"ไอ้เxี้ย!" เสียงตะโกนดังออกมาจากปากของสาวใบหน้าเย่อหยิ่งอย่างไม่รักษากริยา อควิลล่า แลงก์แคสเตอร์ บุตรสาวตระกูลแลงก์แคสเตอร์ที่กำลังวิ่งหนีผู้ที่เคยเป็นดั่งญาติตัวเองที่ไว้ใจจนหน้าตั้ง ฟรีรันนิ่ง คาราเต้ ยูโด ทุกอย่างที่เคยเรียนมาถูกงัดออกมาใช้จนหมดแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้หนีอสูรกายตัวโตอย่างคิเมร่าที่วิ่งสี่ขาได้ในตอนนี้มันวิ่งราวกับลมกรด ไล่ตามอควิลล่าหน้าตั้งราวกับเห็นเนื้อชิ้นโปรด
หากจะให้ย้อนเรื่องราว คงต้องย้อนไปตั้งแต่สิบเก้าปีก่อน....
"แฮ่ก แฮก!" เสียงหอบหายใจจากหญิงสาวร่างบางที่อุ้มเด็กทารกน้อยหนีสายลมราวกับพายุขนาดย่อมอย่างไม่สนชีวิต เป้าหมายคือหมู่บ้านที่มีทหารคุ้มกันไม่ไกลจากป่ากลางเมืองเล็กๆนี่นัก แต่การวิ่งหนีโดยไม่สนอะไรกระทั่งรถยนต์ที่วิ่งผ่านไม่ได้อยู่เป็นหนึ่งในตัวเลือกของหญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยสดงดงามแม้กระทั่งมีเศษดินเปื้อนหน้าเช่นนี้
ตู้ม!
เสียงรถหรูอย่างโรสลอยด์ชนเข้ากับมนุษย์จนร่างที่อยู่หน้ารถปลิว พร้อมกับพายุขนาดย่อมนั้นหายไปต่อหน้าต่อตา ช่วงจังหวะที่ ลิเลียน่า แลงก์แคสเตอร์ กระพริบตาลง ภาพที่แสงไฟหน้ารถโรสลอยด์สะท้อนเข้าดวงตาคือสตรีรูปงามผู้หนึ่งที่กำลังอุ้มทารกน้อยพร้อมกับดาบเล่มยาวในมือในขณะที่รถยนต์คันหรูกำลังสะเทือน คัลเลน แลงก์แคสเตอร์ กอดภรรยาแน่นหวังไม่ให้อีกฝ่ายเกิดอุบัติเหตุ
แต่เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นก่อนที่โรสลอยคันหรูที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยที่สุดในโลกจะกลับมาตั้งตรงดังเดิมราวกับรถคันนั้นไม่ได้ชนสิ่งใด ไร้รอยบุบ ไร้รอยข่วน พร้อมกับเสียงทารกร้องไห้ดังขึ้นที่หน้ารถเพราะตกใจเรียกให้ผู้ที่หัดขับรถอย่างเพลิดเพลินก่อนหน้านี้อย่างลิเลียน่าถึงขั้นต้องเปิดประตูลงกับรถพร้อมกับผู้เป็นสามี
ภาพทารกน้อยในผ้าอ้อมที่อยู่หน้าล้อรถเพียงหนึ่งคืบทำเอาสัญชาตญาณความเป็นแม่ของลิเลียน่าต้องรีบไปอุ้มเข้าสู่อ้อมอก ก่อนที่เธอจะมองไปรอบๆอย่างวิตก กระทั่งภาพหญิงสาวคนหนึ่งในสภาพบิดเบี้ยวจะปรากฏอยู่ไม่ไกลจนคัลเลนต้องวิ่งมาปิดตาภรรยาเพื่อไม่ให้เธอตกใจไปมากกว่านี้
ทั้งสองตัดสินใจที่จะรับผิดชอบเด็กน้อยในอ้อมแขนของลิเลียน่าตั้งแต่ทั้งสองพึ่งจะแต่งงานกันได้เพียงสองเดือน ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าข่าวดีหรือร้ายกันแน่เพราะมันเป็นการตัดสินใจแต่งงานหลังความเศร้าของคัลเลนที่พบว่าตัวเองนั้นไม่สามารถมีลูกได้ และทั้งสองตัดสินใจแต่งงานกันเพราะความรัก แผนที่จะมีบุตรยังไม่ทันได้เอ่ยกล่าวก็ดันได้เลี้ยงเด็กของผู้อื่นเสียแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ครอบครัวแลงก์แคสเตอร์ก็ไม่ได้ขาดแคลนในการเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง อควิลล่า แลงก์แคสเตอร์ โตมาอย่างไม่ขาดแคลน แต่ก็ยังกังวลว่าตัวเองนั้นอาจจะไม่ใช่ลูกที่ครอบครัวต้องการเสมอ ดังนั้น นิสัยเอาแต่ใจและการเรียกร้องความสนใจก็ยังมีโผล่มาในบางที เธอมักจะไปบ่นกับหลุมศพของมารดาที่แท้จริงอยู่เสมอ
