บรรยากาศภายในแสนหรูหราที่ผสมผสานความคลาสสิคทรงพลังเข้าด้วยกัน พื้นที่รวมตัวของสมาชิกกองร้อยที่หนึ่งตอนนี้ถูกจับจองด้วยคนมากมายที่อยู่เงียบ ๆ เพื่อพักผ่อนหลังจากภารกิจสุดทรหดที่กินเวลานานหลายเดือน แต่แล้วความสงบที่ครอบคลุมทั่วบริเวณก็แหลกสลายเมื่อมีเสียงฝีเท้าปริศนาดังขึ้น สัญชาตญาณของนักรบในกองร้อยหนึ่งถูกผลักให้ตื่นขึ้นทันควัน ทุกสายตาหันขวับไปที่หน้าทางเข้าห้องโถงอย่างระมัดระวัง
“ ไม่เอาการต้อนรับด้วยกำลังนะ ”
ก่อนที่ตัวตนปริศนานั้นจะได้ปรากฏตัว น้ำเสียงนุ่มแกมซนที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ดังขึ้นและตามด้วยร่างบางสูงเพรียวของสาวสวยโดดเด่นที่มาพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ สมาชิกกองร้อยที่ได้ชื่อว่าเป็นความภาคภูมิใจของค่ายหันมองกันและกัน พวกเขามีทั้งหมด 4 ชีวิต ชาย 2 หญิง 2 แต่ละคนมีภาพลักษณ์ที่กระโดดกันไปคนละทิศคนละทางจนคนมาใหม่รู้สึกละเหี่ยใจแม้แต่ความสุนทรีจากแผ่นเสียงที่กำลังเล่นซ้ำ ๆ รวมไปถึงเสียงเปลวไฟและการแตกหักของไหม้ในเตาผิงก็ยังดูน่าอึดอัดในช่วงเวลาแบบนี้
‘ นี่ฉัน—- เจองานยากอีกแล้วเหรอ? ’
ชั่วขณะที่เดนิสต้าคิดว่าตัวเองกำลังงานเข้า เสียงหัวเราะสูง ๆ ที่ไม่ถึงกับบาดหูแต่ดูมีเลศนัยก็ลอยมากระทบโสตประสาทของเธอ “ แหม.. แหม ไม่เห็นรู้เลยว่าเราต้องต้อนรับน้องใหม่ด้วย? ” สาวสวยหุ่นสะบึมที่นั่งอยู่บนที่พักแขนของโซฟากล่าวอย่างกระตือรือร้น นัยน์ตาเป็นประกายดุจแก้วมณีนั้นพราวระยับด้วยความสนอกสนใจจนคนฟังพากันขมวดคิ้ว
“ ฉันหวังว่าเธอจะดีกว่ายัยบ้าหัวแดงตรงนั้น ” คนต่อมาที่พูดคือ.. เด็กสาว? ตัวเล็กในชุดโกธิคโลลิต้าแปลกตาที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ชวนให้นึกถึงรูปปั้นหรือไม่ก็ตุ๊กตาบลายน์ที่เคยฮิตไปทั่วโลกในช่วงระยะเวลาหนึ่ง.. แต่น่าเสียดายที่ความเจ้ากี้เจ้าการในน้ำเสียงรวมไปถึงแววตามีมากจนเกินไปจนไม่น่าเข้าใกล้
“ ยินดีต้อนรับ ” หนึ่งในคนที่ดูไม่หมองหม่นจนเกินไปไม่ได้เจ้าเล่ห์จนเกินไปแต่ก็ไม่ได้ธรรมดาจนเกินไป ชายผมแพลตตินั่มบลอนด์ผิวขาวที่นั่งอย่างปกติอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิง บรรยากาศของเขาเยือกเย็นแต่ไม่ถึงกับเป็นภูเขาน้ำแข็งเมื่อมองเอาจากแววตาสนอกสนใจของเขาที่มีต่อเธอ
“ … ” คนสุดท้าย.. หากว่าสาวโลลิต้าคนนั้นดูอีโมแล้ว คนนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เขาสวมชุดเก่า ๆ มีใบหน้าเฉยชาไม่แยแส ยืนพิงผนังฝั่งหนึ่งของห้องเอาไว้ราวกับว่าเกลียดแสงสว่าง ดูเหมือนเด็กมีปัญหาอย่างน่าประหลาดแต่นั่นก็ไม่ใช่ขอบเขตที่เธอจะต้องรับผิดชอบหรือใส่ใจ
