[รัฐนิวยอร์ก] เมืองอิธากา

[คัดลอกลิงก์]

หากท่านเป็นกึ่งเทพผู้หลงทาง สามารถสมัครสมาชิกเข้าร่วมกับเราได้ที่นี่ https://t.me/+etLqVX17bGg5ZjBl

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา ลงทะเบียน

×



Ithaca, The U.S. state of New York

อิธากา, รัฐนิวยอร์ก








เมืองอิธากา เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความงดงามทางธรรมชาติ

ตั้งอยู่ในภูมิภาคฟิงเกอร์เลคส์ ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก

เมืองนี้โดดเด่นด้วยทิวทัศน์อันน่าทึ่งของน้ำตก หุบเขา และทะเลสาบ

โดยเฉพาะ ทะเลสาบทายูกา ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ยาวที่สุดในภูมิภาค


นอกจากนี้อิธากายังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการศึกษา เพราะเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยคอร์เนล

ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยไอวีลีกชื่อดังระดับโลกที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสวนพฤกษศาสตร์ที่สวยงาม รวมถึง อิธากาคอลเลจ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศของเมืองให้มีความเป็นวิชาการและอบอวลไปด้วยพลังงานของนักศึกษา


อิธากายังเป็นเมืองที่เหมาะกับผู้ที่รักธรรมชาติ ด้วยน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น น้ำตกทอแกน็อค และ น้ำตกบัตเตอร์มิลค์ ที่ล้อมรอบด้วยเส้นทางเดินป่าร่มรื่น


เมืองนี้ยังเป็น ประตูสู่ฟิงเกอร์เลคไวน์ครันทรี ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องโรงบ่มไวน์ริมทะเลสาบ พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์จากแอปเปิ้ลอย่าง แอปเปิ้ลไซเดอร์ และเบเกอรี่อบสดใหม่ที่ห้ามพลาด เช่น ไอศกรีมโฮมเมดจาก คอร์เนลเดย์ลีบาร์ ที่ใช้วัตถุดิบจากฟาร์มท้องถิ่น อีกทั้งยังมีอาหารสไตล์ Farm-to-Table ที่เน้นความสดใหม่จากวัตถุดิบในพื้นที่










แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 10397 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-12-15 10:53
โพสต์ 2025-12-20 15:54:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด


คณะบ้านแอรีส


วันที่: 20 ธันวาคม 2025
เวลา: 08.00 น.
สถานที่: จุดพักรถริมแม่น้ำฮัดสัน มุ่งหน้าสู่เมืองอิธากา

เช้าวันถัดมา อากาศเย็นจัดจนเกล็ดน้ำแข็งเกาะหนาตามกระจกของ Ares-Cargo V.1 หลังจากที่ เชลิค ใช้เวลาเกือบทั้งคืนในการซ่อมแซมระบบทำความร้อนและเชื่อมรอยละลายที่กันชนหน้าด้วยความช่วยเหลือ (อย่างทุลักทุเล) ของเฟลิทซ์ ในที่สุดรถถังหุ้มเกราะสัมฤทธิ์ก็พร้อมออกเดินทางอีกครั้ง

"กินนี่ก่อน เจ่เจ้" แจสเปอร์ ยื่นถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ใส่น้ำร้อนจนควันฉุยให้รูบี้ "ผมใส่ไข่ลวกสูตรที่วายาชอบด้วยนะ รับรองพลังงานเต็มร้อย!"

รูบี้ รับมาถือไว้พลางพยักหน้าเล็กน้อย "ขอบใจนะแจสเปอร์ ทุกคนขึ้นรถ เราจะเข้าสู่เขตเมืองอิธากาภายในเที่ยงนี้"

ตลอดเส้นทางจากแม่น้ำฮัดสันมุ่งหน้าสู่ตอนเหนือ สภาพภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด ยิ่งเข้าใกล้ อิธากา มากเท่าไหร่ หิมะก็ยิ่งไม่ได้ตกตามธรรมชาติ แต่มันเกาะตัวเป็นรูปร่างแหลมคมดุจขวานและหอกตามกิ่งไม้ ลมพายุที่พัดกรรโชกเริ่มมีกลิ่นอายของไฟฟ้าสถิตปนอยู่กับความหนาวเย็น


วันที่: 20 ธันวาคม 2025
เวลา: 11.45 - 13.05 น.
สถานที่: เมืองอิธากา, รัฐนิวยอร์ก

เมื่อรถวิ่งมาถึงทางแยกที่จะตัดเข้าสู่ดาวน์ทาวน์ เชลิคก็ต้องเหยียบเบรกจนล้อหันเหวี่ยงไปตามพื้นน้ำแข็ง ภาพเบื้องหน้าทำให้หัวใจของบุตรแห่งแอรีสทั้งห้าเต้นรัวด้วยความเกรงขาม

ท่ามกลางถนนที่ว่างเปล่าและพายุหิมะที่หมุนวน ร่างสูงใหญ่กำยำในชุดเกราะนักรบสมัยใหม่สีเลือดหมูยืนขวางทางอยู่ ชายผู้นั้นมีใบหน้าที่ดุดัน ดวงตาฉายแววโกรธเกรี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งลูก ๆ ทุกคนจำได้ติดตา เขาสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำทับเกราะ และที่ไหล่หนากว้างนั้นมี ดาบยักษ์พาดอยู่อย่างน่าเกรงขาม

"ท่านพ่อ..." เฟลิทซ์พึมพำด้วยความตกใจ

แอรีส เทพแห่งสงคราม ถ่มน้ำลายลงบนพื้นหิมะจนมันละลายเป็นหลุม "มาถึงช้าชะมัด ไอ้พวกเศษเหล็ก" เสียงของเขาดังกัมปนาทราวกับเสียงปืนใหญ่

เชลิคและรูบี้รีบลงจากรถ ตามด้วยน้อง ๆ ทุกคนก้มหัวลงทำความเคารพผู้เป็นบิดา แอรีสไม่ได้มองมาด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรัก แต่เขากลับมองเหมือนครูฝึกที่กำลังมองดูพลทหารหน่วยนรก

"แคลรีสบอกว่าพวกแกอยากเป็นวีรบุรุษ" แอรีสแสยะยิ้มที่ดูเหมือนการแยกเขี้ยว "งั้นข้าเลยจัด 'คู่ซ้อม' ให้พวกแก ข้าไปพนันกับซุสมา และขอหยิบยืมสัตว์เลี้ยงของเขามาทดสอบพวกแกดูหน่อย"

เขายกนิ้วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ทันใดนั้น เมฆที่เคยเป็นสีเทาก็แตกกระจายออกด้วยสายฟ้าสีทอง ร่างยักษ์ของอินทรีแห่งซุส ขนาดมหึมาเท่าเครื่องบินเล็กโฉบลงมาจากฟากฟ้า ปีกของมันกระพือสร้างลมพายุที่แฝงไปด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูงจนหิมะรอบ ๆ กลายเป็นไอ

"พิชิตมันซะ" แอรีสกล่าวเสียงเรียบพลางกระชับดาบที่พาดบ่า "นั่นคือบททดสอบเดียวที่จะตัดสินว่าแกควรจะมีลมหายใจต่อ หรือควรจะตายไปพร้อมกับความอ่อนแอของตัวเอง"

