ท่าเรือเฟอร์รี่แครอนผ่านการออกแบบใหม่ให้มีความทันสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งความลึกลับน่าเกรงขาม สถาปัตยกรรมของท่าเรือใช้หินออบซิเดียนสีดำขลับถูกขัดอย่างประณีตจนสะท้อนเงาแห่งวิญญาณและประกายของแม่น้ำสติกซ์อย่างชัดเจน ตัวสะพานพาดยาวตามริมฝั่งสร้างจากเหล็กสีดำมันวาว ตกแต่งด้วยเส้นสายเรืองแสงสีทองทอดยาวตลอดทาง แสงเหล่านี้ส่องสว่างเป็นระยะ เพื่อบอกเส้นทางแก่ดวงวิญญาณที่ย่างก้าวเข้ามา บนสะพานมีเสาสูงเรียงรายแต่ละต้นสลัอักษรรูนแห่งความทรงจำและโชคชะตา ทุกครั้งที่มีวิญญาณเดินผ่าน เสาเหล่านี้จะเปล่งแสงวูบวาบตามอารมณ์และความทรงจำที่สลักไว้ในจิตใจของผู้มาเยือน
ศาลารอเรือหลักตั้งอยู่กลางท่าเรือ พื้นศาลาทำจากแก้วโปร่งใสเผยให้เห็นผิวน้ำดำสนิทเบื้องล่าง ด้านบนมีหลังคาโค้งที่ออกแบบด้วยโครงเหล็กและกระจกสีเข้มภายในประดับโคมไฟที่ลอยอยู่กลางอากาศ แต่ละดวงสร้างจากหยดน้ำแห่งแม่น้ำสติกซ์ที่ถูกจับต้องและเสริมมนต์สะกดทางเดินเข้าสู่เรือเฟอร์รี่แครอนถูกออกแบบให้คล้ายอุโมงค์แคบ ๆ มีลายเส้นเรืองแสงสีแดงคล้ายเส้นเลือดของยักษ์ใหญ่ วิญญาณที่ผ่านเข้ามาจะสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดจากด้านใน อุโมงค์นี้จะค่อย ๆ ขยายออกเมื่อใกล้ถึงเรือเฟอร์รี่ เพื่อแสดงถึงความเปิดกว้างในการก้าวข้ามสู่ยมโลก ตัวเรือเฟอร์รี่เองก็ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน ตัวเรือเป็นเหล็กสีดำสนิทที่เคลือบเงาและตกแต่งด้วยลวดลายคลื่นสีเงินที่ดูเหมือนการเคลื่อนไหวของวิญญาณที่หลอมรวมอยู่ในแม่น้ำ ใต้ท้องเรือมีแสงสีฟ้าสลัวที่คอยส่องประกายเมื่อเรือเคลื่อนที่ ทำให้ดูราวกับเรือลำนี้กำลังแล่นผ่านมิติแห่งความมืด
แครอนในยุคนี้แต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีดำสนิทปักด้วยอัญมณีสีนิล ดวงตาของเขาเรืองแสงสีแดงเลือดอย่างคงกระพัน แครอนยังคงถือไม้พายคู่ใจที่ปลายด้ามมีอักษรรูนเก่าแก่ แต่ไม้พายนี้ได้รับการเสริมด้วยเส้นสายเรืองแสงสีทองที่แสดงถึงพลังแห่งการชี้ขาดชะตากรรม ท่าเรือเฟอร์รี่แครอนโฉมใหม่จึงเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และเทคโนโลยีสมัยใหม่ สะท้อนถึงโลกแห่งวิญญาณที่ยังคงเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปตามยุคสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความขลังและความเคารพในกฎแห่งยมโลก