แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Dean เมื่อ 2024-12-21 14:29
254 ของขวัญสำหรับลูกรัก
18/12/2024 เวลา 13.xx น. ~
“ว้ากกกกก!!”
ดีนแหกปากร้องลั่นไม่หยุดในขณะที่เขาถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกราก หากว่าอยู่บนเวทีแข่งกรี๊ดล่ะก็ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะชนะในรายการกรีดร้องยาวนานที่สุดก็เป็นได้ เสียงโวยวายหยุดลงหลังจากที่วงน้ำม้วนเอาร่างของชายหนุ่มมุดหายลงไปใต้มหาสมุทร แม้ไร้เสียงเปล่งออกมาแต่ในใจของหนุ่มโพไซดอนก็ยังแหกปากลั่นไม่หยุดหย่อน
‘แว้กกกกก!!’
สายน้ำที่ดันหลังพาดีนมาหยุดอยู่ ณ สถานที่หนึ่ง ในหุบเหวลึกกลางมหาสมุทร เมื่อชายหนุ่มรู้สึกว่าความปั่นป่วนจบลงเขาจึงค่อย ๆ เปิดตาขึ้นมอง
ณ โลกใต้ทะเลค่อนข้างมืด แม้แต่เทพอะพอลโลที่ทำงานไม่หยุดหย่อนมาเป็นเดือน ๆ ยังส่องแสงสว่างลงมาที่โลกใต้สมุทรได้เพียงแค่รำไร ทว่าเบื้องหน้าอันไม่ใกล้ไม่ไกลเขากลับเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างให้ไออุ่นอยู่ใต้ฝืนน้ำ กระนั้นภาพทัศน์ที่ชายหนุ่มเห็นนั้นแสนจะเลือนลาง ดูเหมือนว่าแว่นตาที่สวมใส่อยู่ก่อนหน้า จะถูกวงน้ำวนซัดกระเด็นหายไปกลางทางเสียแล้ว
คนที่มองอะไรแทบไม่เห็นมีแหล่งพึ่งพิงเดียวคือแสงไฟตรงหน้า ดีนกอดกระเป๋าเป้สัมภาระติดไว้แนบกายแน่นก่อนจะว่ายน้ำเข้าไปหาจนได้ยินเสียงสนทนาคุยกันผ่านกระแสจิต
“บุ๋ง” oO(อินิ ส่องไฟมาตรงนี้หน่อยสิจ๊ะ)
นอกจากเสียงสนทนาแล้วชายหนุ่มยังได้ยินเสียง กุก ๆ กัก ๆ ดังอยู่ที่พื้น ฟังดูแล้วคล้ายกับการก่อสร้าง เมื่อกวาดสายตาไปรอบ ๆ จึงเห็นว่ามีเงาคนหนึ่งเงา แม้จะมองไม่ชัด ทว่าดีนรู้สึกว่ารูปร่างนั้นค่อนข้างคุ้นตา
『เอลวิน เจ้ามาแล้วรึ Πώς είσαι γιε μου; (เป็นอย่างไรบ้าง ลูกชายของข้า)』
เสียงที่ดังขึ้นในหัวเป็นเสียงของบิดาเจ้าสมุทรไม่ผิดแน่
“บุ๋ง!” อ้าปากพูดแต่ก็ลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ใต้น้ำ แม้ว่าจะหายใจใต้น้ำได้แต่ดีนยังไม่ค่อยชินกับเวลาสื่อสารใต้น้ำกันอยู่ดี เมื่อครู่น้ำเค็มเข้าปากไปอึกใหญ่ น่าแปลกที่มันควรจะเค็มปี๋จนหน้ายู่ ทว่าเขากลับรับได้ แต่กระนั้นจะสื่อสารตอบพ่อยังไงล่ะ?
คล้ายกับว่าโพไซดอนจะรับรู้ความคิดของบุตรชาย ราชาใต้ทะเลจึงหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
『เจ้าลืมไปแล้วรึว่าความสามารถของสายเลือดมีการสื่อสารใต้ทะเลด้วย เพียงแค่คิด สิ่งที่อยู่ในหัวลูกก็ส่งตรงถึงพ่อและเหล่าพี่น้องที่อยู่ในบริเวณนี้ได้ทันที』
‘พ่ออย่าเพิ่งรัวภาษากรีกใส่เด้ ผมเพิ่งเข้าเรียนไปได้แค่คาบเดียวเอง ว่าแต่มีพี่น้องเราอยู่ตรงนี้ด้วยเรอะ!!’