ริต้า จาง มารดาที่แท้จริงของอควิลล่าที่สุดท้ายก็ถูกตัดสินว่าเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ อีกฝ่ายไร้ซึ่ง ครอบครัว ญาติ มิตรสหาย สุดท้ายครอบครัวแลงก์แคสเตอร์จึงตัดสินใจรับผิดชอบงานศพของอีกฝ่ายโดยปิดข่าวเงียบเพราะกลัวเรื่องราวกระทบกับชื่อเสียงของตระกูลโดยการตัดสินใจนี้เป็นของคุณย่าแลงก์แคสเตอร์ผู้สูงศักดิ์
อควิลล่าในวัยหกขวบ คือครั้งแรกที่เธอเริ่มเห็นอะไรแปลกๆ ความน่ากลัวมันเริ่มมาจากวิชาศิลปะที่เธอเริ่มวาดอะไรประหลาดๆลงในสมุดวาดภาพ แต่มันเป็นอะไรประหลาดๆอย่างอสูรกาย หรือสัตว์วิเศษในจินตนาการ สามีภรรยาแงก์แคสเตอร์หลงคิดว่าลูกสาวของตนนั้นเป็นอัจฉริยะที่ช่างจินตนาการ อ่านหนังสือภาษากรีกคล่องตั้งแต่อายุน้อย
แต่มันเริ่มแปลกๆไปเรื่อยๆเมื่อบุตรสาวตัวน้อยเริ่มสมาธิสั้นลงตอนอายุแปดขวบ และเห็นตัวหนังสือเป็นภาษากรีกในบางครา ทั้งครอบครัวกังวลจนต้องพาเธอไปพบจิตแพทย์และมันสร้างความกังวลให้กับเด็กน้อยที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆของพวกเขาอย่างอควิลล่ายิ่งนัก ดังนั้นแล้วเมื่อเธอไปพบจิตแพทย์เพียงไม่กี่ครั้งจึงแสร้งว่าตนนั้นหายดีแล้ว และเก็บความลับเรื่องประหลาดของตนไปตลอดกาล
แต่เรื่องราวมันยังไม่ผ่านพ้นไปง่ายๆ เมื่อครั้นวัยสิบสองสองอควิลล่าที่ไปเยี่ยมหลุมศพของริต้า กลับเลือกทำในสิ่งที่ตนไม่เคยทำมาก่อน อย่างการทำความสะอาดหลุมศพผู้เป็นมารดาเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจที่เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆจากครอบครัวแลงก์แคสเตอร์ที่ค่อยๆห่างเหินในความคิดของเธอ
"อควิล อยู่ไหนลูก..." เสียงจากปลายสายที่เป็นของลิเลียน่าโทรหาบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ล่าสุดของอควิลล่า
"อยู่สุสานค่ะ มาหาริต้า" ขออ้างนี้ถูกยกมาตลอดทุกครั้งที่เธอน้อยใจอะไรบางอย่างและกำลังจะเอาแต่ใจบางสิ่ง ลิเลียน่าเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยกล่าว
"ทำไมหนูทำแบบนี้ตลอดเลยล่ะ ไม่พอใจอะไรก็บอกแม่สิ!" ลิเลียน่ากุมขมับอยู่ที่ปลายสาย เท้าเอวคุยกับลูกสาวที่เริ่มเข้าสู่วัยต่อต้าน อควิลล่ากำมือเล็กๆก่อนจะเอ่ยกล่าว