เอาเป็นว่าวิธีการต้อนรับคนของกองร้อยที่หนึ่งแตกต่างออกไปจริง ๆ
“ ฉันเป็นสมาชิกใหม่ของกองร้อย ” เดนิสต้ากล่าวพร้อมกับก้าวขาเข้าไปด้านใน เป็นการประกาศตัวว่าจะเข้าร่วมกับพวกเขาด้วยวิธีการที่แนบเนียนกึ่ง ๆ บังคับ สองตาของผู้มาใหม่กวาดมองรอบห้องโถงรวมตัวที่ให้บรรยากาศเคร่งขรึมเช่นเดียวกับภายนอกก่อนจะกลับมาหยุดลงที่ตัวของพวกเขา “ เดนิสต้า นอร์ทาร่า ธิดาวีนัสค่ะ ”
“ วี้ดหวิว.. ”
“ เหอะ ในที่สุดก็มีคนที่ดีพอจะมาเอาหล่อนลงสักที ”
สองสาวที่เหมือนจะไม่ถูกกันเท่าไหร่นักเป็นฝ่ายแรกที่ตอบสนองต่อการแนะนำตัว หนึ่งในนั้นดันตัวเองออกจากโซฟาย่างกรายเข้ามาอย่างเชื่องช้าเสมือนนางแมวยั่วสวาทที่คอยกวาดตาสำรวจเรือนร่างของสาวงามที่สมควรเรียกว่าสมบูรณ์แบบ “ น่าประทับใจ.. น่าประทับใจมาก ” เจ้าของกลิ่นไวน์แดงจากน้ำหอมราคาแพงรวมไปถึงเส้นผมสีแดงและเรือนร่างเย้ายวนใจที่ชวนให้สับสนเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเธอเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ มือนุ่ม ๆ ของสุภาพสตรีท่านนั้นแตะลงบนไหล่ของเดนิสต้าเบา ๆ ราวกับขนนกที่สัมผัสผิวน้ำ
“ ฉันเลทิเซีย ” เธอกระซิบ “ ธิดาเมอร์คิวรี่ ”
มือของเธอเคลื่อนลงจากไหล่ลูบไล้ลงมาตามแนวสันหลังอย่างอ้อยอิ่งและหยุดที่เนินระราบตรงช่วงบั้นท้ายนุ่ม “ ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับเธอ ” ระดับความเจ้าชู้ขั้นสูงและการเข้าหาในแบบที่ไม่ธรรมดา เลทิเซียส่งจูบในอากาศมาพร้อมกับความรักที่อัดแน่นอยู่ในแววตา เดนิสต้ายอมรับในสปิริตของความแพรวพราวที่แม้แต่ธิดาวีนัสยังต้องอาย ทว่าเมื่อขอบเขตอำนาจทางอารมณ์ของเธอสูงกว่าอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องปกติที่จะคาดเดาจุดประสงค์ของสายเลือดนักฉกชิง
เมื่อร่างระหงส์ของจอมโจรจากผละออกไป แทนที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของเด็กใหม่ใสซื่อ.. เปล่าเลย
เดนิสต้าถอนหายใจ เธอจับข้อมือของอีกฝ่ายดึงให้หันกลับมาก่อนจะเลิกคิ้วใส่ “ เราอ่านด้วยกันได้น่า ” แค่ประโยคเดียวก็เพียงพอจะให้เลทิเซียเสียววาบ ดวงตาของเธอเบิกกว้างโดยเฉพาะเมื่อขวดแบ่งวิสกี้ที่พกติดตัวอยู่เสมอดันไปโผล่อยู่ในมือของสมาชิกใหม่
“ คิก ” เสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดมาจากริมฝีปากของสาวโลลิต้า “ ฉันชอบคนนี้ ”
“ น้องใหม่ของเรามีเขี้ยวเล็บน่าดูสิน้า.. ” มุมปากของพวกเขาต่างก็ยกขึ้นอย่างพึงพอใจ
“ ยินดีต้อนรับสู่เส้นทางแห่งเกียรติยศ นอร์ทาร่า ”