ดีนอุทานในใจด้วยความคิดอันรวดเร็ว
『ก็เห็นเจ้าอยากฝึก..』ในน้ำเสียงเจ้าสมุทรมีความขบขันเจืออยู่ไม่น้อย『ส่วนพี่น้องเจ้าไม่มีใครมา พ่อแค่ยกตัวอย่างเฉย ๆ เผื่อเวลาเจ้าต้องใช้สื่อสารกับพี่น้องใต้ผืนน้ำจะได้ไม่เกิดอาการ ‘น้ำท่วมปาก’ เช่นนี้』
แม้ว่าวิชาวรรณกรรมจะเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ถนัดที่สุด แต่ดีนแน่ใจว่าสำนวนนั้นไม่สามารถใช้กับสถานการณ์นี้ได้แน่ ๆ แต่พอมาดูแบบไม่ต้องสนใจความหมายแท้จริงของสำนวนก็ดันตรงกับสิ่งที่เขาเป็นเฉยเลย ‘น้ำท่วมปากจนพูดไม่ได้ เลยต้องสื่อสารทางจิตแทน’ ซึ่ง พ่อคงรู้ความคิดนี้ของเขาอีกนั่นแหล่ะ
『มาใกล้ ๆ พ่อสิเอลวิน』
โพไซดอนเรียกหา ดีนอยากเข้าไปใกล้อยู่นะ ติดแต่ว่าเขามองอะไรไม่ค่อยเห็นเนี่ยล่ะ
‘พ่อ ตอนนี้ผมมองอะไรไม่เห็นเลยครับ แว่นตากระเด็นหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้’
『โอ้ แว่นของลูกรึ เดี๋ยวพ่อหาให้แป๊บ』 โพไซดอนกล่าว ก่อนจะใช้พลังหาสิ่งของที่ตกหล่นในน่านน้ำละแวกนี้ สายตาที่สั้นถึงแปดร้อยมองอะไรไม่ชัด ทว่าเขาเห็นสิ่งของลอยฉวัดเฉวียนผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนสิ่งของนั้นจะไปเข้ามือของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล 『ไม่ใช่… อืม.. นี่ก็ยังไม่ใช่』ไม่รู้ว่าที่พ่อพูดว่า ‘ยังไม่ใช่’ สิ่งนั้นคือะไร 『โอ้ นี่ไง! น่าจะใช่แล้ว แว่นตาของลูก』
เจ้าสมุทรเคลื่อนตัวเข้าไปหาก่อนจะสวมแว่นตากรอบหนาให้แก่ลูกชาย ภาพเบื้องหน้าชัดเจนขึ้นถนัดตาเพียงแต่ว่ามีอะไรบางอย่างเขียว ๆ บังอยู่ที่เลนส์ข้างซ้าย
‘ขอบคุณครับพ่อ.. อี๋! อะไรเนี่ย!? สาหร่ายเหรอ!’ หยิบเจ้าพืชทะเลเป็นเมือกลื่นออกจากแว่นตา ไม่รู้ว่ามันไปตกอยู่ที่ดงสาหร่ายมาหรือไงนะถึงได้มีของฝากติดมาด้วย
เมื่อสายตากลับมาเป็นปกติ หนุ่มแว่นก็มองไปรอบ ๆ บริเวณ... เขาเห็นอาคารหินรูปทรงยุโรปขนาดกระทัดรัดหลังหนึ่ง ถูกปลูกอิงแอบอยู่ข้างกับหุบเหวลึกใต้ทะเล แสงไฟสีนวลแผ่ความอบอุ่นออกมาจากบานหน้าต่าง คงเป็นแหล่งเดียวที่หาความอบอุ่นได้จากใต้ทะเลลึกเช่นนี้ รอบบริเวณบ้านคือดงดอกไม้ทะเลสีสันสวยงาม ราวกับสวนดอกไม้บนบกก็ไม่ปาน ปลาน้อยแหวกว่ายผ่านหน้าดึงความสนใจให้ชายหนุ่มมองตาม ทำให้เขาเห็นว่าสถานที่ถัดไปคือศาลานั่งเล่นที่มีกะพรุนเรืองแสงทำหน้าที่คล้ายกับโคมไฟระย้าส่องแสงสว่างภายใต้ความมืดของผืนน้ำลึก
‘ว้าว ที่นี่คือที่ไหนครับเนี่ย หน้าตาไม่เหมือนกับแอตแลนติสเลย’
『บ้านพักตากอากาศในมหาสมุทรอินเดียของพ่อเอง』
โพไซดอนกล่าวพลางอมยิ้มที่มุมปาก ดูเหมือนว่าเขาจะพึงพอใจไม่น้อยกับบ้านพักตากอากาศหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ซึ่งไม่นานที่ว่าก็คือเมื่อสิบนาทีที่แล้วนี่เอง
ปูแดงตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมา มันลอยละล่องขึ้นในสายน้ำ ก่อนที่จะเกาะยังปะการังกิ่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับโพไซดอน
“บุ๋ง” oO(นายจ๋า อินิสร้างสระว่ายน้ำเสร็จแล้ว เชิญนายตรวจงานจ้ะ)
『ดีมากรามาน เจ้าและทีมงานปูแดงทำได้ดีมาก』โพไซดอนเอ่ยปากชมหลังจากที่เขาตรวจสอบรับมอบงานสระว่ายน้ำกลางน้ำทะเล
‘เดี๋ยว อะไรนะ!? นั่นคือสระว่ายน้ำเหรอ!’ ดีนทำตาโต ตอนแรกเขาคิดว่าบ่อทรงกลมปูกระเบื้อง (?) อย่างดีจะเป็นแค่การปรับภูมิทัศน์อะไรสักอย่างเสียอีก
『ไม่เห็นต้องตกใจอะไรนี่ สระว่ายน้ำในทะเลก็เหมือนกับที่พวกมนุษย์สร้างสนามหญ้าเทียมไว้ในอาคารนั่นแหล่ะ』
‘เดี๋ยวก่อนพ่อ ไม่เห็นจะเหมือนกันเลย ว่าแต่สงสัยมาพักนึงแล้ว ทำไมปูนี่พูดจาแปลก ๆ ‘อินิ’ แปลว่าอะไร’
“บุ๋ง” oO(โอ้ นายจ๋า อินิเป็นปูอินเดียก็พูดแบบนี้ล่ะจ้ะ ส่วน ‘อินิ’ ก็แปลว่า ‘อินิ’ ไงจ๊ะนายจ๋า) ปูแดงที่ชื่อรามานตอบพร้อมกับโยกหัวไปด้วย แสดงเอกลักษณ์ของการเป็นปูอินเดียแท้ ๆ หากต่อปากต่อคำได้มันคงพูดต่อว่า‘ไม่หลุดนาร้าย นารายณ์ ต่อหน้าเทพเจ้ากรีกก็ดีแค่ไหน’
‘โอเค ๆ อินิ แปลว่า อินิ ก็ได้’ ชายหนุ่มยกมือยอมแพ้
『เรื่องรางวัลเดี๋ยวข้าส่งไปให้ทีหลังแล้วกันนะรามานการช่าง ตอนนี้ขอเวลาข้าอยู่กับลูกชายสองต่อสองหน่อย』
“บุ๋ง” oO(ได้จ้ะนาย งั้นอินิขอตัวก่อน)
เหล่าวิศวกรปูแดงการช่างได้จากไปจนตอนนี้เหลือเพียงแค่โพไซดอนและบุตรชายเพียงแค่สองคน..
