แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-1-29 08:29
289 เมืองโบราณร้อยสุสาน
26/01/2025 เวลา 09.00 น.
ไม่ว่าจะยามตื่นหรือก่อนเข้านอนตะวันก็ขึ้นเหนือหัวมาได้เกือบครึ่งปีแล้ว…
ดีนลุกออกจากเต็นท์มาก็สายโด่ง เมื่อคืนเขานอนหลับช้ากว่าปกติถึงหลายชั่วโมงเลยทำให้ตื่นสาย ข้อดีอย่างหนึ่งของหนุ่มสายเลือดโพไซดอนคือเป็นคนนอนหลับง่าย ต่อให้แสงแดดจะแยงตาแค่ไหนก็ไม่ทำให้เขาตื่นหากร่างกายยังไม่พร้อม เมื่อออกมาจากเต็นท์ดีนเห็นว่าเต็นท์ข้าง ๆ ที่ตั้งแคมป์มาเป็นคาราวานเมื่อคืนถูกเก็บไปหมดแล้ว
จากที่เคยศึกษาข้อมูลมา นักท่องเที่ยวหรือผู้สัญจรในเส้นทางทะเลทรายมักจะตื่นแต่เช้าตรู่แล้วรีบออกเดินทางจะได้ไม่ต้องเผชิญแสงแดดที่แผดเผา ทว่าในยามที่ตลอดทั้งวันเป็นเวลาเที่ยงตรงอยู่ตลอดเวลา ดีนก็ไม่มีเหตุผลให้ตัวเองต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อออกเดินทางหลบแดด เขาเลือกที่จะกินอิ่มนอนหลับเต็มที่และทำอะไรให้พร้อมก่อนถึงจะออกเดินทาง
แม้เพื่อนนักท่องเที่ยวจากไปนานแล้วแต่ร้านค้าที่ตั้งอยู่ในอาคารที่ก่อด้วยหินทรายของศูนย์นักท่องเที่ยวยังคงเปิดให้บริการ ที่นั่นมีทั้งห้องน้ำและร้านอาหารเล็ก ๆ ให้ชายหนุ่มเติมพลังเพื่ออิ่มท้อง รวมทั้งคอกอูฐก็ยังมีอยู่ หลังจากลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยชายหนุ่มก็เก็บเต็นท์แล้วไปรับประทานอาหารเช้าที่ร้านค้าตรงนั้น
ถึงจะมีแอปพลิเคชั่นแปลภาษาอยู่ในมือ แต่ก็ยังมีความลำบากตอนสั่งอาหารอยู่ดี ปัญหาก็คือดีนไม่รู้ว่าอาหารแต่ละอย่างบนหน้าเมนูคืออะไรเขาจึงบอกให้พ่อครัวทำอะไรมาก็ได้ง่าย ๆ แล้วของที่ว่าก็มาเสิร์ฟตรงหน้า รู้สึกว่าจะชื่อ ‘มุต็อบบัค’ (มะตะบะ) หรืออะไรสักอย่างที่เป็นแป้งขนมปังไส้เนื้อผัดเครื่องเทศและผัก เรื่องรสชาติยังคงจัดจ้านยืนหนึ่ง แต่ไม่เผ็ดร้อนเท่ากับชวาม่าเมื่อวาน จึงน่าจะคลายกังวลไปได้เล็กน้อยว่าจะไม่ไปจู๊ด ๆ กลางทาง
ดีนเห็นว่าอาหารที่ออกเสียงยากนี้กินง่ายดีและไม่บูดเสียง่ายก็เลยซื้อตุนเป็นเสบียงพร้อมกับน้ำดื่มจำนวนมาก เมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จแล้วเขาก็ไปรับควีนที่คอกม้า เติมพลังให้มันด้วยอินทผลัมรสหวาน เผลอแป๊บเดียวผลไม้ที่ซื้อมาหนึ่งถุงใหญ่ ๆ ก็พร่องไปเกือบครึ่ง สงสัยไม่ทันได้ไปถึงนีออมอินทผลัมต้องหมดก่อนแน่ ๆ
เมื่อทั้งคนและเพกาซัสพร้อมแล้วพวกเขาก็พร้อมออกเดินทาง…
"احذروا العاصفة الرملية!"(ระวังพายุทราย!) ชาวท้องถิ่นคนหนึ่งตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในอาคาร ดีนไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไรทว่าเมื่อหันไปมองด้านหลังเขาเห็นกำแพงทรายตั้งตระหง่านขวางทางด้านหน้าห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร ลมแรงสูงพัดโบกจนผมปลิว ทรายบนพื้นถูกแรงลมพัดขึ้นมาเสียดผิวจนแสบต้องรีบเอาผ้าโพกหัวขึ้นมาคลุมปิดจมูก
“พระเจ้า! นั่นพายุทรายงั้นเหรอ! ควีนรีบเข้าไปหลบเร็ว!”
