เป็นเหตุให้วันนี้ช่วงเช้ามืด พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นทักทาย แต่ร่างของนงคราญในชุดวอร์มก็มายืนอยู่ที่สถานที่นัดพบแล้ว
"เจ้าคือมนุษย์กึ่งเทพที่ท่านลูปาพูดถึง?"
เป็นเสียงบุรุษโทนทุ้มต่ำ คาร์ล็อตต้าไม่ทันได้หันไปแต่ก็ได้ยินเสียงครืดคราดจากลมหายใจของเขาออกมาด้วย ...เป็นวิธีการหายใจที่ฟังแล้วคล้ายสัตว์จำพวกหมาแมว แต่ต่างออกไปตรงที่เขาคือหมาป่า กายสิงคาลปรากฏอยู่เบื้องหลัง คาร์ล็อตต้าพลิกตัวมาเผชิญหน้ากัน ใบหน้าปั้นยากในระดับหนึ่ง, ถึงจะเจอหมาป่าที่พูดได้อย่างลูปา และเดินผ่านเหล่าสัตว์สี่ขาหน้าขนทั้งหลายภายในบ้านมา แต่ก็ยังคงความรู้สึกแปลกประหลาดเอาไว้อยู่ในส่วนลึก มันยังไม่ใช่เรื่องที่คาร์ล็อตต้าจะทำใจชินได้ภายในวันสองวัน
"..คิดว่าใช่ค่ะ" เธอไม่รู้หรอกว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้าง
"ฉันคาร์ล็อตต้า ฮามาลค่ะ ยินดีที่ได้พบ คุณหมาป่า?"
เสียงระหว่างอัสสาสะและปัสสาสะดังระงมจากร่างตรงหน้า คาร์ล็อตต้าพยายามทำใจว่ามันก็เหมือนกับเสียงหมาบ้านแมวบ้านทั่วไป แค่...ตัวใหญ่และทรงอำนาจกว่ามากสักหน่อย อืม เธอจะไม่พูดออกไปเด็ดขาดว่าแอบครั่นคร้ามต่อเขา
"เรียกข้าว่าเวล็อกซ์ดีกว่า เรียกแบบนั้นจะสับสนกับหมาป่าตัวอื่นเอา"
จุดนี้เธอแอบผงกศีรษะรับในใจ คำว่า 'คุณหมาป่า' ดูซ้ำซากจำเจไปจริง ๆ ถ้าเป็นที่นี่ ก็นะ ใช่ว่ามีหมาป่าตัวเดียวอาศัยอยู่เสียเมื่อไหร่ คาร์ล็อตต้าขานรับ แต่ก็หยุดชะงักมือในถุงเสื้อเช่นกัน เธอลืมไปว่าเขาคือหมาป่า จะใช้เท้าหน้าเช็คแฮนด์กันก็ดูแปลก ๆ, ฝ่ายคนมีความประดักประเดิดประสานมือไว้ด้านหลังแก้เก้อ ลืมเรื่องไม่มีความจำเป็นต้องคิดพวกนั้นทิ้งไป ที่เธอมายืนอยู่ตรงนี้เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำมากกว่า
"จะเริ่มต้นการฝึกเลยไหมคะ"
"โฮ๋ ช่างใจร้อนเสียจริง เจ้าเตรียมพร้อมแล้วรึ?"
