AROUND THE WORLD TRIP WHITE KIM - 3
เมื่อเครื่องบินเข้าเทียบท่าอากาศยานพวกเขาเริ่มต้นทริปหลังจากเก็บสัมภาระในที่พักไม่ไกลจากใจกลางเมือง โดยเดินทางไปยังปิรามิดแห่งกิซาซึ่งใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลทรายสีทอง ปิรามิดทั้งสาม—คูฟู คาเฟร และเมนคูเร—สะท้อนประกายแสงอาทิตย์ราวกับเพชรอันล้ำค่า
ไนมีเรียและคิมเบอร์ลีย์ตื่นตาตื่นใจกับขนาดและความอลังการของสิ่งมหัศจรรย์นี้ พวกเขาถ่ายภาพด้วยฉากหลังที่เป็นปิรามิด พร้อมทั้งขี่อูฐเพื่อสัมผัสประสบการณ์แบบชาวเบดูอินโบราณ คิมเบอร์ลีย์หัวเราะอย่างผ่อนคลายเมื่ออูฐสะบัดตัวจนเธอเกือบเสียการทรงตัว
“ดูเหมือนพวกอูฐกำลังประท้วงให้เรารถน้ำหนักรึไม่ก็หาของว่างมาให้มันเพิ่มนะคะ”
ถัดไปคือการเยี่ยมชมสฟิงซ์ รูปสลักขนาดใหญ่ที่มีร่างเป็นสิงโตและศีรษะเป็นมนุษย์ ไนมีเรียยืนจ้องมองด้วยความสนใจ ราวกับต้องการไขปริศนาอันลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในสายตาของสฟิงซ์
เมื่อแสงแดดแรงกล้าทอประกายเหนือยอดปิรามิดแห่งกิซา ร่างอรชรของธิดาแห่งเฮคาทีก็ยืนประจันหน้ากับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ดวงตาสีเฮเซลจับจ้องไปยังสฟิงซ์ผู้ลึกลับที่ตั้งตระหง่านกลางทะเลทราย ดวงหน้าแสดงออกถึงความประทับใจอันลึกล้ำ ขณะที่ลมร้อนพัดเอาทรายละเอียดมากระทบผิว เธอรู้สึกถึงประวัติศาสตร์ที่แผ่กระจายอยู่รอบตัว
ข้างกายหญิงสาวผู้เถรตรงคือคิมเบอร์ลีย์ แม่หม้ายผู้มีกิริยาอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า เธอก้าวลงจากหลังอูฐอย่างระมัดระวัง แล้วหันไปสบตาเด็กสาวราวกับจะขอคำยืนยันว่าเธอพร้อมสำหรับการผจญภัยในดินแดนแห่งเทพเจ้านี้ ไนมีเรียยิ้มบาง ขยับเส้นผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งเหยิงก่อนจะกล่าวกระเซ้าเบา ๆ
“ผืนทรายเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง… คิดว่าสามารถเอาชนะทะเลทรายนี้ได้ไหม?” น้ำเสียงมีแววเย้าแหย่เจือความมั่นใจ
“นานมาแล้วฉันเคยฟังนิทานเรื่องพันหนึ่งราตรี พอมาลองคิดดู ทะเลทรายงดงามลึกลับขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีตำนานมากมายเกี่ยวกับมัน” คิมเบอร์ลีย์หัวเราะตอบ เป็นเสียงหัวเราะที่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน นัยน์ตาของเธอฉายแววสดใสขึ้นเล็กน้อย ไนมีเรียรู้ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เธอต้องการเห็น—ประกายชีวิตที่กลับคืนสู่ผู้หญิงคนนี้
พวกเขาเดินเข้าสู่บริเวณปิรามิดที่ทอดตัวอยู่ใต้ท้องฟ้าสีฟ้าเข้ม หญิงสาวผู้อ่อนโยนตื่นเต้นเหมือนเด็ก ขณะจับกล้องขึ้นถ่ายภาพทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ขณะที่ไนมีเรียยืนมองภาพนั้นด้วยความสุขลึก ๆ คลาริสซ่า วิญญาณที่ติดแหวนกล่าวกระซิบด้วยน้ำเสียงเจือรอยขัน
“คิมเบอร์ลีย์ดูเหมือนจะเจอแสงสว่างเล็ก ๆ ในทะเลทรายนี้แล้วนะ”
16:30 PM
