บันทึกฉบับนี้เต็มไปด้วย Bias โปรดอ่านอย่างระมัดระวัง
Flashback
ยูเฟเมีย เลนน็อกซ์ เป็นนักบิดมาตั้งแต่อายุสิบหก แม้จะไม่เชี่ยวชาญการนั่งรถประจำทาง ก็พอจะดูแผนที่แล้วเข้าใจหลักเกณฑ์ในการเดินทาง จากหุบเขาโซโนมาในแคลิฟอร์เนีย…หากสามารถมาที่ Sonoma ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ได้ละก็ หนทางการเดินทางก็จะสว่างไสวและสามารถไปถึงอุโมงค์คัลลีคอตต์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ภารกิจขี้ปะติ๋วแบบนี้กราดิอุสไม่จำเป็นเสียด้วยซ้ำ
เหมือนเคราะห์หามยามดีเร่งเข้ามา คนงานสวนองุ่นในหุบเขามีแพลนจะพาเด็กที่บ้านไปเที่ยวสวนสนุกเข้าพอดี ยูเฟเมียใช่อาคมเสน่ห์ล่อลวงนิดหน่อย คุณลุงคุณป้าก็เห็นเธอเป็นเหมือนลูกหลานเพื่อนบ้านใกล้ชิด ยอมให้ติดรถมาด้วย
มาถึงเมื่อเมืองโซโนมา เธอกลับบังเอิญพบอสูรกายไซคลอปส์
ถึงจะหนีขึ้นรถมาได้โดยร่างกายไม่บุบสลายแต่ก็ดันเจอคุณก็อบลินร่วมเดินทางมากับเราด้วย ชีวิตเธอในวันนี้ยังมีเรื่องอะไรเซอร์ไพรส์กว่านี้อีกไหม?
โอ๊ะโอ— แต่ฉันไม่ยักจะชอบเรื่องเซอร์ไพรส์หรอกนะ 🙃
98 : 32 : 44
มุ่งขึ้นทางเหนือ, โซโนมา
เข็มทิศแห่งโชคชะตาเป็นบางสิ่งที่คล้ายวัตถุเวทมนตร์ บนหน้าปัดทองเหลืองมีสัญลักษณ์จตุรทิศและเลขโรมันที่แกะสลักด้วยลวดลายสวยงาม เข็มทิศเล็กๆ กลางหน้าปัดคล้ายก้อนหินสีที่ถูกเหลาเป็นทรงสามเหลี่ยมแล้วครอบด้วยเกราะสีเงิน และที่สำคัญ— เข็มทิศนี้มักจะไม่ชี้ไปทางทิศเหนือ
ทางเหนือของเขต ELDRIDGE บนเส้นทางมุ่งหน้าออกนอกตัวเมืองหันหลังให้กับบรรยากาศของงานเทศกาลในวันส่งท้ายปี บนถนน Arnold Drive ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของเมืองทอดยาวไปถึงเขต Glen Ellen ก่อนจะเชื่อมเข้าสู่ Sonoma Highway หมายเลข 12 ขนาดกว้างสองเลน มีสกายบัสชั้นเดียวซึ่งมีรูปร่างทรงกล่องสมบุกสมบัสราวกับตู้คอนเทนเนอร์จากยุคกลาง กำลังคลานด้วยเครื่องยนต์คลาสสิคที่เร่งเครื่องได้ต่ำกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้ในจังหวะที่ถนนค่อนข้างโล่ง โดยมีปลายทางเป็นเขตทุรกันดารของเมือง หุบเขาโซโนมา
ความไม่รู้…อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ยูเฟเมียผล็อยหลับในสถานการณ์เช่นนี้
