[ประเทศซาอุดิอาระเบีย] โบราณสถานเฮกรา

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



Hegra

โบราณสถานเฮกรา เมืองอัลอูลา ประเทศซาอุดิอาระเบีย




โบราณสถานเฮกรา
เมืองอัลลูอา ประเทศซาอุดิอาระเบีย



เฮกรา (Hegra) หรือที่รู้จักในชื่อ มาดาอิน ซาเลห์ (Mada’in Salih) เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ ที่ตั้งอยู่ในเมืองอัลอูลา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบีย และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของซาอุดีอาระเบียโดยองค์การยูเนสโกในปี 2008


ที่นี่เคยเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรนาบาเทียน (Nabataean) ซึ่งรุ่งเรืองในช่วงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราชถึงศตวรรษที่ 1 หลังคริสต์ศักราช เฮกรามีสุสานหินแกะสลักมากกว่า 100 แห่ง ซึ่งประดับด้วยลวดลายที่งดงามและจารึกภาษาอารบิกโบราณ แสดงถึงความชำนาญในงานแกะสลักหินของชาวนาบาเทียน นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำโบราณและระบบชลประทานที่แสดงถึงความก้าวหน้าทางวิศวกรรมในยุคนั้น


ปัจจุบันเฮกราเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของคาบสมุทรอาหรับ




เงื่อนไขการพบเจอ

- หลังถูกพิชิต จะใช้เวลาก่อรูปร่างกลับมาจากทาร์ทารัสเดือนถัดไป 

ตัวอย่าง ถูกสังหารวันที่ 9/1/2025 มันจะกลับมาในวันที่ 9/2/2025








แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 8193 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-1-9 13:33
โพสต์ 2025-1-29 08:25:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2025-1-29 08:29

289
เมืองโบราณร้อยสุสาน

               26/01/2025 เวลา 09.00 น.

               ไม่ว่าจะยามตื่นหรือก่อนเข้านอนตะวันก็ขึ้นเหนือหัวมาได้เกือบครึ่งปีแล้ว…

               ดีนลุกออกจากเต็นท์มาก็สายโด่ง เมื่อคืนเขานอนหลับช้ากว่าปกติถึงหลายชั่วโมงเลยทำให้ตื่นสาย ข้อดีอย่างหนึ่งของหนุ่มสายเลือดโพไซดอนคือเป็นคนนอนหลับง่าย ต่อให้แสงแดดจะแยงตาแค่ไหนก็ไม่ทำให้เขาตื่นหากร่างกายยังไม่พร้อม เมื่อออกมาจากเต็นท์ดีนเห็นว่าเต็นท์ข้าง ๆ ที่ตั้งแคมป์มาเป็นคาราวานเมื่อคืนถูกเก็บไปหมดแล้ว

               จากที่เคยศึกษาข้อมูลมา นักท่องเที่ยวหรือผู้สัญจรในเส้นทางทะเลทรายมักจะตื่นแต่เช้าตรู่แล้วรีบออกเดินทางจะได้ไม่ต้องเผชิญแสงแดดที่แผดเผา ทว่าในยามที่ตลอดทั้งวันเป็นเวลาเที่ยงตรงอยู่ตลอดเวลา ดีนก็ไม่มีเหตุผลให้ตัวเองต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อออกเดินทางหลบแดด เขาเลือกที่จะกินอิ่มนอนหลับเต็มที่และทำอะไรให้พร้อมก่อนถึงจะออกเดินทาง

               แม้เพื่อนนักท่องเที่ยวจากไปนานแล้วแต่ร้านค้าที่ตั้งอยู่ในอาคารที่ก่อด้วยหินทรายของศูนย์นักท่องเที่ยวยังคงเปิดให้บริการ ที่นั่นมีทั้งห้องน้ำและร้านอาหารเล็ก ๆ ให้ชายหนุ่มเติมพลังเพื่ออิ่มท้อง รวมทั้งคอกอูฐก็ยังมีอยู่ หลังจากลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยชายหนุ่มก็เก็บเต็นท์แล้วไปรับประทานอาหารเช้าที่ร้านค้าตรงนั้น

