123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: God

[บ้านหมาป่า] ห้องสมุด

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ เมื่อวาน 00:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Jung Soyeon
26 สิงหาคม 2025 | ห้องสมุด
Jung Soyeon
📝 เนื้อหาหลัก

หัวข้อ: The Latin Test

     แสงยามบ่ายส่องต้องพื้นหญ้าที่เปียกชื้นเล็กน้อยจากการฝึกระเบียบวินัยอันหนักหน่วงของกองทหารโรมัน แต่สำหรับ จอง โซยอน วัย 12 ปี มันคือความคุ้นเคยที่หล่อหลอมร่างกายและจิตใจของเธอให้แข็งแกร่ง เธอค่อย ๆ ก้าวออกจากลานฝึก เดินมุ่งหน้าไปยังห้องสมุดประจำค่ายหลวงอย่างสงบเสงี่ยม

  ​บรรยากาศภายในห้องสมุดแตกต่างจากลานฝึกอย่างสิ้นเชิง ความเงียบสงบโอบล้อมรอบตัวหนังสือโบราณที่เรียงรายอยู่บนชั้น ความรู้สึกอบอุ่นจากเตาผิงที่คุคุกรุ่นทำให้กลิ่นหอมของสมุนไพรและหนังสือเก่าคละคลุ้งไปทั่วห้อง วันนี้ไม่ใช่การฝึกภาษาทั่วไปอย่างที่เคย แต่เป็นการทดสอบวัดระดับความรู้ภาษาละตินที่เธอเตรียมพร้อมมาอย่างดี

 ​คุณลูปา หมาป่าสีขาวตัวใหญ่เดินเข้ามาหาเธออย่างเงียบงัน ดวงตาสีทองของมันทอประกายฉลาดเฉลียว โซยอนประสานมือพร้อมกล่าวคำปฏิญาณอย่างมั่นคง
​“In nomine Apollinis et Veneris, ego, Jong Soyeon, parata sum ad examen Latinum.”
(ในนามของบุตรีแห่งเทพอพอลโล่และลูกหลานบรรพบุรุษโรมวีนัส ข้าจองโซยอนพร้อมแล้วสำหรับเข้ารับการทดสอบภาษาละติน)

   ​คุณลูปาพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับทราบ ก่อนจะยื่นกระดาษคำถามชุดหนึ่งให้แก่เธอ การทดสอบเริ่มต้นขึ้นแล้ว

​การทดสอบบทเรียนตำนานแห่งกรุงโรม

  ​โซยอนอ่านคำถามและเลือกคำตอบอย่างแม่นยำ ทุกตัวอักษรที่เธอเขียนลงไปสะท้อนถึงความเข้าใจอันลึกซึ้งในตำนาน โรมูลัสและเรมัส ที่เธอศึกษามา

  ​โรมูลัสและเรมัสถูกพบและเลี้ยงดูโดยใคร? เธอเลือก 'ก. หมาป่า' โดยไม่ลังเล

   ​เหตุผลหลักที่ทำให้โรมูลัสและเรมัสถูกทิ้งคืออะไร? เธอเลือก 'ค. เนื่องจากความขัดแย้งในราชวงศ์'

   ​โรมูลัสและเรมัสตัดสินใจสร้างเมืองบนเนินเขาใด? คำตอบคือ 'ก. พาลาติน'

   ​เหตุการณ์ใดที่นำไปสู่การเสียชีวิตของเรมัส? เธอตอบ 'ค. การทะเลาะวิวาทกับโรมูลัส'

   ​โรมูลัสได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งเมืองอะไร? เธอลงปากกาอย่างมั่นใจในตัวเลือก 'ข. กรุงโรม'

  ​เมื่อมาถึงส่วนอัตนัย เธอแสดงทัศนคติที่เติบโตเกินวัยได้อย่างน่าประทับใจ

   ​ในการอธิบายความสำคัญของตำนาน เธอมองว่าตำนานนี้คือ รากฐานความยิ่งใหญ่ ที่สร้างความภาคภูมิใจและเน้นย้ำถึงคุณค่าอย่าง ความกล้าหาญ การเสียสละ และ ความเป็นผู้นำ

   ​เมื่อให้เปรียบเทียบบุคลิกของสองพี่น้อง เธอวิเคราะห์ว่า โรมูลัสมีวิสัยทัศน์ และความทะเยอทะยานที่นำไปสู่การสร้างอาณาจักร ขณะที่ เรมัสมีความเป็นอิสระ และเย่อหยิ่ง ซึ่งความขัดแย้งนี้สะท้อนความตึงเครียดระหว่างการมองการณ์ไกลกับการกระทำที่ขาดสติ

