AROUND THE WORLD TRIP WHITE KIM - 4
พวกเขาออกเดินทางแต่เช้าตรูเมื่อเครื่องบินเทคออฟจากกรุงไคโรเสียงเครื่องยนต์ที่สม่ำเสมอและแสงไฟอ่อนโยนในห้องโดยสารสร้างบรรยากาศสงบเงียบ ไนมีเรียนั่งอยู่ข้างคิมเบอร์ลีย์ที่กำลังอ่านหนังสือท่องเที่ยวเล่มเล็กอย่างเพลิดเพลิน แต่ความสงบนี้หาได้สะท้อนถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเด็กสาวธิดาแห่งเฮคาทีไม่
ในหัวของเธอมีเพียงคำเตือนกระซิบจากคลาริสซ่า วิญญาณที่อยู่เคียงข้าง "รู้ตัวแล้วใช่ไหม..มันนั่งอยู่ที่สามแถวข้างหลัง เจ้านั่นไม่ใช่คนธรรมดา..."
ไนมีเรียเหลือบตามองผ่านกระจกหน้าต่างสะท้อนภาพด้านหลังในมุมอับ เธอเห็นร่างสูงในชุดสูทเรียบกริบ ใบหน้าเรียบเฉยของนักธุรกิจที่แฝงความดุดันแม้พยายามจะกลมกลืนไปกับผู้โดยสารคนอื่น แต่เด็กสาวรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดธรรมชาติ ดวงตาข้างหนึ่งของเขาซึ่งมองเห็นผ่านแว่นกันแดดนั้นจับจ้องมายังเธออย่างไม่วางตา
เวรเอ้ย! แล้วทำไมต้องเป็นบนเครื่อง กลางอากาศแบบนี้ด้วยเกิดจัดการไม่ดีได้โหม่งโลกกันทั้งลำ
“ฉันขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่ค่ะ” ไนมีเรียหันไปพูดกับคิมเบอร์ลีย์พร้อมกับยิ้มบางๆ ที่ซ่อนความกังวลไว้ใต้ฉาบหน้า
เธอลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำท้ายเครื่องด้วยท่าทีที่ปกติที่สุด เธอรู้ว่าการจัดการอสุรกายไซคลอปส์ในพื้นที่แคบอย่างเครื่องบินไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องทำทุกอย่างให้เงียบเชียบและหลีกเลี่ยงความสนใจจากผู้โดยสารคนอื่น
เด็กสาวหยุดยืนที่หน้าโถงทางเดินผู้โดยสารไปยังท้ายลำเส้นทางไปสู่ห้องน้ำ จงใจยืนม้วนปอยผมเล่น ก่อนจะสะบัดผมบลอนด์ที่เปล่งประกายภายใต้แสงไฟอ่อนๆ ด้วยความจงใจ ร่างสูงในชุดสูทเดินตามมาทันทีราวกับถูกสเน่ห์ที่เธอสร้างขึ้นล่อลวง
“ตามมาแล้ว.. หวังว่าเธอรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่นะสาวน้อย” แคลร์กระซิบเตือน วิญญษณคอยเป็นหูเป็นตาให้ยังคงกังวลไม่เลิก
เมื่อไซคลอปส์ในคราบมนุษย์ตามร่างเย้ายวนใจและกลิ่นชวนน้ำลายสอนั้นไม่ห่าง มันเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ ไนมีเรียพลิกร่างมาบังแล้วปิดประตูแน่นหนาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่อยู่ในพื้นที่แคบ เธอผลักร่างสูงลงนั่งบนฝาชักโครก และนั่งคร่อมตักเขาไว้ รอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าเธอนั้นดูชวนหลงใหล แต่ในสายตาของไซคลอปส์ มันกลับเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ
"นี่เธอ...คิดจะทำอะไรกันแน่?" เสียงแหบต่ำของไซคลอปส์ถาม กลิ่นของเดมิก็อดเหมือนขนมสายไหมชวนน้ำลายสอเย้ายวนพอๆ กับท่าทีที่เธอใช้เขาใกล้
เจ้าของร่างอรชรไม่ตอบคำใช้สายตาและรอยยิ้มของเธอสะกดเขาไว้ ก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้ ท่าทีอ่อนหวานนั้นทำให้ไซคลอปส์เผลอใจไปชั่วขณะ อาศัยช่วงเวลาที่มันเผลอ ทันใดนั้นเองร่างบางที่ดูไร้เรี่ยวแรงกลับคล่องแคล่วว่องไว เธอตวัดเข็มขัดหนังที่ดึงออกมาจากร่างของมันรัดเข้าที่คอของอสุรกายอย่างรวดเร็ว ใช้แรงทั้งหมดกดแน่นจนเสียงคำรามของมันถูกปิดกั้น
ไซคลอปส์พยายามดื้นรนขัดขืน แต่พื้นที่แคบทำให้ร่างสูงใหญ่ไม่สามารถใช้พละกำลังได้เต็มที่ ไนมีเรียกระซิบใกล้หูของมันด้วยเสียงเย็นเยียบ
“ชู่ว…. อย่าเอะอะสิ คิดว่าตามฉันมาแล้วจะได้อะไรกลับไปกันล่ะ?”
