมู่บ้านออโรร่าแล้วนะ”


ริกกี้มุ่นคิ้วเมื่อเป้าหมายดูไม่มีทีท่าว่าจะชะลอรถลงแม้แต่น้อย เมื่อแมคเคนซีมองทิวทัศน์ข้างทางก็สังเกตได้ว่าบริเวณนี้เริ่มร้างไร้สิ่งปลูกสร้างหรือบ้านเรือนลงไปทุกที ผู้คนเองก็เริ่มบางตาลงไปมากด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงอยากจะเดิมพันกับความคิดตนเองในครั้งนี้ดู แม้โมมุสจะเป็นเทพที่ชอบแกล้ง แต่ก็หาใช่จอมโป้ปดหลอกลวงเหมือนเทพโดลอส การที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวแต่แรกแปลว่าน่าจะรู้อะไรบางอย่าง รวมถึงครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้เจ้าตัวบอกว่าไม่อาจช่วยเรื่องภารกิจได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบอกใบ้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ


“หายไปแล้ว คลาดกันจนได้


เสียงของคนขับที่ดังขึ้นปลุกแมคเคนซีให้หลุดจากห้วงความคิด เมื่อมองไปข้างหน้าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเทพโมมุสแล้วจริง ๆ


ขอโทษนะ ผมพยายามเร่งตามแล้ว แต่อยู่ ๆ เขาก็หายไปเลย อย่างกับ…หายตัวได้


ริกกี้บอกเสียงอ่อย ใบหน้าหงอยลงไปเล็กน้อยพร้อมกับชะลอรถให้วิ่งช้าลงเมื่อไม่มีเป้าหมายให้ต้องติดตามอีก


ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดคุณเลย คุณทำดีมากแล้ว ผมจะจ่ายให้ตามที่เราตกลงกันไว้


ไม่นึกแปลกใจกับคำพูดของริกกี้สักนิด เทพโมมุสคงหายตัวไปแล้วจริง ๆ แมคเคนซียิ้มน้อย ๆ ตบไหล่ผู้ที่นั่งด้านข้างอย่างปลอบโยน ทั้งที่ในใจนึกโมโหตนเองระคนผิดหวังไม่น้อยที่หลงคิดว่าเทพโมมุสจะช่วยตนบ้าง…แม้เพียงนิดก็ยังดี


‘นี่เราถูกเทพโมมุสแกล้งหรือไงกัน’


คุณลินคอล์นดูนั่นสิ


คีธขยับตัวยื่นใบหน้ามาตรงกลางระหว่างเบาะหน้าแล้วชี้ไปยังจุดหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก


นั่นมัน……ริกกี้ คุณช่วยจอดรถหน่อย


เมื่อมองไปตามที่คีธบอก ดวงตาสีฮาเซลก็เบิกขึ้นเล็กน้อย สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือรถออฟโร้ดแบบเดียวกันกับที่พวกเขาใช้เดินทางจากเมืองเอดสันจนมาถึงเมืองเยลโลวไนฟ์ และกลุ่มทหารในชุดเครื่องแบบที่ปะทะกันมาเกือบตลอดทางตั้งแต่เข้าสู่ประเทศแคนาดา เบื้องหลังทหารกลุ่มนั้นคืออาคารรูปทรงแตกต่างจากสิ่งปลูกสร้างท้องถิ่นในละแวกนี้ซึ่งแยกตัวออกมาจากหมู่บ้าน ที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็น่าสงสัยเสียเหลือเกิน

.


.

นี่คือฐานทัพขององค์กรลึกลับนั่นงั้นเหรอ


เมื่อลงจากรถแล้วทีมทำภารกิจก็หาที่เหมาะ ๆ เพื่อลอบสังเกตการณ์


ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะใช่ มันค่อนข้างเหมือนที่ฉันเห็น…ในฝัน


แมคเคนซีบอกเพื่อนร่วมทีมเสียงเบา แม้สิ่งบ่งชี้ว่าที่นี่คือฐานทัพขององค์กรลับที่พวกเขาตามหาจะมีเพียงแค่กลุ่มทหารพวกนั้นก็ตาม แต่ทิวทัศน์รอบตัวที่เขาเห็นหลายต่อหลายครั้งในฝันจนแทบจำได้ขึ้นใจก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากภาพตรงหน้าแม้แต่น้อย


“งั้นก็ใกล้ได้เวลาจบภารกิจนี้กันแล้วสิ…เราควรวางแผนกันสักหน่อยก่อนที่จะบุกเข้าไป”


เดมิก็อดทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะเริ่มระดมสมองกันอีกครั้ง โดยมีลูกก็อบลินตัวน้อยโผล่หน้าออกมาจากกระเป๋าคาดอกของแมคเคนซีคอยรับฟังอยู่ด้วย


…งานนี้คงต้องขอบคุณเทพโมมุสเสียแล้ว…




สรุปสถานการณ์

-เจอเทพโมมุสแว้นมอเตอร์ไซต์

-ขับรถตามเทพโมมุสมาจนถึงหมู่บ้านออโรร่าและเจอฐานทัพองค์กรลับ

✿ Elli

แสดงความคิดเห็น

นายนี่มันเก่งในเรื่องใช้เงินฟาดหัวคนจริง ๆ เลยที่รัก ฉันภูมิใจในตัวนาย 😌😘  โพสต์ 2025-4-8 01:28
โพสต์ 75302 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2025-4-8 01:18
โพสต์ 75,302 ไบต์และได้รับ +18 EXP +30 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-4-8 01:18
โพสต์ 75,302 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-4-8 01:18
โพสต์ 75,302 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก เวทมนต์[I]  โพสต์ 2025-4-8 01:18
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2025-4-26 10:51:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-4-26 10:54

 
Page XIII

-25.01.25 / XX:XXPM.-


“เป็นยังไงบ้าง”


แมคเคนซีถามอย่างร้อนรนเมื่อรูบี้กลับมา ถือเป็นโชคดีของทีมทำภารกิจที่มีธิดาแอรีสผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้เป็นเลิศร่วมเดินทางมาด้วย ภายหลังการวางแผนก็ได้ข้อสรุปออกมาว่ารูบี้อาสาจะออกไปดูลาดเลาให้ก่อน แม้ในคราแรกจะนึกเป็นห่วงที่ต้องปล่อยให้เธอไปคนเดียว แต่เมื่อเห็นวิทยายุทธการเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายลมรวมถึงวิชาตัวเบาที่กระโดดเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถขึ้นไปยืนบนขอบกำแพงสูงโดยที่พวกทหารขององค์กรไม่ทันสังเกตเห็นได้แล้ว แมคเคนซีก็ตบมือเปาะแปะในใจด้วยความทึ่งและชื่นชมในความสามารถของเธอแทน