   ​ในคำถามที่ต้องแสดงความคิดเห็นส่วนตัว หากเธอเป็นโรมูลัส เธอจะเลือก เจรจา หรือแม้แต่ ให้เรมัสมีบทบาทสำคัญในเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรม และในคำถามสุดท้ายที่ถามถึงสิ่งที่ตำนานสอน เธอสรุปได้อย่างเฉียบคมว่า การสร้างเมืองและชาติ ต้องอาศัยทั้งความกล้าหาญ การเสียสละ และสติปัญญา เพราะความขัดแย้งภายในอาจทำลายทุกสิ่งได้

​เรื่องราวบทสรุปของการเรียนรู้

   ​การทดสอบยังไม่จบเพียงเท่านี้ คุณลูปาเลื่อนกระดาษแผ่นใหม่มาตรงหน้าเธอ มันคือบทกวีภาษาละตินที่เธอต้องแปลและทำความเข้าใจ

   ​โซยอนค่อย ๆ อ่าน Fabula Fratrum (เรื่องราวของสองพี่น้อง) และแปลความหมายออกมาอย่างลึกซึ้ง เธอเข้าใจความยิ่งใหญ่ของโรมูลัส แต่ก็รับรู้ถึงความโศกเศร้าในประโยคสุดท้ายที่ว่า "Mūrus non est fortis sine fratre" (กำแพงไม่อาจแข็งแกร่งได้หากปราศจากพี่น้อง) มันเป็นประโยคที่สะท้อนถึงความโดดเดี่ยวของผู้นำที่ต้องสูญเสียคนที่รักที่สุดไปในเส้นทางแห่งอำนาจ
​หลังจากสอบเสร็จสิ้น คุณลูปาพยักหน้าให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะให้การบ้านเพิ่มเติมเป็นการแนะนำตัวเป็นภาษาละตินสำหรับชีวิตใหม่ในค่ายทหาร เธอเขียนประโยคที่ผสมผสานความเชื่อและความเป็นตัวตนของเธอได้อย่างลงตัว

   ​“Ego sum Jong Soyeon, filia Apollinis, et stirps Veneris Romanae.”

(ข้าคือจอง โซยอน บุตรีของเทพอพอลโล่ และผู้สืบเชื้อสายลูกหลานบรรพบุรุษโรมจากเทพีวีนัส)

   ​“Cupio ut me sicut sororem cognoscātis, quae musicam et artem amat.”

(ข้าอยากให้พวกท่านรู้จักข้าในฐานะน้องสาวคนหนึ่งที่รักในเสียงดนตรีและศิลปะ)

   ​“In domo, amīca fidelis et consiliatrix bona vobīs ero.”

   (ในบ้านนี้ ข้าจะเป็นเพื่อนซื่อสัตย์และที่ปรึกษาที่ดีสำหรับพวกท่าน)

    ​โซยอนเก็บกระดาษคำถามและบทกวีใส่กระเป๋า เธอเดินออกจากห้องสมุดอย่างช้า ๆ ในใจไม่ได้เต็มไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในคะแนนสอบ แต่เป็นความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในปรัชญาของชาวโรมัน ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของอำนาจและการรบพุ่ง แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ ความรัก และการเสียสละอีกด้วย
    

รางวัลทดสอบสำเร็จภาษาละติน: +1 Level up / +5 Point และ +15 INT / +10 คะแนน





🔮 คำคมโซยอน
"ข้าคือโซยอน บุตรแห่งแสงทองของอพอลโล่
และเลือดแห่งวีนัสไหลเวียนในใจ ข้าจะเปล่งประกาย
เหนือกาลเวลาและความมืดมิด
ให้ความงามและพลังแห่งดวงดาวคุ้มครองทุกย่างก้าวของข้า"
🌹 ❦ 🌹 ❦ 🌹
✨ เวทมนตร์แห่งแสง
🔥 พลังแห่งอพอลโล่
💖 เสน่ห์แห่งวีนัส

แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 100 EXP โพสต์ เมื่อวาน 00:32
โพสต์ 23,485 ไบต์และได้รับ +9 EXP +18 เกียรติยศ +18 ความศรัทธา จาก แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์  โพสต์ เมื่อวาน 00:24
โพสต์ 23,485 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)  โพสต์ เมื่อวาน 00:24
โพสต์ 23,485 ไบต์และได้รับ +8 EXP จาก โรคสมาธิสั้น  โพสต์ เมื่อวาน 00:24
โพสต์ 23,485 ไบต์และได้รับ +4 ความศรัทธา จาก น้ำหอมสตรี  โพสต์ เมื่อวาน 00:24

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1คะแนนบัดดี้ +10 ย่อ เหตุผล
God + 10

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
มีดสั้นพูจิโอ
ปากกาหมึกซึม
จิ๊กซอว์
เกมคอนโซลพกพา
กล่องดนตรี
ต่างหูเงิน
ชุดภารโรง
รองเท้าเซฟตี้
น้ำหอมสตรี
โรคสมาธิสั้น
โรคดิสเล็กเซีย(ละติน)
แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x11
x4
โพสต์ เมื่อวาน 12:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 27 เดือนสิงหาคม ปี 2558

ช่วงบ่าย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ ห้องสมุด บ้านหมาป่า หุบเขาโซโนมา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ฝึกภาษาละติน)


ห้องสมุดของบ้านหมาป่าดูราวกับเป็นโลกอีกใบ ผนังสูงโปร่งที่ถูกประดับด้วยภาพวาดเล่าเรื่องราวเทพเจ้ากับวีรบุรุษในอดีต ชั้นหนังสือไม้เข้มเรียงรายสูงจรดเพดานเต็มไปด้วยตำราหายากทั้งวรรณกรรม ตำราสงคราม และบันทึกเก่าแก่ กลิ่นกระดาษโบราณผสมกับกลิ่นไม้โอ๊คเก่า ละมุนชวนให้เหมือนกำลังหลุดไปอยู่ในห้วงเวลาอื่น แสงแดดอุ่นลอดผ่านกระจกสีประดับลวดลายโรมันแตกกระจายเป็นประกายรุ้งบนโต๊ะไม้โอ๊คใหญ่ตรงกลางห้อง โมนีก้าก้าวเข้ามา ดวงตาสีเงินกวาดมองรอบห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ “โห…สวยจังเลยนะคะเนี้ย…” เธอเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมา แม้ยังรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนฝัน แต่ความเงียบสงบของที่นี่ทำให้หัวใจเธอคลายความตึงเครียดลงนิดหน่อย


ลูปาในร่างหญิงสาวสูงสง่าพาเธอไปนั่งที่โต๊ะกลางห้อง ก่อนนั่งลงฝั่งตรงข้าม เส้นผมทองยาวสะท้อนแสงกระจกสีราวกับเรืองแสงเอง นางวางมือบนตำราเล่มหนาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบแต่ชัดเจน “เจ้าจะเรียนที่นี่กับข้าทุกครั้งนะ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องเข้าใจบางสิ่งให้ดีเสียก่อน โมนีก้า…เจ้าจะไม่ได้ฝึกภาษาละตินรวดเร็วเหมือนคนอื่น”


“หา? ทำไมล่ะคะ? หนูทำอะไรผิดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแล้วหรือไงเนี่ย?” โมนีก้าหันขวับกลับมามองอีกคนตาโตจากการเอาแต่มองรอบห้อง 


ลูปาแค่มองเธอแล้วส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ใช่เช่นนั้น…แต่เดมิก็อดส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมความแตกต่าง สมองของพวกเขามีสิ่งที่มนุษย์เรียกว่าดิสเล็กเซีย เป็นปัญหาในการใช้ภาษา คำจะสั่นไหว หลุดลอย หรือผสานกันบนหน้า ทำให้การอ่านภาษาอย่างอังกฤษยากลำบาก แต่ความจริงแล้ว…นั่นไม่ใช่ข้อบกพร่อง แต่เป็นการตั้งค่าโดยกำเนิดของสายเลือดกึ่งเทพ” นางใช้ปลายนิ้วเคาะเบา ๆ บนตำราละตินเพื่ออธิบายต่อ “เพราะสมองของพวกเขาถูกสร้างมาเพื่อภาษาละติน ภาษาโรมันโบราณที่เทพเจ้ากำหนดไว้ให้เป็นรากฐานแห่งอำนาจและวัฒนธรรม มันจึงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาจะเรียนรู้ได้เร็วและเข้าใจได้ลึกซึ้ง”


โมนีก้านิ่งฟังไปเรื่อย ๆ ก่อนจะชี้ตัวเองด้วยหน้าตาเหวอ ๆ “แต่…เอ่อ…งั้นก็หมายความว่าไงคะ? หนูไม่ได้ดิสเล็กเซียสักหน่อย ภาษาอังกฤษหนูยังอ่านได้อยู่นะคะ!”


