“ อาจไม่ใช่.. คนที่ชาญฉลาดถึงเพียงนั้น? ”
ริมฝีปากของเฮร่าเหยียดออกเป็นรอยยิ้มที่ฝืดเคือง ฝ่ามือของนางกำแน่นจนช่วงผิวตรงบริเวณข้อนิ้วเริ่มขาวโพลน ‘ นางรู้ เกียรติของสตรี ความดื้อรั้นหัวใสในแววตานั้นที่เปรียบเหมือนภาพสะท้อนของนางก่อนจะต้องแต่งงาน คำพูดฉะฉานที่หลบซ่อนและลื่นไหลเหมือนกับนังเด็กอะโฟรไดท์ที่เคยเป็นเป้าหมายของซุส ’ เสี้ยววินาทีหนึ่งในความคิดของเฮร่ามีเพียงคำที่คิดว่า ‘ ปล่อยไว้ไม่ได้ ’ นางไม่อาจปล่อยให้เด็กคนนี้เป็นชิ้นเนื้อที่ล่อตาล่อใจสามี และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถปล่อยให้จุดจบของนางเป็นเช่นเดียวกับมารดาที่ถูกมัดไว้กับชายซึ่งไม่รัก เผลอ ๆ ต่อให้จับคู่แต่งงาน ซุสก็อาจจะไม่ยอมแพ้เรื่องการชิงตัวนางด้วยซ้ำ
คำสาปที่เด็ดขาดพอจะตัดไฟแต่ต้นลม นางต้อ—-
“ อึก ”
ราวกับว่าโลกทั้งใบพลิกกลับ ความเจ็บปวดแทรกไปทั่วประสาทสัมผัสตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า ดวงตาของเทพีแห่งการสมรสเบิกกว้างด้วยท่าทางประหลาดจนครึ่งเทพที่คุกเข่ารีบร้อนโผขึ้นประคองอย่างร้อนใจ “ เทพีเฮร่า? เทพีเฮร่า?? ”
สายไปแล้ว.. จากฉลองพระองค์ที่งดงามดั่งกุลสตรีต้นแบบค่อย ๆ แปรสภาพเป็นชุดของนักรบหญิงที่มีเสื้อคลุมหนังแพะแทนที่ชายผ้าไหมกรุยกราย เนเรซ่าชะงักนิ่งไป แม้กระทั่งลมหายใจยังเหมือนกับถูกแช่แข็งเอาไว้ ธิดาอะโฟรไดท์รีบก้าวถอยหลังก่อนจะสะดุดล้มลงกับพื้น
‘ นั่นคืออะไร? เฮร่าปางลงโทษ?? ’
แต่เปล่าเลย เมื่อดวงตาของเทพีแห่งการสมรสลืมขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศรุนแรงกดดันก็เลือนหายจนเหลือแค่ความซื่อตรงจริงใจ ที่อยู่ตรงหน้าเธอบัดนี้ไม่ใช่ ‘ เฮร่า ’ แต่เป็น ‘ จูโน่ ’ ผู้พิทักษ์และดูแลกรุงโรมมานับตั้งแต่โบราณกาล สายตาของเทพีแห่งการสมรสที่ลึกซึ้งและยืดหยุ่นกว่าเฮร่ากวาดมองความงามของธิดาอะโฟรไดท์ตัวน้อยอย่างพิจารณา
“ ดีเหลือเกินที่ยังทัน ”
โทสะอย่างรุนแรงของเฮร่าส่งผลต่อจูโน่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นนางจึงรู้ตัวและเห็นโอกาส.. จูโน่ปล่อยให้ลมหายใจพรั่งพรูออกจากริมฝีปาก รอยยิ้มบนหน้าของนางดูอ่อนโยนขึ้นแต่ก็มีเค้าลางความห่างเหินตามประสาเทพีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดใด ๆ กับเธอ “ เด็กน้อย หากยังคงอยู่ที่นี่ เฮร่าจะรังควานเจ้าอย่างแน่นอน ” สองมือขององค์เทพีวางประสานกันบนตัก ท่วงท่าเป็นจริงจังและเป็นทางการมากขึ้นจนครึ่งเทพตัวน้อยปรับตัวไม่ทัน