"หนูพูดได้ด้วยหรอคะ?! ยังไงหนูก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่อยู่แล้วนิ!" เด็กน้อยตะคอกเสียงดังก่อนจะกดวางสาย มือคิดจะปามือถือทิ้งก่อนที่จะคิดได้ว่า ถ้าถูกไล่ออกจากบ้านจริงอย่างน้อยมือถือเครื่องนี้ก็เอาไปขายและไปใช้ชีวิตต่อได้ เป็นเพียงความคิดตื้นๆของเด็กตัวน้อยที่กำลังชันเข่าร้องไห้อยู่ที่หน้าหลุมศพของริต้า จาง
"แม่คะ...ทำไมแม่ไม่อยู่กับหนูให้นานกว่านี้" เธอรู้ว่ามันเป็นแค่การกล่าวเอาแต่ใจ ศรีษะน้อยๆพิงกับป้ายหลุมศพ ในใจพ้นความคิดน้อยใจออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน หวังให้คนตายฟื้นคืนชีพ หวังให้อีกฝ่ายไม่ตาย แต่อีกใจเด็กน้อยก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
น้ำตาหยดแรกไหลลง ตามด้วยสอง และสาม
ก่อนที่มันจะถูกมือน้อยๆปาดทิ้งพร้อมกับเจ้าของมือนั้นได้วิ่งไปที่แม่น้ำ แม่น้ำที่สะท้อนภาพเด็กน้อยที่ใบหน้าเปราะเปื้อนด้วยน้ำตา ก่อนที่มันจะถูกเปลี่ยนเป็นภาพของม้าตัวหนึ่งที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อควิลล่ารีบถอยตัวเองออกจากน้ำทันทีกระทั่งม้าตัวนั้นโผล่ขึ้นมาจากน้ำ
ม้าที่ครอบครองขนสีเงินอมฟ้าสง่า มีสี่ขา แต่หางของมันกลับเป็นหางปลา ดวงตาสีชมพูสดใสของมันจ้องมองมาที่เธอก่อนจะเข้ามาดอมดมและคลอเคลีย อควิลล่าราวกับต้องมนต์ เธอจับใบหน้าที่มีผิวมันลื่นของมันและถูไถศรีษะกลับ ความไว้วางใจอย่างน่าประหลาดก่อตัวขึ้นในใจเธอ
"มาปลอบใจกันหรอ? ขอบคุณนะ" เธอคิดว่ามันคือแฟรี่ในป่าหรือเปกาซัสแนวๆนั้นกระมังจึงไว้วางใจมันเช่นนั้น
เจ้าม้านั่นคลอเคลียเธออยู่พักใหญ่ก่อนจะวิ่งบนน้ำไปมา กระโดดดึ้งดั้งหันหลังให้เธอราวกับอยากให้เธอขี่มันนักหนา
"จะพาไปไหนหรอ?...." อควิลล่าเอ่ยถาม ใจหนึ่งก็อยากปฏิเสธเพราะต้องกลับบ้าน ก่อนที่ความน้อยใจจะกลับมาอีกครั้ง บ้านไหนล่ะ?... เธอมีบ้านให้กลับด้วยหรือ?... "เอาสิ...ไปกัน"
อควิลล่าปืนขึ้นหลังของมันก่อนที่มันจะเริ่มวิ่งวนอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เสียงหัวเราะสนุกสนานเข้ามาแทนที่ความเศร้าโศก น้ำตาบนหน้าเหือดหาย แขนทั้งสองยกกางต้านลมอย่างสบายใจ ก่อนที่ภาพตรงหน้าที่ควรจะอยู่เหนือน้ำได้เปลี่ยนไป อควิล่าเริ่มหายใจไม่ออก เธอหลุดจากหลังม้าโกยอากาศทุกอย่างเข้าปอดด้วยความสามารถในการว่ายน้ำที่เรียนมาเท่าที่จะทำได้
และเมื่อเธอลืมตาดวงตาสีชมพูสดใสของเจ้าม้าตรงหน้าก็กลายเป็นสีแดง มันอ้าปากเห็นฟันที่แหลมคมคล้ายจะเข้ามากินเธอ อควิลล่าตีขาว่ายน้ำหนีทันที แต่ขาสั้นๆของเด็กอายุสิบสองหรือจะทันม้าที่มีหางเป็นปลา มันกัดเข้าที่ส้นรองเท้าบู๊ทของอควิลล่าทันที ทำให้รองเท้าชาเนลราคาแพงได้หลุดออก เข้าปากมันทันใด
เธอตกใจเหลือแสนใช้ส้นรองเท้าอีกข้างเตะเข้าที่ดวงตาของมันก่อนจะรีบว่ายน้ำหนี อีกนิดเดียว ทางขึ้นบกอยู่ข้างหน้าอีกนิดเดียว...