                ถึงจะมีแอปพลิเคชั่นแปลภาษาอยู่ในมือ แต่ก็ยังมีความลำบากตอนสั่งอาหารอยู่ดี ปัญหาก็คือดีนไม่รู้ว่าอาหารแต่ละอย่างบนหน้าเมนูคืออะไรเขาจึงบอกให้พ่อครัวทำอะไรมาก็ได้ง่าย ๆ แล้วของที่ว่าก็มาเสิร์ฟตรงหน้า รู้สึกว่าจะชื่อ ‘มุต็อบบัค’ (มะตะบะ) หรืออะไรสักอย่างที่เป็นแป้งขนมปังไส้เนื้อผัดเครื่องเทศและผัก เรื่องรสชาติยังคงจัดจ้านยืนหนึ่ง แต่ไม่เผ็ดร้อนเท่ากับชวาม่าเมื่อวาน จึงน่าจะคลายกังวลไปได้เล็กน้อยว่าจะไม่ไปจู๊ด ๆ กลางทาง



                ดีนเห็นว่าอาหารที่ออกเสียงยากนี้กินง่ายดีและไม่บูดเสียง่ายก็เลยซื้อตุนเป็นเสบียงพร้อมกับน้ำดื่มจำนวนมาก เมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จแล้วเขาก็ไปรับควีนที่คอกม้า เติมพลังให้มันด้วยอินทผลัมรสหวาน เผลอแป๊บเดียวผลไม้ที่ซื้อมาหนึ่งถุงใหญ่ ๆ ก็พร่องไปเกือบครึ่ง สงสัยไม่ทันได้ไปถึงนีออมอินทผลัมต้องหมดก่อนแน่ ๆ

                เมื่อทั้งคนและเพกาซัสพร้อมแล้วพวกเขาก็พร้อมออกเดินทาง…

                "احذروا العاصفة الرملية!"(ระวังพายุทราย!)
               
                ชาวท้องถิ่นคนหนึ่งตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในอาคาร ดีนไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไรทว่าเมื่อหันไปมองด้านหลังเขาเห็นกำแพงทรายตั้งตระหง่านขวางทางด้านหน้าห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร ลมแรงสูงพัดโบกจนผมปลิว ทรายบนพื้นถูกแรงลมพัดขึ้นมาเสียดผิวจนแสบต้องรีบเอาผ้าโพกหัวขึ้นมาคลุมปิดจมูก


                “พระเจ้า! นั่นพายุทรายงั้นเหรอ! ควีนรีบเข้าไปหลบเร็ว!”

                “ฮรี้!!”

                เพกาซัสสาวที่เขากำลังขี่ไม่วิ่งไปหลบเข้าที่กำบังตามคำสั่ง ทว่ามันกางปีกออกก่อนจะออกวิ่งแล้วโบยบินขึ้นฟ้าก่อนที่มวลทรายจำนวนมากจะถาโถมเข้าใส่ ดีนได้แต่กอดคอมันพร้อมกับหลับตาปี๋ พอลืมตาขึ้นมาเขาถึงได้เห็นว่ากำแพงทรายเหล่านั้นอยู่แค่ใต้เท้าของตัวเอง เรียกได้ว่าทั้งสองหนีพายุออกมาได้อย่างเฉียดฉิว

                “เฮ้อ.. ให้ตายสิ ก็รู้อยู่หรอกนะว่าในทะเลทรายมีพายุ แต่ไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมเข้าจริง ๆ”

                มองภาพเบื้องล่างก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเมื่อกี้หนีไม่ทันจะเป็นยังไง แต่ถึงหลบทันก็ต้องมาคิดอีกว่าจะติดพายุทรายอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้ออกเดินทาง

                “ฮรี้?” oO(พวกเราจะต้องบินไปทางไหนนะ?)