“ คะ? แล้วท่าน .. ท่านไม่ใช่… ” ราศีของเทพไม่จำเป็นต้องแสดงออกหรือบอกผ่านปากก็ยังรับรู้ได้ ความคิดของเนเรซ่าทำงานอย่างรวดเร็วถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ นา ๆ จนพบเข้าความคิดหนึ่งที่เธอไม่กล้าฝัน ปกรณัมแห่งทวยเทพมักถูกแบ่งออกเป็นสองภาค ฝั่งกรีกยังมีตัวตนได้แล้วทำไมอีกฝั่งที่โด่งดังเท่า ๆ กันจะมีไม่ได้ “ เทพี.. จูโน่? ”
“ มีปัญญาและรูปโฉมที่สมบูรณ์พร้อม เหมาะสมแล้วที่เราจะช่วยเหลือ ” จูโน่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นางไม่เคยช่วยเหลือใครแค่เพียงเพราะสงสาร ทุกอย่างมีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อและในเวลานี้กรุงโรมใหม่จำเป็นต้องมีผู้ผลักดันเพื่อรอรับกับหายนะที่อาจเข้ามาได้ทุกเมื่อไม่ต่างอะไรจากสถานการณ์ของค่ายฮาร์ฟบลัดในยามนี้ “ เรามีข้อเสนอให้แก่เจ้า หนทางหลบหนี หากเจ้าไม่ต้องการเผชิญหน้ากับราชาและราชินีแห่งปวงเทพด้วยกำลังที่มีในตอนนี้ ”
จูโน่เอื้อมไปหยิบจอกไวน์ทองคำขึ้นจิบในระหว่างที่ดูปฏิกิริยาของครึ่งเทพตัวน้อยที่มีสีหน้าพิจารณา ทั้งที่แววตายังสั่นระริกด้วยความสับสนและประหม่า บ่งบอกให้รู้ถึงเศษเสี้ยวของการไม่ยอมแพ้ที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณและจูโน่ก็ชอบที่มันเป็นอย่างนั้น “ เราจะอุปถัมภ์เจ้าชั่วคราว ให้เจ้าได้อาศัยในกรุงโรมใหม่.. ค่ายจูปิเตอร์ สถานที่ที่สามารถหลบสายตาของฝ่ายกรีกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ” เป็นข้อเสนอที่ดีทีเดียวสำหรับครึ่งเทพที่ปกติแล้วจะไม่มีโอกาสให้พยายามหนีจากเงื้อมมือของทวยเทพ
“ เพียงแต่ ”
การช่วยเหลือระดับนี้จำเป็นต้องมีเงื่อนไขและราคาให้ต้องจ่าย เนเรซ่าเงยหน้าขึ้นสบตากับเทพีจูโน่ด้วยความกังวล ซึ่งความคิดของเธอก็ถูกต้องเมื่อสิ่งที่มาพร้อมกับโอกาสนั้นก็หนักหนาจนแทบพูดไม่ออก “ ทุกคนจะลืมเจ้า ลืมตัวตนของธิดาอะโฟรไดท์ผู้นี้ ไม่ว่าจะทั้งที่อยู่ในค่ายฮาร์ฟบลัดหรือนอกค่ายฮาร์ฟบลัด ” ราวกับมีฟ้าผ่ากลางหัวใจของเนเรซ่า ริมฝีปากของเธอแยกออกคล้ายต้องการโต้แย้งแต่กลับไม่มีเสียงให้ใช้งาน