เทพแห่งสงครามชี้ทางมุ่งหน้าไปยังใจกลางดาวน์ทาวน์ของเมืองอิธากาที่ดูมืดมิดและเย็นเยือกกว่าจุดที่พวกเขายืนอยู่ "มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของดาวน์ทาวน์ ข้าจะรออยู่ตรงนั้น... ถ้าพวกแกยังมีหัวตั้งอยู่บนบ่าล่ะก็นะ"

สิ้นคำพูด ร่างของแอรีสก็เลือนหายไปในกองไฟสีเลือด ทิ้งให้ลูก ๆ ทั้งห้าเผชิญหน้ากับพญานกสายฟ้าที่กำลังแผดเสียงร้องจนแก้วหูแทบแตก

"เจ่เจ้..." แจสเปอร์กระชับง้าวเยี่ยนหยาในมือแน่น มือของเขาสั่นแต่ไม่ใช่เพราะความกลัว "นั่นนก... หรือเครื่องบินกันแน่ครับ?"

"มันคือความตายที่บินได้" รูบี้ตอบพลางชักกระบี่เทียนหวงออกมา แววตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มตามอำนาจของสายเลือดที่ตื่นขึ้น "ทุกคน... เข้าประจำที่! เราจะไม่ตายที่นี่!"

เสียงกรีดร้องของ อินทรีแห่งซุส ดังกัมปนาทจนกระจกอาคารรอบดาวน์ทาวน์สั่นสะเทือน ปีกขนาดยักษ์ของมันปกคลุมท้องฟ้าจนแสงอาทิตย์เลือนหายไป กระแสไฟฟ้าสีทองแปลบปลาบไปตามขนปีกที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า มันคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทวราชาซุส ผู้เป็นปู่ของพวกเขา และเป็นบิดาที่แอรีสทั้งยำเกรงและชิงชังในเวลาเดียวกัน

"กระจายตัวออก!" รูบี้ ออกคำสั่งเสียงเฉียบพลางทะยานออกจากตัวรถ Ares-Cargo ทันที "เชลิค คอยคุมเชิงภาคพื้นดิน เฟลิทซ์! ใช้ไฟของนายดึงความสนใจมันไว้!"

เฟลิทซ์ ไม่รอช้า เขาจุดตะเกียงเพลิงกรีกแล้วขว้างขึ้นไปบนอากาศ เปลวสีเขียวระเบิดออกเป็นม่านควันเพื่อบดบังทัศนวิสัยของนกยักษ์ "เฮ้! ไอ้กุ๊กไก่ยักษ์! มาทางนี้สิโว้ย!" เขาสบถพลางควงหอกสัมฤทธิ์อย่างบ้าคลั่ง

อินทรีแห่งซุสโฉบลงมาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเสียง กรงเล็บไฟฟ้าของมันตะปบเข้าที่หลังคารถ Ares-Cargo จนเกราะสัมฤทธิ์ที่วายาอุตส่าห์ตีมาอย่างดีเกิดรอยบุ๋มลึกและประกายไฟแลบ

"รถของวายา!" แจสเปอร์ ตะโกนลั่นด้วยความตกใจ เขาไม่ได้ห่วงตัวเองแต่ห่วงสัญญาที่ให้ไว้กับนายช่างบ้านเลขเก้า เขากระโดดขึ้นไปบนฝากระโปรงรถ เหวี่ยงง้าวเยี่ยนหยา (เขี้ยวอัคนี) เข้าใส่กรงเล็บของมัน "อย่ามาทำรถเพื่อนผมนะ!"

เคร้ง! แรงสะท้อนทำเอาแขนของแจสเปอร์ชาไปถึงหัวไหล่ แต่พลังแฝงในตัวเขากลับทำให้เขายังยืนหยัดอยู่ได้ ร่างกายที่ "อึด ถึก ทน" ของเขาเริ่มเข้าสู่โหมดบ้าเลือด ดวงตาของแจสเปอร์เริ่มมีประกายสีแดงจาง ๆ

ขณะเดียวกัน เชลิค อาศัยจังหวะที่นกยักษ์โฉบต่ำ พุ่งเข้าใส่จากด้านข้าง เขาไม่ได้ใช้อาวุธยาว แต่ใช้หมัดเหล็กแห่งมาร์ส กระแทกเข้าที่โคนปีกของมันอย่างหนักหน่วง แรงต่อยมหาศาลทำให้สายฟ้าที่ห่อหุ้มตัวนกกระจายออกชั่วขณะ

"พริมูล่า! ยิงโคนปีกมัน!" เชลิคตะโกน

พริมูล่าที่ซุ่มอยู่หลังเสาไฟฟ้าหยิบปืนอัจฉริยะออกมา เธอไม่ได้ยิงมั่ว ๆ แต่เธอกำลังใช้ "มารยา" และการคำนวณที่ชาญฉลาด เธอเล็งไปที่ดวงตาของนกยักษ์เพื่อยั่วโมโหให้มันพุ่งเข้าหาจุดที่รูบี้ดักซุ่มอยู่ "จัดให้ค่ะ... แต่อย่าลืมนะว่าลูกกระสุนพวกนี้มันแพง!"

ปัง! กระสุนพลังงานเจาะเข้าที่หัวตาของอินทรี มันร้องด้วยความเจ็บปวดและพุ่งเข้าใส่พริมูล่าทันทีตามแผน

"ตอนนี้แหละ!" รูบี้ที่กระโดดขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าชั้นสองของร้านกาแฟใกล้ ๆ ทะยานตัวลงมาดุจหงส์เหิน กระบี่เทียนหวงในมือเรืองแสงสีขาวนวล เธอวาดกระบี่ตัดผ่านอากาศเป้าหมายคือลำคอที่เต็มไปด้วยสายฟ้าของมัน

การปะทะกันอย่างรุนแรงท่ามกลางพายุหิมะในเมืองอิธากาเป็นไปอย่างดุเดือด ทุกคนต้องสู้เพื่อพิสูจน์ให้พ่อ—เทพแห่งสงครามที่กำลังเฝ้าดูอยู่จากมุมมืด—เห็นว่าพวกเขามีค่าพอที่จะเป็นวีรบุรุษ ไม่ใช่แค่เหยื่อใต้กรงเล็บของสัตว์เลี้ยงแห่งซุส

การปะทะดำเนินมาถึงจุดตัดสินใจ พญานกแห่งเทวราชาแผดเสียงก้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะรวบรวมสายฟ้าทั้งหมดไว้ที่ปีก เตรียมจะระเบิดพลังงานไฟฟ้าออกมาเผาผลาญทุกอย่างในรัศมีร้อยเมตร

"ทุกคนถอยไป!" รูบี้ ตะโกนก้อง เธอรู้ดีว่าหากปล่อยให้อินทรีปล่อยพลังออกมา ไม่มีใครในที่นี้จะรอดไปได้

รูบี้ตัดสินใจใช้ โล่แห่งโทสะ รับการโจมตีสายฟ้าที่ฟาดลงมาดุจแส้เหล็ก แรงปะทะมหาศาลทำให้แขนของเธอร้าวระบมและกระเด็นไปกระแทกกับหน้าร้านค้าจนกระจกแตกกระจาย แต่ในจังหวะที่นกยักษ์กำลังเสียสมาธิจากการปลดปล่อยพลัง รูบี้ก็ดีดตัวขึ้นจากซากปรักหักพัง ทะยานร่างผ่านกลุ่มควันน้ำแข็งด้วยทักษะยิมนาสติกขั้นสูง

เธอรวบรวมจิตวิญญาณแห่ง วิลเลี่ยม วอลเรซ วีรบุรุษผู้ไม่ยอมแพ้เข้าสู่กระบี่เทียนหวง แสงสีขาวนวลเปลี่ยนเป็นประกายสีเลือดเข้มข้น รูบี้ฟันดาบลงที่ลำคอของอินทรีแห่งซุสด้วยพลังทั้งหมดที่มี!