“ด้านนอกและรอบ ๆ มีพวกทหารคุ้มกันแน่นหนา ตัวอาคารปิดทึบไม่มีหน้าต่างเลยไม่เห็นข้างใน ได้ยินว่าจะมีการผลัดเปลี่ยนเวรยามกันช่วงหกโมงเย็น นี่เป็นโอกาสเหมาะที่เราจะอาศัยจังหวะนี้ลอบเข้าไป แต่ทางเข้าอาคารมีเพียงประตูด้านหน้าเท่านั้น”


รูบี้อธิบายสภาพแวดล้อมที่เพิ่งเจอมา ใบหน้างดงามคร่ำเครียดอย่างเห็นได้ชัดซึ่งก็ไม่ต่างจากสมาชิกในทีมที่เหลือ ทางเข้าออกอาคารที่มีเพียงทางเดียวเท่ากับเป็นการบังคับกลาย ๆ ว่าพวกเขาต้องเข้าตรงประตูด้านหน้าเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าเสี่ยงมากทีเดียว


“……รีบร้อนไปก็ไม่ใช่ว่าจะดี ตอนนี้ยังพอมีเวลา เรามาวางแผนกันอีกสักรอบเถอะ


คีธดูเวลาก่อนจะเหลือบมองไปยังประตูที่มีทหารยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า ซึ่งแมคเคนซีกับรูบี้ก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของเธอ

.


.

-06:00PM.-


เมื่อได้เวลา แมคเคนซีกับคีธรอสัญญาณจากรูบี้ที่ล่วงหน้าไปคอยดูสถานการณ์ จนเมื่อทหารเวรยามหน้าประตูรั้วเดินหายเข้าไปด้านใน ทั้งคู่จึงรีบใช้โอกาสนี้ออกมาจากที่ซ่อน น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีวิชาตัวเบาแบบธิดาแอรีสจึงไม่สามารถปีนขึ้นกำแพงสูงท่วมศีรษะได้ แมคเคนซีจึงใช้ทักษะควบคุมหมอกสร้างหมอกพลางตาอาศัยจังหวะที่พวกทหารเปิดประตูไปเปลี่ยนกะเวรยามแทรกตัวตามเข้าไปพร้อมคีธ


เบื้องหลังกำแพงรั้วที่พวกเขาผ่านเข้ามาดูเงียบเชียบและค่อนข้างวังเวงราวกับว่าสถานที่นี้ตัดขาดจากโลกภายนอกทั้งปวง สิ่งปลูกสร้างในที่นั้นมีแค่อาคารหลังใหญ่เพียงหลังเดียวซึ่งอยู่ห่างจากประตูรั้วเข้าไประยะหนึ่ง หากเพียงแค่เข้าไปในนั้นได้ ก็จะรู้แล้วว่าชีวิตของเด็กคนนั้นรวมถึงบุตรของเทพเฟรย์เป็นตายร้ายดีอย่างไร


“คิดไว้แล้วว่าต้องมา ก็ว่าทำไมอยู่ ๆ ถึงมีหมอกหนาขนาดนี้ ยินดีต้อนรับ…เดมิก็อด


อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงหน้าประตูอาคารอยู่แล้ว แต่กลับถูกร่างของใครสักคน…ที่น่าจะมากกว่าหนึ่งขวางทางเอาไว้เสียก่อน จนกระทั่งมนตร์หมอกควันจางลงจึงได้เห็นแจ่มชัดขึ้น


“เซนทอร์…?”


คีธพึมพำแล้วมุ่นคิ้วเล็กน้อย ใช่…ร่างที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้คือกลุ่มเซนทอร์จำนวน 4 ตนที่สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงความแปลกใจในการปรากฏตัวของพวกเขาเท่าไหร่


“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเซนทอร์ร่วมมือกับองค์กรนี้ด้วย เห็นผิดเป็นชอบได้อย่างไร”


รูบี้ที่ตามมาสบทบมองกลุ่มเซนทอร์ด้วยสายตาดูแคลน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวถึงระคายหูแม้แต่น้อย


“ผิดหรือถูก ดีหรือชั่วมันก็แล้วแต่คนมอง อย่ามาเที่ยวตัดสินพวกเราง่าย ๆ ดีกว่าน่า”


หนึ่งในเซนทอร์พูดจาท่าทางอวดดีชวนให้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา


“ใช่ พวกเราก็แค่มีอุดมการณ์เป็นของตัวเองเท่านั้น”


เซนทอร์อีกตนเสริมขึ้นมา ท่าทางมั่นใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่เสียเหลือเกิน


“แต่พวกคุณไม่มีสิทธิ์จับเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาทำแบบนี้”


แมคเคนซีมุ่นคิ้ว พยายามอย่างยิ่งที่จะข่มอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้


“ทำไมล่ะ พวกเดมิก็อดนอกจากเป็นอาหารให้อสุรกายแล้วจะทำอะไรได้อีก พวกเราก็แค่เอามา…ทำประโยชน์ ดีกว่าเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่เทพไม่เหลียวแลตั้งเยอะ”


เซนทอร์หญิงคนเดียวในกลุ่มกล่าวก่อนจะหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน จนแมคเคนซีต้องออกแรงกำคทาเวทย์แน่นเพื่อไม่ให้ตนเองพลั้งมือต่อยผู้หญิงไปเสียก่อน


“อ้อ เจ้าเองก็เป็นบุตรเทพีเฮคาทีสินะ ไงล่ะ สนใจจะทำตัวให้เป็นปะโยชน์หน่อยไหม ได้ข่าวว่าเจ้าเพิ่งฆ่าลาเมียไปสองตัวนี่ ข้าจะบอกอะไรดี ๆ ให้แล้วกัน ลาเมียพวกนั้นเป็นผลงานชั้นเยี่ยมขององค์กรเราที่กลายพันธุ์มาจากเดมิก็อดบุตรแห่งเทพีเฮคาทีเหมือนเจ้าไงล่ะ ไม่ใช่แค่นั้นนะ ที่นี่ยังมีอีกเยอะเลย เดี๋ยวเจ้าก็จะได้เจอน้อง ๆ เจ้าแล้วล่ะ”


คำพูดของเซนทอร์ที่มีร่างกายกำยำที่สุดในกลุ่มทำเอากลุ่มเดมิก็อดทั้งสามถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้รู้ความจริง โดยเฉพาะแมคเคนซีที่นิ่งค้างไปราวกับสมองหยุดสั่งการไปชั่วขณะ


‘ถ้างั้น…ลาเมียที่เจอตรงเมืองฟอร์ทพรอวิเดนซ์นั่นก็…นี่เรา…..’


“เวรเอ๊ย !”


ในที่สุดความโกรธเกรี้ยวก็ทะลุขึ้นถึงขีดสุด แมคเคนซีไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป สันกรามขบจนแน่น ดวงตาสีฮาเซลมองจ้องเซนทอร์ที่เปิดเผยความจริงอันน่าเศร้าตนนั้นด้วยความเคียดแค้น ฉับพลันก็เกิดกลุ่มหมอกควันขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันพันรอบเซนทอร์ปากพล่อยไว้แล้วรัดร่างนั้นจนแน่นก่อนจะสะบัดไปกระแทกกำแพงรั้วอย่างแรงจนร่างนั้นสลายเป็นฝุ่นผง


ศิษย์น้องมีสติก่อน !