『เข้ามาคุยกันในบ้านก่อนสิเอลวิน เว้นแต่ลูกอยากชมวิวดอกไม้ทะเลในสวน』
‘เข้าไปคุยกันในบ้านก็ได้ครับ ชักอยากรู้แล้วสิว่าข้างในบ้านพักตากอากาศของพ่อเป็นยังไง’
เมื่อลูกชายตอบรับ เจ้าสมุทรก็ว่ายน้ำไปยังหน้าต่างชั้นสองที่มีแสงไฟอบอุ่นส่องสว่าง เขาเปิดหน้าต่างก่อนจะเข้าบ้านไปทางนั้น
‘เดี๋ยวสิพ่อ บ้านก็มีประตูทำไมพ่อเข้าบ้านทางหน้าต่าง!’ ดีนหัวเราะในใจ แต่จากจิตที่เชื่อมต่อกันทำให้คนเป็นพ่อได้ยินด้วย ‘อย่าบอกนะว่าประตูที่เห็นนั่นเป็นของปลอมน่ะ’
『เข้าทางไหนก็เหมือนกันแหล่ะ ในขณะที่ลอยตัวอยู่ในน้ำแบบนี้หน้าต่างชั้นสองยังใกล้เสียกว่า』
ก็ถูกของพ่อหน้าต่างชั้นสองใกล้กว่าจริง ๆ… ‘พ่อเป็นเทพเจ้าที่ชิลกว่าที่คิด นึกว่าเป็นหนึ่งในสามมหาเทพจะต้องเคร่งกฎระเบียบหรือธรรมเนียมอะไรพวกนั้นมากกว่านี้ซะอีก’
『แน่นอนว่าพ่อเคร่งกฎระเบียบสิลูกรัก หากเจ้ารู้เรื่องเพอร์ซีย์… พ่อเป็นคนสุดท้ายในหมู่สามมหาเทพที่แอบให้กำเนิดเดมิก็อด』
‘ให้ตายสิ! คำว่า ‘แอบ’ นี่ทำตามกฎตรงไหน แค่พ่อแหกกฎช้ากว่าอากับลุงแค่นั้นแหล่ะ’
คิดแล้วก็ขำ บางทีพ่อก็เหมือนกับเขาตรงนี้... พยายามอยากเป็นคนดีทำตามกฎ แต่สุดท้ายก็แหกมันได้ตลอด
แต่เอาเป็นว่าถ้าเจ้าสมุทรไม่ถือสาว่าจะเข้าออกบ้านทางไหน ดีนก็ทำตามโดยไม่มีข้อกังขา เขาตีขาส่งตัวเองขึ้นไปที่หน้าต่างบานนั้นจากนั้นก็ปีนเข้าไปด้านใน แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อภายในตัวบ้านเป็นพื้นที่แห้งราวกับมีม่านบาเรียที่มองไม่เห็นคอยกั้นน้ำทะเลไม่ให้ไหลทะลักเข้ามา ส่วนกฎฟิสิกส์ถูกใช้งานตามปกติ เขาใช้พลังรีดน้ำออกจากเสื้อผ้าหน้าผม พื้นบ้านจะได้ไม่เปียกแฉะขึ้นรา
“ในนี้เราพูดคุยกันเป็นปกติได้แล้ว” โพไซดอนกล่าว
“ว้าววว นี่มันสุดยอดไปเลย ผมคิดว่าข้างในก็จะเป็นน้ำทะเลเหมือนกับข้างนอกบ้านซะอีก”
ดีนมองไปรอบ ๆ โถงทางเดินชั้นสองที่แสนราบเรียบ มีเพียงต้นไม้กระถางเล็กถูกปลูกประดับไว้ที่ขอบหน้าต่างและราวบันได เมื่อชะโงกหน้าลงด้านล่างจะตรงกับห้องนั่งเล่นพอดี ภายในตัวบ้านทาสีด้วยสีเขียวน้ำทะเลแบบที่มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าเป็นบ้านของโพไซดอน แม้ตัวบ้านจะมีขนาดย่อมเยา เหมาะสำหรับอยู่อาศัยเพียงคนเดียว แต่ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ค่อนข้างครบครัน จัดวางอย่างเป็นระเบียบสวยงามให้ความรู้สึกอบอุ่นสไตล์โคซี่อีกแบบแม้ภายในบ้านจะเน้นโทนเย็น
“ให้ข้างในเปียกไม่ได้ ข้าวของบางอย่างจะพังเอา”
โพไซดอนกล่าว ก่อนที่เขาจะเดินไปเปิดประตูห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองแล้วพาเดินทัวร์บ้านใหม่โดยเริ่มจากห้องที่ใกล้ที่สุด ห้องนอนก็แสนเรียบง่ายไม่แพ้ด้านนอก มีแค่เตียงขนาดหกฟุตหนึ่งเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหัวเตียงอย่างละหนึ่ง ดีนสังเกตเห็นว่าที่ผนังห้องนอนมีไวนิลจอโปรเจคเตอร์แขวนไว้อยู่ด้วย พ่อต้องเอาไว้นอนดูเน็ตฟลิกซ์ชิล ๆ แน่นอน… ว่าแต่.. ที่นี่มีเน็ตฟลิกซ์ด้วยเหรอ?