ระหว่างทางกลับจากปิรามิด คิมเบอร์ลีย์และไนมีเรียหยุดพักที่ร้านอาหารของชาวพื้นเมืองแวะน้ำจิบชาอียิปต์ดั้งเดิมที่ร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ไนมีเรียลองชิมชาคาร์คาเด ซึ่งเป็นเครื่องดื่มดั้งเดิมของอียิปต์ที่ทำจากดอกกระเจี๊ยบแดง รสชาติเปรี้ยวอมหวานทำให้เธอรู้สึกสดชื่น แต่จู่ ๆ ธิดาแห่งเฮคาทีรู้สึกถึงกระแสพลังที่ผิดปกติ เธอเหลือบมองรอบตัวก่อนจะพบทางเดินเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะถูกซ่อนเร้นใต้เงาของต้นอินทผลัม
“ขอเดินดูแถวนี้สักครู่คุณพักผ่อนตรงนี้ก่อนนะคะ” เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้คนฟังรู้สึกกังวล
แสงแดดยามบ่ายที่เคยแผดจ้าค่อยๆ เลือนลางลงเมื่อแยกตัวจากคิมเบอร์ลีย์ ไนมีเรียก้าวเข้าไปในเส้นทางเล็ก ๆ และพบว่ามันนำไปยังซากสถานบูชาที่ถูกทิ้งร้าง กลิ่นอายบางอย่างบอกให้หญิงสาวเดินอย่างระมัดระวัง สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นเยียบผิดปกติในทะเลทรายนี้ ภายในห้องโถงที่ถูกฝังในทรายคือเงาร่างของหญิงชราผิวเขียวซีด ผู้มีดวงตาแดงก่ำเหมือนเปลวไฟคือแม่มดดำผู้ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เธอเดินตามเส้นทางที่ทอดไปยังซากแท่นบูชาเก่าแก่ท่ามกลางเงาของต้นไม้ที่โอบล้อม ทรายรอบข้างเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดินดำเปียกชื้น ราวกับพื้นที่แห่งนี้ไม่ได้รับแสงอาทิตย์มานานหลายทศวรรษ
ร่างบางก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง ดวงตาสีเฮเซลของเธอกวาดมองสภาพแวดล้อมรอบตัว สัญชาตญาณเตือนเธอถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล เสียงกระซิบที่ฟังไม่ชัดเจนดังก้องอยู่ในหัวเหมือนบทสวดโบราณที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
"เครื่องสักการะ.. นี่คงเป็นที่ซ่อนตัวของพวกมัน..." ไนมีเรียพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่เธอจะก้าวไปหยุดอยู่หน้าแท่นบูชาแตกหัก มันมีร่องรอยของการประกอบพิธีกรรมอันน่าสะพรึงกลัว ดอกไม้แห้ง เศษกระดูก และเทียนที่มอดไหม้จนเหลือเพียงเศษขี้ผึ้ง
ทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากมุมมืด ร่างของหญิงในชุดคลุมดำสนิทปรากฏขึ้นจากเงา เธอมีใบหน้าเรียวแหลม ผิวซีดขาวราวกับคนไร้ชีวิต และดวงตาแดงฉานที่จับจ้องร่างอรชรตรงหน้า
"หืม.. กลิ่นอายนี้ นายหญิงรึ?? ไม่ใช่!! เจ้าคือธิดาแห่งเฮคาที..." แม่มดดำเปล่งเสียงหวานแหลม ทว่ามันแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน "เจ้าเองหรือที่มาขัดขวางพิธีของเรา?"
ไนมีเรียยืดตัวตรงเห็นตราบนแท่นบูชาถูกวาดด้วยโลหิตและสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับมนตร์ดำ ริมฝีปากสีสดของเธอคลี่ยิ้มเย็นชา "พิธีของพวกเจ้า? อย่าทำให้ฉันหัวเราะเลย การใช้เวทมนตร์เพื่อทำร้ายผู้คน มันช่างน่ารังเกียจเกินกว่าจะเป็นการกระทำของผู้รับใช้ของแม่"
แม่มดดำชะงักเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะในลำคอ "โอ้... เจ้าช่างพูดได้คล้ายเหล่าพี่น้องผู้คลั่งคุณธรรมของข้าเสียจริง หากเป็นองค์ราชีนีมาเองข้าอาจจะยอมปล่อยไป…แต่เจ้าไม่ใช่นาง เจ้าก็แค่เด็กสาวที่โชคดีได้รับสายเลือดนั้นมา"
"ฉันไม่ต้องการการยอมรับจากขี้ข้ามนต์ดำหรอกนะ แต่ถ้าคิดจะท้าทายพลังนี้..."