รูบี้คว้าแขนแมคเคนซีไว้แต่กลับโดนสะบัดออก เมื่ออารมณ์อยู่เหนือเหตุผลก็ยากที่จะมีใครห้ามได้อีกต่อไป ภายใต้เสียงหวีดร้องของเซนทอร์สาว บุตรแห่งเทพีเฮคาทีได้สังหารเซนทอร์อีกสองตนด้วยวิธีการเดียวกันกับที่เขากระทำกับลาเมียสองตนนั้น เพื่อให้ได้ลิ้มรสถึงความเจ็บปวดแบบเดียวกัน


อย่า…ได้โปรด ไว้ชีวิตข้า


เซนทอร์สาวที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวในเวลานี้ร้องขอชีวิตด้วยน้ำตานองหน้า เธอถอยหลังไปจนร่างติดกับประตูทางเข้าอาคาร ไร้ซึ่งหนทางหลบหนี


ทีนี้รู้หรือยังว่าเดมิก็อดอย่างฉันทำอะไรได้มากกว่าเป็นอาหารของอสุรกาย…


แมคเคนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงตาสีฮาเซลไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ เวลานี้เขาช่างไม่ต่างอะไรกับปีศาจ…แต่เวลานี้เขาไม่สนใจว่าจะถูกมองอย่างไร  


ตามเพื่อนเธอไปสำนึกผิดในทาร์ทารัสเถอะ


สิ้นประโยคนั้น หมอกควันหนาคลุ้งก็โอบล้อมร่างของเซนทอร์สาวไว้ ก่อนจะห่อหุ้มและบีบรัดร่างนั้นแล้วระเบิดออกราวกับระเบิดควัน ส่งผลให้ประตูอาคารหลังนั้นพังจนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่


พวกทหารมากันแล้ว คุณลินคอล์นรีบเข้าไปข้างในเถอะ พวกเราจัดการตรงนี้เอง


เสียงของคีธช่วยดึงสติแมคเคนซีให้กลับมาเมื่อเธอเหลือบไปเห็นกลุ่มทหารขององค์กรที่พากันยกโขยงมาทางนี้พร้อมกับลาเมียอีกสามตน เธอคไม่อยากให้แมคเคนซีต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องร่วมมารดาของชายหนุ่มอีก


อะ..โอเค ฝากทางนี้ด้วยนะ


ควบคุมสติไว้ให้ดี อย่าให้อารมณ์ครอบงำเด็ดขาดนะศิษย์น้อง ไม่ต้องห่วงพวกเรา ไปช่วยน้องของนายและบุตรเทพเฟรย์ให้ได้


รูบี้ตบบ่าชายหนุ่มเบา ๆ ใบหน้างดงามที่เต็มไปด้วยความจริงจังแฝงความเป็นห่วงอยู่ในนั้น


เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายาม เมื่อกี้ขอโทษนะกี่ทำเรื่องไร้มารยาทกับเธอ


แมคเคนซีพยักหน้ารับ พอสติกลับมาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตนทำเรื่องที่ไม่สมควรอย่างการสะบัดมือของรูบี้ทิ้งทั้งที่เธอเพียงแค่ต้องการเตือนเขาเท่านั้น


ไม่เป็นไร รีบไปเถอะ เสร็จจากทางนี้แล้วพวกเราจะรีบตามเข้าไป


ธิดาแอรีสพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ เธอชักกระบี่ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวออกมาเพื่อเตรียมพร้อมชำระศึกกับคู่ต่อสู้ที่ใกล้เข้ามา


ขอบคุณมากนะ ดูแลตัวเองด้วย พวกเราต้องได้กลับค่ายด้วยกัน


แมคเคนซีกล่าวแล้ววิ่งหายเข้าไปในอาคารผ่านบานประตูที่พังเสียหาย แม้จะเป็นห่วงทั้งคู่แต่ก็หวังว่าเวทย์คุ้มกันที่เขาร่ายไว้ให้ก่อนหน้านั้นจะช่วยปกป้องทั้งคีธและรูบี้ไปได้ระยะหนึ่ง


“หมอคีธ อยู่ข้างหลังฉันไว้”


รูบี้กระชับกระบ่ในมือแน่น สายตาคอยประเมินจำนวนทหารตรงหน้าไปด้วย


“ไม่ต้องห่วงคุณซู ถึงฉันจะต่อสู้ไม่เก่ง แต่ฉันยิงปืนได้และมีวิธีจัดการคนพวกนี้อยู่…”


คีธเงียบไปเล็กน้อยดวงตาสีดำเหลือบชมพูแซฟไฟร์มองกลุ่มคนจากองค์กรอย่างเยือกเย็นราวกับมีแผนการบางอย่างภายในใจ


อย่าเพิ่งทำร้ายพวกลาเมียก็พอ พวกเขาจะไม่ทำอะไรเรา

.


.

ภายในอาคารมืดทึบอย่างที่รูบี้บอกไว้ก่อนหน้านี้ มีเพียงแสงสลัวจากไฟสีส้มนวลเป็นระยะเท่านั้นที่ทำให้ยังพอมองเห็นทางอยู่บ้างจนต้องใช้แสงจากคทาคบเพลิงช่วยอีกแรง แมคเคนซีวิ่งมาจนถึงห้องที่อยู่สุดทางเดิน ประตูไม้ขนาดใหญที่เปิดแง้มอยู่ทำให้ได้ยินเสียงจากภายใน ราวกับเสียงประสานร้องเพลงผสานกับเสียงบทสวดแปลก ๆ ชายหนุ่มดับไฟจากคทาเวทย์ก่อนจะค่อย ๆ เข้าไปในห้องนั้นอย่างเงียบ ๆ


ภาพเบื้องหน้าของแมคเคนซีในยามนี้ราวกับซ้อนทับความฝันที่เขาเห็นมาตลอดช่วงต้นปี กลุ่มคนแต่งกายด้วยผ้าคลุมสีเข้มกรอมเท้า สวมฮู้ดปิดบังใบหน้าราวกับลัทธิประหลาดกำลังกล่าวบทสวดสำเนียงแปร่งหูที่ฟังไม่เข้าใจ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสาวงามมาร้องประสานเสียงเป็นบทเพลงไพเราะชวนให้นึกถึงกลุ่มร้องเพลงในโบสถ์วันอาทิตย์ และที่สำคัญคือ…ร่างของเด็กที่ถูกโซ่พันธนาการร่างอยู่บนแท่นบูชานั้นเหมือนกับในฝันของเขาไม่ผิดเพี้ยน และด้านข้างมีกรงเหล็กที่ขังสัตว์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ หากลองมองดูดี ๆ แล้วก็คือหมาป่านั่นเอง