ลูปาพยักหน้าช้า ๆ “นั่นแหละคือเหตุผล…เจ้าต่างออกไปจากพวกเขา เจ้าไม่มีโรคดิสเล็กเซียภาษาอังกฤษไม่ใช่กำแพงของเจ้า แต่เพราะแบบนั้นเจ้าจะไม่สามารถเชื่อมสมองเข้ากับละตินได้เร็วเหมือนคนอื่น” หญิงสาวผมทองพูดต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคงต่อไปไม่ลดละ “ถ้าคนอื่นอาจใช้เวลาเพียงสองครั้งก็เข้าใจ…เจ้าอาจต้องใช้สี่หรือห้าครั้งบางทีมากกว่านั้น เพื่อที่จะเข้าถึงภาษานี้อย่างแท้จริง”


โมนีก้าอ้าปากค้าง กอดกระเป๋าของตัวเองแน่น “โอ๊ย…นี่มันโคตรไม่แฟร์เลยค่ะ! พวกเขาได้โบนัสสมองสำหรับภาษาละตินฟรี ๆ แต่หนูนี่ต้องเรียนหนักสองเท่าเนี่ยนะ!?”


ลูปาเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ในดวงตาสีทองกลับแฝงประกายขันบาง ๆ “ข้าไม่เคยบอกว่าหนทางนี้จะง่าย…แต่เจ้าคือคนที่อาจจะต้องพยายามกว่าคนอื่นสักหน่อย เจ้าต้องก้าวผ่านทุกกำแพงที่ขวางเจ้าให้ได้”


โมนีก้าเงียบไป หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงอีกครั้ง เธอกัดริมฝีปากนิด ๆ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “โอเคค่ะ…ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูเลย หนูจะไม่ยอมแพ้แค่เพราะภาษาแน่นอน” แววตาของลูปาฉายความพึงพอใจชัดเจนหลังจากโมนีก้าพูด ก่อนที่นางจะเปิดตำราละตินออก แสงจากกระจกสีตกกระทบหน้ากระดาษเก่าเหมือนส่องสว่างเส้นทางใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นของโมนีก้า


เสียงหนังสือเก่าถูกเปิดดัง ฟลึบ แสงแดดลอดผ่านกระจกสีสาดลงบนโต๊ะไม้โอ๊คตรงหน้า ลูปานั่งสง่า มือเรียวยกตำราขึ้นชี้บรรทัดแรก “Salve … แปลว่า สวัสดี” โมนีก้าจ้องคำตัวเล็ก ๆ นั้นด้วยตาเบิกกว้างเหมือนมันเป็นปริศนาแห่งจักรวาล “ซัล…วี่…ซาล…เว่? อะไรเนี่ย… หนูพูดเหมือนเรียกชื่อเครื่องสำอางเลยง่ะ” เธอทำหน้าเอ๋อเต็มขั้นจนลูปาเผลอหลุดหัวเราะเบา ๆ แต่ยังคงบุคลิกขรึม


“ลองใหม่สิ” เสียงของลูปานิ่งเรียบแต่หนักแน่น โมนีก้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วออกเสียงใหม่ “ซัลเว” คราวนี้แม้จะยังไม่เป๊ะแต่ก็พอใช้ได้ ลูปาพยักหน้า “ดีขึ้นแล้ว…ถัดไป Vale แปลว่า ลาก่อน”


โมนีก้าขมวดคิ้ว “วาเล่…? นี่มันชื่อแบรนด์น้ำดื่มหรือเปล่าคะเนี้ย…” แล้วก็หัวเราะแห้ง ๆ กับตัวเอง แต่เมื่อได้ยินเสียงจังหวะสอนของลูปาซ้ำ ๆ เธอเริ่มตั้งใจมากขึ้น พออ่านไปสองสามครั้ง เสียงที่ออกมาก็เริ่มกลมกลืนใกล้เคียงขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรกเธอนั่งเอ๋อตาลอยเหมือนสมองตีกันไม่เข้าใจเลย แต่พอจับจังหวะได้ สมองของเธอเริ่มคลายล็อกอย่างประหลาด คำศัพท์ที่เมื่อครู่ยังเหมือนตัวประหลาดค่อย ๆ เรียงเป็นความหมายและเมื่อหัวข้อกลายเป็นเรื่องที่เธอสนใจจริง ๆ เช่น Dea Ceres (เทพีเซเรส) โมนีก้าก็ตั้งตัวตรงทันที