“คืนนี้ลูกก็ค้างที่นี่สักคืนก่อนสิถึงค่อยกลับ พ่อยกเตียงให้ลูกเลยดีไหม?”
เจ้าสมุทรยิ้มให้ลูกชายคนโปรดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น คำขอนั้นดีนรู้สึกว่ากึ่งแกมบังคับนิด ๆ ไม่สิ... พ่อไม่ได้บังคับหรอก หากเขาขอกลับวันนี้พ่อก็คงจะอนุญาต แต่โพไซดอนอุตส่าห์ชวนทั้งที คิดอีกที... พวกเขาแทบจะไม่เคยมีโมเมนต์พ่อลูกกันสองต่อสองจึงไม่ควรพลาด.. เป็นห่วงก็แต่แมคเคนซี ป่านนี้หมอนั่นจะสติแตกไปแล้วหรือยังนะ? ยังไงก็ขอให้ไทสันบังเอิญผ่านไปแถวนั้นแล้วช่วยบอกแมคเคนซีทีเถอะ ว่าวิธีการนี้คือฝีมือของโพไซดอนและเขาปลอดภัยดี…
“ก็ได้ครับ แต่พ่อเป็นถึงมหาเทพจะมายกเตียงให้ผมได้ไง ผมนอนโซฟาในห้องก็ได้ครับ ไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว”
“ถ้าลูกว่าแบบนั้นก็เอาตามนั้น เอากระเป๋าไปเก็บไว้ในห้องนอนก่อนสิ”
“โอเค ได้ครับพ่อ”
ดีนเอากระเป๋าเป้ไปวางไว้แหมะไว้บนโต๊ะข้างเตียง ตัวกระเป๋ามีความชื้นนิดหน่อยจากการแช่น้ำมานานหลายนาที และมันไม่สามารถแห้งอัตโนมัติจากภูมิคุ้มกันเปียกได้ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เปียกแฉะชุ่มจนของที่ใส่ไว้ด้านในเสียหาย กระเป๋าที่ซื้อจากมินิมาร์ทในค่ายตัดเย็บค่อนข้างดี นอกจากนี้ยังกันน้ำ เหมาะสำหรับการเดินทางสุดแสนอันตราย บุกน้ำลุยไฟเป็นที่สุด จากนั้นโพไซดอนก็พาบุตรชายเดินชมบ้านหลังน้อยของเขา ทั้งห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องครัว จนดีนอดสงสัยไม่ได้ว่า ระบบน้ำและครัวนี่ทำยังไงนะ? แล้วปูแดงการช่างวางระบบนั้นทั้งหมดเลยเหรอ? แต่คิดอีกทีควรต้องบอกว่าช่างมันเถอะ กับแค่สร้างบาเรียกันน้ำเข้าพ่อยังทำได้สบาย ๆ การจะยกเอาเฟอร์นิเจอร์และระบบบ้านนั่นนู่นนี่มาใส่ คงไม่เหนือบ่าไปกว่าแรงของเจ้าสมุทรหรอก
“บ้านสวยมากเลยครับพ่อ ไม่คิดว่าพ่อจะชอบอะไรที่เรียบง่ายกว่าที่คิด”
“อยู่แต่ในพระราชวังก็มีเบื่อกันบ้าง พ่อยังมีบ้านพักตากอากาศอีกหลายแห่งหากว่าลูกอยากไปเที่ยว”
“โห จริงเหรอครับ ความจริงเที่ยวบ้างก็ดี ไม่งั้นคงเครียดแย่ งานของเจ้าสมุทรก็น่าจะมีไม่ใช่น้อยเลยด้วย…” ความจริงแอบอยากถามว่าที่มาพักผ่อนคนเดียวเพราะเบื่อเมียที่บ้านด้วยไหม …แต่ไม่ถามดีกว่า “งั้นคราวหน้าผมคงต้องขอให้พ่อพาไปทะเลที่ญี่ปุ่นบ้างแล้ว ประเทศในฝันที่ผมอยากไปเลย..”