ฉัวะ!

ร่างของพญานกขนาดยักษ์ขาดสะบั้นสลายกลายเป็นผงทองคำและกระแสไฟฟ้าจาง ๆ ทิ้งไว้เพียงขนสีทองเพียงหนึ่งเส้นที่ร่วงหล่นลงมาปักอยู่บนพื้นหิมะที่กลายเป็นสีดำไหม้

ความเงียบกลับคืนสู่ดาวน์ทาวน์อิธากาอีกครั้ง พร้อมกับภาพความย่อยยับของทีมบ้านแอรีส...

         รูบี้ นั่งทรุดลงกับพื้น ชุดของเธอขาดวิ่น แขนซ้ายห้อยลงอย่างผิดรูปจากการรับสายฟ้าโดยตรง ใบหน้าซีดเซียวแต่ดวงตายังคงแข็งกร้าว

แจสเปอร์ นอนแผ่อยู่ข้างล้อรถที่บุบเบี้ยว ร่างกายของเขามีรอยไหม้เกรียมและเลือดอาบโชกจากการเข้าไปปะทะกรงเล็บโดยตรง แม้จะอึดแค่ไหนแต่การสู้กับระดับสัตว์ของมหาเทพก็ทำให้เขาแทบสิ้นสติ

         เฟลิทซ์ ถูกสายฟ้าฟาดจนกระเด็นไปติดอยู่ใต้ซากรถยนต์คันหนึ่ง ผมสีแดงของเขาไหม้เกรียมและพยายามหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างยากลำบาก

เชลิค มีบาดแผลฉกรรจ์ที่สีข้าง สนับมืออันล้ำค่าของเขาแตกละเอียดไปข้างหนึ่ง เขาพยายามใช้ดาบสัมฤทธิ์ค้ำยันร่างกายไม่ให้ล้มลง

พริมูล่า แม้จะบาดเจ็บน้อยที่สุดแต่เธอก็อยู่ในสภาพช็อก เสื้อขนเฟอร์ราคาแพงขาดกะรุ่งกะริ่งและมีรอยถลอกตามใบหน้าสวยงาม

อีกทั้งเมืองอิธากาในตอนนี้ดูเหมือนย่านที่เพิ่งผ่านสงครามกลางเมืองมาสด ๆ ร้อน ๆ เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาด ถนนลาดยางแตกเป็นเสี่ยง ๆ และมีไฟลุกไหม้ตามตึกแถว ชาวเมืองที่หลบอยู่ตามอาคารเริ่มโผล่หน้าออกมาดูด้วยความหวาดกลัว

สำหรับมนุษย์เดินดินทั่วไป หมอกบังตาทำหน้าที่ของมันอย่างบิดเบี้ยว สิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่เด็กวัยรุ่นสู้กับนกยักษ์ แต่เห็นเป็น "เหตุการณ์แก๊สระเบิดครั้งใหญ่ตามด้วยการกราดยิงของกลุ่มก่อการร้าย" หรือบ้างก็เห็นเป็น "เครื่องบินเล็กตกลงกลางเมือง"

"พวกเราต้องไป... ก่อนที่ตำรวจจะมา" เชลิคเอ่ยเสียงพร่าพลางกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย

"แต่ชาวเมือง... พวกเขาได้รับบาดเจ็บ" แจสเปอร์พยายามจะลุกขึ้นด้วยสัญชาตญาณฮีโร่ แต่พริมูล่าคว้าคอเสื้อเขาไว้

"ฟังนะเด็กโง่!" พริมูล่าตะคอกด้วยเสียงที่สั่นเครือ "ถ้าเราอยู่ตรงนี้ หมอกบังตาจะยิ่งทำงานผิดเพี้ยน แล้วพวกเขาก็จะเห็นว่าพวกเราคือคนร้าย! นายอยากถูกขังในคุกมนุษย์แทนที่จะทำภารกิจให้พ่อหรือไง!"

รูบี้กัดฟันฝืนความเจ็บปวดลุกขึ้นยืน "เชลิค... พาทุกคนขึ้นรถ Ares-Cargo มันยังพอขับเคลื่อนได้ พริมูล่า... ใช้มารยาของเธอ หรือข่าวลืออะไรก็ได้ปั่นหัวเจ้าหน้าที่ผ่านโซเชียลมีเดียว่านี่เป็นอุบัติเหตุจากสภาพอากาศสะสม"

พริมูล่ารีบหยิบมือถือที่หน้าจอแตกออกมาทันที เธอเริ่มส่งข้อความและสร้างข่าวปลอมผ่านบัญชีนอมินีของเธออย่างรวดเร็ว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากจุดที่พวกเขาอยู่

รถตู้หุ้มเกราะสัมฤทธิ์สภาพยับเยินค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากใจกลางเมืองทิ้งความพินาศไว้เบื้องหลัง มุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบที่แอรีสบอกไว้... โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ความเจ็บปวดในครั้งนี้เป็นเพียงแค่ "น้ำจิ้ม" ของสิ่งที่กำลังรออยู่ในดาวน์ทาวน์ที่ลึกเข้าไปกว่าเดิม


แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 26361 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-20 15:54
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x15
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x5
x10
x25
x10
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x3
x5
x2025
x4
x1
x3
x2
x5
x1
x3
x1
x2
x1
x2
x1
x10
x15
x5
x4
x500
x3
x1
x1
x4
x7
x1
x1
x3
x5
x8
x1
x15
x1
x1
x3
x293
x1754
x17
x3851
โพสต์ 2025-12-20 17:57:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด


คณะบ้านแอรีส


วันที่: 20 ธันวาคม 2025
เวลา: 14.00 น.
สถานที่: ลานจอดรถร้างทางทิศใต้ของดาวน์ทาวน์อิธากา



Ares-Cargo V.1 เคลื่อนตัวเข้ามาในลานจอดรถร้างในสภาพที่ดูไม่ต่างจากเศษเหล็กเคลื่อนที่ ควันสีเทาโชยออกมาจากฝากระโปรงรถที่บุบบี้ ระบบทำความร้อนส่งเสียงวี๊ดหวิวปานจะขาดใจ เชลิค ดับเครื่องยนต์ก่อนที่ร่างของเขาจะฟุบลงกับพวงมาลัยด้วยความล้า