นั่นคือน้องชายร่วมมารดาของเขาและบุตรของเทพเฟรย์ไม่ผิดแน่




สรุปสถานการณ์

- ปะทะกับกลุ่มเซนทอร์ F4

- คีธกับรูบี้ต่อสู้กับกลุ่มทหารขององค์กรและลาเมียอีกสามตนอยู่ด้านนอกอาคาร

- แมคเคนซีลอบเข้ามาภายในอาคารและพบกับองค์กรประหลาดรวมถึงน้องร่วมมารดาของตนและบุตรเทพเฟรย์



ตื่นรู้ +2   จากการพิชิต กลุ่มเซนทอร์ F4 เป็นครั้งแรก

สินสงคราม [LUK 60+]  :  กีบเซนทอร์ 8 อัน

✿ Elli

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 86284 ไบต์และได้รับ 48 EXP!  โพสต์ 2025-4-26 10:51
โพสต์ 86,284 ไบต์และได้รับ +18 EXP +30 เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-4-26 10:51
โพสต์ 86,284 ไบต์และได้รับ +15 EXP +25 เกียรติยศ +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-4-26 10:51
โพสต์ 86,284 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก เวทมนต์[I]  โพสต์ 2025-4-26 10:51
โพสต์ 86,284 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 ความศรัทธา จาก ศาสตร์การปรุงยา  โพสต์ 2025-4-26 10:51

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตื่นรู้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2025-4-30 00:57:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
 
Page XIV

-25.01.25 / XX:XXPM.-


มาถึงขนาดนี้แล้วแมคเคนซีก็ยังคิดไม่ตกว่าควรจะเข้าไปช่วยน้องต่างมารดาและบุตรแห่งเทพเฟรย์อย่างไรดีทั้งที่ทั้งคู่อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ เนื่องด้วยไม่รู้จุดประสงค์แท้จริงว่าเหตุใดคนในองค์กรถึงทำพิธีกรรมนี้ขึ้นมา เขาจึงไม่อาจประเมินสถานการณ์ได้เลยว่าหากเขาผลีผลามเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น


“อึ้ก !”


ร่างบนแท่นบูชาเหมือนจะเริ่มมีปฏิกิริยากับบทสวด เด็กชายกระตุกเล็กน้อยก่อนจะดิ้นทุรนทุรายราวกำลังเจ็บปวดทรมาน ลำแสงสีเขียวเริ่มเปล่งประกายออกมาจากร่างนั้น หากไม่ได้ตาฝาดไปเหมือนเขาจะเห็นเกล็ดงูผุดขึ้นมาจากหลังมือไล่ขึ้นไปตามแขนเล็ก ๆ นั้น…ช่างเหมือนในความฝันไม่มีผิด


“โฮ่ง ! โฮ่ง !”


สุนัขป่าร่างใหญ่ที่ถูกขังในกรงเห่าเสียงดัง มันพุ่งตัวกระแทกประตูลูกกรงอย่างแรงหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถออกมาได้ ดูเหมือนว่ามันพยายามจะเข้าไปช่วยเด็กน้อยที่กำลังจะกลายร่างเป็นลาเมีย นั่นหมายความว่าบุตรของเทพเฟรย์น่าจะยังคงมีสติหลงเหลืออยู่บ้างจึงยังสามารถแยกแยะเรื่องผิดชอบชั่วดีได้ ไม่ได้ถูกล้างสมองจนกลายเป็นอสุรกายไปโดยสมบูรณ์แบบ…ล่ะมั้ง


‘ไม่มีเวลามาคิดแล้ว’


ในช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตาย แมคเคนซีไม่สามารถเสียเวลาแต่ละวินาทีไปอย่างเปล่าประโยชน์ได้อีก เขาคงต้องลองเสี่ยงดูสักหน่อย


“อินคันทาเร รีซิกโน่”


ปลายคทาชี้ไปยังกุญแจกรงขังบุตรแห่งเฟรย์ หากนี่เป็นเพียงกลไกธรรมดาเวทมนตร์ที่ใช้ก็จะได้ผล แต่หากไม่ใช่เขาคงต้องหาวิธีใหม่


แกร๊ก !


เสียงที่เหมือนกับประตูถูกไขดังขึ้น ประตูโลหะส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ทันใดนั้นสุนัขป่าตัวใหญ่ยักษ์ก็กระโจนออกมาจากกรงขังแล้วพุ่งเข้าใส่ผู้คนขององค์กรในที่นั้นจนสร้างความตื่นตระหนกตกใจกันไปหมด


“หมาป่าหลุดออกมาได้ยังไง ! ช่วยกันจับไว้ซิ !”


ชายคนหนึ่งที่อยู่แถวหน้าสุดตะโกนลั่น แต่แมคเคนซีก็ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาทำเช่นนั้น เดมิก็อดหนุ่มใช้ทักษะควบคุมหมอกให้ทั่วห้องนั้นเกิดหมอกหนาปกคลุมจนทั่วบริเวณแล้วอาศัยช่วงที่ผู้คนกำลังชุลมุนรีบวิ่งไปยังแท่นทำพิธี


ค..คุณ…พี่ชายคนนั้น !?


เด็กชายผู้ถูกใช้เป็นตัวทดลองหรือเครื่องสังเวยอะไรก็ตามแต่ เมื่อเห็นแมคเคนซีแล้วดวงตาที่หม่นหมองก็มีประกายขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับจำได้ว่าพวกเขาเคยพบกัน…แม้จะเป็นเพียงในความฝันของแมคเคนซีก็ตาม


“ไม่ต้องกลัว ฉันมาช่วยนาย


แมคเคนซีบอกเสียงเบา เขามองโซ่ตรวนที่ล่ามตามข้อมือและข้อเท้าของเด็กชายแล้วมุ่นคิ้ว ดูท่านี่จะเป็นโซ่ที่ลงคาถาอาคมไว้ เขาคงใช้เวทย์สะเดาะกลอนเหมือนที่ทำกับกรงของบุตรแห่งเทพเฟรย์ไม่ได้


กี้ !!


เสียงเล็ก ๆ ของแอนดี้ดังขึ้นมา และคราวนี้มันก็ออกไปจากกระเป๋าคาดอกอีกแล้ว ดูเหมือนเจ้าก็อบลินตัวน้อยพยายามดึงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสัมภาระอยู่


อะไรน่ะแอนดี้…นี่มัน……


พอดึงสิ่งนั้นออกมาก็พบว่าเป็น ‘ขวานจำลอง’ ของแร็กนาร์บุตรแห่งเทพโลกิที่เขาเคยต่อสู้ด้วยเมื่อครั้งศึกเหมายันเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แมคเคยซีไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้ใช้มัน จนกระทั่งตอนนี้


“เยี่ยมเลยแอนดี้ จบเรื่องนี้ฉันจะให้แกกินของอร่อยเยอะ ๆ”


ไม่รอช้า แมคเคนซีรีบใช้ขวานฟันโซ่ตรวนที่พันธนาการน้องชายต่างมารดาทุกเส้นจนขาดสะบั้นแล้วช่วยพยุงเด็กชายให้ลุกขึ้นมาเตรียมพาออกไปจากที่ตรงนี้ 


“อั้ก—!”