คาร์ล็อตต้าส่งรอยยิ้มกดลึก กระนั้นไม่อาจลึกลงไปสู่ห้วงหทัยได้ จากช่วงเวลาที่ผ่านมา ระหว่างการเดินทางคาร์ล็อตต้าหวิดลาโลกไปหลายครั้ง มันทำให้เธอตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง ที่ต่อให้อาศัยพื้นฐานดีมาโดยตลอดก็จริงแต่ยังไม่เพียงพอ หากจะใช้ชีวิตอยู่ให้รอดปลอดภัยในฐานะใหม่ ด้วยสถานะมนุษย์กึ่งเทพที่เปรียบดั่งอาหารคอร์สหรูของอสุรกาย เธอไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากต้องแข่งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด สายตาก็นวลอนงค์เบี่ยงเบนไปหลังนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จะว่ามันจำเป็นต่อการอยู่รอดก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือความกระหายอยากที่จะทำให้ดีมากกว่านี้ ในเมื่อมีความสามารถ และในเมื่อเป็นคนพิเศษ เธออยากจะทุ่มเทมันเพื่อวันข้างหน้า
ยืนหยัดด้วยตนเองได้ดังที่ผ่านมามันดี แต่ยังไม่มากพอ พื้นฐานดี ในขณะเดียวกันก็ยังพัฒนาได้อีก ผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดได้ สำหรับคาร์ล็อตต้าไม่ใช่ทั้งผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ดี พื้นฐานที่ดี หรือความโชคดี
แต่เป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานจะไขว่คว้าอะไรก้ตามเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ต้องการอย่างถึงที่สุดต่างหาก
"จากเรื่องเมื่อวานก็พอจะทำให้ประเมินอะไรหลาย ๆ อย่างได้มากขึ้นค่ะ"
เธอยังขาดปัจจัยจำเป็นหลายสิ่งที่จะทำให้มีชีวิตรอดในโลกของมนุษย์กึ่งเทพ
"ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อให้มีชีวิตรอดนี่คะ" แต่เนื้อในของเรื่องนี้น่ะ "และฉันอยากแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ค่ะ" ขับเคลื่อนด้วยเหตุผลอย่างหลังเป็นหลัก
"ฮ่า ๆ ถูกใจจริง ๆ ..ก็สมกับเป็นสายเลือดของเทพีสงครามดี ว่าแต่เจ้าจะไม่ปรับตัวดีเกินไปหน่อยเรอะ? เมื่อวานยังหนีตายอยู่เลย ข้านึกว่าจะตื่นตกใจไม่หายจนลุกมาไม่ไหวแล้วเสียอีก"
อย่างที่ว่ามา บางทีคาร์ล็อตต้าก็รู้สึกว่าเธอปรับตัวได้ดีเกินความจำเป็น แต่ทุกเนื้อหาที่รวบรวมความตกใจของเธอนี้ยกให้กับเมื่อวานไปหมดสิ้น มาตอนนี้บอกตามตรงว่าไม่รู้จะตกใจต่อไปอีกทำไมแล้วจริง ๆ กระนั้นเมื่อนึกถึงสถานการณ์เฉียดตายก็ยังมือสั่นไม่หาย
"ไม่ใช่กับทุกเรื่องเสมอไปหรอกค่ะ" แค่ทิ้งคำพูดกำกวมไว้และปล่อยให้เวล็อกซ์หมดความสงสัยไปเอง
"ช่างเถอะ ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มจากเรื่องพื้นฐานอย่างการฝึกฝนร่างกายกัน เจ้าน่ะ รู้จักขีดจำกัดของตัวเองหรือเปล่า?"
เอียงเศียรเป็นเชิงคำถาม ในขณะเดียวกันก็เป็นคำตอบได้อย่างดีว่าไม่รู้ คาร์ล็อตต้าใคร่ครวญอยู่ครู่ เธอรู้สึกว่าตนเองรู้จักขีดจำกัดร่างกายและเมื่อวาน แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่แน่ใจ ทั้งยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ก่อนที่จะหมดแรงอย่างสมบูรณ์
"ไม่รู้สินะ"
เวล็อกซ์กล่าวเสริม "เช่นนั้นก็มาทดสอบขีดจำกัดร่างกายของเจ้ากัน!"
ราวกับมีประโยคคำถามหลุดออกมาจากสายตาที่จ้องมองหมาป่าตรงหน้า วิธีการทดสอบเรื่องนั้นน่าจะมีอยู่หลายแบบ เขาจะใช้ทางไหนในการประเมินกันล่ะ ?
"วิ่งซะ"
"ด้วยแรงทั้งหมดที่เจ้ามี โดยใช้พื้นที่ทั้งหุบเขานี้ในการทดสอบ"
นั่นคือจุดเริ่มต้นความบรรลัยของวันนี้ หากมีคนสัญจรผ่าน ท่านจะพบว่าระหว่างเนินหุบเขาปรากฏร่างสาวงามที่แม้มองจากที่ไกล ๆ ก็ดูเด่นสะดุดตา กำลังวิ่งหนีจากหมาป่าตัวเขื่องด้านหลัง ...ในความเป็นจริงมันคือการที่เวล็อกซ์ชะลอฝีเท้าวิ่งตามหลังเธออยู่น่ะ
"เอ้า ๆ เป็นอะไรไป ความตั้งใจที่เจ้าตั้งมั่นในตอนแรกนั่นหายไปไหนแล้ว!"
และที่สำคัญคือยังขยันชวนคุยในเวลาแบบนี้...!