ทันใดนั้น เปลวไฟสีแดงฉานระเบิดขึ้นเบื้องหน้าตัวรถ กลิ่นเขม่าปืนและคาวเลือดเข้มข้นอบอวลไปทั่วบริเวณ แอรีส ยืนรออยู่ตรงนั้น ดาบยักษ์ของเขายังคงพาดอยู่ที่บ่า เขามองดูสภาพลูก ๆ ที่คลานลงมาจากรถด้วยสายตาเย้ยหยัน แต่ในส่วนลึกของดวงตาที่ลุกเป็นไฟนั้นกลับมีความพึงพอใจบางอย่างซ่อนอยู่

"ดูสภาพพวกแกสิ... เหมือนหมาโดนรถทับไม่มีผิด" แอรีสแค่นหัวเราะ พลางเดินเข้ามาหยุดตรงหน้ารูบี้ที่พยายามยืนหยัดโดยใช้กระบี่ค้ำยัน

"เรา... พิชิตมันแล้ว... ท่านพ่อ" รูบี้เค้นเสียงพูดผ่านริมฝีปากที่แตกยับ

"หึ! พิชิตงั้นเหรอ?" แอรีสคว้าคอเสื้อรูบี้แล้วยกเธอขึ้นจนเท้าลอยเหนือพื้น แต่เขาไม่ได้ทำเพื่อทำร้าย เขาจ้องเข้าไปในตาเธอ "แกฆ่าสัตว์เลี้ยงของซุสได้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น... ประเด็นคือแกกล้าฟันคอเจ้านกนั่นทั้งที่รู้ว่ามันจะทำให้ราชาแห่งเทพเจ้าโกรธจัด นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าต้องการเห็น 'ความบ้าบิ่นที่ไร้ขอบเขต'!"

เขาวางรูบี้ลง ก่อนจะสะบัดมือเบา ๆ ทันใดนั้น แสงสีแดงมืดมนก็แผ่ซ่านเข้าปกคลุมร่างกายของทุกคน บาดแผลฉกรรจ์เริ่มสมานตัว กระดูกที่หักเข้าที่อย่างรวดเร็ว แม้จะไม่หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขากลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง

"นี่คือรางวัลสำหรับความกล้า" แอรีสโยนถุงหนังใบหนึ่งลงตรงหน้า แจสเปอร์ "แอมโบรเซียและเนคทาร์คุณภาพดีที่สุดจากคลังส่วนตัวของข้า กินซะก่อนที่พวกแกจะลงไปนอนเฝ้ายมโลกจริง ๆ"

"ขอบคุณครับท่านพ่อ!" แจสเปอร์รีบคว้าถุงมาแบ่งให้พี่น้องทันที

"แต่อย่าเพิ่งลำพองใจไป" สีหน้าของแอรีสกลับมาเคร่งเครียด "อินทรีที่พวกแกฆ่าไปน่ะ... มันไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงธรรมดา ซุสมอบมันให้ข้ามา 'ซ้อม' เพราะมันคืออินทรีกลที่ถูกดัดแปลงด้วยพลังเหมันต์บางอย่างที่ข้าเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้"

คำพูดของเทพเจ้าทำให้ทุกคนชะงัก

"ความหนาวที่อิธากาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ" แอรีสเอ่ยต่อพลางชี้ไปทางใจกลางดาวน์ทาวน์ที่ตอนนี้ถูกหมอกสีน้ำเงินปกคลุมจนมืดมิด "มีบางอย่างกำลังใช้พลังของซุสและพลังเหมันต์โบราณสร้างรังขึ้นมาที่นี่ ถ้าพวกแกอยากเป็นวีรบุรุษจริง ๆ จงไปที่ หอคอยนาฬิกาประจำเมือง ที่นั่นคือจุดกำเนิดของพายุ"

"แล้วท่านพ่อไม่ไปกับพวกเราเหรอครับ?" เฟลิทซ์ ถามพลางลูบผมที่ไหม้เกรียม

แอรีสหัวเราะเสียงดังสนั่น "ข้าคือเทพเจ้า! ถ้าข้าลงมือเอง ซุสก็จะหาเรื่องเปิดศึกใหญ่กับข้า ข้ามีหน้าที่แค่ 'ส่งแรงเชียร์' และรอดูว่าลูก ๆ ของข้าจะถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้น หรือจะเผาเมืองนี้ให้เป็นจุลเพื่อนำชัยชนะมาให้ข้า!"

ร่างของเทพแห่งสงครามเริ่มจางหายกลายเป็นควัน "อ้อ... ขนอินทรีที่พวกแกเก็บมาน่ะ อย่าให้หายล่ะ มันคือ 'กุญแจสายฟ้า' ที่จะพาพวกแกเข้าสู่รังของมัน... อย่าทำให้ข้าเสียหน้าล่ะ ไอ้พวกเด็กเหลือขอ!"

สิ้นเสียงคำราม แอรีสก็หายวับไป ทิ้งให้ทั้งห้าคนยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงลมหนาวที่พัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ มุ่งหน้ามาจากหอคอยนาฬิกาที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า





วันที่: 20 ธันวาคม 2025
เวลา: 16.30 น.
สถานที่: ร้านสะดวกซื้อร้าง ห่างจากหอคอยนาฬิกาอิธากา 2 บล็อก



ภายในร้านสะดวกซื้อที่กระจกหน้าต่างถูกน้ำแข็งเกาะจนมืดมิด มีเพียงแสงสลัวจากไฟฉายกระบอกเล็กที่ เชลิค วางไว้บนเคาน์เตอร์ กลิ่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเผ็ดที่ แจสเปอร์ ต้มด้วยเตาแก๊สปิกนิกอบอวลไปทั่ว แต่อาหารมื้อนี้กลับไม่มีใครกินลง

เสียงวิทยุสื่อสารที่เชลิคจูนคลื่นสัญญาณข่าวท้องถิ่นดังซ่าก่อนจะปรากฏเสียงรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศที่พริมูล่าคุ้นเคย

"...รายงานโดย อลิสแตร์ เรดเมย์น BBC... ทาง FBI กำลังตรวจสอบกลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่คาดว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง รถตู้หุ้มเกราะสภาพพังยับเยินถูกระบุว่าเป็นพาหนะที่ใช้ในการก่อเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่กลางเมืองอิธากา..."

"ผู้ก่อการร้าย... กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงงั้นเหรอ?" เฟลิทซ์ สบถพลางทุบโต๊ะ "พวกเราเพิ่งช่วยชีวิตคนทั้งเมืองจากนกยักษ์สายฟ้านั่นนะเว้ย! มลบังตาบ้านี่มันทำเกินไปแล้ว!"