“ฮรี้!!”
เพกาซัสสาวที่เขากำลังขี่ไม่วิ่งไปหลบเข้าที่กำบังตามคำสั่ง ทว่ามันกางปีกออกก่อนจะออกวิ่งแล้วโบยบินขึ้นฟ้าก่อนที่มวลทรายจำนวนมากจะถาโถมเข้าใส่ ดีนได้แต่กอดคอมันพร้อมกับหลับตาปี๋ พอลืมตาขึ้นมาเขาถึงได้เห็นว่ากำแพงทรายเหล่านั้นอยู่แค่ใต้เท้าของตัวเอง เรียกได้ว่าทั้งสองหนีพายุออกมาได้อย่างเฉียดฉิว
“เฮ้อ.. ให้ตายสิ ก็รู้อยู่หรอกนะว่าในทะเลทรายมีพายุ แต่ไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมเข้าจริง ๆ”
มองภาพเบื้องล่างก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเมื่อกี้หนีไม่ทันจะเป็นยังไง แต่ถึงหลบทันก็ต้องมาคิดอีกว่าจะติดพายุทรายอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้ออกเดินทาง
“ฮรี้?” oO(พวกเราจะต้องบินไปทางไหนนะ?)
ควีนเอ่ยถาม เหมือนว่าม้าสาวจะได้สติเร็วกว่าคน ตอนนี้มันร่อนลมอย่างไร้จุดหมาย บินวนรอบจุดตั้งแคมป์เพื่อชะลอแรงตก
“โอ๊ะ เดี๋ยวฉันดูแป๊บนะ วันนี้เราต้องไปทิศตะวันตกเฉียงใต้” ดีนหยิบสมาร์ทโฟนเดดาลัสขึ้นมาเข้าแอปพลิเคชั่นแผนที่จากนั้นดูทิศทาง “ทิศตะวันตกเฉียงใต้อยู่ทางนั้น… ไม่สิ ขอแวะไปที่ภาพสลักหินจูบะห์ก่อนได้ไหม เพราะงั้นไปทางนี้ เราต้องไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือกันก่อนแล้วค่อยหักลงใต้”
“ฮรี้!” oO(ให้ตายสิ นี่เจ้ามาทำภารกิจหรือว่ามาเที่ยวกันแน่น่ะ!)
“แล้วภารกิจกับเที่ยวต่างกันตรงไหนล่ะ ไหน ๆ ได้มาต่างประเทศทั้งทีต้องเที่ยวให้คุ้มหน่อยสิ นี่ฉันอุตส่าห์ยอมไม่เที่ยวตั้งหลายที่แล้วนะ”
“ฮรี้…” oO(เฮ้อ… เจ้านี่เอาแต่ใจเสียจริง ทำตัวเป็นเด็ก)
“จะคิดแบบนั้นก็ได้ เพราะงั้นพาฉันไปเที่ยวหน่อยนะพี่ม้าควีน”
“ฮรี้!” oO(ชิ! ตามใจก็แล้วกัน ยังไงนี่มันก็ภารกิจของเจ้า ส่วนข้าแค่มาเปิดหูเปิดตาเฉย ๆ)
“เธอเองก็อยากเที่ยวเหมือนกันล่ะน่า” ดีนหัวเราะ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่หกนาฬิกาจากตำแหน่งปัจจุบัน “บินวนไปทางนั้นเลยควีน แผนที่บอกว่าเขาจูบะห์อยู่ทางนั้น!”
