AROUND THE WORLD TRIP WHITE KIM - 2
บรรยากาศยามเช้าของลิสบอนดูสดใสกว่าทุกครั้งเมื่อแสงอาทิตย์แรกกระจายความอบอุ่นไปทั่วเมือง ไนมีเรียนั่งอยู่ในรถยนต์ของคิมเบอร์ลีย์ที่แล่นไปอย่างนุ่มนวล กระเป๋าสัมภาระกองเรียงอยู่ที่เบาะหลัง ความเงียบระหว่างพวกเธอไม่ได้อึดอัด หากแต่ให้ความรู้สึกสงบเหมือนลมหายใจที่ผ่อนคลายหลังคืนเหน็ดเหนื่อย
คิมเบอร์ลีย์เป็นหญิงวัยกลางคนที่แม้ร่องรอยแห่งความโศกเศร้าจะสลักลึกอยู่ในแววตา แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงความงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทางสุภาพอ่อนโยนของเธอทำให้ไนมีเรียรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ในเปลือกนอกที่เปราะบาง
รถคันเล็กขับผ่านถนนเรียบเส้นตรง บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยภาพบ้านเรือนสไตล์ยุโรปที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เสียงเพลง Take Me Home, Country Roads ของ John Denver ดังคลอเบา ๆ คิมเบอร์ลีย์เอื้อมมือหมุนปุ่มปรับเสียงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเริ่มฮัมเพลงไปตามท่วงทำนอง
“เพลงนี้...เป็นเพลงโปรดของฉันกับมาร์ค” คิมเบอร์ลีย์เอ่ยขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและแฝงความโหยหาในผู้ที่จากลาไกล
“เขามีรสนิยมดีนะคะ” เด็กสาวเบาะข้างเอ่ยรับเอนศีรษะพิงหน้าต่างรถเบา ๆ ดวงตาสีเฮเซลมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอก ความคิดในหัววนเวียนไปมาระหว่างบทสนทนาและสิ่งที่กำลังรออยู่ข้างหน้า
ขณะที่คิมเบอร์ลีย์เยียวยาหัวใจของตน เธอเองก็ยังคงรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไปในเส้นสายของความรู้สึก การที่ไม่รู้ว่าตนนั้นสูญเสียสิ่งใดไปแย่ยิ่งหว่าจดจำได้อย่างลึกซึ้งเสียอีก
รถยนต์จอดที่ปั๊มน้ำมันริมทาง ท้องฟ้าสว่างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อแสงแดดยังแผ่ซ่านไปทั่ว ไนมีเรียลงจากรถตามคำขอของคิมเบอร์ลีย์เพื่อไปซื้อขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการเดินทาง คลาริสซ่าปรากฏตัวข้างกายเมื่อพ้นจากระยะสายตาของมนุษย์ วิญญาณสาวผมแดงยืนกอดอกพลางชำเลืองมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง
“ฉันต้องคอยระวังไม่ให้มนุษย์ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกว่าเธอแปลกๆ พูดคุยกับอากาศ.. ว่าแต่ที่นี่ดูเงียบจัง” คลาริสซ่ากล่าว น้ำเสียงเจือความหวาดระแวงเล็กน้อย