"นั่นแหละคือสิ่งที่โลกมนุษย์เห็น เฟลิทซ์" เชลิค เอ่ยเสียงเรียบขณะกำลังพันผ้าพันแผลที่โชกเลือดตรงสีข้าง "ในสายตาพวกเขา เราไม่ใช่ลูกเทพเจ้า เราคือตัวอันตรายที่มาพร้อมกับระเบิดและพายุ"

รูบี้ นั่งนิ่งอยู่มุมห้อง มือขวากำขนอินทรีทองคำที่ตอนนี้เริ่มสั่นระริกและส่งเสียงเปรี๊ยะ ๆ ของกระแสไฟฟ้าออกมาเป็นระยะ เธอเหลือบมองไปทาง พริมูล่า ที่กำลังกดโทรศัพท์หน้าจอแตกอย่างบ้าคลั่ง

"พริมูล่า สถานการณ์ในโซเชียลเป็นยังไงบ้าง?" รูบี้ถาม

"แย่สุด ๆ ค่ะพี่สาว" พริมูล่าตอบโดยไม่เงยหน้า "ข่าวจาก BBC ถูกแชร์ไปทั่วทวิตเตอร์ (X) ตอนนี้แฮชแท็ก #IthacaTerrorist กำลังพุ่งเป็นอันดับหนึ่ง ฉันพยายามสร้างกระแสข่าวลือเรื่อง 'การทดลองลับของรัฐบาล' เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจแล้ว แต่มันก็ทำได้แค่ชะลอการตามล่าของตำรวจเท่านั้น"

"เจ่เจ้... ถ้าเราถูกจับ เราจะโดนขังคุกมนุษย์จริง ๆ เหรอ?" แจสเปอร์ถามด้วยสีหน้ากังวล เขาดูเหมือนซามอยที่กำลังกลัวความผิด

"เราจะไม่ถูกจับ แจสเปอร์" รูบี้ลุกขึ้นยืน แม้ร่างกายจะยังระบมไปทุกส่วน "เพราะเราไม่มีเวลาให้พวกเขาจับ เราต้องไปที่หอคอยนาฬิกานั่นเดี๋ยวนี้ ยิ่งเราอยู่นิ่งนานเท่าไหร่ หมอกบังตาก็จะยิ่งบิดเบือนภาพพวกเราให้กลายเป็นปีศาจมากขึ้นเท่านั้น"

เธอยกขนอินทรีทองคำขึ้นมา แสงสีทองจากขนนั้นเริ่มชี้ทิศทางไปยังหอคอยนาฬิกาที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมอกหนาสีน้ำเงินเข้มเบื้องหน้า

"นั่นไง... 'รัง' ของมัน" รูบี้พึมพำ

หอคอยนาฬิกาประจำเมืองอิธากาในตอนนี้ดูไม่เหมือนอาคารสถาปัตยกรรมคลาสสิกอีกต่อไป แต่มันถูกปกคลุมด้วยแท่งน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่งอกออกมาจากผนังอิฐ ราวกับเป็นหนามของสัตว์ร้ายสายฟ้าสีน้ำเงินแลบแปลบปลาบอยู่รอบยอดหอคอยตลอดเวลา สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่เหนือกว่าอินทรีที่พวกเขาเพิ่งฆ่าไปหลายเท่าตัว

"ทุกคนเตรียมตัว" เชลิคเช็คกระสุนมีดสั้นและสวมแจ็คเก็ตหนังทับเกราะ "เราจะเดินเท้าไป รถ Ares-Cargo วิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว และเราต้องหลบสายตาของตำรวจที่กำลังปิดล้อมเมืองด้วย"

บ้านแอรีสทั้งห้าก้าวออกจากที่พักร้าง สภาพแต่ละคนดูสะบักสะบอมแต่ดวงตากลับลุกโชนด้วยไฟแห่งการพิสูจน์ตน พวกเขาต้องบุกฝ่าพายุเหมันต์และคำตราหน้าว่าเป็นอาชญากร เพื่อมุ่งสู่บทสรุปที่ยอดหอคอยนาฬิกาแห่งนั้น





วันที่: 20 ธันวาคม 2025
เวลา: 17.15 น.
สถานที่: ถนนมุ่งหน้าสู่หอคอยนาฬิกา (ห่างออกไป 1 บล็อก)




ลมหนาวกรรโชกแรงจนผิวหนังแสบไหม้ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าพายุคือแสงไฟไซเรนสีแดงน้ำเงินที่สะท้อนกับน้ำแข็งบนพื้นถนน เบื้องหน้าของพวกเขาคือหน่วย SWAT และเจ้าหน้าที่รัฐที่ตั้งแถวปิดล้อมพื้นที่รัศมีรอบหอคอยนาฬิกาไว้ทั้งหมด รถหุ้มเกราะทหารจอดขวางถนน ลำกล้องปืนไรเฟิลจู่โจมนับสิบกระบอกเล็งตรงมายังทิศทางที่พวกเขาซุ่มอยู่

"หยุดอยู่ตรงนั้น! วางอาวุธและชูมือขึ้นเหนือหัว!" เสียงประกาศจากลำโพงดังกัมปนาทท่ามกลางเสียงลม "พวกคุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว!"

"ให้ตายเถอะ... พวกเขาเห็นง้าวของแจสเปอร์เป็นไรเฟิลซุ่มยิงแน่ ๆ" เชลิค กระซิบพลางดึงรุ่นน้องหลบหลังซากกำแพงอิฐ "ถ้าเราสุ่มห้าสุ่มหกบุกเข้าไป พวกเขาจะเปิดฉากยิงทันที และเราฆ่ามนุษย์ไม่ได้... นั่นเป็นกฎเหล็ก"

"เจ่เจ้... ผมไม่อยากสู้กับตำรวจ" แจสเปอร์ เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ "พวกเขาเป็นคนดี พวกเขาแค่พยายามปกป้องเมือง"

รูบี้ ขมวดคิ้วแน่น เธอรู้ดีว่าลำพังพละกำลังของบุตรแห่งแอรีสสามารถฝ่าไปได้ แต่ต้องมีการนองเลือดเกิดขึ้นแน่นอน เธอหันไปมองพริมูล่า ที่กำลังยืนสั่นเล็กน้อยไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เพราะกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

"พริมูล่า... ถึงเวลาใช้อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของเธอแล้ว" รูบี้สั่งการ "จัดการพวกเขซะ โดยไม่ให้มีรอยขีดข่วน"

พริมูล่าสูดหายใจลึก ปรับเปลี่ยนท่าทางจากเด็กสาวที่ขี้อิจฉาให้กลายเป็น "เหยื่อ" ที่น่าสงสารที่สุดในโลก เธอทิ้งปืนอัจฉริยะไว้กับแจสเปอร์ แล้วเดินออกไปกลางถนนท่ามกลางแสงไฟสปอตไลท์ที่สาดส่องเข้ามาจนตัวเธอสว่างจ้า

"ช่วยด้วยค่ะ! อย่าพึ่งยิง!" พริมูล่าตะโกนด้วยสำเนียงบริติชที่สั่นเครือและเปี่ยมไปด้วยมารยา เธอใช้ทักษะ Gaslighting และการละครระดับรางวัลออสการ์ "พวกเราถูกจับตัวมา! คนร้ายหนีเข้าไปในหอคอยนั่นแล้ว! พวกเขามีระเบิด... พวกเขาจะฆ่าเรา!"