เข็มทรงเพนดูลัมบนหน้าปัดเข็มทิศแห่งโชคชะตาซึ่งซุกตัวอยู่ในพ็อกเกตแจ็กเกตดำสั่นระริก เพราะการเดินทางของจักรกลประหลาดที่กำเนิดคนละยุคสมัย การกำหนดทิศทางของมันจึงเรรวนจนยากจะเชื่อถือ อย่างน้อยทิศสองนาฬิกาในตอนนี้ก็เป็นแผ่นน้ำสีครามของ Suttonfield Lake ซึ่งอยู่คนละทิศทางกับอุโมงค์คัลลีคอตต์อย่างแน่นอน
“ อึก ” ยูเฟเมียถูกคนที่อยู่ด้านข้างกระแทกอย่างแรงจนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
ก็อบลินในชุดสูทสีดำของพนักงานบริษัทม้วนหนังสือพิมพ์ในมือ มันยืนอยู่ใกล้ทางออกรอให้ประตูรถเปิดออก ดูเหมือนมันไม่สนใจยูเฟเมียแม้แต่น้อย
‘ ที่นี่…ที่ไหน? ’
ดวงตาสีเข้มหรี่ขึ้นในจังหวะที่สกายบัสสีแดงเข้มพุ่งออกจากถนน Arnold Drive เลี้ยวเข้าสู่โซโนมาไฮเวย์ ด้านซ้ายคือป่าโปร่งบางแซมพื้นที่รกร้างขณะด้านขวาเต็มไปด้วยไร่องุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
‘ โอ้— เดี๋ยวนะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน ’
ยูเฟเมียสะดุ้ง ร่างกายเข้าสู่โหมดตื่นเต็มตาในทันที ดวงตากวาดมองหาชื่อสถานที่บริเวณสองข้างทาง ป้ายทางแยกเข้าสู่ ‘ Sonoma Botanical Garden ’ เคลื่อนผ่านสายตาหญิงสาวอย่างเชื่องช้า เมื่อกางแผนที่โบราณออกมา ยูเฟเมียก็พบว่า อ่านแผนที่ไม่ออก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ 😭 รถเบรกลงหน้าป้ายจอดที่อยู่ถัดจากปากทางเข้าสวนพฤกษชาติดังกล่าวประมาณสามร้อยเมตร
ยูเฟเมียกระโดดลงจากรถพลางสางผมอย่างหงุดหงิด– [ก่อนหลงหนักกว่านี้]
( โอ- อย่ากังวลไป รถเมล์นี้เป็นระบบขนส่งของรัฐที่ใช้ภาษีประชาชน สะกดว่า รถเมล์ฟรี เพราะงั้นลืมจ่ายเงินได้อย่างสบายใจเลยค่ะ )
“ นี่มัน— ”
หญิงสาวจ้องเสาหลักไมล์ด้วยความกำหมัด เป็นความรู้สึกของการลับขวานตัดไม้แล้วขวานหัก เดินทางจากศูนย์ไปสามสิบแล้วทอยลูกเต๋าตกบันไดงูมาอยู่จุดลบสิบ บัดซบสิ้นดี! ,,ԾㅂԾ,, สองขาเรียวที่โผล่พ้นมินิสเกิร์ตสุดเฉี่ยวย้ำวนเป็นหนูติดจั่น ยูเฟเมียถอนหายใจด้วยความอัดอั้น พลางมองเข็มทิศกับแผนที่…เข็มทิศไม่ชี้ไปทางทิศเหนือหรือปลายทางแต่มุ่งไปยัง ‘ ทิศแห่งโชคชะตา ’
เรื่องนั้นยูเฟเมียรู้อยู่แล้ว
แต่จุดหมายของเธอไม่ใช่ ‘โชคชะตา’ เป็น ‘อุโมงค์คัลลีคอตต์’ ต่างหาก
รถเมล์ในเขตทุรกันดารอาจพอมีบ้างแต่ไม่อาจคาดหวังให้การเดินทางในเขตชนบทของแคลิฟอร์เนียสะดวกสบายราวกับมีรถส่วนตัว ในสภาพการณ์ที่ไร้สมาร์ทโฟนติดกาย ยูเฟเมียได้เพียงคิดหาทางออกง่ายๆ อย่างเดินตามเข็มทิศแห่งโชคชะตาไปเรื่อยๆ ไม่ว่าก่อนถึงอุโมงค์คัลลีคอตต์เธอจะต้องพบอะไร