“ไม่ชอบหรอ? ดีแล้วจะได้ไม่วุ่นวาย” ไนมีเรียตอบขณะเดินไปยังร้านสะดวกซื้อ ดวงตาของเธอจับจ้องทุกสิ่งรอบตัวตามสัญชาตญาณ ใช้เงินยูโรซื้อเยลลี่รสบลูเบอร์รี่มาเต็มถุงและกำลังจะกลับไปที่รถ หากแต่สายตากลับสะดุดกับเงาใหญ่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ร่างในเดรสยาวหยุดชะงักดวงตาสีเฮเซลหรี่ลงอย่างพิจารณา หมาป่าสีเทาเงินตัวใหญ่กำลังขุดดินใต้ต้นไม้ ท่าทางของมันบ่งบอกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ ตามข้อมูลที่ได้ศึกษาพาให้จดจำได้ในทันที นั่นคือหมาป่าแห่งแอรีส เธอกระซิบเบา ๆ ให้คลาริสซ่าคอยระวังหลังไม่ให้คิมเบอร์ลีย์มองเห็นการกระทำต่อไปของเจ้าหล่อน
หมาป่าขนสีเทาเงินตัวใหญ่ กรงเล็บของมันจิกดินอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่ากำลังค้นหาอะไรบางอย่างใต้ดิน ดีว่ามันยังโผล่มาตัวเดียวเด็กสาวประเมินแล้วตนสามารถจัดการได้ มือกำถุงเยลลี่แน่นจนพลาสติกย่น ดวงตาไล่มองไปยังรถของคิมเบอร์ลีย์ที่จอดอยู่ไม่ไกลหากเจ้าหมาป่าโจมตีขึ้นมาอย่างกระทันหัน คิมเบอร์ลีย์ที่ไม่รู้อะไรเลยอาจกลายเป็นเป้าหมาย เธอไม่มีเวลาให้ลังเล
“แคลร์.. เตือนฉันด้วยถ้าคิมเบอร์ลีย์จะหันมาทางนี้”
“ไม่คิดจะเอาคนอื่นมาช่วยหรือ? หมาป่าแอรีสนะ ไม่ใช่ลูกหมาที่จับได้ง่าย ๆ” คลาริสซ่ากล่าว แต่ได้รับเพียงการยกมือปราม
“มันแค่หมาตัวเดียว ไคเมร่าฉันยังเจอมาแล้วเท่านี้ไม่คณามือหรอก..”
ไนมีเรียล้วงมือหยิบปืนพกอัจฉริยะพร้อมกระบอกเก็บเสียงออกมา เธอสูดลมหายใจลึก พยายามควบคุมอารมณ์และเรียกสมาธิขณะก้าวเท้าเบา ๆ เข้าไปใกล้เจ้าหมาป่าที่กำลังขุดดิน มันไม่รู้ตัวว่าเธอกำลังมาถึง ระยะที่เธอยืนอยู่ห่างเพียงสิบก้าว เสียงหัวใจเต้นแรงในอกดังก้องในหู เธอค่อย ๆ ยกปืนขึ้นเล็ง ทันใดนั้น หมาป่าก็หยุดขุด ดวงตาสีเหลืองทองดุจเปลวไฟหันขวับมาจ้องเธอ
หมาป่าคำรามเสียงต่ำ มันพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ร่างบางรีบหลบไปด้านข้าง ปืนในมือกระชับแน่น เธอลั่นไกนัดแรก กระสุนเจาะเข้าที่ขาขวาของมันจนเซเสียหลังไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงคำรามอย่างดุดันและพุ่งเข้าใส่อย่างไม่เกรงกลัว
ร่างบางวุ่นอยู่กับการพยายามรักษาระยะห่าง เธอถอยหลังเข้าไปในพุ่มไม้แน่นขนัดที่สามารถบังสายตาผู้คนได้ดี ดวงตาคู่คมมองหาจุดอ่อนของมัน จังหวะพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้งกรงเล็บคมเฉียดไปเพียงนิด