เจ้าหน้าที่ SWAT ชะงักไปครู่หนึ่ง หมอกบังตาเริ่มทำงานร่วมกับคำพูดของเธอ พลแม่นปืนเริ่มลังเลใจ

"ตอนนี้แหละ! เฟลิทซ์! เชลิค!" รูบี้ให้สัญญาณ

เฟลิทซ์ วิ่งอ้อมไปด้านข้าง เขาไม่ได้ขว้างเพลิงกรีกใส่คน แต่เขาใช้หินเพลิงเทพ กระแทกกับพื้นถนนจนเกิดควันสีแดงหนาทึบพุ่งขึ้นปกคลุมทัศนวิสัยของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด

"มองไม่เห็นอะไรเลย! ควันแดง! ระวังควันพิษ!" เสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนสับสน

เชลิค ทะยานเข้าสู่กลุ่มควันด้วยความเร็ว เขาไม่ได้ใช้หมัดเหล็ก แต่ใช้ทักษะไอคิโดและยิวยิตสูเข้าประชิดตัวเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ที่สุด เหวี่ยงร่างของพวกเขาให้พ้นทางและปลดอาวุธอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้ใครได้รับบาดเจ็บสาหัส

"ไป! แจสเปอร์! รูบี้!" เชลิคตะโกนผ่านหมอกควัน

แจสเปอร์ แบกถุงเสบียงและง้าววิ่งนำรูบี้ฝ่าวงล้อมไปดุจหมาซามอยที่หลุดจากโซ่ เขาใช้พละกำลังมหาศาลผลักรถตำรวจที่ขวางทางออกไปดุจเข็นของเล่น เปิดทางให้ทุกคนมุ่งหน้าสู่ประตูหอคอยนาฬิกา

พริมูล่าอาศัยจังหวะชุลมุน วิ่งกลับมารวมกลุ่มกับพี่น้องพร้อมรอยยิ้มแสยะ "การละครหนึ่งศูนย์หนึ่งค่ะ... พวกโง่เอ๊ย"

ทิ้งให้หน่วย SWAT งุนงงกับกองควันสีแดงและปืนที่ถูกถอดแม็กกาซีนทิ้งไว้บนพื้น บ้านแอรีสทั้งห้าก็มาถึงตีนหอคอยนาฬิกาได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงสายฟ้าสีน้ำเงินที่ฟาดลงมาบนยอดหอคอยดังกึกก้อง ราวกับกำลังต้อนรับศัตรูที่คู่ควร






วันที่: 20 ธันวาคม 2025
เวลา: 18.00 - 19.00 น.
สถานที่: ยอดหอคอยนาฬิกาประจำเมืองอิธากา




เสียงเฟืองยักษ์ที่ถูกน้ำแข็งเกาะกินจนบิดเบี้ยวส่งเสียงครืดคราดน่าสยดสยอง บ้านแอรีสทั้งห้าบุกฝ่าบันไดวนที่เต็มไปด้วยกับดักน้ำแข็งจนขึ้นมาถึงชั้นบนสุด พื้นที่เปิดโล่งบนยอดหอคอยเผชิญหน้ากับพายุคลั่ง ลมหนาวที่นี่ไม่ได้พัดเป็นทิศทาง แต่มันหมุนวนราวกับพายุทอร์นาโดแช่แข็ง

ท่ามกลางแสงสายฟ้าสีน้ำเงินที่ฟาดลงมาเป็นระยะ ร่างหนึ่งยืนเด่นอยู่ขอบระเบียงหอคอย เขาไม่ได้สวมเกราะแบบเดมิก็อดทั่วไป แต่สวมชุดคลุมยาวสีขาวหม่นที่ชายผ้าขาดวิ่น ผิวหนังของเขาซีดเผือดจนเห็นเส้นเลือดสีฟ้า และดวงตาที่ไร้ลูกตาดำนั้นเปล่งประกายไฟฟ้าสถิตออกมาตลอดเวลา

"ในที่สุด... สายเลือดของไอ้เทพนักเลงนั่นก็มาถึง" เสียงของเขาแหบพร่าดุจเสียงน้ำแข็งปริแตก

"แกเป็นใคร?" รูบี้ ก้าวออกมาข้างหน้า กระชับกระบี่เทียนหวงที่ตอนนี้เรืองแสงสีเลือดต้านไอเย็น "และทำไมต้องใช้พลังของซุสสร้างความเดือดร้อนให้คนในเมืองนี้!"

ชายผู้นั้นหัวเราะเบา ๆ พลางหันกลับมา "ข้าคือ คิโอนิด (Chionid)... บุตรแห่งบอเรอัส ที่ถูกโอลิมปัสทอดทิ้ง ข้าเคยเป็นเดมิก็อดเหมือนพวกเจ้า เคยสู้เพื่อความยุติธรรมจนกระทั่งข้าถูกสายฟ้าของซุสฟาดลงมาเพียงเพราะข้า 'รู้มากเกินไป' เกี่ยวกับความล้มเหลวของพวกทวยเทพ"

เขายกมือขึ้น เผยให้เห็นกรงเล็บน้ำแข็งที่กำลังโอบอุ้ม หัวใจแห่งพายุ ซึ่งเป็นลูกแก้วไฟฟ้าที่ชิงมาจากข้ารับใช้ของซุส "ข้าใช้เวลาหลายร้อยปีสิงสถิตอยู่ในความหนาวเหน็บ จนกระทั่งข้าพบวิธีผสานพลังเหมันต์เข้ากับสายฟ้า ข้าจะทำให้อิธากากลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคน้ำแข็งใหม่ ยุคที่ไม่มีเทพเจ้าองค์ไหนจะมาชี้นิ้วสั่งข้าได้อีก!"

"ยุคน้ำแข็งบ้านป้านายสิ!" เฟลิทซ์ ตะโกนขัดจังหวะพลางเขวี้ยงเพลิงกรีกขวดสุดท้ายเข้าใส่ "ข้าชอบหน้าร้อนโว้ย!"

บึ้ม!

เปลวไฟสีเขียวระเบิดออก แต่คิโอนิดเพียงแค่สะบัดมือ กำแพงน้ำแข็งหนาทึบก็พุ่งขึ้นจากพื้นดินกักขังเปลวไฟไว้ภายในและดับมันลงในชั่วพริบตา

"เจ้าเด็กเมื่อวานซืน..." คิโอนิดคำราม สายฟ้าสีน้ำเงินพุ่งออกจากปลายนิ้วเข้าใส่เฟลิทซ์จนเขากระเด็นไปกระแทกกับระฆังใบยักษ์ดังกังวาน เหง่งงง!

"เฟลิทซ์!" แจสเปอร์ คำรามด้วยความโกรธ เขาพุ่งเข้าใส่คิโอนิดด้วยง้าวเยี่ยนหยาในมือ พลังบ้าเลือดในกายเขาปะทุขึ้นจนร่างกายเริ่มมีไอความร้อนระเหยออกมาต้านความหนาว "แกทำร้ายน้องชายฉัน!"