“ เราเข้าใจว่ามันเป็นทางเลือกที่หนักหนาและสาหัส ฉะนั้นแล้วด้วยพรแห่งข้า ความทรงจำเกี่ยวกับผู้คนในค่ายฮาร์ฟบลัดที่อยู่ในตัวเจ้าก็จะเลือนหายไปด้วยเช่นกัน ” จูโน่ถอนหายใจด้วยความเวทนา เส้นทางนี้ทั้งหนักหน่วงและยากลำบากแต่หากคิดจะมีชีวิตรอดก็จำเป็นต้องก้าวต่อไป “ ทั้งหมดนี้เพื่อให้พวกเขาไม่สามารถสืบเสาะหาร่องรอยของเจ้าได้จากความทรงจำของผู้ใด ความปรารถนาและเคียดแค้นของซุสกับเฮร่ารุนแรงเสมอ เด็กน้อย นั่นคือสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้แม้ผู้คนจะภาวนาเป็นหมื่นหรือเป็นแสน ”
“ สิ่งที่ข้าต้องการ คือให้เจ้าตอบแทนด้วยการเป็นกำลังหนึ่งในค่ายจูปิเตอร์ สนับสนุนพวกเขาในช่วงที่อ่อนกำลังอย่างนี้และเมื่อทั้งหมดนั่นสำเร็จ ความทรงจำของทุกคนรวมไปถึงเจ้าก็จะหวนคืนกลับมา ” นางเลือกที่จะไม่พูดถึงสถานการณ์ของค่ายฮาร์ฟบลัดที่ก็หนักหน่วงพอ ๆ กัน .. เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการ เหล่าทวยเทพล้วนก็มีเล่ห์เหลี่ยมเป็นของตัวเอง “ ว่าอย่างไร เด็กน้อยแห่งอะโฟรไดท์ จะยินดีรับโอกาสนี้เพื่อก้าวสู่อ้อมอกของโรมหรือไม่? ”
“ … ”
“ แล้ว.. แล้วครอบครัวดิฉันล่ะคะ? ” เนเรซ่าถามด้วยน้ำเสียงรีบร้อน ดวงตาของเธอกะพริบหลายครั้งเหมือนกับพยายามรับสานต์ทั้งที่สภาพความคิดยังไม่คงที่ ‘ นั่นบ้าไปแล้ว แค่เพราะฉันเต้นกับผู้ชายที่แต่งงานถึงกับต้องแลกด้วยการลืมทุกอย่างรวมไปถึงถูกลืมเพื่อให้มีชีวิตรอดเนี่ยนะ? ’
“ ถ้าหมายถึงพ่อของเจ้า เขาจะยังเป็นบิดาของเจ้าเสมอ ข้าจะไม่บิดเบือนในเรื่องนั้น ” นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่จูโน่สามารถให้คำสัตย์แก่นางได้ ดวงตาของเทพีแห่งการสมรสเรืองขึ้นอย่างน่าเกรงขาม สำรวจทุกเส้นทางชีวิตที่เด็กน้อยเคยเผชิญก่อนจะยกยิ้มมุมปาก “ เจ้าจะยังเป็นบุตรสาวของนาง แม้ว่าจะอยู่ภายใต้นามธิดาแห่งวีนัสก็ตาม ”
“ นี่หาใช่ข้อสัญญาชั่วนิรันดร์ การเติบโตของเจ้าจะช่วยนำพาเจ้ากลับมาสู่หนทางที่ถูกต้องดีกว่าโหมใช้เวลาอันแสนสั้นของชีวิตมนุษย์ไปกับการหลบหนีสิ่งที่ไม่อาจหนีได้ด้วยตนเอง ” ฝ่ามือของจูโน่ทาบเหนือปากจอกทองคำ พระนางหลุบสายตาลงมองจอกนั้นเล็กน้อย ใช้เวลาครู่หนึ่งในการถ่ายทอดพลังลงไปในน้ำองุ่นรสเข้มข้นก่อนจะยื่นไปให้ธิดาอะโฟรไดท์รับจอกไปถือไว้ “ หากดื่มไวน์แก้วนี้จะถือเป็นการตกลงในข้อเสนอของข้า ทว่าฤทธิ์ของมันอยู่แค่ถึงยามรุ่งสาง ”