ปีกสีดำและแข็งแรงกระพือบินไปตามทิศทางที่เดมิก็อดบอก ไกลไปอีกห้าสิบไมล์ ทั้งสองจึงได้เห็นภูเขาหินตั้งอยู่ไกลลิบตา
. . .
11.00 น.
เพกาซัสสีดำปลอดร่อนลงท่ามกลางเขาหินมากมาย คู่หูเดมิก็อดลงจากหลังอสุรกายด้วยท่าทางตื่นเต้น นางม้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าทำไมเดมิก็อดที่ผูกพันธะกับนางถึงได้อยากมาดูก้อนหินพวกนี้
“ฮรี้?” oO(เจ้าอยากมาเพื่อดูกองหินพวกนี้น่ะรึ มันมีอะไรวิเศษวิโสนัก?)
“โธ่… ควีน มันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดานะ แต่ว่าเป็นสมุดบันทึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของมวลมนุษยชาติในยุคก่อนประวัติศาสตร์เชียวนะ”
ดีนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาคิดว่าควีนต้องไม่เข้าใจแน่ ๆ จึงพาเดินชมก้อนหินแต่ละก้อนที่มีลวดลายรูปมนุษย์ ม้า อูฐ และสัตว์ต่าง ๆ ที่พอจะดูออกพร้อมกับเล่าประวัติความเป็นมาง่าย ๆ ตามความเข้าใจของตนเองที่ศึกษามา
“เธอลองดูดี ๆ นะ ที่ก้อนหินแต่ละก้อนจะมีภาพศิลปะวาดเขียนเอาไว้อยู่ มันเป็นผลงานของมนุษย์เมื่อเกือบหมื่นปีที่แล้ววาดวิถีชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นไว้ ดูสิ อย่างก้อนนี้เขาวาดรูปทะเลสาบไว้ด้วย แปลว่าเมื่อก่อนตรงเคยมีทะเลสาบก่อนที่มันจะเหือดแห้งไป”
“ฮรี้” oO(โฮ่ บันทึกเรื่องราวงั้นรึ ข้าพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงตื่นเต้นหนักหนา)
ควีนหยุดยืนดูภาพวาดพยายามใช้สมองม้าพินิจพิเคราะห์ตามคำพูดของเดมิก็อดหนุ่ม หากนั่นคือทะเลสาบ แล้วนี่คือป่าไม้อย่างนั้นหรือ เธอเหลียวมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้ที่ปัจจุบันไม่ได้มีสภาพเหมือนดั่งอดีต ดีนเดาท่าทางนั้นพลางคิดว่าควีนอาจจะคิดเหมือนกัน
“น่าอัศจรรย์ใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ได้ภาพวาดพวกนี้บอกเอาไว้คงไม่รู้ใช่ไหมว่าแถวนี้เคยร่มรื่นไม่ได้มีแต่ทราย”
“ฮรี้?” oO(แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีแต่ทรายได้ล่ะ?) เพกาซัสถาม
“เอ่อ.. ตอบยากแฮะ มันก็มีหลายสาเหตุ ส่วนมากก็สภาพภูมิประเทศที่ร้อนขึ้นน้ำเลยแห้งเหือด เหตุผลจากลมก็มี ลมพัดทรายเข้ามาจนถมทะเลสาบจนเหลือแต่ทราย แต่กระบวนการเหล่านั้นก็ใช้เวลาเป็นพันปีล่ะนะ ตอนใช้ชีวิตอยู่อาจไม่ทันรู้สึกอะไร แต่พอรู้ตัวอีกทีทะเลสาบก็ค่อย ๆ ตื้นไปทีละนิดจนสุดท้ายก็ไม่เหลือน้ำเลยสักหยด”
“ฮรี้..” oO(ฮืม.. ข้าพอจะเข้าใจ)
เมื่อแวะชมจารึกประวัติศาสตร์ที่ยูเนสโกให้การรับรอง ก็ได้เวลาที่ทั้งคู่ออกเดินทางต่อลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ตามครรลองเสียทีนึง
. . .