"แจสเปอร์ อย่าเข้าไปตรง ๆ!" เชลิค ตะโกนเตือนพลางพยายามหาจังหวะเข้าคลุกวงในด้วยมวยยิวยิตสู แต่พื้นหอคอยที่กลายเป็นน้ำแข็งลื่นปรื๊ดทำให้การเคลื่อนที่ทำได้ลำบาก

พริมูล่า หลบอยู่หลังเสาหิน เธอสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่คิโอนิดปล่อยพลัง สายฟ้าจะวิ่งผ่านขนอินทรีทองคำที่รูบี้ถืออยู่ "พี่รูบี้! ขนนั่น! มันไม่ใช่แค่กุญแจ แต่มันคือตัวล่อฟ้า! ถ้าเราส่งพลังกลับไปที่หัวใจแห่งพายุของมันได้ มันจะระเบิดจากข้างใน!"

รูบี้สบตากับพริมูล่าแล้วพยักหน้า เธอรู้ดีว่านี่คือโอกาสเดียว "เชลิค! แจสเปอร์! ตรึงมันไว้ให้ได้ 5 วินาที!"

ศึกสุดท้ายบนยอดหอคอยนาฬิกาเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางเสียงสายฟ้าที่กึกก้องและชะตากรรมของเมืองอิธากาที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของพี่น้องบ้านแอรีส



"ตอนนี้แหละ!" รูบี้ ตะโกนก้องท่ามกลางเสียงพายุ เธอกระโดดทะยานตัวขึ้นเหนืออากาศ พลางชูขนอินทรีทองคำขึ้นรับสายฟ้าสีน้ำเงินที่ฟาดลงมาจากฟากฟ้าโดยตรง

กระแสไฟฟ้าแรงสูงวิ่งผ่านร่างของรูบี้ ความเจ็บปวดแทรกซึมไปถึงกระดูก แต่เธอใช้ทักษะการคุมลมปราณวูซูผนึกพลังนั้นไว้ชั่วขณะ ก่อนจะวาดกระบี่เทียนหวงพุ่งเป้าไปที่ หัวใจแห่งพายุ ในมือของคิโอนิด พลังสายฟ้าที่ถูกบีบอัดพุ่งกลับไปยังจุดกำเนิดดุจลูกธนูที่ย้อนคืนเจ้าของ

เปรี้ยงงงงง!

แรงระเบิดมหาศาลทำให้ยอดหอคอยสั่นคลอน พลังเหมันต์ที่เคยแกร่งกล้าแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ คิโอนิดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อพลังที่เขาพยายามควบคุมย้อนกลับมาแผดเผาจิตวิญญาณของเขาเอง ร่างของเขาเริ่มกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งที่กำลังระเหยกลายเป็นไอสีฟ้าจาง ๆ สายฟ้าในตัวเขากำลังจะระเบิดออกมาเพื่อทำลายล้างทุกอย่างรวมถึงตัวเขาเองด้วย

"จบสิ้นกันที..." คิโอนิดพึมพำ ดวงตาที่ไร้ลูกตาดำนั้นสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งสุดท้าย

แต่ก่อนที่ร่างนั้นจะสลายไป แจสเปอร์ ที่ร่างกายสะบักสะบอมและมีรอยไหม้เกรียม กลับพุ่งฝ่ากลุ่มควันเข้าไป เขาไม่ได้เข้าไปเพื่อซ้ำเติม แต่เขาทิ้งง้าวเยี่ยนหยาแล้วใช้มือเปล่าคว้าไหล่ของคิโอนิดไว้แน่น

"แจสเปอร์! ถอยออกมา! มันกำลังจะระเบิด!" เชลิค ตะโกนลั่นพลางพยายามจะวิ่งเข้าไปช่วยแต่ถูกพายุหมุนกั้นไว้

"ไม่! เขาแค่หลงผิด!" แจสเปอร์ตะโกนตอบ น้ำตาของเขาไหลผ่านใบหน้าที่เปื้อนเขม่า "เขาแค่เจ็บปวด... ผมรู้สึกได้! พี่ครับ! อย่าเพิ่งยอมแพ้!"

แจสเปอร์ใช้พลัง "อึด ถึก ทน" ของเขาทำในสิ่งที่บ้าบิ่นที่สุด เขาพยายามดึงดูดพลังสายฟ้าส่วนเกินจากร่างของคิโอนิดเข้าสู่ร่างกายของตัวเอง เพื่อลดภาระให้วิญญาณของบุตรแห่งลมเหนือ ร่างของแจสเปอร์สั่นสะท้าน ผิวหนังของเขาเริ่มปริแตกจากพลังงานที่มหาศาลเกินรับไหว

"เจ้า... เจ้าทำแบบนี้ทำไม?" คิโอนิดถามด้วยความตกใจ "ข้าพยายามจะฆ่าพวกเจ้านะ!"

"เพราะผมเป็นบุตรแห่งแอรีส..." แจสเปอร์กัดฟันพูดจนเลือดซิบ "พ่อสอนให้เราสู้... แต่เจ่เจ้สอนให้เราปกป้องคนอื่น... พี่ไม่ใช่ปีศาจ พี่แค่เป็นเดมิก็อดที่หัวใจเยือกเย็นเกินไปเท่านั้นเอง!"

ความอบอุ่นและพลังบวกที่ไร้เดียงสาของแจสเปอร์ไหลซึมผ่านสัมผัสไปยังร่างที่กำลังแช่แข็ง สายฟ้าสีน้ำเงินเริ่มอ่อนแสงลง พลังเหมันต์ที่เคยดุร้ายค่อย ๆ สงบลงและกลายเป็นเพียงเกล็ดหิมะธรรมดาที่โรยราลงบนพื้นหอคอย

คิโอนิดทรุดตัวลงบนพื้นหอคอย ร่างกายของเขากลับมามีสีผิวเหมือนมนุษย์อีกครั้ง แม้จะดูอ่อนแรงและวิญญาณเกือบสลาย แต่เขายังมีลมหายใจ เขาเงยหน้ามองเด็กชายปัญญาทึบที่เพิ่งช่วยชีวิตเขาไว้ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

"วีรบุรุษ... ไม่ได้วัดกันที่ชัยชนะ..." คิโอนิดพึมพำ "แต่วัดกันที่สิ่งที่เหลืออยู่... หลังจากสงครามจบลง"

รูบี้ เชลิค เฟลิทซ์ และพริมูล่า วิ่งเข้ามาถึงตัวแจสเปอร์ที่ล้มฟุบลงข้าง ๆ คิโอนิด รูบี้ประคองน้องชายขึ้นมาพลางตรวจเช็คชีพจรด้วยมือที่สั่นเทา

"นายมันไอ้เด็กโง่จริงๆ แจสเปอร์" รูบี้กระซิบ น้ำตาคลอเบ้า "โง่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย"

แจสเปอร์ลืมตาขึ้นช้า ๆ แล้วส่งยิ้มกว้างที่เป็นเอกลักษณ์ "เจ่เจ้... ผมทำรถวายาพังไปนิดนึง... เขาจะยังกินบะหมี่ฝีมือผมอยู่ไหมนะ?"