ของแข็งบางอย่างกระแทกเข้าที่ศีรษะอย่างแรงจนร่างสูงล้มลง รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นที่ซึมออกมาจากแผลและเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของเด็กชายและแอนดี้


“คิดจะทำลายพิธีขององค์กรจักรพรรดิโรมันงั้นเรอะ ไม่ว่าใครหน้าไหนที่มาขัดขวางมันต้องตาย !”


ทั้งที่คิดว่าจะจบภารกิจนี้ไปได้อย่างรวดเร็วแล้วแท้ ๆ แต่ดูท่าจะไม่เป็นเช่นนั้น แมคเคนซีหลับตาแน่น เอาล่ะ…ถึงเขาจะเป็นอะไรไปสักคน แต่เขาก็เชื่อว่าเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนของเขาจะต้องทำภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงได้แน่ ๆ


แต่…ไม่สิ


ท่ามกลางสติอันเลือนลาง ใบหน้าคมเข้มงดงามฉบับหนุ่มละตินของดีนค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นมา ไหนจะหน้าของผู้เป็นพ่อที่กลอสเตอร์อีก จะให้มันจบง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง คนที่เขารักจนสุดหัวใจยังรอให้เขากลับไปอยู่ตั้งสองคน


“ฉันก็ไม่ยอมตายด้วยน้ำมือคนแบบพวกแกหรอก !”


แมคเคนซีพยายามข่มความเจ็บที่ศีรษะเอาไว้แล้วคว้ามือของคนในองค์กรที่กำลังจะเงื้อคบเพลิงสำหรับประกอบพิธีในมือฟาดซ้ำลงมาอีกครั้งกำไว้แน่น ก่อนจะรีบหยัดตัวขึ้นแล้วสาวหมัดหนัก ๆ ชกไปที่ใบหน้าใต้ฮู้ดนั้นจนหน้าหันแล้วเตะร่างนั้นกระเด็นไปจนติดกำแพง และดูท่าอีกฝ่ายก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน แม้จะต่อยตีได้ไม่เก่งเท่าแมคเคนซี แต่ฝ่ายนั้นก็อาศัยความได้เปรียบจากสภาพร่างกายที่บาดเจ็บน้อยกว่าเข้าตะลุมบอนอย่างไม่กลัวตาย


“ศิษย์น้อง พวกเรามาช่วยแล้ว !”


รูบี้ตะโกนลั่นเมื่อวิ่งมาถึงห้องทำพิธี โดยมีคีธ ลาเมียอีกสามตนและ…เด็กกลุ่มนึงตามมาเป็นกำลังเสริม


“ฮึ้ย ! นี่มันบ้าอะไรกัน โอ๊ะ..โอ๊ย !”


ชายในกลุ่มองค์กรที่เป็นคู่ต่อสู้ของแมคเคนซีเมื่อหันไปเห็นว่าศัตรูมีกำลังเสริมก็กัดฟันกรอดก่อนจะร้องลั่นเมื่อถูกลาเมียตนหนึ่งที่ออกมาจากด้านหลังแท่นทำพิธีรัดร่างเอาไว้


“พวกเธอ…”


‘พวกเรามาช่วย…รีบไปกันเถอะ’


หนึ่งในลาเมียกลุ่มนั้นพูดขึ้น ลาเมียอีกตนปล่อยร่างที่หมดสติของคนในองค์กรลงกับพื้น แมคเคนซีจึงรีบอุ้มเด็กชายที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาแล้ววิ่งตามลาเมียอีกสามตนฝ่าออกไปที่ประตูเพื่อไปสมทบกับเพื่อนอีกสองคน


“จัดการพวกคนใส่เสื้อคลุมนั่นซะ”


เมื่อแมคเคนซีวิ่งมาถึง คีธก็ออกคำสั่งเสียงเรียบ กลุ่มเด็กที่ราวกับถูกสะกดจิตก็พร้อมใจกันวิ่งเข้าไปต่อสู้กับกลุ่มคนในองค์กรจนเดมิก็อดหนุ่มมองภาพนั้นด้วยความงุนงง


“นั่นมัน…อะไรกัน”


“ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อน”


“โอเค แต่เดี๋ยวก่อน ฉันต้องเอาหมาป่านั่นไปด้วย นั่นคือลูกของเทพเฟรย์”


“หมาป่าที่ศิษย์น้องหมายถึงคือเจ้าตัวนั้นหรือเปล่า”


รูบี้ชี้ไปยังอีกทิศทางหนึ่งที่เมื่อพอหันตามไปก็เห็นร่างของสุนัขป่าขนาดใหญ่กำลังวิ่งไล่กวดคนในองค์กรไปอย่างรวดเร็ว


“บ้าจริง จะไปไหนของเขา ฉันฝากเด็กคนนี้หน่อย เดี๋ยวฉันกลับมา”


แมคเคนซีค่อย ๆ วางร่างไร้เรี่ยวแรงของน้องต่างมารดาลงให้นั่งพิงกำแพงแล้วรีบตามบุตรแห่งเฟรย์ไป


“ตอนนี้ก็เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว”


เมื่อมองจนแมคเคนซีวิ่งหายเข้าไปในมุมหนึ่ง คีธก็พยักหน้าให้กับรูบี้และเหล่าลาเมียทั้งหกตน ทั้งหมดช่วยกันปิดประตูห้องทำพิธีและหาอะไรมาล็อคไว้จากด้านนอก เพื่อให้ห้องทำพิธีขององค์กรนั้นเป็นเหมือนกรงขังที่คนพวกนั้นเคยกักขังเหล่าเดมิก็อดผู้น่าสงสารที่ถูกจับตัวมาและต้องสังเวยชีวิตตนเองจนกลายมาเป็นอสุรกายคนแล้วคนเล่า

.


.

หลังจากวิ่งตามมาได้สักระยะ บุตรแห่งเฟรย์ก็วิ่งหายไปในห้องหนึ่ง เมื่อวิ่งตามเข้าไปจึงเห็นว่ามีคนในองค์กรคนหนึ่งรีบไปหยิบอะไรบางอย่างตรงมุมห้อง พอมองดูดี ๆ แล้วมันช่างเหมือน…นิตยสาร แต่คนในองค์กรจะเอานิตยสารไปทำอะไรล่ะ


“กัดไม่ปล่อยเลยนะไอ้หมาเวรนี่”


ชายในชุดผ้าคลุมพูดรอดไรฟันด้วยความโมโห หีบใบหนึ่งถูกโยนใส่สุนัขป่าที่ตั้งใจกระโจนเข้าหาจนข้าวของในนั้นกระจัดกระจายออกมา ชายคนนั้นวิ่งชนแมคเคนซีแล้วรีบวิ่งหนีออกไป เช่นเดียวกันกับบุตรแห่งเฟรย์ที่ตั้งท่าจะตามไปอีกรอบแต่ถูกแมคเคนซีขวางเอาไว้เสียก่อน


“อย่าตามหมอนั่นเลย เราควรออกไปจากที่นี่กันได้แล้ว พ่อนายบอกให้ฉันมาช่วยนาย”


ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่พอได้ยินคำว่า ‘พ่อ’ สุนัขป่าตรงหน้าก็มีทีท่าสงบลงไปเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็แยกเขี้ยวยิงฟันขู่เขาอีกครั้ง


“กรรรร…”


“ใจเย็นก่อน…เราพวกเดียวกัน ฉันไม่ได้คิดจะมาทำอันตรายนาย เฮ้ย—!”