15.00 น.
บินไปพักไประหว่างทาง จนมาถึงโบราณสถานเฮกราก็เข้าช่วงบ่ายแก่ ๆ แต่ใครจะสนใจในเมื่อไม่ว่าจะกี่โมงความร้อนจากแสงอาทิตย์ก็ไม่ได้น้อยลงไป ทั้งสองหยุดอยู่ด้านหน้าของโบราณสถานที่สลักภูเขาหินเข้าไป ความใหญ่โตของโบราณสถานเฮกราทำเอาชายหนุ่มที่มองขึ้นไปต้องแหงนคอจนเมื่อย เมืองโบราณตรงหน้าทั้งยิ่งใหญ่อลังการและลึกลับในคราวเดียวกัน
“ฮรี้?” oO(นี่น่ะหรือสถานที่ที่พวกเราจะพักแรมในคืนนี้?)
ควีนเอ่ยถาม เหมือนว่าวันนี้จะมีเส้นทางบินน้อยกว่าวันแรกจนยังไม่ทันจะรู้สึกเหนื่อย
“เปล่า ที่แวะเที่ยวน่ะ”
“ฮรี้!?” oO(ที่แวะเที่ยว!? นี่เจ้าแวะเที่ยวอีกแล้วรึ!) เพกาซัสสาวกลอกตา อย่างว่า.. เดมิก็อดใจเสาะที่นางรู้จักคงไม่จู่ ๆ ก็ใจกล้ามาพักแรมในเมืองร้างที่แผ่กลิ่นอายน่ากลัว
“ก็อย่างที่บอกแหล่ะ ว่ามาทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้ม ที่นี่น่ะเคยเป็นเมืองโบราณที่สำคัญของอาณาจักรนาบาเทียนเชียวนะ ได้รับการรับรองจากยูเนสโก้อีกด้วย”
“ฮรี้!” oO(ฮึ! พนันได้เลยว่าจะต้องมีหุ่นทองคำนั่นไล่ล่าเจ้าอีกแน่)
ควีนพ่นเสียงขึ้นจมูก ทำเอาดีนชะงักไปเล็กน้อย จะว่าไปก็เอะใจขึ้นมานิดหน่อยที่เขาเจอหุ่นพวกนั้นแต่ในโบราณสถาน
“ก็อาจจะ แต่ฉันจับทางมันได้แล้ว อีกอย่างสินสงครามที่เก็บได้ก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการอยู่พอดี ถ้ามันจะไล่ล่าอีกก็มาสิ” บุตรแห่งโพไซดอนไหวไหล่ไม่แคร์
“ฮรี้” oO(งั้นก็ขอให้เป็นตามที่เจ้าขอ ส่วนข้าพักรออยู่ตรงนี้ดีกว่า) ก็คงต้องอย่างนั้น เขาคิดว่าม้าคงเข้าไปในซอกหินไม่ได้ด้วย
“โอเค ๆ งั้นฝากของหน่อยนะควีน ถ้าหิวก็กินอินทผลัมรองท้อง”
ฝ่ามือยกยีผมม้าสีดำนุ่มลื่น ก่อนที่เขาจะวางสัมภาระทั้งหมดไว้กับเพกาซัส จากนั้นเข้าไปในโบราณสถานเฮกราตามลำพัง
ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุทว่าภายในสิ่งก่อสร้างที่สลักจากภูเขากลับให้ความรู้สึกเย็นจนขนลุก อาจเพราะบรรยากาศด้านในชวนสยองขวัญเหมือนในเกมผู้กล้าตะลุยดันเจี้ยนสักเกม ภายในเฮกราค่อนข้างมืด มีเพียงแค่คบเพลิงติดไว้กับกำแพงหินคอยให้แสงสว่างเป็นช่วง ๆ ความน่าขนลุกอย่างหนึ่งคือกำแพงหินเหล่านั้นถูกเจาะเป็นช่องรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีตัวเป็นร้อยรู หากบอกเพียงเท่านี้คงรู้ได้ทันทีว่าหน้าที่ของโบราณสถานนี้มีไว้สำหรับทำอะไร…
‘ตรงนี้เคยมีศพนอนอยู่เป็นร้อยเลยสินะ… อึ๋ย!’