แต่มันก็ไม่ทันการ น่องของเธอโดนกัดเข้าจนเลือดออก อากาศที่เธอสูดเข้าปากไว้หลุดหายไปทันที อควิลล่ารู้สึกเหมือนจะจมน้ำเข้าทุกทีๆ เธอเหมือนกำลังจะตาย แต่ในขณะที่ภาพตรงหน้าจะดับลงเธอโดนฉุดกระฉากขึ้นมาจากน้ำ หญิงสาวใบหน้าคมคายผู้หนึ่งมาช่วยเหลือเธอไว้พร้อมกับดาบในมือก่อนที่เธอจะหลับตาและไม่ได้สติอีกเลย
และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอควิลล่าก็อยู่โรงพยาบาลเสียแล้ว แม่ของเธอเล่าว่าเธอนอนสลบอยู่ริมน้ำของสุสานพร้อมกับแผลที่เหมือนโดนสุนัขตัวใหญ่กัดเข้าที่ขาและในมุมนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดตัวไหนมองเห็น ลิเลียน่าโผ่กอดเธอราวกับกลัวลูกสาวเพียงคนเดียวหายไป ส่วนคัลเลนนั่นก็ดุเธอยกใหญ่ เป็นครั้งแรกที่อควิลล่ารู้สึกว่าตนนั้นสำคัญถึงเพียงนี้...แม้จะรู้ว่าสิ่งที่กัดเธอนั้นไม่ใช่สุนัขก็ตาม แต่ความจริงที่เกิดขึ้นก็ใช่ว่าเธอจะบอกได้เสียหมด...
เรื่องราวนี้ไม่ได้ถูกลืมไปแต่มันเป็นเพียงความทรงจำอันเลวร้ายเล็กๆก่อนที่เธอจะขึ้นไฮสคูล
อควิลล่าในวัยสิบหกได้ออกจากบ้านมาอยู่ตัวคนเดียวด้วยความเป็นห่วงของบ้านแลงก์แคสเตอร์ แต่เธอก็ยังยืนยันด้วยความเอาแต่ใจว่าอย่างไรเธอก็อยากแยกตัวออกมาจากบ้านใหญ่ ให้สามีภรรยาแลงก์แคสเตอร์ได้มีเวลาด้วยกันบ้าง เพราะทั้งคู่ก็อายุเริ่มจะใกล้เข้าเลขสี่เข้าไปเต็มที เผื่อฟ้าจะประทานลูกให้พวกเขาในวัยปลายฝั่งเช่นนี้
และแม้เธอจะโดนคัลเลนด่าแทบตายในการพูดแบบนั้นออกมาแต่สุดท้ายอควิลล่าก็ยังคงเป็นลูกสาวที่พวกเขาเอ็นดู คอนโดห้องกว้างได้ถูกเธอยึดพร้อมกับการเข้ามาในชีวิตของบุรุษผู้หนึ่งที่บอกว่าตนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของสามีภรรยาแลงก์แคสเตอร์ เธเฟตัส เจนคินส์ เพื่อนของคัลเลน แลงก์แคสเตอร์ที่บอกว่าจะคอยดูแลเธอให้เพราะเขาอยู่คอนโดห้องใกล้ๆ และบอกให้อควิลล่าเรียกอีกฝ่ายว่าอาเธเฟตัสได้ แม้เขาจะอายุเพียงแค่ยี่สิบเก้าก็ตาม
ชีวิตไฮสคูลของอควิลล่าผ่านไปอย่างเรียบง่ายพร้อมกับอาเธเฟตัสที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ แม้บางครั้งเธอจะรู้สึกเหมือนโดนเขาคุกคามด้วยสายตาหลายครา แต่ในเมื่อเขาเป็นเพื่อนพ่อเธอก็ทำอะไรมากไม่ได้ และเธอค่อนข้างมั่นใจฝีมือในคาราเต้ และยูโดของตัวเองที่เรียนตอนอายุสิบสามค่อนข้างมาก ทั้งยังในตอนนี้เธอก็เริ่มฟรีรันนิ่งเป็นตามเพื่อนไฮสคูลแล้วด้วย หากเกิดอะไรขึ้นก็คงหนีได้ไม่ยาก
เธอคิดเช่นนั้นจนกระทั่งวันหนึ่งของเธอตอนอายุสิบเก้า...
ติ๊ง
เสียงระฆังประตูดิจิตอลได้ดังขึ้นพร้อมกับอาเธเฟตัสที่อยู่หน้าประตูพร้อมกับมื้อเย็นอย่างสปาเก็ตตี้ที่เขาชอบทำให้เธอประจำ เมื่อเห็นมันผ่านหน้าจอส่องแมวดิจิตอลรอยยิ้มได้ปรากฏบนใบหน้าที่เคยเย่อหยิ่งของอควิลล่าจนแจ่มใส ความไว้ใจต่อบุรุษตรงหน้าประตูมีท่วมท้น เธอเปิดประตูให้เข้าอย่างง่ายดาย
"สวัสดียามเย็นค่ะอาเธเฟตัส" รอยยิ้มหวานปรากฏพร้อมกับผู้ที่เปิดประตูห้องตัวเองเชื้อเชิญคนตรงหน้าเข้ามา บุรุษเกศาสีทองดวงตาสีฟ้าเผยยิ้มเช่นกันก่อนจะก้าวเท้าที่สวมรองเท้าหนังขัดเงาเข้ามาในห้องของหญิงสาววัยสิบเก้า "วันนี้มีข้ออ้างอะไรมาหาอีกล่ะคะ? วันเกิด? ฉลองเรียนจบ? หรือคิดถึง?"
