DARYNA
Once upon a time with Ivanov

ผืนฟ้าทอดกว้าง หมู่เมฆม้วนลอยกระจายเต็มทั่ว ดวงตากลมสะท้อนภาพนั้นขณะนั่งค้างถือปากการ่างภาพด้ามโปรดโดยมีสมุดเล่มน้อยกางวางลงยังเรือนตักที่คลุมด้วยชุดกระโปรงสีครีม ด้านหลังอพาร์ตเมนต์หลังเก่าแห่งนี้จะมีสนามเด็กเล่นเล็ก ๆ ที่เอาไว้ให้แก่เหล่ากลุ่มผู้เยาว์วัยมาผ่อนคลาย แม้ ดาริน่า อิวานอฟ จะอายุมากเท่าไหร่ แต่ชิงช้ามุมเล็ก ๆ ที่ใกล้พังแหล่ไม่พังแหล่ก็คล้ายยังเป็นพื้นที่โปรดไม่คลายหาย อาจเพราะสามารถมองผ่านแทรกตึกถึงทัศนีย์เบื้องบนที่เธอมองอยู่ก็เป็นได้
1 2 ..3 คุณกระต่ายสามตัว
ในหัวคล้ายเฝ้านับมวลเมฆรูปลักษณ์คล้ายสัตว์ตัวน้อยหูยาวเพื่อเตรียมวาดลงผืนกระดาษ ถ้าไม่เพราะมีร่างสูงของหญิงสาวหน้าตึงมายืนค้ำร่างเล็กยังเบื้องหน้า ..อีกครั้ง
“ คุณ… บังอีกแล้วค่ะ เดือนนี้สี่รอบแล้– ” ยังกล่าวไม่จบดีก็เหมือนมีเสียงหวานทุ้มแทรกกลับ
“ อิวานอฟธิดาแห่งเทพี ได้โปรดไสก้นเล็ก ๆ ของเธอไปค่ายตามที่ฉันบอกที ”
“ พูดแทรก.. อืม รอบที่หกด้วยค่ะ ” กระพริบตาปริบเอ่ยบอกเพื่อเตือนถึงพฤติกรรมของสาวแปลกหน้าที่ไม่ได้จำชื่อจนอีกคนแทบจะดึงทึ้งผมตัวเองใส่
“ ยายดื้อเอ้ย! ”
ลูกแก้วสีฮาเซลกลอกตามร่างที่ดูเหลืออดเดินไปเตะทรายในสนามเด็กเล่นนั้นนิ่ง ๆ ก่อนจะเริ่มก้มลงร่างภาพคุณก้อนเมฆกระต่ายสามตัวก้มลงมองพื้นดินที่มีร่างหญิงสาวหัวเสียกำลังเสกทรายถล่มสนามเด็กเล่นหลังอพาร์ตเมนต์ คล้ายเป็นกิจวัตรของดาริน่าอีกเช่นกันที่บันทึกทุกสิ่งในชีวิตประจำวันเป็นรูปวาด.. อาจด้วยปัญหาดิสเล็กเซียที่หญิงสาวลงความเห็นกับตัวเองว่าบ้านเกิดภาษาเป็นรัสเซียและย้ายมาอยู่อเมริกาเลยทำให้ภาษาอังกฤษของที่นี่อ่านยากเหลือเกินจนเขียนไม่ค่อยถูกนัก
บนกระดาษนั้น เหนือหัวของร่างหญิงสาวหน้าตึงมักจะมีบับเบิ้ลความคิดเป็นรูปค่ายบางอย่างเสมอที่ตัวดาริน่าก็จินตนาการไม่ออกว่าคือค่ายอะไร แต่เห็นอีกฝั่งมาเคี่ยวเข็ญให้ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว บิดาของเธอก็ดูจะยินยอมง่ายดายขึ้นมาอย่างประหลาด แม้จะยังมีร่องรอยความกังวลอยู่ทั่วก็ตาม แต่เพราะแบบนั้นจะให้เธอออกไปไหนกับคนแปลกหน้าได้อย่างไร ถ้าดูเหมือนบิดายังไม่อยากให้ดาริน่าไปแบบนั้น แม้จะถูกล่อหายังข้อมูลว่าอาจจะได้เจอผู้เป็นมารดา แต่ตอนนี้คนสำคัญของเธอที่สุดคือ วลาดิสลาฟ ต่างหาก