สายลมที่พัดผ่านตามช่องเขาทำเอาเสียวสันหลังวาบ แม้ใจจะคิดตลอดว่าผีไม่มีจริงแต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ทุกที ผีก็กลัว อย่างอื่นที่มากกว่าผีก็กลัว
ดีนเดินเข้าไปชมภายในเรื่อย ๆ พร้อมกับกดชัตเตอร์ถ่ายภาพสุสานโบราณเก็บไว้เป็นที่ระทึก เหมือนตัวละครในหนังสยองขวัญที่หักห้ามใจตัวเองไม่ให้เผือกจนซวยไม่ได้ ทั้งที่ชายหนุ่มควรบังคับขาของตัวเองให้ก้าวออกมาได้แล้ว
กึก ๆ กุก ๆ
เสียงดังกุกกักจากหลุมในกำแพงด้านหน้าทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งโหยง ขาสั่น ๆ แข็งทื่อก้าวไม่ออกจนต้องใช้มือดึงมันให้ขยับถอยหลังทีละก้าว ระหว่างที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนเขาก็เห็นมือของมนุษย์ (?) โผล่ออกมาจากหลุมนั้นต่อหน้าต่อตา
“ว้ากกกก!!”
เขาร้องลั่นหลับตาปี๋ แต่ก็มาได้สติอีกทีเมื่อเจอถ้อยคำภาษากรีกที่มีชื่ออันคุ้นเคยอยู่ในนั้น ‘อะไรสักอย่าง… เดอิน เอลบีนอส อัสบาเรส เนอีลอส… ฮูยอส โพเซอิโดโนส… แล้วก็อะไรสักอย่าง’
⌈ἄνθρωπος κινδύνος, προσέχετε: Δῖν Ἐλβίν Ἀλβάρεθ Νεῖλ, Υἱὸς Ποσειδώνος.⌋ (ตรวจพบบุคคลอันตราย: ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล บุตรแห่งโพไซดอน, ดำเนินการกำจัด)
“อีกแล้ว.. หุ่นทองอีกแล้วสินะ”
ดีนฮึบขึ้นมา เขาโกยใจที่ตกลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มขึ้นมาจากนั้นก็เรียกดาบตรีศูลมาไว้ในมือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ทว่า..
กึก ๆ กุก ๆ
หุ่นยนต์ทองคำที่ตอนนี้โผล่มาแค่มือพยายามดันตัวเองออกมาจากซอกหลุมศพอันคับแคบ ดูเหมือนว่าเกราะเหล็กอันใหญ่โตของมันจะติดในช่องเสียแล้ว โธ่.. ก็ใครให้ไปนอนอยู่ในนั่นกันเล่า!
สิบอารมณ์ในหนึ่งนาที.. จนคิดว่าตัวเองจะเป็นไบโพลาร์ หนุ่มสายเลือดโพไซดอนกุมขมับแต่ก็ขำจนไหล่สั่นกับภาพนั้น สงสารหรอกนะแต่สินสงครามก็อยากได้ เขาจึงเดินไปที่ช่องสุสานจากนั้นก็แทงดาบเข้าไปจนมอเตอร์ของหุ่นทองคำสงบนิ่งลองแล้วรอโกยสินสงครามที่อยู่ในช่องนั้น
ระหว่างที่แหย่แขนเข้าไปเก็บของ ดีนสัมผัสได้ถึงมือเย็นยะเยือกและเปื่อยยุ่ยของใครสักคนที่วางมือลงมาบนหลังมือของเขา ด้วยสัญชาตญาณทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมามองจนได้เห็นภาพ▓▓ที่ช็อคสายตาจนไม่อาจบรรยายได้ว่าเขาเห็นอะไร..
“ว้ากกกกกก!!!”
ดีนกรีดร้องลั่นจากนั้นก็รีบวิ่งโกยออกมาด้านนอกโบราณสถานอย่างไม่คิดชีวิต พนันได้เลยว่าเขาน่าจะวิ่งเร็วพอ ๆ กับยูเซน โบลต์
“ฮรี้!?” oO(เกิดอะไรขึ้นร้องเสียลั่นเชียว!?)