                ควีนเอ่ยถาม เหมือนว่าม้าสาวจะได้สติเร็วกว่าคน ตอนนี้มันร่อนลมอย่างไร้จุดหมาย บินวนรอบจุดตั้งแคมป์เพื่อชะลอแรงตก

                “โอ๊ะ เดี๋ยวฉันดูแป๊บนะ วันนี้เราต้องไปทิศตะวันตกเฉียงใต้” ดีนหยิบสมาร์ทโฟนเดดาลัสขึ้นมาเข้าแอปพลิเคชั่นแผนที่จากนั้นดูทิศทาง “ทิศตะวันตกเฉียงใต้อยู่ทางนั้น… ไม่สิ ขอแวะไปที่ภาพสลักหินจูบะห์ก่อนได้ไหม เพราะงั้นไปทางนี้ เราต้องไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือกันก่อนแล้วค่อยหักลงใต้”

                “ฮรี้!” oO(ให้ตายสิ นี่เจ้ามาทำภารกิจหรือว่ามาเที่ยวกันแน่น่ะ!)

               “แล้วภารกิจกับเที่ยวต่างกันตรงไหนล่ะ ไหน ๆ ได้มาต่างประเทศทั้งทีต้องเที่ยวให้คุ้มหน่อยสิ นี่ฉันอุตส่าห์ยอมไม่เที่ยวตั้งหลายที่แล้วนะ”

                “ฮรี้…” oO(เฮ้อ… เจ้านี่เอาแต่ใจเสียจริง ทำตัวเป็นเด็ก)

               “จะคิดแบบนั้นก็ได้ เพราะงั้นพาฉันไปเที่ยวหน่อยนะพี่ม้าควีน”

                “ฮรี้!” oO(ชิ! ตามใจก็แล้วกัน ยังไงนี่มันก็ภารกิจของเจ้า ส่วนข้าแค่มาเปิดหูเปิดตาเฉย ๆ)

                “เธอเองก็อยากเที่ยวเหมือนกันล่ะน่า” ดีนหัวเราะ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่หกนาฬิกาจากตำแหน่งปัจจุบัน “บินวนไปทางนั้นเลยควีน แผนที่บอกว่าเขาจูบะห์อยู่ทางนั้น!”

                ปีกสีดำและแข็งแรงกระพือบินไปตามทิศทางที่เดมิก็อดบอก ไกลไปอีกห้าสิบไมล์ ทั้งสองจึงได้เห็นภูเขาหินตั้งอยู่ไกลลิบตา

                .
                .
                .

                11.00 น.

                เพกาซัสสีดำปลอดร่อนลงท่ามกลางเขาหินมากมาย คู่หูเดมิก็อดลงจากหลังอสุรกายด้วยท่าทางตื่นเต้น นางม้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าทำไมเดมิก็อดที่ผูกพันธะกับนางถึงได้อยากมาดูก้อนหินพวกนี้

                “ฮรี้?” oO(เจ้าอยากมาเพื่อดูกองหินพวกนี้น่ะรึ มันมีอะไรวิเศษวิโสนัก?)

                “โธ่… ควีน มันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดานะ แต่ว่าเป็นสมุดบันทึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของมวลมนุษยชาติในยุคก่อนประวัติศาสตร์เชียวนะ”

                ดีนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาคิดว่าควีนต้องไม่เข้าใจแน่ ๆ จึงพาเดินชมก้อนหินแต่ละก้อนที่มีลวดลายรูปมนุษย์ ม้า อูฐ และสัตว์ต่าง ๆ ที่พอจะดูออกพร้อมกับเล่าประวัติความเป็นมาง่าย ๆ ตามความเข้าใจของตนเองที่ศึกษามา


                “เธอลองดูดี ๆ นะ ที่ก้อนหินแต่ละก้อนจะมีภาพศิลปะวาดเขียนเอาไว้อยู่ มันเป็นผลงานของมนุษย์เมื่อเกือบหมื่นปีที่แล้ววาดวิถีชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นไว้ ดูสิ อย่างก้อนนี้เขาวาดรูปทะเลสาบไว้ด้วย แปลว่าเมื่อก่อนตรงเคยมีทะเลสาบก่อนที่มันจะเหือดแห้งไป”

                “ฮรี้” oO(โฮ่ บันทึกเรื่องราวงั้นรึ ข้าพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงตื่นเต้นหนักหนา)