เพราะดูเหมือนโชคชะตาจะกัดไม่ปล่อย
พร้อมจะลากเธอกลับจุดเซฟอย่างครั้งนี้ (หากไม่ทำเช่นนั้น)
93:23:56
บนถนน Trinity Road มุ่งหน้าสู่ Napa Valley, แคลิฟอร์เนีย

ถนนทรินิตี้ที่เชื่อมระหว่างโซโนมาและนาปานั้นมีความยาวประมาณ 11.5 ไมล์ และถูกออกแบบให้เป็นถนนสองเลนที่ถูกใช้เป็นเส้นทางอ้อมเมือง ต้นโอ๊กป่าหนาหลายร้อยต้นเรียงรายตลอดแนวสองข้างทาง สลับกับเวิ้งสวนองุ่นที่ถูกปลูกหลายร้อยเอเคอร์ทั่วเขตโซโนมา ป่าโอ๊กกลางฤดูหนาวมีบรรยากาศเย็นยะเยือกเฉียบคมราวกับผลึกน้ำแข็ง วังเวงแม้ในยามที่แสงจากดวงอาทิตย์สาดกระจายตลอด 24 ชั่วโมง
และบนถนนที่เปล่าเปลี่ยวราวกับร้างมนุษย์นี้ ยูเฟเมีย เลนน็อกซ์ยืนอยู่โดยไร้อาวุธ เข็มขัดรัดเอวมีเพียงกราดิอุสไม้ที่แม้จะสังหารอสูรกายจากเทพนิยายได้ แต่ทำอันตรายใดแก่มนุษย์ไม่ได้เลย มากกว่าการกลัวอสูรกาย ยูเฟเมียเริ่มคิดถึงความปลอดภัยในชีวิตหากต้องเจอฆาตกรต่อเนื่อง พวกสังคมชายขอบอื่นๆ ที่อาจฆ่าเธอแทน
“ น่าจะหยิบมีดในครัวบ้านหมาป่ามาด้วยแฮะเรา ”
หญิงสาวเอ่ยกับตัวเองหลังเดินผ่านป่าเงียบสงัดจนทำให้แทบเป็นบ้า ในมือถือเข็มทิศแห่งโชคชะตาและแผนที่โบราณราวกับเป็นที่พึ่งเดียว (ซึ่งก็ใช่…) อาจเพราะวันนี้เป็นวันสิ้นปี แม้ตามสายทางจะมีโรงงานผลิตไวน์ตั้งอยู่แต่ถนนก็ยังเงียบสงัดร้างผู้คน ไม่มีรถผ่านสักคันเดียว
และขอบคุณที่อสูรกายเองก็หยุดงานไปด้วย
บางทีพวกมันอาจคิดว่าสามารถพบปะพวกครึ่งเทพและสายเลือดแห่งโรมได้ที่ย่านใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี ไม่ใช่ป่าเขาลำเนาไพรแสนเงียบเหงาอย่างที่ยูเฟเมียต้องเผชิญ นัยน์ตาสีน้ำตาลเปล่งประกายจับจ้องไปยังทิศตะวันออกที่ถนนมุ่งไป ถึงแม้ยูเฟเมียที่เดินมาเกือบสี่ชั่วโมงจะไม่เห็นทางออก ก็ประเมินจากเสาหลักไมล์และสถานที่ที่เดินผ่านได้ว่าใกล้ถึง Oakville เต็มทีแล้ว
โอ๊ควิลล์อยู่ในเขตนาปาของแคลิฟอร์เนีย เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นที่มีเชื่อเสียงในการผลิตไวน์ หากเดินสุดขอบแนวป่าต้นโอ๊กก็จะถึงพื้นที่ชาวเมือง ร่างกายที่เดินมาทั้งวัน (แบบพักทุกๆ 15 นาที) ของยูเฟเมียเหนื่อยล้าเต็มที ดวงอาทิตย์ที่ควรจะลับขอบฟ้ากลับค้างเติ่งราวกับอยากย้อนกลับเส้นทางเดิมสาดแสงส้มเข้มสลับแดง