“หึ” โพไซดอนแค่นยิ้ม “ที่ทะเลญี่ปุ่นมีเทพนามว่าซูซาโนะครองอยู่ เขาเป็นเทพแห่งท้องทะเลที่ดีสำหรับทะเลเล็ก ๆ เสียอย่างเดียว ค่อนข้างหัวร้อนไปหน่อยเหมือนกับทะเลที่โมโห” พูดจบก็เดินไปที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงแล้วเปิดเพลงบลูฮาวาย ของ เอลวิส เพรสลีย์ฟังแทน ถึงโลเคชั่นที่อยู่จะไม่ตรงกับเพลงที่เปิดแต่ก็ช่างเถอะ ถ้าพ่อเปิดเพลงอินเดียบรรยากาศน่าจะโจ๊ะเกินไปหน่อย
เมื่อพิจารณาถึงคำพูด เทพซูซาโนะโอะช่างเหมือนกับพ่อเสียนี่กระไร แต่ดีนจับพลังงานบางอย่างได้ว่าเทพญี่ปุ่นน่าจะเป็นศัตรูมากกว่ามิตรของพ่อเขาจึงไม่ถามเรื่องบ้านพักตากอากาศที่ญี่ปุ่นต่อ...
“แต่ว่าพ่อสูบผมมาที่นี่เพียงแค่อยากอวดบ้านใหม่เหรอครับ? ผมโคตรตกใจเลยนะตอนนั้น นึกว่าจะตายซะแล้ว พลังควบคุมน้ำก็ใช้ไม่ได้อีกต่างหาก พนันได้เลยว่าคนในค่ายจะต้องเอาไปลือว่าผมถูกธรณีสูบตายไปแล้วแน่ ๆ”
ดีนแค่นหัวเราะเสียงหนัก เรื่องเอาไปลือกันแบบไหน หรือต่อให้ลงหนังสือพิมพ์กอสซิปตีข่าวใส่ไข่เขาก็ไม่กลัว กังวลแค่แมคเคนซีคนรักของเขาจะเป็นห่วงจนเป็นบ้านี่แหล่ะ ดีนจึงตั้งจิตอธิษฐานดลใจให้ไทสันโผล่ไปอธิบายสถานการณ์ตรงนั้นอีกที…
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง ลูกเป็นคนแรกเลยนะเอลวินที่พ่อชวนมาบ้านใหม่หลังนี้” โพไซดอนยิ้ม พูดแบบนี้แปลว่าหลังอื่นก่อนหน้าน่าจะชวนลูกคนอื่นไป ซึ่งนั่นอาจหมายถึง เพอร์ซีย์ ไทสัน ไรอัน หรือไม่ก็เจโรม นับว่าเป็นเกียรติได้ไหม.. ก็ได้แหล่ะ “แต่นอกจากอวดบ้านแล้วพ่อยังมีของขวัญอยากมอบให้ลูก คิดว่าเวลานี้น่าจะสมควรแล้ว”
เทพสมุทรแบมือตรงหน้า เกิดกระแสน้ำวนย่อม ๆ บนนั้น จากนั้นสายน้ำพลันก่อรูปเป็นกำไลข้อมือโลหะรูปทรงทันสมัย ประดับอัญมณีสีฟ้าเม็ดงามอยู่ตรงกลาง พอจะเนียน ๆ เป็นนาฬิกาลองจินส์สุดหรูตัวใหม่ได้ เพียงแค่ไม่มีหน้าปัดเข็มยาวเข็มสั้นบอกเวลาเท่านั้นเอง
“รับไปแล้วจงสวมใส่เสีย นี่คือของขวัญจากพ่อ แก่เจ้า.. เอลวินลูกรัก”
“ขอบคุณครับพ่อ”
ชายหนุ่มรับกำไลข้อมือเส้นนั้นมา แล้วสวมใส่ตามที่พ่อบอกทันทีด้วยความตื่นเต้น ดีนสัมผัสได้ถึงพลังงานแห่งท้องทะเลไหลเวียนจากกำไลสู่ร่างกายเขา อาจไม่เท่าตอนสัมผัสกับตรีศูลของพ่อโดยตรง มันคล้ายกับตอนที่ได้จับดาบธีซีอุสเป็นครั้งแรกมากกว่า อัญมณีสีครามเรืองแสงขึ้นหลังจากที่มันผสานรับกับเจ้าของคนใหม่เพียงหนึ่งเดียวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ชักอยากรู้แล้วสิว่ากำไลโลหะเส้นนี้ทำอะไรได้บ้าง ดูแล้วไม่น่าจะเป็นแค่เครื่องประดับสวย ๆ แต่น่าจะมีฟังก์ชั่นมากกว่านั้น
คล้ายอ่านใจได้โพไซดอนจึงอธิบาย
“สร้อยข้อมือวิเศษนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธได้หลากหลายรูปแบบตามที่เจ้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นดาบตรีศูล โล่ หรือแม้กระทั่งตรีศูล นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นพิเศษ… ระบบนำทางในทะเล ระบบสื่อสารคลื่นวิทยุ ที่ทำให้ลูกสื่อสารเข้ากับคลื่นความถี่วิทยุได้ทุกรูปแบบ ยังมีระบบป้องกันภัยในทะเล จะช่วยคุ้มครองเจ้าเมื่อประสบภัยร้ายกลางมหาสมุทร และหากอาวุธกระเด็นจากมือหรือสูญหาย หลังผ่านไปหนึ่งวัน สร้อยข้อมือนี้จะกลับมาอยู่ในกระเป๋ากางเกงของลูกเอง”
ได้ฟังสรรพคุณของกำไลข้อมือวิเศษนี้ก็ทำให้เนตรสีเปลือกไม้ของดีนเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนข้อที่โพไซดอนกล่าว พอ ๆ กับหัวใจที่พองโตสูบฉีดแรง ตอนแรกแค่ได้ยินว่ากำไลนี้สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธได้ก็ว่าว้าวแล้วนะ แต่นี่เปลี่ยนได้ถึงสามแบบอีกต่างหาก ไหนจะสุดยอดฟังก์ชั่นสารพัดที่พ่อเกริ่นมา
ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานในทะเลได้ก็เถอะ แต่แบบนี้แปลว่าเขาจะโทรศัพท์หาคนอื่น ๆ จากกำไลวิเศษแทนโทรศัพท์มือถือได้แล้วสินะ กระนั้นที่พ่อบอกว่าสื่อสารเข้ากับคลื่นความถี่ได้ทุกรูปแบบไม่รู้ว่ารวมกับเครือข่ายไอริสด้วยหรือเปล่า ถ้าได้ล่ะก็แจ่ม จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องมีอสุรกายคอยไล่กวดหลังจากที่ใช้เครื่องมือสื่อสารชิ้นนี้
‘นี่มันของวิเศษระดับโคตรพ่อโคตรแม่เทพเจ้า!!!’