                ควีนหยุดยืนดูภาพวาดพยายามใช้สมองม้าพินิจพิเคราะห์ตามคำพูดของเดมิก็อดหนุ่ม หากนั่นคือทะเลสาบ แล้วนี่คือป่าไม้อย่างนั้นหรือ เธอเหลียวมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้ที่ปัจจุบันไม่ได้มีสภาพเหมือนดั่งอดีต ดีนเดาท่าทางนั้นพลางคิดว่าควีนอาจจะคิดเหมือนกัน

                “น่าอัศจรรย์ใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ได้ภาพวาดพวกนี้บอกเอาไว้คงไม่รู้ใช่ไหมว่าแถวนี้เคยร่มรื่นไม่ได้มีแต่ทราย”

                “ฮรี้?” oO(แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีแต่ทรายได้ล่ะ?) เพกาซัสถาม

                “เอ่อ.. ตอบยากแฮะ มันก็มีหลายสาเหตุ ส่วนมากก็สภาพภูมิประเทศที่ร้อนขึ้นน้ำเลยแห้งเหือด เหตุผลจากลมก็มี ลมพัดทรายเข้ามาจนถมทะเลสาบจนเหลือแต่ทราย แต่กระบวนการเหล่านั้นก็ใช้เวลาเป็นพันปีล่ะนะ ตอนใช้ชีวิตอยู่อาจไม่ทันรู้สึกอะไร แต่พอรู้ตัวอีกทีทะเลสาบก็ค่อย ๆ ตื้นไปทีละนิดจนสุดท้ายก็ไม่เหลือน้ำเลยสักหยด”

                “ฮรี้..” oO(ฮืม.. ข้าพอจะเข้าใจ)

                เมื่อแวะชมจารึกประวัติศาสตร์ที่ยูเนสโกให้การรับรอง ก็ได้เวลาที่ทั้งคู่ออกเดินทางต่อลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ตามครรลองเสียทีนึง

                .
                .
                .

                15.00 น.

                บินไปพักไประหว่างทาง จนมาถึงโบราณสถานเฮกราก็เข้าช่วงบ่ายแก่ ๆ แต่ใครจะสนใจในเมื่อไม่ว่าจะกี่โมงความร้อนจากแสงอาทิตย์ก็ไม่ได้น้อยลงไป ทั้งสองหยุดอยู่ด้านหน้าของโบราณสถานที่สลักภูเขาหินเข้าไป ความใหญ่โตของโบราณสถานเฮกราทำเอาชายหนุ่มที่มองขึ้นไปต้องแหงนคอจนเมื่อย เมืองโบราณตรงหน้าทั้งยิ่งใหญ่อลังการและลึกลับในคราวเดียวกัน


                “ฮรี้?” oO(นี่น่ะหรือสถานที่ที่พวกเราจะพักแรมในคืนนี้?)

                ควีนเอ่ยถาม เหมือนว่าวันนี้จะมีเส้นทางบินน้อยกว่าวันแรกจนยังไม่ทันจะรู้สึกเหนื่อย

                “เปล่า ที่แวะเที่ยวน่ะ”

                “ฮรี้!?” oO(ที่แวะเที่ยว!? นี่เจ้าแวะเที่ยวอีกแล้วรึ!) เพกาซัสสาวกลอกตา อย่างว่า.. เดมิก็อดใจเสาะที่นางรู้จักคงไม่จู่ ๆ ก็ใจกล้ามาพักแรมในเมืองร้างที่แผ่กลิ่นอายน่ากลัว

                “ก็อย่างที่บอกแหล่ะ ว่ามาทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้ม ที่นี่น่ะเคยเป็นเมืองโบราณที่สำคัญของอาณาจักรนาบาเทียนเชียวนะ ได้รับการรับรองจากยูเนสโก้อีกด้วย”

                “ฮรี้!” oO(ฮึ! พนันได้เลยว่าจะต้องมีหุ่นทองคำนั่นไล่ล่าเจ้าอีกแน่)

                ควีนพ่นเสียงขึ้นจมูก ทำเอาดีนชะงักไปเล็กน้อย จะว่าไปก็เอะใจขึ้นมานิดหน่อยที่เขาเจอหุ่นพวกนั้นแต่ในโบราณสถาน