จากที่พยายามจะสงบศึกก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าสุนัขป่าตัวโตไม่ฟังเขาสักนิด ซ้ำร้ายยังกระโดดพุ่งตัวเข้าใส่อย่างกับจะขย้ำเหยื่ออีก ให้ตายสิ…ไม่โดนฟาดหัวจนตายก็ต้องกลายมาเป็นอาหารสุนัขงั้นเรอะ !?


วิ้งงงง !


ทันใดนั้นแสงสว่างจ้าก็เปล่งออกมาจากตรงกลางอกของแมคเคนซี ซึ่งเขารู้ได้ทันทีว่านี่คือพลังของเทพเฟรย์ที่มอบให้เมื่อตอนพบกัน แสงนั้นโอบล้อมตัวของสุนัขป่าไว้ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะหายไป และตอนนี้ร่างที่อยู่ตรงหน้าแมคเคนซีก็กลายเป็นเด็กชายหน้าตางดงามราวเผ่าพันธุ์เอลฟ์ไม่ต่างจากเทพฤดูร้อนฝั่งนอร์สผู้เป็นบิดาเลยแม้แต่น้อย


“พ่อ…ให้พี่มาช่วยผมเหรอ”


ดวงตาไร้เดียงสาฉายแววขลาดกลัวต่างจากร่างสุนัขป่าเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง แมคเคนซีถอนหายใจก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้ารับ


“ใช่…ไปกับฉันเถอะ เดินไหวหรือเปล่า”


“ไหวครับ ผมเดินไหว ขอบคุณพี่มากนะครับที่ช่วยผมไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงกลายเป็นสัตว์ประหลาดตลอดไปแน่ ๆ”


เด็กชายยิ้มให้ ดวงตามีน้ำใส ๆ เอ่อคลอจนแมคเคนซีต้องตบไหล่เล็กเบา ๆ เป็นการปลอบโยน


“เพื่อนฉันรออยู่ตรงหน้าห้องทำพิธีนั่น เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ แอนดี้ ทำอะไรอยู่ ไปกันได้แล้ว”


ขณะที่โอบไหล่บางกำลังจะเดินออกไปจากห้องก็เหลือบไปเห็นเจ้าลูกก็อบลินตัวน้อยจอมซุกซนกำลังรื้อค้นสิ่งของในหีบที่หล่นระเกะระกะเต็มพื้น แมคเคนซีจึงเอ่ยปากเรียก


“กี้ !!”


แอนดี้ขานรับแล้วรีบวิ่งมา ร่างเล็ก ๆ กระโดดไต่ไปตามตัวของแมคเคนซีแล้วกระโดดผลุงเข้าไปในกระเป๋าคาดอกอย่างรวดเร็ว โดยที่ในมือของมันถือกริชเล่มหนึ่งติดมือมาด้วย


จากนั้นแมคเคนซีและบุตรแห่งเฟรย์ก็ไปรวมตัวกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน และช่วยกันพาน้องต่างมารดาของแมคเคนซีออกมาจากสถานที่ขององค์กรลึกลับแล้วกลับไปยังจุดที่พวกเขาซ่อนตัวกันก่อนหน้า




สรุปสถานการณ์

- ทำลายพิธีกรรมขององค์กรลึกลับสำเร็จ

- ช่วยน้องชายที่กำลังจะกลายร่างเป็นลาเมียได้

- ช่วยบุตรแห่งเทพเฟรย์ให้กลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ได้

- พากันออกมาจากสถานที่ขององค์กรลึกลับได้สำเร็จ

- ได้รับ กริชจันทราสีเลือด จากคลังขององค์กร

✿ Elli

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 97910 ไบต์และได้รับ 54 EXP!  โพสต์ 2025-4-30 00:57
โพสต์ 97,910 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 ความศรัทธา จาก ควบคุมหมอก  โพสต์ 2025-4-30 00:57
โพสต์ 97,910 ไบต์และได้รับ +18 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความกล้า จาก Hydro X  โพสต์ 2025-4-30 00:57
โพสต์ 97,910 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความกล้า +25 ความศรัทธา จาก คบเพลิงเวท  โพสต์ 2025-4-30 00:57
โพสต์ 97,910 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ [ถูกบล็อค] ความกล้า +15 ความศรัทธา จาก เวทมนต์[I]  โพสต์ 2025-4-30 00:57
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
โพสต์ 2025-5-3 13:26:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mackenzie เมื่อ 2025-5-3 13:28

 
Page XV

-25.01.25 / 09:03PM.-


หลังออกมาจากตัวอาคารขององค์กรลึกลับได้แล้ว คีธก็ลงมือทำแผลที่ศีรษะให้แมคเคนซีทันที ระหว่างนั้นเธอก็เล่าเหตุการณ์ระหว่างที่เขาเข้าไปช่วยเด็กทั้งสองให้ฟังไปด้วย


“พอคุณลินคอล์นเข้าไปข้างในแล้วพวกทหารก็พากันกรูเข้ามาพร้อมกับลาเมียอีกสามตน โชคดีมากที่พวกลาเมียยังมีสติครบถ้วนเลยไม่ได้ทำร้ายฉันกับคุณซู ก็สู้กันไปพักนึงล่ะ กำลังทหารค่อนข้างเยอะ ฉันเลยเสกให้พวกเขาเป็นเด็กแล้วสะกดจิตให้ตามมาสู้กับคนในองค์กรที่ห้องทำพิธี เรื่องก็ประมาณนี้”


“พลังของลูกเทพีฮีบี้สินะ น่าทึ่งมาก ตอนนั้นผมตกใจแทบแย่ว่าเด็กมาจากไหนเยอะแยะ แล้วพวกที่โดนคุณทำให้เป็นเด็กจะกลับร่างเดิมไหม”


แมคเคนซีถามพลางเหลือบมองรูบี้ที่คอยดูแลน้องชายต่างมารดากับบุตรแห่งเทพเฟรย์ที่ค่อนข้างอ่อนเพลียโดยมีแอนดี้คอยช่วยอยู่ด้วย


“คงใกล้แล้ว…คิดว่านะ”


คีธดูไม่ค่อยสนใจคนพวกนั้นเท่าไหร่ เธอยักไหล่เล็กน้อยแล้วเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลให้เรียบร้อยหลังจากทำแผลให้จนเสร็จ


“ขอบคุณคีธ แล้วคุณกับรูบี้บาดเจ็บตรงไหนไหม”