“อันนี้…แม่หนูใช่ไหมคะ?” ดวงตาสีเงินของเธอเปล่งประกาย ลูปาพยักหน้าช้า ๆ “ใช่แล้ว…เจ้ามีสายเลือดแห่งเธออยู่ในกาย” เท่านั้นแหละ โมนีก้าก็โน้มตัวมาข้างหน้า ใบหน้าจริงจังผิดจากเมื่อครู่ที่นั่งบ่นเป็นเด็ก ๆ มือรีบจด จำ และพยายามออกเสียงซ้ำไม่หยุด หัวสมองที่ตอนแรกเอ๋อเหมือนติดสนิม กลับไหลลื่นเหมือนเปิดประตูใหม่ออกสู่โลกอีกใบ ลูปามองภาพนั้นแล้วแววตานางอ่อนลงเล็กน้อย พลางเอ่ยเบา ๆ “ดีมาก…นี่แหละคือสิ่งที่ข้าต้องการเห็นจากเจ้า ความตั้งใจจะพุ่งไปยังสิ่งที่รักและเชื่อมโยง” โมนีก้ายกหน้าขึ้นยิ้มตอบภายในใจรู้ตัวเองแล้วว่าเธออาจไม่ได้เข้าใจทุกคำ แต่ความอยากเรียนรู้เพื่อเข้าถึงความจริงของตัวเองกำลังผลักเธอให้ไปข้างหน้า


สองชั่วโมงเต็มผ่านไปในห้องสมุด แสงสีจากกระจกโรมันค่อย ๆ เคลื่อนตามตะวัน เปลี่ยนจากประกายทองส้มเป็นโทนอบอุ่นอ่อน ๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องแต่ก็ยังไม่วานที่จะไม่มีแสงอย่างน้อยมันก็เกิดจากการที่ดวงอาทิตย์ยังคงขยับอยู่แม้โลกจะมีแต่ช่วงกลางวันก็ตาม โมนีก้าก้มหน้าก้มตาทั้งอ่านทั้งจด ทั้งออกเสียงตามที่ลูปาคอยแก้ไข เธอไม่ได้หลับเลยสักนิดกลับรู้สึกเพลินกับความแปลกใหม่ของภาษาที่โบราณแต่มีจังหวะฟังแล้วไพเราะ บางครั้งโมนีก้าจะหยุดชะงักไปกะทันหัน เพราะได้ยินคำที่คุ้นหู…มันคือคำที่แม่ของเธอเคยหลุดพูดออกมาในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ในร่างมนุษย์ คำที่เธอไม่เคยเข้าใจ ตอนนี้กลับมีความหมายชัดเจนในใจ Cibus est vita อาหารคือชีวิต…หรือ Semper parataจงพร้อมอยู่เสมอ ความทรงจำวูบแล่นทำให้หัวใจเธอบีบรัด แต่ก็เพิ่มแรงผลักดันให้อยากเรียนรู้ต่อ


จนกระทั่งลูปาปิดตำราลงอย่างช้า ๆ เสียงดัง ปึบ ที่ทำให้โมนีก้าเงยหน้าขึ้นทันที “พอแล้วสำหรับวันนี้ เจ้าทำได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้มาก” โมนีก้ายืดแขนบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่น กร๊อบ เมื่อจบคาบเรียนเรียบร้อย “โห…เล่นเอาเมื่อยเลยค่ะ แต่สนุกนะ สำเนียงมันตลกดี” เธอหัวเราะเบา ๆ


ลูปามองเธอด้วยรอยยิ้มบาง ๆ แฝงความภูมิใจ ก่อนจะกล่าวต่อ “จากนี้เจ้าสามารถพักผ่อนตามใจชอบ บ้านหลังนี้จะเป็นที่อยู่ของเจ้าจนกว่าเจ้าจะพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป”


ครั้งต่อไป?...อ้อ โมนีก้าชะงักดวงตาสีเงินจ้องตรงไปที่ลูปา “แล้ว…ตกลงค่ายจูนิเปอร์คือยังไงนะคะ? มันคือค่ายอะไรหรอคะ?” โมนีก้าถามขึ้นมาด้วยความสงสัยใคร่รู้ของเธอ


หญิงสาวผมทองหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้า “ค่ายจูปิเตอร์…ไม่ใช่จูนิเปอร์” น้ำเสียงเคร่งขรึมผสานกับอารมณ์ขันน้อย ๆ ก่อนนางจะอธิบายต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ “ค่ายจูปิเตอร์คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าลูกครึ่งเทพโรมัน ถูกสร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองและฝึกฝนบุตรหลานแห่งเหล่าเทพรวมถึงผู้สืบเชื้อสายของพวกเขา สถานที่นั้นอยู่ใกล้เมืองซานฟรานซิสโก ซ่อนตัวในอุโมงค์บริการข้างอุโมงค์คัลลีคอตต์บนเนินโอ๊คแลนด์”


โมนีก้าพยักหน้าเบา ๆ พึมพำกับตัวเอง “แอบเนียนมาก…คงไม่มีใครรู้เลยว่ามีค่ายเทพอยู่ข้าง ๆ ถนนเลยเราะ หมอกบังตา? หรือแดนลับแลวะเนี้ย”


ทว่าลูปาก็พูดต่อน้ำเสียงมั่นคงจริงจังขึ้น “ผู้บัญชาการสูงสุดของค่ายหรือที่เราเรียกว่าพรีเตอร์ตอนนี้คือ ยาสมิน อาเดน และ ควินตัส แอนเดอร์สัน ทั้งสองคือผู้นำที่เด็ดเดี่ยว และค่ายแห่งนั้น…คือคู่ขนานของค่ายฮาล์ฟบลัดในตำนานกรีก”


โมนีก้าเบิกตากว้าง ปากอ้าหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะร้องออกมา “เดี๋ยวๆๆๆ คือ…นอกจากฝึกเป็นทหารแล้ว หนูยังต้องไปอยู่ในค่ายที่เต็มไปด้วยครึ่งเทพโรมันด้วยเหรอ!? พระเจ้า…นี่มันไม่ใช่ชีวิตแม่บ้านที่หนูใฝ่ฝันไว้เลยนะคะ!!” ลูปาหัวเราะน้อย ๆ แววตาคมมองเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังเห็นเด็กเอาแต่ใจ “เจ้าจะได้สิ่งที่มากกว่านั้นสิทธิ์ในการเลือกชะตาชีวิตของตัวเอง ใครจะรู้เหล่าบุตรครึ่งเทพหลายคนมีอะไรบางอย่างน่าสนใจนัก” โมนีก้าเม้มปากแน่นเมื่อได้รับรู้ทุกอย่างตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรง…ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น ทั้งไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะต้องก้าวเข้าสู่โลกแบบนั้นจริง ๆ ก่อนที่เธอจะก้มหัวลาอีกฝ่าย เพื่อที่จะออกไปจากห้องสมุดแห่งนี้ต่อไป เอาล่ะ ยังเหลือเวลาหน่อย เธออาจจะไปฝึกอย่างอื่นได้ก็ได้นะ อาจจะมึน ๆ ไปหน่อย แต่ก็อาจจะดีก็ได้ สำหรับคนที่ต้องฝึกอะไรหลาย ๆ อย่าง ตอนนี้ในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำว่า บินให้สูงจนเอื้อมไม่ถึง ชีวิตเธอถึงจะสงบสุข



อื่น ๆ: มาเรียนจ้าาา มาเรียนแล้ววว

รางวัล: +15 EXP, +2 คะแนนบัดดี้

ตั้งใจเรียนภาษาละตินกับลูปา - ความโปรดปราน + 15 [God-29] ลูปา

โบนัสจาก (ผู้โปรดปรานเหล่าเทพ) - โบนัสความโปรดปราน +15 


แสดงความคิดเห็น

God
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ เมื่อวาน 13:08
God
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [God-29] ลูปา เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ เมื่อวาน 13:08
โพสต์ 40,112 ไบต์และได้รับ +5 EXP +6 เกียรติยศ +6 ความศรัทธา จาก น้ำยาย้อมผม  โพสต์ เมื่อวาน 12:39
โพสต์ 40112 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ เมื่อวาน 12:39

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1คะแนนบัดดี้ +2 ย่อ เหตุผล
God + 2

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นาฬิกาสปอร์ต
ต่างหูเงิน
โรคสมาธิสั้น
น้ำยาย้อมผม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้