                “ก็อาจจะ แต่ฉันจับทางมันได้แล้ว อีกอย่างสินสงครามที่เก็บได้ก็เป็นสิ่งที่ฉันต้องการอยู่พอดี ถ้ามันจะไล่ล่าอีกก็มาสิ” บุตรแห่งโพไซดอนไหวไหล่ไม่แคร์

                “ฮรี้” oO(งั้นก็ขอให้เป็นตามที่เจ้าขอ ส่วนข้าพักรออยู่ตรงนี้ดีกว่า) ก็คงต้องอย่างนั้น เขาคิดว่าม้าคงเข้าไปในซอกหินไม่ได้ด้วย

                “โอเค ๆ งั้นฝากของหน่อยนะควีน ถ้าหิวก็กินอินทผลัมรองท้อง”

                ฝ่ามือยกยีผมม้าสีดำนุ่มลื่น ก่อนที่เขาจะวางสัมภาระทั้งหมดไว้กับเพกาซัส จากนั้นเข้าไปในโบราณสถานเฮกราตามลำพัง

                ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุทว่าภายในสิ่งก่อสร้างที่สลักจากภูเขากลับให้ความรู้สึกเย็นจนขนลุก อาจเพราะบรรยากาศด้านในชวนสยองขวัญเหมือนในเกมผู้กล้าตะลุยดันเจี้ยนสักเกม ภายในเฮกราค่อนข้างมืด มีเพียงแค่คบเพลิงติดไว้กับกำแพงหินคอยให้แสงสว่างเป็นช่วง ๆ ความน่าขนลุกอย่างหนึ่งคือกำแพงหินเหล่านั้นถูกเจาะเป็นช่องรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีตัวเป็นร้อยรู หากบอกเพียงเท่านี้คงรู้ได้ทันทีว่าหน้าที่ของโบราณสถานนี้มีไว้สำหรับทำอะไร…

                ‘ตรงนี้เคยมีศพนอนอยู่เป็นร้อยเลยสินะ… อึ๋ย!’

                สายลมที่พัดผ่านตามช่องเขาทำเอาเสียวสันหลังวาบ แม้ใจจะคิดตลอดว่าผีไม่มีจริงแต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ทุกที ผีก็กลัว อย่างอื่นที่มากกว่าผีก็กลัว

                ดีนเดินเข้าไปชมภายในเรื่อย ๆ พร้อมกับกดชัตเตอร์ถ่ายภาพสุสานโบราณเก็บไว้เป็นที่ระทึก เหมือนตัวละครในหนังสยองขวัญที่หักห้ามใจตัวเองไม่ให้เผือกจนซวยไม่ได้ ทั้งที่ชายหนุ่มควรบังคับขาของตัวเองให้ก้าวออกมาได้แล้ว

                กึก ๆ กุก ๆ

                เสียงดังกุกกักจากหลุมในกำแพงด้านหน้าทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งโหยง ขาสั่น ๆ แข็งทื่อก้าวไม่ออกจนต้องใช้มือดึงมันให้ขยับถอยหลังทีละก้าว ระหว่างที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนเขาก็เห็นมือของมนุษย์ (?) โผล่ออกมาจากหลุมนั้นต่อหน้าต่อตา

                “ว้ากกกก!!”

                เขาร้องลั่นหลับตาปี๋ แต่ก็มาได้สติอีกทีเมื่อเจอถ้อยคำภาษากรีกที่มีชื่ออันคุ้นเคยอยู่ในนั้น ‘อะไรสักอย่าง… เดอิน เอลบีนอส อัสบาเรส เนอีลอส… ฮูยอส โพเซอิโดโนส… แล้วก็อะไรสักอย่าง’

               ⌈ἄνθρωπος κινδύνος, προσέχετε: Δῖν Ἐλβίν Ἀλβάρεθ Νεῖλ, Υἱὸς Ποσειδώνος.⌋ (ตรวจพบบุคคลอันตราย: ดีน เอลวิน อัลวาเรซ นีล บุตรแห่งโพไซดอน, ดำเนินการกำจัด)

                “อีกแล้ว.. หุ่นทองอีกแล้วสินะ”

                ดีนฮึบขึ้นมา เขาโกยใจที่ตกลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มขึ้นมาจากนั้นก็เรียกดาบตรีศูลมาไว้ในมือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ทว่า..