“เร็วเกินไปรึเปล่าสำหรับพวกสี่ขาแบบนี้น่ะ…” สาวผมบลอนด์กัดริมฝีปากแน่น เธอรู้ว่าหมาป่าแอรีสมีจุดอ่อนอยู่ที่ลำคอ แต่การเล็งจุดนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
เจ้าหมาป่าคำรามและพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง เธอกระโดดหลบ พลิกตัวกลับมายิงอีกนัด คราวนี้กระสุนเจาะเข้าที่สีข้างของมัน เสียงคำรามดังสะท้อนไปทั่ว เจ้าสัตว์ร้ายเซถลาไปเล็กน้อย แต่ความดุร้ายในดวงตายังไม่ลดลง
“อย่าชะล่าใจนะสาวน้อย” คลาริสซ่ากล่าวจากด้านหลังแต่เธอไม่มีเวลาตอบ
ไนมีเรียก้มตัวลงต่ำ ใช้ใบไม้แห้งรอบตัวช่วยปกปิดตัวเอง เธอรอจังหวะเมื่อเจ้าหมาป่าหันหลังให้ ดวงตาสีเฮเซลวาววับด้วยความมุ่งมั่น เธอยกปืนขึ้นเล็งอีกครั้ง เสี้ยววินาทีก่อนลั่นไก เธอรู้สึกได้ถึงกระแสความร้อนที่พุ่งพล่านในเส้นเลือด
“จบกันตรงนี้เถอะ” เธอกล่าวเบา ๆ ก่อนกระสุนเจาะเข้าที่ลำคอของมัน
การโจมตีที่รุนแรงพอจะทำเจ้าหมาป่าล้มลงกับพื้นเสียงคำรามเงียบลง มันกระตุกเล็กน้อยก่อนจะแน่นิ่ง ไนมีเรียยืดตัวขึ้น หายใจหอบเบา ๆ ร่างบางเช็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนเดินเข้าไปใกล้ร่างไร้ชีวิตของมัน เธอหยิบถุงพลาสติกออกมาและเริ่มเก็บสินสงคราม
“แปลก ปกติแล้วพวกนี้ไม่มีทางมาแค่ตัวเดียว” วิญญาณสาวล่องลอยมองไปรอบๆ
“ใช่ แต่คงไม่มีตัวอื่นอยู่แถวนี้ตอนนี้ เราต้องรีบกลับไปก่อนที่คิมเบอร์ลีย์จะสงสัย” เธอเดินออกจากพุ่มไม้ สะบัดเศษดินและใบไม้ที่ติดตามตัว ก่อนก้าวเดินกลับไปที่รถสีหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนเมื่อครู่พึ่งไปจ่ายตลาดมา
คิมเบอร์ลีย์หันมามองเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม “ไปนานจัง ฉันเกือบคิดว่าจะต้องไปตามเธอแล้ว”
ไนมีเรียส่งยิ้มจาง ๆ “แวะเข้าห้องน้ำนิดหน่อยน่ะค่ะ”
คลาริสซ่าแอบหัวเราะเบา ๆ ในมุมที่คิมเบอร์ลีย์มองไม่เห็น “ดีนะไม่บอกว่าไปล่าหมาป่า”
เสียงเพลง Take Me Home, Country Roads ดังขึ้นอีกครั้งในรถยนต์ ธิดาเฮคาทีเอนหลังกับเบาะ พลางลอบมองดวงตาอ่อนล้าของหญิงตรงหน้า เธอรู้ว่าอีกฝ่ายยังคงจมอยู่ในห้วงความคิดถึงอดีต แต่เธอตั้งใจว่าจะช่วยพาเธอก้าวผ่านมันไปให้ได้ ในใจลึก ๆ ไนมีเรียรู้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงไม่ใช่กับหมาป่าแห่งแอรีส แต่คือการต่อสู้กับความเจ็บปวดในหัวใจของคิมเบอร์ลีย์ การเดินทางครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่เต็มไปด้วยบททดสอบที่ยากเย็นกว่า แต่เธอมั่นใจว่าพวกเธอจะผ่านมันไปได้