การต่อสู้อย่างเงียบงันจบลงในเวลาไม่ถึงห้านาที ไนมีเรียผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ขณะที่ร่างไร้สติของไซคลอปส์ล้มลงไปกับผนังห้องน้ำ เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าผูกข้อมือของมันไว้ และยกศีรษะที่หนักอึ้งให้พิงกับผนังเพื่อให้ดูเหมือนหลับ
“ขอโทษนะ แต่นี่ไม่ใช่วันของแก” เจ้าของเสียงหวานพึมพำก่อนจะก้มลงเก็บสินสงคราม เช็คให้แน่ใจว่าเจ้านี่แน่นิ่งและตายสนิท หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเธอพลิกป้ายหน้าประตูห้องน้ำให้เป็น "ขออภัยกำลังชำรุด" และจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองให้ดูเรียบร้อยเหมือนเดิม
ไนมีเรียเดินกลับมานั่งข้างคิมเบอร์ลีย์ด้วยใบหน้าที่ปราศจากร่องรอยของความตึงเครียด “ห้องน้ำที่นี่สะอาดดีนะ” เธอเอ่ยติดตลก พลางหยิบหนังสือท่องเที่ยวของอีกฝ่ายขึ้นมาดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คิมเบอร์ลีย์ยิ้มบางๆ “ดีจริง ดูเหมือนเราใกล้ถึงไซปรัสแล้ว ที่นั่นคงมีของอร่อยให้ลองชิมอีกเยอะแน่”
“ยืนยันได้หนึ่งเรื่องว่าฉันมาเที่ยวกับ Foodie ตัวยงนะเนี่ย” ไนมีเรียตอบน้ำเสียงสดใสเหมือนไม่ได้พึ่งไปเชือดตัวอะไรในห้องน้ำมา ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง เครื่องบินลอยลำอยู่เหนือเมฆสีขาว ดวงตาของเธอส่องประกายราวกับเตรียมพร้อมรับมือทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึง
08.30 AM
หลังจากเก็บกระเป๋าที่ที่พักเรียบร้อย ไนมีเรียและคิมเบอร์ลีย์ก็ออกเดินทางสู่ร้านคาเฟ่เล็กๆ ใจกลางเมือง กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟไซปรัสผสมกับกลิ่นเนยสดจากขนมปังอุ่นๆ สร้างบรรยากาศของการเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ถึงจะดูคลิปนำเที่ยวมาบ้างแล้วก็เถอะ.. ที่นี่เหมือนถูกหยุดเวลาไว้เลย” คิมเบอร์ลีย์กล่าวขณะจิบกาแฟ ไนมีเรียมองไปรอบๆ เห็นผู้คนในร้านที่พูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา เธอยิ้มบางๆ พลางนึกถึงคำพูดนั้น มันอาจเป็นจริงในบางแง่ แต่ในโลกที่เธออยู่ทุกคนรู้ดีว่ากาลเวลาที่โหดร้านไม่เคยปราณีใคร
08.50 AM
เมื่อไปถึงประตูฟามากุสตาสองสาวน้อยสาวใหญ่สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือจากยุคเวนิส แม้ว่ากาลเวลาจะกัดกร่อนผิวผนังหิน แต่ยังคงความขลังและสง่างามไว้อย่างครบถ้วน เธอจับกล้องถ่ายรูปของคิมเบอร์ลีย์และช่วยบันทึกภาพของผู้หญิงที่เธอรู้สึกว่าเหมือนกำลังฟื้นคืนรอยยิ้มจากความเศร้า
“ยืนตรงนี้ค่ะ มุมนี้แสงกำลังดี” ตากล้องจำเป็นบอกพร้อมยกกล้องขึ้น คิมเบอร์ลีย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะทำท่าโพสแบบเขินอาย “แบบนี้ดีไหม?”