“ขอบคุณครับพ่อ ผมไม่รู้จะพูดขอบคุณยังไงให้ยิ่งใหญ่กว่าแค่พูดขอบคุณได้เลย แบบว่าของวิเศษที่พ่อให้มามันยิ่งใหญ่เกินตัวผมมาก อะ.. ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ให้แล้วให้เลยไม่คืนนะครับ” ดีนยิ้มเผล่ “ผมรักพ่อจัง ขอกอดทีได้ไหม?”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ดีนก็ไม่รอให้เทพเจ้าอนุญาต เขาชิงรวบตัวคุณพ่อร่างใหญ่ในชุดฮาวายมาสวมกอดไว้ก่อน ซึ่งโพไซดอนไม่ปฏิเสธ และเริ่มชินกับการแสดงความรักของลูก ๆ ในรุ่นนี้แล้ว
. . .
ตกเย็นวันนั้นสองพ่อลูกตกลงจะทำหม้อไฟกินกัน เป็นเรื่องที่ออกจะแปลกสักหน่อยที่พวกเขาอยู่ใต้มหาสมุทรอินเดีย ในบ้านพักตากอากาศทรงยุโรปที่สร้างโดยปู แต่ดันกินหม้อไฟแบบชาวเอเซียเป็นอาหารเย็น มีเครื่องดื่มเป็นโคคาโคล่า (ก่อนหน้านี้ดีนขอพ่อลองชิมไวน์ที่หมักบ่มจากใต้สมุทรนานร้อยปี ปรากฏว่ามันมีรสชาติแสนห่วยแตก จึงเปลี่ยนมากินโคล่ากันแทน) และฟังเพลงบลูฮาวายของเอลวิส เพรซลีย์ที่วนมาอีกรอบ... ซึ่งเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ไม่อยากนับ… มันช่างไม่มีอะไรที่เข้ากันเสียเลย
[เพลงประกอบ กด ► ฟังเพื่อเพิ่มอรรถรส]
“นี่พ่อ ผมได้เคล็ดลับการทำอาหารจากตำราเก่าที่แม่เคยจด ถ้าจะลวกเนื้อให้อร่อยจุ่มลงไปในน้ำซุปร้อน ๆ แค่สิบหรือสิบห้าวินาทีพอ”
หนุ่มคนลูกกล่าวพลางคีบเนื้อสไลซ์เกรดพรีเมียมลงไปลวกในน้ำซุป พร้อมกับนับหนึ่งถึงสิบในใจ เนื้อวัวสีแดงอมชมพูสวยแซมลายมันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน และเมื่อถูกคีบขึ้นจากน้ำซุปเดือดมันยังเหลือสีชมพูเพียงน้อยนิด เป็นมีเดียมแรร์ที่ให้รสหวานหอมมันเนื้อ จากนั้นก็ส่งมันลงในถ้วยชามของโพไซดอน ไม่รู้ว่าระดับเจ้าสมุทรอย่างพ่อจะทำอาหารเป็นไหม แต่ในเมื่อวันนี้ดีนได้ของขวัญสุดเจ๋งมา เขาก็จะบริการพ่อให้ดีเป็นพิเศษจากเดิมที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งโพไซดอนได้แต่ยิ้มแก้มแตก มีโอกาสน้อยมากที่เขาจะได้ปรุงอาหารกินเองกับลูกชายแบบนี้
แต่โปรดอย่าถามว่าชุดชาบูหม้อไฟมาจากไหน ดีนเจอวัตถุดิบทั้งหมดอยู่ในตู้เย็นของบ้านพักตากอากาศสีฟ้าคราม
“ทำเอาคิดถึงตอนที่พ่อจีบแม่เจ้าใหม่ ๆ เลย เป็นเดทที่สองหรือสามล่ะมั้ง ตอนนั้นแม่ลูกชวนพ่อไปกินหม้อไฟหมาล่าในย่านไชน่าทาวน์ที่ซานฟรานซิสโก ตอนที่เมนูหมาล่าอะไรนั่นยังไม่เป็นที่นิยมเลยด้วยซ้ำ”
“จริงดิ พ่อกับแม่กินเมนูนั้นไหวกันด้วยเหรอครับ? ได้ยินมาว่ามันเผ็ดมากเลยนี่นา ถึงผมจะเคยมีรูมเมทเป็นคนจีนก็เถอะ แต่เคยกินแค่ซุปกระเพาะปลาเทียมเอง” ก็อย่างว่าอาหารจีนในสหรัฐมีราคาสูง ถ้าไม่ได้เพื่อนชาวจีนทำให้กินเขาคงไม่มีปัญญาหารับประทานเองหรอก
“มาเรียนน่าไม่ไหว แต่สำหรับพ่อน่ะสบายมาก ความจริงเทพอย่างพ่อไม่จำเป็นต้องกินดื่มเพื่อให้มีชีวิตรอด พวกเราแค่รับประทานเพื่อรับอรรถรสเท่านั้นล่ะเอลวิน เพราะงั้นรสเผ็ดของหม้อไฟก็ทำพ่อได้แค่ชาปาก”
