
วันที่ 17 เดือน กันยายน ปี 2025
ช่วงบ่าย เวลา 14.00 - 16.00 น ณ สวนแบคคัส ค่ายจูปิเตอร์ (เจอ เอลล่า)
รับคำทำนาย The Dark Flame of Rome
บ่ายวันนี้ลมพัดเอื่อย ๆ พาแสงแดดนุ่มนวลลอดผ่านซุ้มองุ่นและต้นไม้ใหญ่ในสวนแบคคัส กลิ่นหวานของดอกองุ่นปนกับกลิ่นหอมอ่อนของดินชื้นหลังน้ำพุพ่นเป็นละอองละเอียด โมนีก้าเดินทอดน่องในชุดลำลองสบาย ๆ ปล่อยให้เส้นผมสีม่วงครามสะท้อนประกายกับแดด เสียงนกเล็ก ๆ บินโฉบไปมาเหนือเถาองุ่นเรียงรายเป็นทางเดินดูสงบแต่มีชีวิตชีวา เธอเหลือบไปเห็นร่างเพรียวบางผมแดงสดนั่งอ่านหนังสืออยู่บนม้านั่งหินอ่อนใต้ร่มไม้ “คุณเอลล่า!” โมนีก้าเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มกว้าง “วันนี้ไม่ได้เฝ้าร้านหนังสือหรอคะ?”
ฮาร์ปี้สาวผมแดงเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาววับก่อนจะเอียงศีรษะน้อย ๆ “เอลล่า…ไม่ได้เฝ้าร้านวันนี้ค่ะ เอลล่ามีวันหยุด” เธอตอบด้วยเสียงแผ่วแต่เจือรอยยิ้มบาง
“งั้นเดินเล่นด้วยกันไหมคะ” โมนีก้าเอ่ยชวนก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ เอลล่าลุกขึ้นยืน ปีกสีแดงส้มเล็ก ๆ สะท้อนแสงแดดระยับข้างลำตัว “เอลล่ายินดีค่ะ…สวนแบคคัสอากาศดี”
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงกันไปตามทางเดินที่ปกคลุมด้วยเถาองุ่น เสียงน้ำพุและเสียงใบไม้พริ้วทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นแต่ผ่อนคลาย เอลล่าหันมามองหญิงสาวผมม่วงครามแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เอลล่าอยากรู้…โมนีก้าปรับตัวกับค่ายจูปิเตอร์และกรุงโรมใหม่ได้หรือยัง?” โมนีก้าหัวเราะเบา ๆ ตอนที่อีกฝ่ายถามพลางยกมือเก็บผมที่ปรกหน้า “กำลังจะชินค่ะ แต่ก็เหนื่อยมากจริง ๆ งานเยอะ คลาสเรียนก็แน่นไปหมด”
เอลล่าพยักหน้า “แรก ๆ ทุกคนก็เป็นแบบนี้ค่ะ เอลล่าก็เหมือนกัน…ต้องใช้เวลา” น้ำเสียงของเธอนุ่มราวกับปลอบประโลม ทั้งคู่คุยกันเรื่องค่าย เรื่องหนังสือ และเรื่องอาหารไปเรื่อย ๆ โมนีก้ารู้สึกว่าเอลล่ามีเสน่ห์แปลกประหลาด เธอเหมือนหนอนหนังสือที่จดจำได้ทุกอย่าง ดวงตาเปล่งประกายทุกครั้งที่พูดถึงข้อความในหนังสือ จนกระทั่งมีเสียงสนทนาของคนกลุ่มหนึ่งดังแว่วมาเกี่ยวกับคำพยากรณ์ซีบิลลีน
โมนีก้าเลิกคิ้วด้วยความสนใจ ก่อนจะหันไปถาม “คำพยากรณ์ซีบิลลีนคืออะไรหรอคะ?”