“ โอ๊ะ— ” นัยน์ตาของหญิงสาวหรี่มองเข็มทิศ เพนดูลัมกลางหน้าปัดเริ่มสั่นระริกและหมุนย้อนกลับไปทางด้านหลัง “ อะไรของเธออีกละเนี่ย ” เริ่มคุยกับแม่ซื้อพลางเดินย้อนกลับไปในทิศทางเดิม(ทางไปโซโนมา) ยูเฟเมียเดินไปได้ไม่ไกลนัก เข็มทิศเจ้ากรรมก็ชี้กลับไปยังเส้นทางสู่โอ๊ควิลล์ ครั้งแรกไม่เป็นไร ครั้งที่สองและสามเริ่มกำหมัด
“ เข็มทิศดึกดำบรรพ์นี่…เสียหรือไงนะ ” ปาทิ้งสักทีดีไหม
ชั่วจังหวะเวลานั้นยูเฟเมียสังเกตเห็น ‘บางสิ่ง’ ซ่อนลึกอยู่ด้านหลังไร่องุ่นที่ทอดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา มีพื้นที่หนึ่งยังเป็นป่าเก่าแก่ เข็มทิศแห่งโชคชะตากำลังชี้ไปที่นั่น เธอเดินออกนอนถนน Oakville Grade road ไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นป่าเขียวชอุ่ม…ที่มีต้นไม้ใหญ่เติบโตอย่างถูกให้ความสำคัญ โอ๊กใหญ่สูงตระหง่านโดดเดี่ยวอยู่กลางเนิน ท่ามกลางความเงียบสงบของแสงอาทิตย์อัสดงที่เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ เสียงเสียดสีของใบไม้ดังแซ่กแซ่กโดยไร้ลมพัด ราวกับเสียงกรีดร้องของภูตผี
‘ ท่า— ไม่ดีแล้ว ’
ยูเฟเมียถอยหลังกลับ ‘โชคชะตา’ ที่เข็มทิศพามาเป็นโชคชะตาแบบไหน หลุมฝังศพของเธอหรือไง!? บรรยากาศไม่น่าไว้ใจสุดๆ ε=ε=ε=(~ ̄▽ ̄)~ .เฟด. หญิงสาวลี้ัภัยกลับเส้นทางหลักโดยด่วน เธอยังคงยืนยันว่าปลายทางของเธอกับเจ้าเข็มทิศนี่อยู่คนละที่กัน และอุโมงค์คัลลีคอตอยู่ทางใต้โว้ยยยยย!
“ อ๊ะ— ”
เสียงเจือความฉงนดังออกจากริมฝีปากยูเฟเมีย เธอพบว่าร่างกายของเธอหยุดอยู่ที่เดิม ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างที่หัวใจสั่ง ดวงตาเรียวกลมหลุบลงมองด้านล่าง— เวลานี้เครือเถาวัลย์เกี่ยวรัดพันขาของหญิงสาวอย่างแน่นหนา อย่าว่าแต่เดินหนีเลยแม้แต่กระดิกเท้ายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
‘ อสูรกายสายพืช!? ’
ยูเฟเมียกัดฟันกรอดพลางก้มลงใช้กราดิอุสไม้เฉือนเถาวัลย์ที่รัดขา แต่เจ้าดาบไม้นี่ไร้ประโยชน์อย่างกับอะไรดี เฉือนไม่เข้าเลยสักนิด ยูเฟเมียใช้มือกระชากเถาวัลย์สุดแรง ทันใดนั้นเสียงร้อง “โอ๊ย” ของหญิงสาวก็ดังแหวกขึ้นมา
เสียงร้องของหญิงสาว…
ไม่ใช่เสียงของยูเฟเมีย
แล้ว…เสียงใคร?
เถาวัลย์ในมือซ้ายของยูเฟเมียลื่นไหลราวกับแพรนุ่ม มันกลายเป็นเส้นผมสีเขียวสะกดตาปอยหนึ่งที่งอกออกมาจาก—ศีรษะ?
ดวงตาสีเขียวอ่อนราวกับไม้แตกใบไม้เงยหน้าขึ้นมองยูเฟเมีย ดวงตาใสกระจ่างคลอหยาดน้ำ สิ่งที่โอบรัดขาเธอในตอนนี้กลายเป็นมือของหญิงสาวที่มีภาพลักษณ์เหมือนจิตวิญญาณแห่งต้นไม้ ไนแอด!