คำพูดนั้นเหมือนเปลวไฟที่จุดประกายโทสะในอก ไนมีเรียก้าวเข้าใกล้ด้วยความมั่นใจ ท่วงท่าเธอสง่างามและเยือกเย็นราวกับราชินี เธอหยิบปืนออกมาอย่างรวดเร็ว ใส่กระบอกเก็บเสียงแล้วเล็งตรงไปยังร่างของแม่มดดำ "ก็ลองชิมลูกตะกั่วสัมฤทธิ์หน่อยเป็นไง"
แม่มดดำยิ้มเยือกเย็น แต่ในแววตาส่อแววลังเลอย่างชัดเจน พลังแห่งเฮคาทียังคงอยู่ในสายเลือดของเด็กสาวตรงหน้า มันรู้ดีว่าการปะทะโดยตรงอาจเป็นการเลือกที่ผิดพลาด แต่มันก็เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
"เจ้าช่างมั่นใจในตัวเองเสียจริง" แม่มดดำกระซิบเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มร่ายเวทย์ มือเรียวขาวซีดขยับอย่างรวดเร็ว ร่างของมันหายวับไปจากที่เดิมก่อนจะปรากฏตัวขึ้นที่อีกมุมหนึ่ง
ไนมีเรียไม่รอช้า เธอยิงกระสุนออกไป กระสุนนั้นทะลุผ่านอากาศไปอย่างแม่นยำ แต่กลับพลาดเป้าหมายเพราะความรวดเร็วของอีกฝ่าย
"คิดว่าของเล่นที่พวกมนุษย์สร้างขึ้นจะทำอะไรข้าได้หรือ?"
แม่มดดำเย้ยหยันพร้อมกับปล่อยเวทย์มนตร์ออกมา เป็นพลังสีดำที่พุ่งตรงเข้าหาธิดาแห่งเฮคาที หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว ในความเงียสาวผมบลอนด์พลิกตัวกลับและเหนี่ยวไกอีกครั้ง กระสุนนี้เจาะเข้าไปที่แขนของแม่มดดำทำให้มันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
"นังคนทรยศเผ่าพันธ์ุ เจ้ากล้าทำร้ายข้า!?" เสียงกรีดร้องของแม่มดดำแผดดังมันกุมแขนที่เลือดไหลอาบ ก่อนจะพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดในตัวเพื่อปลดปล่อยอาคมสุดท้าย
เด็กสาวรู้ว่านี่คือช่วงเวลาที่เธอต้องลงมือ เธอก้าวเข้าไปใกล้แท่นบูชา ท่ามกลางกลิ่นกำยานที่โชยอบอวล และกดปืนเล็งไปที่หัวใจของแม่มดดำ
"นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะยอมแพ้… " น้ำเสียงของเธอเย็นเยียบ ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มจางๆ "และแกพึ่งทำมันหลุดลอย… ตัวหมากที่ไร้ค่า"
แม่มดดำสบตาเธอในแววตาของมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความหวาดกลัว มันพยายามลอบโจมตีครั้งสุดท้ายด้วยพลังเวทย์ แต่ผู้กุมปืนนั้นกว่ามาก อาศัยแต้มต่อเธอยิงกระสุนนัดสุดท้ายที่หยุดทุกความทะเยอทะยานของมัน ร่างของแม่มดดำล้มพับลงกับพื้นเลือดสีดำข้นไหลซึมออกมา ไนมีเรียก้าวเข้าไปดูใกล้ๆ เธอรู้ว่าการกระทำนี้จะเป็นการปกป้องมารดาและชื่อเสียงของพี่น้องคนที่เหลือ
"ในอดีตพี่น้องของเราถูกเผาทั้งเป็นไปมากเพราะพวกนี้ หลงใหลในมนต์ดำจนถอนตัวไม่ขึ้นก่อความวุ่นวายไปทั่ว จับมาเลาะกระดูกให้ตายช้าๆยังน้อยไป" คลาริสซ่ากระซิบขึ้นเบาๆ วิญญาณติดแหวนปรากฏตัวขึ้นข้างกายเด็กสาว
หลังจากเก็บสินสงครามและเดินออกจากซากแท่นบูชาที่บัดนี้ไร้เงาของความมืดและเดินกลับไปหาคิมเบอร์ลีย์ เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องนี้ แต่เพียงพูดว่า “คุณดูสดใสมากขึ้นหลังจากได้ดื่มชา”
ต่อจากนั้น พวกเขาเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์อียิปต์ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงไคโร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาสมบัติล้ำค่าของฟาโรห์ รวมถึงหน้ากากทองคำของตุตันคามุน คิมเบอร์ลีย์หลงใหลในรายละเอียดอันวิจิตรของสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ ขณะที่ไนมีเรียเฝ้าฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่าเทพเจ้าของอียิปต์ด้วยความสนใจ