                กึก ๆ กุก ๆ

                หุ่นยนต์ทองคำที่ตอนนี้โผล่มาแค่มือพยายามดันตัวเองออกมาจากซอกหลุมศพอันคับแคบ ดูเหมือนว่าเกราะเหล็กอันใหญ่โตของมันจะติดในช่องเสียแล้ว โธ่.. ก็ใครให้ไปนอนอยู่ในนั่นกันเล่า!

                สิบอารมณ์ในหนึ่งนาที.. จนคิดว่าตัวเองจะเป็นไบโพลาร์ หนุ่มสายเลือดโพไซดอนกุมขมับแต่ก็ขำจนไหล่สั่นกับภาพนั้น สงสารหรอกนะแต่สินสงครามก็อยากได้ เขาจึงเดินไปที่ช่องสุสานจากนั้นก็แทงดาบเข้าไปจนมอเตอร์ของหุ่นทองคำสงบนิ่งลองแล้วรอโกยสินสงครามที่อยู่ในช่องนั้น

                ระหว่างที่แหย่แขนเข้าไปเก็บของ ดีนสัมผัสได้ถึงมือเย็นยะเยือกและเปื่อยยุ่ยของใครสักคนที่วางมือลงมาบนหลังมือของเขา ด้วยสัญชาตญาณทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมามองจนได้เห็นภาพ▓▓ที่ช็อคสายตาจนไม่อาจบรรยายได้ว่าเขาเห็นอะไร..

                “ว้ากกกกกก!!!”

                ดีนกรีดร้องลั่นจากนั้นก็รีบวิ่งโกยออกมาด้านนอกโบราณสถานอย่างไม่คิดชีวิต พนันได้เลยว่าเขาน่าจะวิ่งเร็วพอ ๆ กับยูเซน โบลต์

                “ฮรี้!?” oO(เกิดอะไรขึ้นร้องเสียลั่นเชียว!?)

                ควีนมองเดมิก็อดของมันที่วิ่งถลาออกมาจากช่องหินด้วยสายตาตระหนก นางรีบกลืนอินทผลัมที่เคี้ยวอยู่ลงคอก่อนจะลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมหนีหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล

                “ผะ..ผะ..ผะ…ผะ…” ทว่าตอนนี้ดีนพูดจาไม่เป็นภาษา เขาทรุดเข่าลงกับพื้นทราย พยายามสงบสติอารมณ์ด้วยการเปิดขวดน้ำแล้วยกดื่มอย่างอยากเย็นเพราะว่ามือสั่นไปหมด “ฮื่ออออ ควีน ฉันว่าเรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า”

                “ฮรี้?” oO(เอ้า! ซะงั้น ตกลงเจ้าเจออะไรมากันแน่?)

                ทว่าดีนไม่ตอบ ชายหนุ่มที่ลุกลี้ลุกลนรีบเก็บสัมภาระขึ้นมาจากนั้นขึ้นขี่หลังเพกาซัสสาว ท่าทางนั้นสร้างความงุงงงแก่อสุรกายที่สืบสายเลือดมาจากเจ้าสมุทรยิ่งนัก

                “ฮรี้?” oO(ก็ได้ ๆ ถ้าเจ้าไม่อยากเล่า เอ้า! พวกเราต้องไปทางไหนต่อ?)