“ ช่วยด้วย…ช่วยเรา…ช่วยเราด้วยค่ะ ” ไนแอดคร่ำครวญด้วยเสียงสั่นเครือ
“ ช่วย…ช่วยอะไรเหรอคะ? ”คุณต่างหากที่ควรจะช่วยปล่อยขาฉันก่อนToT
ยูเฟเมียถามหน้าเจื่อน สภาพของครึ่งเทพที่ถูกไนแอดพันธนาการไว้ได้อย่างเธอ ถามจริงๆ ค่ะ ใครควรช่วยใครกันแน่
“ ท่านมีสายเลือดที่พิเศษ จะต้องช่วยเราได้แน่… ” ไนแอดสาวมองตราบ่งชี้ชาติกำเนิดที่ประทับอยู่บนแขนของยูเฟเมีย “ ฮึก…ป่าแห่งนี้กำลังถูกความชั่วร้ายคุกคามค่ะ ท่านโปรดช่วยกำจัดความชั่วร้ายเพื่อคืนผืนป่าที่ผาสุกคืนให้เราด้วยเถอะค่ะ! ”
แม้ปากจะเอ่ยว่า ‘ขอร้อง’ แต่ท่อนแขนและเครือไม้พันแน่นไม่ปล่อย
โจทย์ชีวิตข้อนี้ถูกกำหนดคำตอบไว้แต่แรกแล้ว
“ แต่ฉันอ่อนแอกว่าคุณอีกนะคะ ” ยูเฟเมียหรี่เสียงลงเป็นเสียงกระซิบ อาจเพราะกลัวว่า ‘ความชั่วร้าย’ ที่คุกคามป่าแห่งนี้อยู่จะได้ยินเข้า พร้อมทั้งชี้ความเป็นจริงให้ไนแอดสาวรับรู้ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายศีรษะแรงๆ
“ ท่านทำได้แน่นอนค่ะ! ”
ไนแอดเอ่ยอย่างมุ่งมั่น สบตามองยูเฟเมียอย่างเทิดทูนราวกับเจอ ‘เมสิอาห์’ ผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะหันหน้าไปทางด้านหนึ่งแล้วซุกหน้าลงกับท่อนขาของยูเฟเมีย เอ่ยเสียงสั่นเครือเจือความหวาดกลัว “ มันมาแล้ว… มาทางนั้นแล้วค่ะ ช่วย…ช่วยเราด้วยเถอะค่ะ ”
“ อะไรมาละคะ ” ยูเฟเมียดึงกราดิอุสไม้ออกมาในท่าเตรียมพร้อม ถึงจะไม่แน่ใจว่าเจ้านี่สามารถช่วยอะไรได้ แต่มันก็เป็นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่เธอมี
ความจริงฉายชัดเต็มสองตาของหญิงสาวโดยไม่รอให้ไนแอดเป็นผู้เฉลย
ร่างสูงของไซคลอปส์ยักษ์เดินตึงตังออกมาจากป่า… เสียงครวญครางว่า “ความชั่วร้ายมาถึงแล้ว” ซ้ำๆ ของไนแอดสาวทำให้เชื่อมโยงได้อย่างรวดเร็วว่าเจ้านี่คือคู่กรณีของเธอ
แต่แล้วไง…ไนแอดยังสู้ไม่ได้ แล้วสายเลือดวีนัสที่มีสกิลสวยไปวันๆ อย่างเธอจะทำอะไรได้คะ!?