“สมบูรณ์แบบทีเดียว” ไนมีเรียตอบพลางกดชัตเตอร์ เสียงกล้องดังแชะ “เซย์ชีส!” พร้อมกับแสงที่จับภาพความสุขของคิมเบอร์ลีย์ไว้
09.10 AM
พิพิธภัณฑ์โบราณคดีไซปรัสเปรียบเสมือนขุมทรัพย์แห่งประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงยุคโรมัน ใช้เวลาเดินเท้ามาจาดประตูชัย ไนมีเรียเดินชมด้วยสายตาที่พินิจพิเคราะห์ รูปปั้นเทพีไซปรัสในยุคสำริดสะท้อนแสงอ่อนในห้องจัดแสดง ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังมองภาพสะท้อนของตนเองในอดีต
“ดูสิ ชิ้นนี้เก่าแก่ขนาดไหน” คิมเบอร์ลีย์ชี้ไปยังเครื่องปั้นดินเผา ไนมีเรียมองมันอย่างตั้งใจ เธอไม่ได้ตอบในทันที เพราะใจหนึ่งยังคงสงสัยว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเทพีใดในตำนานหรือไม่
10.30 AM
ย่านเมืองเก่าของนิโคเซียเต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นอายของอดีต อาคารทรงคลาสสิกที่ผุกร่อนและถนนหินกรวดที่ราวกับเก็บเรื่องราวมาหลายศตวรรษทำให้ธิดาแห่งเฮคาทีรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่ยุคอดีต ไนมีเรียเดินนำคิมเบอร์ลีย์ผ่านตรอกซอกซอยแคบๆ เธอมองเห็นจิตรกรรมฝาผนังบนกำแพงและรอยแยกที่เล่าเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของเวลา ขณะกำลังหยุดชมป้ายเก่าแก่ เธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ใต้ฝ่าเท้า คลาริสซ่ากระซิบบางสิ่งที่ทำให้เธอชะงัก
“เดี๋ยวฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่” เป็นอีกครั้งที่เดินแยกออกมาและใช้คำอ้างเดิมๆ
เมืองเก่านิโคเซียในยามสายแผ่เสน่ห์ของประวัติศาสตร์อันยาวนานให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำ สถาปัตยกรรมที่เหลือรอดจากกาลเวลาเผยให้เห็นเรื่องราวของจักรวรรดิออตโตมันที่เคยเรืองอำนาจ ผนังอิฐที่ถูกลมและแดดกัดเซาะมานานนับศตวรรษเหมือนจะบอกเล่าความหลังแก่ผู้ที่สนใจ
ไนมีเรียแยกตัวจากคิมเบอร์ลีย์หลังบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เธอเดินลัดเลาะไปตามตรอกแคบ ๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยเถาวัลย์และเงาไม้ ดวงตาสีเฮเซลของธิดาแห่งเฮคาทีกวาดมองทุกสิ่งรอบตัว ก่อนจะสะดุดเข้ากับบางสิ่ง
ตรงพื้นดินถัดไปใต้กำแพงที่มีรอยแตกร้าว เธอเห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ ร่องรอยที่ชัดเจนของกรงเล็บที่ฝังลงในพื้นดินทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น ไนมีเรียก้มลงสำรวจอย่างระมัดระวัง นิ้วเรียวสัมผัสรอยกรงเล็บเบา ๆ ความเย็นเยียบของรอยข่วนลึกทำให้เธอตัดสินใจตามรอยไปยังต้นกำเนิด ดวงตาสีเฮเซลเปล่งประกายด้วยความตั้งใจขณะเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่รอยเท้านำพา