เมื่อรถแล่นเข้าสู่เขตสนามบินลิสบอน ทิวทัศน์เปลี่ยนจากเส้นทางชนบทเป็นอาคารทันสมัยที่ประดับไฟสว่างไสว ทั้งคู่พากันเข้าไปยังภายในห้องโดยสารของสายการบินเอมิเรตแอร์ไลน์ เสียงประกาศอย่างเป็นทางการดังขึ้นต้อนรับผู้โดยสาร ขณะที่เครื่องบินเตรียมทะยานสู่ท้องฟ้า ร่างอรชรของเด็กสาวนั่งอยู่ติดหน้าต่าง ดวงตาสีเฮเซลจับจ้องทิวทัศน์ภายนอกที่ค่อย ๆ เลือนหายไปเมื่อเครื่องบินเริ่มทะยานขึ้น
คิมเบอร์ลีย์นั่งอยู่ข้าง ๆ ในที่นั่งที่ดูสะดวกสบาย หญิงวัยกลางคนเอื้อมมือไปหยิบเมนูอาหารที่วางอยู่บนที่พักแขนพลางหันมาถามไนมีเรียเกี่ยวกับอาหารที่เธอควรลอง
“เคยกินอาหารอียิปต์ไหม? ฉันเองยังไม่เคยเลย คงต้องพึ่งคำแนะนำของเด็กสาวอย่างเธอแล้วล่ะ” คิมเบอร์ลีย์ยิ้มอ่อน รอยยิ้มที่เริ่มกลับมาหลังจากสูญหายไปนาน
คู่สนทนาพยักหน้ารับยกรอยยิ้มบาง “ไม่เคยเหมือนกันค่ะ แต่เราคงได้ผจญภัยกันแน่ ๆ ฉันได้ยินว่าไคโรมีของน่าสนใจไม่น้อยเลย”
บทสนทนาเริ่มไหลลื่นไปพร้อมกับเวลาที่เครื่องบินไต่ระดับขึ้นสู่ท้องฟ้า คุณนายวอคเกอร์เสียงหวานของไนมีเรียเล่าถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เธอเคยอ่านเจอ ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์อียิปต์ เมืองเก่าแห่งกิซา หรือแม้แต่แม่น้ำไนล์อันเลื่องชื่อ ดวงตาของคิมเบอร์ลีย์เป็นประกายขึ้นขณะที่เธอฟัง นิ้วมือที่เคยประสานกันแน่นขณะนึกถึงอดีตค่อย ๆ คลายตัวเธออกจากความเศร้า
“ฉันอยากเห็นทุกอย่างเลย แต่ก่อนนี้ มาร์คเคยบอกว่าอยากล่องเรือในแม่น้ำไนล์ เราคงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว ถึงแบบนั้นฉันก็ดีใจที่มีเธอไปด้วย”
ไนมีเรียยิ้มบาง ๆ ขณะมองอีกฝ่าย ดวงตาของธิดาแห่งเฮคาทีสะท้อนเสี้ยวความอ่อนโยนที่ไม่ปรากฎออกมาบ่อยนัก “เราจะได้เห็นแม่น้ำไนล์ด้วยกันค่ะ คุณคิมเบอร์ลีย์ มันจะเป็นการเดินทางที่น่าจดจำ”
เครื่องบินแล่นผ่านหมู่เมฆสีขาว ทิ้งความเศร้าของผู้โดยสารบางคนไว้เบื้องล่าง ร่างบางของเด็กสาวนั่งอยู่ข้าง ๆ คิมเบอร์ลีย์ พยายามทำให้การเดินทางนี้ไม่ใช่แค่การหลีกหนีความเจ็บปวด แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่เต็มไปด้วยความหมาย
ออกเดินทางจากลิสบอนโปรตุเกสโดยเครื่องบินไปยังสนามบินไคโร 5 ชั่วโมง 10 นาที


สินสงคราม: หนังหมาป่าแอรีส
(เลขไบต์ทั้งหมดที่เหลือ)
โอกาสดรอปพิเศษ: ลูกแก้วแห่งแอรีส (เลขไบต์ 9)
(หากมี LUK 70+ จะเพิ่มอัตราสุ่มเลข 0/5/9) < ถึง 70 แล้ว
พิชิตครั้งแรก หมาป่าแห่งเอรีส + 2 ตื่นรู้
@God