“ ได้โปรดปราบมันให้เราทีค่ะ ”
ไนแอดสาวเอ่ยขอร้อง ยูเฟเมียก็ไม่อยากจะตกลงเท่าไหร่ ถ้าไม่ติดว่ายัยนี่— มัดขาเธอซะแน่นจนวิ่งหนีไม่ได้ “ ได้ค่ะ! ฉันจะช่วยสุดความสามารถ ก่อนอื่นช่วยหลบออกไปก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเอาน่ะค่ะ ”
“ อ๊ะ! ได้ค่ะ ”
แล้วอย่าลืมเก็บเถาวัลย์ที่มัดขาฉันไว้ไปด้วยนะคะ ToT
ไนแอดสาววิ่งหน้าตั้งหาจุดเซฟ ชุดกระโปรงเครือไม้ของเธอดูไม่เป็นอุปสรรคกับความเร็วแม้แต่น้อย หลังวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ไนแอดยังตะโกนบอกยูเฟเมียอย่างห่วงใย “ ไซคลอปซ์ตัวนั้นอยู่ในช่วงเวลาติดสัดค่ะ เมื่อสักครู่มันพยายามปลุกปล้ำเรา ท่านเองก็โปรดระวังตัวด้วยนะคะ! ”

และใช่ไนแอดลืมเก็บเถาวัลย์
ใครไม่ท้อฉันท้อ ಥ_ಥ
ไซคลอปส์หน้าหื่นกามพ่นลมหายใจฟืดฟาด เสียงเรียก “ แม่ไนแอดยอดยาหยี ” ชวนให้คลื่นไส้ มันก้มใบหน้าใหญ่โตลงมามองยูเฟเมียซึ่งติดสถานะขยับไม่ได้เพราะเครือไม้ของไนแอด ดวงตาลูกเดียวหรี่มองหยาดเยิ้ม ก่อนจะคำรามต่ำๆ “ ไม่ใช่… ” แล้วหันหน้ามองเหม่อไปทางอื่น
รสนิยมนายมันถึงกับมองเมินธิดาแห่งวีนัส
แล้วเลี้ยวไปหาไนแอดแบบไม่ลังเลสักนิดเลยเหรอ? 😨
“ อ๊าย!!! ช่วยเราด้วยค่ะ! ”
เสียงกรีดร้องอย่างตระหนกของไนแอดสาวที่ถูกไซคลอปส์ยักษ์จู่โจม ดึงสติของยูเฟเมียออกมาจากความอึ้ง ทึ้ง ช็อกที่ถูกไซคลอปส์เมินแบบไม่เหลียวหลัง แต่จะถลกขาก็ยากมาก ยูเฟเมียตะโกนกลับ
“ คลายเถาวัลย์ที่มัดขาฉันก่อนสิคะ! ”
“ มะ…ไม่ได้หรอกค่ะ นั่นเป็นคาถาแบบมีระยะเวลาคลาย ”
“ ระยะเวลาคือเท่าไหร่? ”
“ ห้านาทีค่ะ อ๊าย! ช่วยด้วย!!! ”
“ … ” เชิญช่วยตัวเองไปเถอะค่ะ!
เสียงฉุดกระชากลากถู เสียงปัดป้อง สารพัดเสียงที่ขออนุญาตไม่กล่าวถึง ในที่สุดเถาวัลย์ตัวดีนั่นก็หลุดไปเสียที ยูเฟเมียวิ่งผลุนผลันเข้าไปหาเจ้าไซคลอปส์นั้นจากทางด้านหลัง แล้วแทงกราดิอุสเข้าตรงจุดตายของมัน
อ๊าก… ไซคลอปส์ร้องคำรามอย่างเจ็บปวด แขนใหญ่เท่ากิ่งต้นโอ๊กยักษ์ฟาดเสียยูเฟเมียปลิวกระแทกพื้นหญ้า พลางทุบกำปั้นลงบนพื้นดินอย่างเกรี้ยวกราด อาคมเสน่ห์ถูกยูเฟเมียงัดออกมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อเพียงให้ไซคลอปส์ยักษ์ชะงักการโจมตีที่บ้าระห่ำ แต่เมื่อมันหลุดจากอาคมร่างของหญิงสาวก็ถูกซัดจนปลิวเสียทุกครั้ง
หนังหนาๆ ของไซคลอปส์ตัวนี้แทงแทบไม่เข้า
หลังใช้กราดิอุสแทงหนังหนาของมันจนใจเริ่มท้อ ผิวหนังของไซคลอปส์ก็เริ่มปรากฏริ้วรอยที่ดูบาดลึกถึงชีวิตขึ้นมาบ้าง ทว่ายูเฟเมียสภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเสียเท่าไหร่ คมมีดสุดท้ายแทงลงตำแหน่งเส้นเลือดใหญ่ของอีกฝ่าย โปรดอย่าคาดหวังว่าจะมีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากปากแผลเสมือนหนังสยองขวัญเกรดบี