18.45 PM
หลังจากชมพิพิธภัณฑ์อียิปต์ที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าของฟาโรห์ยามพระอาทิตย์ตกดิน ทั้งสองล่องเรือเฟลุกกาไปตามแม่น้ำไนล์ ลมเย็นยามค่ำพัดโชย พร้อมกับทิวทัศน์ที่น่าตื่นตา ไนมีเรียและคิมเบอร์ลีย์รับประทานอาหารค่ำบนเรือ ภายใต้แสงตะวันที่โรแมนติก เสียงน้ำกระทบเรือและเสียงคึกคักจากตัวเมืองสร้างบรรยากาศที่ชวนฝัน คิมเบอร์ลีย์เล่าถึงความทรงจำที่เธอเคยมีร่วมกับมาร์คและลูกสาว ขณะที่ไนมีเรียรับฟังอย่างตั้งใจ
เธอพยายามปลอบโยนหญิงผู้เปราะบางนี้ด้วยคำพูดที่เรียบง่ายแต่หนักแน่น พวกเขาขึ้นเรือเฟลุกกา ล่องไปตามแม่น้ำไนล์ที่เป็นดั่งสายเลือดของอารยธรรมอียิปต์ ลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านทำให้ผิวน้ำเกิดริ้วประกาย ไนมีเรียห่มผ้าคลุมบาง ๆ มองดูคิมเบอร์ลีย์ที่นั่งชมทิวทัศน์หญิงหม้ายวัยกลางคนดูสงบและเปี่ยมไปด้วยความคะนึงหาในดวงตาทั้งสอง
“คุณคิดถึงพวกเขามากใช่ไหม?” ไนมีเรียถามขึ้นเบา ๆ รู้สึกถึงความเศร้าที่เอ่อล้นออกมาจากอีกฝ่าย
คิมเบอร์ลีย์หันมายิ้มบาง ๆ ดวงตาของเธอชื้นด้วยน้ำตา “ใช่... ตลอดทุกลมหายใจ”
หลังจากการเดินทางทั้งวัน พวกเขาแวะที่ตลาดข่านเอลคาลิลี บรรยากาศที่คึกคักของตลาดกลางคืนทำให้หัวใจของคิมเบอร์ลีย์เบาขึ้นเล็กน้อย เธอหยิบผ้าทอหลากสีขึ้นมาเลือกชม ขณะที่ไนมีเรียช่วยต่อรองราคากับพ่อค้าด้วยท่าทีมั่นใจ
“โอ้ สาวน้อย เรื่องเจรจาคุณนี่เก่งราวกับแม่มดร่ายมนต์เลยนะ” คิมเบอร์ลีย์กล่าวอย่างขบขัน
ฟังแล้วอดไม่ได้ที่จำหัวเราะ “บางทีฉันอาจจะเป็นแม่มดก็ได้นะ ใครจะรู้”
21:30 PM
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศของแม่น้ำไนล์ พวกเขาเดินทางไปยังตลาดข่านเอลคาลิลี ตลาดเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยแสงสีและเสียงหัวเราะ ไนมีเรียตื่นตากับสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าทอมือ เครื่องประดับทองคำ เครื่องหอม และตะเกียงแก้ว คิมเบอร์ลีย์เลือกซื้อผ้าคลุมไหล่สีสันสดใส ส่วนไนมีเรียต่อรองราคาสร้อยข้อมือเงินที่มีลวดลายแบบดั้งเดิม สำรวจตลาดไปพร้อมกับพูดคุยถึงสิ่งที่พวกเขาอยากทำในวันต่อไปใช้เวลาช่วงสุดท้ายของวันเดินชมตลาด ซื้อของที่ระลึก และพูดคุยถึงแผนการเดินทางต่อไป คิมเบอร์ลีย์รู้สึกขอบคุณเด็กสาวคนนี้ที่เข้ามาในชีวิตของเธอ และช่วยเติมเต็มความว่างเปล่าที่เธอไม่คิดว่าจะถูกเติมเต็มได้อีก
หลังจากตะลอนมาทั้งวันพวกเขากลับเข้าสู่ที่พักในใจกลางกรุงไคโร ไนมีเรียมองดูคิมเบอร์ลีย์ที่กำลังหลับด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เด็กสาวบ้านเฮคาทีบันทึกภาพและเรื่องราวเอาไว้เก็บใส่ในมินิแพดเพื่อรอกลับไปที่ค่ายและนำภาพพวกนี้ให้คุณดีได้เห็น แพลนการเดินทางในเช้าตรู่แล้วหลับไปเพราะความอ่อนล้าตลอดทั้งวัน
เช้าตรู่ในวันถัดมาพวกเขาเลือกเที่ยวบินแรกเวลา 05.20 AM เพื่อมุ่งหน้าไปยังไซปรัส จุดหมายปลายทางที่สอง

สินสงคราม: น้ำยาเวทมนต์
หากมีค่า LUK 40 หน่วย จะอิงจากเลขไบต์หลักสุดท้าย คือจำนวนที่ได้
(เลข 0-1 = 1 ชิ้น)
พิชิตครั้งแรก แม่มดดำ + 2 ตื่นรู้
ออกเดินทางจากไคโรเครื่องบินไปยังสนามบินลาร์กาน่า-นิโคเซีย 1 ชั่วโมง 20 นาที

@God