“ กองร้อยที่หนึ่งเป็นกองร้อยที่ถูกเรียกว่าอนาคตใหม่ของโรม ”
ในฐานะอดีตสมาชิกกองร้อย 1 ผู้ก้าวข้ามขีดจำกัดขึ้นมาเป็นแม่ทัพประจำกองพันที่สิบสอง ฟุลมินาตา ‘ ควินตัส แอนเดอร์สัน ’ บุตรแห่งอาร์คัสจำใจต้องรับหน้าที่นำทางสมาชิกใหม่ของกองร้อยที่เขาเคยสังกัดแทนยาสมินที่รีบไปหาบรูตัสเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการมาถึงของสาวไร้ตัวตนคนนี้ ตลอดทางที่พวกเขาเดินข้างกัน ควินตัสใช้เวลาหลายครั้งไปกับการลอบมองเสี้ยวหน้าของเดนิสต้าผู้ที่สมควรจะถูกเรียกว่าสมบูรณ์แบบ
‘ ดูไม่เหมือนคนที่พึ่งมาถึงค่าย.. มีบางอย่างมากกว่านั้น ’ บางอย่างที่เขาหาคำตอบไม่ได้ รสชาติของความสงสัยอัดแน่นทั่วปลายลิ้นราวคลื่นที่โถมเข้าใส่ ทว่าแม่ทัพหนุ่มกลับไม่คิดจะปล่อยตัวเองจมไปกับคลื่นนั้น ควินตัสเก็บสายตากลับมา ผลักทุกความสงสัยออกไปและเริ่มต้นทำหน้าที่ของเขา “ สมาชิกของกองร้อยที่ 1 ปัจจุบันมี 4 คน ไม่รวมผมที่ขึ้นเป็นแม่ทัพกองพันแล้ว และยังไม่รวมคุณที่พึ่งมาถึง ” ชายผู้เป็นแม่ทัพกล่าวอย่างความภาคภูมิใจถึงกองร้อยที่ถูกเรียกว่ารังอัจฉริยะโดยมีผู้ฟังเป็นสาวสวยที่กำลังหันมองเขาเงียบ ๆ
“ พวกเขาพึ่งกลับจากภารกิจเมื่อเช้า ผมคิดว่าตอนนี้คงอยู่กันครบ ” มือหนายกขึ้นลูบปลายคางของตัวเองช้า ๆ ครู่หนึ่งบนใบหน้าที่หล่อเหลากลายมาเป็นอ่อนล้าแกมหงุดหงิด ‘ กลับกันมาได้จังหวะจริง ถ้าเร็วกว่านี้สักวันก็คงไม่ต้องลำบากไปที่ฮาร์ฟบลัดกับแองจี้แค่สองคนแล้ว ’ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว ควินตัสพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปาก ดวงตาทรงอัลมอนด์ที่อ่อนล้ากวาดมองความเรียบร้อยภายนอกเพื่อตรวจสอบสัญญาณอันตรายตามความเคยชิน
“ ผมคงไม่เข้าไปข้างในกับคุณ แต่ก็มีคำเตือนให้นิดหน่อยสำหรับ.. การทำความรู้จักพวกเขา ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่กันครบหน้า , ถึงจะไม่มีความสามารถในการพยากรณ์เหมือนอย่างบรูตัสหรือสายเลือดอะพอลโล่คนอื่น ๆ แต่ควินตัสก็ยังเห็นลางของความวุ่นวายทันทีที่เขาปล่อยให้หญิงสาวข้างกายเดินพ้นกรอบประตูเข้าไปด้านใน แต่กลับกัน.. คนที่เขานึกห่วงในเวลานี้กลับหยักยิ้มเบาบาง ไม่มีความกังวลอยู่ในแววตาของเธอ หญิงสาวที่หลงทางในโชคชะตามีแค่ประกายความทะเยอทะยาน ใคร่รู้แกมเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ควินตัสต้องทบทวนความคิดของเขาอีกครั้ง
‘ คงต้องสลับฝั่งที่น่าเป็นห่วงสินะ ’
แม่ทัพหนุ่มหัวเราะเบา ๆ และหยุดเดิน เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูโออ่าของกองร้อยที่หนึ่ง “ ผมส่งคุณได้เท่านี้ ” ความเฉยชาของเขาเบาบางจนแทบไม่มี ควินตัสลืมไปแล้วยังมีมาดของแม่ทัพหนุ่มเคร่งขรึมให้ต้องรักษา ต้องโทษความเป็นกันเองของสายเลือดอาร์คัสที่ไหลเวียนอยู่ในตัวที่ทำให้เขาไม่เหมาะกับการเสแสร้งในบางครั้ง สองแขนของควินตัสยกขึ้นกอดอก เขาโคลงศีรษะไปที่ประตูเป็นการสื่อสารโดยไร้คำพูดให้เธอก้าวต่อไป
เดนิสต้ามองประตูใหญ่โตตรงหน้าด้วยสายตาพิจารณา ดวงตาของเธอปิดช้า ๆ เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับเพื่อนใหม่โดยมีแม่ทัพประจำกองพันคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ “ ขอบคุณที่มาส่งค่ะ คุณแอนเดอร์สัน ” เสียงของเธอราวกับการกระซิบที่แผ่วเบาร่างเล็กหันไปทางบุตรแห่งอาร์คัสก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเดินทาง บนหน้าปกมีลวดลายภาพวาดสีสันสดใสพร้อมชื่อที่เขียนกำกับเอาไว้ว่า ‘ Lore Olympus ’ เธอยื่นคอมมิคนั้นให้กับเขา
“ ฉันไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันวันพรุ่งนี้ ” —- เธอหมายถึง คริสต์มาส “ ดังนั้นถือซะว่านี่เป็นของขวัญล่วงหน้า , Merry Christmas ค่ะ ” ก่อนที่ควินตัสจะรู้สึกตัวว่าควรขอบคุณหรือกล่าวอะไรสักอย่าง หญิงสาวที่คล้ายว่าเป็นร่างจำแลงของแมวเปอร์เซียในครอบครัวของเศรษฐีก็เดินหายเข้าไปด้านใน ทิ้งไว้เพียงเสียงคลิ๊กเบา ๆ เมื่อประตูไม้ที่หนักอึ้งของกองร้อยหนึ่งได้ปิดลงตามการเคลื่อนไหวของเธอ
“ ครับ .. Merry Christmas เช่นกัน คุณนอร์ทาร่า ”