เอลล่ากะพริบตาถี่เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรัวรวดเหมือนท่องจากหนังสือ “คำพยากรณ์ซิบิลลีน…เป็นคำทำนายโบราณที่ไซบิลกล่าวไว้โดยไม่ได้ปรึกษาใคร เป็นคำทำนายแบบฉับพลันและเปี่ยมสุข เริ่มจากกรีกโบราณ แพร่สู่โรมัน หนังสือซิบิลลีนถูกเก็บในวิหารจูปิเตอร์ที่แคปิโทลินัส ใช้อ้างอิงเมื่อวุฒิสภาต้องตัดสินใจสำคัญ…ไซบิลบางตนกล่าวถึงกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่จากตะวันออก ผู้จะลงโทษผู้กดขี่และนำสันติภาพมา”
เสียงของเอลล่าเต็มไปด้วยความจริงจัง ขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายเหมือนมีภาพจากอดีตลอยอยู่ตรงหน้า โมนีก้าฟังอย่างตั้งใจ รู้สึกทึ่งในรายละเอียดที่เอลล่าจำได้ทุกถ้อยคำ “ว้าว…คุณเอลล่าจำได้หมดเลยเหรอคะ”
“เอลล่าจำทุกอย่างที่อ่านได้ค่ะ” ฮาร์ปี้ผมแดงเอ่ยอย่างถ่อมตน แต่รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากก็เผยถึงความภาคภูมิใจ โมนีก้าหัวเราะอย่างชื่นชม พลางคิดในใจว่าการได้คุยกับเอลล่าก็เหมือนการได้อ่านหนังสือทั้งเล่มในเวลาไม่กี่นาทีจริง ๆ
ทว่าในวินาทีต่อมาสายลมในสวนแบคคัสเริ่มพัดแรงขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ เถาองุ่นสั่นไหวและใบไม้แซ่กส่ายราวกับกระซิบเสียงจากอดีต เอลล่าหยุดเดินกะทันหัน สายตาที่เคยเปล่งประกายอย่างไร้พิษภัยกลับนิ่งลึกขึ้นราวกับถูกดึงดูดด้วยบางสิ่ง เธอเพ่งมองใบหน้าของโมนีก้า ผมสีม่วงครามสะท้อนแดดกลายเป็นประกายเงินขณะดวงตาสีเทาเงินของหญิงสาวจ้องตอบ
“ประโยคนี้…เอลล่าเคยอ่าน…แต่จำไม่ได้ว่าในหนังสือเล่มไหน” เสียงของฮาร์ปี้สาวแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือน เธอกัดริมฝีปากก่อนที่คำพูดจะพรั่งพรูออกมาเหมือนถูกบางสิ่งผลักดัน
อัคนีทมิฬจะปะทุขึ้นในแดนหิมะ
สี่ดวงดาวจะถูกกลืนกินโดยเงามืด
เสียงร่ำไห้ของอพอลโลจะดังก้อง
และเขาจะตามหาดวงดาวดวงใหม่มาเคียงข้าง
เพื่อไขปริศนาแห่งเปลวเพลิงที่มอดดับไปแล้ว
เสียงทำนายกระซิบก้องในอากาศ โมเสกหินบนพื้นดูเหมือนจะสั่นสะท้อนกับคำพูดนั้นทำให้โมนีก้าชะงัก ดวงตาเทาเงินกว้างขึ้น ความรู้สึกเย็นเฉียบแล่นผ่านสันหลังเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกดตรึงหัวใจ เธอไม่เข้าใจความหมาย แต่ทุกถ้อยคำกลับฝังลึกเหมือนตราประทับที่ไม่อาจลบเลือน เอลล่ากะพริบตาแรง ๆ ก่อนจะยกมือกุมขมับเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “เอลล่า…ขอโทษ…เอลล่าไม่ได้ตั้งใจจะพูด” เสียงของเธอสั่นระริก เงยหน้ามองอย่างหวาดหวั่น “เอลล่า…ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร”
โมนีก้าสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามบังคับรอยยิ้มให้กลับมา “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเอลล่า” เสียงของเธอเบาแต่มั่นคง “บางที…มันอาจเป็นแค่คำจากหนังสือเก่า” แม้หัวใจยังเต้นแรงรัว เธอพยายามปลอบทั้งอีกฝ่ายและตัวเอง เอลล่ายังดูสับสนแต่พยักหน้าเบา ๆ “เอลล่าขอโทษ…เอลล่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้โมนีก้ากังวล”
“ไม่ต้องขอโทษเลยค่ะ” โมนีก้าฝืนยิ้มอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือแตะต้นแขนเล็ก ๆ ของฮาร์ปี้สาว “ฉันแค่ตกใจนิดหน่อย แต่ฉันโอเคค่ะ” พวกเธอเดินต่อในความเงียบชั่วครู่ จนเมื่อถึงทางแยก โมนีก้าหยุดแล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ฉันคงต้องไปสักการะแม่ที่เทวสถานเซเรสต่อ ขอบคุณที่เดินเล่นด้วยกันนะคะ”
เอลล่ามองตอบด้วยดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ยังสั่นไหว “เอลล่าดีใจที่ได้เจอโมนีก้า…ระวังตัวนะ” โมนีก้าพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากสวน เสียงคำทำนายของเอลล่ายังคงก้องในใจ ทุกก้าวที่เดินไปทางเทวสถานเซเรสราวกับพาเธอเข้าใกล้ความลับบางอย่างที่ยังไม่มีใครให้คำตอบได้
รับคำทำนาย The Dark Flame of Rome
[SP-02] เอลล่า (ฮาร์ปี้)
พูดคุยกับ NPC ความสนิทสนม +5
โบนัสจาก HONOR (คนมีเกียรติ) - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ รุ่นพี่ +20
กลิ่นหอมจาก น้ำหอม Unisex - โบนัสเพิ่มความสัมพันธ์ +5
(โรลเพลย์ที่ลงท้ายด้วย 0 2 4 6 8 - ใช้ได้กับรุ่นพี่และเพื่อนร่วมรุ่นเท่านั้น)