หลังกำแพงเก่าที่พังลงบางส่วน เธอพบอุโมงค์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด กลิ่นอับและลมเย็นที่พัดออกมาจากปากอุโมงค์ทำให้เธอแน่ใจว่าเบื้องลึกของมันไม่ได้ว่างเปล่า มือเรียวหยิบหอกสัมฤทธิ์จากกระเป๋าอาคมออกมา ปลายหอกสะท้อนแสงเพียงเล็กน้อยเมื่อแสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในอุโมงค์ ไม่ทันที่ดวงตาจะปรับให้ชินกับความมืด ไนมีเรียก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอากาศ กลิ่นสาปและเสียงคำรามต่ำ ๆ ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของรอยเท้ากำลังอยู่ไม่ไกล
ราชสีห์นีเมียนโผล่ออกมาจากเงามืด ร่างของมันใหญ่โตจนน่าเกรงขาม ขนสีทองที่เคยเลื่องลือในเรื่องความทนทานเปล่งประกายอ่อน ๆ ในเงา อสุรกายรุ่นลูกหลานตัวนี้แม้จะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าบรรพบุรุษ แต่ความเร็วและพละกำลังของมันยังเพียงพอที่จะคุกคามใครก็ตามที่ประมาท
มันคำรามเสียงต่ำจนเธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้า เธอถือหอกสัมฤทธิ์มั่นคงในมือ พยายามกะระยะก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามา ราชสีห์กระโจนเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ ไนมีเรียเบี่ยงตัวหลบในเสี้ยววินาที หอกสัมฤทธิ์ในมือของเธอสะบัดขึ้นป้องกันคมเขี้ยวที่พุ่งมาหา ดวงตาสีเฮเซลของเธอจ้องจับความเคลื่อนไหวของมันทุกจังหวะ
“เกือบไปแล้วเชียว..” เธอพึมพำพร้อมกับก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง
ราชสีห์หมุนตัวด้วยความเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ครั้งนี้มันเล็งที่ช่วงขาเพื่อให้เธอเสียหลัก ไนมีเรียกระโดดหลบอย่างคล่องตัว พร้อมกับปักหอกลงพื้นเพื่อเป็นจุดยันก่อนจะหมุนตัวฟาดด้ามหอกใส่สีข้างของมันเสียงคำรามดังสนั่นบ่งบอกว่าการโจมตีของเธอสัมฤทธิ์ผล ร่างใหญ่ของราชสีห์ถอยกรูดไปเล็กน้อยมันจ้องเธอด้วยความดุดันกว่าเดิม
“เจ้าฉลาดกว่าเท่าที่คิดแฮะ” ไนมีเรียพูดเบา ๆ แต่ในใจกลับลิงโลดที่หอกสัมฤทธิ์ยังคงมีพลังมากพอจะสร้างความเสียหาย
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดในพื้นที่จำกัด ราชสีห์พยายามโถมตัวเข้าใส่เธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไนมีเรียใช้ทั้งความเร็วและสติปัญญาในการหลอกล่ออาศัยจังหวะที่มันหันข้าง เปิดช่องให้เธอแทงหอกสัมฤทธิ์เข้าใส่จุดอ่อนใต้ซี่โครง เสียงคำรามแผ่วลง ร่างใหญ่ของราชสีห์ทรุดตัวลงกับพื้น หายใจรวยริน ไนมีเรียถอนหอกออกมาปลายหอกเปื้อนเลือดสีเข้มที่ส่งกลิ่นคาวแรง
เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ปล่อยให้เสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงสงบลงไม่ลืมที่จะก้มลงเก็บขนสิงโตเป็นสินสงคราม ก่อนจะเดินออกจากอุโมงค์กลับไปยังถนนในเมือง เมื่อกลับมาถึงจุดนัดพบก็พบว่าคิมเบอร์ลีย์กำลังรออยู่ที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ ใกล้กับลานน้ำพุ หญิงสาวยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“หายไปนานนะ ฉันคิดว่าเธอหลงเสียอีก” คิมเบอร์ลีย์กล่าวพร้อมกับยื่นน้ำเย็นมาให้