เธอกล่าวแซวเขาอย่างเคยชินอย่างไม่สนกริยาที่ได้ร่ำเรียนมาหนุ่มบ้านเจนคินส์หัวเราะเบาๆก่อนจะปิดประตูห้องให้ผู้ที่เปรียบดังหลานสาวที่ชอบกล่าวแซวราวกับเขานั้นเป็นแฟนคนหนึ่งของเธอ
"ทั้งสามข้อเลยไม่ได้หรอ? ยินดีที่เรียนจบนะครับคนสวย" เธอชอบที่เขากล่าวแซวเธอตอบเช่นนี้ อาเธเฟตัสจะเรียกว่าเป็นรักแรกที่เอื้อมไม่ถึงของเธอจะว่าเช่นนั้นก็ได้ แม้เขาจะน่ากลัวไปในบางทีบ้างก็ตาม ไม่รู้ว่าทำไมสายตาคุกคามของเขาที่มองมากลายเป็นสายตาที่เธอต้องจดจ้องกลับไปทุกครา
"ของแบบนี้จะฉลองด้วยสปาเก็ตตี้อย่างเดียวหรอคะ?" นิ้วของเธอม้วนเล่นเข้าไปที่เนคไทของเขาก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาใกล้
"โว้วๆ ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ" เขาก็ยังสวมบทเป็นคุณอาผู้แสนดีอยู่เสมอ จนอควิลล่าต้องกรอกตาท้อแท้กับความพยายามครั้งที่สิบของตัวเองตั้งแต่อายุสิบแปดมานี้ เธออ่อยเขาแทบจะบ่อยครั้งได้ แต่อีกฝ่ายไม่ตกหลุมเลย มือหนาที่ไม่ได้ถือจานสปาเก็ตตี้ถูกยกมาลูบหัวเล็กของอควิลล่า "อย่าทำอะไรแบบนี้สิครับ"
"ทำอะไรนี่ทำแบบไหนหรอคะ?" คำกล่าวหยอกเย้ายังคงถูกเอ่ยหลังจากรับจานมาวางไว้ที่โต๊ะ กระโปรงทรงเอสั้นถูกเลิกขึ้นอย่างตั้งใจหลังจากที่เจ้าตัวยืดตัวไปวางจานบนโต๊ะกินข้าวสีขาวสะอาด เธเฟตัสกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ก่อนจะเดินอย่างเชื่องช้ามาหาเธอ
"ทำให้ผมหมดความอดทน..." มือหนาวางไปที่ต้นขาขาวๆที่โผล่พ้นออกมาจากกระโปรงทรงเอตัวสวย และเป็นอีกครั้งที่เนคไทของเขาโดนสาวน้อยดึงจนจมูกของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงสองนิ้ว
"แล้วทำไมต้องทน..." ครานี้ผู้ที่กลืนน้ำลายลงคอกลับเป็นอควิลล่าแทน ความมุทะลุพุ่งชนจนเธอคิดจะทำอะไรสิ้นคิดอย่างดึงเพื่อนพ่อของตัวเองมาจรดริมฝีปากลงไป
ลิ้นทั้งสองเกี่ยวพันอควิลล่าถูกยกขึ้นโต๊ะเนื้อขาวก่อนจะนอนลงไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม เนคไทของอีกฝ่ายโดนเธอถอดอย่างง่ายๆจากคนที่ผูกเนคไทเป็นอย่างเธอ ตามด้วยกระดุมเสื้อเชิ้ต ตาของอควิลล่าปิดลงพร้อมกับปากของเขาที่ถูกถอนออกไปซุกไซร้ซอกคอของเธอ
แต่ความเสียวซ่านกลับไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่ามือที่กดเธอเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นุ่มนิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงฉีกเสื้อผ้าดังขึ้นจนอควิลล่าต้องลืมตา
ภาพตรงหน้าคือสิงโตตัวใหญ่พร้อมกับหางที่เริ่มกลายเป็นงู.....คิเมร่า!