แมคเคนซีถามพลางแตะมือเข้ากับผ้าพันแผลรอบศีรษะที่ยังรู้สึกปวดแปลบตรงแผลอยู่ ตั้งแต่มีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นมาทั้งชีวิต นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขามีบาดแผลมากขนาดนี้ ดูท่ากลับค่ายไปคงต้องฝึกฝนวิชาป้องกันตัวเพิ่มเติม


“ไม่หรอก คุณก็รู้ว่าคุณซูมีฝีมือดี เธอไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้เข้าถึงตัวเธอได้ ส่วนฉันก็มีกลุ่มลาเมียคอยช่วยคุ้มกันให้ พวกเขาเป็นเด็กดีมากจริง ๆ”


คีธยิ้มบางขณะมองไปยังกลุ่มลาเมียทั้งหกตนซึ่งกำลังรวมกลุ่มพักผ่อนอยู่ไม่ไกลออกไป ส่วนแมคเคนซีเองก็นิ่งเงียบไปราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง


“ผมขอไปคุยกับพวกเขาหน่อย”


บอกเพียงแค่นั้นแมคเคนซีก็ลุกเดินไปหากลุ่มลาเมียทันที คีธเพียงแค่แสดงสีหน้าสงสัยเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับแล้วแยกไปดูอาการเด็กทั้งสองคนต่อ

.


.

“พวกเธอ เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนไหม”


ชายหนุ่มเดินมาถามไถ่อาการเด็กทั้งหกที่บัดนี้ถูกกลายร่างให้เป็นลาเมีย ดวงตาสุกใสที่มองมายังเขานั้นไม่ต่างจากมนุย์แม้แต่น้อย


“พวกเราไม่เป็นไรค่ะ อาวุธธรรมดาทำอะไรพวกเราไม่ได้อยู่แล้ว”


ลาเมียตนนึงตอบด้วยท่าทีแข็งขัน ส่วนที่เหลือก็พยักหน้าตามจนแมคเคนซียิ้มออกมาเล็กน้อย


“ค่อยยังชั่ว…แล้วจากนี้พวกเธอจะทำยังไงต่อ อยากกลับไปกับฉันไหม เผื่อว่าที่ค่ายฮาล์ฟบลัดจะมีวิธีช่วยให้พวกเธอกลับคืนร่างเดิมได้”


สิ่งที่กลุ่มเซนทอร์จากองค์กรลึกลับพูดนั้นค่อนข้างทำร้ายจิตใจแมคเคนซีพอสมควร ก่อนหน้านี้ด้วยความไม่รู้ทำให้เขาพลั้งมือสังหารน้องร่วมมารดาที่ถูกกลายร่างให้เป็นลาเมียถึงสองคน และครั้งนี้เขาจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นอีก


“………”


ลาเมียทั้งหกมองหน้ากันเพียงเงียบ ๆ แม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้แมคเคนซีเริ่มใจคอไม่ดี


“พวกเราดีใจที่ได้ยินแบบนั้นค่ะ แต่ว่า…พวกเรากลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้ว”


ในที่สุดลาเมียตนนึงก็พูดออกมา สีหน้ายุ่งเหยิงแทนคำพูดที่ว่า “หมายความว่ายังไง ของแมคเคนซีทำให้เธอจำเป็นต้องพูดต่อ


พวกเรากลับไปเป็นมนุษย์ไม่ได้แล้ว ทางเดียวที่จะทำให้หลุดพ้นจากร่างนี้ก็คือ…พี่ชายต้องปลดปล่อยวิญญาณของพวกเรา


ฮะ…?


แม้จะอยากพูดมากกว่านี้ ทว่ากลับไม่มีเสียงอื่นใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากได้รูปเลย ดวงตาสีฮาเซลมองกลุ่มมนุษย์ครึ่งงูตรงหน้า เปลือกตากระพริบถี่พยายามเรียบเรียงคำพูด


“พวกเธอหมายถึง…ฉันต้อง…”


“ใช่ค่ะ พี่ต้องทำ เหมือนที่ทำกับลาเมียสองตนนั้น แต่พี่อย่าเสียใจไปเลยนะคะ พวกเราเต็มใจ เพราะพวกเราเองก็ไม่อยากอยู่ในร่างนี้เหมือนกัน”


ลาเมียที่ดูโตที่สุดในกลุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนลาเมียที่เหลือก็พยักหน้าน้อย ๆ กับคำพูดนั้น


“พวกเรากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ยิ่งนานวันเข้าพวกเราก็จะลืมทุกอย่างจนหมดแล้วกลายเป็นอสุรกายเต็มตัว”


“พี่ช่วยพวกหนูด้วยนะคะ หนูไม่อยากเป็นแบบนี้ ไม่อยากทำร้ายใคร”


ลาเมียตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเขย่าแขนแมคเคนซีเบา ๆ เขาไม่อยากนึกเลยว่าตอนที่เป็นมนุษย์ เด็ก ๆ พวกนี้จะน่ารักขนาดไหน ทำไมองค์กรบ้าบอนั่นถึงได้ทำกับเด็กไร้เดียงสาไร้ทางสู้ได้ลงคอกันนะ


“……เข้าใจแล้ว พี่จะทำ…ตามที่พวกเธอต้องการ”


ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบผมลาเมียตัวน้อย หากต้องอยู่ในร่างนี้ไปตลอดกาลคงเป็นเรื่องน่าเศร้า นี่อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผู้เป็นพี่อย่างเขาสามารถช่วยได้อย่างดีที่สุดแล้วก็เป็นได้ ลาเมียทั้งหกตนยืนรวมกลุ่มกัน ใบหน้าเหล่านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มจนต้องพยายามฝืนยิ้มตอบ


พี่ขอให้พวกเธอพบเจอความสงบสุขอย่างที่ต้องการ หลับให้สบายนะ…


ไอหมอกเริ่มปกคลุมไปทั่วบริเวณ ก่อนจะรวมตัวกันห่อหุ้มร่างของลาเมียทั้งหกไว้ราวกับผ้าที่ใช้หุ้มตัวเด็กอ่อน ควันหนาทึบค่อย ๆ โอบอุ้มร่างเหล่านั้นไว้อย่างนุ่มนวลแล้วควบตัวเป็นรูปร่างทรงกลมคล้ายลูกบอลขนาดใหญ่


ขอบคุณนะคะพี่ชาย ลาก่อนนะ


ลาก่อน…


แมคเคนซีตอบรับเสียงเล็ก ๆ เหล่านั้น ก่อนที่ควันหมอกจะจางหายไปเหลือไว้เพียงแค่ความว่างเปล่าตรงหน้า ริมฝีปากได้รูปเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตาสีฮาเซลสั่นระริกมองภาพตรงหน้าแล้วสูดหายใจเข้าลึกเพื่อพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เศร้าหมองที่ปะทุขึ้นมาไว้ 


เป็นการพบพานกันครั้งแรก ครั้งสุดท้าย และจากกันไปตลอดกาล 


“ไม่เป็นไรนะศิษย์น้อง”


“คุณทำดีที่สุดแล้วคุณลินคอล์น”


ฝ่ามือของเพื่อนร่วมทีมทั้งสองวางลงบนบ่าของแมคเคนซี คีธกับรูบี้คงเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างห่าง ๆ มาสักพักแล้ว ให้ตายสิ…เขาไม่กล้าสู้หน้าทั้งคู่ในตอนนี้เลย สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับน้อย ๆ ไปเท่านั้น


เขาเกลียดช่วงเวลาแบบนี้ที่สุด การจากลาแบบไม่มีวันได้หวนกลับมาพบกันอีก โดยเฉพาะครั้งนี้ที่ต้องรับหน้าที่เป็นผู้ปลดปล่อยดวงวิญญาณของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องร่วมมารดาของตน แม้อีกฝ่ายจะยินยอมและเต็มใจ แต่ความรู้สึกผิดและเสียใจก็คงจะยังติดค้างอยู่ในใจแมคเคนซีไปเนิ่นนาน

.