บาดแผลเข้าใกล้ความตาย ร่างของไซคลอปส์ยักษ์ก็สลายไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

ไนแอดสาวรีบเข้ามาประคองยูเฟเมียด้วยรากไม้ของเธอ “ ขอบคุณท่านมากค่ะ ” เสียงสะอึกสะอื้นพูดปนน้ำตา “ ที่ด้านล่างของเนินที่มีโบสถ์คาร์เมไลต์อยู่ค่ะ เราจะพาท่านไป ” ไนแอดสาวพูดพลางพายูเฟเมียไปที่ด้านล่างของเนินซึ่งมีโบสถ์ปลูกอยู่
“ คุณแม่คะ! ”
ไนแอดสาวเอ่ยเรียกหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดแม่ชีสีขาวดำ ใบหน้าหลังกรอบแว่นทรงสี่เหลี่ยมแลดูวุ่นวายใจเมื่อเห็นสภาพของยูเฟเมีย “ โอ้— มิรันด้าที่รัก เธอผู้โชคร้ายคนนี้—- ”
“ เราพบเธอที่ใต้ต้นโอ๊กโบราณค่ะ…เธอเหมือน….เหมือนจะ… ”
ไนแอดสาวซึ่งเพิ่งถูกแม่ชีเรียกว่า ‘มิรันดา’ หันมาทางยูเฟเมีย ราวจะขอความช่วยเหลือ ดูเหมือนไนแอดที่อยู่มานานตนนี้เองก็มีวิธีทำตัวให้กลมกลืนกับวิถีชีวิตรอบด้านที่เปลี่ยนไปในแบบของตัวเอง แต่…การโกหกแม่ชีเนี่ย— ทำไมถึงโบ้ยมาให้เดมิก็อดที่อยู่ในสังคมนับถือพระเจ้าอย่างเธอล่ะ
“ ลื่นหิมะละลาย— ไถลตกเขานิดหน่อยค่ะ ”
ไนแอดนามมิรันด้าพยักหน้าหนักๆ เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ยูเฟเมียพูดเป็นความจริงทุกประการ ยูเฟเมียส่งรอยยิ้มอ่อนหวานฉาบอาคมเสน่ห์อย่างบางเบา รูปแบบของการสะกดสายที่ทำให้คนรอบตัวหลงใหลไม่จำเป็นต้องจัดหมวดหมู่ในรูปแบบ ‘ราคะ’ อย่างเดียว
ออกซิโตซินในสมองของแม่ชีราวกับจะหลั่งออกมาเมื่อเห็นโฉมหน้าของยูเฟเมีย
“ เด็กน้อยที่น่าสงสาร ” เธอจับมือของยูเฟเมียพลางมองสำรวจรอบตัว “ ตามมาเถอะจ้ะ ฉันจะดูแผลให้ก่อน มิรันด้าช่วยเตรียมน้ำและเก็บกวาดห้องนอนให้—เธอชื่อ…”
“ ยูเฟเมียค่ะ ”
“ อา… ให้ยูเฟเมียของเราด้วยนะจ๊ะ ”
คาร์เมไลต์ตอนรับยูเฟเมียอย่างดี ด้วยมนตราเสน่ห์ของสายเลือดวีนัส
ทั้งยูเฟเมีย ไนแอด และมิรันด้าที่ถูกสะกดด้วยอาคมเสน่ห์ต่างไม่มีใครรู้สึกตัวเลย ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดถูกใครบางคนจับตามองอยู่ ร่างเงานั้นเร้นกายหายไปราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับเงามืดใต้แสงตะวัน
ได้รับน้ำตาจากไนแอดจากภารกิจ
ได้รับดวงตาไซคลอปส์จากสินสงคราม
+ 10 exp เมื่อโรลสู้กับสัตว์ประหลาดหลังประลองระบบ
(.แบมือ. ขอกระเป๋าที่ลูปาให้กับเสบียงด้วยครับ😭)

" หนุ่มหล่อคนนี้ใครกันนะ"
"เป็นคนประเภทเดียวกับฉันงั้นเหรอ"