ราชินีแห่งทวยเทพและผู้พิทักษ์กรุงโรมดันกายขึ้นยืนด้วยสองเท้า พระนางวางมือลงบนไหล่ของเนเรซ่า “ เราให้เวลาเจ้าได้พิจารณา ” เสียงหวานของสตรีผู้มีบรรยากาศสุภาพแต่ก็แข็งแกร่งพัดผ่านใบหูของครึ่งเทพตัวน้อย จูโน่ค่อย ๆ เดินออกไปช้า ๆ ให้เวลากับตัวเลือกที่กำลังสับสนให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของข้อเสนอนั้นเพียงลำพังแต่ก็ยังไม่พ้นทิ้งท้ายไว้ด้วยคำว่า “ เราเชื่อว่าเจ้ารู้ทางเลือกที่ดีที่สุด ”
เนเรซ่าพูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะตกใจจนพูดไม่ออกแต่เป็นเพราะคำพูดของเทพีจูโน่กระทบเข้ากับเสี้ยวความเห็นแก่ตัวในใจของเธอ ตราบเท่าที่อยากรอด การทิ้งทุกคนไว้ข้างหลังเป็นสิ่งที่ง่ายมาก.. ง่ายยิ่งกว่ากะพริบตาหรือหายใจ แต่สิ่งที่เรียกว่าสายใยความผูกพันก็ยังรั้งขาเอาไว้ มันคล้ายกับโลกทั้งใบสูญสลายแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น เหมือนกับเห็นภูเขาถล่มลงแต่กลับรู้สึกว่าก็สมควรแล้ว อวัยวะที่เรียกว่าหัวใจและสมองของเธอกำลังทำงานสวนทางกันอย่างบ้าคลั่งโดยหวังว่าจิตวิญญาณที่อยู่เหนือร่างกายนี้จะสามารถตามหาคำตอบที่เหมาะสม แต่ไม่เลย.. นั่นดูเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
…
ภายในห้องรับรองที่ว่างเปล่า เนเรซ่านั่งอยู่บนพื้น หลังของเธอพิงกับโครงของโซฟางามหรูหราท่ามกลางห้องที่มีแต่บรรยากาศมงคล ดวงตาของเธอเลื่อนลอยออกไปนอกหน้าต่าง พิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับเส้นทางชีวิตที่พบเจอมา อดีต.. อนาคต และปัจจุบัน ทั้งหมดนั้นไม่เคยง่ายสำหรับเนเรซ่า เฮนลาดิส เต็มไปด้วยความสับสน ความไม่แน่นอน อันตรายและความสุขที่ขึ้นลงเหมือนโรลเลอร์โคสเตอร์ เปลือกตาเนเรซ่าหย่อนลงหลบหนีจากแสงอาทิตย์ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เธอรู้สึกว่าแสงสว่างในจิตใจและภายนอกไม่ได้ช่วยเหลือให้อะไร ๆ ง่ายขึ้นเลย
ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว
เนเรซ่าเปิดสมาร์ทโฟนเดดาลัสของตัวเองเพื่อตรวจสอบเวลา อีกไม่กี่สิบนาทีช่วงเวลาที่เรียกว่ารุ่งสางจะมาถึง ดวงตาของธิดาอะโฟรไดท์จ้องไปที่จอกทองคำในมือ ผิวของไวน์ในการสงบนิ่ง ไม่มีการกระเพื่อมหรือสั่นไหว ดูคล้ายทั้งยาพิษและยารักษา คุณค่าของข้อเสนอที่เป็นดาบสองคมนี้มีเยอะพอ ๆ กับข้อเสียที่เกี่ยวพันกับสภาพจิตใจ .. และคนที่เผชิญหน้ากับมันคือใคร?