เสียงหัวเราะเบา ๆ ปนน้ำตาของพี่น้องบ้านแอรีสดังขึ้นบนยอดหอคอย ท่ามกลางหิมะที่เริ่มตกอย่างสงบเงียบเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน พายุสลายไปแล้ว พร้อมกับหัวใจที่ด้านชาของวีรบุรุษผู้ถูกลืมที่ได้รับการเยียวยาด้วยความเมตตาที่คาดไม่ถึง





ท่ามกลางกลุ่มควันที่ค่อย ๆ จางหายไปและเกล็ดหิมะที่โปรยปรายอย่างสงบ ร่างของชายผู้หนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากเงากองไฟที่ลุกไหม้อยู่มุมระเบียง แอรีสในชุดเกราะนักรบเต็มยศก้าวออกมา ดาบยักษ์ในมือของเขาลากไปกับพื้นจนเกิดประกายไฟ ดวงตาที่ลุกเป็นไฟจับจ้องไปที่ร่างของคิโอนิด ที่นอนหายใจรวยรินอยู่แทบเท้าของแจสเปอร์

"ข้าบอกให้พวกแก 'พิชิต' มันไม่ใช่เหรอ?" เสียงของแอรีสดังกัมปนาทจนระฆังหอคอยสั่นสะเทือน "การพิชิตคือการเหยียบย่ำศัตรูให้จมดิน ไม่ใช่การเข้าไปกอดมันเหมือนลูกหมาหลงทางแบบนี้ แจสเปอร์!"

แจสเปอร์ที่ยังคงสะบักสะบอมพยายามยันกายลุกขึ้นยืนขวางระหว่างพ่อกับศัตรูที่เพิ่งสยบลง "เขาแพ้แล้วครับท่านพ่อ... และเขาก็ไม่ใช่คนเดิมที่อยากจะทำลายเมืองนี้แล้ว ความโกรธของเขาหายไปหมดแล้วครับ"

แอรีสแสยะยิ้มที่ดูน่าขนลุก เขาชูดาบขึ้นสูง แสงสะท้อนจากคมดาบพาดผ่านใบหน้าของลูก ๆ ทั้งห้าคน เชลิคกระชับหมัดแน่น รูบี้ก้าวขึ้นมาเคียงข้างน้องชาย ส่วนเฟลิทซ์และพริมูล่า แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ไม่ถอยหนี

"แกจะขวางทางข้าเพื่อปกป้องไอ้ขยะนี่งั้นเหรอ?" แอรีสถามเสียงต่ำ

"พวกเราขวางทางท่านเพื่อปกป้อง 'เกียรติ' ของบ้านแอรีสค่ะ" รูบี้เอ่ยด้วยเสียงที่มั่นคง "การฆ่าคนที่ไร้ทางสู้ไม่ใช่ความภาคภูมิใจของพวกเรา... นั่นไม่ใช่สิ่งที่วีรบุรุษทำ"

ความเงียบที่น่าอึดอัดปกคลุมยอดหอคอยอยู่พักใหญ่ แอรีสจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของลูก ๆ ของเขา เขามองเห็นความดื้อรั้นที่ได้รับสืบทอดมาจากเขา แต่เขาก็เห็น "บางอย่าง" ที่เขาไม่มี... นั่นคือความกล้าหาญที่จะเมตตา

"หึ... ไอ้พวกเด็กเหลือขอ" แอรีสลดดาบลงพลางพ่นลมหายใจออกมาเป็นไอความร้อน "ข้าเป็นเทพแห่งสงคราม ข้ารักการนองเลือด... แต่ข้าก็เกลียดการฆ่าที่ไม่มีรสชาติ พลังของมันสลายไปหมดแล้วจริง ๆ อย่างที่เจ้าว่า แจสเปอร์"

แอรีสเดินเข้าไปใกล้คิโอนิด แล้วใช้เท้าเขี่ยเบา ๆ "ไสหัวไปซะ คิโอนิด ไปใช้ชีวิตที่เหลือในฐานะมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีใครจำได้ และถ้าข้าเห็นแกแตะต้องสายฟ้าหรือน้ำแข็งอีกครั้ง ข้าจะเป็นคนลากแกลงไปหาฮาเดสด้วยมือข้าเอง"

คิโอนิดพยักหน้าอย่างสั่นเครือ ก่อนจะค่อย ๆ เลือนหายไปในเงามืดของหอคอย ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า

เทพแห่งสงครามหันมามองลูก ๆ ทั้งห้าคนอีกครั้ง "พวกแกทำได้ไม่เลว... โดยเฉพาะเจ้า แจสเปอร์ ความโง่ของแกมันดันมีความอบอุ่นมากพอจะละลายน้ำแข็งโบราณได้ ข้าจะถือว่าภารกิจนี้สำเร็จ"

เขาสะบัดมือหนึ่งครั้ง แสงสีแดงวาบขึ้นปกคลุมร่างของทุกคน บาดแผลที่เหลืออยู่หายเป็นปลิดทิ้ง และรถ Ares-Cargo V.1 ที่พังยับเยินอยู่ด้านล่างก็กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนใหม่ราวกับปาฏิหาริย์

"กลับค่ายไปซะ ก่อนที่ตำรวจมนุษย์จะแห่กันมาถึงที่นี่" แอรีสกล่าวทิ้งท้ายก่อนร่างจะเลือนหายไปในกองเพลิง "บอกแคลรีสด้วยว่าข้า 'พอใจ' ...แต่นิดเดียวเท่านั้นนะ!"

---- 1 ชั่วโมงต่อมา ----

รถ Ares-Cargo วิ่งฉิวไปตามถนนไฮเวย์มุ่งหน้ากลับสู่ลองไอส์แลนด์ ภายในรถเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการแย่งบะหมี่กันอย่างสนุกสนาน แจสเปอร์ นั่งทำบะหมี่รสเผ็ดให้ทุกคนกินอย่างมีความสุข โดยมีพริมูล่าคอยบ่นเรื่องกลิ่นอาหารแต่ก็แอบคีบเส้นเข้าปาก เฟลิทซ์หัวเราะร่าพลางเล่าเรื่องตอนตัวเองเกือบโดนสายฟ้าฟาด ส่วนเชลิคและรูบี้นั่งมองดูน้อง ๆ ด้วยรอยยิ้มจาง ๆ


ที่กระจกหลัง... เมืองอิธากาที่เคยถูกแช่แข็งเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงไฟจากหอคอยนาฬิกาส่องสว่างท่ามกลางหิมะที่ตกอย่างอ่อนโยน


พวกเขาเดินทางกลับค่ายด้วยฐานะผู้ก่อการร้ายในสายตาโลกมนุษย์... แต่ในหัวใจของวีรบุรุษบ้านแอรีส พวกเขารู้ดีว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่ใช่การฆ่าศัตรู แต่คือการรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้ท่ามกลางสมรภูมิที่หนาวเหน็บที่สุด



- จบ -



แสดงความคิดเห็น

God
โพสต์ 49936 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-12-20 17:57
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x15
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x5
x10
x25
x10
x1
x1
x1
x1
x3
x1
x1
x2
x1
x1
x1
x3
x5
x2025
x4
x1
x3
x2
x5
x1
x3
x1
x2
x1
x2
x1
x10
x15
x5
x4
x500
x3
x1
x1
x4
x7
x1
x1
x3
x5
x8
x1
x15
x1
x1
x3
x293
x1754
x17
x3851
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้