.

-26.01.25 / 02:23AM.-


หลังจากจัดการเรื่องกลุ่มลาเมียเสร็จเรียบร้อย ทีมทำภารกิจและเด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตอีกสองคนก็พากันไปเช่าเต๊นท์ของชาวบ้านแถวนั้นสำหรับค้างแรมในคืนนี้ เต๊นท์ที่ทำจากหนังกวางช่วยป้องกันความหนาวเย็นและอุณหภูมิติดลบของเมืองเยลโลวไนฟ์ได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้นอนในโรงแรมแต่ก็มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่หนาวตายไปเสียก่อน 


ท่วงทำนองเสนาะหูที่ดังแว่วมาปลุกแมคเคนซีให้ตื่นขึ้นกลางดึก เขาจำเสียงดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ได้ ชายหนุ่มออกจากเต๊นท์มายามวิกาลแล้วเดินตามเสียงนั้นไป


“สวัสดีแมคเคนซี พบกันอีกครั้งแล้วนะ”


เสียงดนตรีหยุดลง ร่างอันคุ้นเคยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ


“สวัสดีครับเฟรย์ คุณ…มารับลูก ?”


แมคเคนซีถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กชายที่เขาเพิ่งช่วยมาเมื่อเย็นยืนอยู่ด้านข้างเทพแห่งฤดูร้อนฝั่งนอร์ส


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือบุตรของข้า ข้าจะพาเขาไปส่งที่บ้านเกิดเอง และข้า…เสียใจด้วยเรื่องเหล่าน้องของเจ้า


ประโยคหลังของเทพเฟรย์อ่อนลง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้สึกดังที่กล่าวจริง ๆ แมคเคนซีเองก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ตอบเท่านั้น


ตามที่สัญญาไว้ หากเจ้าช่วยบุตรของข้าได้ ข้าจะมอบมูนสโตนให้แก่เจ้า รับไว้เสียสิ


หินเปล่งแสงงดงามราวอัญมณีถูกยื่นมาตรงหน้า แมคเคนซีจึงกล่าวขอบคุณแล้วรับไว้


เอาล่ะ…ข้าคงต้องไปแล้ว เด็กคนนี้หายตัวไปนาน ป่านนี้แม่ของเขาคงเป็นห่วงแย่ หากถึงเวลาอันเหมาะสม เขาคงได้ทดสอบเพื่อไปยังวัลฮัลล่าอีกครั้ง หากมีโอกาสเราคงได้พบกันอีกครั้งแมคเคนซี


เดี๋ยวครับ…เอ่อ ผมไม่รู้ว่าเทพจะทนกับสภาพอากาศได้ไหม แต่เห็นคุณใส่ชุดแบบนี้แล้วผมหนาวแทนเลย ช่วยรับนี่ไว้นะครับ จะใช้หรือไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร


แมคเคนซีถอดผ้าพันคอของตนเองมอบให้กับเทพเฟรย์ที่มองด้วยแววตาสงสัยหลังจากที่ถูกรั้งไว้ อีกฝ่ายยังคงแต่งตัวสบาย ๆ เหมือนเคยจนดูไม่น่าจะกันลมหนาวได้ อย่างน้อยสวมผ้าพันคอไว้สักหน่อยก็ยังดี


ขอบใจเจ้ามาก ข้าจะรับไว้


เทพเฟรย์รับผ้าพันคอสีเข้มมาพันรอบคอไว้ ซึ่งก็ดูเข้ากับชุดของอีกฝ่ายดี ภายหลังจากที่เทพเฟรย์และบุตรชายจากไป แมคเคนซีก็กลับไปเข้านอนอีกครั้ง และเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง พวกเขาก็จะได้วางแผนเดินทางกลับค่ายฮาล์ฟบลัดกันเสียที




สรุปสถานการณ์

- ปลดปล่อยดวงวิญญาณของลาเมีย 6 ตน

- เทพเฟรย์มารับบุตรชายกลับไป


 สินสงคราม [LUK 60+]   เกล็ดลาเมีย จำนวน 2x6 =12 

หลักฐานการปล่อยดวงวิญญาณลาเมีย

Link  :  1  2  3  4  5  6


ของที่ได้รับหลังจบภารกิจ

- ค่าความสัมพันธ์   เทพีเฮคาที +35 / เทพเฟรย์ 1 หัวใจ

- +700 พลังใจ

- +90 ดรักม่า

- หินตีบวก 15 ก้อน

- หินอัพเกรด 15 ก้อน

- +10 Point ให้ตัวเอง

- +500 เกียรติยศ

- +800 ความกล้าหาญ

- +1000 ศรัทธา

- มูนสโตน (จากเทพเฟรย์)


ถวายของ

สิ่งที่ถวาย   ผ้าพันคอ / ผู้รับ   เทพเฟรย์


HEROES (วีรบุรุษผู้โปรดปราน) 

- โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +25

- ทำภารกิจเดินทางทวยเทพสำเร็จ

โบนัสความโปรดปราน หัวใจ +1 ดวง / +5 Point


จบภารกิจ

✿ Elli

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-39] เฟรย์ เพิ่มขึ้น 115 โพสต์ 2025-5-3 18:46
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-21-1] เฮคาที เพิ่มขึ้น 160 โพสต์ 2025-5-3 18:45
ฮือ ๆ โอ๋วสิ โอ๋วฉันเยอะ ๆ เลย ʕ⁠っ⁠; ⁠ ᴥ ;⁠ ʔ⁠っ  โพสต์ 2025-5-3 17:06
จบแล้ว โอ๋ ๆ นะ .....HUG FOR YOU~╰(*´︶`*)╯(´・ω・`)  โพสต์ 2025-5-3 15:59
โพสต์ 100102 ไบต์และได้รับ 60 EXP!  โพสต์ 2025-5-3 13:26
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
Hydro X
ศาสตร์การปรุงยา
ต่างหูเงิน
แจ็คเก็ต YANKEES
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอม Unisex
สื่อสารกับภูตผีปีศาจ
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
สร้อยข้อมือถัก
โรคสมาธิสั้น
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x13
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x15
x15
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x2
x1
x2
x1
x1
x1
x1
x2
x2
x2
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้