คนยิ้มแผล่รับมาอย่างขอบคุณก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “ก็.. หลงทางนิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
ในขณะที่อีกคนเล่าถึงประวัติกำแพงเวนิสคู่สนทนาเอาแต่ซ่อนรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนแขนไว้ใต้ถุงมืออย่างแนบเนียน
12.00 PM
หลังจากเธอกลับมาอย่างไม่มีพิรุธใด คิมเบอร์ลีย์ยิ้มให้พร้อมกล่าวว่า “ที่นี่มีร้านอาหารที่อยากลอง ฉันจองไว้แล้ว” มื้อกลางวันประกอบด้วยซูฟลากิเนื้อย่างหอมกรุ่น ฮัลลูมีชีสย่าง และมูสซากาที่เสิร์ฟพร้อมไวน์ไซปรัส ไนมีเรียสังเกตเห็นว่าคิมเบอร์ลีย์ดูผ่อนคลายมากขึ้น เธอเองก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเพิ่งเผชิญหน้ากับอสุรกายมา
13.00 PM
โบสถ์เซนต์จอห์นตั้งอยู่กลางเมืองเก่า ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังสีสดที่เล่าเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล เธอเดินตามคิมเบอร์ลีย์เข้าไปในโบสถ์และรู้สึกถึงความสงบที่แผ่ซ่านผ่านผนังหนา ไนมีเรียหยุดยืนมองภาพวาดบนเพดานที่เล่าเรื่องราวของนักบุญและมหากาพย์แห่งศรัทธา เธอสัมผัสได้ถึงพลังของสถานที่และความศักดิ์สิทธิ์ที่อบอวลอยู่
18.30 PM
หลังจากกลับมาที่พักเพื่อพักผ่อนสั้นๆ พวกเธอออกไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารท้องถิ่น คิมเบอร์ลีย์เลือกไวน์ท้องถิ่นและอาหารทะเลสดใหม่ ทั้งปลาย่างที่เสิร์ฟพร้อมกับผักสด แฮมมุสถั่วลูกไก้รวมไถงสโมคกี้แซลม่อน ไนมีเรียมองคิมเบอร์ลีย์ที่ยิ้มแย้มระหว่างรับประทานอาหาร เธอรู้สึกได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ช่วยเยียวยาจิตใจของหญิงม่ายได้ไม่น้อย
เมื่อพวกเธอกลับมาที่พัก ไนมีเรียช่วยคิมเบอร์ลีย์เปิดวิดีโอล็อคของภาพถ่ายที่ถ่ายมาตลอดวัน ทั้งสองนั่งมองภาพด้วยรอยยิ้มและหัวเราะให้กับความทรงจำที่สร้างขึ้นใหม่
“สองวันที่ผ่านมาเป็นแค่ครึ่งระยะทางของเมืองที่ฉันและมาร์คเคยใ่ฝันจะไปเที่ยวร่วมกัน.. คุณยังสนใจไปที่เมืองสุดแสนพิเศษกับฉันต่อไหม” คิมเบอร์ลีย์ถาม
“แน่นอนสิ แต่ฉันว่าพวกเราควรพักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นใหม่” เด็กรู้ดีว่าแม้เส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง แต่เธอก็พร้อมจะก้าวต่อไปในฐานะเพื่อนร่วมเดินทาง ตากล้อง และผู้พิทักษ์ของหญิงม่ายคนนี้
เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนไร้แสงจันทรา สตรีทั้งสองนอนแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องแผนการเที่ยวของพวกเขาจนผลอยหลับไป อย่างน้อยก็โชคดีที่แคลร์ส่งเสียงแทนนาฬิกาปลุกทันก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเที่ยวบินไปอิสตันบลู

สินสงคราม: หนังราชสีห์นีเมียน
โอกาสดรอปพิเศษ:
ค่า LUK 30+ เลขไบต์ 9 จะมีโอกาสดรอปไข่นีเมียน
พิชิตครั้งแรก ราชสีห์นีเมียน +2 ตื่นรู้

ไซคลอปส์ที่สะกดรอยตามมา
สินสงคราม : ดวงตาไซคลอปส์
ออกเดินทางจากลารืกาน่าขึ้นเครื่องบินไปยังสนามบินอิสตันบลู 3 ชั่วโมง 50 นาที

@God