คาร์ล็อตต้าเคยชินกับการออกกำลังกาย เธอทำมันเป็นประจำในทุกเช้าเย็นของทุกวัน แม้จะไม่ใช่นักวิ่งมาราธอนอันดับต้น ๆ หรือเข้าร่วมการแข่งขันเกี่ยวกับพวกนี้ก็ตาม แต่สาวนางรู้จักวิธีควบคุมลมหายใจเพื่อให้เกิดความเหนื่อยล้าได้ช้าและน้อยที่สุด ทว่าเทคนิคทั้งหมดที่อาจารย์สอนนั้น มาวันนี้มันใช้ไม่ได้เลยสักทางเดียว! เวล็อกซ์วิ่งกวดขันตามมาติด ๆ เขาลดความเร็วตนเองลงอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่กระนั้นคาร์ล็อตต้าก็ยังไม่สามารถทิ้งห่างได้ เดิมทีมันเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วกับการแข่งวิ่งพร้อมกับหมาป่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครจะชนะ
แต่ที่ชวนกระชากวิญญาณออกจากร่างคือการที่เธอต้องวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดนับตั้งแต่ขึ้นเขามาและไม่อนุญาตให้ลดฝีเท้าจนกว่าจะถึงจุดหมาย ซึ่งมันไม่มีจุดหมายในการวิ่งครั้งนี้ด้วยซ้ำ
มิหนำซ้ำยังมีสิงคาลตัวเขื่องที่ชอบชวนคุยอยู่เรื่อย ๆ ทั้งที่รู้ว่าตอนนี้เธอไม่มีทั้งแรงใจและกายจะตอบเขา คาร์ล็อตต้ารู้สึกว่าสติของเธอถูกดูดออกไปทุกครั้งที่ลงฝีเท้ากระทบผืนดิน ตอนนี้แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าปิดกั้นทุกอย่างจากรอบข้างอยู่รอมร่อ และมันไม่ได้มาจากการจดจ่อสมาธิมากเกินไป แต่มาจากพละกำลังที่เทียวเหือดหายลงเรื่อย ๆ
กล้ามเนื้อทุกส่วนปวดตึงไปหมดโดยเฉพาะส่วนขา คาร์ล็อตต้ารู้สึกได้เลยว่าตัวเธอไร้ความรู้สึกขึ้นทุกที หวาดเสียวจะชาไปทั่วร่างอย่างไรอย่างนั้น
"เจ้านี่ฝีเท้ารวดเร็วดีจริง ๆ สมกับที่ท่านลูปากล่าวชื่นชมไว้ เดิมทีข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะวิ่งได้นานขนาดนี้นะนี่"
มันผ่านมานานขนาดไหน ตอนนี้คาร์ล็อตต้าไม่อาจรู้ได้ ไม่มีกระทั่งแรงใจที่จะบังคับให้เชิดคางขึ้นมองความเป็นไปบนท้องฟ้าสักหน่อย เธอไม่ได้ปิดปากเงียบสนิท แต่ทุกสิ่งที่เผยออกจากริมฝีปากอื่มชุ่มในตอนนี้มีเพียงเสียงหอบหายใจคลับคล้ายว่าจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ เธอเพิ่งเข้าใจคำว่าเหนื่อยสายตัวแทบขาด หรือวิ่งจนหืดขึ้นคอก็คราวนี้- หมายถึงอย่างจริงจัง และไม่สามารถคิดหาเหตุผลที่ค่าความเหนื่อยล้าพุ่งสูงขนาดนี้เมื่อเทียบกับการหนีอสุรกายเมื่อวานได้
"พอไม่ได้ถูกตามล่า อะดรีนาลีนจึงไม่ได้พลุ่งพล่านเท่าตอนนั้นหรือเปล่า? เจ้าคิดว่ายังไง เพราะไม่ได้รู้สึกถึงการถูกคุกคามชีวิต ครั้งนี้เลยรู้สึกเหมือนจะตายจากความเหนื่อยล้าของร่างกายให้ได้เป็นพิเศษสินะ"
สายลมโถมใส่ใบหน้าไม่หยุดหย่อน พร้อมกันนี้เสียงรอบข้างก็เบาลงจากการถูกรบกวนด้วยสายพระพายเหล่านี้ ที่สำคัญคือเธอไม่อยากแบ่งแรงเงี่ยหูฟังสิ่งที่เขาพูด!
"ฮึ่ม" เวล็อกซ์ดูเหมือนจะพึงพอใจอย่างถึงที่สุด
"เอาล่ะ วันนี้ทดสอบแค่เท่านี้ก่อนแล้วกัน ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจทีเดียว และแน่นอน ข้าไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจหรอกนะว่านี่คือขีดจำกัดของเจ้าหรือไม่ เป็นตัวเจ้าที่ต้องตัดสินเอง ...จุดสิ้นสุดคือข้างหน้า มีสถานที่นั่งพัก น้ำและผ้าเย็นอยู่หากเจ้าต้องการ ระวังการควบคุมลมหายใจและค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าลงด้วยล่ะ ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน"
"บ บ้-.. แฮ่ก แฮ่ก อึก บ้า..ชะมัด"