คือบุตรสาวของเทพีที่ได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญด้านอารมณ์และความรู้สึกยังไงล่ะ
เสียงหัวเราะที่แห้งเหือดดูคล้ายเสียงเย้ยหยันที่ผสมกับการด่าทอ หน้าจอสมาร์ทโฟนเปิดขึ้นกดไปที่รายชื่อผู้ติดต่อเพื่อพบกับความว่างเปล่า ‘ ไม่มีใครเลย.. คนที่ฉันรักและเป็นห่วงจริง ๆ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในโลกเดียวกับฉันเลยสักคน ’ ชั่วขณะหนึ่งเนเรซ่าพบว่าหัวใจของเธอด้านชา ในโลกของครึ่งเทพความสัมพันธ์ผูกพันถือเป็นสิ่งที่อันตรายและถูกบังคับให้ต้องหลบซ่อน แม้แต่กับพ่อแม่.. พี่น้อง.. ‘ ไนมีเรีย รีอังก้า เฮนลาดิส ’ ชื่อของน้องสาวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดแม้แต่เสี้ยวเดียวกำลังถูกท่องซ้ำไปซ้ำมาในหัว ผู้ใกล้ชิดเพียงหนึ่งที่เธอพบว่าสามารถแบ่งปันช่วงเวลาหนักหน่วงนี้ได้ แววตาประหลาดใจที่แฝงมากับความปลาบปลื้มเมื่อได้พบกันเมื่อหลายชั่วโมงก่อนยังคงติดตา
“ ถ้าเป็นเธอ.. ”
‘ คงจะมีวิธีการรับมือที่ดีกว่านี้สินะ ’ เสียงกระซิบที่แผ่วเบาเสียยิ่งกว่าเสียงของลมหายใจดูตัดพ้ออย่างน่าประหลาดแต่แล้วครู่ต่อมามันก็ได้เปลี่ยนมาเป็นเสียงหัวเราะ “ น่าเสียดายที่ฉันไม่ใช่เธอ ไม่เคยใช่และไม่มีทางใช่ ” ความแตกต่างจากการถูกเทียบเคียงครั้งแล้วครั้งเล่า ความเก่งกาจในแต่ละด้านที่แสดงออกมาจนได้รับคำชื่นชมจากผู้คนมากมาย และความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เคยแบ่งปันกลายมาเป็นปราการที่ทลายได้ยากที่สุด
“ น้องสาวคนโปรดของฉันชอบการเดิมพันนี่นา.. เจ้าพวกเด็ก ๆ ในเคบินสิบก็ด้วย ” เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ความสดใสและบทสนทนาที่ไม่อาจหาได้จากบ้านอื่น รวมไปถึงความไร้เดียงสาทางอารมณ์ของเด็กบางคนทำให้มุมปากของเนเรซ่ายกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน “ ไม่มีพี่สาวคอยช่วยแล้ว.. นายจะไปรอดกับชีวิตรักไหมนะเดม่อน? ”
“ ให้ตายสิ ฉันจะไม่พูดว่าลาก่อนอะไรนั่นหรอกนะ ” เหมือนจะเสียสติแต่ก็ไม่เชิง เนเรซ่าพูดคนเดียวมาเกือบชั่วโมงกว่าแล้ว ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความขบขัน รวมไปถึงน้ำตาที่ยังไม่หลั่ง .. ไม่มีอะไรให้ต้องเศร้าเลยสักนิด ตราบเท่าที่โชคชะตายังผูกเราเข้าด้วยกัน เนเรซ่าสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดเป็นครั้งสุดท้าย จอกทองคำค่อย ๆ ยกขึ้นจรดริมฝีปากพร้อมคำภาวนาในจิตใจ
‘ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะเดิมพันกับมัน เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีสุดท้ายที่ฉันไม่เคยเข้าใจ หากว่าสายใยของความสัมพันธ์ในจิตใจนั้นมีอยู่จริง ในการพบกันครั้งหน้า.. ฉันหวังว่าพวกเราทุกคนจะยังเข้ากันได้แม้จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความทรงจำหรือความจำเป็นที่จะต้องเข้ากันได้ก็ตาม ’
If the sun refused to shine
Baby, would I still be your lover?
Would you want me there?
If the moon went dark tonight
And if it all ended tomorrow
Would I be the one on your mind?
Your mind? Your mind?
And if it all ended tomorrow
Would you be the one on mine?
VIDEO