ควีนมองเดมิก็อดของมันที่วิ่งถลาออกมาจากช่องหินด้วยสายตาตระหนก นางรีบกลืนอินทผลัมที่เคี้ยวอยู่ลงคอก่อนจะลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมหนีหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล
“ผะ..ผะ..ผะ…ผะ…” ทว่าตอนนี้ดีนพูดจาไม่เป็นภาษา เขาทรุดเข่าลงกับพื้นทราย พยายามสงบสติอารมณ์ด้วยการเปิดขวดน้ำแล้วยกดื่มอย่างอยากเย็นเพราะว่ามือสั่นไปหมด “ฮื่ออออ ควีน ฉันว่าเรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า”
“ฮรี้?” oO(เอ้า! ซะงั้น ตกลงเจ้าเจออะไรมากันแน่?)
ทว่าดีนไม่ตอบ ชายหนุ่มที่ลุกลี้ลุกลนรีบเก็บสัมภาระขึ้นมาจากนั้นขึ้นขี่หลังเพกาซัสสาว ท่าทางนั้นสร้างความงุงงงแก่อสุรกายที่สืบสายเลือดมาจากเจ้าสมุทรยิ่งนัก
“ฮรี้?” oO(ก็ได้ ๆ ถ้าเจ้าไม่อยากเล่า เอ้า! พวกเราต้องไปทางไหนต่อ?)
“ทางนั้น…”
ดีนชี้ทางบอกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ม้าสาวกลอกตาเล็กน้อย เจ้านี่ให้นางบินขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างเหนือใต้เพราะความอยากเที่ยวจนน่าด่า กระนั้นเพกาซัสสาวก็สงสารเจ้าหนุ่มขวัญกระเจิงนี่จนต้องเก็บคำด่านั้นไว้ลงคอ
ทั้งสองบินขึ้นฟ้าอีกครั้งไปยังทิศทางที่ดีนบอก มุ่งสู่เมืองทาบุคในรวดเดียวโดยไม่หยุดพักจนถึงที่หมายในเวลาสิบแปดนาฬิกา คืนนี้ดีนเข้าพักที่โรงแรมถูก ๆ ในเมืองที่มีคอกม้าให้ฝากควีน (ขอเช่าห้องด้วยคทาลวงใจจำลอง) ชายหนุ่มพยายามลบภาพสองขวัญออกไปจากหัวแต่ก็ทำได้ยาก หรือว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับกันนะ…
. . .
21.35 น.
คนนอนไม่หลับกลิ้งตัวไปมาบนเตียงเหล็กเก่า ๆ จนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ไม่เพียงแค่เหตุการณ์วันนี้ที่น่ากลัว แต่โรงแรมเก่า ๆ ในทาบุคก็น่ากลัวเหมือนกับว่าจะมีผีออกมาได้เลย ดีนยกมือตัวเองขึ้นมา เขายังจำสัมผัสที่แตะบนหลังมือได้ดี มันทำให้เขามือสั่นเล็กน้อยจนต้องใช้มืออีกข้างกุมมือตัวเองไว้แน่น
ก่อนจะข่มตานอนดีนส่งข้อความหาแมคเคนซีอีกครั้งด้วยอารมณ์งอแงสุด ๆ
D.E.A.N.:  D.E.A.N.:  D.E.A.N.:  D.E.A.N.: แมคซี่วันนี้ฉันเจออะไรที่น่ากลัวมาก ๆ มาด้วยอ่าาาาา D.E.A.N.: กอดฉันทีที่รัก D.E.A.N.:  D.E.A.N.:  D.E.A.N.: 
ระหว่างที่รอคนรักตอบกลับข้อความเขากลับถูกความง่วงจู่โจมอย่างรุนแรงจนผลอยหลับ ดูเหมือนว่า▓▓ก็จะทำให้หนุ่มอนามัยไม่ได้นอนไม่ได้แฮะ
สินสงคราม: ฟันเฟือง 10 หน่วย และ เศษทองคำ 1 หน่วย
วันที่พิชิต: 29/01/2025
|