                “ทางนั้น…”

                ดีนชี้ทางบอกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ม้าสาวกลอกตาเล็กน้อย เจ้านี่ให้นางบินขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างเหนือใต้เพราะความอยากเที่ยวจนน่าด่า กระนั้นเพกาซัสสาวก็สงสารเจ้าหนุ่มขวัญกระเจิงนี่จนต้องเก็บคำด่านั้นไว้ลงคอ

                ทั้งสองบินขึ้นฟ้าอีกครั้งไปยังทิศทางที่ดีนบอก มุ่งสู่เมืองทาบุคในรวดเดียวโดยไม่หยุดพักจนถึงที่หมายในเวลาสิบแปดนาฬิกา คืนนี้ดีนเข้าพักที่โรงแรมถูก ๆ ในเมืองที่มีคอกม้าให้ฝากควีน (ขอเช่าห้องด้วยคทาลวงใจจำลอง) ชายหนุ่มพยายามลบภาพสองขวัญออกไปจากหัวแต่ก็ทำได้ยาก หรือว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับกันนะ…

                .
                .
                .

                21.35 น.

                คนนอนไม่หลับกลิ้งตัวไปมาบนเตียงเหล็กเก่า ๆ จนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ไม่เพียงแค่เหตุการณ์วันนี้ที่น่ากลัว แต่โรงแรมเก่า ๆ ในทาบุคก็น่ากลัวเหมือนกับว่าจะมีผีออกมาได้เลย ดีนยกมือตัวเองขึ้นมา เขายังจำสัมผัสที่แตะบนหลังมือได้ดี มันทำให้เขามือสั่นเล็กน้อยจนต้องใช้มืออีกข้างกุมมือตัวเองไว้แน่น

                ก่อนจะข่มตานอนดีนส่งข้อความหาแมคเคนซีอีกครั้งด้วยอารมณ์งอแงสุด ๆ

                D.E.A.N.:
                D.E.A.N.:
                D.E.A.N.:
                D.E.A.N.: แมคซี่วันนี้ฉันเจออะไรที่น่ากลัวมาก ๆ มาด้วยอ่าาาาา
                D.E.A.N.: กอดฉันทีที่รัก
                D.E.A.N.:
                D.E.A.N.:
                D.E.A.N.:

                ระหว่างที่รอคนรักตอบกลับข้อความเขากลับถูกความง่วงจู่โจมอย่างรุนแรงจนผลอยหลับ ดูเหมือนว่า▓▓ก็จะทำให้หนุ่มอนามัยไม่ได้นอนไม่ได้แฮะ

สินสงคราม: ฟันเฟือง 10 หน่วย และ เศษทองคำ 1 หน่วย

วันที่พิชิต: 29/01/2025

แสดงความคิดเห็น

God
4 ตลอดไป  โพสต์ 2025-1-29 10:25
โพสต์ 53674 ไบต์และได้รับ 30 EXP!  โพสต์ 2025-1-29 08:25
โพสต์ 53,674 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ จาก Hydro X  โพสต์ 2025-1-29 08:25
โพสต์ 53,674 ไบต์และได้รับ +13 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +25 ความกล้า +18 ความศรัทธา จาก โล่แห่งเกียรติยศ  โพสต์ 2025-1-29 08:25
โพสต์ 53,674 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] เกียรติยศ +12 ความศรัทธา จาก กุหลาบสีทอง  โพสต์ 2025-1-29 08:25
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
น้ำมันหอมกลิ่นสุริยะ
กางเกงเดินป่า
Anker PowerCore
หมวกคอรินเธียน
เข็มทิศมหาสมุทร
สื่อสารใต้น้ำ
เซ็นเชอร์น้ำ
เข็มกลัดโพไซดอน
ล็อคเก็ตรูปหัวใจ
มาลาแห่งอัสสัมชัญ
กุหลาบสีน้ำเงินทอง
Hydro X
โล่อัสพิสขัดเกลา
หนังสือรับรองไครอน
สร้อยข้อมืออัจฉริยะ
ตรีศูลน้อย
นาฬิกาสปอร์ต
ควบคุมน้ำ
ภูมิคุ้มกันพิษ
ภูมิคุ้มกันเปียก
ทักษะหอก
สายน้ำเยียวยา
สื่อสารกับสัตว์ทะเล&ม้า
รองเท้าเซฟตี้
หายใจใต้น้ำ
โรคสมาธิสั้น
เสื้อค่ายฮาล์ฟบลัด
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x10
x2
x3
x2
x1
x1
x1
x1
x1
x2
x3
x1
x3
x1
x1
x4
x6
x1
x2
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x6
x2
x1
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้