“งี้นี่เอง ผมชอบที่พ่อเล่าเรื่องตอนจีบกับแม่ให้ฟังนะ แม่น่ะแทบไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังเลย รู้ก็แค่.. ตอนนั้นแม่ไปทำงานที่แคลิฟอร์เนียแล้วเจอพ่อ จากนั้นก็ท้องผม แล้วแม่ก็กลับมาที่ซานอันโตนิโอ.. รู้แค่นี้เอง” พูดจบก็คีบเนื้อเข้าปาก ระดับความสุขที่พอดีทำให้เนื้อพรีเมียมยิ่งอร่อยขึ้นไม่เสียของ
“งั้นเอาเรื่องไหนดี.. เอาเป็นตั้งแต่แรกดีไหม? ตอนนั้นพ่อปลอมตัวเป็นนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมชื่อ ‘ดีแลน สตอร์ม’ เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วมาเรียนน่าเพิ่งทำงานได้ใหม่ ๆ นางยังเป็นแค่สาวแจกใบปลิวรณรงค์เรื่องสิทธิสตรีให้ยูเอ็นอยู่เลย พ่อรับใบปลิวมาจากมือนางแล้วก็.. ใช่เลย แม่ของลูกตรงสเปคพ่อมาก ภายนอกนางเป็นสาวแว่นนัยน์ตาสวย ไม่รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัว แต่เมื่อมองทะลุผ่านเลนส์เข้าไป พ่อเห็นความงามจากแม่ของลูก นางทั้งแข็งแกร่งและงดงาม จากนั้นพ่อก็จีบแม่ของเจ้าด้วยวิธีการแบบมนุษย์ บอกนางว่าบริษัทของพ่อยินดีร่วมสนับสนุน ถึงได้ขอแลกเบอร์เพจเจอร์ รวมทั้งไอซีคิวด้วย”
เห็นอาการของคนคลั่งรักแล้วก็รู้สึกจั๊กจี้ในใจแปลก ๆ แต่ว่าดีนก็ชอบที่จะได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ฟังแล้วก็แอบเขินแทนแม่แปลก ๆ แฮะ
“เพจเจอร์กับไอซีคิวคืออะไรครับ? ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”
“โอ้.. มันเป็นของหายากแล้วล่ะเอลวิน น่าเสียดายที่พ่อหาตัวอย่างจากแถวนี้ให้เจ้าดูไม่ได้ เอาเป็นว่าเพจเจอร์คือเครื่องมือสื่อสารที่มาก่อนโทรศัพท์มือถือ ส่วนไอซีคิวคือโปรแกรมแชทที่มีมาก่อนวอซแอป”
“มีก่อนวอซแอปอีกงั้นเหรอ จะโบราณขนาดไหนกันเนี่ย!” อดทึ่งไม่น้อยที่ได้ฟังเรื่องเหล่านี้เป็นครั้งแรก ขนาดว่าตัวเองก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ แต่มันยากจะจินตนาการออกจริง ๆ “แล้วเรื่องของพ่อกับแม่... เป็นไงต่อครับ?”
“ระหว่างที่มาเรียนน่าทำงานที่ซานฟรานซิสโก พ่อก็ทยอยส่งข้อความใส่เพจเจอร์ให้นาง ตอนนั้นพ่อไปขอให้อะพอลโล่ช่วยแต่งกลอนมาให้บทนึงด้วยนะ แต่นางบอกว่าเสี่ยวเกิน จากนั้นพ่อก็ไม่ใช่บริการจากอะพอลโล่อีก..” โพไซดอนยิ้มแห้ง แล้วเหมือนจะคอแห้งจริงจนต้องหยิบโคล่าขึ้นมากระดกดื่ม “แต่ถึงไม่ใช้กลอนเสี่ยว ๆ ของอะพอลโล่พ่อก็จีบแม่เจ้าติดอยู่ดี นางชอบขอให้พ่อพาไปขับรถเล่นที่มอนเทอเรย์ ช่วงวันหยุดของนางเราได้ไปเที่ยวกันหลายที่ในแคลิฟอร์เนียเลยล่ะ”
โพไซดอนกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงความรักอันแสนหวานจากภรรยาสาวชาวเม็กซิกันสุดแซ่บ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อความรักครั้งนี้จบลงแบบไม่สวยงาม ทั้งที่ทั้งสองไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้ง เกลียดชังกัน หรือด้วยเหตุผลที่เทพเข้ามักมอบให้มนุษย์ ‘ข้ากับเจ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะว่าข้าคือเทพเจ้า..’ แต่มันเกิดขึ้นจากเพียงเหตุผลเดียว.. นางรับตัวตนที่แท้จริงของชายที่ชื่อ ‘ดีแลน สตอร์ม’ ไม่ได้ เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเคยกระทำการอันต่ำทรามต่อหญิงสาวนามว่าเมดูซ่า..