อีกอย่างที่สำคัญเลยคือ ค่ายที่พูดถึงที่รวมเด็กอายุเฉลี่ย 12 ปีเพื่อฝึกฝนให้มีชีวิตรอด ฟังยังไงในมุมคนอายุ 19 ย่าง 20 ก็ดูเป็นสถานที่ลักพาตัวเด็กชัด ๆ เลยนี่นา ถึงอีกฝ่ายจะตอบคำถามและเห็นเหมือนกันถึงเรื่องราวประหลาดที่ดาริน่ามักเจออย่างคนหัววัวในชุดพนักงานขายกาแฟ หรือคนตัวโตหน้าเขี้ยวงอกราวกับยักษ์ในไซต์ก่อสร้างว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นที่ต่างจากพวกเธอ ซ้ำยังคิดจะทำร้ายเพราะหอมกลิ่นเทพที่อยู่ด้านใน
อืม.. ตอบได้หมดเลย.. แต่ไม่น่าไว้ใจสักคำตอบเลยล่ะ
“ อย่าให้ฉันได้ลากเธอไปแทนนะอิวานอฟ ท่าทางง่อยเปลี้ยแบบเธอรอดมาจนตอนนี้ฉันยังเหลือเชื่ออยู่เลย หรือเพราะเป็นลูกของท่านเทพีไอริส.. แต่ไม่เอาน่า! ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่โดนทำอะไรไม่ใช่หรือไง ”
โอ้ะ กลับมาบ่นอีกแล้ว ดาริน่าเฝ้าคิดก่อนเงยหน้าจากสมุดวาดรูปพลางส่งมือเล็กยกปิดบดบังรูปวาดเอาไว้ ดวงตากลมเงยจ้องแป๋วฟังอีกคนเอ่ยแจ้ว ๆ กระปอดกระแปดบ่นใส่อย่างตั้งใจฟัง กระทั่งถูกชี้ตามตัวที่ยังมีร่องรอยช้ำประปรายก็คล้ายทำให้เจ้าตัวหลุดหัวเราะแผ่วหวานออกมา อย่างน้อยก็รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้เจตนาไม่ดี นั่นทำให้เธอไม่ได้หนีหายไปไหนเวลาหญิงสาวเบื้องหน้าปรากฏตัวอย่างไม่รู้ตัวแบบนี้
“ บ้าเอ้ย! เลิกทำตาใสแบบนั้นได้แล้ว! ฉันก็มีงานต้องทำหลังจบจากค่ายเหมือนกันนะยายซื่อบื้อนี่ ตามคุ้มครองเธอตลอดไม่ได้ ” เห็นท่าทางดูอยากมาเขย่าหัวแบบนั้นดาริน่าเลยต้องรีบตัดจบเพื่อสวัสดิภาพของร่างกายตัวเอง
“ เข้าใจแล้วค่ะ จะลองคิดอีกทีนะคะ ”
“ เธอก็บอกฉันแบบนี้รอบที่แปดร้อยล้านครั้งตั้งแต่ปีที่แล้วเหมือนกัน ”
หวา.. โดนย้อนซะแล้ว ขอโทษค่ะ ได้แต่กล่าวในใจพร้อมสีหน้าที่หงอยลง และอาจเพราะตัวดาริน่าไม่ได้จะออกจากเขตพื้นที่อพาร์ตเมนต์ในตอนนี้ด้วย สุดท้ายสาวหน้าตึงตนนั้นก็ปลีกตัวจากไปเพื่อมุ่งไปทำธุระการงานตัวเองเช่นเดียวกัน ทิ้งไว้ให้ร่างเล็กแกว่งชิงช้าจนดังเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจัดการวาดรูปต่อ เธอก็ไม่ได้พูดไปงั้นเสียทีเดียวหรอก ตั้งใจว่าหลังไปสอบและส่งงานไฟนอลที่มหาลัยเมืองแมนแฮตตันวันสุดท้ายเสร็จสิ้นก็กะจะลองไปดูอยู่เหมือนกัน
ถ้าวลาดไม่ทำหน้าจะร้องไห้อีกครั้ง จะลองไปตามที่บอกสักครั้งดูแล้วกันนะคะ