เมื่อเห็นว่าเจ้าสมุทรหน้าเจื่อนลงคนเป็นลูกก็ยื่นแขนออกไปตบไหล่พ่อเบา ๆ
“มาเรียนน่านางคงชังน้ำหน้าข้ามาก ไม่ว่าติดต่อไปทางใดนางก็ปฏิเสธไปเสียหมด ขนาดข้าตั้งชื่อให้ลูกล่วงหน้าว่า ‘เอลวิน’ นางยังตั้งไม่ใช้ แต่ให้ชื่อเจ้าว่า ‘ดีน’ แทนเลย”
“แต่แม่ก็ไม่ได้ตัด ‘เอลวิน’ ออกจากชื่อกลาง ผมไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ แต่ว่าผมไม่ทิ้งพ่อแน่ ๆ แล้วก็นี่.. หัวไชเท้าของหากินยาก ผมยกให้พ่อด้วยเลยครับ”
ไม่รู้จะปลอบใจยังไงดีก็เลยได้แต่ยกหัวไชเท้าต้มเปื่อยในหม้อซุปให้ จากการเอาใจของลูกชายทำให้โพไซดอนพอจะมีรอยยิ้มกลับคืนมาได้อยู่บ้าง
“บอกตามตรงกรณีของแม่เจ้าพ่อไม่เคยเจอมาก่อน มีอย่างที่ไหนที่นางมนุษย์หนีจากเทพเจ้า ที่ผ่านมามีแต่รู้ตัวตนของข้าแล้วจะยินดีปรีดา เมียหลวงพ่อก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนเฮร่าสักหน่อย เพราะงี้มั้ง.. ด้วยความดื้อของแม่เจ้า พ่อถึงฝังใจลืมแม่เจ้าไม่ลงสักที…”
“อืม.. ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผ่านมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วแต่แม่ก็ไม่มีใครอีก บางทีแม่อาจจะไม่ลืมพ่อเหมือนกันแต่แค่เล่นตัวก็ได้มั้ง อย่างตอนที่พ่อบอกว่าพ่อใช้ชื่อตอนปลอมตัวว่า ‘ดีแลน’ ไปจีบแม่ ทำให้ผมฉุกใจขึ้นมาอย่างนึง… บางทีชื่อ ‘ดีน’ อาจไม่ได้ตั้งตามอักษรหน้าของพ่อบุญธรรมผม ‘โดนัลด์’ ก็ได้ แต่ความจริงแล้วตั้งตาม ‘ดี’ จาก ‘ดีแลน’ ต่างหาก” “พ่อก็เคยคิดเข้าข้างตัวเองเช่นนั้น แต่นางคงไม่ยอมปริปากยอมรับออกมาหรอกว่านางยังรักพ่ออยู่… สำหรับนาง... การทำใจให้เกลียดคนที่เคยรัก อาจทำให้ตัดใจได้ง่ายขึ้นก็ได้มั้ง”
อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้.. เพราะเขาก็เคยใช้ความเกลียดชังทำให้ตัวเองหลุดออกมาจากบ่วงแห่งความทุกข์ทรมาณเรื่องความรัก จนกลายเป็นไม่จริงจังกับมันไปพักใหญ่ ใช้ชีวิตสำราญเป็นผู้ชายลั้ลลาไปวัน ๆ จนกระทั่งได้มาพบกับแมคเคนซี พฤติกรรมแย่ ๆ ทุกอย่างถึงได้หยุดลง… เพียงแต่แม่ของเขาไม่ได้ทำตัวแบบนั้น ไม่ได้ใช้ความลั้ลลานำทาง แม่ตัดเรื่องความรักฉันชู้สาวออกไปจากชีวิต แล้วมอบความรักทั้งหมดให้กับลูกชายของเธอเพียงคนเดียว นอกจากนั้นก็อุทิศตนให้แก่งานหนัก
“เอาน่าพ่อ อย่าไปซีเรียสเลย เราทำได้แค่เลือกละว่าจะจดจำเรื่องดีหรือเรื่องแย่ ความจริงผมไม่น่าจะสอนพ่อเรื่องนี้ได้เลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมโชว์อะไรดี ๆ ให้พ่อดูก็แล้วกัน อะแฮ่ม!” เขากระแอ่มเพื่อดัดเสียงหล่อหลังจากนี้ “เชิญพบกับการแสดงเงือกน้อยผจญภัย.. ในบทเพลง... อยู่ในโลกงามมมมม”
จากนั้นดีนก็จัดการโซโล่คาราโอเกะพร้อมกับถ่ายเอ็มวีเพลงประกอบภาพยนตร์เงือกน้อยผจญภัยให้โพไซดอนดูระหว่างมื้อค่ำนี้ แล้วเขาก็ไม่เห็นพ่อทำหน้าเศร้าซึมเพราะถูกเมียมนุษย์ทิ้งอีกเลย…
รับอุปกรณ์วิเศษจากการเป็นลูกรักของโพไซดอน ทำหม้อไฟกินด้วยกันสองคนพ่อลูก
|